วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือ วันวาเลนไทน์ ซึ่งถือว่าเป็นวันแห่งความรัก ก็เวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่ง
ในวันนี้หนุ่มสาวที่กำลังปิ๊งกันอยู่ รวมทั้งหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกัน ก็ไม่พลาดที่จะมอบ ดอกไม้ ของขวัญ
หรือสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน เพื่อแสดงความรัก หรือบางคู่ ก็อาจจะพากันจูงมือเกี่ยว ก้อยไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ
ในวันแห่งความรักนี้ ถ้าจะว่ากันไปแล้ว เรื่องของความรักก็นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ยิ่ง ที่สามารถทำให้คนสองคน
ที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ได้มาใกล้ชิดกัน ทำความรู้จักกัน ไว้วางใจกัน และผูกพันชีวิตจิตใจเข้าไว้ด้วยกัน
ดังเช่นคนโบราณได้เปรียบ เปรยให้ความรักเป็นเรื่องของ บุพเพสันนิวาส ที่ดลบันดาลให้เกิดรักแรกพบ แต่จะแปลกใจ
ไหมหากนักวิทยาศาสตร์จะบอกว่า ความจริงแล้ว เรื่องของความรักก็มีวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยว ข้องอยู่ด้วย
เพราะรักแรกพบนั้น อาจเกิดขึ้นจากความพึงพอใจในสารเคมี ที่หนุ่มสาวปล่อยออก มาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็เป็นได้
และนี่ก็คือ วิทยาศาสตร์ของความรัก (science of love)
ฟีโรโมน : สารสื่อสัมพันธ์
มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อยู่หลายชิ้น ที่กล่าวถึงการส่งข้อความ หรือข่าวสารผ่านทาง สาร
เคมีที่หลั่งออกมาในสัตว์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการสื่อสาร ระหว่างสมาชิกในพงศ์พันธุ์ของพวกมัน
ในเรื่องของ การบอกแหล่งที่พบอาหาร การแสดงความมีอำนาจ การแสดงอาณาเขต รวมไปถึง
การบ่งบอกความต้องการกิจกรรมทางเพศ สารเคมีที่ว่านี้เป็น สารสื่อสัมพันธ์ ที่ถูกปล่อยออก
มาเพียงเล็กน้อย และแทบจะมองไม่เห็น มันคือสารเคมีที่มีชื่อเรียกว่า ฟีโรโมน (pheromone)
การสังเกตการสื่อสาร ผ่านทางสารเคมีในสัตว์เป็นครั้งแรก ทำโดยนักธรรมชาติวิทยาชาว
ฝรั่งเศสที่ชื่อ Jean-Henri Fabre ในช่วงปี พ.ศ. 2413-2422 โดย Fabre พบว่า
เมื่อเขาจับผีเสื้อกลางคืนตัวเมีย มาขังไว้ในกรงภายในห้องปฏิบัติการ จะมีผีเสื้อกลางคืนตัวผู้ บินทางไกลมา หลายกิโลเมตร เพื่อเข้ามาทักทายกับผีเสื้อกลางคืนตัวเมียที่ถูกขังไว้นี้ Fabre
จึงตั้งข้อสงสัยว่า ผีเสื้อกลางคืนตัวเมีย อาจจะปล่อยกลิ่นบางอย่าง เพื่อดึงดูดผีเสื้อกลางคืนตัวผู้มา
แต่ Fabre ก็ ไม่ได้ทำการทดลองอะไรต่อ เพื่อพิสูจน์ข้อสงสัยนี้ ต่อมาในปี พ.ศ. 2502
นักเคมีชาวเยอรมันชื่อ Adolf Butenandt ได้ตรวจสอบ แอลกอฮอล์ชนิดหนึ่ง พบว่าเป็นสารดึงดูด
ในตัวไหมของผีเสื้อกลางคืน การค้นพบนี้ ปูทางไป สู่การวิจัยในเรื่องของฟีโรโมนในเวลาต่อมา
ทำให้นักกีฏวิทยาพบว่า การสื่อสารผ่านทาง ฟีโรโมนนั้น เป็นเรื่องธรรมดา ๆ ในสังคมแมลง
ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อกลางคืน มด ปลวก หรือผึ้ง ไม่เพียงแต่ในแมลงเท่านั้น Charles Wysocki
นักประสาทวิทยาแห่ง Monell Chemical Sense Center ในฟิลาเดเฟียยังกล่าวว่า
ในสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำบางชนิด สัตว์ เลื้อยคลาน และในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่
จะพบอวัยวะส่วนที่เรียกว่า vomeronasal organ หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า VNO
ในโครงสร้างของจมูก Wysocki ได้ใช้เวลากว่า 20 ปีในการศึกษาโครงสร้าง
และติดตามการทำงานของ VNO ในสัตว์หลายชนิด จนพบว่า สัตว์หลายชนิดมี VNO
ที่ต่อสายตรงไปสู่สมอง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับความเร่าร้อนทางอารมณ์ ความรู้สึก
และความจำ รวมทั้งยังต่อไปสู่สมองส่วนไฮโปทาลามัส อันเป็นสมองส่วนที่ ไม่เพียงแต่เป็น
ศูนย์ควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ อย่างเช่น ควบคุมการเต้นของหัวใจ ควบคุมอุณหภูมิของ
ร่างกาย ควบคุมการหลั่งฮอร์โมนของต่อมใต้สมอง แต่ยังรวมไปถึง การตอบสนองต่อความกลัว
ความอยากอาหารด้วย จึงมีการสันนิษฐานกันว่า VNO นี้น่าจะเป็นส่วนที่รับรู้ข่าวสารต่าง ๆ จากฟีโรโมน
ที่ผ่านมาตามอากาศเข้าสู่จมูก และไปยังสมอง สำหรับในมนุษย์นั้น ยังมีข้อถกเถียงในเรื่องของ VNO
เนื่องจากนักวิทยาศาสตร์ พบว่า ส่วนของ VNO ในมนุษย์จะพบในช่วงวัยที่เป็นตัวอ่อน
แต่ไม่พบในช่วงวัยผู้ใหญ่ นั่นแสดงว่า VNO อาจเป็นอวัยวะที่หดหายไปตามกาลเวลา
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มมี ความคิดว่า VNO อาจมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตัวเอง
หรือบางที การรับรู้ฟีโรโมนของมนุษย์ อาจทำได้ โดยไม่จำเป็นต้องมี VNO ก็ได้ เพราะตัวรับกลิ่นเล็ก ๆ
ภายในเนื้อเยื่อของจมูกที่เรียก ว่า olfactory epithelium นั้นก็สามารถตรวจจับสารเคมีที่มาตามอากาศ
ผ่านทางเส้นประสาทที่ เชื่อมต่อไปสู่เส้นประสาทที่กะโหลกศีรษะคู่ที่ห้า (trigeminal nerve)
ซึ่งสามารถรับรู้สารเคมีที่ ผ่านเข้ามาในช่องปาก และจมูกได้ และเมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์ยังพบเส้นประสาทส่วน
ที่เรียกว่า เส้นประสาทส่วนปลาย (nervus terminalis) ที่เชื่อมต่อกับจมูก และฐานสมองส่วนหน้า
ซึ่งเส้นประสาทนี้ก็สามารถนำสัญญาณต่าง ๆ ที่ได้รับไปสู่สมองได้ ทั้งหมดนี้จึงพอกล่าวได้ว่า
มนุษย์เราก็มีความสามารถ ในการรับรู้ข่าวสารจากฟีโรโมน ที่มีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ได้ใน
ทางใดทางหนึ่งเช่นกัน ดังนั้น หากเมื่อฟีโรโมน สามารถส่งผลต่อพฤติกรรมสัตว์ต่าง ๆ
ดังเช่น ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว ทำไมมันจะมีผลต่อมนุษย์บ้างไม่ได้ล่ะ?
กลิ่นตัวยั่วใจ
ในสวิสเซอร์แลนด์ มีการทดลองเกี่ยวกับ อิทธิพลของสารเคมีที่ปล่อยออกมาจากมนุษย์ และ
มีผลต่อพฤติกรรมของมนุษย์ โดยนักสัตววิทยาชื่อ Claus Wedekind ซึ่งเขาได้ทดลอง
ให้เสื้อยืดคอกลมแก่อาสาสมัครชาย คนละตัว รวม 44 คน และบอกให้อาสาสมัครชาย
สวมเสื้อนี้ไว้เป็น เวลา 2 คืน โดยให้อาสาสมัครชาย ใช้สบู่ไร้กลิ่น กับโลชั่นหลังโกนหนวดที่ตรียมไว้
เพื่อไม่ ให้มีกลิ่นแปลกปลอม จากน้ำหอมประดิษฐ์ มากล้ำกรายกลิ่นตัวธรรมชาติที่อาสาสมัครชาย
แต่ละคนสร้างขึ้น ก่อนหน้าที่จะทำการทดลองนี้ Wedekind เคยทดลองพบว่า หนูทดลองชอบที่จะจับคู่ผสมพันธุ์
กับหนูที่มีระบบภูมิคุ้มกันทางยีน ที่แตกต่างกันมากกว่า ธรรมดานั้น ระบบภูมิคุ้มกันจะ เป็นตัวทำลายเซลล์แปลกปลอม
รวมถึงเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายอยู่แล้ว ดังนั้น หากร่าง กายของสัตว์รุ่นลูก มีระบบภูมิคุ้มกันที่หลากหลาย
ที่ได้รับจากรุ่นพ่อแม่ ก็ย่อมที่จะทำให้มี โอกาสดำรงชีวิตอยู่สู้โรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้มากกว่า ย้อนกลับไปที่
การทดลองในอาสาสมัครที่เป็นมนุษย์ Wedekind ได้นำเอาเสื้อที่มีกลิ่นตัว ธรรมชาติดังกล่าว
จากอาสาสมัครชายไปใส่ในกล่องเปล่า จากนั้นจึงให้อาสาสมัครหญิง 49 คนมาประเมินคุณภาพกลิ่น
โดยอาสาสมัครหญิงแต่ละคน จะต้องสูดดมกลิ่นจากกล่อง 7 กล่อง คือ เป็นกล่องที่ใส่เสื้ออาสาสมัครชาย
ที่มีระบบภูมิคุ้มกันทางยีนที่ ใกล้เคียงกับอาสาสมัครหญิง เสีย 3 กล่อง เป็นกล่องที่ใส่เสื้ออาสาสมัครชาย
ที่มีระบบภูมิคุ้มกันทางยีน ที่แตกต่างกับอาสา สมัครหญิงอีก 3 กล่อง และอีก 1 กล่องจะเป็นกล่องที่ใส่เสื้อตัวใหม่เอี่ยม
ที่ยังไม่ผ่าน การสวมใส่โดยอาสาสมัครชายมาก่อน เพื่อใช้กล่องนี้ เป็นตัวควบคุมการทดลอง จากการทดลองพบว่า
อาสาสมัครหญิงจะตอบสนองต่อกลิ่นเสื้อตามที่ Wedekind คาดไว้ คือ คุณเธอจะชอบกลิ่นเสื้อของอาสาสมัครชาย
ที่มีระบบภูมิคุ้มกันทางยีนที่แตกต่างกันมากกว่า ผลจากการทดลองนี้ มีความหมายยิ่ง และยังสอดคล้องกับรายงานจำนวนมาก
ที่แสดงให้เห็น ว่า หนุ่มสาวที่เป็นคู่ตุนาหงันกันนั้น โดยมากมักเป็นพวกที่มี ระบบภูมิคุ้มกันทางยีนที่แตกต่างกันในทางกลับกัน กลิ่นเสื้อของอาสาสมัครชายที่มี ระบบภูมิคุ้มกันทางยีนที่ใกล้เคียงกับอาสา สมัครหญิงนั้น
จะทำให้คุณเธอนึกถึงพ่อ พี่ชาย หรือน้องชายเสียมากกว่า สิ่งนี้ย่อมแสดงให้ เห็นว่า สารเคมีที่ออกมาจากผิวหนังมนุษย์
หรือกลิ่นตัว อาจสามารถสื่อสารรักระหว่างคู่ ชายหญิงได้ โดยบอกความแตกต่าง หรือความคล้ายคลึงของระบบภูมิคุ้มกัน
ทางยีนของร่างกาย ดุจดังเป็น กลิ่นตัวยั่วใจ วิธีการคัดเลือกคู่เช่นนี้ จะมีผลดีส่วนหนึ่งทางด้านความหลากหลาย
ของระบบภูมิคุ้มกันทางยีน ที่จะเกิดขึ้นในรุ่นลูกด้วย จึงนับเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของ การคัดเลือกตามธรรมชาติเลยทีเดียว
จูบนั้นสำคัญไฉน
คุณเชื่อหรือไม่ว่า ในการจูบกันอย่างดูดดื่มแต่ละครั้งนั้น คุณอาจต้องใช้พลังงานสูงถึง 150 คาลอรี
ซึ่งประมาณค่าได้เท่า ๆ กับ พลังงานที่คุณใช้ในการว่ายน้ำนานราว 15 นาที หรือการปีนเขา
โดยมีสัมภาระอยู่บนหลังคุณ หนักราว 20 กิโลกรัม นอกจากนี้ ในการจูบอย่างพร่ำเพรื่อนั้น
ยังนำมาซึ่ง การแลกเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในปาก ของคู่จูบ ไม่ว่าจะเป็น แบคทีเรีย
และไวรัสกว่า 250 ชนิด น้ำราว 9 มิลลิกรัม ไขมันอีกประมาณ 0.711 มิลลิกรัม สาร albumen
อีก 0.7 กรัม รวมทั้งสารอินทรีย์อื่น ๆ อีกประมาณ 0.18 มิลลิกรัม....อู้ฮู! ข้อมูลที่ได้นี้
ก็เป็นข้อมูลจากปากของฝรั่งเขา ปากคนไทย จะอู้ฮูขนาดนี้หรือไม่
ก็คงต้องวานให้นักวิทยาศาสตร์ไทย ช่วยศึกษาดูที...
ช็อกโกแลตกับความรัก
นอกจากกลิ่นแล้ว นักวิทยาศาสตร์ยังพบว่า อาหาร หรือขนมบางอย่าง อาจเป็นตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ
การส่งสัญญาณสารเคมีภายในร่างกายมนุษย์ ทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจได้ เช่นกัน โดยมีงานศึกษาวิจัย
ตลอดจนทฤษฎีที่กล่าวว่า ขนมหวานอย่าง ช็อคโกแลต อาจมีส่วนเกี่ยวข้องใน เรื่องนี้...
ตัวอย่างของเรื่องนี้ก็เช่น การพบว่า ในช็อกโกแลต ประกอบด้วยสาร phenylethylamine
หรือที่เรียกย่อ ๆ กันว่า PEA ซึ่งเป็นสารที่มีส่วนกระตุ้นความดันเลือด และ อัตราการเต้นของหัวใจ
ให้เพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ช็อคโกแลตที่เรากินเข้าไป จึงมีส่วนในการปลุก เร้าความรู้สึก
รวมถึงอารมณ์รักได้ส่วนหนึ่ง หรือในงานศึกษาวิจัยบางชิ้นก็พบว่า ใน ช็อคโกแลตจะมีสาร theobromine อยู่
ซึ่งสารนี้มีฤทธิ์คล้ายคลึงกับคาเฟอีน แต่มีฤทธิ์อ่อนกว่า จึงสามารถกระตุ้นให้มนุษย์เรา เกิดความตื่นตัวได้หรือ
ในบางสมมุติฐานก็กล่าวว่า ช็อคโกแลตที่ เรากินกันเข้าไปนั้น สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเราสร้างสาร endorphins
อันเป็นสารที่ก่อให้ เกิดความยินดี และช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้ ถ้าทั้งหมดข้างต้นเป็นความจริง
ช็อคโกแลตก็คงเป็นขนมแนะนำอย่างหนึ่ง สำหรับวัน วาเลนไทน์ เพราะดูมันจะเหมาะไปหมด
สำหรับทั้งคนที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความรัก รวมถึง คนที่อกหัก ที่น่าจะกินช็อกโกแลต บรรเทาอาการเจ็บปวด
จากการถูกหักอกเสียบ้าง
วิทยาศาสตร์แห่งรัก : รู้แล้วได้อะไร
มาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจสงสัยว่า วิทยาศาสตร์ของความรักเหล่านี้ รู้แล้วได้ ประโยชน์อะไร?
แน่นอน! คำตอบในปัญหานี้ก็คือ หนึ่ง ประโยชน์ในเรื่องของความรู้พื้นฐาน ที่เราได้รับ เช่น
คำตอบในแง่มุมใหม่ สำหรับคำถามเกี่ยวกับรักแรกพบในหนุ่มสาวว่า อาจจะไม่ขึ้น อยู่กับการมอง
ผ่านทางรูปร่างหน้าตาแต่เพียงอย่างเดียว แต่ส่วนหนึ่งอาจเกิดขึ้นจาก การสัมผัส สารรักจากสารเคมี
ที่ทั้งคู่ปล่อยออกมา อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็เป็นได้ และสอง ประโยชน์จาก การประยุกต์ใช้ความรู้พื้นฐานเหล่านี้
อย่างเช่น ความรู้จากการศึกษาวิจัยเรื่องฟีโรโมน ในแมลง นั้น สามารถช่วยให้มนุษย์เรา
ได้วิธีกำจัดแมลงแบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งพายาฆ่าแมลง แต่ใช้วิธี การสร้าง กับดักแห่งความรัก
โดยพ่นฟีโรโมนที่แมลงพึงใจ ในบริเวณที่เราต้องการล่อให้มัน มาติดกับ แล้วจึงค่อยกำจัดมันทีหลัง
แบบเชือดนิ่ม ๆ หรือการใช้ฟีโรโมนในมนุษย์เรานั้น ก็มีนักวิทยาศาสตร์หัวใสอย่าง David Berliner
นำสารเคมีที่สกัดได้จาก เซลล์ผิวหนังมนุษย์ในส่วนแขน และขา ซึ่งเชื่อกันว่ามีฟีโรโมนอยู่
มาทำเป็นน้ำหอมฟีโรโมนมนุษย์ ออกจำหน่าย โดยน้ำหอมฟีโรโมนมนุษย์ขวดแรกนั้น
มาจาก บริษัท Erox Corp. ที่เขามีส่วนร่วมก่อตั้ง ภายใต้ชื่อทางการค้าของน้ำหอมว่า Realm ซึ่งน้ำ
หอมฟีโรโมนมนุษย์นี้ ในน้ำหอมสำหรับผู้ชาย ก็จะเป็นน้ำหอมที่ประกอบด้วย ฟีโรโมนจาก
สารสกัดผิวหนังผู้หญิง และในน้ำหอมสำหรับผู้หญิง ก็จะเป็นน้ำหอมที่ประกอบด้วยฟีโรโมน
จากสารสกัดผิวหนังผู้ชาย อย่างไรก็ตาม น้ำหอมนี้ไม่ได้ทำให้เพศตรงข้าม หันมาสนใจผู้ใช้น้ำ
หอมมากขึ้น เพียงแต่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกผ่อนคลาย และมีความกระปรี้กระเปร่า เชื่อมั่นในตัวเอง
มากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง สำหรับการศึกษา ในเรื่องของสารเคมี ที่มีผลต่อการปลุกเร้าความรู้สึกอย่าง PEA นั้น
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ ก็พยายามที่จะศึกษา และสังเคราะห์ PEA เพื่อผลิตมันออกเป็นตัวยาที่
จะช่วยกระตุ้นความรู้สึก หรือทำให้ผู้ใช้เกิดความผ่อนคลาย สบายใจ ซึ่งก็น่าจะมีประโยชน์ สำหรับผู้ป่วย
ที่มีปัญหาทางด้านจิตใจ หรือสมอง ส่วนเรื่องของยาเสน่ห์ ที่จะทำให้เพศตรงข้ามมาหลงรักนั้น
ยังไม่มีรายงาน เพราะเรื่อง ของความรักที่จะมีให้กันนั้น ถ้าเป็นการใช้สารเคมี บังคับพฤติกรรมฝ่ายตรงข้าม
โดยเจตนาแล้ว ก็คงจะไม่น่าภูมิใจสักเท่าไร เพราะความรักที่แท้จริง และยืนยาวนั้น
คุณย่อมต้องใฝ่หามาด้วย ตัวตน และสารเคมีต่าง ๆ ที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในตัวคุณจริง ๆ เท่านั้น
ถึงจะน่าภาคภูมิใจ... จริงไหมคะ?
ได้ความรู้ดีมากเลยครับ
จองๆๆ แล้วกันนะ
วันแห่งความรักกำลังจะมาถึงนี้แล้ว
ใครมีรักแล้วก็ให้รักนานๆ
ใครยังไม่มีรักก็รีบหาให้พบโดยเร็วๆ แล้วกัน
ว้าว ! วิทยาศาสตร์แห่งรัก
ของครูแต๋ม น่าสนใจจังเลย
แต่ว่า...เลยวัยรักมานานแล้วซิคะ..อิอิ
สวัสดีค่ะ
มาชม
ไม่มีใครให้ปิ๊งค่ะ ฮือๆๆ
มอบหัวใจให้คนที่เขารักเรา และเรารักเขาทุกคน
มาส่งอังเปาแห่งรัดค่ะพี่แต๋ม...
ขอให้ความรักหวานชื่นทั้งวันทั้งคืน ตลอดไปทุกๆชาติ
มาชม
บรรยายประกอบภาพได้ดีทีเดียวนะครับ...
น่าอ่านมากเลย ลองค้นว่าภาษาอังกฤษกับความรักนะครับ จะเจอบันทึกคล้ายๆๆของพี่
สุขสันต์วันแห่งความรักค่ะ
ป้าเหมียวยังอ่านไม่จบ พักก่อนค่ะ เดี๋ยวมาอ่านใหม่ค่ะ
สวัสดีครับ คุณครูแต๋ม
แวะมาเรียนรู้วิทยาศาสตร์กับพี่ครูขอรับ..
สาธุๆๆ
ขอบคุณสำหรับความรู้ที่มอบให้นะครับ
สุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับ
คุณครูครับ ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยม Blog ของผมคุณครูให้ความเห็นได้น่าสนใจมากครับ พอแวะมาดู Blog ของคุณครูก็ต้องบอกเลยว่าเน่าสนใจครับ เป็นการบูรณาการวิทยาศาสตร์เข้ากับกาละโอกาส
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
คุณครูครับ ขอบคุณมากที่แวะมาเยี่ยม Blog ของผมคุณครูให้ความเห็นได้น่าสนใจมากครับ พอแวะมาดู Blog ของคุณครูก็ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจครับ เป็นการบูรณาการวิทยาศาสตร์เข้ากับกาละโอกาส
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ
สวัสดีค่ะ มาอ่านเรื่องดีๆในวันแห่งความรักค่ะ
ฟีโรโมนน่าสนใจมาก ต้องลุ้นนะคะ เวลาดมกลิ่นเสื้อที่ใส่ตั้งสองวัน ดีว่าเป็นเมืองหนาว
ถ้าเป็นเมืองไทย มีหวัง ...
มีความสุข มีความรักในวันแห่งความรักนะคะ
สวัสดีครับ ได้ความรู้เรื่องความรักที่เป็นวิทยาศาสตร์มากเลยครับ
มีความสุขในความรัก
แล้วทุกอย่างรอบตัวจะได้ดีตามไปด้วยนะค่ะ
ขอบคุณมาก
ขอให้มีความสุขทุกวัน
สวัสดีครับ
เหนื่อยนะครับกว่าจะอ่านจบ...ความรักนี่ข้อมูลเยอะจริง ๆ น่าจะได้อ่านสักเมื่อสามสิบปีก่อนก็ดีนะครับ...อิอิ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
เคยอ่านเรื่องวิทยาศาสตร์ของความรักมาบ้างค่ะ ยังขำ ๆ คุยกับเพื่อน ๆ หลายคนก็ให้ความเห็นต่าง ๆ กันไปมากมาย
แต่ที่แน่ ๆ พอเห็นหน้าตา สิ่งของ แม้แต่เสียงฝีเท้า ของคนที่เราชอบที่รัก ยังยิ้มได้เลย....
ขอบคุณค่ะ
(^___^)
สวัสดีครับ
โอโห..ความรู้ทั้งนั้นเลยครับ ขอบคุณที่นำมาแบ่งปันครับ
มีความสุขในทุกๆวันครับ
มาอ่านเรื่องราวดีๆ มีสาระค่ะพี่แต๋ม คิดถึงนะคะ
สวัสดีค่ะ...คุณครู tamtam1
ขอบคุณสำหรับบันทึกเรื่องราวความรักดีดีที่นำมาให้ได้เรียนรู้ค่ะ
และขอบคุณมากค่ะที่แวะไปเยี่ยมที่บันทึกรักเดียวใจเดียวนะคะ
สุขสันต์สัปดาห์แห่งความรักนะคะ
สวัสดีค่ะ
เอาลูกเล่นไว้ตกแต่งบล๊อกมาฝากค่ะ..คลิ๊กๆดูน่ะค่ะhttp://widget.sanook.com/
ขอบคุณเรื่องราวดีดี ยังอยู่ในเดือนแห่งความรัก ขอบคุณที่แวะอ่านบันทึกหนังสือนะคะ
สวัสดีค่ะครูแต๋ม
แวะมาชื่นชมและแบ่งปันความรักกับสิ่งดีดีค่ะ
ขอบคุณครูบันเทิงค่ะ
สวัสดีค่ะ
มาชวนไปดูกิจกรรมเด็กจ้าhttp://gotoknow.org/blog/162162/338379
[ของตกแต่งโดนๆคลิกเลย] เอ้า..ของปลอบใจค่ะ.. นำรูปขึ้นไฟล์ซิค่ะ..เดี๋ยวทำให้..จริงๆแล้วเมื่อทำรูปเสร็จแล้ว ก็ก๊อบปี้ แล้วนำมาวางที่ HTmL ของข้อความคอมเม้นท์ของเรานั่นแหละค่ะ..ถ้าไม่ได้จริงๆก็เอารูปที่ชอบเข้าไฟล์อัลบั้ล แล้วจะทำให้ค่ะ..จุ๊บๆๆ
สวัสดี ครับ
บันทึกนี้ได้รับความรู้บางส่วนที่ยังไม่ทราบ เช่นกัน ครับ
ผมเคยได้ยิน การคลั่งดารา ด้วยการอัดลมหายใจของดาราใส่ผลิตภัณฑ์ เพื่อขาย คาดว่าในลมหายใจนั้น น่าจะมีสารดังกล่าวรวมอยู่ด้วย นะครับ ถึงได้ขายดี
...จริง ๆ แล้ว ธรรมชาติ เป็นเรื่องที่น่าพิศวง จริง ๆ นะ ครับ
กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จึงมาช่วยไขปริศนา ให้มีน้ำหนักมากขึ้น
ขอบคุณสาระดี ดี ที่นำมาฝาก นะครับ
สวัสดีค่ะ
ตามคุณแสงแห่งความดีมาแบบห่างๆ
มีความรู้มากมายในบันทึกนี้ รูปน่ารักค่ะ ชอบ ชอบ
ขอบคุณที่ให้เกียรติไปทักทาย ไม่ได้เข้ามาทักทายในทันที เพราะเป็นช่วงเข้าค่ายอบรมและแข่งขันหุ่ยยนต์ค่ะ
วันนี้เลยพาลูกศิษย์มาเยี่ยมและทักทาย มาเป็นยกขโยงค่ะ
มีความสุขมากๆ นะคะ
สวัสดีครับ แวะมาเยี่ยมครับ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ เรื่องแม่ลงเมื่อไหร่ผมจะมาบอกครับ
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะครูแตม ปิดเทอมแล้วไปเที่ยวไหนคะ
หรือกำลังวางแผนจะให้เด็กๆทำโครงงานวิทย์...อะไรดี
ความรัก เป็นวิทยาศาสตร์ -วิทยาศาสตร์แห่งรัก
หรืออีกมุมหนึ่ง ความรัก มีเหตุผล..รักด้วยเหตุผล -
นิยามแบบนี้ได้ ใช่ไหมครับ..
ความรัก สวยงามเสมอคะ
ขอบคุณที่แบ่งปันนะคะ ^^
คุณครูอินเทรนด์และแอคทีฟมากๆค่ะ .....ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอถ้าเราเลือกที่จะรักให้เป็น.....
ขอบคุณนะคะที่แชร์สาระดีๆเช่นนี้ค่ะ
รักแบบวิทยาศาสตร์จะได้ไม่เสียใจค่ะเพราะมันมีเหตุและผล
รักด้วยใจรังแต่จะเสียใจค่ะเพราะเอาใจเป็นตัวตั้งไร้เหตุไร้ผลค่ะ
เด็กสอบวันนี้เป็นไงบ้าง
ข้อสอบเขาคงใช้ไม่เหมือนกันเนาะ
ไม่เหมือนการสอบ o-net
พรุ่งนี้เด็กพี่สอบแล้ว อีก 2 วัน คงว่างบ้าง
ตอนนี้เร่งทำคะแนนเก็บระหว่างปี ส่งคุณครูประจำชั้น
คิดถึงนะจ๊ะ
ขอบคุณพี่ tam น่ะค่ะ ที่เข้ามาร่วมชมภาพประทับใจนี้ค่ะ..คิดถึงน่ะค่ะ..ช่วงนี้ครูบันเทิงไม่ค่อยว่างเลย งานยุ่งมากๆ..ต้องทำคะแนน และ พาเด็กๆ ออกแสดงหลายงาน..คิวยาวเหยียดเลย แต่ก็คิดถึงน่ะค่ะ..
มาเยี่ยมและหย่อนความระลึกถึงไว้ให้
สบายดีนะคะ... ช่วงนี้ งานยุ่งมั้ย...
ขอให้มีความสุขกับงานนะคะ
มาเยี่ยม มาชม มาให้กำลังใจค่ะ
ขอให้ทุกคนมีความสุขเช่นกัน
ความรักหากสมหวัง ชีวิตก็คงมีความสุขกันถ้วนหน้า แต่จะมีกันสักกี่คนที่พร้อม บุญทำกรรมแต่งกันไม่ได้ซะด้วยสิ ใครมีปัญหาเรื่องความรักก็ต่อสู้กันต่อไปนะคะ สู้ๆๆๆ ค่ะ
สวัสดียามเช้าค่ะ คุณ tamtam1
รักแล้วมีความสุข ก็รักเหอะ... ถ้าอยากจะรัก
ขอบคุณมิตรภาพ กำลังใจ และข้อมูลดี ๆ ในเรื่องวิทยาศาตร์แห่งรัก ค่ะ