เริ่มต้น: เมื่อวันก่อนวันวาเลนไทน์หนึ่งวัน หรือหากจะเรียกอย่างฝรั่งว่าเป็น Valentine’s Eve ก็น่าจะได้ ได้ชักชวนพี่น้องผองเพื่อนที่ชำนาญการทำวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ไปทำบุญกุศลด้วยกันที่ เสถียรธรรมสถาน เขาตั่งชื่อกิจกรรมว่า
“โลกนี้ไม่มีบังเอิญ” : รักในทุกช่วงวัย ->
ปฏิสนธิจิต วัยเด็ก วัยรุ่น วัยพ่อแม่ วัยชรา”
แต่เหมือนบังเอิญที่ได้ไปทำงานนี้ ก็เพราะ ต้นเรื่องคือคุณหมอชาตรี เจริญศิริ แห่งเมืองน่าน และท่านยังมีตำแหน่งอยู่ใน สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ – สช. สช.ได้คิดนำเยาวชนระดับมหาวิทยาลัย จากมหาวิทยาลัยเก้าแห่งที่อยู่ในโครงการ ให้ได้มาเรียนรู้เรื่องของความรักผ่านกิจกรรมการเรียนรู้และการสะท้อนความรู้สึก ความคิดเห็น ซึ่งหนุ่มสาวเหล่านี้จะมาร่วมเรียนรู้แง่มุมของความรักดังที่ตั้งชื่อกิจกรรมไว้ ณ เสถียรธรรมสถาน
เขาวางเป้าหมายเยาวชนผู้มาเข้าร่วมกิจกรรมไว้ ๑๐๐ คน
คุณหมอชาตรี ได้ถามไปทาง สถาบันการจัดการความรู้เพื่อสังคม - สคส. เพื่อขอให้ทีมสคส.ไปช่วยขับเคลื่อนกระบวนการ แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะทีมสคส.ทั้งหมดติดการประชุมที่ต่างจังหวัดกันหมด คุณแอนน์-ชุติมา เลยโทรศัพท์มาหาคนที่ว่างงานเสมอ (ที่จริงเธอบอกว่าได้ยินงานนี้แล้วนึกถึงพี่นุช เพราะป็นเรื่องของธรรมะ ศิลปะ และ ความรัก) คือ ผู้ขียน นั่นเองถามว่าจะช่วยทีมคุณหมอชาตรีได้ไหม
ทีมงาน: เรื่องบุญกุศลไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว และ ยิ่งเป็นการได้มีโอกาสทำงานร่วมกับคนจิตใจดีงามเช่นคุณหมอชาตรี แน่นอนค่ะเป็นการรับด้วยความยินดี พอรับปากปุ๊บ รายชื่อกัลยาณมิตรเก่งๆทั้งหลายที่เรามองแล้วว่า ทั้งดี ทั้งเก่ง ก็ผุดขึ้นมาทันทีและถูกทาบทามให้มาช่วยกัน ไม่มีใครปฏิเสธ สามท่านเป็นที่รู้จักดียิ่งในหมู่ชาว G2K คือ คุณศิลา คุณเอก-จตุพร และ คุณหนานเกียรติ อีกสองท่านเป็น fa มือเยี่ยมแห่งกรมอนามัย คือ พี่อ้วน-ฉัตรลดา กาญจนสุทธิแสง และคุณวิมล โรมา ขอขอบคุณและอนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรทุกท่าน ณ ที่นี้อีกครั้งค่ะ และที่สำคัญคือ ต้องขอบคุณคุณหมอชาตรี และ คุณแอนน์แห่งสคส. ที่บอกบุญมา
กิจกรรมและวัตุประสงค์เดิม: เริ่มต้นด้วยกิจกรรมที่จะคิดทำกับเยาวชน ทางทีมเสถียรธรรมฯวางวัตถุประสงค์ว่า
กลุ่มเป้าหมายและวัตุประสงค์ที่เปลี่ยนไป: แต่ปรากฏว่าเยาวชนกลุ่มเป้าหมายนั้นส่วนใหญ่อยู่ในช่วงสอบ ทีม KM ของเรา และทีมทางเสถียรธรรมฯ จึงต้องปรับกิจกรรมใหม่หมด ชนิดที่เรียกว่า เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ปรับวัตถุประสงค์ กันเลย จากกลุ่มเยาวชนเป็นหลัก มาเป็น กลุ่มรุ่นคุณป้า คุณแม่ เป็นสตรีจากจังหวัดปัตตานีและสงขลา
น่าสนใจมากและสร้างความประทับใจให้พวกเราเป็นอย่างยิ่ง เพราะ กลุ่มคุณป้า คุณแม่เหล่านี้คือ กลุ่มสตรีอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน –อบร. ในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่มีการฝึกอาชีพ และฝึกอาวุธเพื่อป้องกันครอบครัว และทำงานจิตอาสาให้แก่ผู้ยากลำบากที่อื่น เช่น ชาวเขา
กลุ่มคุณป้า-คุณแม่ ที่เราจะจัดกิจกรรมเรียนรู้นี้ เป็นหญิงไทยพุทธ อายุ 40-60 ปี ซึ่งมาที่เสถียรธรรมฯเพื่อปฏิบัติธรรมและร่วมเป็นเครือข่ายหนึ่งในงาน เติมหัวใจให้สังคม กลุ่มสตรีทั้ง ๔๐ ท่านนี้ มีความทุกข์หลักๆ คือ การสูญเสียคนในครอบครัว และ เห็นความไม่ยุติธรรมแต่ทำอะไรไม่ได้
สรุปคือการทำวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวลาครึ่งบ่ายวันเสาร์นั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อ ฟังกันด้วยหัวใจ เห็นทุกข์ทั้งของตนและผู้อื่น เรียนรู้จากกันและกัน เห็นทางออกในการเยียวยาหัวใจตนเอง ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประกอบด้วยกลุ่มคุณป้า-คุณแม่ ๔๐ คน นักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ๑๐ คน และ ผู้ที่เคยประสบทุกข์ทั้งกายและใจเป็นกรณีตัวอย่าง ๓-๔ กรณีที่ทางเสถียรธรรมสถานจัดมาให้ร่วมวงด้วย
กระบวนกรทุกท่านทำงานเต็มที่อย่างเบิกบาน เมื่อถึงช่วงท้ายที่แต่ละกลุ่มเล่าเรื่องจากภาพวาดของกลุ่ม เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
การออกแบบกระบวนการและกิจกรรมนั้นทีมงานก็ช่วยกันคิดสดๆกับทีมงานของทางเสถียรธรรมสถาน รวมทั้งทีมงานจากมูลนิธิสยามกัมมาจล ในช่วงสายก่อนลงมือในตอนบ่าย เชื่อว่าคุณศิลา และ คุณเอก ต้องนำมาเล่าแน่ๆ กระบวนการและวิธีการทำงาน น่าสนใจและน่าเรียนรู้พอๆกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการจัดกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ความรัก กับ ความห่วงใย-กังวล ความกลัว ความโกรธ มีผลแก่กันอย่างไร สร้างปัญหาและตอกย้ำแผลในใจอย่างไร และมีทางคลี่คลายอย่างไร เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
มีผู้กล่าวว่าการที่กลุ่มสตรีปัตตานีและสงขลาได้มาพบกับผู้ที่เห็นใจ เข้าใจก็เป็นการเติมเต็มหัวใจให้มีพลังที่จะยืนหยัด แต่อย่างไรก็ตามเป็นเพียงแค่มาได้รับวิตามิน ยังไม่ใช่ยารักษาโรคที่แท้จริง ซึ่งการเยียวยาหัวใจตนเองได้อย่างจริงแท้และยั่งยืนนั้นมาจากการเข้าใจทุกข์ เรียนรู้จากทุกข์ เข้าใจไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วปล่อยวางทุกข์ ไม่ยึดติด จมระทมเศร้าอยู่กับอดีต แต่สามารถก้าวต่อไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่า
ผู้เขียนคิดว่าแม้ครั้งนี้จะไม่ได้ทำกิจกรรม “โลกนี้ไม่มีบังเอิญ” : รักในทุกช่วงวัย กับกลุ่มเยาวชน แต่ทุกคนก็ได้เรียนรู้ร่วมกันจากผู้มาจากแดนไกล จากผู้มีทุกข์ตัวจริง เสียงจริง ส่วนกิจกรรมที่คิดจะทำกับเยาวชนก็สามารถยกไปทำเมื่อใดก็ได้เมื่อเหตุปัจจัยเหมาะสม เพราะเรื่องที่ตั้งไว้นี้เป็นสากล และ ทันสมัยทุกเวลาไม่เฉพาะช่วงวาเลนไทน์
เยาวชนจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้เรียนรู้มากมาย ได้ร่วมรับรู้ว่าสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นที่ภาคใต้มีอยู่จริงในชีวิตประจำวันของคุณป้า-คุณแม่เหล่านี้ และได้มองเห็นว่าสิ่งที่จะช่วยเยียวยาบาดแผลนั้นมาจากความรัก ความเมตตาแม้แต่ต่อบุคคลที่คิดร้าย ทำร้ายเรา และน้องๆบอกว่า ฟังแล้วย้อนกลับมาทบทวนปัญหาของตนเองแล้วรู้สึกว่าปัญหาของตนเองนั้นช่างเล็กจิ๊บจ๊อยเหลือเกิน
ทั้งหมดนี่กระมังคงเป็นสิ่งที่ให้ความหมายแก่คำว่า “เติมหัวใจให้สังคม” ได้อีกแนวทางหนึ่ง
ขอบคุณ อาจารย์มากครับ ที่ช่วยเป็นสะพานบุญในครั้งนี้ ทำให้ผมได้ทำในสิ่งที่ควรทำ ทำในสิ่งที่ผมมีความสามารถทำ
ขออนุโมทนาครับ...
สาธุ
สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม.....
ขอบคุณค่ะคุณครูใจดี ยินดีอย่างยิ่งเลยค่ะที่ได้มาเป็นกัลยาณมิตรกันโดยมีธรรมะเป็นแรงดึงดูด
ขอบคุณคุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร และทีมงานทุกคนที่เหน็ดเหนื่อยแต่เบิกบานอิ่มบุญค่ะ คุณเอกและคุณศิลาเขียนบันทึกได้ดีเยี่ยมเชียวค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้าพระจาตุรงค์ ชูศรี ที่เมตตามาชี้แนะค่ะ
ยินดีค่ะคุณเกษตร(อยู่)จังหวัด ที่มาอนุโมทนาบุญด้วยกัน พี่คิดว่าโชคดีมากที่มีโอกาสได้สร้างบุญกุศลสะสมบุญไว้ทีละเล็กละน้อยค่ะ ^____^ นานๆจะได้มีโอกาสสร้างกุศล
ขอบคุณค่ะคุณธรรมทิพย์ ที่มาอนุโมทนาบุญด้วยกัน
ตัวเองนะคะกว่าจะเข้าใจอย่าง "เห็นทุกข์" ก็ตั้งนานค่ะ มัวไป "เป็นทุกข์" จนตัวเองและคนรอบข้างแทบพินาศ จริงค่ะว่าการจะแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่นได้อย่างแท้จริงนั้น เราต้องแก้ทุกข์ของตนเองเสียก่อนให้ไม่เป็นทุกข์ จึงจะมีสติ มีพลัง ไปช่วยผู้อื่นได้อย่างมีสัมมาทิฐินะคะ
ได้เลยค่ะอาจารย์ขจิต ฝอยทอง ขึ้นบัญชีอาสาสมัครไว้เลยนะคะ พี่เกรงใจเห็นอยู่ไกลด้วยน่ะค่ะ งานเขาบอกมากระทันหันนิดหนึ่ง ครั้งต่อไปรับรองชวนแน่
เจ้านกบั้งรอกใหญ่นี่ท่าทางจะเป็นนกป๊อปปูล่านะคะ พบได้ทั่วไป มองใกล้ๆเขาสวยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะที่ส่งภาพมาให้ชม เดี๋ยวจะตามไปดูซิว่าอาจารย์ขจิตเขียนเล่าอะไร
ใช่ครับ คุณนายนุช ......แต่มีบังหีมครับท่าน
ขอเป็นกำลังใจที่ติดตามเรียนรู้ไปด้วยนะคะ
ขอบคุณค่ะ
มาชม
ชื่นใจในคำกล่าวที่ว่า...“เติมหัวใจให้สังคม”...
พาหลานม่อนมากราบคุณยายคุณนายดอกเตอร์ หลานม่อนอยากเป็นคนดีมีคุณภาพแบบคุณยายครับ
ชื่นชมกับการมีชีวิตที่มีคุณค่า
ขอบคุณท่านผู้เฒ่าวอญ่า-ผู้เฒ่า-natachoei--ค่ะที่มาแวะทักทาย หวังว่าอีกไม่นานคงได้พบกันที่แดนใต้ต่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์Panda ขอบพระคุณค่ะที่แวะมาแบบไม่บังเอิญ นุชระลึกถึงท่านแพนด้าทั้งสองเสมอทุกครั้งที่เปิดทีวีค่ะ^___^
ที่จริงช่วงที่ผ่านๆมามีเรื่องให้ต้องไปแถวปากช่องหลายครั้ง สักวันจะวางแผนไปแบบบันเทิงและไปแวะกราบสวัสดีถึงที่บ้านแน่ๆค่ะ
ขอบคุณคุณkrutoitingค่ะทั้งมาเยี่ยมและเป็นกำลังใจให้กันและเรียนรู้ไปด้วยกัน พวกเราก็เป็นเช่นนี้ค่ะได้ทำงานก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆทุกครั้งไป
ขอบคุณค่ะอาจารย์umi ได้ไปทำงานในสถานที่ปฏิบัติธรรมได้เห็นอีกมิติของการทำงานของผู้คนที่หลากหลาย เห็นแล้วรู้สึกเช่นเดียวกับอาจารย์ค่ะ
สวัสดีค่ะ
http://gotoknow.org/blog/krukim/224849
ว้าวอาจารย์นายประจักษ์ ปานอินทร์ กล่าวถ้อยคำไพเราะอย่างยิ่ง กราบขอบพระคุณค่ะ
หลานม่อนต้องเติบโตเป็นหนุ่มรูปหล่อและแสนดีแน่ๆเพราะมีต้นแบบที่ดีดูแลใกล้ชิดค่ะ
สวัสดีค่ะคุณครูคิม ขอบคุณค่ะที่ติดตามข่าวกัน ^___^ กลัวถูกทิ้งเหมือนกัน ก็เล่นหายไปทีละนานๆนะคะ
ไปแวะชมมาแล้วค่ะ ขอบคุณที่ชวนไปชมค่ะ ชอบปลูกอะไรแปลกๆค่ะ คุณครูคิมแบ่งเมล็ดไว้ให้สักหน่อยนะคะ แล้วจะไปรับด้วยตัวเองดีกว่า
ธรรมะสวัสดีค่ะพี่นุช โลกนี้ไม่มีคำว่าบังเอิญจริงๆค่ะ เพราะธรรมะจัดสรร เราจึงได้พบกัน
เสถียรธรรมสถาน เป็นที่พึ่งทางใจ ตลอดเวลา 5 ปีที่หลงทางอยู่ในกรุงเทพ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
ขอบคุณแม่ชีศันสนีย์ที่ท่านสร้างสิ่งดีๆไว้แก่คนรุ่นหลังนะคะ
สวัสดีค่ะน้องอ็อดnaree suwan ดีใจจังที่มาเยี่ยมพี่ ไม่ได้พบกันนานทีเดียวนะคะ
เสถียรธรรมสถานเป็นที่พึ่งทางใจแก่คนในเมืองและผู้คนจากทุกสารทิศได้อย่างยอดเยี่ยมนะคะ พี่เข้าไปแล้วก็ชอบความร่มเย็นของสถานที่ และเมื่อได้รับรู้เรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นมากมายก็ชื่นชมท่านแม่ชีศันสนีย์และอาสามสมัครทุกท่านจริงๆค่ะ
อาทิตย์ที่แล้วเห็นโครงการนี้ของแม่ชีออกทีวีด้วยค่ะ ยังเมียงมองหาพี่หญิงนุช สุดสวาทขาดใจของน้อง กับพี่หญิงศิลา(ศี) ผ่านหน้าจอเลยค่ะ ... ส่งใจไปชื่นด้วยคนค่ะ ว๗
ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ
ตามมาเรียนรู้ด้วยคนนะคะ
สวัสดีค่ะทุกท่าน ขออภัยอย่างยิ่งค่ะที่ไม่ได้มาตอบรายบุคคลอย่างทันใจตนเอง ป่วยด้วยความร้อนอยู่หลายวันมาแล้วค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่มาแวะทักทายนะคะ อีกวันสองวันให้ทุเลาปวดศีรษะจะเข้ามาใหม่และไปยี่ยมแต่ละท่านเช่นกันค่ะ
สังคมไทยต้องการ การเยียวยาในทุกหนแห่งนะคะ
ค่ะน้องอ็อดnaree suwan ทุกแห่งหนจริงๆลงไปถึงระดับภายในครอบครัว เพราะส่วนใหญ่ทุกคนหลงอยู่ในกระแสโลกาภิวัตน์จนหลงลืมคุณค่าแท้ของชีวิต ชีวิตจึงมีแต่ทุกข์เพราะได้เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น
ขอบพระคุณสำหรับบันทึกที่มีคุณค่าครับ
ผมเชื่อมั่นและศรัทธาว่าโลกนี้ไม่มีบังเอิญครับ
เป็นไปตามเหตุ ปัจจัย กรรม และ การกระทำของเราเอง
ขอบพระคุณครับ
ไปทักทายคุณPhornphon ที่บันทึกของคุณเลยลืมตอบตรงนี้ค่ะ
ทุกอย่างล้วนมาจากเหตุปัจจัยนะคะ บางทีเราก็ไม่ละเอียดพอที่จะระลึกรู้ได้ว่าเราเคยสร้างเหตุอะไรไว้ ทั้งดีและไม่ดี จนมีวันนี้ของเรา หากเราตระหนักเช่นนี้จะทำให้เราเห็นคุณค่าของการมีสติในการกระทำทุกอย่างเพื่อสร้างบุญกุศล
ขอบคุณที่มาแวะทักทายกันค่ะ