ธรรมฐิต
พระ(มหา) วิชิต ชิต สมถวิล(ฐิตธมฺโม)

ประเด็นของ..ตนเป็นที่พึ่งของตน..


เดินกลับจากบิณฑบาตซึ่งเป็นกิจวัตรประจำวัน

ได้ยินรายการธรรมะจากเสียงตามสายสถานีหนึ่ง

พูดถึงเรื่อง..ตนเป็นที่พึ่งของตน..

แต่ธรรมฐิตยังมีความรู้สึกว่าประโยคนี้เราสอนกันแบบยังไม่ถึงที่สุด

จับสิ่งที่มาสอนยังไม่ถูกประเด็นเท่าที่ควร

เมื่อได้ยินคำนี้เราจะนึกบาฬีพุทธภาษิตได้ทันทีว่า

อตฺตา  หิ  อตฺตโน  นาโถ.

แปลว่า  ตนแลเป็นที่พึ่งของตน

ฟังดูเผินๆอาจจะใช่แต่เราทึกทักสรุปเอาเองว่าเราพึ่งพนเองได้

แต่ยังไม่ใช่  และภาษิตบทนี้ยังมีต่อยังไม่จบแค่นี้

และส่วนที่กล่าวกันมานี้ก็ยังไม่ใช่จุดสำคัญของเรื่องการพึ่งตน

เพราะตนเป็นที่พึ่งของตนนั้นเป็นเพียงผล

ต้องหาเหตุให้ได้เพื่อจะนำมาสู่ผลอันนี้

ที่สำคัญต้องมองว่า..ทำอย่างไรจึงสามารถที่จะพึ่งตนเองได้..นี่สิสำคัญ

เพราะหากตนยังไม่มีความสามรถ

ก็ไม่อาจนำพาตนให้พึงตนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้

แต่พระพุทธเจ้าตรัสต่อไปอีกว่า

โก  หิ  นาโถ  ปโร  สิยา

คนอื่นจะมีใครเล่าจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงได้

และลงท้ายว่า 

อตฺตนา หิ  สุทนฺเตน  นาถํ  ลภติ  ทุลฺลภํ.

มีตนที่ฝึกฝนดีแล้วเท่านั้น

จึงชื่อว่าได้ที่พึ่งที่ได้ยาก..

นี้แหละจึงครบกระบวนความในประโยคนี้

ที่แรกพูดเพื่อให้รู้ความจริงแห่งจุดหมายปลายทางอันเป็นผล

ตนเองเท่านั้นเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง

คนอื่นก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราว

แม้เขาเอาของมาใส่ปากหากเราไม่กลืนก็ไม่สามารถลงท้องเราได้

แต่ที่สำคัญซึ่งเป็นข้อปฏิบัติคือตัวเหตุนั้น  ต้องฝึกฝนตนเองก่อน

เพื่อจะได้มาซึ่งที่พึ่งอันยากคือตนเองที่มีศักยภาพ

เมื่อเราฝึกฝนตนไปในทางที่ถูกที่ควรตามทำนองครองธรรม

ไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น  คิด  พุด  ทำ

ในสิ่งที่ถูกที่ควร  สิ่งเหล่านี้แหละจะคุ้มครองเราเอง

จะเพิ่มพลังให้ตนมีเกราะที่แข็งแรงยิ่งขึ้น

เพราะเหตุนี้แหละพระพุทธองค์จึงดั้นด้นจาริกไปตลอดพระชนม์ชีพ

เพราะทรงมองว่าคนยังไม่สามารถทำตนให้เป็นที่พึ่งตนได้

จึงเผยแผ่นำเสนอหลักในการปฏิบัติเพื่อฝึกฝนตน

ให้สามารถพึ่งตนได้ทั้งกายและใจ

เมื่อจับประเด็นในคำสอนถูกทิศทาง

เราก็สามารถนำพาตนไปสู่เป้าหมายได้อย่างแท้จริง

ธรรมะสวัสดีขอรับ..

คำสำคัญ (Tags): #ธรรมฐิต
หมายเลขบันทึก: 312287เขียนเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2009 07:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2012 17:57 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

กราบนมัสการเจ้าค่ะ

เพิ่งรู้ว่า ประโยคที่ว่า อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ นี้ มีต่อด้วย แล้วมีก่อนหน้านี้อีกไหมเจ้าคะ?

อตฺตนา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ. มีตนที่ฝึกฝนดีแล้วเท่านั้น จึงชื่อว่าได้ที่พึ่งที่ได้ยาก...เป็นที่พึ่งได้ยาก???  อ่านแล้วไม่กระจ่างเจ้าค่ะ...หมายความว่าการฝึกฝนตนให้ดีจนเป็นที่พึ่งของตนนั้นทำได้ยาก?

ขอบพระคุณสำหรับอาหารสมองและน้ำพระธรรมหล่อเลี้ยงชีวิตเจ้าค่ะ

นมัสการพระน้องเจ้าค่ะ

มารับธรรมะดีๆ ยามเช้า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ขอบคุณค่ะ

  • นมัสการค่ะ ... หลวงพี่
  • มาน้อมรับธรรมยามเช้า ... อาหารสมองเจ้าค่ะ
  • กระจ่างแล้ว แต่จะแจ้งหรือไม่ย่อมอยู่ที่ตนเป็นผู้ฝึกฝนให้เข้าถึงใจนะเจ้าค่ะ
  • ขอบพระุคุณเจ้าค่ะ

นมัสการพระคุณเจ้า

  • กราบขอบพระคุณอย่างสูง  เจ้าค่ะ
  • กับการขยายความของของสุภาษิตบทนี้
  • บางคนเมื่อเสียรู้ หรือไม่มีคนเห็นใจช่วยเหลือก็จะเจ็บแค้น  นำสุภาษิตบทนี้มาใช้  ก็เคยเห็นมาแล้ว  ใช้เพราะความคับแค้นมากกว่าการเตือนตน  เพราะไม่เข้าใจความหมายทางธรรมะ

Pทั้งหมดนี้เป็นชุดของมันขอรับ

ถ้าเป็นไวไวก็ไวไวจัมโบ้เลยแหละ..

ตนไงดาวฟ้าหากขาดการฝึกฝนแล้วย่อมเป็นที่พึ่งไม่ได้..

ที่ยากเพราะขาดการฝึก

เริ่มงงแล้วเนาะกลับไปกลับมา..

สาธุๆๆ

Pน้องเจ้าหวังว่าพี่ปูคงพึ่งตนได้สบายเนาะ

ว่างๆธรรมฐิตไปแถวนั้นจะได้แวะไปพึ่งบ้าง..

สาธุๆๆ

กราบขอบพระคุณสำหรับข้อวิสัชนาเจ้าค่ะ...หายงงแล้วเจ้าค่ะ ^-^

Pใช่แล้วแหละอาจารย์ที่พึ่งใครคนนั้นต้องพยายามเองเนาะ..

Pทุกปรากฏการณ์หากจับประเด็นที่แท้ไม่ถูกแล้ว..

ก็วกไปวนมาจริงๆขอรับพี่ครู..

Pงั้นก็สาธุๆๆเนาะดาวฟ้า..

กราบนมัสการเจ้าค่ะ

ย้อนกลับมาอ่านบันทึกนี้อีกครั้งเจ้าค่ะ น่าแปลกนะเจ้าคะ... เวลาผ่านไป ความเข้าใจในสิ่งต่างๆ เปลี่ยนไป ทั้งๆ ที่เป็นประโยคเดียวกัน แต่กลับรู้สึกว่าความลึกซึ้งแห่งนัยยะนั้นต่างกัน

"ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" เป็นพุทธสุภาษิตที่เคยเรียนมาตั้งแต่ตอนสมัย ป.4

ตอนนั้นเข้าในว่า เราอยากได้อะไรต้องทำเอาเอง พยายามด้วยตนเอง เช่น อยากเรียนเก่ง ก็ต้องตั้งใจเรียน... อยากมีเงิน ต้องขยันทำงาน เป็นต้น

ต่อมาก็คิดพิจารณาว่า ต้องฝึกฝนตนให้ดี ให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ จึงจะสามารถพึ่งตนเองได้ ไม่ต้องพึ่งผู้อื่น...

ตอนนี้กลับรู้สึกว่า พุทธสุภาษิตบทนี้ลึกซึ้งยิ่งนัก เพราะการจะฝึกตนจนสามารถเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ เป็นประจักษ์พยานในการคิด พูด ทำ ให้กับตนเองได้นั้น เป็นสิ่งที่ยากยิ่ง ต้องคอยหมั่นฝึกฝนตนอยู่เสมอๆ

สาธุสำหรับข้อธรรมะแห่งการพัฒนาตนเองเจ้าค่ะ

Pธรรมฐิตก็เคยหลงประเด็นนี้มาตั้งยี่สิบกว่าปีเหมือนกันแหละดาวฟ้า..

นี้บ่งบอกเป็นนัยว่าดาวฟ้าพบอะไรเข้าแล้วสิเนาะ

สาธุๆๆ

เราถกกันถึง ตน เราเคยค้นพบตัวตนที่แท้จริงหรือ............................

วันที่13 เป็นวันตาย))))))))))))))))))ตายของใคร

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตนก็ททุกข์แล้ว แล้วตนจะไปพึ่งใคร

พระ.......พุทธ.........เจ้า

กล่าวว่า....ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นเห็นเรา

เราคือ ตถาคต (อ่านว่า )คะตะ (นี้คือตนที่แท้จริง)

ไร้รูป ไร้นาม จะว่ามีกไม่ได้จะว่าไม่มีก็ไม่ได้ (พระเจ้า) (ตัดคำว่า ) พุท - ธ ะ ออก

มีอยู่จริงท้าให้มาพิสุจน์ที่ไหน ที่ตน

13มี.ค.(ไม่มีตัวตน) ลุง. สุชัย

ลุงสุชัยขอรับ..

พระพุทธเจ้าเคยสอนไว้ตรงไหนละว่า..ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์..(เราก็ฟังต่อๆกันเท่านั้นแหละ)

ที่ใดมีรักที่นั่นมีความสำเร็จต่างหากขอรับ..

ที่มีทุกข์นะไม่ใช่รักแค่ตัณหาขอรับ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท