๑๙๙.สภาพและปัญหาของการวิจัยในโรงเรียน


แท้ที่จริงในความคิดของครูแป๋มคิดว่า การวิจัยเป็นการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ น่าเชื่อถือ

 

 

 

 

 

S75

ผอ.ศิลป์ประสิทธิ์ ทับทิมธงไชย ทักทายนักเรียนในการแข่งขันโครงงานฯระดับจังหวัด

 

      สถานศึกษามีภารกิจที่จะต้องพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา  ดังนั้นผู้บริหารสถานศึกษาต้องส่งเสริมให้ครูทุกคนทำวิจัยในชั้นเรียน  เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน แต่เท่าที่ครูแป๋มได้สังเกตและศึกษาข้อมูลด้วยวิธีการหลากหลายได้ข้อค้นพบที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ

      เมื่อสำรวจดูแล้วพบว่าปริมาณงานวิจัยยังน้อย ส่วนมากเน้นไปทางการขอเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง  การวิจัยเพื่อนำผลมาใช้ปฏิบัติอย่างแท้จริงมีน้อยมาก  บางโรงนี่แทบไม่มีเลยค่ะ ปัญหารองลงมาที่พบมากคือ บุคลากรหลายท่านคิดว่าเป็นเรื่องของนักวิชาการระดับอุดมศึกษา ส่วนนักปฏิบัติระดับขั้นพื้นฐานยังไม่มีความจำเป็น (ข้อนี้น่าจะหมดไปแล้ว แต่พอสำรวจเข้าจริงๆยังมีอยู่ค่ะ) แถมทั้งผู้บริหารและครูยังคิดว่า  การวิจัยเป็นเรื่องที่ยากขาดความเข้าใจในวิธีวิจัย  ไม่กล้าทำ  อ้างไม่มีเวลา ไม่คุ้มค่าที่จะทำไปโน่น และอันนี้สำคัญค่ะ นั่นคือ  การขาดการสนับสนุน  ส่งเสริม  และพัฒนาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพในงานวิจัย  การเผยแพร่ เลยไปถึงเรื่องของงบประมาณค่ะ

      แท้ที่จริงในความคิดของครูแป๋มคิดว่า  การวิจัยเป็นการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ  น่าเชื่อถือ  นำไปสู่การพัฒนา "ความเป็นผู้มีเหตุ มีผล" ทุกคำตอบสามารถพิสูจน์ได้  ที่สำคัญผู้บริหารและครูจะได้ทราบข้อเท็จจริงที่จะนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาภารกิจที่รับผิดชอบได้ดียิ่งขึ้น  ทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด  ประหยัดเวลาและการลงทุนอีกด้วย  จากนั้นเมื่อเข้าใจวิธีวิจัยและขั้นตอนที่ได้ศึกษาจากวิทยาการใหม่ๆ จะช่วยในการวางแผนการดำเนินการงานแต่ละอย่างได้ถูกต้องและประสบความสำเร็จ  ผู้บริหารและครูก็จะมีความตระหนัก เกิดความสนใจในสิ่งที่สงสัยและเป็นปัญหาอันจะนำไปสู่ปัญหาวิจัย  ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการสร้างผลงานเพื่อความก้าวหน้าของโรงเรียนและตนเองต่อไป.

      เรื่องนี้ยังไม่จบค่ะ ขอไปสำรวจความต้องการของสมาชิกว่าต้องการทราบหรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในหัวข้อใดกันบ้าง  แล้วจะกลับมาอีกนะคะ

*****************************************************************

"ครูแป๋ม"...จิราภรณ์  บุญสงค์

   28 พฤศจิกายน 2552

 

หมายเลขบันทึก: 316667เขียนเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2009 08:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:58 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (26)
  • สวัสดีค่ะ คุณครูแป๋ม
  • แวะมาทักทายในวันหยุดค่ะ
  • เรื่องงานวิจัยของครูยังขาดความตั้งใจจริง  และขาดความรู้ที่แจ้งชัดค่ะ
    หากสองอย่างลงตัวย่อมเกิดผลงานสร้างสรรค์ค่ะ

สวัสดีค่ะ...ครูแป๋ม...

ต้องล้างทั้งระบบมังค่ะ...ผู้บริหารก็ต้องเห็นความสำคัญด้วยค่ะ...

ทุกคนก็ต้องร่วมมือกันทำวิจัยอย่างจริงจังค่ะ...

สวัสดีค่ะ คุณครูธรรมทิพย์

  • บางทีการขาดความรู้ที่แจ้งชัด
  • นำไปสู่การขาดความตั้งใจจริงก็เป็นได้
  • ขอบคุณนะคะ สำหรับแนวคิดที่อาจถูกมองข้ามไป..

สวัสดีค่ะ คุณบุษยมาศ

  • บางทีระบบดี แต่ผู้ปฏิบัติสิคะไม่ยอมทำตามระบบ
  • เปลี่ยนระบบ โดยผู้คิด ผู้ปฏิบัติเดิม ผลที่ได้จะเป็นแบบเดิมๆหรือไม่..
  • น่าคิดดีไหมคะ...
  • ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยมกันค่ะ

เห็นด้วยกับคุณครูแป๋มครับ คือครูที่ทำวิจัยเพราะต้องการทราบคำตอบ-ข้อเท็จจริง นั้น มีน้อยมาก ๆ
        ส่วนใหญ่ทำวิจัยเพราะผู้บริหารให้ทำ หรือเพื่อการเลื่อนตำแหน่ง

สวัสดีค่ะ ท่านเอกชัย

  • แล้วเราควรจะทำอย่างไรดีหนอ
  • ให้ครูเราทำวิจัยเพราะต้องการทราบคำตอบ
  • พร้อมนำผลการวิจัยไปใช้จริงๆ
  • น่าคิดนะคะ..

สวัสดี ครับ ครูแป๋ม

โชคดี นะครับ ที่ไม่ค่อยได้ใช้เวลา ในช่วงนี้

วันนี้ ช่วงเวลานี้....ได้เจอ กัลยาณมิตร หลาย ๆ ท่าน

ครูแป๋มสบายดี นะครับ

....

ชื่นชมบันทึกทางการศึกษา บันทึกนี้ นะครับ

 .....แท้ที่จริงในความคิดของครูแป๋มคิดว่า  การวิจัยเป็นการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันอย่างมีแบบแผนเป็นระบบ  น่าเชื่อถือ  นำไปสู่การพัฒนา "ความเป็นผู้มีเหตุ มีผล" ทุกคำตอบสามารถพิสูจน์ได้  ที่สำคัญผู้บริหารและครูจะได้ทราบข้อเท็จจริงที่จะนำมาปรับปรุงหรือพัฒนาภารกิจที่รับผิดชอบได้ดียิ่งขึ้น  ทำให้แก้ปัญหาได้ตรงจุด  ประหยัดเวลาและการลงทุนอีกด้วย ....

เห็นด้วยกับสิ่งที่ครูแป๋ม พูดมา นะครับ

ด้วยความระลึกถึง ครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • น้องซิลเวียแวะมาเก็บเกี่ยวความรู้...การวิจัยในโรงเรียนค่ะ
  • หนูเห็นด้วยค่ะว่า..ว่าถ้าเป็นการวิจัยที่ไม่ได้มุ่งแต่การทำผลงานเพื่อขอเลื่อนตำแหน่งแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการวิจัยที่มุ่งแก้ปัญหาจริงๆน่าจะได้ประโยชน์ คุ้มค่าที่สุดค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณแสงแห่งความดี

  • ดีใจค่ะ ที่คุณแสงแวะเข้ามาทักทายกัน
  • บันทึกของแป๋มอาจดูห้วน ภาษาธรรมดาๆ
  • เพราะมาจากความคิดและบันทึกแบบสดๆ
  • ดังนั้นจึงต้องขออภัยหากจะเป็นคำพูดตรงๆ
  • แต่ทุกคำเป็นความรู้สึกนึกคิดที่กลั่นจากใจ
  • ไม่มีการเคลือบแฝงสิ่งใดเป็นอันขาด สบายใจดีค่ะ

0354-17

ระลึกถึงคุณแสงเช่นกันค่ะ

สวัสดีค่ะ น้องซิลเวีย

  • ในเมื่อเป้าหมายของการทำวิจัยในโรงเรียนมันผิดเป้าหมายไปแล้ว
  • จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งไหมคะ ว่าอาจทำให้ครูผู้วิจัยจริงๆเบื่อหน่าย
  • พาลไม่ทำซะให้รู้แล้วรู้รอด... นี่ก็น่าคิดอีกข้อหนึ่งค่ะ

แวะมาเยี่ยมครูแป๋มครับ...

งานวิจัยถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อเลื่อนขั้นตำแหน่งมากกว่านำมาใช้หาความรู้เพื่อพัฒนางานมากเกินไปครับ

เราจึงไม่ค่อยเห็นงานวิจัยแบบหลัง

คงต้องขับเคลื่อนอีกยาวนานครับ กว่าจะทำให้การวิจัยเป็นเครื่องมือเพื่อการพัฒนาจริง ๆ

งานวิจัย หลายคนรวมทั้งตัวเองก็รู้สึกว่ามันยาก

สิ่งที่ทำอยู่คือการพัฒนางาน(CQI)

เพราะทำได้ไม่ยากเกินไปและนำกลับมาใช้จริงในงานประจำ

ตอนนี้สนใจและอยากทำวิจัย

ซึ่งวิจัยของพี่นางไม่เกี่ยวข้องกับการเลื่อนขั้น

แต่..เกี่ยวข้องกับงานที่อยากเห็นการพัฒนา

อย่างที่เรียกว่าทำเพราะใจอยากทำนั่นเอง

พูดยาวไปหน่อยนะคะ

  • ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ คุณหนานเกียรติ 
  • คงต้องขับเคลื่อนอีกยาวนานครับ กว่าจะทำให้การวิจัยเป็นเครื่องมือเพื่อการพัฒนาจริง ๆ
  • นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ... นะคะคุณหนานเกียรติ 

พี่นางคะ

  • ขอบคุณที่เข้ามาบอกกล่าวความจริงใจในการทำวิจัย..
  • จะดีแค่ไหนหากการทำวิจัยเกิดจากการที่ใจอยากจะทำ
  • ทำเพื่อนำมาพัฒนางานที่ทำจริงๆ
  • แถมยังเป็นผลงานจริงที่ใช้เลื่อนขั้นได้อีก
  • แบบนี้ถือว่าเป็นโชคสองชั้นเลยนะคะ..

หวัดดีคร้าฟฟฟ ครูแป๋ม

ได้อ่านแล้วอดไม่ได้ เลยขอแจมด้วยคนนะคร้าฟ
......
ผมเคยทำงานวิจัยห้าบทและวิจัยในชั้นเรียนมาแล้วหลายเรื่อง
ผมเห็นด้วยกับครูแป๋มมากๆ เกี่ยวกับการทำงานวิจัยของครู
จะเพื่อแก้ปัญหาแก่เด็กหรือเพื่อทำผลงานเลื่อนตำแหน่งก็ตาม
...ประโยชน์ทั้งนั้นครับ...ขอแค่มีความตั้งใจจริงที่จะทำ...

ปัจจุบันและปัญหา คือ มีครูหลายคนทำวิจัยได้ถูกต้อง คล่องแคล่ว ถนัด
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ทำไม่ได้ แม้จะพยายามแล้ว...

คนเราถนัดไม่เหมือนกันครับ...พี่รู้สอง น้องรู้หนึ่ง...
ขอแค่ครูเหล่านั้นตั้งใจทำงานเต็มความสามารถ...ตามถนัด...ประโยชน์ย่อมเกิดแก่เด็กๆ

ลุงรุน ขอให้กำลังใจกับทุกคน น่ะขอรับ

และขอเชิญครูแป๋มเยี่ยมชม ติชม แนะนำ บล็อคมือใหม่ครับ
http://gotoknow.org/blog/cai-animation/288964 

สวัสดีค่ะ คุณครูแป๋ม

- งานวิจัยในโรงเรียนจะใช้ไปในทิศทางการพัฒนาได้....ขึ้นกับหลายปัจจัยค่ะ ครูนกขอพูดถึงงานเล็กที่ยังไม่ถึงขั้นงานวิจัย อย่างเช่นการประเมินโครงการ หรือการประเมินกิจกรรม จะมีสักกี่ครั้งที่คณะทำงานประเมินผลรายงานผลแล้วฝ่ายบริหารจะหยิบมาเป็นข้อมูลในการพัฒนางานครั้งต่อๆ ไป เผลอ...สิ่งที่ทำไปกลายเป็นไม้ประดับของ PDCA ค่ะ

สวัสดีค่ะ คุณลุงรุน

  • ยินดีที่ได้รู้จักคุณครูผู้มากประสบการณ์นะคะ
  • จะว่าไปครูแป๋มก็เห็นด้วยกับคุณลุงรุนที่ว่า...
  •  "ยังมีอีกหลายคนที่ทำไม่ได้ แม้จะพยายามแล้ว... คนเราถนัดไม่เหมือนกันครับ"
  • นี่คือนิมิตหมายที่ดีที่ครูเราได้พยายามแล้วและทำ(เอง)ทั้งที่ไม่ถนัด น่ายกย่องค่ะ
  • ไม่มีใครเก่งอาศัยพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด พรแสวงสิคะชัวร์กว่า ไม่รู้อะไรก็ตองแสวง..
  • ขอชื่นชมทุกท่านด้วยใจจริงๆที่ได้ดำเนินการมาแล้วดังกล่าว... 
  • งานครูเรานั้นหนักมากค่ะ... ขอร่วมเป็นแรงใจกับคุณลุงรุนที่กล่าวว่า..
  • "ขอแค่ครูเหล่านั้นตั้งใจทำงานเต็มความสามารถ...ตามถนัด...ประโยชน์ย่อมเกิดแก่เด็กๆ "
  • ขอบคุณค่ะ

 

สวัสดีค่ะ คุณครูนก

  • เป็นอีกแง่มุมหนึ่งในมุมมองของคุณครูนก กับเรื่องราวของการประเมินโครงการ..
  • "การประเมินโครงการ หรือการประเมินกิจกรรม จะมีสักกี่ครั้ง
  • ที่คณะทำงานประเมินผลรายงานผลแล้วฝ่ายบริหารจะหยิบมาเป็นข้อมูลในการพัฒนางานครั้งต่อๆ ไป"
  • ในมุมมองของครูแป๋มเห็นว่า...งานโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ต้องมีตัวชี้วัดตามมาตรฐานรองรับอยู่แล้ว
  • หากบรรลุมาตรฐานและตัวชี้วัดก็น่าจะมีการพัฒนาส่งเสริมให้ดียิ่งขึ้นและคงไว้เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน
  • หากผลการประเมินตรงข้าม ก็สามารถนำมาเป็นปัญหาวิจัย แล้วดำเนินการตามระเบียบวิธีวิจัยเพื่อค้นหาคำตอบที่แท้จริง
  • แบบนี้เป็นการทำงานแบบมีทิศทาง และควรเป็นการระดมสมอง (Brain stromming) ของสมาชิกในองค์กรจะดีที่สุด
  • อันนี้เป็นมุมมองของครูน้อยๆคนหนึ่งเท่านั้นค่ะ คุณครูนก..
  • ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับครูแป๋ม งานวิจัยหลายชิ้นที่ทำแล้วไม่ตอบสนองความอยากรู้จริง งานวิจัยชุมชน ก็เหมือนกัน

วิจัยแล้วไม่ได้คืนข้อมูลไปให้ชุมชนได้เรียนรู้ พัฒนา นับว่าเสียโอกาสของชุมชนครับ

สวัสดีค่ะ ท่านวอญ่าฯ

  • เป็นเพราะว่า...งานวิจัยชุมชนไม่ได้เกิดจากฝีมือของคนในชุมชนจริงๆ
  • นักวิชาการมาวิจัย..เสร็จก็กลับไป ทำให้เสียโอกาสของชุมชน
  • น่าเสียดายค่ะ

สวัสดีค่ะครูแป๋ม มาเป็นเพื่อนคนนอนดึกค่ะ

วันนี้เวรดึก คิดถึงนะคะ เป็นกำลังใจให้ว่าที่ดร. คนสวยนะคะ

 

สวัสดีค่ะ พี่แดง

  • ดอกไม้สวยจังค่ะ
  • ขอบคุณกับกำลังใจค่ะพี่
  • แต่..แป๋มตื่นเช้าค่ะ นอนแต่หัววันมาแล้วจ้า
  • เวรดึกเงียบสงบดีนะคะพี่แดง..ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมค่ะ

ขอบคุณที่มาทักทายและให้กำลังใจครับ

สวัสดีค่ะ คุณchaychaodin

  • ยินดีที่ได้รู้จักครูใหม่ไฟแรง
  • มีความสุขในการทำงานนะคะ

สวัสดีค่ะ น้องรัก

ครูอ้อย มาตั้งใจอ่านเรื่องวิจัย  สำหรับครูอ้อย วิจัย คือชีวิต

ขอบคุณมากค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่ครูอ้อย

  • ดีจังค่ะ "วิจัย คือ ชีวิต" เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
  • ขอบคุณค่ะ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท