หลักสูตร Talented Capital Development Program ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ


สวัสดีลูกศิษย์และชาว Blog ทุกท่าน
            ผมได้รับเกียรติให้ไปบริหารหลักสูตร “พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติสำหรับบุคลากรของสำนักข่าวกรองแห่งชาติระดับ 6-7” ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 5 – 27 พฤศจิกายน 2552 ซึ่งผมได้เข้าไปเป็นครั้งที่ 3 แล้ว หลังจากที่ได้เข้าไปทำหลักสูตร HR for Non-HR ให้แก่ผู้บริหารจำนวน 2 รุ่นแล้ว
            ครั้งนี้เป็นหลักสูตร 10 วัน ที่ผมได้จัดทำขึ้นเพื่อให้เข้าอบรมได้มีการ Share ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยมีเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์มากทีเดียว
            และยังได้รับเกียรติจากวิทยากรฯที่จะมาบรรยาย ที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์มากมาย เช่น อาจารย์สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ บรรยายเรื่อง Blue Ocean Strategy , คุณไวฑูรย์ โภคาชัยพัฒน์ จาก TRIS เรื่องการบริหารเชิงคุณภาพ , Mind Mapping ที่จะทำให้เราฝึกสมองด้านการคิดอย่างเป็นระบบ หรือแม้กระทั่ง IQ , EQและอีกมากมาย ซึ่งสามารถนำมารวมไว้ในหลักสูตรฯดังกล่าว เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้รับประโยชน์อย่างสูงสุด
            ผมจะสามารถให้เรามาแลกเปลี่ยนความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันผ่าน Blog นี้
 
                                                                                    จีระ  หงส์ลดารมภ์

ภาพบรรยากาศพิธีเปิด วันที่ 5 พฤศจิกายน 2552

 

 

 

 

 

ภาพบรรยากาศ Morning Brief

บรรยากาศการบรรยายของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

อ.ตรีดาวอภัยวงศ์ บรรยายเรื่องการสร้างทีม

บรรยากาศงานเลี้ยงต้อนรับ เย็นวันที่ 6 พฤศจิกายน 2552

ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ (ผขช) กล่าวถึงบรรยากาศและโครงการฯ

 

 

บรรยากาศ Morning Walking

 

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 310964เขียนเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2009 21:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:50 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1,210)

คำถามทำหลักสูตร training ให้เป็น learning ได้อย่างไรครับ

สรุปการบรรยายพิเศษของผู้อำนวยสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ความจำเป็นในการเรียนหลัดสูตรนี้

1. ผมและผู้บริหารให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แบบต่อเนื่องเป็นการพัฒนาในส่วนที่เกี่ยวกับความเป็นคนที่ต้องทำงานด้วยกันและจะต้องเดินไปในทิศทางเดียวกันที่เรียกว่า Triple T Excellent ในองค์กร

  • เท่ากับ Trust คือความเชื่อใจกัน
  • Team การทำงานร่วมกัน ปัจจุบันไม่ใครทำงานคนเดียวแล้วประสบความสำเร็จ
  • Tomorrow สิ่งที่ทำวันนี้ต้องทำเพื่ออนาคต ไม่ใช่เพื่อทำอยู่ไปวันๆ ต้องมี Vision
  • คนเป็นคนที่สำนักข่าวกรองฯต้องอาศัยไปสู่ความเป็นเลิศ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากทุกคนในองค์กร แต่การเปลี่ยนแปลงก็มีผลกระทบทั้งดีและไม่ดี บางคนเสียผลประโยชน์ บางคนได้ประโยชน์ แต่ความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสำคัญ แต่คนในองค์กรก็ต้องเปลี่ยนความคิด ต้องรองรับความเปลี่ยนแปลง ต้องหลุดออกจากสิ่งที่เคยชิน จะต้องเปิดโลกทัศน์ของตนเอง ยกตัวอย่าง ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของเราคือนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ เราก็ต้องเปลี่ยนความคิดรับสิ่งใหม่ๆ นี่คือเป็นการพัฒนาต้นทุนมนุษย์ให้สูงขึ้น ทุนมนุษย์ในสำนักข่าวกรองจะไม่กระทบเลย

2. สิ่งที่นำมาหลังจากเรียนจบต้องเอาความรู้ข้อคิดในการทำงาน เราต้องมีการวางแผนว่าเราได้อะไรมาและจะกลับไปใช้อย่างไร? แต่อย่าพึ่งคิดว่าใช้ไม่ได้เพราะไม่มีปัจจัยรองรับ ไม่ต้องเปลี่ยนความคิดคนอื่น แต่เปลี่ยนในส่วนของตัวเอง ทำให้สุดเขตอำนาจของตัวเอง

3. สำนักงานข่าวกรองฯจะบริหารบนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ เป้าประสงค์ ยุทธศาสตร์แห่งชาติ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจประเด็นเรื่องกลยุทธ์ต่างๆ จะได้เปลี่ยนแปลงไปตามหลักวิชาการ เพื่อให้เป็นกรอบคิดในการทำงานที่รับผิดชอบ การประเมินในยุคปัจจุบัน จะเป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำงาน การทำงานต้องมีตัววัดที่ชัดเจน สิ่งที่เกิดในระดับประเทศในองค์กร เปลี่ยนแปลงไปมีผลกระทบต่อทุนมนุษย์ สิ่งที่เรารับรู้ในวันนี้เราจะต้องปรับเพื่อรับกับสิ่งที่เราเผชิญ เราต้องมีปัญญา เพื่อแก้ปัญหาต้องเกิดการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำให้เรามีปัญญา และมีความคิด

 

สรุป Workshop

     การปฐมนิเทศในวันนี้ได้อะไรบ้าง

  • ได้เทคนิคในการเรียนจากอ.จีระ
  • นำทฤษฎีใหม่ๆมาเป็นต้นแบบในการพัฒนาคน
  • ได้แรงบันดาลใจในการเรียนและการทำงาน
  • ได้สร้าง Network
  • ได้แรงกระตุ้นและสร้างสังคมการเรียนรู้ในองค์กร
  • ความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาองค์กร
  • มนุษย์เป็นทุนที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาองค์กร
  • คนมีความสำคัญในองค์กรต้องทำงานร่วมกันเป็น Teamwork
  • แนวทางการพัฒนาตนเอง การรู้จักตนเอง
  • ได้วิสัยทัศน์ในการพัฒนาทุนมนุษย์ของสำนักข่าวกรองและวิธีการพัฒนาทุนดังกล่าวจาก อ.จีระ
  • การเรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องนำมาปฏิบัติด้วย
  • การริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
  • สำนักข่าวกรองแห่งชาติกำลังสร้างผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของประเทศและองค์กร

 

สวัสดีครับ.....ผมมาสายครับต้องขอโทษด้วยครับ

555 อย่างน้อยก็ได้เจอเพื่อนเก่า ได้พบเพื่อนใหม่ในห้อง ล่ะคร๊าบ แค่เริ่มต้นก้อเห็นปลายอุโมงค์แล้ว

เมื่อเช้าได้ฟังอาจารย์ให้ความรู้จากประสบการณ์รู้สึกประทับใจอาจารย์มากค่ะ

8 K's เพื่อการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ซึ่งประกอบด้วย

* Human Capital (ทุนมนุษย์)

* Intellectual Capital (ทุนทางปัญญา)

* Ethical Capital (ทุนทางจริยธรรม)

* Happiness Capital (ทุนแห่งความสุข)

* Social Capital (ทุนทางสังคม)

* Sustainability Capital (ทุนแห่งความยั่งยืน)

* Digital Capital (ทุนทาง IT)

* Talented Capital (ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ)

สขช.จะต้องสร้างแรงจูงใจให้เกิดความรักองค์กร และกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

รายงานตัวครับและจะนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้และกระจายความรู้ให้กับเพื่อนร่วมรุ่นอย่างต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง..และต่อเนื่อง

ปฏิญญาเพิร์ธ”หนุนบทบาทผู้นำรุ่นใหม่ สร้างเครือข่ายลด “ขัดแย้งทางศาสนา”

ารประชุม Interfaith Dialogue มีเป้าหมายสำคัญเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งที่เกิดจากความแตกต่างทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม อันจะนำไปสู่การสร้างความเข้าใจและสันติภาพให้เกิดขึ้นในที่สุด โดยการประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ “ผู้นำรุ่นใหม่” ซึ่งจะมีศักยภาพในการสร้างเครือข่ายเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มชนที่มีความแตกต่าง หลากหลายในภูมิภาคให้ก้าวเดินไปพร้อมกันและในทิศทางเดียวกันอย่างเป็น รูปธรรมต่อไป

เราจำเป็นต้องมีผู้นำในองค์กรอย่างไร

- ผู้นำที่มองว่าคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด มองเห็นคุณค่าของคน

- ผู้นำที่สามารถสร้างศรัทธาและความเชื่อม้นให้กับผู้ตาม

- มีวิสัยท้ศน์ มองทุกสิ่งในระยะยาว

- มีการตัดสินใจที่ดี

- มีพลังและความสุขในงานที่ทำ

- มีความอดทนไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค

ฯลฯ

ข้อคิดจากบทความ 8 บทเรียนผู้นำของ Mandela ที่ได้รับประการแรกคือ การเรียนรู้ประสบการณ์ของคนคนหนึ่งว่า คนเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในสภาวะใดก็สามารถพัฒนาคนและเรียนรู้ได้ หรือช่วยจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจกลายเป็นพลังขับเคลื่อน หรือทำให้ผู้อื่นเรียนรู้ในสิ่งที่เขาได้กระทำ โดย 8 ประเด็นของความเป็นผู้นำของ Mandela นั้น ในเรื่อง 1) ความกล้าหาญของ Mandela อยากกล่าวรวมถึงการเสียสละด้วย เพราะการที่ Mandela ยอมติดคุก 27 ปี เพื่อสร้างหรือจุดประกายนั้น กระทำได้ยาก น้อยคนนักจะยอมพลีตนให้ แต่เมื่อกล้าหาญก็จะได้รับผลสำเร็จกลายเป็น Role Model ต่อคนรุ่นหลัง 2) การเป็นผู้นำต้องรู้จังหวะวิธีจะอยู่เบื้องหน้าหรือหลังอย่างไร ดูสภาวะไหน 3) การจัดการบริหารศัตรูก็เป็นแนวคิดที่ล้ำเลิศ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “รู้เขารู้เรา” คือต้องศึกษาให้รู้ซึ้งถึงแก่นแท้ของเขา เพื่อให้รู้ว่าควรจะจัดการอย่างไร 4) คล้ายคลึงกับข้อ 3 การจะอยู่อย่างผู้นำควรใกล้ชิดกับศัตรูให้มากกว่า การมีมิตรที่ใกล้ชิดรู้จักรู้ใจกันเป็นเรื่องที่ดี แต่การรู้จักศัตรูยิ่งดีกว่า 5) ผู้นำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี ภาพลักษณ์คือ ภาพที่คนมอง ที่คนจะจดจำเรา ภาพลักษณ์ที่ไม่ดีมักจำได้มากกว่าที่ดี โดยเฉพาะในหมู่คนไทย ดังนั้น การเป็นผู้นำต้องรู้จักเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในทุกๆ ด้าน เหล่านี้สร้างกันได้ 6) แนวคิดที่ว่าไม่มีอะไรถูกหรือผิด 100% ข้อนี้ก็สำคัญ หากเราไป assumption สิ่งนั้นสิ่งนี้ไปแล้วว่าถูกหรือผิด จะทำให้ทัศนคติต่อสิ่งนั้น อาจผิดหรือเกินเลยไป การทำอะไรกลางๆ หรืออยู่บนความพอดีไว้ก่อนไว้ก่อน จะเป็นแนวทางให้เราสามารถประนีประนอม หรือต่างฝ่ายต่างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย 7) คนเราต้องเรียนรู้ก้าวย่างของตน รู้จังหวะเวลา รู้สถานการณ์ว่าแค่ไหนถึงจะพอ แค่ไหนถึงจะออกห่าง ไม่เชื่อความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ขณะเดียวกันก็ไม่เชื่อคนใกล้ชิดแวดล้อมเกินไป ไม่ใช่เชื่อ แต่รับฟังเมื่อฟังแล้วต้องคิด คิดอย่างไม่เข้าข้างตนเอง เมื่อคิดได้แล้วก็ต้องทบทวนดูอีกครั้ง การจะเป็นผู้นำที่ดีมีความสามารถคือ ต้องคิดวิเคราะห์ให้เป็น คิดวิเคราะห์ให้รอบด้าน เพื่อปรับวิธีคิดในการทำงาน ซึ่งตรงกับหลักการทำงานของ สขช. คือ ต้องคิดวิเคราะห์รอบด้าน ต้องแยกแยะเป็น งานที่ทำจึงจะประสบผลสำเร็จ

บทเรียนของ Nelson Mandela กับการเป็นผู้นำ สขช.

การเป็นผู้นำ สขช.ยุคใหม่ในทุกระดับ ที่ต้องนำพา สขช.สู่จุดหมายปลายทางอย่างมั่นคง และ ถูกทิศทาง ผู้นำยุคใหม่ ต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง และรับสิ่งใหม่ ที่ต่างไปจากแบบเดิมๆ เพื่อจุดประกายสมาชิกในองค์กร สร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้น และ นำพาองค์กรรุกไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง โดยแรงผลักดันของผู้นำการเปลี่ยนแปลง ต้องจริงจัง จริงใจ มีความไว้วางใจ และ เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ตาม รู้งาน รู้คน แล้วใช้ศักยภาพของคนเหล่านั้นอย่างเต็มที่ ผู้นำยุคใหม่ของ สขช.ต้องไม่ใช่การสื่อสาร และ สั่งการ แต่ต้องเปิดกว้างรับฟัง รู้จักการประนีประนอมบนพื้นฐานความถูกต้อง รู้จังหวะเวลารุก หรือ ถอย นอกจากนี้ที่สำคัญ คือ ผู้นำ สขช.ยุคใหม่ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา (Trust) เพื่อนำพาสมาชิกในองค์กรก้าวไปด้วยกัน (Team) อย่างมีจุดหมายเพื่อความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ (Tomorrow)

ทั้งหมดนี้ คือ การนำแนวคิดจากบทเรียนของ Nelson Mandela มาปรับใช้กับการพัฒนา สขช. สู่ความเป็นเลิศในทุกด้าน

------------------------------------------

นายสุวิมล มานะการ

ผู้เข้าอบรม

6/11/52

8 บทเรียนผู้นำของ Mandela

1. ความกล้าหาญ ผู้นำต้องมีความสามารถในการจุดประกายให้คนอื่นสามารถไปสู่ความเป็นเลิศ และสามารถเป็น Role model ได้

2. ผู้นำต้องเป็นผู้นำที่อยู่ข้างหน้า ต้องรู้จักรุกและรับ โดยไม่ประมาท

3. ผู้นำจะต้องทำให้คนที่เรายอมรับให้มีบทบาทนำ รู้สึกภูมิใจในความเป็นผู้นำอย่างสมศักดิ์ศรี และเป็นผู้นำอย่างแท้จริงไม่ใช่ตัวแทนของใคร

4. ผู้นำต้องรู้จักจัดการบริหารศัตรู ต้องรู้จักและศึกษาศัตรู เพื่อจะได้รับมือได้

5. ผู้นำควรให้ความใกล้ชิดทั้งกับคู่แข่งและมิตร

6. ผู้นำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี ต้องเป็นผู้มีเกียรติและความสง่างามในทุกสถานการณ์ และทุกเวลา เป็นผู้นำแบบ Charismatic Leadership

7. ผู้นำไม่ควรตัดสินอะไรแบบเน้นถูกหรือผิดแบบ 100% ควรจะใช้การประนีประนอมอย่างเหมาะสม ตกลงกันบนพื้นฐานแบบ win-win แต่ต้องรักษาหลักการไว้ด้วย

8. ผู้นำต้องรู้จัก “พอ” และ “ถอย” รู้จังหวะหรือห้วงเวลาที่เหมาะสม โดยต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน เพื่อปรับวิธีคิดและการทำงาน

การเป็นผู้นำจากกรณีของ Mandela แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะหรือสถานการณ์ใด ผู้นำต้องมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้บรรลุเป้าหมาย และแสวงหาสติและปัญญา พร้อมที่จะเรียนรู้ในทุกสถานการณ์ ทุกสถานที่ ซึ่งจะทำให้สามารถริเริ่มแนวคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เพื่อสร้างคุณค่าให้ตัวเอง และเป็นพลังหรือต้นแบบให้คนในองค์กรทั้งหมด เพื่อร่วมกันผลักดันให้องค์กรขับเคลื่อนต่อไป

สุภัทรา จันทรโฮ้วมณี

1. คุณลักษณะที่ดีของผู้นำตามแนวทางของ Mr.Nelson Mandela อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาแอฟริกาใต้

8 ข้อดังนี้.

1.1 มีความกล้าหาญ กล้าตัดสินใจ เพื่อนำองค์กรไปสู่เป้าหมาย แม้บางครั้งจะพบกับความผิดพลาดหรือล้มเหลว นั่นคือบทเรียน ที่ผู้นำต้องนำมาเป็นแบบอย่างหรือประสบการณ์ในการนำไปกำหนดทิศทางการทำงานให้กับตนเอง องค์กร และผู้ใต้บังคับบัญชา ต่อไป

1.2 มีภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ มนุษยสัมพันธ์ และมารยาททางสังคมที่ดี จะทำให้ได้รับการยอมรับ ศรัทธา ความไว้ใจ ทั้งจากคนในองค์กรและนอกองค์กร และพร้อมจะร่วมงานหรือให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มใจในทุกโอกาส

1.3 รู้จักบทบาท รู้จังหวะเวลาในการรุกหรือถอย เพื่อเพิ่มคุณค่าของตนเองในสายตาสาธารณชนและผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าประมาท

1.5 การประนีประนอม อย่าคิดว่าความคิดของตนเองถูกต้องที่สุด ต้องยอมรับและรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น นำส่วนที่ดีมาปรับใช้กับตนเองและงาน

1.6 นำอยู่ข้างหน้าอย่างสมศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจโดยการเป็นผู้นำอย่างแท้จริง จะได้รับการยอมรับและยกย่องจากทุกคน

1.7 สัมพันธภาพกับเพื่อนทั้งมิตรแท้และมิตรทางการเมือง/ธุรกิจ เพื่อวางเครือข่ายการทำงานหรือขอความร่วมมือในอนาคต

1.8 การรู้เขารู้เราอย่างครอบคลุมและรอบด้าน ความผิดพลาดจะลดน้อย หรือแก้ไขได้ทันเวลา

2. ข้อคิดและการนำมาปรับใช้กับ สขช.ในฐานะเป็นองค์กรข่าวกรองด้านความมั่นคง ต้องรู้เขารู้เรา ข่าวต้องรวดเร็วและทันเวลาต่อการใช้ประโยชน์ ผู้นำต้องรอบรู้ รอบคอบ และมีวิสัยทัศน์ ในการนำความรู้และข้อมูลมาวิเคราะห์อย่างรอบด้าน แยกแยะส่วนที่ดีที่มาใช้ประโยชน์และตรงประเด็น เพื่อใช้กำหนดแผนการทำงานและเตรียมมาตรการป้องกันยับยั้งอย่างทันเวลา

สร้อยสน ทิพย์มณเฑียร

สรุปบทเรียนของ Mandela

- ความกล้าหาญ คือความสามารถที่จะเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่น ๆ ประสบความสำเร็จสู่ความเป็นเลิศ

- การเป็นผู้นำที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องหลัง คือต้องเป็นทั้งผู้รุกผู้รับที่อยู่บนความไม่ประมาท และควรทำให้ผู้นำที่อยู่เบื้องหลังรู้สึกภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรี

- ต้องรู้จักคู่แข่ง หรือการบริหารจัดการคู่แข่ง ศึกษาว่าเขาชอบไม่ชอบอะไร

- ผู้นำควรทำความรู้จักและมีความใกล้ชิดกับคนทุกประเภท แม้แต่คู่แข่ง หรือคนที่ไม่สนิทสนม

- ผู้นำควรมีภาพลักษณ์ที่ดี ทำตัวให้มีเกียรติและสง่างาม อัธยาศัยดี

- มีการประนีประนอม พบกันครึ่งทาง

- ผู้นำควรรู้จักพอเพียงและถอยในบางโอกาส

การนำมาปรับใช้ใน สขช.

สขช.ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านความมั่นคง ผู้นำต้องมีความกล้าที่จะเผชิญกับความเสี่ยงและเป็นตัวอย่างให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา กล้าที่จะเผชิญปัญหา เผชิญกับความจ็บปวด และต้องเป็นทั้งผู้รุกและผู้รับที่อยู่บนความไม่ประมาท ต้องรู้จักศัตรูและบริหารจัดการให้ดีเพื่อความอยู่รอดของประเทศ และควรมีมนุษยสัมพันธ์กับคนทุกระดับมีทั้งพี่ เพื่อน และน้อง เพื่อให้การบริหารงานในลักษณะบูรณาการก้าวไปอย่างมั่นคง รวมถึงการมีภาพลักษณ์ บุคลิกที่ดี มีอัธยาศัย รู้จักประนีประนอม ยอมถอยในบางโอกาส และควรมีความพอเพียงหรือรู้จักถอยในบางโอกาส

ข้อคิดจากกรณีศึกษา 8 บทเรียนผู้นำของ Mandela

สิ่งที่สำคัญที่สุดของการป็นผู้นำรุ่นใหม่ ต้องมีแนวคิดแบบสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องรู้สึกว่าสูญเสีย แต่ก็จะต้องไม่ได้รับครบทุกความต้องการ หรืออยู่ในจุดที่ร่วมที่พอใจทั้งสองฝ่าย จึงจะสามารถนำพาองค์กรไปสู่จุดม่งหมายหรือภารกิจหลักได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งนี้ทั้งผู้นำและคนในองค์กรจะต้องปรับเปลี่ยนแนวคิดในการทำงานในอยู่ในลักษณะของการยอมรับ/รับฟังความคิดอื่นมากกว่าการใช้แนวคิดแบบบังคับบัญชาและสั่งการตามรูปแบบเดิม

8 ประเด็นของความเป็นผู้นำของ Nelson Mandela

ในมุมมองทางการข่าวใน 8 ประเด็นหรือหลักคิดของ Mandela จะไม่เกิดขึ้นได้หากไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ความต้องการตัวเอง

ไม่ประมาณประเมินตัวเอง ขาดความมุ่งมั่น ท้อแท้และย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรคที่ประสบ แต่กลับมีความเชื่อในสิ่งที่ตนทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ประโยชน์ของคนในชาติเป็นส่วนรวมโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนาหรือชาติพันธุ์

ความมุ่งมั่นตั้งใจทำในสิ่งที่เห็นว่าถูกต้อง แม้จะใช้เวลามากมายในการฟันฝ่า เป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ตนเอง ในขณะเดียวกันยังเพียรพยายามศึกษาตัวเอง ศึกษาเป้าหมายให้ถ่องแท้ ถึงการเอาชนะเป้าหมาย ปัญหาอุปสรรค ในกรณี Mandela ใช้การบริการจัดการศัตรู โดยเน้นการศึกษาศัตรู ภายหลังเรียนรู้และรู้จักตัวเอง ในทางการข่าว

เป็นกลยุทธิ์ในตำราพิชัยสงครามของซุนวูที่ว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ไม่รู้เขาแต่รู้เรา ชนะหนึ่งพ่ายหนึ่ง ไม่รู้เขาไม่รู้เรา ทุกรบจักพ่ายแพ้"

เช่นเดียวกันในหลักการทางการข่าวหากไม่มีความมุ่งมั่น ไม่ศึกษาตัวเอง ไม่รู้จักตัวเองเสียก่อน ไม่รู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ความสำเร็จความพ่ายแพ้ และไม่ศึกษาเป้าหมายให้แจ้งชัด ย่อมตกเป็นเบี้ยล่าง และนำพาประชาชน ประเทศชาติไปสู่

ความเสี่ยง

การเป็นผู้นำที่ดีมีความคิดที่รอบคอบ มีจุดยืนที่แน่วแน้ไม่ทำอะไรบนความประมาท และในบางครั้งการเป็นผู้นำก็ต้องมีความภาคภูมิใจในตัวเอง พร้อมทั้งกล้าที่จะจัดการกับทุกสิ่งที่จะต้องเผชิญ และต้องรู้จักสังเกตคู่ต่อสู้ของเราด้วย ว่าเขาชอบอะไร คือการรู้เขารู้เรา มีการสร้างความใกล้ชิดรู้จักคู่แข่งเป็นอย่างดี มีความยือหยุ่น รู้จักการยอมรับในเรื่องแพ้หรือชนะ ประนีประนอม รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นแล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อนำมาปรับใชในการทำงาน แต่อย่างหนึ่งที่ผู้นำจะขาดไม่ได้คืนการเสริมสร้างบุคลิกที่ดูน่าเชื่อถือ และดูดี เพราะบุคลิกเป็นการสิ่งที่เห็นเป็นอันดับแรกจากภายนอก รวมทั้งการมีมนุษยสัมพันธ์ทีดี และมารยาททางสังคมที่ดีก็ถือได้ว่าเป็นการเสริมสร้างบุคลิกที่ดีของการเป็นผู้นำด้วย

จากบทความที่อ่านการเป็นผู้นำสามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานในองค์กรได้ ดังนี้

๑. การเป็นผู้นำต้องมีทักษะในการบริหารงานคือ รู้ปัญหาต่าง ๆ ของลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน

ต้องหาทางแก้ไข ปรับปรุง และต้องฝึกฝนให้ลูกน้อง หรือผู้ร่วมงานไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จ

๒. การสร้างความปรองดองให้เกิดกับผู้ร่วมงาน ก็จะทำให้องค์กรประสบผลสำเร็จ

๓. ผู้นำต้องกล้าที่จะจุดประกายให้คนอื่นสามารถไปสู่จุดของความเป็นเลิศได้

๔. การเป็นผู้นำที่อยู่ข้างหน้าต้องคอยตั้งผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้มีความอ่อนแอและประมาท

๕. ต้องสร้างความภาคภูมิใจ และความมีศักดิ์ศรีให้ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีบทบาทอยู่ข้างหน้า

๖. ผู้นำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี มีเกียรติ มีความสง่างาม ก็จะทำให้องค์กรมีภาพลักษณ์ที่ดี

๗. ผู้นำต้องมีความประนีประนอมที่เหมาะสม และหาทางตกลงกันได้

๘. ผู้นำที่ดีต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์แบบ ๓๖๐ องศา เพื่อปรับวิธีคิดและวิธีการทำงาน

นนท์ธนา โกไศยกานนท์

ข้อคิดจาก 8 บทเรียนผู้นำของ Mandela

การเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ซึ่งต้องให้ความเอาใจใส่ดูแลต่อผู้ใต้บังคับบัญชา ในขณะเดียวกันต้องทำหน้าที่รับผิดชอบการนำองค์กร ต้องมีแนวคิดในหลักการแบบ win win ทั้งสองฝ่าย ไม่ทำให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดต้องรู้สึกว่าเป็นผู้แพ้ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ละเลยต่อระเบียบกฏเกณฑ์ขององค์กรด้วย ในขณะเดียวกันควรให้ความสนใจต่อแนวความคิดการรู้เขารู้เรา และรับฟังความคิดเห็น เพื่อพัฒนาคนในองค์กรให้สามารถต่อสู้ปัญหาและอุปสรรค เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

แนวความคิดของ MANDELA ที่นำมาใช้กับ สขช.ใช้ได้เกือบทุกข้อ แต่แนวคิดที่ผมชอบคือ การเป็นผู้นำที่ดีต้องรู้ว่าจังหวะไหนควร”พอหรือถอย”เพราะการทำงานหากเรารุกอย่างเดียวก็อาจพลาดพลั้งโดยได้ ควรมีการวางแผนและมองกว้างๆเช่น หากเรามีโอกาสก็ควรเปิดเกมรุก ถ้าฝ่ายตรงข้ามรุกบ้างเราก็ควรหยุดหรือถอย เพื่อรอดูและหาจังหวะที่เราจะรุกต่อ เปรียบได้ดั่งการเล่นฟุตบอลต้องมีรุกและรับ เพราะการรุกหาข่าวอย่างเดียวเราอาจเสียเรื่อง รปภ.ได้ ฉะนั้นการทำงานควรได้ข่าวและมีการ รปภ.ที่ดีด้วย/ธนิต

จากบทเรียนของผู้นำของ Mandela ที่นำมาปรับใช้กับ Nia

1. ความกล้าหาญ ผู้นำควรมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงบางเรื่องที่คนในองค์กร ที่ทำกันเป็นประจำ โดยไม่มีการพัฒนา ปรับปรุง ซึ่งอาจจะถูกต่อต้านจากคนในองค์กร แต่ต้องอดทน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีในอนาคต

2. การนำอยู่ข้างหลัง ด้วยการมอบอำนาจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้รับผิดชอบในเรื่องใดแล้ว ควรไว้ใจให้เขาได้มีอิสระในการตัดสินใจ และคอยดูแลอยู่ห่างๆ

3. ผู้นำต้องมีการประนีประนอม มีความยืดหยุ่นที่เหมาะสม แต่ต้องคงไว้ในหลักการที่ถูกต้อง ถ้าจะเอาแต่ชนะกัน ก็จะเกิดความวุ่นวายในองค์กร

ความเป็นผู้นำของ Mandela กับการทำงานใน สขช. ตลอดระยะเวลาในการปฏิบัติงานต้องเผชิญทั้้งสุขความทุกข์ ความเหนื่อยความรำบาก ความยินดีความเสียใจ และความหวัง ทั้งหมดต้องอดทนกล้าหาร เพื่อเป็นหลักให้ตนเองมีความมั่นคงแน่วแน่ และมีสมาธิเพื่อปฏิบัติงาน โดยมองไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมายทั้งรุกและตั้งหลักรับอย่างมียุทธวิธี พร้อมทั้งเป็นแบบอย่างเพื่อส่งเสริมให้เพื่อนร่วมงานสามารถเดินนำไปข้างหน้าเพื่อจุดหมายเดียวกันของทั้งองค์กร หลักในการเดินยุทธวิธีคงหนีไม่พ้นรู้เข้ารู้เรา มีรายละเอียดของฝ่ายตรงข้ามมากเท่าไรเป้าหมายเรา้ก็ใกล้เข้าไปเท่านั้น และเกิดผลสำเร็จที่สมบูรณ์มากที่สุด การเป็นผู้นำไม่ใช่จะนำเฉพาะฝ่ายเราจะต้องนำฝ่ายตรงข้ามให้ได้และจะต้องเข้าไปสู่ไข่แดงของฝ่ายตรวข้ามให้ได้ ก็หมายถึงการรุกเพื่อเอาชนะใจฝ่ายตรงข้ามเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตร (สขช.ต้องเปลี่ยนฝ่ายตรงข้ามมาเป็นเพื่อนเพื่อเป้าหมายและจบภารกิจหรือแสวงประโยชน์ต่อ) ในสังคมของการทำงานปิดทองหลังพระมีมากมายที่ต้องแสดงออกอย่างเปิดเผยบนความแนบเนียนที่เปิดสิ่งผิดปกติไม่ได้ มันคือภาพลักษณ์ที่ต้องเดินในสังคมของการทำงานปิดทองหลังพระ ดังนั้นการปรับตัวให้เหมาะสมและเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้จึงสำคัญมากที่สุด.....

บทเรียนผู้นำของ Mandela กับการนำไปใช้ในข่าวกรอง

ในที่นี้จะหมายถึงการนำไปใช้ในฐานะผู้นำองค์กร

1.ความกล้าหาญ ผู้นำต้องกล้าที่จะจุดประกายหรือเป็นต้นแบบที่ดีในการที่จะทำให้ผู้ตาม

พร้อมหรือร่วมมือที่จะทำให้องค์กรก้าวสู่ความเป็นเลิศ

2. การเป็นผู้นำอยู่ข้างหน้า ผู้นำต้องพร้อมที่จะเป็นผู้รุก ผู้รับ และผู้ป้องกัน

3. การนำอยู่ข้างหลัง เป็นผู้ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือลูกน้องเกิดความรู้สึกมั่นใจหรือภูมิใจในสิ่ง

ที่ได้มอบหมายให้ทำ เชื่อมั่นในตัวลูกน้องและทำให้ลูกน้องเชื่อมั่นในตัวเรา

4. จัดการบริหารศัตรู ผู้นำต้องรู้จักศัตรู ศึกษาศัตรูว่ามีจุดแข็งจุดอ่อนอย่างไรเพื่อนำมาปรับกลยุทธ์

ในการทำงานรุกและงานรับขององค์กร

5. ต้องใกล้ชิดกับเพื่อน ผู้นำต้องใกล้ชิดและเข้าใจเพื่อนร่วมงานในทุกระดับชั้น และต้องใกล้ชิด

กับคู่แข่งหรือศัตรูขององค์กรเพื่อหาวิธีในการจัดการกับศัตรูได้อย่างมีชั้นเชิง

6. ผู้นำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี การมีภาพลักษณ์ที่ดีของผู้นำจะทำให้องค์และผู้ใต้บังคับบัญชา

มีภาพลักษณ์ที่ดีไปด้วย สร้างความภูมิใจและความศรัธทาให้กับองค์กร

7. อย่าเน้นถูกหรือผิด 100% ผู้นำต้องมองทุกสิ่งทุกอย่างแบบมีทางออกอย่ามองแค่สองทาง

มีความยืดหยุ่น ประนีประนอม ซึ่งต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง

8. รู้ว่าจะ “พอ” หรือ “ถอย” ในที่นี้หมายถึง ผู้นำต้องรู้จักความพอดี ไม่มากหรือน้อยเกินไป

รู้จักพอหรือถอยเพื่อถนอมตัวหรือเพื่อตั้งรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต

ช่อทิพย์ พงษ์อังกูรสกุล

8 บทเรียนผู้นำของ Mandela กับการนำไปใช้ในงานข่าวกรอง

คุณสมบัติของผู้นำยุคใหม่ที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้องค์กรประสบความสำเร็จบรรลุตามเป้าหมายนั้น ผู้นำจะต้องมีความเข้าใจในตัวของบุคลากรในองค์กรให้มากที่สุด และต้องเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของบุคลากรเพราะการจะทำงานให้ได้ประสิทธิภาพและประสิทธิผลต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจกันของสมาชิกทุกคนในองค์กร ดังนั้น ผู้นำจะต้องเป็นแบบอย่างที่ดีและจุดประกายให้ผู้ตามเกิดความคิดที่พร้อมจะก้าวไปสู่จุดมุ่งหมายเดียวกันขององค์กรด้วยความเชื่อมั่น โดยต้องให้การสนับสนุนและให้คำปรึกษาอย่างจริงใจ อบอุ่น เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันที่มีความไว้ใจ เชื่อใจกันและเป็นกำลังใจให้เสมอ อีกทั้งผู้นำต้องพัฒนาสมาชิกในองค์กรให้มีความรู้ มีทักษะ มีความเชี่ยวชาญ ในหน้าที่การงานเพื่อที่จะทำให้องค์กรเจริญเติบโตก้าวหน้าต่อไปในอนาคต

ทั้งนี้ ผู้นำจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และความคิดเชิงบวก เพื่อที่จะสร้างแรงผลักดันให้ผู้ตามเกิดความคิดในแบบเดียวกัน อย่าปล่อยให้ตนเองมีพลังในการผลักดันองค์กรเพียงผู้เดียวจำเป็นต้องสร้างแรงจูงใจ แรงกระตุ้นให้ผู้ตามเกิดความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานด้วยวิธีการรูปแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากที่ผ่านมาเพื่อทำให้การทำงานมีความรวดเร็วและตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายขององค์กรได้ชัดเจน ครบถ้วน และสิ่งที่ผู้นำต้องคำนึงถึงอีกอย่างคือ ต้องรู้จักปล่อยวาง และรู้ว่าเวลาใดควร พอ หรือ ถอย ต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าถ้าสิ่งใดไม่ถูกต้องก็ไม่ควรทำซ้ำอีก

หลักการเป็นผู้นำของเนลสัน ที่ผู้นำ สขช.พึงมี

1.ผู้นำในทุกระดับของ สขช.ต้องมีความกล้าท่ีจะคิดทำสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อนำองค์กรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งกล้าที่จะรับผิดชอบต่องานท่ีตนเองกระทำ

2.การจัดทำแผนรองรับเหตุการณ์ไม่คาดคิด ท่ีเกิดจากการปฏิบัติภารกิจ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

3.ควรมีความยืดหยุ่น ไม่เคร่งครัดในหลักการ จนทำให้บรรยากาศในการทำงานตึงเครียด เพราะจะทำให้ผลงานท่ีออกมาไม่ดี และส่งผลให้บุคลากรไม่รักองค์กร

รับรู้แนวคิดในการทำงานต้องมีคุณสมบัติผู้นำคือ

๑.ต้องมีการสั่งสมประสบการที่ยาวนานทั้งความล้มเหลวและความสำเร็จโดยนำความสำเร็จเป็นสิ่งที่ต้องพัฒนาให้ดีขึ้นและความล้มเหลวนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการแก้ไขและใช้เป็นพลังในการทำงานในอนาคต

๒.ต้องเรียนรู้สังคมในภาพกว้างและเข้าใจถึงและแก่นแท้ของปัญหาโดยมองในเชิงบวก ให้ความสำคัญกับประโยชน์ส่วนรวมแม้ตนเองจะต้องเสียสละความสุขส่วนตัวบ้าง

๓.นำความคิดมาแปรไปสู่การปฏิบัติ

๔.ทบทวนแผนงาน พร้อมที่จะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงต่อยอดให้ถึงจุดเป้าหมาย

.......................................

บทเรียนผู้นำของ Mandela และการนำไปปรับใช้ใน สขช.

ผู้นำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี Charismatic Leadership สง่างามเสมอเวลาพบปะผุ้คน ถ้าผู้นำของ สขช. มีความสง่างาม องค์กรก็จะสง่างามไปด้วย ผู้นำต้องกล้าหาญอดทน บางครั้งต้องยอมรับกับความเจ็บปวดในวันนี้เพื่อสิ่งที่ดีกว่าในวันข้างหน้า

บทเรียนของ Mandela กับการเป็นผู้นำของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

การเป็นผู้นำของ สขช.ต้องมีความกล้าหาญในการจุดประกายกระตุ้นผลักดันให้คนอื่น ผู้ร่วมงานในองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ เพื่อองค์กรเป็นเลิศต่อไป เนื่องจากผู้นำไม่สามารถทำงานหรือบริหารงานได้เพียงลำพังหรือใช้ผู้ร่วมงานเพียงกลุ่มเดียว

นอกจากนั้นผู้นำของ สขช.ต้องเป็นบุคคลที่รู้จักจะจัดการบริหารศัตรู โดยเฉพาะเป้าหมายภารกิจขององค์กรเพื่อการนำพา กำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี ที่เหมาะสมถูกต้อง ต้องใกล้ชิดทั้งกับเพื่อนร่วมงาน และเฉพาะอย่างยิ่งคู่แข่งหรือศัตรู รวมทั้งผู้นำ สขช.ไม่ควรมีแนวความคิดเน้นถูกหรือผิดแบบ 100% ต้องเสนอแนะแนวทาง/ทางออกของการแก้ไขปัญหา หรือแนวทางการประนีประนอมที่เหมาะสมต่อความมั่นคง/ผลประโยชน์ของชาติให้ทุกฝ่ายตกลงกันได้แบบ Win-Win

บทเรียนผู้นำของ Mandela ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับผู้นำของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

การเป็นผู้นำที่ดีต้องสร้างศรัทธาให้เกิดในตัวเองเพื่อเป็นต้นแบบและตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ต้องมีการวางแผนการทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับอย่างรอบครอบไม่ตั้งอยู่บนความประมาท และต้องสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ที่เรามอบหมายงานให้ไปปฏิบัติหน้าที่ และต้องมีการวิเคราะห์ศึกษาเป้าหมายต้องรู้จักเขารู้จักเราจึงจะเข้าถึงเป้าหมายได้และจัดการกับเป้าหมายได้ การเป็นผู้นำต้องสร้างบุคลิกภาพที่ดีเพื่อสร้างความเชื่อถือให้เกิดแก่ผู้พบเห็น และต้องมีการปรับเปลี่ยนความคิดวิธีการทำงานให้ทันตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคโลกาภิวัตร ไม่ยึดมั่นในความคิดของตัวเองต้องยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับ/ผู้ร่วมงานเพื่อจะได้ทำงานไปด้วยกันโดยไม่มีใครแพ้ใครชนะ

ความเป็นผู้นำ ต้องมีความกล้า ในหน้าที่ ฐานะผู้นำเพื่อสร้างศักยภาพให้เป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชา จากการที่เราสั่งสมประสบการณ์จากผู้นำที่ประสบความสำเร็จ และนำแบบที่เด่นของแต่ละคนมาประยุกต์ใช้ปฏิบัติงานและที่สำคัญจะต้องมองเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง ว่ามีความสามารถด้านใดและมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ ความคิดเห็นของแต่ละคนมาปรับใช้ในการปฏิบัติงาน

ลักษณะการเป็นผู้นำของ Mandela ได้เปลี่ยนมุมมองใหม่ให้กับดิฉัน ทำให้เห็นว่าปัญหาอุปสรรคที่ผ่านมาเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก หากจะพาตนเองขึ้นไปสู่ภาวะผู้นำได้ ดังนั้น การปฏิบัติงานในห้วงต่อไปนี้ดิฉันควรมองทุกอย่างที่ได้รับไม่ว่าด้านดีหรือด้านไม่ดี มาทำความเข้าใจและเรียนรู้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นประโยชน์สร้างความรู้ใหม่ ๆ ให้กับตนเอง และทำความรู้จักกับพวกเดียวกันรวมทั้งฝ่ายตรงข้ามให้เข้าใจอย่างถึงที่สุด ซึ่งจะทำให้เราวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมในการรับมือ.....

ผู้นำแบบ Mandela ให้แนวคิดในเรื่องความเป็นผู้นำในด้านความกล้าที่จะเผชิญปัญหา และหาแนวร่วม สร้างศรัทธา ศึกษาปัญหาอย่างรอบครอบ ใช้ความประนีประนอม แก้ปัญหา รู้ว่าเวลาไหนควรรุก เวลาไหนควรหยุด หรือถอย รวมทั้งการสร้างภาพลักษณ์ที่ดี มีอัทธยาศัย เป็นมิตร ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นมิตรกับคนรอบข้าง สร้างความเชื่อมั่น และเชื่อใจ

นางสาวบุษบา บรรชาติ

บทเรียน ของ Mandela ดิฉันสามารถนำมาประยุกต์การเป็นผู้นำใน สขช. ได้ดังต่อไปนี้

1.การเป็นผู้นำขององค์กรที่ดีต้องเป็นต้นแบบที่ดีเพื่อที่จะสามารถจุดประกายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้เพื่อความเป็นเลิศของเขา

2. การเป็นผู้นำต้องรู้จักทั้งการรุกและตั้งรับในเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม

3.การเป็นผู้นำอยู่เบื้องหลังเราต้องไว้ใจ เชื่อใจ ศรัทธา หรือให้อำนาจเขาที่จะนำอย่างเต็มที่ ต่อคนที่เราให้เป็นผู้นำเรา

4. การจะเอาชนะศัตรู ต้องรู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง โดยต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู รบกี่ครั้งเราก็จะเป็นผู้ชนะ

5.ผู้นำต้องรักษาภาพลักษ์ที่ดี ต้องระมัดระวังการแสดงออกทุกด้าน เพราะทุกคนจะจับตามองคนที่เป็นผู้นำมากกว่าคนอื่น

ทั้งด้านดีและไม่ดีของเรา

6.ผู้นำต้องประสานผลประโยชน์ของทุกคนทุกฝ่าย ต้องให้ทุกคนได้ประโยชน์กับการตัดสินใจของเรา

7.ผู้นำที่ดีต้องไม่โลก เพราะความโลภจะทำให้เกิดความประมาท และอาจอให้เกิดความเสียหายตามมา

การเป็นผู้นำที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมายและประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ต้องเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสีย เสียสละ อดทน ใจกว้าง มีมนุษย์สัมพันธ์ น่าเชื่อถือ หนักแน่นถึงแม้จะมีแรงกดดันจากรอบด้าน

ส่วนประเด็นที่จะนำมาปรับใช้กับการทำงานก็คือถ้าเราต้องการจะหาข้อมูลข่าวสารของฝ่ายตรงข้าม เราจะต้องรู้ข้อมูลของเขาให้มากที่สุด เพื่อหาจุดแข็งและจุดอ่อน และทำให้เขายอมรับ เชื่อมั่น ไว้วางใจเรา ตลอดจนการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง

นวัตกรรมเชิงคุณค่า (Value Innovation) ที่ซึ่งเคยเป็นหัวใจสำคัญของการคิดกลยุทธ์แบบน่านน้ำสีคราม

จาก ๘ ประเด็นของการเป็นผู้นำของ Mandela นับได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อบทบาทของการเป็นผู้นำทั้งสิ้น โดยเฉพาะการเป็นผู้นำ

ที่จะต้องเป็นผู้นำที่"อยู่ข้างหน้า" โดยไม่ปล่อยให้แนวหลังอ่อนแอ และจะต้องเป็นผู้นำที่อยู่"ข้างหลังได้" โดยเล็งเห็นคนที่เรายกย่อง

ให้อยู่ข้างหน้า และให้เขารู้สึกว่าเขาอยู่ข้างหน้าด้วยความภาคภูมิใจและสมศักดิ์ศรี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำที่สามารถจะนำและตามได้อย่างครบถ้วน และสมบูรณือย่างแท้จริง

การเป็นผู้นำที่ดีจะต้องมีความกล้าในการตัดสินใจ เป็นแบบอย่างที่ดี ใฝ่เรียนรู้

ฝ่ายตรงข้ามให้มาก โดยการเข้าถึง เข้าใจ การเป็นผู้นำจะต้องรู้จักรุก รับ และ

ถอย เพื่อก้าวไปสู่ชัยชนะข้างหน้า แต่อย่างไรก็ตามการเป็นผู้นำสู่การเปลี่ยน

แปลงที่เป็นเลิศจะต้องไม่สร้างศัตรู ทั้งนี้ผู้นำจะต้องไม่ลืมหรือเอาใจใส่ผู้อยู่

เบื้องหลัง/ผู้สนับสนุน หรือทีมงานนั้นเอง

แนวคิดต่อการนำแนวทางการบริหารจัดการบุคคลมาประยุกต์ใช้กับ สขช.

1. องค์กรต้องมีความกล้าหาญในการคัดเลือกคนที่เหมาะสมกับงานของคนนั้นๆ สร้างการเป็นผู้นำที่หลากหลาย มีความพึงพอใจในบทบาทของตัวเองและคนอื่นๆ รวมถึงทั้งประเทส รวมถึงคนทั้งโลก

2. ถ้ามีความเข้าใจความเป็นมนุษย์อย่างลึกซึ้ง เราก้จะมีความเชื่อมั่นในตัวเองและผู้อื่น สังคมก็จะสู่ความสุขสันติ

3. สรุปเป็นแนวทางที่ดีในการครองตน สามารถปรับใช้ได้กับทุกสังคม ที่สำคัญต้องเริ่มที่ตัวเอง.

ประสพโชค

Blue Ocean Strategy

Blue Ocean Strategy หรือ กลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงิน เป็นแนวคิดที่มาจากนักวิชาการสองคนชื่อ W. Chan Kim และ Renee Mauborgne ซึ่งทั้งคู่เป็นอาจารย์จาก INSEAD สถาบันทางด้านบริหารธุรกิจชื่อดังในฝรั่งเศส เช่นเดียวกับพัฒนาการของแนวคิดทางการจัดการอื่นๆ ที่โด่งดัง นักวิชาการทั้งสองท่านได้ร่วมกันเขียนบทความที่นำไปสู่เรื่องของ Blue Ocean ในวารสาร Harvard Business Review

หลักการของ Blue Ocean นั้น จะไม่มุ่งเน้นที่จะตอบสนองต่ออุปสงค์ที่มีอยู่ แต่จะเน้นในการสร้างความต้องการหรืออุปสงค์ขึ้นมาใหม่ หรือที่เรียกว่า Demand Creation โดยไม่สนใจและให้ความสำคัญกับคู่แข่งเดิมๆ ที่อยู่ในอุตสาหกรรม เป็นการสร้างความต้องการของลูกค้า และอุตสาหกรรมใหม่ขึ้นมา ก่อให้เกิดประโยชน์หรือคุณค่าทั้งต่อองค์กรเองและลูกค้า โดยลูกค้าก็จะได้รับคุณค่าที่ก่อให้เกิดความแตกต่าง ในขณะที่องค์กรก็จะลดต้นทุนในส่วนที่ไม่จำเป็น และนำไปสู่การเติบโตขององค์กร

หลักการเป็นผู้นำที่ดีของ Nelson Mandela ควรนำมาใช้เพื่อพัฒนาตนเอง ทั้งในการทำงานและสร้างลักษณะนิสัยส่วนตัวในการเป็นผู้นำที่ดีในอนาคต เนื่องจากคำว่าผู้นำไม่ได้หมายถึงเฉพาะ ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรเท่านั้น หากแต่รวมถึง จนท.ทุกคน ที่องค์กรควรให้ความสำคัญและพัฒนาให้มีภาวะผู้นำเพื่อจะปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่ตนรับผิดชอบให้เต็มความสามารถ ซึ่งในที่สุดก็จะส่งผลให้องค์กรพัฒนาไปได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ผู้นำของ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาบุคคลภายนอก มีความกล้าหาญและจุดประกายให้เจ้าหน้าที่ในองค์การยึดถือเป็นแบบอย่าง และมีความใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ในองค์การ

คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

สัปดาห์นี้ มีกรณีคดีการเมืองน่าสนใจหลายคดีที่เป็นบทเรียนที่ดีต่อนักการเมืองรุ่น ปัจจุบันที่กำลังเวียน ว่าย ตาย เกิดในการเมืองและบุคคลอื่นๆ ในหน้าของบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Nation วันที่ 4 พฤศจิกายน ได้พูดน่าสนใจว่า กรณีคุณทักษิณอาจจะใช้บทเรียนทั้ง 2 กรณี ได้ทั้ง 2 แนว

แนวแรก แบบคุณรักเกียรติ ยอมรับว่าคดีสิ้นสุดแล้ว มารับโทษและให้กระบวนการยุติธรรมเดินไปในแนวทางสุดท้ายซึ่งเป็นอยู่ในขณะนี้ แต่คุณทักษิณใช้วิธีการที่ 2 คือ

* หนีคดีไปต่างประเทศ ใช้ชีวิตเร่ร่อนหาที่อยู่ไปตามประเทศต่างๆ ระแวงอยู่ตลอดเวลาว่าจะถูกจับหรือถูกส่งกลับหรือไม่?

* แต่ผมคิดว่า น่าจะมีกรณีที่ 3 คือ กรณีคุณราเกซ ในขณะนี้คือหนีไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ต้องกลับมารับโทษอยู่ดี เพราะการตัดสินคดีความเมื่อถึงที่สุด ยากที่จะกลับไปเป็นอย่างอื่น เพราะกระบวนการยุติธรรม (ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ 100%) เมื่อตัดสินถึงที่สุดแล้ว ทุกคนจำเป็นจะต้องยอมรับ

ผู้อ่านที่ติดตามกรณีความดังกล่าว คงจะช่วยศึกษาบทเรียนของคุณรักเกียรติและคุณราเกซ จะช่วยให้คนไทยเข้าใจกรณีคุณทักษิณได้มากขึ้น เพราะคนไทยทุกคนไม่ควรจะอยู่เหนือกฎหมาย Rule of Law

สัปดาห์นี้ ผมอยากออกความเห็นเรื่องบิ๊กจิ๋ว เวลาวิเคราะห์บิ๊กจิ๋ว น่าจะมองทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนของท่าน คนไทยมักจะแบ่งฝ่าย ถ้าทำอะไรไม่ถูกใจ อีกฝ่ายก็โจมตีทุกๆ เรื่อง อีกฝ่ายหนึ่งชอบก็จะเชียร์ทุกๆ เรื่อง บิ๊กจิ๋วก็เป็นผู้ใหญ่ที่มีประโยชน์ต่อประเทศ มีประสบการณ์มากมาย มีความรู้

ผมเองตอนอายุยังไม่ 40 ได้รับเชิญจากท่านไปคุยด้วยหลายครั้ง ในฐานะนักวิชาการ ขณะนั้นท่านยังไม่ได้รับตำแหน่ง ผบ.ทบ.ด้วยซ้ำไป แสดงว่าท่านสนใจสร้าง Network ให้กำลังใจคนหลายๆ กลุ่มในสังคมไทย

ช่วงที่บิ๊กจิ๋วทำงานร่วมกับป๋าเปรม กรณี 66/2523 คือให้โอกาสคนไทยที่ฝักใฝ่พรรคคอมมิวนิสต์กลับใจ

หรือความผิดพลาดในการลอยตัวค่าเงิน ก็ลาออกแบบไม่ดื้อดัน เป็นตัวอย่างของความเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง

ดังนั้นที่บิ๊กจิ๋ว มาร่วมการเมืองใหม่กับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง อายุเกือบ 80 ปี เพราะอะไร? มีเหตุผลน่าคิด น่าพิจารณาว่าทำไปเพราะอะไร?

นายรักเกียรติ สุขธนะ, นายราเกซ สักเสนา

อย่างแรก

* อาจจะคิดว่าจังหวะที่จะช่วยประสานความสามัคคีในชาติได้

* ถ้าเข้าพรรคเพื่อไทยแล้ว อาจจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะพรรคเพื่อไทยขาดผู้นำหรือผู้มีประสบการณ์

* ประสบการณ์ต่างๆ ที่สะสมมานาน อาจจะช่วยประเทศได้

ผมเลยคิดว่าไม่ว่าจะเป็นเหตุผลอะไรก็ตาม ลองพิจารณาดูตารางจุดแข็ง จุดอ่อนของท่าน

จุดแข็ง

1. มีความเป็นสุภาพบุรุษ

2. มีความรู้มาก

3. มีประสบการณ์การเมือง, ต่างประเทศ และทหาร

4. เคยเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากอีสาน

5. จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์

จุดอ่อน

1. ความรู้มากเกินไปจึงไม่สามารถถ่ายทอดให้ประชาชนเข้าใจแบบง่ายๆ

2. ชอบสัญญากับหลายๆ กลุ่ม แต่ทำไม่ได้

3. ชีวิตยังไม่นิ่ง คล้ายๆ ยังไม่พอ

4. ไม่รู้จักตัวเองว่าต้องการอะไร?

5. ห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มผู้ที่หวังผลประโยชน์และไม่หวังดีต่อตัวท่านจริง

จะเห็นว่าจุดอ่อนของท่านขณะนี้อาจจะถูกนำมาใช้มากกว่าจุดแข็ง เช่น รู้จักผู้นำเพื่อนบ้านมาก แต่เพิ่มความแตกแยกความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมากขึ้นหรือกรณีเขมร ให้ไฟความขัดแย้งลุกโชนเพิ่มขึ้น

เรื่องเมืองปัตตานี ซึ่งอาจจะแปลว่าคล้ายๆ เขตปกครองเมืองพัทยา แต่คนไทยไม่เข้าใจ เพราะเกี่ยวข้องกับการเมืองภาคใต้ พูดไปก็สร้างความแตกแยกมากขึ้น

จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ตัวผมรู้จักท่านมานาน อยากจะให้คนไทยมองให้ครบทุกด้านและใช้ประโยชน์ในส่วนจุดแข็งของท่าน ส่วนจุดอ่อนที่สำคัญคือ บิ๊กจิ๋วมองคุณทักษิณดีเกินไปหรือเปล่า? ไปคิดดูอีกที

จีระ หงส์ลดารมภ์

ผู้นำ...คือคนที่อยู่ข้างหน้า..

ผู้นำ...คือคนที่ขับเคลื่อนทีมงาน

ผู้นำ...คือคนที่อยู่ข้างหลัง เพื่อผลักดัน และ สนับสนุน

บทเรียนผู้นำของ Mandela ที่จะนำมาปรับใช้นั้น น่าจะเป็นแนวความคิดอย่าไปเน้นถูกหรือผิด 100% หากจะนำมาใช้ในองค์กร ก็สามารถจะนำพาองค์กรให้ไปในทิศทางที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้ เนื่องจากการทำงานในแต่ละอย่างไม่สามารถกำหนดขั้นตอนได้ตายตัวว่าจะทำอย่างไร หรือวิธีใด ซึ่งอาจไม่ถูกต้องหรือเป็นไปตามแผนทั้งหมด แต่เราควรมองที่ผลสัมฤทธิ์ หรือประสิทธิภาพของเนื้องานนั้น ๆ ว่าสามารถทำได้สำเร็จตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และอย่างไม่ตำหนิบุคคลนั้นๆ ทำไมทำแบบนั้น

จากการเลือกประธานโครงกาฯ

1. คุณวีรศักกดิ์ ทิพย์มณเทียร เป็นประธานโครงการฯ

2. คุณรัชภูมิ เวียงสิมา รองประธานโครงการฯ

กลุ่ม 6 The new office social contract : Loyalty is out, performance is in

เสนอแนวคิดที่เกี่ยวกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ปัจจุบัน สขช.กำลังมีการปรับเปลี่ยนการบริหารทรัพยากรบุคคลให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการบริหารองค์กร มีการประเมินการทำงาน

โดยมีตัวชี้วัดรายบุคคลตามคำรับรองการปฎิบัติงานของทุกส่วนงาน ซึ่งทำให้ข้าราชการทุกคนรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และมีบทบาทสำคัญในการนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ นอกจากนั้น บุคลากรของ สขช.ทุกส่วนงาน ควรจะได้เข้าใจ รับรู้ถึงวิสัยทัศน์ และภารกิจ/พันธกิจของหน่วยงานในมุมมองและมีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อจะได้กระตุ้นแรงบันดาลใจในการทำงาน และนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

ผู้นำระดับสูงของ สขช.กำลังให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรบุคคล โดยการจัดสรรงบประมาณในการฝึกอบรมการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อเตรียมบุคลากรขององค์กรเสริมสร้างภาวะผู้นำเป็นการรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

ไทยค้าบริการทางเพศติดอันดับโลก

สำนักข่าวต่างประเทศ ตีข่าวเมืองไทย เป็นหนึ่งในนครค้าบริการทางเพศของโลก จากอาชีพโสเภณีที่มีเกลื่อนและลอบล่อลวงทางเพศเด็ก

สำนัก ข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ศาลเขตเบอร์มิงแฮม รัฐอลาบามา สั่งจำคุกนายลี เบอร์เกสส์ ชาวเมืองโมไบล์ วัย 44 ปี กับนายมิตเชลล์ เคนต์ แจ็กสัน ชาวเมืองเพนซาโคลาวัย 31 ปี คนละ 6 ปี 5 เดือน ข้อหากระทำชำเราผู้เยาว์ในต่างแดน

โดยเมื่อพ้นโทษจะถูกลงทะเบียนรายชื่อให้เป็นบุคคลคุกคามทางเพศ และกักขังบริเวณ เป็นเวลา 3 ปี หลังทั้ง 2 สารภาพว่า เคยเดินทางไปเมืองไทย เพื่อซื้อบริการทางเพศเด็กชายวัย 6-10 ขวบ ช่วงปี 2543-2545 โดยเก็บบันทึกทั้งภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่งไว้ ซึ่งได้รับคำแนะนำจาก นายเวย์น เนลสัน คอรลิสส์ เมื่อปี 2543 ขณะที่นายเวย์น ถูกจับกุมตัว เมื่อเดือนพ.ค. ปี 2551 ภายในบ้านพักในรัฐนิว เจอร์ซี หลังตำรวจสากลออกหมายจับไปทั่วโลก

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ได้เริ่มกวดขันกวาดล้างผู้กระทำความผิดพัวพันเซ็กส์ทัวร์ต่างแดน เพื่อล่อลวงผู้เยาว์ ซึ่งประเทศไทย ถูกตั้งให้เป็นหนึ่งในนครค้าบริการทางเพศของโลก จากอาชีพโสเภณี ที่มีเกลื่อนและล่อลวงทางเพศเด็ก

........ไทยประสบความสำเร็จ CRM ? น่าสงสารประเทศไทย

การนำบทความ The new office social contract : Loyalty is out,performance is in

มาปรับใช้กับการทำงานของ สขช.

การนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน เมื่อพิจารณาจากทั้งภาครัฐและเอกชนไม่แตกต่างกัน โดยไม่เน้นการให้ความสำคัญในเรื่องผลประโยชน์และค่าตอบแทนเป็นหลัก ต้องทำให้คนในองค์กรเกิดความรู้สึกจงรักภักดีในองค์กร ด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล การปลูกจิตสำนึก การปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ของคนในองค์กรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว การให้โอกาส การมีส่วนร่วม และให้การพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน รวมทั้งการสร้างบรรยากาศในการทำงาน ให้ทุกคนเกิดความรักความผูกพัน ความสามัคคีในองค์กร ทำให้วัฒนธรรมองค์กรมีความเข้มแข็ง

กลุ่ม 5 วันที่ 7 พ.ย.52

จากบทเรียนของนายนลสัน แมนเดลล่า กับ บทเรียนของ สขช. คือ

ขาดผู้นำที่มีความกล้าหาญในการตัดสินปัญหาที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม ทำให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ไม่มีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาองค์กร สภาพ แวดล้อมในการทำงาน และอนาคตขององค์กร ขาดอำนาจ บารมี และคุณธรรม

1. Politics without principles.

เล่นการเมืองโดยไม่มีหลักการ

2. Pleasure without conscience.

หาความสุขสำราญโดยไม่ยั้งคิด

3. Wealth without work.

ร่ำรวยเป็นอกนิษฐ์โดยไม่ต้องทำงาน

4. Knowledge without character.

มีความรู้มหาศาลแต่ความประพฤติไม่ดี

5. Commerce without morality.

ค้าขายโดยไม่มีหลักศีลธรรม

6.Science without humanity.

วิทยาศาสตร์เลิศล้ำแต่ไม่มีธรรมแห่งมนุษย์

7.Worship without sacrifice.

บูชาสูงสุดแต่ไม่มีความเสียสละ

มหาตมะ คานธีเขียนไว้ในหนังสือเชิงอัตชีวประวัติของท่านเรื่อง

“The Story of My E*periments with Truth” เมื่อปีค.ศ. 1925

ขอบคุณที่มา http://www.artgazine.com/shoutouts/viewtopic.php?t=8181

สิ่งที่ได้จาก บทความเรื่อง “8 บทเรียน ผู้นำของ Mandela”

ภาวะผู้นำของบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยง่ายนัก ดังตัวอย่าง ปธน.แมนเดลา ที่กว่าจะมาถึงจุดที่ท่านเป็นอยู่นั้น ท่านผ่านการบ่มเพาะเคี่ยวกรำ และต้องอดกลั้นสูงมาอย่างยาวนาน อีกทั้งท่านยังมีคุณลักษณะที่ทำให้ท่านเป็น Role Model เฉพาะอย่างยิ่งความมุ่งมั่นที่จะสรรสร้างสิ่งที่ดีให้แก่ส่วนรวม ดังที่สรุปเป็นบทเรียน 8 ประการดังกล่าวในบทความ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาภาวะผู้นำสำหรับผู้อื่นก็อาจไม่ใช่เรื่องยาก และใช้เวลายาวนานเช่น ปธน.แมนเดลา เพราะท่านได้ให้ทางลัดไว้แล้ว ซึ่งหลายๆ คนในทุกองค์กร/ภาคส่วน รวมทั้งสำนักข่าวกรองแห่งชาติ สามารถนำไปพัฒนาตนเองได้ แต่ต้องเป็นทางลัดที่มีคุณภาพ ไม่ฉาบฉวย จึงจะส่งผลดีถึงการสร้างภาวะผู้นำในตัวเองอย่างแท้จริง

จากบทเรียนของอดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนเดลลา สิ่งที่งานข่าวกรองสามารถเรียนรู้และนำไปใช้ประโยชน์ได้ คือ

- ความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองอย่างไม่ย่อท้อแม้ในวันที่โอกาสและโชคไม่ได้อยู่ข้างเรา รวมทั้งจะต้องรู้จักปล่อยวางความรู้สึกส่วนตัวเพื่อผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าขององค์กรและของประเทศชาติ

สรุปแนวคิดที่ได้จากบทความ

ปัจจุบัน ความจงรักภักดีในองค์กรเป็นเรื่องสำคัญรองลงมาจากค่าตอบแทนและสวัสดิการ การที่ พนง. จะทำงานในองค์กรหนึ่งๆ เน้นที่การตอบแทนมากกว่าความมั่นคงในงานที่ทำ ดังนั้น ในระบบการบริหารขององค์กรเอกชน จึงให้ความสำคัญกับ พนง.

มากขึ้น โดยมีระบบรองรับ มีการระบุสัญญาการจ้างงานที่เน้นความสำคัญของการเป็นมนุษย์ (social contract ) ซึ่งเป็นเรื่องของการให้ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม

ควรนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้เพื่อสร้างความจงรักภักดีให้กับสมาชิกในองค์กร ในด้านการสร้างความรู้สึก จิตสำนึก ในการมีส่วนร่วมกับองค์กร โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา นอกเหนือการจ่ายค่าตอบแทนและสวัสดิการที่เหมาะสม และเป็นธรรม

The new office social contract : loyalty is out, performance is in

ข้อคิดจากบทความนี้ ในส่วนของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ก็ต้องปรับตัวให้รับกับความเปลี่ยนแปลงใหม่ รับรู้ผลกระทบทั้งภายในและภายนอกเพิ่มมูลค่าผลผลิตการทำงานให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ข่าว (Value Added)

ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญขององค์กรทั้งในแง่ประสิทธิภาพ ศักยภาพ และทักษะในการปฏิบัติงาน ขณะเดียวกันก็ต้องส่งเสริมการสื่อสารภายในองค์กร (Two –way Communication) เพื่อให้คนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการองค์กร ให้รู้ว่าตนมีคุณค่าต่องานและต่อองค์กรเพียงใด ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สร้างความเชื่อมั่นศรัทธา (Trust) ให้เกิดขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ยุทธศาสตร์ พันธกิจ วิสัยทัศน์ขององค์กร เลิกคิดถึงการเป็นพวกพ้อง /ระบบอุปถัมภ์ การให้ผลตอบแทนโดยคำนึงถึงอาวุโส คำนึงถึงความสามารถของบุคคลในการทำงานเพื่อสร้างผลงานให้แก่องค์กรและให้ผลตอบแทนที่เหมาะสมที่ควรจะได้รับ ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจ (Motivation) ในการทำงานและเกิดความรักความศรัทธาต่อองค์กร ทำให้สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดแก่องค์กรได้เป็นอย่างดี

    

     วันนี้ (8 พ.ย.52) ในช่วงเช้าได้ไปดูงานที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งได้รับเกียรติจากท่าน ศ.ดร.เกษม จันทร์แก้ว เป็นผู้มาถ่ายทอดความรู้ให้พวกเราฟังด้วยตัวท่านเอง ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดราชการ รู้สึกประทับใจท่านและทีมงานมาก ๆ ขอขอบพระคุณทุกท่านไว้ที่นี่อีกครั้งนะค่ะ

     สำหรับพวกเราได้อะไรที่เกี่ยวกับภาวะการเป็นผู้นำบ้างค่ะ ถ้าจะเปรียบการพัฒนาโครงการศึกษาวิจัยฯ กับการพัฒนาองค์กรของเรา การพัฒนาโครงการศึกษาวิจัยฯ เน้นการพัฒนาอย่างเป็นระบบ และให้เป็นไปตามธรรมชาติ โดยใช้วัตถุดิบใกล้ตัว/ราคาถูก พยายามที่จะไม่ให้มีต้นทุน หรือมีก็ให้ต่ำที่สุด ในการพัฒนาบุคลากรขององค์กรเราก็สามารถกระทำได้เช่นกัน เมื่อไม่มีการรับข้าราชการใหม่เพิ่ม ก็ต้องมีการพัฒนาความรู้ของข้าราชการที่มีอยู่เดิม รวมทั้งจัดคนลงในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งหมายถึงให้เค้าได้ปฏิบัติงานในสายงานที่เค้าถนัด ก็จะทำให้ทุนในการพัฒนาต่ำ แต่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สรุปก็คือควรใช้คนให้ถูกกับงานนั่นเอง

นวลจันทร์ ทรัพย์ประเสริฐ

แนวคิดเรื่องภาวะผู้นำของ Mr.Nelson Mandela เป็นตัวอย่างของผู้นำที่คิดริเริ่มในการเปลี่ยนแปลงแนวความคิดที่ยึดติดกันมาเป็นเวลายาวนาน จนกลายเป็นค่านิยมและวัฒนธรรมทีเข้มแข็ง คือ การเหยียดผิวของชนผิวขาว ทีมีต่อชนผิวดำ เขาใช้ความพยายามที่จะก่อให้เกิดความปรองดองขึ้นจนสำเร็จในแอฟริกาใต้ด้วยความอดทน กล้าหาญ รู้จักจัดการให้ศัตรูเป็นมิตรได้ ฯลฯ

การเป็นผู้ำนำของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตามแนวคิดของเนลสัน ต้องมีความอดทน ความกล้าหาญ กล้าคิด กล้าทำ ที่จะริเริ่มการเปลี่ยนแปลงการทำงานของคนในองค์กรที่ส่วนใหญ่ยึดติดกับค่านิยม วัฒนธรรมเก่า ๆ ที่ล้าสมัยไม่ทันต่อสภาพโลกาภิวัฒน์ในปัจจุบันเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน ใช้วิกฤติให้เป็นโอกาสสร้างศัตรูให้เป็นมิตรได้ด้วยการจักรู้เขา เป็นผู้นำที่อยู่ข้างหน้าเพื่อเผชิญกับปัญหาและหาทางแก้ไข เป็นผู้นำที่อยู่ข้างหลังคอยยกย่องชื่นชมลูกน้องเมื่อเขาทำงานประสบความสำเร็จ

KHAMMA

การเป็นผู้นำของ Mandela เป็นการมองทุกอย่างอย่างรอบด้านเริ่มจากภาวะในจิตใจของตนเอง คือนำตนเองได้ก่อน จากนั้นจึงมองทีมงาน รวมทั้งสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร ที่สำคัญสุดยอดคือการบริหารสิ่งที่เป็นลบได้แก่ ผู้ที่มีแนวคิดตรงข้ามหรือแม้แต่ศรัตรูโดยไม่เน้นว่าสิงใดผิดหรือถูก 100 %

สวัสดีตอนเช้าค่ะทุก ๆ คน

     วันนี้พวกเราไม่ได้พบกันในห้องเรียน เพราะว่าได้หยุด 1 วัน แต่อย่าลืมอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ของอาจารย์พารณกับอาจารย์จีระด้วยนะค่ะ อย่านอนอย่างเดียว 5555... แล้วพบกันวันพรุ่งนี้ค่ะ

บทเรียนจากความจริง "8 บทเรียนผู้นำของ Mandela"

ผู้นำที่ดี ต้องมีความกล้าหาญ มีภาพลักษณ์ที่ดี รู้จักการประนีประนอม

การเป็นผู้นำอยู่ข้างหน้า จะมีความสำคัญสำหรับองค์กร เพราะจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจในการให้ข่าวต่อรัฐบาล หากตัดสินใจผิด ความเสียก็จะเกิดขึ้นกับประเทศ แต่สิ่งที่จะช่วยให้ผู้นำตัดสินใจได้ดี ก็ต้องอาศัย ทีมงานที่ดี มีคุณภาพ ก็คือ บุคลากรของขององค์กร

ส่วนการบริหารศัตรู ความใกล้ชิดกับคู่แข่ง สามารถนำมาปรับใช้ในการทำงานได้

ถ้าถามว่า ผมได้อะไรจากการศึกษาดูงานโครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี

ตอบได้เลยโดยไม่สร้างภาพ แม้ในทางวิชาการผมไม่ได้อะไรเลยกับสูตรเคมี แต่หลักคิดที่ท่าน ดร.เกษม จันทร์แก้ว ผอ.โครงการฯ ที่ท่านมีอายุถึง 72 ปี แต่ยังไม่เคยหยุดที่จะทำงาน ไม่หยุดคิดค้นคว้าวิจัยที่จะศึกษาปัญหาสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับคน ให้กับพืช สัตว์ สิ่งแวดล้อม เอาใจใส่ลงรายละเอียดแม้แต่แบคทีเรีย เป็นการคืนธรรมชาติให้กับธรรมชาติ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ด้วยความสมดุล ตามแนวทางพระราชดำริของในหลวง ที่ต้องการให้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติก่อนที่จะใช้เทคโนโลยี ให้ทำ ให้เริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ และไปหาสิ่งที่ยากกว่าหากไม่สำเร็จ ใช้สิ่งแวดล้อมที่ใกล้ตัวและอยู่กับมันเสียก่อนที่จะไปหาจากแหล่งอื่นๆ และใช้วัสดุในท้องถิ่นราคาถูก หรือโดยไม่ต้องจ่ายเงินลงทุน เมื่อสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติมีปัญหา ต้องให้สิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติเข้าแก้ไข หากคนมีปัญหาก็ต้องใช้คนแก้ไขเช่นกัน

ท่านอาจารย์เกษมฯ และคณะทำงานในโครงการได้ศึกษาหาวิธีการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะ น้ำเสีย ให้กับ

จ.เพชรบุรี และประเทศชาติ โดยทำเป็นตัวอย่างให้กับภาครัฐ เอกชน องค์กรต่างๆได้นำไปใช้ประโยชน์ในภายหลัง ด้วยความอดทน ความอุสาหะ ทดลองหาแนวทางเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยความเพียร จนประสบความสำเร็จ ต้องขอคารวะด้วยหัวใจอันน้อยนิดต่อ

ความตั้งใจ ความศรัทธา ความมุ่งมั่นไม่ย้อท้อของท่านอาจารย์เกษมฯ และคณะทำงานโครงการฯทั้งมวล ที่มีใจทำงานเพื่อสาธารณะ โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์สิ่งตอบแทนอันเป็นตัวเงินที่สามารถหาได้จากที่อื่นๆ หากต้องการ ดีใจอย่างยิ่งที่ได้เห็นว่าคณะทำงานโครงการฯ ได้มีโอกาสใกล้ชิด ได้มีโอกาสทำงานสนองพระราชดำริในหลวง ที่พวกเราเทิดทูนในจิตใจ เคารพรัก ศรัทธาอย่างหาที่สุดไม่ได้

ผมได้อะไรจากการศึกษาดูงาน ผมได้ความสุขที่ได้เห็นคนที่ทำงานอย่างมีความสุข ทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก เสียสละ และศรัทธา ดูได้จากความกระตือรือร้นในการต้อนรับขับสู้ ความยิ้มแย้มแจ่มใสมีน้ำใจ ยินดีที่จะได้พูดคุยให้ความรู้ แม้ว่าวันที่ดูงานจะเป็นวันอาทิตย์ เป็นวันหยุดราชการ เป็นเวลาส่วนตัวที่คนส่วนใหญ่ต้องทำธุระส่วนตัว ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวและพักผ่อน หลังจากทำงานหนักติดต่อกันมาห้าวัน ได้เห็นความตั้งใจ ความอดทน เห็นความสุขที่ออกมากจากดวงตากริยาอาการ รอยยิ้มในขณะที่ท่านอาจารย์เกษมฯ และวิทยากรผู้บรรยายให้ความรู้ขณะทัศนศึกษา อย่างอดทน แม้ว่าผู้รับฟังบางส่วนจะไม่สามารถตามทันในรายละเอียดที่ลึกซึ้ง แต่ไม่ย่อท้อที่จะให้ความรู้

นอกเหนือความรู้ในการใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ใช้ธรรมชาติให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังได้เห็นการบริหารโครงการฯของท่านอาจารย์เกษมฯ บริหารคน โดยทำตัวเป็นแบบอย่างให้กับผู้ร่วมงาน อาทิ เสียสละเวลาเดินทางมาให้ความรู้กับคณะศึกษาดูงานฯ ให้ความรัก ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน ดูแลและใส่ใจเหมือนคนในครอบครัว สนับสนุนให้ใฝ่รู้ หาความก้าวหน้า สนับสนุนการแสวงหาโอกาสที่จะพัฒนาให้ก้าวหน้า เปิดกว้างรับฟังโดยไม่ปิดกั้น และแสดงความสุขให้ทุกคนเห็นกับงานที่ทำ ทำให้เพื่อนร่วมงานมีความสุขที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มีความสุขที่ได้ร่วมงานกับคนที่มีศรัทธาเดียวกัน

ท่านอาจารย์เกษมฯให้หลักคิดว่า ความรู้ต่างๆนั้นหาง่าย แต่ประสบการณ์เป็นสิ่งที่ต้องสะสมสั่งสม อย่างไรก็ตามเราต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้ สร้างปลูกฝังตัวเองให้เป็นคนอยากรู้ตลอดเวลา แม้จะใช้เวลานับสิบปี สุดท้ายเราจะค้นพบสิ่งที่เราต้องการ

สิ่งที่เป็นความรู้ใหม่ นอกเหนือจากการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ขยะ น้ำเสียให้กับชุมชน สังคม คน และธรรมชาติพืช สัตว์ แบคทีเรีย หรืออื่นๆ ยังได้ทราบว่า การแก้ไขปัญหาของหน่วยงานรัฐในปัญหาหนึ่ง กลับไปสร้างหรือก่อให้เกิดอีกปัญหา อันเกิดจากความไม่ใส่ใจที่จะศึกษาผลกระทบ ทำให้ต้องมีคณะทำงาน หรือกลุ่มคนที่ต้องเข้าไปแก้ไขปัญหาของหน่วยงานนั้นที่ได้สร้างขึ้น อาทิ การกำหนดใช้สารคลอรีน หรือสารเคมีอื่นๆที่มีสารตกค้าง สารปนเปื้อน เพื่อทำความสะอาดแพปลา หรือสถานที่อื่นๆที่มีความสกปรก มีกลิ่นคาว แต่ไม่สัมพันธ์ธรรมชาติ หรือการบำบัดน้ำเสีย เพราะท้ายสุดเมื่อคลอรีนถูกชำระล้างลงแหล่งน้ำ หรือซึบซับลงสู่แหล่งน้ำ จะไปทำลายแบคทีเรีย ทำให้เกิดน้ำเสีย เป็นการใช้สารเคมีทำลายความสมดุลของธรรมชาติ ปัญหาต่างๆเกิดจากคนนี่เอง .

ขออภัยครับ ผมลืมแสดงสถานะตัวเอง บทความข้างต้นประมวลจากการดูงานครับ ส่วนสาระเนื้อหาต้องน้องป๊อกกับอารมณ์ของพวกเรา ที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ คงอยู่ระหว่างการผลิต ผมทำได้เพียงคอยดักจับความรู้สึก ตามนิสัยหยาบๆ หากผิดพลาด พร้อมน้อมรับคำตำหนิ ผมไม่ได้จดสูตรเคมี และภาษาอังกฤษ เพราะไม่แข็งแรงครับ

จาก 8 ประเด็น ของการเป็นผู้นำของ Mandela

นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญต่อบทบาทของการเป็นผู้นำทั้งสิ้น โดยเฉพาะ

การเป็นผู้นำ "ที่อยู่ข้างหน้า" แต่การเป็นผู้นำมิใช่นำสุดกู่แบบไม่หัน

ไปมองแนวหลัง ซึ่งการนำอยู่ข้างหน้า จะต้องไม่ปล่อยให้ผู้ตามนั้น

อ่อนแอ และการเป็นผู้นำที่สามารถ "อยู่ข้างหลังได้" อย่างดี โดย

ยกย่องคนที่เราให้อยู่ข้างหน้านั้น มีความรู้สึกภาคภูมิใจและสมศักดิ์ศรี

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำที่สามารถจะเป็นผู้นำและอยู่ข้างหลังได้

อย่างสมบูรณ์แบบ

สนับสนุนข้อเขียนแสดงความคิดเห็นจากการศึกษาดูงานโครงการวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.เพชรบุรี ของคุณเชษฐ์ทุกประการค่ะ การดูงานครั้งนี้ ทำให้เห็นว่ายังมีคนที่ทำงานโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เสียสละตนเองเพื่อคนส่วนใหญ่ ผลงานที่ได้กลายเป็นประโยชน์มหาศาลต่อส่วนรวมและนับว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ที่สำคัญก็คือการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (learning organization) นั่นเอง อย่างไรก็ตาม หน่วยงานราชการของไทยน่าจะน้อมนำเอาผลที่ได้จากการวิจัยโครงการนี้ไปขยายผลปรับใช้ในชุมชน เมือง จังหวัดต่างๆ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษจากสิ่งแวดล้อมปรากฎผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เหนือสิ่งอื่นใดอย่างที่ท่านอาจารย์เกษมฯ ได้บอกไว้ว่าพลังของการมุ่งมั่นทำงานได้มาจากความเชื่อมั่นและศรัทธา (trust) ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรานั่นเองค่ะ ซึ่งพวกเรา (เหมือนที่เรียนรู้ในชั้นเรียนให้รู้จักใช้คำว่า "we") ทุกคนสามารถนำสาระความรู้และแนวคิดที่ได้ ไปปรับใช้ได้ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ขอบคุณผู้จัดครั้งนี้ด้วยค่ะ

     ขอบคุณนะค่ะที่ยังมีผู้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในการทัศนศึกษาที่โครงการฯแหลมผักเบี้ย นึกว่าทำการบ้านกันอย่างคร่ำเคร่ง อย่าลืมผ่อนคลายกันบ้างนะค่ะ

     อยากเสริมถึงอาจารย์เกษมอีกนิดนึงเพราะประทับใจท่านมากในหลาย ๆ เรื่อง ทั้งเรื่องการเสียสละ เรื่องการเรียนรู้ซึ่งแม้ว่าอาจารย์จะอายุถึง 72 ปี แต่ก็ยังต้องเรียนรู้และถ่ายทอดความรู้อยู่ตลอด ท่านมีความคิดที่ทันสมัยและติดตามข่าวสารบ้านเมือง โต้ตอบและเท่าทันพวกเราไม่เฉพาะแต่เรื่องที่เกี่ยวกับโครงการฯเท่านั้น รวมทั้งอิจฉาอาจารย์นิด ๆ ที่ได้มีโอกาสรับการสั่งสอนจากพระองค์ท่านฯ ให้คิดอย่างเป็นระบบ

      

 

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ 

         ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับดิฉันมากที่ต้องอ่านหนังสือจำนวน 300 กว่าหน้า แล้วสรุปประเด็นสำคัญออกมาให้ได้อย่างที่ใจต้องการ โดยเฉพาะหนังสือของอาจารย์ทั้งสองท่าน ล้วนแต่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และควรนำเสนอไปเสียทั้งหมด (ซึ่งสัญญาว่าดิฉันจะเก็บไว้ปรับใช้ค่ะ)

ดังนั้น ดิฉันจึงขอสรุปเพียงประเด็นที่ชอบ และเห็นว่าน่าจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์กร ดังนี้ค่ะ

1. คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุด ดังนั้น องค์กรควรให้ความสำคัญโดยการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีในทุก ๆ ด้านให้กับคนในองค์กร อย่างจริงจังและต่อเนื่อง

2. โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เราจึงมีสิ่งที่ควรเรียนรู้อย่างสนุกไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของโลก และนำความรู้ที่ได้มาปรับใช้อย่างเท่าทัน ริเริ่ม สร้างสรรค์

3. ตระหนักถึงการเป็นคนดีมีคุณธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อบิดามารดา ครูอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน มิตรและศัตรู

4. การเป็นผู้นำไม่ได้เกิดจากการอวดอ้างตน แต่เกิดจากการสร้างความเชื่อมั่น และความศรัทธาให้เกิดกับคนในองค์กร  

 

เพิ่มเติมหน่อยนะคะ ขอยืมข้อเขียนของท่านพิเชต สุนทรพิพิธ ในคำนิยมของหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ของท่านอาจารย์จิระและท่านพารณฯ ที่กล่าวว่า ทรัพยากรมนุษย์ถือเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญที่สุดเหนือกว่าทรัพยากรอื่นใด เนื่องจากทรัพยากรมนุษย์สามารถเป็นได้ทั้งผู้สร้าง ผู้พัฒนา และผู้ทำลายทรัพยากรอื่นๆ ...ขอสรุปว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ทั้งดีและไม่ดีเกิดจากฝีมือมนุษย์ หรือคนทั้งเราและท่านทั้งหลายนั่นเอง ดังนั้น จงเลือกเป็น เลือกที่จะเป็นให้ได้นะคะ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ พี่ๆ ชาว NIA ทุกคน ..... ตอนนี้ผมพักอยู่ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์แล้ว บรรยากาศดีมากครับ..พบกัน 10 ต.ค.52 ครับ....

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับเพื่อนๆ โครงการ Talented ทุกคน ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากชะอำหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เปิดอ่านแล้วรู้สึกดีใจที่พวกเราได้นำความรู้ที่ได้จากการดูงานที่โครงการฯแหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี มาแลกเปลี่ยนรู้ซึ่งกันและกัน ผมขอร่วมนำเสนอความคิดเห็นต่อกิจกรรมดังกล่าวด้วย ซึ่งในทัศนะของผมเห็นว่าพวกเราได้ 3 K 1 S คือ King ของพวกเราที่ห่วงใยประชาชนในปัญหาสิ่งแวดล้อมและมีพระราชดำริให้โครงการฯ เข้าไปศึกษาวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว Knowledge เกี่ยวกับปรัชญาดำเนินโครงการ (NTP) คือใช้ธรรมชาติ (Natural) ช่วยธรรมชาติ ใช้ เทคโนโลยี (Technology) ช่วยธรรมชาติ และใช้วัตถุดิบท้องถิ่น (Product) ต่อด้วย Know-how ซึ่งมีทั้งวิธีการบำบัดน้ำเสียและใช้ประโยชน์จากขยะ ขณะนี้ไดด้นำวิธีการเหล่านี้ไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนทั่วประเทศแล้ว สุดท้ายคือ Sustainability อันผลเป็นมาจากการดำเนินโครงการก่อให้เกิดความยั่งยืนทั้งในแง่ของการเรียนรู้และชุมชน

ช่วงแรกของการอบรมผ่านไป พวกเราเริ่มมีการแลกเปลี่ยนรู้กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผมหวังว่าคงจะมีการเข้ามาแลกเปลี่ยนรู้กันอย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่องและต่อเนื่อง นะครับ ยังไงขอให้พวกเราทำการบ้านอย่างมีความสุขนะครับ อย่าหักโหมจนเกินพอดี ผมขอฝากสูตรทำการบ้านให้กับพวกเราไปใช้ผ่อนคลายความเครียด ไม่สงวนลิขสิทธิ์ “3 R’s” Release คือการปล่อยวางอย่าหักโหมจนล้มป่วย Relax คือต้องรู้จักหาสิ่งที่เราชอบในการผ่อนคลาย Review คือการทบทวนอีกครั้งก่อนส่งการบ้าน มิฉะนั้นอาจเกิดการผิดพลาดได้ เจอกัน Morning Coffee พรุ่งนี้ครับ

หนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ของ อาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์ และคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา

(10 พ.ย. 2552)

หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นการรวมแนวคิด และความเห็นตลอดจนประสบการณ์ของท่านอาจารย์ทั้งสองในเรื่องของการให้ความสำคัญกับ ทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กรในทุกระดับ ภายใต้แนวคิดการพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน ซึ่งนับวันจะเป็นการเพิ่มมูลค่าของมนุษย์ (value added) โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนามนุษย์ที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ไปสู่ Knowledge และ Innovation ในด้านต่าง ๆ ในเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้รับไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร สังคม และประชาชาติ ให้มีความยั่งยืน ตลอดจนทำให้เกิดปัจจัยสำคัญคือการมีส่วนร่วมในองค์กรระหว่างผู้นำและพนักงานในองค์กรในเรื่อง Capability กับ Acceptability ระหว่างกัน ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในองค์กร พนักงานมีความจงรักภักดี และมีวินัยในองค์กร รวมถึงแนวคิดในการขยายผลการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ไปสู่ประชาชนให้มีช่องทางในการเรียนรู้ในระดับมหภาค

กรณีคดีคุณรักกียรติและราเกช

เป็นการวิเคราะห์เชิงเปรียบคดีการทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมือง/นักธุรกิจ ที่มีผลประโยชน์แอบอิงกับการเมือง ซึ่งส่งผลเสียต่อประเทศชาติอย่างมหาศาล การดำเนินคดีนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ยากลำบากเพราะบุคคลที่ต้องคดีล้วนมีอิทธิพลมีทนายเพื่อต่อสู้คดีจนถึงที่สุด แต่หลายคนก็หนีไม่พ้นบ่วงกรรมที่ตนเองเป็นคนสร้างไว้ (แม้แต่การหนีคดีเอาดื้อ ๆ ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย...) สำหรับการเข้ามาทำงานการเมืองของบิ๊กจิ๋วนั้นในชั้นนี้ยากที่จะวิเคราะห์ด้วยข้อมูลชั้นเดียว เพราะสิ่งที่เห็นอาจไม่จริง และสิ่งที่จริงๆ มันอาจซ่อนอยู่ข้างในอีกหลายชั้น.....ตามสไตล์ของ ขงเบ้ง.....

..........................................

"ทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้"

ได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้เล่มนี้แล้ว รู้สึกประทับใจการการบริหารงาน/ทำงานของท่าน พารณฯ และของอาจารย์จีระโดยเฉพาะประสบการณ์การพัฒนาคน กลยุทธ์ในการสร้างความเป็นเลิศให้องค์กรจากแรงจูงใจ ของท่านพารณฯ

1. บุคคลากรต้องเป็นทั้งคนเก่ง และคนดี

- เก่ง 4 "เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน"

- ดี 4 " ประพฤติดี มีนำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม"

2. บุคลากรควรได้รับการฝึกอบรมทุกระดับอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรก็ควรให้ความรู้แก่เขาด้วย

โดยกำหนดภาคบังคับของการพัฒนาบุคลากรเป็นสูตร 7-10-10 ในขณะนั้น

3. การดูแลทุกข์สุขของคน/บุคลากรอย่างใกล้ชิด ที่มองว่า "คนไม่ได้ต้องผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย" การชมเชย ยกย่องเขาจะมีกำลังใจ โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจซึ่งจะก่อให้เกิดความจงรักดี

4. การทำงานเป็นทีม การทำงานเป็นทีมทำให้เกิดจิตสำนึก/รู้สึกความเป็นเจ้าขององค์กร

ซึ่งหลักการบริหารคนของท่านพารณ ฯ ล้วนใช้หลักการบริการต่าง ๆ มากมาย

และแบบฉบับของอาจารย์จีระ ที่ประทับใจคือ

1. ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

2. ใช้อุสรรคที่ผ่านมาเป็นโอกาส

3. มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและรองรับกระแสโลกาภิวัฒน์

4. มีเครือข่ายความสัมพันธ์

5. การบริหารงานแบบนอกกล่อง การคิดเร็ว บริหารเร็ว คล่องตัว

6. อาศัยความรู้อย่างเดียวไม่ได้ ต้องมี Skill หรือทักษะรวม หรือความสามารถด้วย ability

7. แสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง

8. รับฟังและบูรณาการความคิดของคนหลาย ๆ ความคิดเข้าด้วยกัน

ซึ่งมิอาจกล่าวได้ทั้งหมด แต่สิ่งที่ท่านพารณฯ และอาจารย์เหมือนกัน คือ "ความเชื่อ ความศรัทธา และความมุ่งมั่น

เรื่องคนที่ตรงกัน" ว่าคนถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กร (ทฤษฎี 4 L's) ที่แตกต่างกันแต่เป้าหมายเดียวกัน

ดังนั้น หากผู้นำองค์กรมีความเชื่อ ความศรัธาว่าคน เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สร้างมูลค่าเพิ่มต่อการบรรลุเป้าหมาย สำเร็จขององค์กรอย่างแท้จริง ถึงแม้จะเป็นการลงทุนในระยะยาว แต่สามารถนำองค์กรให้อยู่รอดได้ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนมากน้อยเพียงใดหรือที่เรียกว่า "ความยั่งยืน" นั่นเอง

                  บทสรุปองค์ความรู้จากหนังสือ ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

                                     (นายศักดิ์ มูลสาร)

                หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นการรวบรวมแนวคิดจากผู้ที่มองเห็นความสำคัญของคำว่า ทรัพยากรมนุษย์ คือ ท่านอาจารย์ จีระ หงส์ลดารมภ์ และคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ซึ่งได้ทุ่มเทพลังกายพลังใจ (อันแรงกล้า) นำเอาองค์ความรู้จากตำรามาแปรไปสู่การสร้าง Knowledge ด้วยการปฏิบัติจริง ๆ ฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคอันยาวนาน และสิ่งที่เห็นได้ชัดที่ทั้งสองท่านมี คือ ศรัทธาต่อความเชื่อของตัวเอง (ทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญที่สุดในการพัฒนาสังคม) มีเป้าหมายในการทำงาน จึงทำให้ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค ที่จะชักนำออกนอกเส้นทางแห่งความหวัง และวันนี้กาลเวลาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าหากเราเชื่อมั่นและศรัทธาต่อความคิดของตัวเอง จะต้องประสบผลสำเร็จในที่สุด และเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ท่มีคุณค่าต่อสังคม/ประเทศชาติ

         บทสรุปที่สำคัญ คือ

          ๑) ทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่าที่ทุกภาคส่วนต้อง ให้ความสำคัญและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะการสั่งสมประสบการณ์นั้น ต้องได้มาด้วยการทำงานฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคอย่างหนักหน่วงยาวนาน

          ๒) ความสำคัญของการสร้าง ระบบคุณธรรม และจริยธรรมให้อยู่ในสายเลือดของคนในองค์กรเพื่อตอบสนองผลผลิตร่วมกัน (จะต้องใช้เวลาและความออดทนสูง) แต่ต้องไม่ลืมที่จะแบ่งปันความเจริญก้าวหน้านั้นไปสู่สังคมและประชาชน เพราะรากฐานของประเทศและองค์กรทุกองค์กร คือ ประชาชน

         ๓) การบริหารจัดการกับบุคคลในองค์กรนั้นต้องกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนเป็นที่ยอมรับของคนในองค์กรด้วยการกำหนดแผนพัฒนาบุคคลทั้งใน ระยะสั้น ระยะยาว โดยมีประเด็นที่ต้องนำพิจารณาและให้ความสำคัญ คือ ๑) วิธีการสรรหาบุคคลากรเข้าสู่หน่วยงาน ๒) การรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรบุคคล และ ๓) การดูแลสร้างสัมพันธภาพที่ดี หลังจากอออกจากองค์กรไปแล้ว

         ๔.) สร้างวัฒนธรรมขององค์กรให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม (จิตสาธารณะ) ซึ่งจะเป็นมูลค่าเพิ่มที่สำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ขององค์กรและมีความยั่งยืน

 

            สรุป คือ   (W.W.W) องค์กร:Win บุคคลากร:Win  สังคม Win    

จากหนังสือเรื่อง “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

สิ่งที่ควรนำไปปรับใช้ในองค์กร คือ

1. คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุด องค์กรจึงควรพัฒนาบุคลากรในองค์กรให้มีความรู้หลายๆ ด้าน ทั้งความรู้เฉพาะด้านตาม

สายงาน ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน เช่น ภาษาอังกฤษ กฎหมาย IT เป็นต้น

2. เมื่อพัฒนาคนในองค์ให้มีความรู้ ความสามารถแล้ว ก็ควรสร้างให้เขาเป็นคนดีด้วย โดยปลูกฝังในเรื่องของคุณธรรม จริยธรรม เรื่องนี้ต้องเริ่มจากผู้นำทุกระดับทำให้เป็นตัวอย่าง

3. การรักษาคนเก่งและคนดีไว้กับองค์กรก็มีความสำคัญ องค์กรจึงต้องสร้างความรัก ความผูกพันให้เกิดขึ้นในองค์กร ให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าองค์กรนี้เหมือนบ้านของตัวเอง สมาชิกเป็นคนในครอบคัว ทำงานอย่างมีความสุขและพึงพอใจในงานที่ได้รับ

มอบหมาย และให้ทุกคนมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร

การพัฒนาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ จะเกิดขึ้นได้ผู้นำต้องให้ความสำคัญ ทุกคนให้ความร่วมมือ เปลี่ยนแปลงความคิด ปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ถึงจะเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

จากหนังสือเรื่อง "ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้"

หนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้เป็นประสบการณ์ของท่านอาจารย์ทั้งสองในเรื่องของการให้ความสำคัญกับ "ทรัพยากรมนุษย์" ซึ่งท่านทั้งสองเห็นพร้องต้องกันว่าในองค์กรแต่ละองค์กรจำเป็นต้องสร้าง “คน” เพื่อให้เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและเป็นส่วนหนึ่งของ “ทุน” ที่องค์กรต้องเตรียมไว้ใช้ควบคู่กับทุนด้านอื่นๆ แต่ต้องคำนึงอยู่เสมอว่า “คน” มีจิตใจ ไม่สามารถนำไปใช้ได้ตาม “อำเภอใจ” ของผู้บริหาร ทำให้ต้องมีการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของผู้บริหารให้เป็น “ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง” เพื่อให้สามารถใช้ “คน” ให้ตรงกับเป้าหมายได้ ซึ่ง “คน” เหล่านี้เป็น “ทุนมนุษย์” ทางคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งสามารถเป็น “แบบอย่าง” ให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาและคนในสังคมได้ และสามารถพัฒนาองค์กรหรือหน่วยงานไปสู่ความเป็นเลิศได้อย่างยั่งยืน ทุกวันนี้โลกหมุนเร็ว ดังนั้นในยุคโลกาภิวัตน์หรือยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้เราจะมานั่งปิดหูปิดตา ทำงานแบบเดิมๆ ไม่ได้ ต้องมองหาวิถีทางใหม่ๆ ในการพัฒนาตนเองและองค์กรให้เหมาะสมกับบทบาทใหม่ในอนาคตให้ทันต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและมีการพัฒนาทรัพยากรหรือทุนขององค์กร ซึ่งได้แก่ “คน” ให้มีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพราะหากองค์กรไม่มีคนมีความสามารถ คนเก่ง หรือคนดี องค์กรนั้นก็ไม่สามารถที่จะพัฒนาได้ ทำให้องค์กรประสบความล้มเหลว ดังนั้นแต่ละองค์กรควรมีการพัฒนาทุนมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด จะเห็นได้ว่า องค์กรกับคนในองค์กรเปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ ถ้าเราหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย เอาใจใส่ ก็จะทำให้ต้นไม้ออกดอกออกผลได้ดี ด้วยเหตุนี้องค์กรแต่ละองค์กรต้องมีการวางแผนในการสร้างสมรรถนะหรือความสามารถในทุนมนุษย์เพื่อให้มีความพร้อมในการแข่งขัน หรือเป็นต้นไม่ที่มี “ราก” แข็งแรงเพื่อช่วยค้ำยันองค์กร นอกจากนี้การที่จะพัฒนาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้นั้น “คน” ต้องรู้จักกล้าที่จะคิด กล้าที่จะทำ โดยไม่ยึดติดกฎระเบียบที่จะทำลายการก้าวไปสู่เป้าหมาย โดยไม่เน้นเรื่องทุนหรือกำไร แต่ควรให้ความสำคัญกับเป้าหมายและคุณภาพของการทำงาน เพราะฉะนั้น “คน” จะต้องมี ความรู้ ไขว่รู้ ความสามารถ ตลอดจนทักษะหรือความชำนาญ รวมถึงประสบการณ์ของแต่ละคนที่สั่งสมอยู่ในตัวเอง และสามารถจะนำสิ่งเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นศักยภาพขององค์กร หรือเป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีคุณค่า ซึ่งจะทำให้องค์กรนั้นมีความสามารถขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันและประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้

ต้องขอโทษด้วยครับที่รับเอกสารไปแล้วแต่ยังไม่ได้ตอบให้ครบทุกเรื่อง

กรณีของนาย mandella นายmandella เป็นนักต่อสู้การเหยีดผิวในแอฟริกาใต้ในยุดทศวรรษ 80 90 ที่น่าสนใจเป็นการต่อสู้ยาวนานต่อผู้ปกครองผิวขาวที่มองคนผิวดำเพียงแค่ทาส แนวคิดของการเป็นผู้นำของท่านเป็นสิ่งที่ทำให้ผมในฐานะบคคลากรคนหนึ่งใน สขช. ที่มองผู้นำในระบบราชการไทยจากยุคที่ผ่านมาว่า ยังหลงอยู่กับยุคเดินตามผู้ชาติพ้นภัยไม่ฟังใคร ก้าวเดินแบบระแวงกลัวขาเก้าอี้หัก รักษาผลประโยชน์ตัวเองมากกว่าลูกน้อง ใครๆก็รักตัวกลัวตาย อยากอยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ สร้างฐานให้ตัวเองก้าวสู่อำนาจโดยไม่มองว่าข้ามศพใครไปบ้าง สร้างวัฒนธรรมองค์กรแบบสมบัติส่วนตัว ถ่ายโอนไปสู่กลุ่มพวกพ้อง ไม่มองถึงความสามารถคนอื่น คงโทษกันไม่ได้ เพราะระบบราชการไทยเป็นแบบนั้น (ระบบศักดินา) การสร้างผู้นำที่เป็นได้ทั้งคนเดินนำและคนเดินตามคงต้องออกแรงเยอะ ใครก็ตามที่มีบุคลิกดังกล่าวคงจะต้องออกนอกกรอบเยอะหน่อย ต่อสู้กับวัฒนธรรมองค์กรแบบเก่าอย่างเข้มแข็ง อดทน เพราะมันถูกปลูกฝังอย่างหยั่งรากลึก มองต่างอย่างสุดขั้ว ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเจ็บปวดมาก ยอมผ่าตัดแบบขนานใหญ่ ให้คนรอบข้างมองแบบดูแคลน เพราะคนคนนั้นต้องผ่านยุดเก่ามาก่อนและไม่ยอมให้อดีตคงอยู่กับปัจจุบัน ไม่ยอมให้ความผิดพลาดเดิมๆย้อนกลับมาอีก

ต่อมาเป็นเรื่องของความจงรักภัดีต่อองค์กร ในมุมมองของผมมองว่าระบบราชการในบ้านเรา ผู้บริหารองค์กรในบ้านไม่สนใจว่าลูกน้องจะเป็นอย่างไรเหมือนของที่ซื้อมาแล้วใช้ได้เลยไม่สนใจที่จะทะนุบำรุง ไม่เคยคิดเพิ่มเติมความรู้ ส่งเสริมให้ทันสมัย มองแบบผ่านๆผิวเผินว่า เออเองเรียน เองเอาไปใช้เลย จบ อยากให้มองว่าธรรมภิบาลในการปกครองต้องถูกนำมาใช้อย่างเป็นรูปธรรม ไม่ใช่อยู่แค่ในตำรา มองอนาคตขององค์กรอย่างเข้าใจและเห็นว่ามันต้องก้าวหน้าและดีกว่าอดีตที่ผ่านมาไม่จมกับอดีต รถยนต์ยังต้องมีการดูแล บำรุงรักษาเป็นห้วงเวลาให้คงสภาพการใช้งานได้อยู่ตลอดเวลา บุคลากรในองค์กรก็เช่นกัน ผู้นำต้องมองว่าคนในองค์กรก็ไม่ต่างอะไรกับรถยนต์ ต้องมีการบำรุงรักษาสภาพ มีการตกแต่งให้ดูดีอยู่ตลอด คนก็ต้องมีการดูแล บำรุงให้สวบงามคงทน การเพิ่มพูนความรู้ มีสวัสดิการที่ดี การจะรักษาคนให้รัก และหวงวแหนที่จะดูแงองค์กร รักที่จะอยู่ มันละเอียดอ่อน มองอย่างเข้าใจว่าใครก็รักความเจริญก้าวหน้า อย่าคิดว่าเขาทรยศ บ้านน่าิอยู่ใครก็อยากอยู่ไม่คิดหนีแน่นอน ถึงเวลาก็ต้องซ่อมแซม ทนุบำรุง เก่าก็ซ่อม แคบแล้วหรือสิ่งแวดล้อมไม่ดีก็ย้ายให้เหมาะสมกับคนที่มาอยู่ด้วย

กรณีของคุณรักเกียรติและคุณราเกซ ไม่รู้ว่าจะเป็นบทเรียนได้หรือเปล่าของที่ไม่ใช่ของๆเราเอาไปก็ไม่มีความสุขสุดท้ายก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ แต่ทั้งสองคนนี้ต่างกรรมต่างวาระ นักการเมืองไทยไม่เคยสลดหรอกครับ ขณะปัจจุบันเห็นๆอยู่กับตายังทำกันได้หน้าด้านๆ ทำไงดีครับ หวังได้ไหมกับการสร้างนักการเมืองใหม่ที่มีจิตวิญญาณของการเป็นผู้เสียสละ มากว่ากอบโกย

แต่หากจะโยงกรณีดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับคุณทักษิณ ไม่ขอวิจารณ์ครับ แต่ขอถามว่าตั้งแต่การปฏิวัติเมื่อปี 2549 ใครได้ใครเสีย กฏหมายในบ้านเมืองนี้มันศักดิ์สิทธิจริงหรือไม่ ถ้าศักดิ์สิทธิจริงใครฉีกรัฐธรรมวนูญต้องจับมันด้วย ผู้คนทีปรากฏตัวออกมาจนถึงปัจจุบันรักชาติจริงเหรอ แล้วเอาประชาชนที่เสียภาษีไปไว้ที่ไหน พวกเขาไม่ใช่ผู้คนในยุคคอมมิวนิสต์นะครับ ที่จะไปถูกใครสนตะพายเดินเหมือนเพลงของคาราวานแล้ว ผมว่าพวกเขาฉลาดขึ้นมากว่าแต่ก่อนเยอะ ข่าวสารมันเข้าถึงบ้านเขามานานแล้ว ทันสมัยด้วยอย่าไปดูถูกกันเลย ต้องขอโทษด้วยครับ การบ้านฉบับนี้อาจดุเดือดไปหน่อย แต่ก็มาจากใจที่จริงจังครับ

อยากได้ผู้นำ ที่เป็นได้ทั้งผู้นำและผู้ตาม อยากให้ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มองคนอย่างเข้าใจ ทำให้ทุกคนเท่าเทียมทั้งความรู้ ความสามารถ ฉลาดทั้งทางความรู้ ฉลาดอารมณ์ ต้องทำลายกำแพงแห่งวัฒนธรรมที่ล้าสมัยให้ได้ เหมือนกำแพงเบอร์ลินครับ วันนี้ครบ 20 ปี แห่งการทำลายกำแพงที่ขว้างกันเสรีภาพและสันติภาพลง ทำให้ความสงบสุขของโลกกลับมา หลังจากถูกครอบงำไว้ด้วยสงครามเย็นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองจบลง

จากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ซึ่งเป็นการสนทนาของคุณพารณและ อ.จีระ ได้บทสรุปคือ ทั้งสองท่านแม้จะเรียนจบและทำงานต่างสาขากันก็ตาม แต่มีแนวคิดเหมือนกันคือ ทั้งสองท่านให้ความสำคัญกับการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพของคนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นคนในองค์กรทั้งภาครัฐหรือเอกชนก็ตาม โดยให้คนในองค์กรเพิ่มทักษะความสามารถเพื่อนำมาพัฒนาองค์กรนั้นๆให้ดีขึ้น รวมทั้งยังต้องปลูกฝังในด้านคุณธรรมและจริยธรรม ด้วย โดยให้เขาเหล่านั้นมีความรักและผูกพันกับองค์กร ทำงานกันเป็นทีมช่วยเหลือซึ่งกันและกัน รวมทั้งผู้นำก้ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี เปิดกว้างรับฟังความคิดเห็น ดูแลและส่งเสริมสร้างทักษะให้กับคนในองค์กร เปรียบเสมือนพวกเขาเหล่านั้นคือคนในครอบครัวของเรา ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มผลผลิตในระยะยาว ทำให้องค์กรนั้นๆมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุด

ข้อคิดจากหนังสือเรื่อง "ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้"

ได้ข้อคิดจากการอ่านคือ การบริหารองค์การไม่ว่าจะเป็นองค์การเล็กหรือใหญ่ ทรัพยากรที่จะนำองค์การเข้าสู่ความสำเร็จที่สุดคือ ทรัพยากรมนุษย์ การเพิ่มมูลค่าให้กับมนุษย์โดยการเพิ่มทุนทางความรู้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้องค์การได้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ทุนมนุษย์ จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับองค์การ ผู้นำองค์การก็เป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างยิ่งในการเพิ่มมูลค่าให้กับทุนมนุษย์ หากผู้ให้ความสำคัญ เข้มแข็ง และตระหนักถึงการพัฒนาทุนมนุษย์องค์การนั้นก็จะสามารถใช้ทุนมนษย์ที่มีอยู่ในองค์การได้อย่างเต็มกำลังสามารถ

ปัจจุบัน สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีผู้นำองค์การที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความเข็มแข็ง ให้ความสำคัญและจริงจังกับการเพิ่มมูลค่าให้กับทุนมนุษย์ที่จะเป็นทุนที่สำคัญในการพัฒนาองค์การในอนาคต จึงได้มีการจัดอบรมหลักสูตรนี้ เปิดโอกาศให้ทุนมนุษย์ในองค์การที่มีคุณสมบัติได้เข้าศึกษา เพิ่มพูนความรุ้ ความสามารถ ความคิด เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทุนมนุษย์ในองค์การและเป็นการเพิ่มทุนที่ยั่งยืน ทำให้การผู้เข้ารับการอบรมสามารถนำมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากการอบรมครั้งนี้นำไปใช้ในการพัฒนาองค์การในอนาคตให้กับ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

สรุปแนวคิดจากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ เป็นหนังสือที่กล่าวถึงแนวคิด แนวทาง หลักการของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการนำองค์ความรู้ ประสบการณ์ ทั้งด้านทฤษฎี แนวคิด และประสบการณ์การปฏิบัติของบุคคลสำคัญในวงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ 2 ท่าน คือ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มาถ่ายทอดองค์ความรู้ดังกล่าว เฉพาะประเด็นสำคัญ คือ ประวัติเส้นทางชีวิตที่น่าสนใจของบุคคลทั้ง 2 ประวัติ/หลักการการทำงาน บริหารงาน/องค์กรให้ประสบความสำเร็จ หลักการแนวคิด/แนวทางการสร้างและเพิ่มคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทั้งของผู้นำและการสร้างให้พนักงาน/ลูกน้อง เพื่อนำไปสู่ความเป็นเลิศของคน/องค์กร การเพิ่มผลผลิตและคุณภาพของงานควบคู่ไปกับการพัฒนาคนอย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญด้านการเงิน/ผลกำไรน้อยกว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ถือว่า "คน" เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กรหรือเป็นศูนย์กลางขององค์กร ผู้นำทุกระดับต้องมีความศรัทธาในศักยภาพของบุคลากรในองค์กร ศรัทธาในความสามารถของทรัพยากรมนุษย์

นอกจากนั้น กล่าวถึงประวัติการก่อตั้งสถาบันที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของ ศ.ดร.จิระ ซึ่งมีคุณค่าต่อวงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ทั้งในระดับองค์กร สังคม และประเทศชาติ เฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดที่จะจัดตั้งองค์กรพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับสากล คือ "Global Institution for Capacity Building" ซึ่งต้องการจะช่วยลดช่องว่างของกลุ่มประเทศด้อยพัฒนาที่อยู่ในฐานะเสียเปรียบ ให้ได้รับการยกย่องพัฒนาอย่างมีเกียรติภูมิ โดยการใช้เทคโนโลยีและระบบการบริหาร

สุดท้ายได้กล่าวถึงแนวคิด ความมุ่งมั่นของนายพารณ และศ.ดร.จิระ ในการทำงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และบทสัมภาษณ์แนวคิดการปรับปรุงองค์กรแบบใหม่ในลักษณะ "รีเอ็นจิเนียริ่ง" ระหว่าง ศ.ดร.จิระ กับ Dr.Michael Hammer

ชาว talent NIA ขยันกันทุกคนเลยนะครับ,ขอชื่นชม ส่วนผมก็ได้ไอเดียดีๆ จากทุกท่าน..มาเรียนช้าไป แต่จะวิ่งตามให้ทัน ฝากเนื้อ ใกตัวด้วยนะครับ

สวัสดีคะ เพื่อน talent ทุกท่าน ได้มีโอกาสเข้ามาอ่านแนวความคิดของเพื่อนแต่ละคน เก่ง ๆ กันทั้งนั้นเลย talent จริงๆ และขอสารภาพตามความจริงว่า วันนี้ทั้งวันยังอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ไม่จบเลย ด้วยความที่ไปทำงานเลยโดนหัวหน้าจับเข้าห้องประชุมทั้งวัน ได้เห็นแสงตะวันก็เกือบ ๕ โมงเย็น แต่ก็จะสู้สู้จ้า (เออ! วันนี้ฉัตรดนัยไปไหนเนี่ย)

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ และเพื่อน ๆ ทุกคน

ได้หยุดพัก 1 วัน บางคนก็ได้พัก บางคนก็ต้องไปเคลียร์งาน ส่วนการบ้านก็พยายามจะทำ สรุปแล้วทำหลายอย่างในเวลาเดียวกันนี้ ผลงานออกมาไม่ค่อยจะดีเลย สรุปก็คือจะบอกว่าพยายามจะอ่านหนังสือให้จบนะค่ะ แต่ยังอ่านไม่จบ พึ่งดูไปได้สักครึ่งเล่ม แต่ก็อยากแสดงความคิดเห็นบ้าง ซะหน่อยแล้วกันนะ

กรณีศึกษาคุณยรรยง เรื่องบางเรื่องอาจถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ เราจะแก้ปัญหาอย่างไร เราต้องหาข้อมูลให้รอบด้าน มีความสามารถในการชี้แจง ชักจูง ให้ผู้ฟังเข้าใจอย่างที่เราเข้าใจ

ความสำเร็จของผู้ได้รับรางวัล Nobel ความมุ่งมั่น การนำความมุ่งมั่นมาเป็นเป้าหมายในการทำงาน แม้จะต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าเรายังมุ่งมั่นอยู่ก็จะเห็นผลสำเร็จในที่สุด

ส่วนเรื่องทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ เห็นด้วยกับบทสรุปของคุณศักดิ์ ที่สรุปออกมาได้ตรงใจมากเลย โดยที่ตัวเราเองต้องมีความพึงพอใจในงานที่ทำ คืออยากทำงานที่สนุก ได้ความรู้ พัฒนาสติปัญญา และมีโอกาสก้าวหน้า ด้วยการทำงานเป็นทีมกับคนอื่นได้และดีที่สุดของเราด้วย

ขอบคุณค่ะ

สิ่งที่ได้จากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

จากการอ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ของ คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ ทำให้ได้เรียนรู้ถึงวิธีการบริหารคนของผู้มีประสบการณ์ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำงานในองค์กรมากมาย ซึ่งสรุปเป็นประเด็นสำคัญได้ดังนี้

- การลงทุนด้วยการพัฒนาคนต้องพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง เพราะคนยิ่งพัฒนายิ่งมีทักษะมีความรู้ความสามารถ

- การดูแลพนักงานต้องดูแลตั้งแต่เริ่มเข้ามาทำงานในองค์กรจนถึงวันที่เขาเกษียณอายุราชการ

- คุณภาพของคนกับการเพิ่มผลผลิตเป็นความสัมพันธ์ที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จซึ่งกันและกัน

- ปัจจยที่สำคัญอย่างหนึ่งในการทำให้การเพิ่มผลผลิตประสบความสำเร็จคือ ความจงรักภักดีและความมีวินัยของคนในองค์กร

- ผู้เป็นหัวหน้างานควรจะให้ลูกน้องสามารถพบปะเพื่อปรึกษาหารือได้ตลอดเวลา

- คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์กร

- การพัฒนา “คน” เป็นการลงทุนที่ไม่ใช้ต้นทุน แต่ คนเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญสูงสุดที่ต้องมีการเอาใจใส่ดูแลพัฒนาความรู้ความสามารถตลอดเวลา

- วัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งที่บ่งชี้การทำงาน

- คุณค่าของพนักงานจะเพิ่มขึ้นจากการฝึกอบรม

- การพัฒนาคนไม่ใช่แค่พัฒนาพนักงานในองค์กร ต้องมีการพัฒนาลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องกับองค์กรของด้วยเพราะคนกลุ่มนี้ต้องเกี่ยวข้องกับงานของเรา

- คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย

- ต้องดูแลจิตใจของคนในองค์กรด้วยถ้าคนจิตใจสงบ บรรยากาศดี การทำงานก็จะดีไปด้วย

- ต้องสนับสนุนให้มีการทำงานเป็นทีมเพื่อทำให้พนักงานรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรร่วมกัน

- ผู้นำที่ดีต้องมี EQ สูงมีความอดทนสูง

- ผู้นำที่ดีต้องมีทักษะในการรับฟัง (Listening skill)

- ผู้นำต้องสร้างเครือข่าย

- ผู้นำต้องมีความพึ่งพอใจในงานที่ทำ

- การบริการองค์กรให้เข้มแข็งต้องบริหารนักบริหารให้เข้มแข็งก่อน ดังนั้น ต้องมีการสร้างนักบริหารให้ทันกับความต้องการ

- ต้องสร้างโอกาสทางการเรียนรู้

- CEO ขององค์กรต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง HR เนื่องจากองค์กรที่จะอยู่รอดคือองค์กรที่ดูแลเรื่องคน

- ผู้บริหารควรมองพนักงานเหมือนสมาชิกในครอบครัว

- การสร้างวัฒนธรรมในองค์กรเป็นสิ่งสำคัญ

- องค์กรต้องการคนเก่ง+คนดี

- การลงทุนทางปัญญาต้องควบคู่ไปกับการลงทุนทางจริยธรรม

- ปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ประสบผลสำเร็จ ประกอบด้วย 4 ปัจจัย คือ

• คุณภาพของคน ดูแลตั้งแต่การคัดเลือก

• ผู้บริหารระดับสูง ต้องมีความเชื่อว่าการพัฒนามนุษย์คือหลักการที่สำคัญ ต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจัง

• ทัศนคติของฝ่ายจัดการ คือ การพัฒนาฝึกอบรมไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่สูญเสียไป แต่เป็นการลงทุนระยะยาว

• ต้องปลูกฝังพนักงานให้มีการพัฒนาตนเอง

การบริหารบุคคลเชิงกลยุทธ์แบบใหม่ ประกอบด้วย 7 หลักใหญ่ คือ

1. องค์กรและผู้นำจะต้องมีปรัญชาในการบริหาร โดยเน้นคนเป็นสำคัญ

2. จะต้องมี วิสัยทัศน์ (Vison) วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคต

3. การลงทุนในการสร้างศักยภาพของคน จะสร้างองค์กรได้ดี

4. การเพิ่มผลผลิตให้องค์กรจะต้องได้รับแรงจูงใจให้มีอิสรภาพในการทำงาน

5. ต้องมีการนำเทคโนโลยีการสื่อสารมาสนับสนุนการทำงาน

6. ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต จะต้องให้คนมีสุขภาพกายและจิตที่ดี

7. ต้องสร้างบุคลากรให้เข้าไปสู่สังคมโลกาภิวัฒน์ให้ได้ด้วยการสร้าง GLOBLE KNOWLEDGE

- เงินไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่เป็นความพอใจกับงาน ได้รับการยอมรับ การมีส่วนร่วมในองค์กร การทำงานท้าทาย การได้รับการเพิ่มพูนความรู้ วัฒนธรรมองค์กร ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้พนักงานอยู่ในองค์กรยาวนาน

- ความจงรักภักดีเป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นมา,ต้องใช้เวลาในการสร้าง และผู้ที่มีบทบาทในการสร้างต้องเข้าใจคุณค่าของมนุษย์เสียก่อน

จากบทความจาก the New york time เกี่ยวกับการรับคนเข้าทำงานของบริษัทไอบีเอ็มที่แตกต่างกัน โดยคนหนึ่งเน้นความจงรักภักดีแต่อีกบุคคลหนึ่งเน้นความรู้ความสามารถและระบบคุณธรรม สำหรับในส่วน สขช.ต้องนำทั้งสองประเด็นมาผสมผสานในการประยุกต์ใช้ที่ควรมีทั้งความจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อองค์กร ตลอดจนต้องเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเพื่อรองรับกับการทำงานที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงตามกระแสโลกาภิวัฒน์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ควรนำหลัก 8 k's ของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สรุปบทเรียนจาก Mandela อดีตประธานาธิบดีแอฟริกาใต้ เรื่อง ลักษณะของผู้นำ 8 ประการ ซึ่งเมื่อนำมาปรับใช้กับ สขช.แล้ว สิ่งที่ผู้นำของ สขช.จำเป็นต้องมีเป็นอันดับแรกคือ ผู้นำที่มีภาพลักษณ์ที่ดี (Charisma leadership) และต้องมีแนวคิด/ทัศนคติ ในลักษณะประนีประนอม (compromise) ตลอดจนจะต้องแก้ปัญหาในลักษณะของ win-win เพื่อให้เป็นไปตามปรัชญาการทำงานในลักษณะผู้ปิดทองหลังพระ

[email protected]

สรุป 8 บทเรียนของ Mandela

คอลัมน์ บทเรียนจากความจริง

ผู้เขียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ตีพิมพ์ นสพ.แนวหน้า ฉบับที่ 29 ปีที่ 2

ลงวันที่ 19 ก.ค. 2551

บทสรุปหลักการเป็นผู้นำของ Nelson Mandela ต้องมองทุกอย่างรอบคอบรอบด้าน โดยเริ่มจากสภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งของตนเองที่ต้องถูกฝึกอย่างดี คือ นำตนเองให้ได้ก่อน จากนั้นจึงมองทีมงานและสภาพแวดล้อมภายใน / ภายนอกองค์กร สำคัญที่สุด คือ การดำรงอยู่และบริหารท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นลบ ได้แก่ ผู้มีแนวคิดตรงข้ามหรือศัตรู อย่างไรก็ตามหลักการไม่เน้นถูกผิดร้อยเปอร์เซ็นต์

__________________________

คำมา พื้นทอง

[email protected]

สรุป 8 บทเรียนของ Mandela

คอลัมน์ บทเรียนจากความจริง

ผู้เขียน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

ตีพิมพ์ นสพ.แนวหน้า ฉบับที่ 29 ปีที่ 2

ลงวันที่ 19 ก.ค. 2551

บทสรุปหลักการเป็นผู้นำของ Nelson Mandela ต้องมองทุกอย่างรอบคอบรอบด้าน โดยเริ่มจากสภาวะจิตใจที่แข็งแกร่งของตนเองที่ต้องถูกฝึกอย่างดี คือ นำตนเองให้ได้ก่อน จากนั้นจึงมองทีมงานและสภาพแวดล้อมภายใน / ภายนอกองค์กร สำคัญที่สุด คือ การดำรงอยู่และบริหารท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เป็นลบ ได้แก่ ผู้มีแนวคิดตรงข้ามหรือศัตรู อย่างไรก็ตามหลักการไม่เน้นถูกผิดร้อยเปอร์เซ็นต์

__________________________

คำมา พื้นทอง

[email protected]

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

HR.CHAMPIONS

โดย

พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา

จีระ หงส์ลดารมภ์

พิมพ์ครั้งที่ 4

1 เม.ย. 49

สรุปเนื้อหาสาระ ปรัชญา แนวคิด เกี่ยวกับการทรัพยากรมนุษย์ของนักบริหารทรัพยากรมนุษย์ 2 ท่าน คือ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ดังนี้

1. พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา เป็นปูชนียบุคคลที่มีคุณค่าด้านทรัพยากรมนุษย์ และเป็นต้นแบบยุคแรกๆ ของการประยุกต์ศาสตร์แห่งการบริหารทรัพยากรมนุษย์ระหว่างแนวคิดของโลกตะวันตกกับโลกตะวันออก

พื้นฐานชี้วัดเกี่ยวข้องโดยตรงกับผู้คน และสังคม ที่มีความเป็นอยู่ร่วมกัน จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการอยู่ร่วมกัน การปฏิสัมพันธ์ และการปกครอง

เป็นนักคิดนักปรัชญาที่คิดรอบด้าน ผสมผสานกับเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงของโลกเป็นอย่างดี

ปรัชญาการบริหารองค์กรของท่านพารณฯ เห็นว่าผู้บริหารทุกระดับต้องเริ่มต้นจากความศรัทธาในศักยภาพและความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ การบริหารงานองค์กรที่ประสบความสำเร็จและลงตัว องค์กรจะอยู่ได้ บุคลากรทุกระดับต้องมีความสุขในการทำงาน และสุดท้ายสร้างความจงรักภักดี (Royalty) ให้เกิดขึ้นกับบุคลากรต่อองค์กร ซึ่งทั้งหมดเกิดได้จากพื้นฐานความห่วงใย รักใคร่ของผู้บริหารองค์กร

2. ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สมัยใหม่ มีเบ้าหลอมจากวัฒนธรรมองค์กรที่มีวิสัยทัศน์ มองศักยภาพและความรู้ความสามารถของมนุษย์สำคัญกว่าความอาวุโส (มธ.) การบริหารยึดหลักการประสานประโยชน์ทุกกลุ่มให้ลงตัว ดูแลสวัสดิการผู้ด้อยโอกาสเป็นพิเศษ โดยไม่ให้องค์กรและส่วนรวมได้รับเดือดร้อน เสียหาย

ปรัชญา / แนวคิดนักบริหารต้องมีความรอบรู้และใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ มีระบบการสร้างเครือข่าย มีความสามารถในการบริหารจัดการความคิด การเป็นนักฟังที่ดี มีการบูรณาการความรู้อย่างเป็นระบบ การบริหารเน้นการแนะนำมากกว่าการชี้นำ

3. จุดร่วม

หลักการ / แนวคิด ที่เห็นร่วมกันระหว่าง นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร. จีระ หงส์ลดารมภ์

- ความเชื่อ / ศรัทธาในสิ่งที่ทำ

- การผสมผสานระหว่างระบบกับจิตใจได้ลงตัว

- ผู้บริหารทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแก่บุคลากร

- การบริหารองค์กรให้ความสำคัญกับผลตอบแทนทางจิตใจซึ่งเป็นนามธรรม และมีคุณค่าสูงยิ่ง

- มองระบบการจัดการทรัพยากรมนุษย์เป็นศาสตร์และมีหลักการ

- การบริหารที่ประสบความสำเร็จคือ การบริหารแบบมีส่วนร่วม

__________________________

คำมา พื้นทอง

สร้อยสน ทิพย์มณเฑียร

จากกรณีศึกษาคุณยรรยงถือว่าเป็นบทเรียนหนึ่งที่ผู้นำควรนำมาปรับใช้ในการทำงาน ที่สำคัญคือแม้ว่าเราจะมีความรู้ความสามารถเท่าไหร่ แต่ควรใช้หลักการบริหารงานและหลักธรรมาภิบาลและมีคุณธรรมควบคู่ไปด้วยกัน ในกรณีนี้ควรเป็นผู้ที่มีความคิดรอบคอบและใช้วิจารณญาณในการทำงาน ไม่ควรดูถูกศักดิ์ศรีผู้อื่นหรือทำให้ผู้อื่นเสียหน้า หรือเล่นพรรคเล่นพวก ซึ่งนอกจากจะไม่เป็นผลเสียต่อการทำงานแล้วยังสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นหรือทำงานเป็นทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะทำให้หน่วยงานหรือประเทศชาติพัฒนาไปข้างหน้าได้อย่างดี

The new office social contract: Loyalty is out, performance is in

แม้ว่าแนวคิดในการเข้าร่วมงานในองค์กรหนึ่งๆ ของลูกจ้างในปัจจุบันไม่ได้ให้ความสำคัญในการที่จะทำงานในองค์กรใดองค์กรหนึ่งไปจนเกษียณ แต่ลูกจ้างก็ยังแสวงหาความหมายในงานที่ตนเองทำ และหน่วยงานที่ตนเองสังกัด ในสภาวะเช่นนี้ สขช.อาจจะต้องพิจารณายุทธศาสตร์การบริหาร และการทำงานเพื่อให้องค์กรมีความเข้มแข็ง และมีชื่อเสียงที่ดีอย่างจริงจัง เพื่อดึงดูดให้คนที่มีความสามารถอยากที่จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ตลอดจนทั้งดูแลภายหลังเมื่อเข้าร่วม เช่น การดูแลสวัสดิภาพ และการพัฒนาศักยภาพเพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ตลอดจนเพื่อสร้างความผูกพันและรักษาทรัพยากรบุคคลที่มีค่าขององค์กรไว้

กลุ่ม 4

สรุปแนวความคิดที่ได้จาก HR พันธุ์แท้

1. การยอมรับในแนวความคิดซึ่งนำไปสู่แนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนเป็นรูปธรรม

ของผู้บริหารเครือซีเมนต์ไทย ที่เห็นความสำคัญว่า คน คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในองค์กร ทำให้มีการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นต่อเนื่องและเป็นระบบ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งผลองค์กรประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในด้านธุรกิจและเป็นที่ยอมรับในด้านระบบการบริหารงานบุคคล

2. การจะพัฒนาให้ จนท. ในองค์กรให้มีคุณภาพ มีความจงรักภักดี และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในองค์กร ขึ้นอยู่กับปัจจัยสองประการ คือ ผู้นำองค์กร และ ตัวบุคลากร

จากกรณีนี้เห็นได้ชัดถึงบทบาทของ ผู้นำ ซึ่งนอกจากความสามารถในเชิงบริหารแล้ว เห็นได้ชัดว่าการบริหารงานโดยให้ความสำคัญกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รวมทั้งมีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งในด้านวัตถุและด้านจิตใจ จะช่วยสร้างความรู้สึกและจิตสำนึกในการเป็นส่วนร่วม ทำให้การดำเนินงานองค์กรประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล

เฉพาะอย่างยิ่งด้านจิตใจ เพราะในที่สุด ความเชื่อมั่น ศรัทธา ที่นำไปสู่ความจงรักภักดี ต่อองค์กรนั้น จะทำให้ จนท. ทุกคนพร้อมจะปฏิบัติงานอย่างเต็มความรู้ความสามารถและก้าวไปกับองค์กร ทั้งในสภาวะปกติหรือแม้จะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดและสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากการเปิดการโอกาสให้ จนท.มีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็น จะเกิดความสามัคคีและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ที่จะช่วยให้องค์กรผ่านวิกฤติ และก้าวไปสู่การพัฒนาอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ทั้งนี้ ผู้นำองค์กร ยังมีหน้าที่ที่สำคัญในการพัฒนาสมรรถภาพของ จนท. ในทุกสายงานให้ตรงตามความต้องการ อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยเปิดโอกาสให้ จนท. ทุกคนทราบ ลำดับขั้นตอนในการเข้ารับการอบรมต่างๆ รวมทั้งโอกาสในการเจริญเติบโตในสายงานของตน (career path) เพื่อเป็นแนวทางและเสริมสร้างให้มีกำลังในการในการทำงานและพัฒนาตนเอง ซึ่งก็ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถและความตั้งใจที่จะพัฒนาตนของตัว จนท.เองด้วย

-------------------------------------------------------------------

จากกรณีศึกษาคุณยรรยงที่ ครม. แสดงให้เห็นว่า คุณยรรยง เป็นข้าราชการที่มีความรู้ เป็นคนเก่ง แต่ขาดประสบการณ์และความรอบคอบในการใช้วิจารณาญาณในการตัดสินใจที่ผิดพลาด มีผลกระทบต่อตนเองอย่างมาก ทำให้ขาดความน่าเชื่อถือของการเป็นข้าราชการระดับผู้บริหาร ในสายตาของนายกรัฐมนตรีและนักการเมือง ซึ่งอาจมองได้ว่านายยรรยงเป็นเครื่องมือของนักการเมืองแฝงที่อาจใช้อำนาจของตนเองเพื่อแสวงประโยชน์

สุภัทรา จ้นทรโฮ้วมณี

กรณีคุณยรรยง พวงราช ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญของข้าราชการประจำ ที่ขาดทักษะ/ประสบการณ์ในการนำเสนอ ขาดความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณ ผิดหลักธรรมาภิบาล ความไม่มีมารยาททางเมือง ถูกมองว่าไม่โปร่งใส และเล่นพวก ส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานทั้ง ๆ ที่เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถและมีลูกศิษย์มากมาย บทเรียนดังกล่าวสามารถนำมาปรับใช้ในการบริหารองค์กร โดยผู้นำต้องยึดหลักความรู้ความสามารถ ธรรมาภิบาล คุณธรรม การรู้จักให้เกียรติและไม่ดูถูกศักดิ์ศรีของคนอื่นควบคู่กันไป

สรุปแนวความคิดที่ได้จากกรณีศึกษา: นายยรรยง พวงราช

สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทและอิทธิพลของนักการเมือง หรือ ขรก. การเมือง ที่มีต่อ ขรก. ประจำ ที่ยังคงเกิดขึ้นและหลีกเลี่ยงได้ยากในสภาวะปัจจุบัน แต่จากบทเรียนนี้ ช่วยชี้ให้เห็นและเข้าใจได้ว่า แม้จะเป็นเรื่องที่ดูจะไม่มีทางเลี่ยงได้นั้น ในความเป็นจริง ขรก. ประจำ ควรกล้าที่จะเลือกปฏิบัติและมีแนวทางการตัดสินใจที่ถูกต้อง โดยยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นสำคัญ

รวมทั้งคิดวิเคราะห์ถึงผลกระทบหากปล่อยให้เป็นไปตามแรงกดดันทางการเมือง ซึ่งแน่นอนว่ามักจะเป็นไปในทางลบ และผู้ที่จะเสียหายก็คือส่วนรวม และ ตัว ขรก. ผู้นั้นเอง

ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ในระบบการเมืองไทย ขรก.ประจำ ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ รวมทั้งทักษะในการตัดสินใจอย่างสูง

ในการเลือกแนวทางการตอบสนองต่อ ขรก.การเมืองอย่างถูกต้องและเหมาะสม

กรณีศึกษาคุณยรรยงที่ ครม.

เรื่องบางเรื่องอาจถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ เราจะแก้ปัญหาอย่างไร

เราต้องหาข้อมูลให้รอบด้าน รู้เขารู้เรา มีความสามารถในการชี้แจง ชักจูง ให้ผู้ฟังเข้าใจอย่างที่เราเข้าใจ

ถ้าจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจาก อาจารย์จีระ แล้ว ก็คือหลักการตัดสินใจแบบ win win คือประณีประนอม หรือจะเลือก แบบแตกหัก คือ I am ok you are not ok

กรณีคุณยรรยง ที่ ครม.

ในการเป็นผู้ที่มีบทบาทในการนำเสนอข้อมูล ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจในด้านนโยบาย ซึ่งอาจจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน นั้น การเป็นผู้นำ ที่จะต้องแสดงบทบาทดังกล่าว จะต้องได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วน ในการนำเสนอ โดยอาศัยทีมงานที่มีความรอบรู้ในประเด็นนั้นๆ มาประกอบในการพิจารณาดำเนินการ และตัวผู้นำเอง จะต้องทำความเข้าใจกับข้อมูลเหล่านั้น อย่างแท้จริง ก่อนการนำเสนอ เพื่อไม่ให้ตัวผู้บริหารเอง ต้องตกไปอยู่ภายใต้เกมแห่งผลประโยชน์ ในภายหลัง

พี่น้อง เพื่อนที่รัก ชาว NIA talented ที่รัก

ดูจากเวลาที่หลายท่าน โพสต์ข้อความเข้ามาแล้ว เห็นเป็นเวลาไล่เรียงกัน แสดงว่าทุกท่านกำลังเคร่งเครียดกับการทำการบ้าน หลังจากกลับที่พัก กันแล้ว ยังไงก็อย่าลืมพักผ่อน และ ปฏิบัติงาน ในความรับผิดชอบที่บ้าน และครอบครัวของตัวเองด้วยนะครับ...อย่าลืมว่า การเป็นผู้นำที่ดี จะต้องไม่ลืมคนรอบข้าง ที่ต้องการ การเอาใจใส่จากเราด้วย

ความสำเร็จของหน้าที่การงาน ต้องมาพร้อมกับความสำเร็จแห่งชีวิต

กรณีของคุณยรรยง แสดงให้เห็นว่าคุณยรรยงเป็นข้าราชการที่ดี มีความมุ่งมั่น มานะอดทน ใฝ่เรียนรู้ เป็นคนกล้า กล้าที่จะมาชี้แจงต่อ ครม.ทั้งที่แท้จริงควรเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ชี้แจงมากกว่า แต่ด้วยเป็นคนที่มีความรู้และรับผิดชอบเรื่องการประมูลข้าวโพด จึงถูกนักการเมืองใช้ให้มาชี้แจงแทน ซึ่งในการชี้แจงคุณยรรยงอาจพูดตรงเกินไป ขาดวิจารณญาณในการนำเสนอต่อผู้บังคับบัญชา อาจจะถูกใจคุณพรทิวาแต่สร้างความไม่พอใจต่อ ครม.ทั้งคณะ โดยคุณยรรยงลืมนึกถึงผลกระทบที่จะเกิดกับอนาคตของตนเอง อาจพูดได้ว่างานนี้คนที่ได้คือคุณพรทิวา ส่วนคุณยรรยงก็เหมือนหุ่นเชิด ทางที่ดีคุณยรรยงควรแสดงจุดยืนว่าจะเลือกความถูกต้องหรือการเอาตัวรอด คุณยรรยงเป็นคนดี คนเก่งแต่ขาดการรู้จักเอาตัวรอดในระบอบข้าราชการไทย จากอดีตถึงปัจจุบันข้าราชการไทยก็ยังคงเป็นแบบคือถูกนักการเมืองใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาผลประโยชน์ ดังจะเห็นได้จากระบอบทักษิณที่พยายามทำให้ข้าราชการประจำต้องยอมจำนนต่อนักการเมือง

                              ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช

                                          (ศักดิ์ มูลสาร)

              เหตุการณ์กรณีดังกล่าวอาจเรียกว่านายยรรยง พวงราช "ตกม้าตาย" ทั้งที่มีความตั้งใจสูงและประสบการณ์ในหน้าที่มากมายแต่ขาดการคิดวิเคราะห์ที่รอบด้านก่อน นำเสนอข้อมูลที่ตนเองรับผิดชอบต่อที่ประชุม ครม. ซึ่งปกติจำเป็นต้องเตรียมข้อมูลและคิดวิเคราะห์ถึงเป้าประสงค์หลักของการนำเสนอให้ชัดเจนเข้าใจง่ายก่อน รวมถึงปัจจัยแทรกต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการชี้แจง ที่สำคัญต้องเข้าใจลักษณะวัฒนธรรมของนักการเมืองไทย ที่ผู้บริหารจำเป็นต้องมีวุฒิภาวะทางอารมณ์(EQ) สูงกว่าปกติ จึงจะสามารถวางตัวได้อย่างเหมาะสมและไม่เสียภาพลักษณ์ (เครดิต)ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด>>> 

 

ศึกษากรณีคุณยรรยง

ให้แง่คิดและบทเรียนกับข้าราชการที่ต้องการความก้าวหน้า ละเลยขาดความรอบคอบในการปฏิบัติตนตามหลักจริยธรรม คุณธรรมของข้าราชการ ซึ่งอาจตกเป็นเครื่องมือต่อฝ่ายการเมืองที่ต้องการผลประโยชน์ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ หรือมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาบทบาทหน้าที่ของข้าราชการ แม้มีฝ่ายการเมืองเป็นผู้บังคับบัญชาระดับสูง ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่กำกับดูแลโดยตรง แต่ข้าราชการที่ดีต้องปฏิบัติตนเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนเป็นสำคัญ ไม่ใช่ผลประโยชน์ของกลุ่มคน

เป็นตัวอย่างที่ดี ให้กับข้าราชการที่มีอัตตา หรือต้องการแสดงเหตุผลหักล้าง โต้ตอบผู้บังคับบัญชาในที่ประชุม โดยยึดหลักของตนแต่ฝ่ายเดียว ไม่รับฟังเหตุผลของผู้อื่น ไม่ยอมงอ ยอมเสียค่าโง่ ทั้งๆที่ ไม่มีเหตุผลความจำเป็น แต่ในทางกลับกันประเทศชาติ ประชาชนกลับได้ประโยชน์ ที่ได้รู้เห็นข้อมูลความไม่โปร่งใสของฝ่ายการเมือง ที่ใช้ข้าราชการประจำระดับสูง ออกหน้าขออนุมัติโครงการต่างๆ ที่ไม่โปร่งใสแต่แผ่ให้สังคมได้รับรู้ และท้ายสุดข้าราชการย่อมตกเป็นเหยื่อเหมือนทุกๆครั้งที่ผ่านมา เพราะขาดสติ และความคาดหวังจากผลประโยชน์ต่างตอบแทน.

ข้อคิดจากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

ในฐานะที่ดิฉันเป็นผู้หนึ่งที่ทำงานด้าน HR เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว รู้สึกภาคภูมิใจ

ที่ผู้บริหารในองค์กรที่ประสบความสำเร็จในระดับต้น ๆ เห็นความสำคัญของงานด้าน HR และให้ความสำคัญกับคนในองค์กร สนับสนุนให้มีการพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าสิ่งที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จคือ องค์กรต้องมีทั้งคนเก่งและคนดี ไม่ใช่เก่งอย่างเดียวแต่ทำงานไม่เป็นหรือเก่งคนเดียวแต่ทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้ คนที่ได้รับการ Promote ต้องมีทั้ง Capability และ Acceptability การพัฒนาคนต้องพัฒนาทุกระดับทั้งระดับบนและระดับล่างอย่างต่อเนื่อง การจะรักษาคนไว้ในองค์กรไม่ใช่เพียงแค่การให้ผลตอบแทนที่เป็นเงินอย่างเดียว แต่ต้องให้ผลตอบแทนทางใจด้วย ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงจูงใจและความจงรักภักดีต่อองค์กร

สิ่งที่จะสามารถนำไปปรับใช้กับองค์กรได้ คือ สขช.ควรจะสร้างความภาคภูมิใจให้กับ

ข้าราชการตั้งแต่ก้าวแรกที่บรรจุเข้ามาใน สขช. ชี้ให้เห็นความสำคัญของงานและความสำคัญขององค์กร ส่งเสริมให้มีการเรียนรู้ และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการจัดทำแผนความก้าวหน้าในอาชีพ มีระบบการบริหารผลตอบแทนและการพิจารณาแต่งตั้ง โยกย้ายที่โปร่งใส เป็นธรรม

เฮ้อ ! บทความที่ลงชื่อว่า "ไม่แสดงตน" เป็นของผมเองครับ ขออภัยสองครั้งแล้วที่ประมาทเลินเล่อ ขาดความรอบคอบ

เกือบไม่ได้ส่งการบ้าน เดี๋ยวงานเข้า

การเป็นผู้นำจะต้องกล้า รับผิด และรับชอบ ครับ

กรณีศึกษา นายยรรยงฯ

เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ต้องการเอาใจฝ่ายการเมืองในฐานะ

ผู้บังคับบัญชาที่ต้องการแสวงผลประโยชน์จากโครงการดังกล่าว แต่หาก

นายยรรยงฯคิดถึงหลักความโปร่งใส มีธรรมาภิบาล ปกป้องผลประโยชน์

ของชาติ จะไม่ตัดสินใจเช่นนั้น เนื่องจากนายยรรยงฯเป็นผู้ที่มีความรู้

ความสามารถ

แนวคิดที่ได้จาก “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

ของ :พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ จีระ หงส์ลดารมภ์

“องค์กรที่ประสบความสำเร็จเรื่องของ “คน” คือ องค์กรที่ผู้นำมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถสื่อสาร ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ให้แก่ผู้ร่วมงานได้สำเร็จ และเป็นต้นแบบ ทั้งการเป็น “ คนเก่ง” และ “คนดี”

การที่องค์กรใดสามารถนำพาองค์กรไปสู่จุดหมายที่เป็นความสำเร็จขององค์กร ทั้งผู้บริหาร และ สมาชิกในองค์กรต้องให้ความสำคัญกับ “บุคลากร” ขององค์กรบนพื้นฐานแนวคิด “การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ขององค์กร ไม่ใช่ต้นทุน (Cost) แต่คนเป็นทรัพยากรสำคัญสูงสุดที่ต้องเอาใจใส่ดูแล”

สรุป องค์กรที่ประสบความสำเร็จ ต้องให้ความสำคัญ ดังนี้

1) คนที่จะนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จต้อง “ทั้งเก่ง และ ดี”

2) คนทุกคนเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพยากรอื่นใดในองค์กร

3) คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย

4) การทำงานเป็นทีม บนพื้นฐานแนวคิด “สองหัวดีกว่าหัวเดียว”

ดังนั้น องค์กรทุกองค์กร ถ้าผู้นำให้ความสำคัญกับคนไปพร้อมๆกับความมุ่งหวังผลกำไร และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง (ถึงแม้เป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ทำไม่ได้) องค์กรต้องมุ่งมั่น ถึงแม้ปัจจัยที่จะไปสู่ความสำเร็จมีความซับซ้อนก็ตาม

การนำแนวคิดไปปรับใช้ในองค์กรของ “สขช.”

หากผู้นำ สขช.มีความเชื่อมั่น ในแนวคิดเรื่อง “คน” โดยให้ความสำคัญว่า “ การพัฒนาบุคลากรเป็นการลง

ทุน (Investment) ขององค์กร ไม่ใช่ต้นทุน (Cost) และ คนเป็นทรัพยากรสำคัญสูงสุดที่ต้องเอาใจใส่ดูแล” ไม่ใช่มองเพียง “คนเก่ง” เพราะ “คนเก่ง” หากมีปัญหาการทำงานเป็นทีม ย่อมไม่เกิดประโยชน์ หากปราศจากความเป็น “คนดี”

การเป็นผู้นำ สขช.ยุคใหม่ต้องนำพา สขช.สู่จุดหมายปลายทางอย่างมั่นคง และ ถูกทิศทาง ต้อง “กล้า” ที่จะเปลี่ยนแปลงและรับสิ่งใหม่ที่ต่างจากแบบเดิมๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นและนำพาองค์กรรุกไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง โดยแรงผลักดันของผู้นำการเปลี่ยนแปลง ต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ตาม รู้งาน รู้คน แล้วใช้ศักยภาพของคนอย่างเต็มที่ ผู้นำยุคใหม่ของ สขช.ต้องเปิดกว้างรับฟัง รู้จักการประนีประนอมบนพื้นฐานความถูกต้อง รู้จังหวะเวลารุก ถอย นอกจากนี้ที่สำคัญ คือ ผู้นำ สขช.ยุคใหม่ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างความ เชื่อมั่น ศรัทธา (Trust) เพื่อนำสมาชิกในองค์กรก้าวไปด้วยกัน (Team) อย่างมีจุดหมาย เพื่อความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ (Tomorrow)

------------------------------------------

นายสุวิมล มานะการ

ผู้เข้าอบรม

10/11/52

ศึกษากรณีคุณยรรยง ที่ ครม.

การทำงานทุกอย่างต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ ต้องคิดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ โดยการศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ แต่บางครั้งคนเราก็มีโอกาสพลาดได้ ถือเป็นบทเรียน และในโอกาสต่อไปจะได้ไม่พลาดอีก

ศึกษากรณีคุณยรรยงที่ ครม.

ถึงจะเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ แต่ขาดการวิเคราะห์ข้อมูลให้ถูกต้อง ขาดความรอบคอบในการนำเสนอข้อมูล ทำให้ผู้รับข้อมูลเข้าใจผิด หรือตัดสินใจผิดพลาดได้

ควรคิดอย่างเป็นระบบ คิดก่อนพูด รับฟังผู้อื่นอย่างมีสติ แต่ไม่หวั่นไหว กล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ต้องรอมชอมในบางครั้ง อย่ามุ่งแต่เอาชนะ และควรเลือกทางสายกลางที่ผลลัพธ์ออกมาทุกฝ่าย win win

ในบทความเรื่อง ๑ เหรียญ ๑ คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง อาจารย์ ได้นำเสนอในหลายประเด็น โดยเฉพาะในการเชิญชวนให้คนไทย ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อในหลวงของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนพร้อมที่จะแสดงออกในทุกลมหายใจ นอกจากนั้น เป็นประเด็นเรื่องความเคลื่อนไหวในรัฐบาล ซึ่งก็เป็นการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดบนฐานอำนาจ ที่นักการเมืองทุกคนใฝ่ฝัน

แต่มีประเด็นหนึ่งที่อาจารย์ กล่าวถึง และ ผมต้องการจะแลกเปลี่ยนทัศนะ คือ กรณีความแปลกใจที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้รับรางวัล โนเบล สาขาสันติภาพ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับคนทั้งโลก (ผู้ที่จับตาสถานการณ์ทางการเมืองโลก การเมืองระหว่างประเทศ) หรือแม้แต่อเมริกันชน เอง ก็ตาม

เชื่อได้เลยว่า คณะกรรมการที่พิจารณา รางวัล โนเบล คงจะไม่ใช่คนโง่ หรือ ทำเพื่อประชด ประชัน แต่น่าจะเห็นถึงศักยภาพของ โอบามา ผ่านทางนโยบาย และการกระทำ ในช่วงไม่ถึงหนึ่งปีของการรับตำแหน่ง โดยเฉพาะการประกาศต่อต้านการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ การทำให้โลกเรา ปลอดอาวุธทำลายล้างสูงชนิดนี้ นอกจากนี้ นโยบายของ โอบามา ยังนับเป็นผู้เสริมสร้างบรรยากาศ ที่สร้างสรรในทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยการใช้การเจรจาทางการฑูต และการพูดคุยในระดับทวิภาคี (อย่างแท้จริง) ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเชื่อว่า “Dialogue and negotiations are preferred as instruments for resolving even the most difficult international conflicts.”

หรือหากมองในแง่ดี แบบกำปั้นทุบดิน ผมเชื่อว่า คนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ คงจะลดความหื่นกระหาย ด้านสงครามลงไป และใช้โอกาสที่เหลืออยู่ในช่วงของการดำรงตำแหน่ง ในการเสริมสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น บนพื้นฐานที่ว่า "สงครามไม่ใช่คำตอบ ของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ"

การมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ให้กับ โอบามา จึงถือเป็นกลอุบายที่ดีของคณะกรรมการ รางวัลฯ และอาจจะเป็นการสร้างสันติภาพ ก่อนที่จะเกิดความขัดแย้ง หรือ การทำลายล้าง....

จากนั้น ปล่อยให้ โนเบล สาขาสันติภาพ สร้างสันติภาพ ตามความมุ่งหมายของมัน

ในบทความเรื่อง ๑ เหรียญ ๑ คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง อาจารย์ ได้นำเสนอในหลายประเด็น โดยเฉพาะในการเชิญชวนให้คนไทย ร่วมแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อในหลวงของเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนพร้อมที่จะแสดงออกในทุกลมหายใจ นอกจากนั้น เป็นประเด็นเรื่องความเคลื่อนไหวในรัฐบาล ซึ่งก็เป็นการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดบนฐานอำนาจ ที่นักการเมืองทุกคนใฝ่ฝัน

แต่มีประเด็นหนึ่งที่อาจารย์ กล่าวถึง และ ผมต้องการจะแลกเปลี่ยนทัศนะ คือ กรณีความแปลกใจที่ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้รับรางวัล โนเบล สาขาสันติภาพ ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับคนทั้งโลก (ผู้ที่จับตาสถานการณ์ทางการเมืองโลก การเมืองระหว่างประเทศ) หรือแม้แต่อเมริกันชน เอง ก็ตาม

เชื่อได้เลยว่า คณะกรรมการที่พิจารณา รางวัล โนเบล คงจะไม่ใช่คนโง่ หรือ ทำเพื่อประชด ประชัน แต่น่าจะเห็นถึงศักยภาพของ โอบามา ผ่านทางนโยบาย และการกระทำ ในช่วงไม่ถึงหนึ่งปีของการรับตำแหน่ง โดยเฉพาะการประกาศต่อต้านการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ การทำให้โลกเรา ปลอดอาวุธทำลายล้างสูงชนิดนี้ นอกจากนี้ นโยบายของ โอบามา ยังนับเป็นผู้เสริมสร้างบรรยากาศ ที่สร้างสรรในทางการเมืองระหว่างประเทศ โดยการใช้การเจรจาทางการฑูต และการพูดคุยในระดับทวิภาคี (อย่างแท้จริง) ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ โดยเชื่อว่า “Dialogue and negotiations are preferred as instruments for resolving even the most difficult international conflicts.”

หรือหากมองในแง่ดี แบบกำปั้นทุบดิน ผมเชื่อว่า คนที่ได้รับการยกย่องให้เป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ คงจะลดความหื่นกระหาย ด้านสงครามลงไป และใช้โอกาสที่เหลืออยู่ในช่วงของการดำรงตำแหน่ง ในการเสริมสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น บนพื้นฐานที่ว่า "สงครามไม่ใช่คำตอบ ของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ"

การมอบรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ให้กับ โอบามา จึงถือเป็นกลอุบายที่ดีของคณะกรรมการ รางวัลฯ และอาจจะเป็นการสร้างสันติภาพ ก่อนที่จะเกิดความขัดแย้ง หรือ การทำลายล้าง....

จากนั้น ปล่อยให้ โนเบล สาขาสันติภาพ สร้างสันติภาพ ตามความมุ่งหมายของมัน

ต้องขออภัยชาวบล็อก ครับ ที่ต้องส่งสองครั้ง เพราะครั้งแรกลืมแสดงตนครับ

KK

เพื่อนในรุ่นขยันกันจังเลย โพสต์กันใหญ่ เดี๋ยวจะเป็นทีของเราบ้างนะ ขอประมวลและวิเคราะห์ก่อนนะจะได้เป็นผู้นำที่ดี

วิเคราะห์กรณีศึกษาคุณยรรยงฯ

กรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ชี้แจงในที่ประชุม ครม. เกี่ยวกับการประมูลข้าวโพด ของกระทรวงพาณิชย์ นั้น น่าจะเป็นกระบวนการการตัดสินใจผิดพลาดของผู้นำ โดยไม่มีการกำหนดทางเลือกในการตัดสินใจหลายทางเลือก , ไม่มีการวิเคราะห์ทางเลือก(กำหนดข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก) และการเลือกตัดสินใจที่ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ ทั้งนี้เนื่องจากคุณยรรยงฯ อาจตัดสินใจทางเลือกที่อยู่ภายใต้การชี้นำของฝ่ายการเมือง/นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พณ.

------------------------------------

ผู้ที่ไม่แสดงตนในหัวข้อ 1 เหรียญ 1 คำอธิฐานนี้ คือใคร ? ทำงานเสร็จก่อนเพื่อนแล้วยังไม่ยอมบอกชื่ออีก

สุดหล่อเชษฐ์อีกหรือเปล่า ยอมรับมาซะดี ๆ

บทเรียนจากความจริง.....ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ ครม.

กรณีของคุณยรรยง พวงราช ผู้ซึ่งเป็นข้าราชการที่ดี มีความรู้ และมีอนาคตไกล แต่ทำไมความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นกับคุณยรรยงได้ ก็เพราะคุณยรรยง ขาดประสบการณ์และความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณ มีการตัดสินใจที่ผิด จึงทำให้เกิดความล้มเหลว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวอาจจะไม่ใช่ความผิดของคุณยรรยงก็ได้ อาจจะเกิดจากความไม่โปร่งใสของการเมืองไทยก็เป็นได้

ดังนั้น การที่เราเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ (ผู้นำ) เราควรยึดคติที่ว่า “รู้เขารู้เรา” ต้องมีการฝึกความเฉลียวฉลาด ทักษะความรู้ของเราอยู่เสมอ และการจะตัดสินใจทำอะไรหรือเรื่องอะไรสักอย่าง ควรมีการใช้ วิจารณญาณที่รอบคอบ เพื่อจะได้ไม่เกิดความผิดพลาดกับตัวเราและองค์กรของเรา หรือแม้กระทั้งประเทศไทยของเราด้วย

บทเรียนจากความจริง.....ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ ครม.

กรณีของคุณยรรยง พวงราช ผู้ซึ่งเป็นข้าราชการที่ดี มีความรู้ และมีอนาคตไกล แต่ทำไมความผิดพลาดจึงเกิดขึ้นกับคุณยรรยงได้ ก็เพราะคุณยรรยง ขาดประสบการณ์และความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณ มีการตัดสินใจที่ผิด จึงทำให้เกิดความล้มเหลว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าวอาจจะไม่ใช่ความผิดของคุณยรรยงก็ได้ อาจจะเกิดจากความไม่โปร่งใสของการเมืองไทยก็เป็นได้

ดังนั้น การที่เราเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ (ผู้นำ) เราควรยึดคติที่ว่า “รู้เขารู้เรา” ต้องมีการฝึกความเฉลียวฉลาด ทักษะความรู้ของเราอยู่เสมอ และการจะตัดสินใจทำอะไรหรือเรื่องอะไรสักอย่าง ควรมีการใช้ วิจารณญาณที่รอบคอบ เพื่อจะได้ไม่เกิดความผิดพลาดกับตัวเราและองค์กรของเรา หรือแม้กระทั้งประเทศไทยของเราด้วย

**** โทษทีค่ะสวิตตาลืมแสดงตน แก้ตัวใหม่นะค่ะ

ต้องขออภัยอีกครั้ง กรณี บทความ ๑ เหรียญ ๑ คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

ของข้าพเจ้าเองคับ..กุ้ง คับ suthep ไม่ได้แสดงตน ในครั้งแรก แต่ผมได้แสดงตนในการส่งครั้งที่สองแล้วนะครับ

ขอโทษที่ทำผิดนะครับ

ทรัพยากรมนุษย์

“HR-Human Resources” หรือ “ทรัพยากรมนุษย์” “คน” เป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์กร เพราะฉะนั้น ผู้นำองค์กรจึงต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ องค์กรจะประสบความสำเร็จได้ก็ขึ้นอยู่กับคนในองค์กร ดังนั้น ผู้นำควรจะ

1. พัฒนาคนให้มีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นตลอดเวลา เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของโลก

2. ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ให้อิสรภาพในการทำงาน

3. สร้างจิตสำนึก ความจงรักภักดี ความมีวินัย ตรงต่อเวลา ซื่อสัตย์ เสียสละ และอุทิศตัวของคนในองค์กร

4. ต้องได้รับการดูแลทางใจ (ทุกระดับ) นอกจากผลตอบแทนจากสวัสดิการและ

ค่าจ้าง (เงินเดือน)

5. สร้างองค์กรให้มีบรรยากาศของครอบครัว มีความผูกพันกันเหมือนพี่น้อง

สรุป

องค์กรที่ประสบความสำเร็จในเรื่องคนก็คือ องค์กรที่ผู้นำมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถสื่อสารถ่ายทอดวิสัยทัศน์นั้นให้แก่ผู้ร่วมงานได้สำเร็จ และเป็นต้นแบบทั้งการเป็น “คนเก่ง” และ “คนดี” โดย คุณพารณ อิสรเสนา ณ อยุธยา และ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

กรณี คุณยรรยงที่ ครม. (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)   

         วันนี้ได้ศึกษาทฤษฎี win win กับท่าน รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ พอดี เมื่อได้มาอ่านกรณีศึกษาของคุณยรรยง ทำให้เกิดความคิดว่า เมื่อนโยบายของ 2 รัฐบาลในช่วงคุณยรรยงต้องเป็นข้าราชการประจำ เป็นนโยบายที่แตกต่างกัน รวมเข้ากับประสบการณ์ร่วมกับนักการเมืองที่คุณยรรยงมีไม่มากนัก ทำให้คุณยรรยงตกอยู่ในช่วงลำบาก ถูกมองว่าเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ไม่มีความสามารถ ทั้ง ๆ ที่เป็นข้าราชการที่ดีมีอนาคตไกล การแก้ปัญหาจึงควรใช้ทฤษฎี win win ที่จะไม่ให้ทั้ง ครม. และข้าราชการประจำ สูญเสียความน่าเชื่อถือต่อประชาชนและคุณยรรยงไม่ควรได้รับผลกระทบจากการเมือง 

        แต่บทเรียนในครั้งนี้ สมควรให้ข้าราชการประจำหันกลับมาทบทวนบทบาทหน้าที่ของตนเอง ควรยึดปฏิบัติตามกฎระเบียบของข้าราชการ โดยไม่ยึดติดกับการเมือง เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาไม่ว่าพรรคการเมืองไหนจะขึ้นมาบริหารบ้านเมือง นอกจากนั้นควรมีทีมงานที่มีประสิทธิภาพคอยให้คำปรึกษา ไม่ควรคิดเอง ทำเองเพียงคนเดียว

---------------------------   โอ้โห...ว่ากันมายาวเหยียดเลยเพื่อน ๆ สงสารทีมงานจัง คงอ่านกันตาลายเลยเนี่ย

สรุปสาระสำคัญจากเรื่อง "ศึกษากรณีคุณยรรยงที่ ครม."

ปรากฎข่าวสารทางสื่อมวลชนว่า เมื่อ 13 พ.ค.52 นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในได้รับมอบหมายจาก

นางพรทิวา นาคาสัย รมว.พณ. ให้เข้าไปชี้แจงใน ครม. เพื่อขออนุมัติการประมูลข้าวโพดของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งนายยรรยง ได้ชี้แจงอธิบาย

ต่อ ครม. โดยเฉพาะต่อ นรม.ในลักษณะที่ทำให้ผู้ฟังมีความรู้สึกไม่พอใจ ไม่มีความรู้ความสามารถหรือในเชิงสอนนักการเมือง

จากกรณีที่ปรากฎข่าวสารทางสื่อมวลชนดังกล่าว สามารถนำมาวิเคราะห์ได้ว่า นายยรรยง ซึ่งเป็นข้าราชการ/ผู้บริหารระดับสูงของกรมการค้าภายในอาจจะมีความผิดพลาด ดังนี้.-

1. ขาดความสามารถด้าน EQ (Emotional Quotient) หมายถึง ความสามารถในการตระหนักรู้อารมณ์ตนเองและผู้อื่น ความสามารถในการจูงใจตนเองและผู้อื่น ตลอดจนการสื่อสารที่จะสามารถสร้างมิตรกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

2. ขาดความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณที่เหมาะสม ซึ่งควรต้องปรึกษาหารือให้ละเอียดกับทีมงานและจัดหาข้อมูลให้ครบถ้วน

3. อาจจะถูกฝ่ายการเมืองชักนำไปสู่ความไม่โปร่งใส จึงทำให้แสดงจุดที่ไม่เหมาะสมถูกต้อง ซึ่งแนวทางที่ดีควรยืนยันจุดยืนที่ถูกต้อง ถ้าถูกย้ายก็พร้อมที่จะไปหรือใช้วิธีการเน้นแบบกลางๆ ลักษณะ Win Win ไม่ให้การชี้แจงทำให้กระทรวงพาณิชย์และ ครม.เสียหน้า

ความผิดพลาดดังกล่าวบางประเด็น สอดคล้องกับทฤษฎีการตัดสินใจผิดพลาดของคนเก่งในหนังสือชื่อ

"Think again" เขียนโดย Sydney Finkelstein, Jo Whitehead และ Andrew Campbell

ข้อคิดที่ได้จากการศึกษากรณี คุณยรรยง ที่ ครม.

สถานการณ์ “การตัดสินใจ” ที่ผิดพลาด จนส่งผลกระทบต่อคุณยรรยงฯ เป็นความจงใจของนักการเมืองที่ต้องการใช้ข้าราชการเป็น “เครื่องมือ” แสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง ขณะที่ คุณยรรยงค์ ขาดประสบการณ์ ไม่รู้เท่าทันการเมือง ทำให้ขาดการใช้วิจารณญาณที่รอบคอบ และ เข้าสู่ “กับดัก” ของนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดาย ที่ข้าราชการ “เก่ง” และ “ดี” ถูกครอบงำจากการเมืองที่ขาดคุณธรรม ขาดหลักธรรมาภิบาล

อย่างไรก็ตาม คุณยรรยงฯ ต้องเด็ดขาดในการ “ตัดสินใจ” ยึดมั่นความถูกต้อง และ ผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง อย่าให้อำนาจแฝงการเมืองครอบงำ เพียงเพื่อผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ข้าราชการไทยต้องอยู่อย่าง “มีเกียรติ” และ “ศักดิ์ศรี”

--------------------------------------------------------

สิ่งที่ได้รับจากการอ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” ของอาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ และคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา คือ การให้ความสำคัญกับ “คน” ซึ่งถือได้ว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร ผู้บริหารต้องให้ความสำคัญดูแลเอาใจใส่บุคคลเหล่านี้นับแต่วันที่พวกเขาเข้ามาทำงานจนถึงวันที่ครบวาระการทำงานออกไป ดังนั้น ผู้บริหารต้องมีส่วนผลักดันและเปิดโอกาสให้บุคคลในองค์กรสามารถแสดงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งต้องพัฒนาทักษะ ความรู้ ความสามารถต่าง ๆ ของพวกเขาเหล่านั้นเพื่อให้เกิดการเรียนรู้/ใฝ่รู้ตลอดเวลาและเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสามารถต่อยอดในการเพิ่มมูลค่าในตัวมนุษย์ได้ต่อไปในอนาคต

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จคือความจงรักภักดีและความมีวินัยของคนในองค์กร ดังนั้น ผู้นำที่ดีต้องยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และเป็นต้นแบบที่ดีให้แก่บุคลากรในองค์กรได้เกิดความเชื่อ ความไว้ใจ เคารพและศรัทธา ซึ่งความจงรักภักดีต่อองค์กรสามารถเกิดขึ้นได้โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีความเข้าใจในทิศทางเดียวกันและผู้นำไม่ควรมองเพียงแต่ด้านวัตถุอย่างเดียว ต้องมองถึงเรื่องของจิตใจด้วย ต้องมีความรัก/ความเมตตา และเข้าใจถึงความต้องการ ความรู้สึกนึกคิดของผู้ตาม ยอมรับฟังความคิดเห็นต่าง ๆ รวมไปถึงเห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม มีการให้กำลังใจ ยกย่อง ชมเชย เมื่อทำสิ่งที่ถูกและดี และเมื่อทำผิดพลาดก็พร้อมจะให้อภัยและให้โอกาสเสมอ ทั้งนี้ ผู้บริหารไม่ควรมองบุคลากรในองค์กรเป็นเพียงผู้บังคับบัญชากับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ควรมองว่าเป็นเหมือนกับคนในครอบครัวเดียวกัน ต้องให้ความรักการเอาใจใส่ อีกทั้งต้องมีความเชื่อมั่นในคุณค่าของความเป็นคนและเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการทำงาน ซึ่งองค์กรจะดีได้นั้นเพราะมีคนเก่ง (เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน) และคนดี (ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม) คอยเป็นแรงสนับสนุนนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

กรณีศึกษา "คุณยรรยงที่ ครม."

การที่ผู้นำ ที่เป็นข้าราชการประจำ ก่อนที่จะพูดหรือเสนอความเห็นในเรื่องใดออกไป จะต้องศึกษาหาข้อมูลที่ถูกต้อง เพียงพอ ใช้วิจารณญาณ คิดให้รอบคอบทุกด้าน ก่อนตัดสินใจพูดหรือเสนอความเห็น เพื่อให้เกิดความน่าเชือถือ และไม่กระทบต่อใคร โดยเฉพาะการพูดและเสนอความเห็นต่อที่ประชุม ครม. ที่เป็นนักการเมือง ซึ่งจะเกี่ยวโยงกับเรื่องผลประโยชน์

บทเรียนจากความจริง / โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน

จากบทเรียนฯ นี้มี 2 เรื่องที่น่าสนใจ คือ

เรื่องแรก โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน ถือได้ว่าเป็นโครงการที่ดีน่าสนับสนุน เพราะเป็นโครงการที่ทำให้ประชาชนได้แสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอยู่หัว โดยเป็นการขอพรให้พระเจ้าอยู่หัวทรงหายประชวรด้วย และยังเป็นการสร้างความสามัคคีให้แก่ประเทศอีกทางหนึ่งด้วย และเงินที่ได้จากโครงการนี้ก็ยังจะนำไปสนับสนุนโครงการมูลนิธิพระดาบส ซึ่งถือได้ว่าเป็นโครงการที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมไทยเป็นอย่างมาก

เรื่องที่สอง การที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามาได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ในครั้งนี้ นำความประหลาดใจมาสู่คนทั้งโลก เนื่องจากรางวัลนี้ควรมอบให้แก่คนที่ได้ทำงานมากที่สุดหรือดีที่สุดเพื่อภราดรภาพระหว่างประเทศต่างๆ ยุติหรือลดความขัดแย้ง และเสริมสร้างสันติภาพให้แผ่ขยายไปทั่ว แต่โอบามาเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้ไม่นาน และยังไม่ได้เข้าไปมีบทบาทในด้านการยุติความขัดแย้งหรือสันติภาพด้านใดเลย แต่ทำไมเขากลับได้รับรางวัลนี้ได้ หรือเป็นเพราะคณะกรรมการตัดสินในครั้งนี้ต้องการประกาศให้ชาวโลกรู้ว่า ขณะนี้อเมริกามีผู้นำที่รักสันติภาพ ไม่ต้องการให้มีสงครามเกิดขึ้นในโลกนี้ หรือเป็นการสร้างภาพให้แก่อเมริกา เพื่อให้เกิดการยอมรับแก่ชาวโลก (เป็นสิ่งที่ต้องติดตามกันต่อไป)

ศึกษากรณี คุณยรรยง ที่ ครม.

กรณีดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงบทบาทของนักการเมืองกับข้าราชการประจำที่มีมานาน ทั้งนี้ ข้าราชการประจำในระดับที่มีวุฒิภาวะเป็นผู้นำควรจะมีวิจารณญาณในการคิดวิเคราะห์อย่างรอบคอบรอบด้านในการตัดสินใจ อย่างมีคุณธรรม และธรรมาภิบาล โดยคำนึงถึงแนวทางผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลักสำคัญ ปราศจากการตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง

ชอบพี่สุวิมลเขียนถึงกรณีศึกษาของคุณยรรยง จัง ได้ใจมากอ่านแล้วโดนมากๆ เก่งๆ จริงๆ (อนาคต ผบห.) แน่ๆ เลยพี่เรา

ยิ่งช่วงนี้ดูสุขุมนุ่มลึกด้วย

กรณีศึกษาเกี่ยวกับการชี้แจงต่อ ครม.เพื่อขออนุมัติประมูลข้าวโพดของ ก.พาณิชย์ ของคุณยรรยง พวงราช เมื่อ 13 พ.ค.52 แสดงให้เห็นว่าการติดต่อปฏิสัมพันธ์กับบุคคลนอกองค์กร โดยเฉพาะฝ่ายการเมือง ผู้นำจำเป็นต้องวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์ และปัจจัยต่างๆล่วงหน้าอย่างรอบด้าน ทั้งประเด็นที่จะอาจจะถูกถาม แนวทางที่จะตอบและผลของคำตอบ รวมทั้งควรจะประเมินทัศนะคติของผู้ที่ตนเองจะต้องติดต่อสัมพันธ์ด้วยว่าเขามีความคิดเห็นอย่างไรต่อองค์กรของเรา และต่อตัวเรา(เมื่อกลางปี 49 คุณยรรยงเคยถูกมองว่าพยายามปกป้องบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือชินคอร์ป ให้รอดพ้นจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นบริษัทขายสมบัติชาติให้กับคนต่างด้าว)

นอกจากนี้ การประเมินภูมิหลัง และแนวคิดของฝ่ายตรงข้ามก็เป็นเป็นสิ่งที่สำคัญด้วยเช่นกันเพราะจะทำให้สามารถกำหนดท่าทีของฝ่ายเราในทางที่จะไม่ก่อให้เกิดความรู้สึกต่อต้านจากคนที่เราต้องติดต่อด้วย ซึ่งในกรณีนี้ รัฐบาลใหม่ย่อมไม่อยากที่จะปฏิบัติหรือดำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่อนุมัติโดยรัฐบาลชุดที่ผ่านมาซึ่งลงจากตำแหน่งด้วยเหตุผลที่ไม่สวยงาม เพียงเพราะว่าเป็นเรื่องที่ “ครม.ชุดที่แล้วอนุมัติไปแล้ว”

แต่ไม่ว่าในอดีตจะเคยเกิดอะไรขึ้น แต่การที่ คุณยรรยง พวงราช ได้รับแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ ก็เป็นเครื่องแสดงอย่างหนึ่งว่าคุณยรรยงมีดี และเป็นกระดูกมีเบอร์

หมายเหตุ: ความคิดเห็นของผู้เขียนเป็นความคิดเห็นในฐานะนักเรียนเพื่อตอบโจทย์การบ้านในหลักสูตร พัฒนาทุนปัญญา เท่านั้น ไม่ใช่ในฐานะ จนท.สขช. และไม่มีเจตนาจะโจมตีผู้ใด...กลัวคนจะเข้าใจผิด

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สรุปสิ่งที่ได้จากการบรรยายของ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสวิวัฒน์...

หลังจากสิ้นสุดยุคสงครามเย็น โลกก็เข้าสู่ยุคโลกาภิวัตน์ที่การติดต่อสื่อสารสามารถกระทำได้โดยเร็ว ดังนั้นพวกเราชาว NIA Talented จำเป็นต้องปรับตัวให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงของสถานการณ์โลก แต่ขอให้ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง (Fact/Reality) ตลอดจนต้องเตรียมความพร้อมในการปรับเปลี่ยนระบบคิด (Mindset) ให้สอดคล้องกับยุคโลกแบน ดังนั้นการที่จะนำทฤษฎีเกมมาปรับใช้ ก็จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมทั้งภายนอกและภายในองค์กรด้วย รวมทั้งต้องก้าวไปสู่วิธีการใหม่ๆ โดยเฉพาะ Blue Ocean Strategy

ปล.อย่าลืมฝึกคิดวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่เป็นภัยคุกคามว่าจะสามารถลดระดับความรุนแรงได้อย่างไร และซ้อมตั้งคำถาม Why ? ไว้ด้วย เจอกันพรุ่งนี้ Morning Coffee

หนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

อ.พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา

“คน” เป็นต้นทุน ไม่ใช่เป็นการลงทุน เพราะ “คน” เป็นสมบัติที่มีค่ามากที่สุดขององค์กร อ.พารณ ใช้เรื่องการจัดโครงสร้าง/ระเบียบบริหารองค์กร ความจงรักภักดี และความมีวินัยของคน เป็นปัจจัยในการเพิ่มผลผลิต โดยวิธีการบริหารด้วยการนำกิจกรรม 5 ส. ระบบข้อเสนอแนะ การรักษาความปลอดภัย และ QCC

อ.พารณ เป็นต้นแบบเรื่อง “คน” ดังนี้

1. คนเก่ง-คนดี สูตร “เก่ง 4 ดี 4”

เก่ง 4 คือ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน

ดี 4 คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม

ประเมิน”คนเก่ง” ด้วย “capability (องค์กรช่วยได้)

ประเมิน “คนดี” ด้วย “acceptability” (ต้องสร้างสมขึ้นมาเอง)

2. เชื่อในคุณค่าของ “คน” ว่า ทุกคนเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพย์สินอื่นในองค์กร ให้การฝึกอบรม พัฒนา ในแต่ละวิชาชีพ

ทั้งระดับบน ระดับกลาง และระดับล่าง โดยระดับล่างจะเป็นเรื่องความรู้ หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับงาน และมีการฝึกโดย

ปฏิบัติจริง รวมทั้งการพัฒนาไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

3. เชื่อว่า คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย โดยให้การดูแลทุกข์สุข

ของคนในองค์กรอย่างใกล้ชิด (holistic concern) มีมนุษยสัมพันธ์ โดยการ

- สร้างแรงจูงใจ ใช้หลักการมีจุดร่วม มีใจตรงกัน มีศรัทธาซึ่งกันและกัน คือ มีจุดร่วมที่ผู้บริหาร ไม่สร้างแรงจูงใจทางลบ ได้แก่ ความขัดแย้ง การเล่นพวก

- สร้างบรรยากาศการทำงาน ไม่เฉพาะทางด้านกายภาพ แต่เป็นบรรยากาศของความเป็นมิตร เป็นทีมเวิร์ค เพื่อให้เกิดจิตสำนึกในการเป็นเจ้าของ เพราะทุกคนมีส่วนร่วมที่จะตัดสินใจในการดำเนินงานขององค์กร

- สร้างองค์กรให้มีบรรยากาศแบบครอบครัว

อ.พารณ เปรียบเทียบว่า ปัญหาแรงงานเหมือนไฟไหม้ ถ้าเรารู้จักดับไฟตั้งแต่ต้นลม คือ แก้ปัญหาให้พนักงานเสียแต่เนิ่น ๆ ไฟก็จะไม่ลุกลามใหญ่โต โดยต้องทำ 3 เรื่อง คือ 1) ต้องให้สำเร็จ 2) ต้องมีบารมี 3) ต้องยั่งยืน

“remind management” คือ เตือนสติฝ่ายบริหารว่า คนที่องค์กรส่งไปทำงานในเครือ ที่ต้องทำงานอย่างลำบาก ถ้าไม่ดูแลให้ดี คนเหล่านั้นก็จะมีความคับแค้น ความเดือดเนื้อร้อนใจ เสียขวัญและกำลังใจ ฝ่ายบริหารต้องคิดให้รอบคอบด้วย จะต้องให้สวัสดิการ ดูแลทุกข์สุขของครอบครัวเขาด้วย

นอกจากนี้ วัฒนธรรมในองค์กร (corporate culture) ก็มีส่วนให้องค์กรเจริญได้ ได้แก่ ความมีระเบียบวินัย ตรงต่อเวลา ซื่อสัตย์ อุทิศตัวให้องค์กร และอีกหลายอย่าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะมีส่วนทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น (productivity improvement) แต่ทั้งนี้ ผู้นำองค์กรจะต้องทำเป็นตัวอย่าง

สำหรับ “ความจงรักภักดี” เป็นประเด็นใหญ่ที่เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร

อ.จีระ หงส์ลดารมภ์

HR (Human Resources) การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นการลงทุน ประกอบด้วย เศรษฐศาสตร์ จิตวิทยา การบริหารการจัดการ และกลยุทธ์ เน้นการเรียนรู้ (Learning)

เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ จะเน้นเรื่อง Management of Human Capital ซึ่งขึ้นอยู่กับการจัดการเป็นสำคัญ

อ.จีระ เน้นว่า “ถ้ามีความเชื่อ หรือมีความศรัทธาว่า สิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี และเป็นประโยชน์ ก็จะทำให้เราเกิดความมุ่งมั่น มีกำลังใจ และนำพาไปสู่ความสำเร็จ”

ยุทธศาสตร์สำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาและการแข่งขัน คือ “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” ซึ่งทั้ง อ.พารณ และ อ.จีระ มีแนวทางดังนี้

1. กำหนดวิสัยทัศน์ ผู้บริหารต้องคิดถึงแนวโน้มในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร จะเตรียมทรัพยากรมนุษย์อย่างไร

2. การลงทุน เน้นให้เกิด competencies ใหม่ ๆ ได้แก่ การพัฒนาและสร้างศักยภาพให้แก่ทรัพยากรมนุษย์

3. สร้างบรรยากาศต่อการเรียนรู้ ได้แก่ ภาษาต่างประเทศ การวิเคราะห์วิจัย การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

Human Capital การลงทุนด้านคน

Intellectual Capital ทุนทางปัญญา หมายถึง ความสามารถในการคิด วิเคราะห์

Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม

ทุนทั้ง 3 นำมาสู่แนวคิดเชิงความเชื่อและศรัทธาถึงปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยประกอบด้วย 4 ปัจจัย คือ คุณภาพของคน ผู้บริหารระดับสูง ทัศนคติของฝ่ายจัดการ และการปลูกฝังให้พนักงานพัฒนาตนเอง

คนที่จะก้าวมาเป็นผู้นำด้าน HR ได้ จะต้องเป็นคนที่มีปรัชญาที่ถูกต้อง มีจิตวิญญาณ และมีการตัดสินใจ ที่จะทำงานให้สำเร็จ และผ่านประสบการณ์ในการจัดการมานานพอสมควร

ความสำเร็จของ HR น่าจะวัดได้จาก outcome ว่า ธุรกิจขยายตัวได้ดีอย่างยั่งยืน มี value เพิ่มขึ้น พนักงานมีความสามารถบนพื้นฐานของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี สังคม และประเทศชาติ ได้ประโยชน์จริง ๆ

การสร้างความจงรักภักดี (Loyalty) แรงจูงใจ (Motivation) ก็เป็นส่วนหนึ่ง HR ที่ผู้นำจะต้องสร้างขึ้นมาในองค์กร

ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ ครม.

ข้าราชการประจำระดับสูงที่ดีจะต้องสั่งสมประสบการณ์ โดยหาข้อมูลให้รอบด้านด้วยการทำงานเป็นทีม มีความยืดหยุ่นในการเจรจา โดยยึดหลักธรรมาภิบาล และมีคุณธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม โดยเน้นแบบ WIN WIN และไม่ถูกครอบงำโดยนักการเมือง ถ้านักการเมืองคนใดไม่มีคุณธรรมและธรรมาภิบาลแล้ว ส่วนมากจะมุ่งหาผลประโยชน์เพื่อตนเองและพรรคการเมือง

กรณีคุณยรรยง พวงราช

คุณยรรยงฯ อาจจะคิดว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถ รวมทั้งได้มอบหมายจากรัฐมนตรีพรทิวาฯ จึงมีความมั่นใจในข้อมูลที่มีอยู่ โดยไม่ได้คิดให้รอบคอบว่า ถ้าพูด

ไปแล้วจะเกิดผลดีผลเสียอย่างไร หรือกระทบกับใคร และพร้อมจะตอบคำถามอย่างไร

กรณีของคุณยรรยงค์ที่น่าสนใจ

ความรู้ ความสามารถ ความอดทน ความตรงมา ไม่สามารถตอบโจทย์ได้ว่า ข้าราชการคนนั้นจะยืนหยัดอยู่ได้โดยไม่ล้มลงเสียก่อนเวลาอันควร นักการเมืองในประเทศไทยน้อยคนที่จะไม่ครอบงำ หรือยืนค้ำอยู่เหนือข้าราชการประจำโดยไม่มีผลประโยชน์เพื่อตนและพวกพ้อง ต่อให้คุณยรรยงค์ขาวแค่ไหน แต่การรักษาไว้ซึ่งตำแหน่งเก้าอี้ที่กว่าจะได้มาต้องใช้เวลาและการต่อสู้ที่ยาวนานอาจหลุดไป ถ้าคุณยรรยงค์ไม่เดินตามเขาแต่โดยดี คุณยรรยงค์หลังชนฝาต้องทำตามแต่โดยดุษฎี ดีกว่าถูกเชือดทิ้ง เก้าอี้หาย แล้วยอมไปตายในสนามรบให้ ครม. เชือด ไม่ใช่กระดูกคนละเบอร์นะครับ ไม่มีทางเลือกครับ คุณพรทิวาถือไพ่เหนือกว่า เป็นใครก็ตามหากมาถึงจุดนี้ถ้าไม่ยอม ตำแหน่งสูงสุดในกระทรวงของข้าราชการประจำคงหลุดลอยไปหาคนอื่นแน่

ในกรณีที่คล้ายคลึงกันนั้น มีจำนวนมากที่เป็นพวกขายวิญญาณให้ซาตาน มีไม่น้อยครับในวงราชการไทย ที่ยอมให้ซาตานครอบงำเพื่อหวังในลาภยศสรรเสริญอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสพเข้าไปมากตนจมไม่ลง เลยตามเลยจนซาตานเห็น เข้ามาครอบงำจนเห็นผิดเป็นชอบ ความโลภ ไม่รู้จักพอ ยอมอ่อนข้อให้ฝ่ายต่ำเข้าครอบงำจนเสียผู้เสียคน

ไม่ใช่ว่าคนดีไม่มีเหลือนะครับ แต่อยู่อย่างลำบากหน่อย ต้องรักษาตัว ประคองตัว ให้อยู่รอด อยู่ได้บนเส้นทางแห่งการเรียนรู้ไปตลอด ว่าเจ้านายใหญ่เป็นอย่างไร จะสนองตอบอย่างไรที่ ไม่เสียเรา เสียเขา ไม่ตกเป็นเครื่องมือเขา ไม่ถูกเขาครอบงำ จบชีวิตราชการแบบไม่มีรอยด่าง ยากจริงๆ นะ

กรณีศึกษาของ คุณยรรยง พวงราช

ทำให้ทราบว่าการตัดสินใจในการตอบคำถาม ควรมีการวิเคราะห์เหตุการณ์นั้น ๆ อย่างถี่ถ้วนและต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นนั้นให้มากที่สุด การตัดสินใจโดยขาดความรู้ในเรื่องนั้น ๆ อย่างละเอียดเป็นจุดอ่อนของผู้นำในองค์การนั้น ๆ และทำให้คนที่จ้องจะเล่นงานเพื่อประโยชน์ส่วนตัวนั้นนำมาทำลายความเชื่อถือในตัวของผู้นำนั้น ๆ ดังกรรีศึกษาของคุณยรรยง

กรณีศึกษาของคุณยรรยง

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า "ข้าราชการประจำ" มักตกเป็นเครื่องมือของ "นักการเมือง" ที่เข้ามาเล่นการเมือง เพื่อพวกพ้องและตนเอง โดยที่ตนเองไม่เคยทำงานอย่างเป็นระบบ และคิดว่าตนเองสามารถบังคับชี้เป็นชี้ตายได้ ทำให้ข้าราชการประจำ ต้องตกเป็นเบี้ยให้นักการเมืองเป็นคนบีบบังคับให้เดินตามเกมส์ที่ตนต้องการ ดังนั้น เหตุการณ์ดังกล่าววิเคราะห์ว่าคุณยรรยง น่าจะตัดสินใจผิดพลาด เพราะขาดประสบการและความรอบคอบ จึงตกหลุมพรางที่นักการเมืองวางไว้ ซึ่งผมเองก็ยังมองอนาคตไม่ได้ว่า จะมีบุคคลแบบคุณยรรยง ที่ออกมาปกป้องผลประโยชน์ของชาติ หรือจะทำเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เพื่อตอบสนองผู้มีอำนาจทางการเมือง เช่นนี้อีกหรือไม่

สิ่งที่ได้จากการศึกษากรณีคุณจรรยง

คนเก่งต้องระมัดระวังเรื่องการตัดสินใจผิดพลาด ซึ่งหากเกิดขึ้นแล้วมักจะนำความเสียหายให้แก่ตนเองเป็นอย่างมาก ความผิดพลาดต่างๆ มักจะเกิดจาก

- การขาดประสบการณ์

- การขาดความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณ

- ผลประโยชน์ทับซ้อน

- เล่นพวกหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัว

ความผิดพลาดเหล่านี้มีวิธีการป้องกัน คือ

- หาข้อมูลให้ครบถ้วน

- ปรึกษาหารือให้รายละเอียดรอบคอบกับทีมงาน

- ต้องเน้นธรรมาภิบาล

- ติดตามประเมินอย่างใกล้ชิด

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ , HR.Champions

บทสนทนาว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์โดยมองว่า คนเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญขององค์กรและของประเทศชาติ เพราะมีส่วนสำคัญในการสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันและเป็นองค์ประกอบสำคัญในการนำพาองค์กรและประเทศไปสู่ชัยชนะในทุกๆด้าน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรและประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนในทุกระดับอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์ในระยะยาว

แต่เนื่องจากการพัฒนาคนเป็นการลงทุนที่มีค่าใช้จ่าย และเป็นการลงทุนระยะยาวที่ไม่อาจเห็นผลในทันที จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้นำองค์กร/ผู้นำประเทศจะต้องเข้าใจและศรัทธาในเรื่องคนก่อน ยุทธศาสตร์การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จึงจะประสบความสำเร็จ

คนสิ่งที่ได้จากการศึกษากรณีคุณรักเกียรติและราเกซ

- คนไม่ควรอยู่เหนือกฎหมาย

- ผู้นำหรือผู้บริหารที่เก่งควรสร้าง Network ให้มากที่สุด

- ผู้นำที่ดีต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าตนเองมีจุดอ่อน และจุดแข็งอย่างไร และดึงจุดแข็งของเรามาใช้

ในการทำงาน อย่าปล่อยให้จุดอ่อนของเราเป็นเครื่องมือแห่งการทำลายประสิทธิภาพการทำงาน

ศึกษากรณีคุณยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายในที่มาชี้แจงกรณีขออนุมัติ ครม. ประมูลข้าวโพด นั้น สรุปประเด็นได้ว่า นักการเมืองมีกลยุทธ์และวิธีการต่าง ๆ ในการเข้ามามีบทบาทแทรกแซงการทำงานของข้าราชการอย่างแยบยล โดยข้าราชการผู้ที่ไม่ทันเกมการเมืองจะมีการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะขาดความพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ไม่สามารถรู้เท่าทันกลโกงของนักการเมืองที่แสวงหาผลประโยชน์เข้าตัวและพรรคพวกอย่างที่เคยเป็นมาในอดีตจนถึงปัจจุบัน

จากบทเรียนครั้งนี้ทำให้มองเห็นถึงจุดอ่อนของคุณยรรยง คือ การขาดประสบการณ์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างการเมืองกับข้าราชการ แม้ว่าคุณยรรยงจะเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประวัติการทำงานไม่ด่างพร้อย แต่เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวย่อมทำให้คุณยรรยงเสียความน่าเชื่อถือ การยอมรับ การไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรีไปโดยปริยาย

ดังนั้น วิธีการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ จึงควรมีการหาข้อมูลหลาย ๆ ด้านมาวิเคราะห์ประกอบการตัดสินใจ และควรปรึกษาหารือกับสมาชิกทีมงานรวมไปถึงการยึดหลักธรรมาภิบาล (good governance) ซึ่งเป็นหลักการที่นำมาใช้ส่งเสริมองค์กรให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพ โดยเน้นเรื่องศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ

ทั้งนี้ ข้าราชการที่ดีไม่ควรเป็นเครื่องมือของนักการเมือง การแก้ไขที่ถูกทางก็คือการฝึกฝนให้ข้าราชการเรียนรู้วิธีการที่จะสามารถอยู่รอดในแวดวงการเมืองและไม่หลงติดอยู่ในวังวนที่นำไปสู่หายนะโดยไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

บนโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง

ขอยกประโยคสุดท้ายที่คุยไว้เมื่อวานเรื่อง วาระการครบรอบ 20 ปี ของการล้มลงของกำแพงที่กั้นยุโรปออกเป็นสองซีก แบ่งประเทศเยอรมันเป็น 2 ประเทศ แล้ววันหนึ่งคอมมิวนิสต์ก็ล่มสลายเพราะโลกที่เปลี่ยนแปลง วันนี้ได้เรียนรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของโลก และทฤษฎีมทะเลสีคราม ก็ขอพูดต่อจากที่กล่าวไว้ โลกเปลี่ยนจากยุคหิน ยุดเหล็ก และยุคสำริด สู่ยุดฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม สู่ยุคล่าอณานิคม ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เข้า่สู่การแบ่งเป็นรัฐอาณาเขต ผ่านสงครามมาแล้วสามครั้ง สู่การปฏิวัติทางด้านเทคโนโลยี่ด้านข่าวสาร โลกแคบลง อะไรเกิดขึ้นที่ไหน อีกมุมโลกหนึ่งสามรรถเห็นได้เกือบพร้อมกัน

mindset

การคิดแบบวิเคราะห์จะมีประโยชน์อย่างมหาศาลบนยุคสมัยที่ข่าวสารมีมากจนล้น เพราะข้อเท็จจริง ความจริง กับข่าวลวงวิ่งสับสนไปมาอย่างมากมาย การกำหนดวิเคราะห์เป้า่หมายจะทำให้การบริโภคข่าวสารเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยมองจากปัจจัยรอบตัว มองจากปัจจัยภายในของเป้าหมาย จะนำไปสู่การวิเคราระห์เป้าหมายที่ถูกต้อง ท่ามกลางข่าวสารที่ล้นเหลือ

game theory

บนการคิดวิเคราะห์หาผลรับในแบบต่างๆ เช่น เดิมพันแบบเกมศูนย์(ทุ่มแบบไม่มีอะไรเสีย) เดิมพันธ์แบบสมประโยชน์ หรือ ไม่มีใครได้ เป็นการสร้างวิธีคิดแบบมีเหตุผลในตัว ต่างกันที่การตัดสินใจจะเลือกขึ้นกับสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อม

blue ocean

เทคโนโลยีทำให้โลกเปลี่ยน พฤติกรรมที่เคยทำแบบเดิมๆอาจทำให้ธุรกิจล่มสลายได้ หากยังมองโลกในมุมเดิมๆ วัฒนธรรม กรอบวิธีคิดแบบเดิม ความแปลกและแตกต่างกว่า กับกลุ่มลูกค้าใหม่ ย่อมทำให้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นเป็นที่ยอมรับและต้องปรับปรุงไปตลอดเวลา จึงจะอยู่รอดได้

ศึกษากรณีคุณยรรยง

กรณีของคุณยรรยงถือเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของคนเก่งและดี เป็นเพราะคุณยรรยงยังขาดประสบการณ์ขาดความรอบครอบและการใช้วิจารณญาณในการนำเสนอนโยบายระดับชาติ และอาจถูกอำนาจแฝงทางการเมืองครอบงำและนำไปสู่ความไม่โปร่งใส จึงทำให้ขาดความเชื่อถือของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในสายตาของผู้นำประเทศ แต่หากคุณยรรยงกล้าตัดสินใจ โดยตั้งมั่นอยู่บนความต้องถูกและยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งหากเป็นเช่นนี้นักการเมืองทั้งหลายก็จะไม่สามารถมาแสวงประโยชน์จากหน้าที่การงานของตนได้

กรณีนี้ น่าจะเป็นกรณีศึกษาที่สำคัญสำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในการนำเสนอนโยบายระดับชาติ ต้องมีการเตรียมมีข้อมูลให้พร้อมและครบถ้วนและต้องมีการปรึกษาหารือกับทีมงานอย่างละเอียดรอบครอบเสียก่อน ก่อนที่จะมีการนำเสนอข้อมูล

หนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

จากการอ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” นี้แล้วทำให้ทราบถึงความเชื่อ ความศรัทธา และความมุ่งมั่น ของบุคคลสองคน คือ คุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา และ อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่มีความแตกต่างกันทั้งด้านอายุ ประสบการณ์ ตลอดจนการทำงานในองค์กรที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันแต่ทั้งสองมีจุดร่วมเดียวกัน คือ การให้ความสำคัญในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะถือว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพย์สินที่มีค่าและสำคัญที่สุดในองค์กร ซึ่งการจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับทรัพยากรมนุษย์จะต้องมีการลงทุนโดยการส่งเสริมให้ได้รับการเรียนรู้และพัฒนาให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขององค์กร เนื่องจากคนไม่ใช่เพียงแค่ “ต้นทุน” แต่ คน คือ “ผลกำไร” ที่แท้จริงขององค์กร ซึ่งหากได้รับการดูแลเอาใจใส่เพิ่มศักยภาพ โดยการพัฒนาอย่างจริงจัง สม่ำเสมอและเป็นระบบก็จะสามารถนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศและยั่งยืนระยะยาวได้

สำหรับกรณี 1 เหรียญ 1 คำอธิฐาน เพื่อในหลวง

เป็นกิจกรรมที่ดี เพื่อแสดงออกให้เห็นว่า ประชาชนคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใด สัญชาติใด อยู่ใกล้หรือไกล ก็สามารถแสดงความจงรักภักดีได้ และยังเป็นการเพิ่มความรักสามัคคี ไม่ให้แตกแยก เพราะเรามีพ่อคนเดียวกัน นั้นคือ "ในหลวง พ่อของแผ่นดินของพวกเรา" ซึ่งคำอธิฐานนั้นๆ ก็จะสัมฤทธิ์ผลได้ในเร็ววันหากเราทำด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ ส่วนเงิน 1 เหรียญ ที่เราจะหยดลงกล่องนั้น ก็เพื่อสนับสนุนโครงการมูลนิธิพระดาบส ซึ่งเราๆก็ทราบกันดีว่าเป็นโครงการที่จะมุ่งเน้นในการสร้างงาน และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อีกทางหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการให้โอกาส และเพิ่มมูลค่าให้กับมนุษย์ที่สำคัญที่สุด

บทเรียนที่ได้รับจากเรื่อง “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์”

บทสนทนาว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของนักคิดและนักปฏิบัติแห่งยุค

องค์กรที่จะประสบความสำเร็จต้องเริ่มสร้างจากตัวบุคคลให้มีทุนความรู้ ในเรื่องงาน จริยธรรม มีความคิดสร้างสรรค์ และใฝ่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เมื่อองค์กรสามารถผลิตคนที่มีคุณภาพได้องค์กรจะขับเคลื่อนไปในทิศทางหรือตามนโยบายได้ นอกจากนั้นแล้ว จะต้องมีผู้นำที่พร้อมจะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ผู้นำที่พึงประสงค์ควรจะมีลักษณะ ดังนี้ ต้องสร้างศรัทธาและได้รับการยอมรับจากคนในองค์กร กล้าที่จะนำการเปลี่ยนแปลง กล้าตัดสินใจในรูปแบบของคณะที่ปรึกษา/กรรมการ พร้อมที่จะยอมรับความผิดพลาด และใช้ความผิดพลาดเป็นบทเรียนสู่ความสำเร็จ ส่งเสริม/สนับสนุนให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้อย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การเตรียมคนรุ่นใหม่เข้ามาทดแทน

นายสังวร บุญไสย

ผู้เข้ารับการอบรม

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สรุปบทเรียนกรณียรรยงที่ ครม.ทำให้เราได้ข้อคิดใน 3 ประเด็น คือ ประเด็นแรก เป้าประสงค์ที่แตกต่างของข้าราชการประจำกับนักการเมือง โดยนักการเมืองมักจะคำนึงแต่ผลประโยชน์ที่เอื้อเฟื้อต่อพรรคการเมือง ขณะที่ข้าราชการมุ่งหวังผลประโยชน์แห่งชาติ ประเด็นที่สอง เรื่อง การใช้ข้าราชการเป็นเหยื่อทางการเมือง และประเด็นที่สาม เป็นการแสวงหาทางออกเพื่อให้ทุกฝ่ายไม่เสียหน้า ดังนั้นการขาดข้อมูลและประสบการณ์อาจเป็นจุดอ่อนให้กับผู้นำระดับสูงของส่วนราชการได้ ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการนำหลักคิดของซุ่นวู คือ รู้เขารู้เขารบร้อยครังชนะร้อยครั้งมาใช้ในการบริหารงาน

                           สำหรับกรณี 1 เหรียญ 1 คำอธิฐาน

                                    (ศักดิ์ มูลสาร)

การดำเนินกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีที่จะสร้างกระแสให้ทุกคนที่เกิดบนผืนแผ่นดินไทยตระหนักถึงพระบารมีขององค์พระบาทสมสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งเปรียบเสมือนพ่อหลวงของชาวไทยที่ทรงงานหนักเพื่อประชาชนของพระองค์ท่านอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่คนไทยทุกคนต้องสำนึกและแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่านคือ “ทำความดีอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” โดยมีเป้าหมายคือความมั่นคงของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่างไรก็ตามคำอธิฐานนั้นต้องอยู๋ในจิตวิญญาณของผู้อธิฐานและถือปฏิบัติตลอดไปจึงจะเกิดเป็นมรรคเป็นผลตามวัตถุประสงค์ของผู้จัดทำโครงการฯ ไม่อย่างนั้นแล้วคำอธิฐานก็จะไม่มีความความหมายอะไรเลยหลังจากสิ้นสุดการหย่อนลงกล่อง ................................

กรณีคุณยรรยง

“คนดี” ต้องมีคุณธรรม “ผู้นำ” ต้องใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ

ผู้นำต้องมีความรอบคอบ รอบรู้ ในทุกด้าน และคนที่ดีจริงต้องไม่หวังในลาภ ยศ สรรเสริญ

----------------------------------------

น.ส.กาญจนา งามเนตร

เราได้อะไรจากการอ่าน “ทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้”

ตอบ การจะนำองค์กรไปสู่การพัฒนาได้นั้น เราต้องสร้างสิ่งดังต่อไปนี้

1. “การเลือกบุคคล” เข้าทำงานควรเลือกคนที่มี IQ และ EQ ไม่ควรคัดเลือกคนที่มีแต่ IQ เพราะคนเหล่านี้ มักจะทำงานร่วมกับคนอื่นไม่ได้ เพราะมี ”อีโก้” สูง ทำให้การทำงานเป็นทีมมีปัญหา

2. “ศรัทธา” ควรสร้างให้เกิดขึ้นกับองค์กร และต้องกระทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการโอน ย้าย ของ จนท.ภายในองค์กร และทำให้ จนท.ภูมิใจในงานที่ได้ปฏิบัติ

3. “การทำงานเป็นทีม” เพื่อสร้างประสิทธิภาพและลดความบกพร่อง ขณะเดียวกันก็จะเป็นการสร้างความสามัคคีให้เกิดขึ้นภายในองค์กรอีกทางหนึ่งด้วย ต้องร่วมมือร่วมใจ เพราะจะทำให้งานที่ออกมานั้นมีประสิทธิภาพ และบกพร่องน้อยที่สุด นอกจากนี้จะส่งผลให้เกิดความสามัคคีให้หมู่ จนท.อีกด้วย

4. “วินัย ซื่อสัตย์ คุณธรรมและทันต่อเวลา” เป็นการสร้างความเชื่อถือให้กับบุคคลภายนอก

-----------------------------------------

น.ส.กาญจนา งามเนตร

สรุป Learning Forum หัวข้อ สำนักข่าวกรองแห่งชาติในยุคโลกที่เปลี่ยน

โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552

  • สมัยก่อน โลกยังเปลี่ยนแปลงไม่มาก ข้อมูลไม่มาก ไม่ต้องวิเคราะห์
  • สมัยนี้ ข้อมูลข่าวสารมาก ถ้ารับมากๆ โดยไม่มีการวิเคราะห์หรือกลั่นกรอง ข้อมูลจะล้นสมองออกมาก
  • เวลารับข้อมูลต้องมีการกลั่นกรอง จัดลำดับความสำคัญขอข้อมูล นำสิ่งที่สำคัญและมีน้ำหนักมาวิเคราะห์ เรียกว่า ข้อมูล 20% ทำให้เห็นอนาคตล่วงหน้า 80%และต้องรู้เขาและรู้เรา
  • คนส่วนมากมักไม่ได้คิด จึงคิดแบบแยกส่วน ทำให้เข้าใจผิด
  • เวลาอ่านหนังสือ ควรจับแก่นแล้วนำมาผสมผสานกันวิเคราะห์
  • ปัญหาระบบการศึกษา คือ จดทุกคำพูดที่อาจารย์สอน ทำให้มีระบบคิดแบบเครื่องจักร (Mechanic) ไม่มีชีวิต ใช้หู ตา ประสบการณ์ และถามว่าพูดอะไร มีความเครียดในการเรียน ทำให้เลิกเรียนตอนเรียนจบ
  • ควรเรียนแบบ Organic ใช้สมองวิเคราะห์ กลั่นกรองข้อมูล สงสัยก็ถามอาจารย์ มีการคิดต่อเพื่อนำข้อมูลไปใช้กลั่นกรองออกมาเป็นผลงาน เช่น สินค้า บริการ มีการตั้งคำถามว่า ทำไม แล้วหาคำตอบ นี่คือ Blue Ocean ทางการศึกษา ทำให้มีความสุขในการเรียนและคิดจะเรียนรู้ต่อ
  • Outcome ที่ต้องการคือ ตรงตามความต้องการของลูกค้าและรู้อนาคต ต้องมีการปรับ mindset
  • วันนี้ เราต้องการมนุษย์ที่ฉลาดมาก รู้จักตั้งคำถามว่า ทำไม คิดข้าม shot เช่น ข่าวกรองก็ต้องมีข้อมูลที่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ทำให้ประเทศเจริญ
  • ระบบคิดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชนะคู่แข่ง
  • ถ้าเข้าใจโลกการเปลี่ยนแปลง และใช้หนังสือและกลยุทธ์ดีๆทำให้มีรายได้มากเพราะทำให้เข้าถึงลูกค้าได้มากและไม่ถูกจำกัดโดยเนื้อที่
  • ข่าวกรองต้องคิดสิ่งใหม่ๆและกระบวนการใหม่ๆ
  • การวิเคราะห์แบบ Environmental Probabilism ต้องวิเคราะห์สภาพแวดล้อมปฏิบัติการ (ทั้งสภาพแวดล้อมทั้งภายนอกและภายใน) แล้วกำหนดทางเลือก
  • ไม่ใช่เราจะรู้อนาคตได้ถึง 100% แต่แค่ทำให้เห็นอนาคตชัดขึ้น
  • ทฤษฎีเกมทำให้เห็นอนาคตจากข้อมูลที่น้อยนิด
  • ทฤษฎีเกมเริ่มโดย ศาสตราจารย์ชาวฮังการี ซึ่งนำมาจากการเดินหมากรุก ต่อมาเขียนหนังสือร่วมกับอาจารย์เศรษฐศาสตร์ Von Neman
  • Zero sum Game มีผู้แพ้และผู้ชนะ คนฉลาดจะหลีกเลี่ยง Zero sum Game เพราะไม่ทราบว่าตนจะชนะหรือแพ้ แต่บางคนกล้าเล่นเกมนี้เพราะมีอำนาจต่อรองหรือมีโอกาสชนะสูง แต่บางคนรู้ว่าแพ้ก็ต้องเล่นเกมนี้เพราะไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
  • Positive sum Game (win-win) = Non-zero sum Game เกิดจากการทำวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของ John Nash พบว่า Strategic Move (Sequential Game) ความร่วมมือกันเดินหมากเพื่อให้ได้ผลตามต้องการ ทำให้มีโอกาสชนะ 80% แต่คนฉลาดกว่าจะได้มากกว่า
  • นอกจากนี้ John Nash ได้พบว่า
    • Simultaneous Game ทุกคนแย่งกันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแบบไม่มีการวางแผนทำให้มีโอกาสชนะ 25%
    • Negative sum Game มีโอกาสชนะ 0% คนฉลาดจะหลีกเลี่ยงเกมนี้
  • การคิดเป็นกลุ่มจะทำให้ได้ผลดีกว่า
  • ทฤษฎีเกม จะนำไปสู่ Blue Ocean
  • ปัจจัยที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ
  • เทคโนโลยีนำไปสู่การล่มสลายของคอมมิวนิสต์ ระบบคอมมิวนิสต์ไม่สามารถตอบคำถามและตอบสนองความฉลาดของคนได้ ทำให้เกิดทุนนิยม สังคมนิยม ทำให้หนังสือพิมพ์เจ๊งเพราะคนไปอ่านทางอินเตอร์เน็ต และโฆษณาทางอินเตอร์เน็ต
  • การเกิดนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ๆ
  • มีประเทศมหาอำนาจอื่นๆ มากขึ้น เช่น เกิดการรวมกลุ่มประเทศต่างๆ เอฟทีเอ ประชาคมอาเซียน สหภาพยุโรป ทำให้มีความร่วมมือต่างๆ ความสัมพันธ์ไทยก็จะไปเกี่ยวข้องกับประเทศเหล่านี้ ต้องปรับไปตามสังคมโลกที่มีการเปลี่ยนแปลง
  • ลูกค้ามีอำนาจมากขึ้น แต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน ทำให้ต้องมีการแข่งขันมากขึ้น (Hypercompetition) มีสินค้าใหม่ๆมากขึ้น บริษัทที่วิเคราะห์ข้อมูลไม่ได้จะเจ๊ง
  • สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง เกิดภาวะโลกร้อน เนื่องจากการบริโภคน้ำมันมากขึ้นจากอุตสาหกรรมต่างๆ
  • ข่าวกรองต้องรู้จักแยกแยะระหว่างความเป็นจริง (Fact/Reality) กับความเข้าใจหรือการรับรู้ของคน (Perception)
  • ข่าวกรองต้องวิเคราะห์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ต้องรู้ภาษาต่างประเทศดี
  • ข่าวกรองต้องให้ความสำคัญกับความต้องการของคนกลุ่มต่างๆมากขึ้น มีความเข้าใจบุคคลในศาสนาอื่นๆมากขึ้น
  • ข่าวกรองต้องใช้ Precedent (ตัวอย่างนำร่องหรือสิ่งที่เคยทำในอดีต) มาวิเคราะห์อนาคตและใช้กับการเจรจาต่อรองได้
  • คนเจรจาต่อรองเก่งต้องมีทางเลือกที่คล่องตัว

ศึกษากรณีคุณยรรยงที่ ครม.

แยกออกเป็น 3 กรณี

1. คุณธรรม/ จริยธรรม ของนักการเมือง ในฐานะ นรม. และ รมต. ซึ่งถือเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการประจำ วอนมีจิตเมตตา กรุณา เข้าใจบทบาทของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่กระทำไปโดยสุจริต และปรารถนาดี ต่อประเทศชาติ แม้วิธีการสื่อสารและ เทคนิคการใช้คำพูดอาจไม่เหมาะสม แต่ควรได้รับการปฏิบัติด้วยความเมตตา และความรัก ซึ่งเป็นพื้นฐานของความภักดีต่อองค์กร และประเทศชาติ

2. วัฒนธรรมองค์กร ครม. เปรียบเสมือนเป็นองค์กรองค์กรหนึ่ง ซึ่งมีบทบาทเฉพาะตัว กล่าวคือ แปรผกผันโดยตรงกับบริบททางการเมือง และนักการเมือง ผู้เกี่ยวข้องทุกระดับ จึงควรพยายามปรับตัวให้เหมาะสมกับสถานภาพ

3. การประยุกต์ใช้

3.1 การศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน ก่อนดำเนินการเรื่องใดเรื่องหนึ่ง

3.2 การศึกษาข้อผิดพลาดเพื่อนำสู่วิธีการแก้ไข

3.3 เน้นการประสานประโยชน์ ไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียหน้า โดยได้รับความพอใจทั้งสองฝ่าย

___________________________

คำมา ฟื้นทอง

[email protected]

สรุป Learning Forum หัวข้อ Blue Ocean Strategy กับการทำงานของสำนักข่าวกรอง โดย รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2552

  • ศาสตราจารย์คริสเตนเซ่นจากฮาร์วาร์ดเขียนหนังสือ Innovative Cycle (นวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ) ก็คือ Blue Ocean
  • Blue Ocean ได้แก่
  • คิดอะไรใหม่ก็จะมีลูกค้าที่อยากบริโภคสินค้าชนิดใหม่ที่ยังไม่มีใครทำขาย (Non-Consumer)
  • มีโลกทัศน์ใหม่ๆ (New Paradigm Strategy)
  • ทำให้ได้โอกาสใหม่ๆในการขาย (Opportunity Share)
  • ระบบราชการควรใช้ Blue Ocean Strategy ปรับปรุงคุณภาพการทำงานให้ดีขึ้น ไม่ใช่ทำแบบเดิมๆ
  • ในการใช้ Blue Ocean Strategy ต้องรู้สภาพแวดล้อมด้วย เช่น แก้ปัญหาภาคใต้โดยใช้ไม้อ่อนและควบคุมสถานการณ์

ศึกษากรณีคุณยรรยง

เมื่อเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือ ได้รับมอบหมายภารกิจที่ไม่มีประสบการณ์ ควรศึกษา ปรึกษาหารือในเรื่องดังกล่าวจากผู้ที่มีความรู้ ให้รอบคอบก่อน

กรณีคุณยรรยง ที่ ครม.

กรณีที่เกิดขึ้นของคุณยรรยง ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของไทยกับนักการเมือง ซึ่งกรณีดังกล่าว อาจมองได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคุณยรรยง ขาดประสบการณ์ ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง ในการแสวงหาผลประโยชน์ ทั้งที่ รมต.ที่รับผิดชอบสามารถชี้แจงต่อ ครม.ได้ด้วยตนเอง แต่ในทางกลับกัน หากคุณยรรยง มีการจัดเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องและชัดเจน ยึดมั่นในหลักการที่ถูกต้อง กล้าตัดสินใจ ไม่ลังเล มีความเป็นตัวของตัวเองตามสมควร โดยใช้ประสบการณ์ที่สร้างสมมาตลอดชีวิตราชการ เป็นส่วนประกอบ อาจทำให้การตัดสินใจหรือชี้แจงมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

------------------------------------

นายนนท์ธนา โกไศยกานนท์

ผู้เข้ารับการอบรม

ศึกษากรณีคุณยรรยง ที่ ค.ร.ม.

บทเรียนของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของไทย ที่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมืองในการแสวงประโยชน์จากการกระทำ ถึงแม้ฝ่ายราชการงจะมีประสบการณ์ในการรับราชการด้วยความดีมาโดยตลอด แต่ขาดความรอบคอบในการมองผลกระทบที่ตามมา ภาพของความซื่อสัตย์ไม่สามารถบดบังผลประโยชน์แอบแฝงของนักการเมืองได้ แต่ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็จะไม่ส่งผลถึงนักการเมือง แต่กระทบกับข้าราชการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

-------------------------

นายสังวร บุญไสย

ผู้เข้ารับการอบรม

นางขวัญเรือน ศรีเชื้อ

"กรณีศึกษา คุณยรรยงที่ ครม."

นับเป็นบทเรียนของข้าราชการที่ทำพลาดไป อันอาจเกิดจากการขาดประสบการณ์ในการอธิบายต่อ ครม.

ขาดความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณที่เหมาะสม และอาจถูกนักการเมืองนำไปสู่ความไม่โปร่งใสหรือเป็นเครื่องมือของนักการเมืองได้

ดังนั้น ข้าราชการผู้ใหญ่หรือผ้นำของส่วนราชการ เน้นความเฉลียวฉลาดและต้องฝึกให้อยู่รอดในการเมืองไทยได้ และข้าราชการควรได้รับการยกย่องอย่างมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีจากนักการเมือง ด้วย

กรณีคุณยรรยงที่ ครม.

กรณีคุณยรรยงเป็นตัวอย่างการทำงานของข้าราชการที่มีความใกล้ชิดกับนักการเมือง แม้คุณยรรยงได้รับการยอมรับว่าเป็นคนเก่งและดี ไม่มีประวัติด่างพร้อย แต่การผูกพันตนเองกับนักการเมืองทำให้มีภาพลักษณ์เชิงลบ กรณีที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า ข้าราชการต้องไม่เพียงแต่มีความรู้ดี มีความอดทน มุ่งมั่น และใฝ่รู้ในการทำงานเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถใช้วิจารณญาณที่เหมาะสม มีความรอบคอบ ใช้ประสบการณ์ที่สั่งสมให้เกิดประโยชน์ รู้จักกาลเทศะ จังหวะเวลาที่เหมาะสมในการให้ข้อเสนอแนะ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและการยอมรับ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับตัวเองและภารกิจที่รับผิดชอบ

นอกจากนั้น ข้าราชการต้องพึงระลึกไว้ว่า ข้าราชการไม่ได้ทำงานเพื่อนักการเมืองหรือใครคนใดคนหนึ่งที่สามารถให้ประโยชน์แก่ตนเอง แต่ต้องทำงานโดยยึดหลักความถูกต้อง คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นสำคัญ ไม่ใช่ประโยชน์ของตัวเอง ไม่ยอมตัวเป็นเครื่องมือของนักการเมืองที่มักอ้างประชาธิปไตย แต่ไม่มีคุณธรรม ธรรมาภิบาล และต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งเป็นการทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาพทางการเมืองของไทยที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน และเล่นพรรคเล่นพวก โดยยึดความสัมพันธ์ส่วนตัว ข้าราชการก็ต้องมีความฉลาดในการจัดการและป้องกันตัวเองให้อยู่รอดในสภาพดังกล่าว รู้จักเจรจาต่อรองบนพื้นฐานของหลัก win-win เนื่องจากนักการเมืองก็ต้องพึงข้าราชการ

-------------------------------------------------------------

ข้อคิดจากหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

องค์กร

องค์กรที่มีคุณภาพต้องเน้นการทำงานเป็นทีม ส่งเสริมการพัฒนาคนและความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของสมาชิกในองค์กร และส่งเสริมให้องค์กรคงไว้ซึ่งคุณธรรม ค่านิยม และวัฒนธรรม ขณะเดียวกัน องค์กรจะประสบความสำเร็จได้ต้องมีผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ เป็นต้นแบบทั้งในแง่คนดีและคนเก่ง มีทักษะในการจัดการกับคน รู้จักดึงศักยภาพและความสามารถของแต่ละคนออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้สมาชิกในองค์กรภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วม โดยตระหนักร่วมกันว่าความสำเร็จขององค์กรไม่ใช่ความสามารถของคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจะส่งเสริมให้สมาชิกเกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร

ผู้นำ

ผู้นำมีความสำคัญต่อองค์กรเพราะเป็นผู้ผลักดันความสำเร็จและสร้างความเปลี่ยนแปลงในองค์กร ผู้นำที่ดีต้องมีภาวะผู้นำ มีวิสัยทัศน์ ต้องรู้จุดแข็งจุดอ่อนขององค์กร สามารถสร้างศรัทธาให้แก่สมาชิกในองค์กร ซึ่งจะทำให้เกิดความมุ่งมั่น กำลังใจ และสร้างแรงจูงใจในการทำงาน มีคุณธรรม มีทักษะในการสื่อสารและใช้ประโยชน์จากข้อมูล มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ส่งเสริมการพัฒนาทุกคนในองค์กรอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม

ผู้นำยังต้องรู้จักลูกน้องอย่างแท้จริง เข้าใจจุดอ่อน-จุดแข็งของงานในส่วนต่างๆ ที่มีภารกิจต่างกัน รู้จักรักษาบุคลากร ส่งเสริมให้สมาชิกมีความรักและผูกพันในองค์กร ดูแลเอาใจใส่ลูกน้อง มีการบริหารที่ดีเป็นธรรม ให้ความรักและความสำคัญกับลูกน้องทุกคนอย่างเสมอภาค เปิดโอกาส ให้มีส่วนร่วมในการบริหาร ให้โอกาสในการทำงานแก่ทุกคนอย่างเท่าเทียม และต้องตระหนักเสมอว่าแรงจูงใจในการทำงานไม่ได้มีแค่ค่าตอบแทน แต่ยังมาจากสภาพแวดล้อม การสนับสนุน และสิ่งท้าทายอื่นๆ จากการทำงาน ปัจจัยเหล่านี้จะก่อให้เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร และนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จและเพิ่มผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน ผู้นำก็ควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนบนพื้นฐานความเชื่อมั่นในคุณค่าของคน ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกันของสมาชิก รวมถึงการพัฒนาตนเองและความรู้ที่เหมาะสม ทั้งทักษะเชิงปฏิบัติงานเฉพาะด้านตามหน้าที่โดยตรงและความรู้ในงานข้างเคียง และเชิงแนวคิด นอกจากนั้น ผู้นำยังต้องเน้นการพัฒนาให้เป็นคนดี มีศีลธรรม และมีทัศนคติที่ดีต่อเพื่อนร่วมงานทุกระดับ ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการทำงานเป็นทีม และการพัฒนาองค์กร ส่วนการประเมินศักยภาพของแต่ละคน ควรพิจารณาที่ความสามารถในการทำงานในหน้าที่ (Capability) และการเป็นที่ยอมรับ (Acceptability) ซึ่งจะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติหลายด้าน รวมทั้งคุณธรรม โดยไม่เลือกปฏิบัติ

การพัฒนาคน

การพัฒนาคนควรสร้าง global knowledge ได้แก่ ด้านภาษาทั้งภาษาไทยและอังกฤษ การวิเคราะห์วิจัย และความสามารถในการใช้ IT ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานที่ทุกคนควรต้องรู้และพัฒนา อย่างต่อเนื่องให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้น สมาชิกในองค์กรยังสามารถเรียนรู้ได้จาก 1) การสอนหรือแนะนำของหัวหน้า (coaching) 2) การฝึกอบรม (on the job training) โดยองค์กรควรกำหนดแผนการอบรมสำหรับทุกคน เพื่อเพิ่มทุนมนุษย์และสร้างมืออาชีพให้สอดคล้องกับภารกิจขององค์กร และ 3) การสับเปลี่ยนโยกย้ายงาน (rotation) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ให้หลากหลายและรู้จักองค์กรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้นำองค์กรก็ยังต้องเป็น roll model ให้แก่ทุกคน และมุ่งพัฒนา ทุกคนให้เป็นทั้ง “คนดี” และ “คนเก่ง”

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

ความเป็นมาของสถาบันฯ เดล คาร์เนกี้ ประเทศไทย

เดล คาร์เนกี ประเทศไทย สถาบันที่ปรึกษาเพื่อการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กร โดยเพิ่มศักยภาพของบุคลากรซึ่งมีสาขาในประเทศต่างๆ กว่า 80 ประเทศและให้การฝึกอบรมได้ถึง 30 ภาษา

ด้วยประวัติการก่อตั้งที่ยาวนานถึง 97 ปี ผู้ฝึกอบรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากเดล คาร์เนกี การให้คำแนะนำอย่างทันท่วงทีเพื่อให้ผู้ฝึกอบรมสามารถพัฒนาประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ และหลักสูตรการฝึกอบรมที่ครอบคลุมการพัฒนาด้านต่างๆ ทำให้เดล คาร์เนกี ได้รับการยอมรับจากองค์กรและบุคคลชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก

บริษัท ดิสคัฟเวอร์ จำกัด ได้นำเดล คาร์เนกี มาเปิดตลาดในประเทศไทย ในปี 2552 โดยพร้อมที่จะเติมเต็มศักยภาพ ให้คำปรึกษาและออกแบบแผนการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กร ให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร รวมถึงการพัฒนาศักยภาพในส่วนบุคคล ด้วยหลักการสำคัญของเดล คาร์เนกี ที่มาจากกุญแจสู่ความสำเร็จ 5 ประการ ได้แก่ 1.การสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง (Self Confidence) 2.มนุษยสัมพันธ์ (People Skills) 3.การสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (Better Communication) 4.ภาวะการเป็นผู้นำ (Leadership) 5. การลดความเครียดในการทำงานและ การพัฒนาทัศนคติเชิงบวก (Reduce Stress & Improve Attitude)

นายปรียกร มิมะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิสคัฟเวอร์ จำกัด ผู้บริหาร เดล คาร์เนกี ประเทศไทย กล่าวว่า “ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ การเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรจึงเป็นสิ่งที่หลายองค์กรให้ความสำคัญ รวมถึงในปัจจุบันบุคลากรให้ความสนใจกับการพัฒนาศักยภาพของตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการเปิดตัวของเดล คาร์เนกี ประเทศไทย จึงเป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน

เดล คาร์เนกี ประเทศไทย วางบทบาทของตัวเองเป็นองค์กรที่ปรึกษาด้านการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์สู่ความสำเร็จ ซึ่งสอดคล้องกับกลุ่มลูกค้าองค์กรที่ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ การดำเนินงาน การเพิ่มยอดขาย และการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ โดยทีมที่ปรึกษาจะมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์และทำงานร่วมกับแต่ละองค์กรว่าควรจะพัฒนาศักยภาพด้านใด เนื่องจากแต่ละองค์กรมีจุดแข็ง และจุดอ่อน ที่มีความจำเป็นต้องพัฒนาแตกต่างกัน ภายหลังจากการวิเคราะห์แล้วเสร็จ ทางทีมที่ปรึกษาจะออกแบบแผนการพัฒนาที่เหมาะสมและดำเนินการพัฒนาบุคลากรในแต่ละหน่วยงานขององค์กร เพื่อเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กร โดยทางทีมที่ปรึกษาและลูกค้าองค์กรจะวางดัชนีชี้วัดความสำเร็จของการดำเนินการร่วมกัน ”

รูปแบบการให้บริการของเดล คาร์เนกี แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 ให้คำปรึกษาและออกแบบแผนการพัฒนาประสิทธิภาพขององค์กรให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร หรือแผนกต่าง ๆ (Customized Corporate Solutions) ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรเพิ่มรายได้ เพิ่มส่วนแบ่งตลาด ผลผลิตและผลกำไร ส่วนที่ 2 หลักสูตรเดล คาร์เนกี สำหรับบุคคลทั่วไป (Dale Carnegie Public Programs) โดยเป็นการฝึกฝนเพื่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพทั้งในส่วนบุคคล และทีมงาน ทั้งนี้ หลักสูตรครอบคลุมหัวใจการฝึกอบรมของเดล คาร์เนกี ได้แก่ ภาวะผู้นำ, การขาย, ทรัพยากรมนุษย์ การสื่อสาร, การนำเสนอ และการพัฒนาการทำงานเป็นทีม ส่วนที่ 3 การจัดสัมมนา (Dale Carnegie Seminar) การจัดกิจกรรมสัมมนาจะครอบคลุมระยะเวลา 1 หรือ 2 วัน ซึ่งจะเป็นการฝึกฝนยุทธวิธีแบบเข้มข้นในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ การประเมินผลความสามารถของบุคลากร, การจัดประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ

นายปรียกร เปิดเผยถึงแผนในอนาคตว่า “ ในปี 2553 ตั้งเป้าหมายสัดส่วนของรายได้จาก กลุ่มธุรกิจ 60 % การฝึกอบรม 30 % และการจัดสัมมนา 10 % พร้อมทั้งก้าวสู่อันดับ 1 ใน 3 ของธุรกิจเทรนนิ่ง เทียบชั้นคู่แข่งแบรนด์อินเตอร์ในระยะเวลา 3 ปี ปัจจุบันมีลูกค้าในความดูแลกว่า 10 องค์กร และมียอดการเติบโตทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อผลักดันหลักสูตรของเดล คาร์เนกี เข้าสู่หลักสูตรการเรียนการสอนระดับมหาวิทยาลัย โดยภายในปีนี้จะมีการเปิดอบรม 4 หลักสูตร ได้แก่ Effective Communications and Human Relations หลักสูตรการพัฒนาการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพและการพัฒนาด้านมนุษย์สัมพันธ์ สำหรับบุคคลทั่วไป, Leadership Training for Managers หลักสูตรการเสริมสร้างภาวะผู้นำ สำหรับผู้บริหาร , Sales Advantage หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการขาย และ High Impact Presentations หลักสูตรการนำเสนออย่างมืออาชีพ โดยเปิดคอร์สแรก The Dale Carnegie Course : Effective Communications and Human Relations ในวันที่ 15 กันยายน นี้

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.newswit.com/news/2009-09-09/8661f4dfecf179334b7284f071c69964/

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับเพื่อนๆ NIA Talented แลกเปลี่ยนรู้กันต่อนะครับข้อมูลจากหนังสือของ เดล คาร์เนกี้

กฎ ๖ ประการที่ทาให้คนรักของ เดล คาร์เนกี้

กฎข้อ ๑ จงให้ความสนใจแก่บุคคลที่เราติดต่อด้วย และแก่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขา โดยการแสดง ออกทั้งทางกาย (ท่าทาง) วาจา ใจ ไม่ควรพูดแต่เรื่องของตัวเอง

กฎข้อ ๒ จงยิ้ม การยิ้มช่วยสร้างรอยพิมพ์ใจให้บังเกิดแก่ผู้ที่พบเห็นทุกคน และก่อให้เกิดมิตรภาพขึ้นทันที

กฎข้อ ๓ จาชื่อคนนั้น ๆ ให้ได้ และเรียกให้ถูกทุกครั้ง

กฎข้อ ๔ ให้ความสนใจฟังเรื่องที่เขาพูด ทาตนเป็นนักฟังที่ดี ให้เขาพูดเรื่องเกี่ยวกับตัวเขาตามความพอใจของเขา แล้วเขาจะรักเราไม่รู้ลืม

กฎข้อ ๕ จงพูดในเรื่องที่เขากาลังคลั่งไคล้ไหลหลง และเรื่องที่เขามีความรู้ความชานาญ เรื่องที่เขากาลังชอบ กาลังภูมิใจ หรือเรื่องที่เขากาลังได้รับความตื่นเต้นมาใหม่ ๆ

กฎข้อ ๖ จงทาให้เขาเกิดความรู้สึกว่าเป็นคนสาคัญ หรือชี้ให้เห็นจุดสาคัญดีเด่นในตัวเขา และทาเช่นนั้นด้วยความจริงใจ และแนบเนียน ทุกคนจะชอบท่าน เพราะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ชอบให้คนสรรเสริญ ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง

ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.google.co.th/search?hl=th&q=เดล+คาร์เนลกี้&btnG=ค้นหา&meta=&aq=o&oq=

กรณีนายยรรยง พวงราช

การทำงานหรือการปฏิบัติงานร่วมกับนักการเมืองกรณีของนายยรรยง พวงราช เป็นกรณีตัวอย่างหนึ่งของหน่วยงานราชการมีผลประโยชน์สูง สามารถหารายได้เองจากองค์กรในกำกับดูแล แต่สำหรับที่นี่ไม่มีถ้าจะมีก็แต่ทำเพื่่อผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ดังนั้นการนำกรณีนายยรรยงน่าจะสอดคล้องกับความเป็นกลางของ สขช. ในการติดต่อกับฝ่ายการเมืองต้องยึดหลักให้ดีและอยู่บนพื้นฐานวิชาชีพงานข่าวกรองอย่างเคร่งครัด  ผลที่จะได้ สขช. จะเป็นผู้ให้ข้อมูลข่าวกรองอย่างถูกต้อง เพื่อให้รัฐบาลสามารถนำไปกำหนดนโยบาย  หรือตัดสินใจแก้ปัญหาด้านความมั่นคงอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ ณ ขณะนั้น ข้อเสียของความเป็นองค์กรข่าวกรองหลักของประเทศ คือเป็นเครื่องมือหนึ่งของฝ่ายการเมืองไว้ใช้เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือการอ้างถึงแต่ความผิดพลาดเพื่อให้รัฐบาลสามารถตั้งตัวและหาวิธีแก้ปัญหา (ถ่วงเวลาไว้จนกว่าจะหาทางแก้ปัญหาได้) หรือหน่วยข่าวกรองมักจะตกกับดักของฝ่ายการเมืองเสมอ แต่จิตสำนึกของความเป็นหน่วยงานที่ไม่ได้หวังอะไรเกินไปกว่าความสงบสุขของคนในชาติ จึงต้องวางเฉยและทบทวนตนเอง ถึงแม้สิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่อาจจะเป็นสิ่งที่ฝ่ายการเมืองไม่ถูกใจ..

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากหนังสือ HR พันธุ์แท้ แก่นของหนังสือเล่มนี้สอดคล้องกับหลักการของสำนักข่าวกรองแห่งชาติที่ว่า “คนสามารถพัฒนาได้” หนังสือของอาจารย์ ดร.จีระ แม้จะเล่มเล็กประมาณ 300 กว่าหน้า แต่เนื้อหาไม่เล็ก เพราะไม่สามารถอ่านให้จบได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องอ่านอย่างถี่ถ้วนพินิจพิเคราะห์ตาม และอ่านซ้ำๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า คนเป็นสมบัติที่มีคุณค่าขององค์กร และองค์กร/ประเทศจะเป็นเลิศได้เพราะคนมีคุณค่ามีคุณภาพอย่างไร สำหรับวิธีการจะทำอย่างไรให้คนมีคุณค่านั้น มีหลายแนวทาง เช่น การสร้างให้คนเป็น educated mind ไม่ใช่แค่ educated person/ แนวคิด เก่ง4ดี4 / จิตใจดี+ระบบดี=องค์กรเป็นเลิศ / ควรส่งเสริมคนที่มีทั้ง capability และ acceptability / ความสำคัญของ loyalty เทียบเท่าได้กับทรัพย์สินทางปัญญาขององค์กร / คนรุ่นใหม่สนใจงานประเภทที่ทำงานสนุก ให้ความรู้ ท้าทายความสามารถ และความก้าวหน้าในอาชีพ / กระบวนการสร้างคนและองค์กรของกลุ่มบริษัทในเครือปูนซีเมนต์ไทย รวมถึงคำนิยมที่ว่า ทรัพยากรมนุษย์สามารถเป็นได้ทั้งผู้สร้าง ผู้พัฒนา และผู้ทำลายทรัพยากรอื่นๆ

กรณีศึกษา เรื่อง คุณยรรยงที่ ครม.

กรณีคุณยรรยง ชี้แจงประเด็นโควตาประมูลข้าวโพด เพื่อให้ ครม.มีมติเห็นชอบนั้น เห็นพ้องกับการวิเคราะห์และบทเรียนที่อาจารย์ได้นำเสนอไปในบทความ แต่สิ่งที่คุณยรรยงทำ คือได้นำเรียนข้อเท็จจริงที่ผ่านมาทั้งหมดให้ที่ประชุม ครม.ได้รับทราบ เพียงเพื่อให้ ครม.มีทางเลือกเพียงทางเดียวคือ มีมติรับรองการดำเนินการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม บริบททางการเมืองในขณะนั้น คือ รัฐบาล กำลังต้องการทบทวนวิธีการแก้ปัญหาสินค้าเกษตรต่างๆ ทั้งข้าว ข้าวโพด ฯลฯ โดยต้องการแก้ปัญหาจากการรับจำนำ ซึ่งจะต้องนำสินค้าออกมาประมูลในภายหลัง ไปเป็นการประกันราคาสินค้าเกษตร เพื่อลดภาระทางงบประมาณที่ต้องใช้เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี

ดังนั้น ประเด็นจึงอยู่ที่การชี้แจงของคุณยรรยง เป็นเสมือนการบังคับให้รัฐบาลต้องทำตามเสนอ ทางออกของคุณยรรยงน่าจะต้องเสนอหรือเป็นข้อเสนอแนะให้รัฐบาลมีทางเลือก มากกว่า 1 ทาง ซึ่งจะทำให้ทุกฝ่าย (ครม./กระทรวงพาณิชย์/ครม./ นรม.) ไม่รู้สึกเสียหน้า หรือถูกท้าทายในที่สาธารณะ และมีความรู้สึกว่าได้รับประโยชน์ทุกฝ่าย ซึ่งถือเป็น win-win situation นั่นเอง

บทเ

บทเรียนผู้นำของ mandela

ผู้นำที่ดีควรมีความรู้มในด้านต่าง ๆ รู้ซึ่งถึงปัญหาของผู้ร่วมงาน หรือแม้แต่การทั่งลูกน้อง ต้องรู้จักหาแนวทางในแก้ไขปัญหา ปรับปรุง และต้องฝึกฝนเพื่อนร่วมมงานและลูกน้องให้ได้รับความรู้ มีความคิดสร้างสรรค กล้าที่จะตัดสินใจ หรือสร้างงานใหม่ ๆ ให้เข้ากับยุคที่โลกกำลังมีการเปลี่ยนแปลงไป

ต้องนำลูกน้องและเพื่อนร่วมมงานให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมีจุดหมายและไม่ประมาทต่อการที่จะก้าวเดิน ไม่ว่าคุณจะเดินอยู่ข้างหน้า หรือเดินอยู่ข้างหลังก็ต้องมีความเชื่อมมั่นให้ความไว้วางใจกับเพื่อนหรือลูกน้อง การรู้เขารู้เรา จะต้องประเมินว่าเขามีขีดความสามารถขนาดไหนเพื่อหาแนวทางในการป้องกัน ระงับยับยั้ง และสุดท้ายผู้นำที่ดีต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี และมความเป็นกันเองกับเพื่อนร่วมงานและลูกน้อง รวมไปถึงสังคมภายนอกด้วย

กรณีคุณรักเกียรติ

1. แสดงให้เห็นถึงการทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และไม่มีใครหลีกหนีกรรมที่ตัวเองก่อไว้พ้น

2. แสดงให้เห็นถึงการยอมรับผิด หรือเคารพในคำตัดสินของศาล หรือ กระบวนการยุติธรรมของไทย

3. การยอมรับความผิดของตนเอง และการกลับตัวเป็นคนดีของสังคมอีกครั้ง

นางสาวบุษบา บรรชาติ

นางสาว บุษบา บรรชาติ

บทเรียนจากคุณยรรยงเกี่ยวกับการตัดสินใจ

1.คุณยรรยงขาดการวางแผนที่ดี ในการเข้าชี้แจงเรื่อง การประมูลข้าวโพด

เพราะหากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เราจะสามารถชี้แจงให้ ครม.เห็นด้วยกับเราได้อย่างไร โดยไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกัน

2. การขาดศิลปะในการพูดหรือโน้มน้าวให้ผู้อื่นคล้อยตาม

3. การปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล จนกระทั่งเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่

โดยเกือบไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์

นางสาว บุษบา บรรชาติ

นางสาว บุษบา บรรชาติ

บทเรียน ของ Mandela ดิฉันสามารถนำมาประยุกต์การเป็นผู้นำใน สขช. ได้ดังต่อไปนี้

1.การเป็นผู้นำขององค์กรที่ดีต้องเป็นต้นแบบที่ดีเพื่อที่จะสามารถจุดประกายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้เพื่อความเป็นเลิศของเขา

2. การเป็นผู้นำต้องรู้จักทั้งการรุกและตั้งรับในเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม

3.การเป็นผู้นำอยู่เบื้องหลังเราต้องไว้ใจ เชื่อใจ ศรัทธา หรือให้อำนาจเขาที่จะนำอย่างเต็มที่ ต่อคนที่เราให้เป็นผู้นำเรา

4. การจะเอาชนะศัตรู ต้องรู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง โดยต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู รบกี่ครั้งเราก็จะเป็นผู้ชนะ

5.ผู้นำต้องรักษาภาพลักษ์ที่ดี ต้องระมัดระวังการแสดงออกทุกด้าน เพราะทุกคนจะจับตามองคนที่เป็นผู้นำมากกว่าคนอื่นทั้งด้านดีและไม่ดีของเรา

6.ผู้นำต้องประสานผลประโยชน์ของทุกคนทุกฝ่าย ต้องให้ทุกคนได้ประโยชน์กับการตัดสินใจของเรา

7.ผู้นำที่ดีต้องไม่โลภ เพราะความโลภจะทำให้เกิดความประมาท และอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมา

นางสาว บุษบา บรรชาติ

สรุป Learning Forum หัวข้อ สำนักข่าวกรองกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์

โดย ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2552

  • ทุกหน่วยงานของราชการต้องเคยวางแผนเชิงกลยุทธ์
  • เวลาทำ SWOT ต้องทำให้ดีเพราะมันคืออนาคตของหน่วยงาน
  • การวางแผนกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์มีกระบวนการเหมือนกันคือ ต้องมีข้อมูล และเป้าหมายก่อน แต่ต่างกันคือ การวางแผนเชิงกลยุทธ์คือการวางแผนเพื่อความอยู่รอดขององค์กรในอนาคต
  • ประโยชน์วางแผนเชิงกลยุทธ์
  • กำหนดวิสัยทัศน์หรือทิศทางขององค์กรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • ทำให้เห็นข้อมูลที่มีความสำคัญได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
  • เข้าใจและรู้ทันสภาพแวดล้อม
  • ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
  • พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน
  • คนไทยต้องพัฒนาภาษาอังกฤษ
  • เราควบคุมปัจจัยไม่ได้ 100% เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
  • รัฐมีรายได้เท่าเดิมแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนเอกชนมีรายได้ลดลงแต่รายจ่ายเพิ่มขึ้น ต้องมีการวางแผนเชิงกลยุทธ์
  • องค์ประกอบวางแผนเชิงกลยุทธ์
  • วิสัยทัศน์
  • พันธกิจ
  • วัตถุประสงค์
  • กลยุทธ์
  • แผนปฏิบัติการ
  • กระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์
  • การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม SWOT ทำให้รู้จักหน่วยงานของตนเอง มีอุปสรรคและโอกาสอะไรบ้าง ต้องอาศัยข้อมูลที่เป็นจริง และวิเคราะห์ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ระวังอคติจากประสบการณ์ของแต่ละคน ต้องมาจากคนหลายๆฝ่ายมาทำ SWOT ร่วมกัน
  • กำหนดหลักการ วิสัยทัศน์ข่าวกรองคือเป็นที่เชื่อถือทั้งภายในและต่างประเทศ
  • สร้างกลยุทธ์ อาจมีหลายอย่างก็ได้
  • นำกลยุทธ์ไปปฏิบัติและควบคุม
  • ปรับโครงสร้างกลยุทธ์
  • องค์ประกอบวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ดี
  • การทำ SWOT ให้ถูกต้องตามความเป็นจริง
  • มีแผนระยะสั้น ระยะยกลาง และระยะยาว
  • ทุกองค์ประกอบของแผนต้องมีความสัมพันธ์เป็นองค์รวม เชื่อมโยงเป็นระบบ สัมพันธ์เชิงสาระและเงื่อนเวลา สัมพันธ์กันในการสร้างมูลค่าเพิ่ม สู่เป้าหมายที่กำหนดไว้
  • เป็นแผนที่ท้าทายแต่มีความเป็นไปได้
  • ในการวางแผน ให้เผื่อเหลือ คือ สิ่งที่ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น เช่น เงิน เวลา ความรู้
  • การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกให้ถูกต้อง
  • มีข้อมูล รู้จักแยกแยะว่าต้องมีข้อมูลใด ควรข้อมูลที่เกี่ยวข้อง (ความรู้การข่าว) ต้องมีข้อมูลเชิงกลยุทธ์
  • มีองค์ความรู้ รู้จักนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ จัดลำดับความสำคัญได้
  • คาดการณ์ในอนาคตได้พอสมควร
  • มีวัฒนธรรมในการคิดแบบนักวางแผนเชิงกลยุทธ์ คิดไปข้างหน้าอย่างเดียว เริ่มด้วยการคิดเชิงบวกทำให้รู้สึกว่าทำได้ มีความคิดสร้างสรรค์สร้างมูลค่าเพิ่ม คิดเชิงกลยุทธ์ให้เป็นระบบ มีการคิดเชิงศีลธรรม มองภาพใหญ่ให้ออก
  • การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในให้ถูกต้อง
  • ต้องใช้ตัวชี้วัดในการประเมิน KPI
  • เปรียบเทียบกับ Benchmarking มาตรฐานหน่วยงานราชการ
  • เปรียบเทียบกับอดีตว่าหน่วยงานดีขึ้นหรือไม่
  • มีมุมมองใหม่ๆ เริ่มคิดทำ SWOT ใหม่ เพราะสถานการณ์เปลี่ยนไป
  • ดูความสำคัญของข้อมูล ความเร่งด่วน
  • ให้บุคคลภายนอกบอกว่าหน่วยงานเราดีหรือไม่ จะช่วยลดอคติ
  • การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ต้องให้ความสำคัญความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เช่น ด้านมหภาค (เทคโนโลยี การเมือง สังคม เศรษฐกิจ) การแข่งขันกับตนเองและต่างประเทศ (มีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความคิดของประเทศ) ลูกค้า (ทุกหน่วยงานและประชาชน)
  • สภาพแวดล้อมภายนอก ได้แก่ เทคโนโลยี การเมือง สังคม เศรษฐกิจ
  • การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน  (6S) แมคเคนซี่
  • โครงสร้างเอื้อต่อการทำงานหรือไม่ (Structure)
  • ระบบงานดีหรือไม่ (System)
  • รูปแบบการบริหารงาน ผู้บริหารเข้าใจงานและสนับสนุนหรือไม่ (Style)
  • พนักงาน ใช้คนถูกกับงานหรือไม่ (Staff)
  • ทักษะ ประสบการณ์ (Skill)
  • วัฒนธรรมองค์กรเอื้อต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพหรือไม่ (Shared vision)
  • วิสัยทัศน์ที่ดีต้องเป็นจริงได้ ไม่ควรเปลี่ยนบ่อยๆ
  • พันธกิจคือสิ่งที่ต้องทำ
  • กลยุทธ์มีหลายระดับ
  • ระดับองค์กร เช่น การเติบโต ประคองตัวเอง กลยุทธ์ถดถอย ถอยเพื่อเดินต่อ
  • แข่งขัน เช่น ลดต้นทุน มีความคิดสร้างสรรค์ บริการที่แตกต่าง
  • ระดับปฏิบัติการ แตกต่างไปตามฝ่าย

The Fall of the Wall: A World Restored?

By Christopher S. Chivvis

The fall of the Berlin Wall retains its status as an epoch-making event in modern world history, even as it passes from recent into truly historical memory.

The year 1989 ended what the historian Eric Hobsbawm dubbed the “short” 20th century. Over its course, the European states that once bestrode the world spent themselves in two world wars and were then superseded by the new superpowers of East and West, each dedicated to its own ideology, each armed with weapons of unsurpassed destructive force.

To those raised in the shadow of possible nuclear holocaust, the chief sentiment when the Wall fell 20 years ago was disbelief, followed by relief. Relief naturally brought hope that the end of the Cold War would bring lasting peace, and the end of conflict. And in Europe, at least, it mostly did - but not everywhere.

At the time, not a few of Germany’s erstwhile adversaries feared that a reunited Germany would revert to the militarism of its past, that Europe’s “German problem” would be reborn. Here the pessimists were wrong. Reunited Germany opened the door to a new European order and a continent at once whole, free, and at peace.

Was this a world restored? In some ways, yes. The great European powers of the 19th century again appeared ascendant. The United States was free, after half a century, to return to its shores. Though it chose to keep troops in Europe, its focus gradually shifted elsewhere.

By contrast with the past, however, and in part because of it, Europe’s states chose to bind themselves together in new institutional structures around a rejuvenated European Union and a reformed NATO.

If there was peace, however, there were also the seeds of future conflict.

Not all the states with a historical claim to great power status were embraced in the new institutional structures that developed over the next decade. Russia’s exclusion from them may have been inevitable, but it may still prove tragic if the fall of the Wall turns out to have the perverse effect of isolating Russia in its own darkening sphere.

Meanwhile, the Balkans churned, a harbinger of far-reaching changes in the nature of global security affairs. During the Cold War, the era in which contests between advanced industrial states dominated security affairs reached its apex. Bipolarity kept a lid on many civil wars between peoples. When it ended, these conflicts rose again to the surface, not just in the Balkans, but across Africa, the Middle East, and in Asia.

In the world of ideas the dismantling of the Wall also marked the end of old conflicts and the beginning of new ones. It was the death knell of Marxism-Communism and therefore the termination of the central intellectual contest of 20th century European politics.

Yet 20 years later it is still uncertain whether Communism’s defeat also meant definitive victory for liberal democracy. In the last two decades, from Russia to China to Venezuela, democratic processes have proven susceptible to autocratic impulses. Liberal democracy now is forced to compete with new brands of neo-nationalist authoritarianism in these places, and at the same time struggle against the universalist fundamentalism that energizes groups like Al Qa’ida.

Meanwhile, dissolution of the Soviet Union accelerated the nascent process of globalization, unleashing the productive potential of societies across the world and ushering in a new era in the history of free-market capitalism. But these dynamic new forces have proven susceptible to the same crises that have marked the history of free-market capitalism since the 19th century (and of which, ironically, Marx first forewarned).

No surprise then, that we see nostalgia for the days before the Wall fell, when all seemed orderly and predictable. Even today’s nuclear challenges can lead to reconsideration of the improbable upsides of the bipolar “balance of terror” and “mutual assured destruction.” In retrospect, it is self-evident that the events of 1989 meant neither the end of history, nor the end of conflict. But they did mean the end of an era whose successor is still taking form.

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Christopher S. Chivvis is a political scientist with the RAND Corporation in Washington D.C., and adjunct professor in European studies at Johns Hopkins University's School for Advanced International Studies.

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

จากการอ่าน HR ของนักคิด นักบริหารและนักปฏิบัติทั้ง 2 ท่าน ที่ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ แนวคิด หลักการ ประสบการณ์ ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สู่การปฏิบัติ ท่านทั้งสองเห็นพ้องกันว่า องค์กรที่ให้ความสำคัญกับคนเป็นอันดับแรกย่อมประสบผลสำเร็จ “คน” คือ ทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กรยิ่งนับวันจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ผู้นำต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของคนในองค์กร ทำตัวเป็นแบบอย่างทั้งด้านงานและด้านประพฤติ ต้องสร้างศรัทธา ความรักความผูกพัน ความจงรักภักดี ให้เกิดขึ้นในองค์กร ด้วยความเอาใจใส่/พัฒนาอย่างอดทนและต่อเนื่อง ส่งเสริมทั้งด้านประสบการณ์และการเรียนรู้อย่างหลากหลายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็นฐานทางปัญญาให้เป็นคนคิดเป็น วิเคราะห์เป็น มองปัญหาอย่างรอบด้าน ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมเพื่อเปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น และให้มีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนการทำงานเพื่อเพิ่มประสบการณ์ จะเป็นการเพิ่มคุณค่าและคุณภาพของคนในองค์กร นำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน

บทเรียนจากความจริง

กรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

ถ้าพูดถึงคุณรักเกียรติและราเกซ เราก็จะนึกถึงนักโทษที่หนีคดี เปรียบได้กับอดีตผู้นำประเทศของไทยคนหนึ่งที่ปัจจุบันกำลังหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ถ้าจะมองระหว่างอดีตผู้นำประเทศดังกล่าวกับคุณรักเกียรติจะมีส่วนที่คล้ายกันคือเป็นนักการเมือง และทั้งสองท่านนี้ตั้งใจที่จะหนีคดี ฐานกระทำผิดกฎหมายในการฉ้อโกงประเทศถึงแม้ว่ามูลค่าเงินจะต่างกันก็ตาม แต่สุดท้ายคุณรักเกียรติก็สำนึกผิดยอมกลับมารับโทษ ส่วนอดีตผู้นำประเทศที่ขณะนี้พยายามเข้ามามีบทบาทกับประเทศเพื่อนบ้านของเรา และไม่เคยสำนึกว่าตนเองผิด อ้างว่า ถูกกลั่นแกล้ง ถูกอิจฉาริษยา และตนอยู่รวยแล้วไม่มีทางที่จะโกง ดังนั้นควรพิจารณาเองนะค่ะว่าใครร้ายกว่าใคร?

ส่วนกรณีของคุณราเกซ อดีตนักข่าว นสพ. ภาษาต่างประเทศฉบับหนึ่งของไทย และอดีตที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การหรือบีบีซี ซึ่งเป็นบุคคลที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดวิกฤติการณ์การเงินของไทย ที่เรียกว่า “วิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง” คดีของคุณราเกซก็เปรียบได้กับอดีตผู้นำประเทศของไทยที่กำลังหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศ อีกนั้นแหละ เพราะทั้งสองก็มีส่วนที่เหมือนกัน คือ การดูดเงินของประเทศไทยไปมากมายหลายแสนล้านบาท แล้วนำไปเก็บไว้ตามที่ต่างๆทั่วโลก แต่ในที่สุดคุณราเกซก็ถูกส่งตัวกลับมารับโทษในไทย

แต่อดีตผู้นำประเทศของไทยที่กำลังหนีคดีในขณะนี้พยายามเข้าไปมีบทบาทในประเทศที่มีการปกครองแบบเผด็จการอำนาจนิยมและด้อยพัฒนา ส่วนอดีตผู้นำประเทศของไทยนั้นบทสรุปจะเป็นเช่นไรต้องติดตามกันต่อไป

กรณีที่บิ๊กจิ๋วเข้าร่วมการเมืองกับพรรคเพื่อไทยนั้น เราไม่อาจทราบเห็นผลที่แท้จริงได้ว่าท่านมีเหตุผลอันใด อาจจะเข้ามาเพื่อประสานความสามัคคี หรือต้องการจะใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมานำพาประเทศสู่ความสงบสุข

แต่เมื่อพิจารณาจากจุดอ่อนจุดแข็งในบทความนี้แล้วพบว่าท่านนำจุดอ่อนของท่านออกมาใช้มากกว่าการใช้จุดแข็งจึงทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ กรณีของท่านก็มีส่วนคล้ายกับอดีตผู้นำประเทศของไทยที่กำลังหนีคดีอยู่เช่นกันคือความล้มเหลวในการบริหารประเทศ เพราะนำจุดอ่อนของตนมาใช้ในการบริหาร นั่นคือความเชื่อมั่นในตัวของตัวเองมากเกินไป ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น (บ้าอำนาจหรือหลงอำนาจในมือ) การไม่รู้จักพอในสิ่งที่มีอยู่ จึงนำความหายนะไปสู่ตัวท่านเอง และอีกกรณีที่บิ๊กจิ๋วและอดีตผู้นำประเทศของไทยที่กำลังหนีคดีมีส่วนคล้ายคลึงกัน คือ การมีความสัมพันธ์และรู้จักกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน (เขมร/กัมพูชา) แต่ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศได้ คอยแต่จะสร้างความแตกแยกระหว่างประเทศให้เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราต้องมาดูว่าในอนาคตอันใกล้จะมีเหตุการณ์ซ้ำลอยเหมือนครั้งไทยกับเขมรอีกหรือไม่

นางสาวบุษบา บรรชาติ

การได้ประโยชน์จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้

ผู้นำที่สามารถนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ

เก่ง 4 ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน

ดี 4 ได้แก่ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม

การมีศักยภาพในการมีโลกทัศน์กว้าง

1.การมีทักษะในการรับฟังผู้อื่น 2.ศึกษาให้ถ่องแท้ 3.ทำการบ้าน 4.นำมาปฏิบัติ

5.การลงมือทำจนจบและมองผลระยะยาว

ความจงรักภักดี

1. การรับคนเข้าทำงานด้วยความสามารถ

2. สอนให้ทำงานจริงจัง มีระเบียบวินัย มีความจงรักภักดีแบบญี่ปุ่น และดูแลอย่างดี

3. มีความพึงพอใจในงานที่ทำ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้เกิดผลในองค์กรอย่างแท้จริง

1.ต้องสร้างคุณค่า ขึ้นมาให้เป็นที่ยอมรับของ Line manager และคณะ

Top Boss ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น Strategic role

2.HR ต้องเก่ง CEO ต้องเห็นความสำคัญ องค์กรจึงประสบความสำเร็จ

3.ต้องรู้ว่าใคร คือ Performance Management ต้องจัดอันดับ HR อยู่ตลอดเวลา

4.ต้องมีข้อมูล top manager ทั้งหมด ทั้งด้าน Performance acceptability , Capability ,

Potential Career path

การบริหาร Network ให้ได้ผลของ ดร.จีระ

1. ทฤษฎี 8 K’s คือ Social Capital

2. การเป็นนักวิชาการที่มีข้อมูลครบถ้วน และเชื่อมโยงได้ดี

3. มีการบริหารแบบ Paradigm shift การบริหารต้องเร็ว คล่องตัว ไปถึงลูกค้าให้เร็วที่สุด

HR พันธ์แท้ มี 2 ชนิด

1. พันธุ์แท้ที่พัฒนา ต้องอยู่คงทน มี imaginative มีลักษณะ innovation อยู่ตลอดเวลา จึงเป็นพันธุ์แท้ที่อยู่อย่างสมบูรณ์ สนใจเรื่องการวัดผล หรือ Results

2. พันธุ์แท้ที่ไม่พัฒนา

ทฤษฎี 3 กลม หรือ Changing Management

1. วงกลมที่ 1 เรื่อง Context หรือ บริบท พูดถึงเรื่อง IT การบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องใช้ระบบสารสนเทศมากขึ้น

2. วงกลมที่ 2 เรื่องภาวะผู้นำ นวัตกรรม การบริหารเวลา เรียกว่า ทฤษฎีเพิ่มศักยภาพของคน ต้องดูว่า HR ต้องมี Competencies อย่างไร

3. วงกลมที่ 3 การใช้หลัก PM-Personnel management มองว่างานทุกอย่างเป็นงานที่ท้าทาย ต้องมีแรงบันดาลใจ นอกจากนี้ การบริหารแบบมีส่วนร่วม ความโปร่งใส การทำงานเป็นทีม ที่สำคัญต้องสร้าง Corporate Culture ให้สามารถอยู่ใน Global Culture ได้

การมอง HR เป็นยุทธศาสตร์ 7 แนวทาง

1. องค์กรและผู้นำจะต้องมีปรัชญาในการบริหาร โดยเน้นคนเป็นสำคัญ

2. จะต้องมี Vision วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของธุรกิจ อีก 10 ปี หรือยาวกว่านั้น จะเตรียมบุคลากร สร้างทรัพยากรมนุษย์ และเก็บรักษาอย่างไร

3. การลงทุนในการสร้างศักยภาพของคน เรียกว่า Learining Organization รวมถึงสร้างบรรยากาศการเรียนรู้คล้ายมหาวิทยาลัยหรือทำหน้าที่ได้ดีกว่า

4. การเพิ่ม Productivity ให้องค์กร คนต้องได้รับแรงจูงใจให้มีอิสรภาพในการทำงาน พอใจระบบเศรษฐกิจเสรี

5. ตอบคำถามว่าจะนำเอา Information and Communication Technology มาสนับสนุนการทำงานหรือไม่

6. ต้องให้คนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี การทำงานและการดำรงชีวิตต้องไปด้วยกัน

7. ต้องสร้างบุคลากรให้เข้าสู่สังคมโลกาภิวัตน์ให้ได้ด้วยการสร้าง Global Knowledge ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ การวิเคราะห์วิจัย ความสามารถในการใช้ IT

ปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนา HR

1. คุณภาพของคน มีอิสระในการเลือกคนเก่ง คนดีเข้ามาทำงาน

2. ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต้องเชื่อว่า การพัฒนา HR คือ หลักการทางธุรกิจที่สำคัญ

3. ทัศนคติของฝ่ายจัดการ ต้องมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว

4. การปลูกฝังให้พนักงานพัฒนาตนเอง

การวัดความสำเร็จของ HR

1. วัดจาก outcome มี Value เพิ่มขึ้น

2. พนักงานมีความสามารถบนพื้นฐานคุณภาพชีวิตที่ดีและสังคมประเทศชาติได้ประโยชน์

บันไดแห่งความเป็นเลิศ ด้าน HR

1. เริ่มจาก Good ideas – Action – สู่ผลสำเร็จ คือ Plan, Do, Chec, Act

2. จัด Priority คือ ต้องมี Focus

3.ทำโดยมี Participation ของทุกคน ทุกระดับ คือ สร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม

4.ทุกโครงการต้องมีผู้เป็นเจ้าของ คือมี Ownership

ทั้งนี้ การบริหารและจัดการ HR and non HR ขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อม วัฒนธรรมองค์กร และบรรยากาศในการทำงาน และเน้นให้พนักงาน happy,enrich and motivated เรียกว่า paradox of HR คือเมื่อรุกแล้ว ต้องเตรียมรับมือกับผลข้างเคียงด้วย

การเป็น global Citizen ต้องมีคุณสมบัติ

1.ความคล่องแคล่วภาษาไทย ภาษาอังกฤษ 2.เทคโนโลยี 3. คุณธรรม

คนยุคใหม่ต้องสามารถ translate acquired data into Useful information and transform this information into knowledge as a basis for improved decisionmaking anytime anywhere

จากการอ่านหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้” ของท่านอาจารย์จิระฯ และท่านพารณฯ ทำให้มีโอกาสได้เรียนรู้หลักคิด วิธีการทำงานในการบ่มเพาะทักษะสำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่ง สขช. สามารถนำมาปรับใช้ได้เป็นอย่างดี เริ่มจากแนวคิด “คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญขององค์กร” โดยมีความตระหนักว่า คนทุกระดับมีความสามารถในการพัฒนาและเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต เมื่อพัฒนาให้คนมีศักยภาพแล้วก็จะมีผลต่อการเพิ่มผลผลิต (productivity improvement) ให้แก่องค์กร ดังนั้น จึงจำเป็นที่องค์กรต้องมีการพัฒนาคน ซึ่งถือเป็นการลงทุน (investment) อย่างหนึ่งที่คุ้มค่า เมื่อมีความเชื่อมั่นในแนวคิดที่ว่า “คนสร้างได้” ก็ควรจะต้องพัฒนาคนอย่างยั่งยืนและยาวนาน

สิ่งดีดีที่ได้รับจากการอ่านหนังสือเล่มนี้มีมากมาย แต่ที่ขอหยิบยกขึ้นมากล่าวได้แก่ “ความเชื่อ” ท่านพารณฯ มี “ความเชื่อ” ว่าคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญขององค์กร จึงมุ่งมั่นพัฒนาต่อเนื่อง เมื่อทำแล้วจึงออกมาสำเร็จ แนวคิด/แนวปฏิบัติของท่านเป็นต้นแบบที่น่าชื่นชมในเรื่อง

1. คนเก่งและดี คือ เก่ง 4 (เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน) และดี 4 (ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม) ที่มีการปลูกฝังและปฏิบัติในบริษัทเครือซิเมนต์ไทยจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้คนทำงานเพียบพร้อมด้วยคุณภาพและคุณธรรม ซึ่งคนเก่งพบง่าย แต่จะให้ดีด้วยต้องมีการสร้างสมและปลูกฝัง โดยนำระบบพี่เลี้ยง (coaching and mentoring) เข้ามาใช้ ทำให้เกิดความเข้าใจ/สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ซึ่งปรัชญาคนเก่งและคนดีนี้ ถือเป็นการควบคุมทางสังคม (Social force) ในองค์กรไปในตัวด้วย

2. คุณค่าของคน ในองค์กรจะปลูกฝังวินัย สร้างความจงรักภักดี (loyalty) มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ(ownership) เส้นทางเดินที่ชัดเจนสำหรับคนทำงาน (career path) ในแต่ละวิชาชีพต้องมีการฝึกอบรม เพื่อเพิ่มคุณค่าของพนักงาน เป็นการสร้างโอกาสในการเรียนรู้ (Learning Opportunity) เพื่อสร้างคน สร้างผู้นำ สร้างทีมเวิร์ค ให้พนักงานมีจุดร่วม มีความริเริ่มสร้างสรรค์ ศรัทธาซึ่งกันและกัน เป็นตัวอย่างของแนวคิดที่ว่าคนสร้างได้และถือเป็นต้นทุนชนิดหนึ่งขององค์กร ขณะเดียวกัน องค์กรสามารถสร้างแรงจูงใจ (motivation) ให้เกิดแก่ จนท. เช่น ให้มีอิสระในการทำงาน ให้ผบตอบแทนที่ดี

3. ความสนใจดูแลทุกข์สุข (Holistic concern) ให้แนวคิดที่น่าสนใจว่า คนเราบางครั้งไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่อยากได้ผลตอบแทนทางใจด้วย โดยสร้างสภาพแวดล้อม/บรรยากาศให้คนอยากมาทำงาน (ตรงกับหัวข้อสร้างความสุขในการทำงาน) ให้คนมีความพึงพอใจในการทำงาน (Job satisfaction) โดยผู้นำ/หัวหน้าที่ดีต้องรู้ที่จะดูแลและส่งเสริมให้ลูกน้องมีความสุขในการทำงาน เช่น ให้ได้ทำงานที่ท้าทาย และมีโอกาสความก้าวหน้า

4. การเป็นผู้นำ ต้องอาศัยคุณสมบัติหรือทักษะที่จำเป็นหลายประการ ที่สำคัญ อาทิ การทำตัวให้เป็นที่ยอมรับ (Performance Acceptability) มีความสามารถในการทำงาน (Capability) การทำตัวให้เป็นแบบอย่างและลูกน้องเข้าถึงได้

ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่าแรงกดดัน (driving force) จากสภาพแวดล้อมต่างๆ ส่วนหนึ่งมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ได้เปลี่ยนไปมาก ทำให้ประเทศ/องค์กรจำเป็นต้องปรับตัวเองอย่างมาก เพื่อให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ แต่การจะเข้าสู่สังคมนี้ได้ คนจะต้องมี global knowledge ที่สำคัญ ได้แก่ ความรู้ภาษาต่างประเทศเฉพาะอย่างยิ่งภาษาอังกฤษ การวิเคราะห์วิจัย และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

บทสรุป Who Controls Russia ?

จากการอ่าน Who Controls Russia ? พบว่าประธานาธิดี Medvedev ยังขาดคุณสมบัติของความเป็นผู้นำใน

หลาย ๆ ด้าน เช่น

1. ประธานาธิบดี Medvedev ไม่สามารถสร้างความศรัทธา ( Trust) หรือการยอมรับจากผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแลกเปลี่ยนใด ๆ

2.ประธานาธิบดี Medvedev ต้องพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ในเรื่องสำคัญ ๆ ที่จะต้องตัดสินใจเพื่อความมั่นคงของประเทศชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการต่างประเทศ เมื่อมีความรู้แล้วก็จะทำให้เกิดความมั่นใจ กล้าพูดกล้าตอบคำถามต่าง ๆ ด้วยความมั่นใจ ซึ่งเป็นลักษณะอย่างหนึ่งของผู้นำ

3.ประธานาธิบดี Medvedev ต้องรู้จักวิธีการบริหารความขัดแย้ง โดยไม่มีอคติ เพราะจะทำให้เกิดปัญหารุนแรงขึ้นได้

4.ประธานาธิบดี Medvedev ต้องมีวิสัยทัศน์ต่อเป้าหมายในอนาคต เหมือนที่ Putin กำลังทำอยู่ คือการวางแผนในการสร้างความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อที่จะกลับมาอีกครั้งในการเลือกตั้งในครั้งต่อไป

คุณอารมณ์คะ ดิฉันเริ่มจะมีอารมณ์กับคุณแล้วนะ รอเพื่อน ๆ บ้างนะคะ ผู้นำต้องร่วมกันสร้างทีมงานนะอย่าทิ้งกันซิ

แนวคิดจากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

อาจารย์จีระ หงส์ลดารมภ์ และคุณพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ผู้ที่มองเห็นความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรต่าง ๆ ว่า ทรัพยากรมนุษย์มีความสำคัญ และมีค่ามากที่สุดในการพัฒนาองค์กรและสังคม จึงต้องมีแผนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่าง

เป็นระบบ ซึ่งทำให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายขององค์กรที่วางไว้ และเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ มีคุณค่าต่อองค์กร สังคม

และประเทศชาติ ดังนั้น หากผู้นำองค์กรมีความเชื่อ ความศรัทธาว่า “คน” เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด และเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สร้างมูลค่าเพิ่มต่อการบรรลุเป้าหมาย ความสำเร็จขององค์กรอย่างแท้จริง ถึงแม้จะเป็นการลงทุนในระยะยาว ก็สามารถนำองค์กรให้อยู่รอดได้ ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใด

- การบริหารจัดการกับบุคคลในองค์กรนั้นต้องกำหนดเป็นแผนยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน เป็นที่ยอมรับของคนในองค์กร โดยการกำหนดแผนพัฒนาบุคคลทั้งในระยะสั้น และระยะยาว มีประเด็นที่จะต้องนำมาพิจารณา และให้ความสำคัญ 3 ประการคือ

1. วิธีการสรรหาบุคลากรเข้าสู่หน่วยงาน

2. การรักษาไว้ซึ่งทรัพยากรบุคคล

3. การดูแลสร้างสัมพันธภาพที่ดี (หลังจากออกจากองค์กรไปแล้ว)

- สร้างวัฒนธรรมขององค์กรให้คนมีคุณธรรม จริยธรรมในตัวเอง และมีความรับผิดชอบต่อองค์กรและสังคม ทำให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงภายนอกได้ ทั้งนี้ คงจะต้องใช้เวลานานและต้องมีความอดทนร่วมกันสูง

- สร้างการทำงานเป็นทีมในการทำงานให้ได้ จะทำให้เกิดจิดสำนึก รัก หวงแหน และความเป็นเจ้าขององค์กร

ณัฐรำไพ ธารี

วิเคราะห์กรณีทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

คุณจีระ หงส์ลดารมภ์ และ คุณพารณ อิสรเสนา ณ อยุธยา แม้ว่าจะมีพื้นฐานการศึกษาแตกต่างกันโดยคุณจีระฯ มีพื้นฐานด้านเศรษฐศาสตร์ ขณะที่คุณพารณฯ มีพื้นฐานด้านวิศวกรรมศาสตร์ แต่ทั้งสองคนต่างให้ความสำคัญกับ “คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากสำหรับองค์กรและประเทศชาติ ทั้งนี้คุณจีระฯ และคุณพารณฯ มีความเชื่อ/ศรัทธาว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ตนเอง สังคม และประเทศชาติได้

จากประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของคุณจีระฯ และคุณ พารณฯ ทั้งสองคนซึ่งถือว่าเป็นนักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ “พันธุ์แท้” โดยเป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้จุดประกายการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทย ส่งผลให้ทุกฝ่ายในสังคมได้หันมาให้ความสนใจในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศในเวลาต่อมา ซึ่งถ้าผู้นำประเทศใดเข้าใจปรัชญาของศาสตร์ด้าน HR ย่อมสามารถนำพาประเทศไปสู่ชัยชนะในทุก ๆ ด้าน ปลายทางของคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ในระดับจุลภาค ย่อมส่งผลต่อความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน (Competitive Advantage) ของประเทศ ซึ่งเป็นระดับมหภาค

ทั้งนี้การประสบผลสำเร็จในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของคุณจีระฯ และคุณพารณฯ จะต้องมีความเชื่อในสิ่งนั่นเสียก่อน เมื่อมีความเชื่อ/ศรัทธาว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี และเป็นประโยชน์ก็จะทำให้เกิดความมุ่งมั่นและกำลังใจและจะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จและยั่งยืน

------------------------------------

สุรศักดิ์

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ ทำใ้ห้ทราบถึงแนวคิด ความเห็น ตลอดจนประสบการณ์ที่ยาวนานของ ดร.จีระ หงส์ลดารมณ์และนายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ที่แตกต่างกันแต่เป้าหมายเดียวกัน คือ คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีคุณค่าที่สุดขององค์กร คนกับการเพิ่มผลผลิต เป็นความสัมพันธ์ที่จะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ งานสำเร็จด้วยคน จึงต้องมีการลงทุนเรื่องคน มีการพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพิ่มศักยภาพและมูลค่าเพิ่ม ด้วยการสร้างวัฒนธรรมนำไปสู่องค์กรการเรียนรู้ (Learning Organization) และต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เพื่อก่อให้เกิดความรู้ ทักษะ ความชำนาญ

สรุปประเด็นสำคัญที่ผู้นำสามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในองค์กร ดังนี้

1. ต้นแบบของคนต้องเป็นทั้งคนเก่ง 4 (เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน) คนดี 4 (ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่หาความรู้คู่คุณธรรม) และมีความอดทนสูง

2. องค์กรต้องการผู้นำที่เป็นทั้งคนเก่ง คนดี และอบอุ่น คอยให้ความช่วยเหลือ ดูแลลูกน้องเสมือนคนในองค์กรเป็นครอบครัวเดียวกัน

3. มีการทำงานอย่างเป็นระบบ ระเบียบ และส่งเสริมการทำงานเป็นทีม เนื่องจากคนเพียงคนเดียวไม่สามารถนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จได้

4. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ความเชื่อมั่น ความศรัทธา และเอาจริงเอาจังเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ก่อให้เกิดความจงรักภักดีของคนในองค์กร

5. ใช้หลักธรรมาภิบาลและจริยธรรม บริหารจัดการองค์กร

6. สร้างแรงจูงใจ แรงบันดาลใจ ด้วยการยกย่องชมเชยเมื่อลูกน้องประสบความสำเร็จ นอกเหนือจากผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม

สำนักข่าวกรองกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์

จากการที่รับฟังการบรรยายของ ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ และจากประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำงาน เห็นว่า การวางแผนเชิงกลยุทธ์กับวางแผนยุทธศาสตร์ในการปฏิบัติงานของ สขช. เป็นสิ่งที่เราทุกคนใน สขช.ทำกันมาโดยตลอด สขช.มีภารกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของชาติ ในการติดตามและวิเคราะห์ภัยคุกคามที่จะมีผลกระทบกับความมั่นคงของชาติในทุกด้าน มีการกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และทิศทางขององค์กรที่ชัดเจน ปรับไปตามความต้องการของผู้ใช้ข่าวหรือรัฐบาลเพื่อนำมาซึ่งการกำหนดนโยบายที่ทำให้ชาติดำรงความมั่นคงอยู่ได้

แต่นับจากที่มีการปรับโครงสร้างระบบราชการครั้งใหญ่เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ให้องค์กรของรัฐมีความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่ของตน มีการนำหลักคิดแบบเอกชนมาปรับใช้ให้เข้ากับระบบการทำงานของราชการ เช่น แนวคิดเรื่องการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ การทำงานแบบเชิงกลยุทธ์ ที่มีการวางแผนระยะเวลาการทำงานเป็นห้วงๆ มีการกำหนดวิสัยทัศน์ แล้วนำไปสู่การปฏิบัติ พร้อมทั้งมีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมการทำงานที่จะมีผลกระทบระหว่างการปฏิบัติ เพื่อนำไปสู่การปรับแผนให้เข้ากับปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนไป

สำหรับ สขช. ในยุคที่โลกเปลี่ยน จำเป็นอย่างยิ่งที่ สขช. ต้องเปลี่ยนตามเพื่อปฏิบัติภารกิจตามยุทธศาสตร์ และพันธกิจที่ สขช. แบกรับ คือ เพื่อความความมั่นคง ปลอดภัยของประเทศ บนการเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตลอดเวลาพร้อมทั้งภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่นับวันจะรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น

สำนักข่าวกรองกับการบริหารงานเชิงคุณภาพโดยคุณไวฑูรย์จากทริส

ต่อจากบทความข้างบน จำเป็นอย่างยิ่งที่ สขช. จะต้องปรับปรุงการบริหารจัดการองค์กรให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสัมพันธ์กับการนำองค์กรของผู้นำซึ่งต้องมีวิสัยทัศน์ มีธรรมาภิบาลในการบริหารคนและองค์กร มีแผนการบริหารงานแบบเชิงกลยุทธ์ที่ชัดเจน เพื่อนำองค์กรไปสู่ความยั่งยืนและมีความเป็นมืออาชีพในสายงาน และทำให้ผู้ใช้ข่าวหรือรัฐบาลเชื่อมั่นในข้อมูลหรือข่าวสารที่ได้รับจาก สขช.ว่า แม่นยำ รวดเร็ว นำไปใช้ในการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าว มาจากการบริหารจัดการความรู้ของบุคลากรให้มีความรู้ สามารถจัดการเรื่องของสารสนเทศ เพื่อใช้ข้อมูลนำไปวิเคราะห์ข่าวสารได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ สอดคล้องกับแผนการพัฒนาทรัพยากรบุคคลเพื่อให้บุคลากรเข้าใจระบบงาน สร้างการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง สร้างแรงจูงใจให้เห็นถึงความก้าวหน้าในอาชีพ เพื่อความผาสุกและความรักในอาชีพของบุคลากรของ สขช. อย่างยั่งยืน

บทเรียนจากบทความของอาจารย์จิระ

ต้องขอโทษด้วยครับรับเอกสารมาหลายวันแล้วแต่ยังไม่ได้เขียนอะไรซักที ต้องขออนุญาตจัดระเบียบความคิดเผื่อจะเขียนอะไรที่เป็นสาระมากกว่านี้

นั่งอ่านข้อมูลที่อาจารย์กรุณาให้ทีมงานจัดทำเอกสารมาให้เห็นเรื่องนึงที่น่าสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เรื่อง ปธน.โอบามา ผู้ที่สร้างประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐอเมริกา จากการเป็นคนอเมริกันผิวสีคนแรกที่ชนะการเลือกตั้ง ปธน.ของประเทศนี้ จากวลีเด็ดของเขาคือ “CHANGE” และประชาชนอเมริกันที่เริ่มเบื่อ ปธน.บุช ที่มุ่งหน้าทำสงครามจนเศรษฐกิจของประเทศล่มจมแต่ ปธน. โอบามา ต้องมาตกม้าตายเพราะเรื่องรางวัลโนเบิลไพรซ์

โดยปกติของผู้ที่ได้รับรางวัลนี้จะต้องเป็นที่ประกอบคุณงามความดีเป็นที่ประจักษ์แล้ว คณะกรรมการถึงจะคัดเลือกเข้ามาเพื่อลงคะแนนเลือก แต่กรณีของ ปธน.โอบามา ยังไม่ได้ประกอบกิจกรรมใดๆที่เป็นที่ประจักษ์แต่อย่างใด แม้แต่เรื่องสันติภาพ อย่างไรก็ตามมีความเป็นไปได้ว่า กรรมการคงเห็นถึงนโยบายต่างประเทศที่มีต่อประเทศอิหร่านกรณีปัญหานิวเคลียร์ รวมทั้งการประกาศต่อต้านการสะสมอาวุธทำลายล้างสูง และการประกาศถอนทหารออกจากอิรัก และอัฟกานิสถาน ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและสันติภาพจึงได้มอบรางวัลดังกล่าวให้ และอีกทางนึงอาจเป็นแผนกดดันสหรัฐฯ ให้ออกมารับผิดชอบต่อการดำเนินนโยบายต่างประเทศ นโยบายต่ออิหร่าน อิรัก และอักานิสถาน ที่ผิดพลาดในสมัย ปธน.บุช ก็เป็นได้

เป็นเรื่องที่ลึกซึ้งนะครับที่ฝรั่งเขาอาจแอบเล่นเกมส์การเมืองกันอยู่ก็ได้นะครับ เพราะเห็นว่า ปธน.โอบามา กับที่ปรึกษากำลังหาทางแก้ปัญหาที่ ปธน.บุชแกแอบทำทิ้งไว้ก่อนจาก และมีท่าทีลดความแข็งกร้าวต่อปัญหาที่เกิดขึ้นและพร้อมจะเจรจาหากเป็นทางออกที่ดีกว่า เหมือนกรณีเกาหลีเหนือไงครับ ยังไม่ทันไปเกาหลีใต้ พี่คิม จอง อิล ของเราก็ทำท่าเรียกร้องความสนใจซะแล้วเล่นอย่างงี้ ปธน.โอบามา คงเหนื่อยหน่อยละครับ

ขอบคุณท่านประธานมากค่ะ ที่หาประวัติ รายละเอียดสถาบันฯ เดล คาร์เนกี้ มาให้พวกเราได้อ่าน ขอบคุณค่ะ

คุณอารมณ์ สรุปเรื่อง Who Controls Russia ? เสร็จแล้ว เพื่อนขอกระดาษที่แปลแล้วมาอ่านหน่อยสิ จะขอบคุณมาก

แนวคิดจากหนังสือ “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

ผู้นำ เป็นแรงผลักดันที่สำคัญขององค์กร ผู้นำที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ มีคุณธรรม สร้างศรัทธา สร้างแรงบันดาลใจ จนเป็นต้นแบบในการทำงานของสมาชิกในองค์กรได้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีแก่องค์กร สมาชิกในองค์กรมีความศรัทธา เชื่อมั่น มั่นใจ แล้วจะทำให้เกิดความมุ่งมั่น มีพลังสร้างสรรค์งาน รวมทั้งมีความผูกพันต่อองค์กร ทำงานอย่างมีความสุข

ทุนมนุษย์ขององค์กร ต้องเก่งและดี คือมีความใฝ่รู้ และจะต้องใฝ่รู้ตลอดเวลา ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงไปของโลก โลกาภิวัตน์ ศึกษางานที่ทำอย่างท่องแท้ ให้ความสำคัญกับการทำงานเป็นทีม มีคุณธรรม จริยธรรม เพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

ด้านการพัฒนาทุนมนุษย์ ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้เกิดแรงบันดาลใจ สร้างความภาคภูมิใจในตนเอง ในงานที่ทำ และเชื่อมั่นในความสำเร็จ

สรุปความรู้ที่จากการอบรมเมื่อวานนี้

การวางแผนเชิงกลยุทธ์

1.ประโยชน์ของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพื่อความอยู่รอดขององค์กรในอนาคต คือเราต้องมีวิสัยทัศน์ มองไปข้างหน้า คาดการณ์และวางแผนที่รับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้องค์กรสามารถอยู่ได้ด้วยดี

2.หลักการและแนวคิด เพื่อสร้างแนวทาง เพื่อไปให้ถึง ด้วยการวางแผน จากแผนเป็นแนวทางปฏิบัติ และที่สำคัญต้องมีการประเมินเพื่อทบทวนแผนนั้น ๆ

3.การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม ด้วยการศึกษาข้อมูลจากอดีตถึงปัจจุบัน แล้ววิเคราาะห์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต

4.กลยุทธ์ มีการวางกลยุทธ์ระดับองค์กร ว่าเื่พื่ออะไร เพื่ออยู่รอด เพื่อคงที่ หรือเพื่อเติบโต จากนั้นเป็นการวางกลยุทธ์ระดับแข่งขัน เพื่อเปรียบเทียบงานที่ทำ ดีหรือยัง พอใจหรือยัง แล้วจึงตามมาด้วยกลยุทธระดับปฏิบัติการ แต่ละส่วนของการขับเคลื่อนต้องทำอย่างไร เพื่อไปสู่ความสำเร็จ

องค์ประกอบของการวางแผนที่ดี

1.การวิเคราะ์ห์ให้ตรงกับความจริง

2.วางแผนระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น

3.แผนต้องมีความสัมพันธ์กัน

4.ต้องเป็นแผนที่ท้าทาย แต่เป็นไปได้

การบริหารเชิงคุณภาพของส่วนราชการ

ต้องก้าวข้ามผ่านให้พ้นความเ็ป็นระบบราชการ Beyond Bureaucracy

1. โครงสร้างองค์กร จากเดิมส่วนราชการเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ต้องกระจายงาน กระจายความรับผิดชอบ เพื่อสร้างความคล่องตัว และทำงานเป็นทีม

2.วัฒนธรรม จากวัฒนธรรมองค์กรเดิมที่ช้า เป็นขั้นเป็นตอน เปลี่ยนมาเป็นมืออาชีพ มุ่งแก้ปัญหา เข้าถึงปัญหา มีความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวได้ตลอดเวลา

3.กลยุทธ์/การทำงาน ต้องมองการไกล มีวิสัยทัศน์ชัดเจน คำนึงถึงกระแสโลกและการเปลี่ยนแปลง

การบริหารเชิงคุณภาพตามหลักการขององค์กรที่เป็นเลิศ

1.การนำองค์กร ผู้นำระดับสูงขององค์กรต้องชี้นำ lead ทำให้องค์กรยั่งยืน รวมทั้งสร้างระบบธรรมาภิบาลขององค์กร

2.การวางแผนเชิงกลยุทธ์ จัดทำวัตถุประสงค์ แผนปฏิบัติการ ถ่ายทอดเพื่อนำไปปฏิบัติ รวมทั้งการวัดผลความก้าวหน้าขององค์กร

3.การมุ่งเน้นผู้รับบริการ กำหนดความต้องการ ความคาดหวัง ความนิยม ของผู้รับบริการ รวมทั้งการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับผู้รับบริการ

4.การวัด การวิเคราะห์ การจัดการความรู้ ควรเลือกรวบรวข้อมูล เนื่องจากปัจจุบัน ข้อมูลข่าวสารมีมาก อะไรคื่อที่ใช่และสำคัญ นำมา วิเคราะห์ และปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ

5.การมุ่งเน้นทรัพยากรมนุษย์ สร้างระบบงาน การเรียนรู้ แรงจูงใจ ส่งเสริมให้มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ รวมทั้งให้ความผาสุกและความพึงพอใจในการทำงาน

6.การจัดกระบวนการ จัดกระบวนการที่สร้างคุณค่า ป้องกันส่ิงที่บกพร่อง การทำซ้ำ แบ่งปันเรื่องการปรับปรุง และการสนับสนุนให้เกิดผลสำเร็จ

7.ผลลัพธ์การดำเนินการ ควรติดตาม ประเมินผล ทบทวน ปรับปรุง ด้านประสิทธิผล คุณภาพ ประสิทธิภาพ การพัฒนา ขององค์กร

บทเรียนจากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ (HR. CHAMPIONS)

จากการได้อ่านหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ของท่าน ศ.ดร.จีระ หงห์ลดารมภ์ และ คุณพารณ อิครเสนา ณ อยุธยา จะเห็นได้ว่าท่านทั้งสองมองการบริหารทรัพยากรภายในองค์กรไปที่ “คน” ว่าเป็นทรัพยากรที่มีมูลค่าเพิ่มที่มากที่สุดขององค์กร คือ ยิ่งอยู่นานยิ่งมีราคา ดังนั้นองค์กรจะประสบความสำเร็จที่เป็นเลิศแบบยั่งยืนจะต้องมองที่ “คน” เป็นสำคัญ โดยเริ่ม

ต้นตั้งแต่ขบวนการได้มา การทำงาน การอยู่ร่วมกัน การพัฒนาและส่งเสริม คือ

1. การคัดเลือก “คน” เข้ามาทำงาน จะต้องไม่ยึดหลักของระบบอุปถัมภ์ แต่ให้ยึดหลักความรู้ ความสามารถ

ซื่อสัตย์ สุจริต มีจริยธรรม คุณธรรม เพื่อสร้างเมล็ดพันธุ์ใหม่เกิดขึ้นในองค์กรในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า

2. เมื่อได้คนมาแล้วจะทำอย่างไรให้ “คน” เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร คือ จะต้องใช้คนที่มีความรู้ ความ

สามารถให้ตรงกับงาน หรือตามความถนัด ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมคิด ร่วมทำการมุ่งเน้นการทำงานเป็นทีม

3. “คน” เมื่ออยู่นานก็จะขาดทักษะและขบวนการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่มีการเป็นเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตาม

ยุคโลภาภิวัฒน์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องพัฒนาคนเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เช่น การอบรมเพื่อการพัฒนา ส่งเสริมการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ

ให้มองโลกทัศน์ที่กว้างไกล แต่การอบรมและส่งเสริมจะต้องทำทุกระดับ ทั้งฝ่ายผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน และไปด้วยกัน ทั้งนี้จะต้องมองการเพิ่มมูลค่าเพิ่มของคนเป็นการลงทุน แต่ไม่ใช่ทุน

4. การสร้างบรรยากาศในการทำงานถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะดึงดูดคนไว้ หรือมีความจงรักภักดีต่อองค์กร คือ ผู้นำจะต้องสร้างวัฒนธรรมที่ดีให้เกิดขึ้นในองค์กร โดยเป็นแบบอย่างที่ดี มีความโปร่งใส เป็นธรรม ให้โอกาสกับทุกคน สร้างบรรยากาศการทำงานแบบครอบครัว การสร้างสัมพันธ์ภาพกับทุกคนจากบนลงล่าง แม้กระทั้งคนในครอบครัว เปิดใจรับฟังความ

คิดเห็นกับผู้ร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา สร้างวินัยและวัฒนธรรมที่ดีให้กับพนักงาน เพื่อให้เกิดศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวของผู้นำ

สรุป ผู้นำที่จะประสบความสำเร็จที่เป็นเลิศแบบยั่งยืน นอกจากจะมีความรู้ ความสามารถจะต้องเก่ง “คน” ในทุกระดับเพื่อสนับสนุน/ผลักดันองค์กรในการขับเคลื่อนไปข้างหน้า

---------------------------------------------------------

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

หลักการ

คน คือ สมบัติที่มีค่าขององค์กร

การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Invertment) มิใช่ต้นทุน (Cost)

คนที่นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ ต้องเป็นทั้นคนเก่งและดี

การปรับใช้กับ สขช.

ทรัพยากรมนุษย์ หรือ คน ซึ่งใน สขช. ก็คือ จนท.ต่างๆ ในทุกระดับ/ทุกตำแหน่ง เปรียบเสมือนทรัพย์สินที่มีค่า เป็นสมบัติที่มีค่าของ สขช. “The most valuable asset” เพราะ จนท.ของ สขช. ใน 1 คน ก็ คือ สมบัติ 1 ชิ้น ที่สะสมองค์ความรู้อยู่ในนั้นอย่างมากมาย หรือเป็น 1 คลังที่สะสมองค์ความรู้เคลื่อนที่ได้ภายในโกดังที่ชื่อว่า สขช.

เมื่อ จนท.ของ สขช. เป็นสมบัติที่มีค่าของ สขช. การพัฒนา จนท. จึงมิใช่เป็นเพียงต้นทุนเท่านั้น หากแต่เป็นการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพให้แก่ จนท. เป็นการเพิ่มมูลค่าในระยะยาว ดังข้อความที่ว่า “ยิ่งพัฒนาคน ยิ่งนานยิ่งเก่งกล้า คนถ้าไม่ดูแล ไม่พัฒนาก็เสื่อม” ซึ่งหากเปรียบกับภาคธุรกิจเอกชน ก็คือ องค์กรต้องมีการสร้างคนก่อน ที่จะสร้างระบบสินค้า “make people before making product” ฉะนั้น การสร้าง สขช. ให้มีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ (Learning Organinzation) เป็นการสร้างองค์กรเพื่อตอบสนองพฤติกรรมของมนุษย์ และสร้างแรงขับ/กระตุ้นให้ จนท.ของ สขช. เกิดการอยากที่จะเรียนรู้อย่างสุข สนุกสนาน พร้อมทั้งนำความรู้ใหม่ๆ ไปปรับใช้กับการทำงานภายใน สขช. อย่างสร้างสรรค์ และอาจนำไปสู่การสร้างนวัฒกรรมใหม่ให้แก่ สขช. อีกด้วย

แม้ว่าคุณภาพด้านการศึกษาเป็นปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาบุคลากร ทั้งการจัดหลักสูตรการอบรมต่างๆ มากมาย จะมีส่วนต่อการพัฒนาคุณภาพของ จนท.ของ สขช. ซึ่ง สขช. จะการลงทุนในคุณค่าของคนโดยจากจัดฝึกอบรม หรือลงทุนในเรื่องการศึกษาอย่างเดียวมิได้ แต่ต้องพิจารณาถึง จนท.เหล่านั้น สามารถนำองค์ความรู้ต่างๆ ที่ได้รับจากการศึกษา/อบรม หรือได้รับการพัฒนาแล้วนั้น ไปปรับใช้กับการปฏิบัติหน้าที่ กับการทำงานใน สขช. เพื่อก่อให้เกิดการเพิ่มมูลค่าในการผลผลิตจากการทำงาน (Productivity)

สำหรับภารกิจหลักของ สขช. เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศชาติ ฉะนั้น จนท.ของ สขช. จึงมิใช่การนำคนที่มีความเก่งเพียงอย่างเดียวมาปฏิบัติหน้าที่ แต่คนเก่งคนนั้นจะต้องเป็นคนดีอีกด้วย “เก่งและดี”

คนเก่ง ต้องมีความเก่ง 4 อย่าง คือ เก่งงาน, เก่งคน, เก่งคิด และ เก่งเรียน

คนดี ต้องมี 4 ดี คือ ประพฤติดี, มีน้ำใจ, ใฝ่ความรู้ และ คู่คุณธรรม (เพิ่มเติม : ความรู้คู่คุณธรรม / เปลวเทียนให้แสง รามคำแหงให้ทาง)

ดังคำกล่าวที่ว่า “เราจะเลือกคนเก่งที่เกือบดี หรือจะเลือกคนดีที่เกือบเก่ง” ถ้าเราเลือกคนเก่งที่เกือบดี คนเก่งผู้นั้นอาจสร้างความเสียหายให้แก่ สขช. หรือประเทศชาติได้ หากเขาใช่ความเก่งของเขาในทางที่ไม่ถูกต้อง แต่หากเราเลือกคนที่ดีอย่างเดียว สขช. หรือประเทศชาติของเรา อาจปรับตัวหรือปฏิบัติการต่างๆ ไม่ทันผู้อื่นเขาได้ จึงได้ข้อสรุปว่า สขช. เลือกทั้งคนที่เก่งและเป็นคนดีอีกด้วย

แต่การที่ สขช. จะได้ จนท. ที่มีทั้งความเก่งและความดีอยู่ในตัว ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ใน สขช. อยู่ได้ อย่างมีความสุข และสามารถดึงศักยภาพของ จนท. ออกมาใช้ให้ได้อย่างเต็มที่ เป็นประโยชน์ต่อ สขช. และประเทศชาติได้ ด้วยการสร้างแรงจูงใจต่างๆ เช่น

1. การสร้างบรรยากาศการทำงานให้เสมือนเป็นการพักผ่อนไปในตัว ไม่ถือเป็นภาระ การทำงานคือความสุข หรือสร้างทัศนคติในการทำงานให้ จนท. รู้สึกว่า “เราทำงาน เพื่องาน เพื่อความสุขจากการทำงาน และผลตอบแทนคือสิ่งที่จะตามมาเอง”

2. การสร้างบรรยากาศการทำงานอย่างเป็นทีมให้เกิดขึ้น ดังคำที่ว่า “สองหัวดีกว่าหัวเดียว” พร้อมทั้งสร้าง สขช. ให้มีบรรยากาศการทำงานแบบครอบครัว ดำเนินนโยบายดึงคนเป็นพวก สร้างสรร/มอบหมายงานที่ท้าทาย และให้โอกาสในการเจริญก้าวหน้าเติบโต หรือเพื่อสร้างให้ จนท.ของ สขช. เกิดความพึงพอใจในงานที่กำลังทำ หรือได้รับมอบหมาย

3. “บุคคลเจริญได้ด้วยจริยธรรมในการดำเนินชีวิตฉันใด สขช.ก็เจริญได้ด้วยการดำเนินการฉันนั้น”

4. คนมิใช่ต้องการเพียงผลตอบแทนในรูปของตัวเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจอีกด้วย

..........................................................................

Mit NopporN (พฤจิกายน 2552)

บทเรียนผู้นำของ Mandela

หลักการ

บนเรียนความเป็นผู้นำของ Mandela ใน 8 ประเด็น คือ

1. ความกล้าหาญที่กล้าจุดประกายผู้อื่นไปสู่ความเป็นเลิศ

2. ต้องรุกได้ แต่ต้องตั้งรับอย่างไม่ประมาท

3. เมื่ออยู่ข้างหลัง ทำให้ผู้นำรู้สึกว่าตนนำได้อย่างน่าภาคภูมิใจและสมศักดิ์ศรี

4. จัดการบริหารศัตรู (รู้เขา)

5. ใกล้ชิดกับเพื่อน โดยเฉพาะคู่แข่งหรือบุคคลที่ไม่ชอบต้องยิ่งใกล้ชิดยิ่งกว่า

6. มีภาพลักษณ์ที่มีเกียรติและสง่างามอยู่เสมอ

7. มีการประนีประนอมที่เหมาะสม

8. รู้จัก “พอ” รู้จัก “ถอย”

การปรับใช้กับ สขช.

จากกรณีบนเรียนผู้นำของ Mandela สามารถนำมาปรับใช้กับ จนท.ของ สขช. ได้ในทุกระดับขั้น/ทุกตำแหน่งงาน คือ

- การเป็นผู้จุดประกายให้ผู้อื่นไปสู่ความเป็นเลิศ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรเท่านั้น แม้แต่ จนท.ระดับต้นขององค์กรก็สามารถจุดประกายฯ ได้เช่นกัน

- สขช. ปฏิบัติงานด้านการข่าว แต่ต้องมีการระวัง/รปภ.ตนเองด้วย

- การหาข่าวเสนอต่อรัฐบาล ในการวางแผนเพื่อกำหนดทิศทาง/นโยบายของรัฐบาล

- การรู้เขาให้ลึกซึ้ง

- สร้างเครือข่ายตลอดเวลา พันธมิตรเดิมไม่ทิ้ง แสวงหาเพื่อนใหม่เสมอ

- ทนงในเกียรติภูมิของตน รักในศักดิ์ศรี

- สถานการณ์ที่มีการเผชิญหน้า ทุกฝ่ายพร้อมที่จะแตกหัก ใช้การประนีประนอมที่เหมาะสม พร้อมกับรู้จักถอยอย่างมีศักดิ์ศรี อย่างมีจังหวะ จะทำให้ผ่านพ้นสถานการณ์ดังกล่าวไปด้วยดี หรือสร้างโอกาส ยุติวิกฤติได้

..........................................................................

Mit NopporN (พฤจิกายน 2552)

กรณีคุณยรรยงที่ ครม.

กรณีคุณยรรยงฯ ชี้ว่า แม้เป็นผู้นำหรือคนเก่งและดีบางครั้งก็อาจมีการตัดสินใจหรือการกระทำใดๆ ที่ผิดพลาดได้ ซึ่งอาจมาจากการด้อยประสบการณ์ ขาดความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณหรืออาจมีปัจจัยอื่น เช่น เข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อน การเล่นพวก/หรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัว ทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ทำให้เกิดความเสียหายไม่เฉพาะกับตัวเอง หน้าที่การงาน หรืออนาคตของตัวเอง ยังอาจส่งผลกระทบถึงองค์กรด้วย ยิ่งอยู่ในสถานะเป็นข้าราชการเช่นคุณยรรยงต้องยึดหลักไม่ควรทำให้ผู้บังคับบัญชาเสียหน้า การกระทำใดๆ จึงควรต้องคิดอย่างรอบคอบ หรือต้องทบทวนอีกครั้ง บางครั้งอาจต้องอาศัยการฟังผู้อื่นบ้างหรือมีทีมงานคอยชี้แนะให้คำปรึกษา ต้องรู้จักสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับตัวเอง หากมีจุดใดที่ไม่ถูกต้องก็ต้องหาวิธีประนีประนอมให้ win-win ทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อ “ผิดเป็นครู” ข้อผิดพลาดก็อาจใช้เป็นบทเรียนในการแก้ไขปรับปรุง และไม่ทำให้เกิดขึ้นซ้ำอีก

นายนนท์ธนา โกไศยกานนท์

สิ่งที่ได้รับจากเรื่อง “ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

การที่องค์กรจะประสบความสำเร็จในการปฏิบัติภารกิจหรือเป็นไปในทิศทางตามที่กำหนดไว้ในนโยบาย ต้องเริ่มจากการสร้างและพัฒนาบุคคลากรขององค์กรนั้นๆให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับงานที่ต้องรับผิดชอบ มีความคิดสร้างสรรค์ และต้องมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้เพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ผู้นำองค์กรถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งไม่แพ้กัน เพราะการมีผู้นำที่มีจิตใจทุ่มเท และพร้อมจะนำพาองค์กรไปในทิศทางที่กำหนด มุ่งสู่ความสำเร็จได้นั้น ผู้นำควรต้องเป็นผู้เห็นความสำคัญในการสร้างบุคลากรในองค์กร และมีความสามารถในการสร้างแรงจูงใจ ให้คนในองค์กรมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและตัดสินใจ โดยใชัหลักคิดใหม่ๆที่ไม่ซ้ำซาก และหากเกิดความผิดพลาด ต้องพร้อมที่จะรับผิดชอบและใช้เป็นบทเรียน นอกจากนี้ต้องส่งเสริม/พัฒนาให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อเตรียมรองรับการผลิตคนรุ่นใหม่

  สงสารเพื่อน ๆ ที่ยังไม่ได้กลับบ้านต้องอยู่ประชุมต่อจังเลย เพราะเราถึงบ้านแล้ว กำลังพักผ่อนสมองด้วยการดูหนังสักเรื่อง ก่อนที่จะทำการบ้านต่อ สงสารจริง ๆ นะ เราเป็นพวกเนื้อแท้ พูด คิด เชื่อ ทำในสิ่งเดียวกันเสมอ 55555.......

ข้อคิดจาก บทความ เรื่อง Who Controls Russia?

การเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็น องค์กรเอกชน องค์กรของรัฐ หรือ ผู้นำทางการเมือง ต้องพร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง

และสำนึกอยู่เสมอว่า ตนไม่สามารถที่จะยึดติดอยู่กับอำนาจ ได้แต่เพียงผู้เดียว นอกจากนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง และ ในเวลาที่

ผู้นำจะต้องลงจากตำแหน่ง ไร้ซึ่งอำนาจ ถึงแม้จะมีบารมีคงเหลืออยู่บ้าง ก็จะต้องถูกตรวจสอบ หรือแม้ว่า จะมีการจัดวางทายาท ไว้สืบทอดอำนาจ ก็ไม่เป็นสิ่งยั่งยืนเสมอไปว่า จะไม่ถูกวัดรอยเท้า จากทายาทที่จัดวางไว้ เนื่องจาก อำนาจ เป็นสิ่งน่าหลงใหล ลุ่มหลง แต่หากใช้อำนาจในทางที่ไม่สร้างสรรค์ อำนาจนั้น ก็จะไม่ยั่งยืน...บริวารอาจจะเอาใจออกห่าง

จากบทวิเคราะห์ Who Controls Russia?

บทบาทของผู้นำมีผลต่อความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ในประเทศ หรือในองค์กร โดยผ่านการแสดงความคิดเห็น ท่าที และอารมณ์ต่อบุคคลใกล้ชิด หรือต่อสาธารณะ โดยเฉพาะการตัดสินใจในเรื่องสำคัญ ถ้าต้องอยู่ในสภาวะที่มีการแข่งขันสูง ยิ่งต้องสุขุม รอบคอบในการคิดวิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียของตัวเองและฝ่ายตรงข้าม ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีมากกว่าจะสร้างศัตรู ยอมงอแต่ไม่ยอมหัก การได้มาซึ่งชัยชนะแต่ไม่ได้ความศรัทธา ก็เหมือนแพ้

สิ่งที่ได้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

คนจัดเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดในองค์กร และยิ่งนับวันจะมีคุณค่ามากยิ่งขึ้นหากหากได้รับเรียนรู้และปลดปล่อยความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ด้วยการส่งเสริมให้มีการศึกษาและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ตามหลักทฤษฎี 4L’s ในส่วนตัวบุคลากรจำเป็นต้องเป็นผู้ที่แสวงหาความรู้ด้วยตนเองทางช่องทางต่าง ๆ ต้องเป็นทั้งนักวิเคราะห์ฯและเรียนรุ้เชื่อมโยงศาสตร์ต่าง ๆ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความจงรักภักดีและความวินัยต่อตนเองและองค์กร ยึดหลักธรรมาภิบาล และมีความฉลาดทางอารมณ์ ขณะที่ผู้บริหารงานควรใช้ motivation ในการจูงใจผู้ใต้บังคับบัญชา ยึดหลักความรู้ความสามารถและระบบคุณธรรม มากกว่าระบบอาวุโส มีการทำงานเป็นทีมและสนับสนุนและควรชื่นชมความสำเร็จของผู้ใต้บังคับบัญชา มีหลักการ Coaching ให้ทุนการศึกษา การฝึกอบรม และผลตอบแทนทางใจควบคู่ไปกับผลตอบแทนในรูปเงิน และมีการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดี ให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชา หรือการใช้หลักทฤษฎี 3 วงกลม คือ Context Competencies และ Motivation

Who Controls Russia?

จากการอ่าน Who Controls Russia เป็นการต่อสู้ช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมือง และการเป็นผู้นำ ระหว่างนายกรัฐมนตรี Vladimir Putin กับประธานาธิบดี Dmitri Medvedev

โดยแต่ละฝ่ายก็วิพากษ์วิจารณ์ข้อเสียเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยฝ่าย Medvedev กล่าวโจมตีความล้มเหลวด้านการบริหาร ปัญหาการคอรัปชั่น และด้านเศรษฐกิจ และว่าการปฏิรูปรัสเซียคงเป็นไปไม่ได้ภายใต้การนำของ Putin ขณะที่ฝ่าย Putin เห็นว่า Medvedev ควรจะยอมรับอำนาจของตนเองที่มีอยู่อย่างจำกัด และหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์ที่จะทำให้ความแตกร้าวในกลุ่มชนชั้นนำ

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังช่วงชิงความได้เปรียบในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2012 โดยชูนโยบายด้านต่างประเทศในการแข่งขัน โดย Medvedev เน้นเสรีนิยมภายในประเทศ แต่ค่อนข้างก้าวร้าวในต่างประเทศ ขณะที่ Putin เน้นความมั่นคงของชาติ อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นโยบายของใครจะตรงใจกลุ่มคนชนชั้นนำของรัสเซีย และใครจะได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนต่อไป

Who controls Russia?

ปัญหาความคลุมเครือเกี่ยวกับอำนาจบริหารและการแย่งชิงอำนาจของผู้นำรัสเซีย น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับประเทศอื่นๆ ตลอดจนทั้งสำหรับผู้นำหน่วยงานระดับองค์กร ทั้งภาค รัฐและภาคเอกชน ว่าปัญหาการแย่งชิงอำนาจมีผลเสียอย่างมหาศาลต่อผลประโยชน์ของประเทศ/องค์กร ทั้งในด้านภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือ และความสามัคคีของผู้ใต้บังคับบัญชา

ผู้นำที่ยิ่งใหญ่จึงไม่ควรคิดถึงแต่ตนเองหรือยึดติดกับอำนาจ แต่ควรนึกถึงผลประโยชน์ของชาติ/องค์กรเป็นสำคัญ เมื่อลงจากตำแหน่งแล้วก็ต้องวางมือจากอำนาจ และมอบอำนาจในการตัดสินใจให้กับผู้นำคนใหม่ หรือหากจะควบคุมอยู่เบื้องหลังก็ต้องให้เกียรติและแสดงความนับถือผู้ที่เป็นตัวแทนกุมอำนาจเพื่อสร้างความเชื่อถือต่อสาธารณะชน เพราะหากคนในองค์กร/ประเทศไม่ให้ความนับถือผู้นำของตนก่อนก็จะมีผลต่อทัศนะคติของ ต่างประเทศ/บุคคลภายนอกต่อผู้นำและองค์กรของตนเองในที่สุด

วิเคราะห์บทความ Who Controls Russia?

จากบทความเป็นกรณีการขัดแย้งในอำนาจทางการเมืองภายในประเทศรัสเซีย ระหว่าง นาย Dmitri Medvedevประธานาธิบดีรัสเซีย กับ นาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรีรัสเซีย (อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย) โดยแนวคิดของผู้ให้ความสนใจในการเมืองรัสเซียในโลกตะวันตกเชื่อว่า ประธานาธิบดี Medvedev เป็นเสมือนหุ่นเชิดของ นายกรัฐมนตรี Putin ซึ่งน่าจะเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในรัสเซีย ขณะที่นาย Medvedev ก็เชื่อว่าตนเองเป็นประธานาธิบดีรัสเซียอย่างแท้จริง ทั้งนี้มีปรากฏการณ์ความขัดแย้งระหว่าง นาย Putin และ นาย Medvedev รวมทั้งกลุ่มผู้สนับสนุนผู้นำทางการเมืองทั้งสองในหลายกรณี

กรณีความความขัดแย้งทางการเมืองดังกล่าว เป็นบทพิสูจน์ว่า ใครมีอำนาจทางการเมืองในรัสเซียอย่างแท้จริง โดยวิเคราะห์ได้ดังนี้

1. นาย Dmitri Medvedev ประธานาธิบดีรัสเซีย น่าจะมีบทบาท/สถานะแบบ “ผู้บริหาร” โดยอยู่ภายใต้การควบคุมของ นาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรีรัสเซีย และได้บริหารประเทศในห้วงระยะเวลาจำกัด(สั้น)

2. นาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรีรัสเซีย น่าจะมีบทบาท/สถานะแบบ “ผู้นำ” โดยมีความเชื่อมั่น(Trust) และมองอนาคตว่า จะมีบทบาททางการเมืองในรัสเซียในระยะเวลายาวนาน จึงได้ลงสมัครและได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีรัสเซีย(ภายหลังจากครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย) และต้องการจะลงสมัครเป็นประธานาธิบดีรัสเซียอีกครั้งในปี 2012 (ครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียของนาย Medvedev)

------------------------------------

สุรศักดิ์

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

ทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้

สำหรับบทความว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้ น่าที่จะนำมาปรับใช้องค์กรที่สำคัญๆ และเกี่ยวกับความมั่นคงของชาตินั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ เราจะเห็นได้ว่าในขณะนี้ "คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร" ซึ่งสมควรที่จะได้รับการพัฒนาเป็นอันดับแรก และหากมองถึงการทำธุรกิจใด ๆ โดยไม่มีพัฒนาเรื่องคน ก็ถือว่าองค์กรนั้นๆ ไม่ได้ให้ความสำคัญของคน เพียงแต่เล็งเห็นว่าเครื่องมือหรือเทคโนโลยีสำคัญกว่า ก็เท่านั้นเอง

ในสภาวะการที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทรัพยากรมนุษย์ยังเป็นตัวแปรที่สำคัญกว่าตัวแปรอื่นๆ ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ความสำเร็จของ HR ผู้นำองค์กร/องค์กรนั้นๆ จะต้องมุ่งมั่นที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ที่มีมุมมองใหม่ๆ หรือกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงให้ทันกับโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง ดังทฤษฎีของของอาจารย์จีระฯ ที่ว่า เข้าใจวิธีการเรียนรู้ สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ สร้างโอกาสในการเรียนรู้ และสร้างชุมชนการเรียนรู้

สำหรับการทำงานที่ได้ผลสำเร็จที่สุดในทุกๆ องค์กร คือ การทำงานเป็นทีม ซึ่งไม่ว่าองค์กรใดก็ตาม คงไม่มีใครอยากเห็นผลสำเร็จนั้น ๆ ด้วยบุคคลคนเดียว และการสร้างทีมงานที่ดีนั้น จะต้องมีคุณธรรม จริยธรรม เพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ และจะต้องได้รับการไว้วางใจ และให้การสนับสนุนจากผู้นำองค์กร ที่จะทำงานนั้นๆให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี

ในกรณีศึกษาดังกล่าว หากจะนำมาปรับใช้ใน สขช. ผู้นำองค์กรก็ควรที่จะให้โอกาส และที่สำคัญที่สุด ต้องมี "ศรัทธา" กับบุคคลกรใน สขช.ทุกระดับชั้น ว่าเป็นผู้ที่มีความหมายและมีความสำคัญ ที่จะเป็นแรงผลักดันให้องค์กรดำเนินไปวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ได้ ส่วนวิธีการที่จะพัฒนาคนให้สามารถรองรับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงนั้น ควรสร้างองค์กรให้มีบรรยากาศที่เป็นเหมือนครอบครัว มีความผูกพันกันเหมือนพี่น้อง และไม่ควรมองว่าคนนั้นคนนี้เป็นคนของใคร เป็นเด็กของใคร มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก เอาแต่พวกตนเองเข้ามาเป็นผู้บริหาร โดยไม่มองว่าคนคนนั้นเหมาะสมหรือมีความเป็นผู้นำหรือไม่ และขาดไม่ได้ จะต้องมีการพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับทุนมนุษย์ขององค์กร ที่จะทำให้องค์กรบรรลุจุดมุ่งหมาย จะต้องเป็นคนเก่งและเป็นคนดี คือ มีองค์ความรู้ และจะต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมตลอดเวลา ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงไปของโลกโลกาภิวัตน์

ก็อย่างที่เราทราบกันดีว่า พวกเราไม่ได้แค่ปิดทองหลังพระ แต่ในปัจจุบัน ปิดทองที่ฐานพระมานานแล้ว ดังนั้น ผู้ที่ทำงานที่ สขช.มักจะผู้ทีทำงานด้วยหัวใจ และมีศรัทธาในองค์กร

ปล.ซึ่งผมก็มั่นใจว่าตลอดเวลาที่ทำงานมา กว่า 19 ปี และเกือบ 10 ปีแล้วที่ผมไม่ได้ขออนุญาตลาพักร้อนเลย

Who Control Russia?

ถึงแม้ว่า Medvedev จะได้รับเลือกตั้งเข้ามาเป็นประธานธิบดี แต่ด้วยความเป็นผู้นำที่ขาดความสามารถในการบริหารประเทศ และเป็นคนก้าวร้าว ขาดความเป็นผู้นำในสายตาของต่างประเทศ จึงทำให้ Putin นายกรัฐมนตรี ซึ่งชาวรัสเซียถือว่า เป็นผุู้นำคนสำคัญ มีอำนาจในการบริหารมากขึ้น โดยเฉพาะความมั่นคงด้านต่างประเทศ แต่ Putin ก็ถูกประณามโดยประธานาธิบดีว่า รัฐบาลของ putin มีการคอรัปชั่น เศรษฐกิจอ่อนแอ

1. Medvedev ผู้นำสูงสุด มีอำนาจ แต่ไร้ความสามารถในการบริหาร หรือบริหารไม่เป็น ก็จะดูเหมือนว่าเป็นผู้นำหุ่นเชิด

2. Putin ผู้นำคนสำคัญ ใช้การบริหาร การปกครองที่ไม่ดี ขาดความซื่อสัตย์ ไม่ม่ีคุณธรรม ก็ถือว่าขาดความเป็นผู้นำเช่นกัน

3. ผู้นำทั้งสอง จะต้องมีการพัฒนาความคิด มีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้าว่า ในปี 2012 โลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร และชาวรัสเซียต้องการผู้นำแบบไหน เพื่อจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นประธานาธิบดี

Who Controls Russia?

ชี้ให้เห็นถึงกลุ่มคนที่ตกอยู่ในกับดักความลุ่มหลงอำนาจ ไม่บริหารอำนาจตามหน้าที่ที่ตนเองมีอยู่ ผู้บริหารถูกอำนาจและผลประโยชน์ครอบงำ มีอคติ ไม่ปล่อยวาง ไม่ให้เกียรติ ไม่ทำหน้าที่ตนเอง ไม่ให้โอกาสคนอื่นได้ทำหน้าที่ของตน ต่างหลงติดอยู่กับอำนาจที่มีหรือคิดว่ามี ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศหรือองค์กร

---------------------------------------

เชษฐ์

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

• ได้แรงบันดาลใจ ในการเรียนรู้ การให้ความสำคัญเรื่องคน การพัฒนาคน พัฒนาจิตใจคน ซึ่งเป็นทรัพยากรที่ทรงคุณค่า โดยเริ่มปฏิบัติตนเองอย่างมุ่งมั่น เสียสละ อดทนเป็นแบบอย่าง และพบความสุขจากการเป็นผู้ให้ของท่านอาจารย์พารณฯ กับท่านอาจารย์จีระฯ

• การบริหารองค์กรต้องให้ทุกคนมีความรู้สึกร่วม เป็นอันหนึ่งอันเดียว ให้เกียรติ ให้โอกาสอย่างเท่าเทียม ใช้คนเก่ง คนดี พัฒนา ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม มีธรรมาภิบาลและจริยธรรมในการทำงาน

• มีความคิดริเริ่ม ส่งเสริม สร้างสรรค์ สร้างแรงจูงใจ แรงบันดาลใจ ความเชื่อมั่น ศรัทธาในการทำงานร่วมกัน และยกย่องคนทำความดี ให้โอกาสต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

• การบริหารองค์กรต้องไม่เคร่งครัดยึดติดในกฎระเบียบ หากกฎระเบียบไปทำลายการสู่เป้าหมายและผลสำเร็จขององค์กร อย่างถูกต้องและมีจริยธรรม

• เงินไม่ใช่ปัจจัยสูงสุด ความสุขที่ได้ทำงาน จิตใจที่เป็นสุข มิตรภาพ การอยู่ร่วมเป็นครอบครัว ความเอื้ออาทรและการดูแลเอาใจใส่แม้กระทั่งคนที่อยู่เบื้องหลัง เป็นสิ่งที่ยั่งยืน

• ความจงรักภักดีต่อองค์กร เป็นสิ่งที่ต้องสร้าง โดยใช้ความจริงใจ เอาใจใส่ ร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวของทุกฝ่าย แม้จะต้องใช้เวลา

---------------------------------------------

เชษฐ์

สวิตตาเองค่ะ ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงกับความผิดพลาดในการพิมพ์และทำความเข้าใจในหัวข้อเรื่อง Who Controls Russia?

ขอแก้ตัวใหม่นะค่ะ

สวิตตาขอแก้ตัวใหม่ในบทความเรื่อง Who Controls Russia? (ใครปกครองรัสเซีย)

ระหว่างนายปูตินกับนายดีมิตรี เมดเวเดฟ คนจะรู้จักนายปูตินมากกว่า ถึงแม้ว่านายดีมิตรี เมดเวเดฟ จะเป็นประธานาธิบดี ก็ตาม เพราะแผนนี้นายปูตินได้วางไว้แล้ว ปัจจุบันนายปูติน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองคนนี้มีความสนิทสนมกันมาก เพราะนายดีมิตรี เมเดเวฟ เป็น เด็กที่นายปูตินสร้างขึ้นมา หรือเรียกอีกอย่างว่า“นอมินี” ถึงแม้ว่านายดีมิตรี เมดเดเวฟ จะเป็นประธานาธิบดี แต่อำนาจในการปกครองและดูแลประเทศกลับไปอยู่ที่นายกรัฐมนตรีก็คือนายปูติน เพราะนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารสูงสุดในประเทศ รวมทั้งในด้านนโยบาย เศรษฐกิจ สังคม ด้านการป้องกันและความมั่นคงของประเทศด้วย เหมือนเป็นการบอกให้รู้ว่า เขาคือผู้มีอำนาจที่แท้จริง ส่วนประธานาธิบดีให้นิ่งไว้หรืออยู่เฉยๆ เพราะนี่เป็นเพียงการสลับตำแหน่งหรือเก้าอี้ทางการเมืองเท่านั้น แต่อำนาจทั้งหมดยังคงอยู่ในมือของนายปูตินเหมือนเดิม แต่ถ้าสักวันหนึ่งนายดีมิตรี เมดเดเวฟ อาจจะทนอยู่ใต้บังคับบัญชาของปูตินไม่ไหว และอาจจะลุกขึ้นมาแข็งข้อกับปูตินบ้างก็ได้ เพื่อให้หลุดพ้นจากการเป็น “นอมินี” จะเห็นได้ว่าการได้รับตำแหน่งที่สูงของประเทศก็ยังไม่สามารถบริหารประเทศได้เอง เป็นเพียงแค่หัวโขนหรือหุ่นเชิดให้กับพวกบ้ามัวเมาในอำนาจเท่านั้น ดังนั้นเราต้องมาติดตามต่อไปว่าคนที่จะเข้ามาปกครองรัสเซียตัวจริงจะเป็นใครและจะมีเหตุการณ์ในเกิดขึ้นกับประเทศรัสเซียในอนาคต รวมถึงนายดีมิตรี เมดเดเวฟ จะหลุดพ้นจากการเป็น “นอมินี” ได้หรือไม่

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

ข้อคิด สำหรับบทความ Who Controls Russia

ในการบริหารของ ประธานาธิบดีเมนเวเดฟ ไม่ค่อยปรากฎเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน เนื่องจากคนทั่วไปยังมองว่า เมนเวเดฟ เป็นแค่หุ่นเชิด หรือเป็นนอมินีให้กับ ปูติน เท่านั้น

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา เมนเวเดฟ ก็ไม่ได้สร้างความศรัทธา หรือได้รับการยอมรับจากผู้ใต้บังคับบัญชา หรือพลเมืองใน รัสเซีย ซึ่งหากให้ได้ผลดี เมนเวเดฟ จะต้องพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ ในเรื่องที่สำคัญ ๆ และกล้าตัดสินใจ

ทั้งนี้ ในปี 2012 ผู้นำทั้งสองคน ระหว่าง เมนเวเดฟ และปูติน จะต้องพิสูจน์ว่าใครจะได้รับชนะ หรือได้รับการยอมรับจาก พลเมืองรัสเซีย หรืออาจจะมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำการปกครอง เหมือนกับสหรัฐ ที่ให้การยอมรับโอบามา มาเป็นผู้นำอย่างแท้จริง

บทสรุป Who Controls Russia ?

ปัญหาทางการเมืองในรัสเซียมีความขัดแย้งกันอยู่ภายใน ซึ่งปูตินบริหารงานโดยต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ส่วนเมดเวเดฟบริหารโดยไม่ต้องการพึ่งพาจากต่างประเทศ ทั้งปูติน และเมดเวเดฟถึงแม้จะมีแนวคิดในทางการเมืองต่างกันหรือขัดแย้งกัน ก็ยังร่วมกันปกครองประเทศได้ หากมีผลประโยชน์ร่วมกัน

- เมดเวเดฟมีความคิดก้าวร้าว เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่นึกถึงผลประโยชน์ของชาติ ใช้ความคิดของตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่สามารถครองใจกลุ่มชนชั้นนำได้ ทำให้คนภายนอกเห็นจุดอ่อน

- ส่วนปูตินเป็นคนที่มีประสบการณ์ ความรู้ความสามารถในการปกครองประเทศ ด้านการต่างประเทศ ความมั่นคงของชาติ มีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ อย่างมีเหตุมีผล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำของประเทศต่าง ๆ จำเป็นจะต้องมี เพื่อให้เกิดการยอมรับจากประชาชนและในสังคมโลก

ณัฐรำไพ ธารี

ขอโืีทษค่ะ ข้อความข้างบนลืมแสดงสถานะของตัวเองค่ะ

1 ประเทศ 2 ผู้นำ

การแก่งแย่งเพื่อช่วงชิงอำนาจ เป็นเหมือนฉากหนึ่งในนิยายหรือภาพยนตร์ในทุกมุมโลก ที่มักจะมีฉากการแสดงบทของผู้มีบารมีแย่งชิงการมีอำนาจเหนือผู้อื่น อย่างไม่มีการลดราวาศอก ซึ่งกลายเป็นเรื่องปกติของคำว่า อำนาจ ที่ใครได้ลิ้มลองแล้วมักติดใจไม่ยอมเลิกเสพจริงๆ

หนึ่งในคู่กัดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ คือ คู่ของ ปธน.ดิมิทรี เมดเวเดฟ (อดีตรองนายกรัฐมนตรี) และ นรม. วลาดิเมียร์ ปูติน (อดีตประธานาธิบดี) สองผู้นำของประเทศรัสเซียทีไม่มีใครยอมใคร คนหนึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของสหภาพโซเวียต อีกคนหนึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทพลังงานของรัสเซีย ถือว่ามีดีทั้งคู่

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคนเป็นเรื่องของการไม่ลดราวาศอก การทำตัวเป็นผู้กุมอำนาจอย่างไม่ยอมรามือของนายปูติน ทั้งทีตัวเองเป็นแค่ นรม. ขณะที่นายเมอเวเดฟ ที่ถือว่าตัวเองมีอำนาจสูงสุดในฐานะผู้นำประเทศ จากความเบื่อหน่ายของประชาชนที่มีต่อนายปูติน ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัสเซียได้ แถมยังก่อปัญหากับเชชเนียประเทศเพื่อนบ้าน ที่ปูตินยังมองว่าเป็นอาณานิคมของตัวเอง (หลงยุคมาจากโซเวียต)

คนหนึ่งคือคนที่เชื่อมั่นในในความสามารถของตัวเอง แต่บารมีทางการเมืองยังไม่มากพอ ทำให้มองเหมือนเป็นหุ่นเชิด ขณะที่อีกคนเชื่อมั่นในอำนาจที่คิดว่ายังหลงเหลืออยู่ ความเป็นมือเก๋าทางข่าวกรอง สั่งสมบารมีไว้พอสมควร

การแย่งชิงผลประโยชน์เพื่อตัวเองหรือพวกพ้องไม่เคยสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กร หรือ ประเทศ มีแต่ทำให้ประเทศถดถอย การยอมถอยออกมามองปัญหาที่เกิดขึ้น ยอมรับในอำนาจที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนนั้น เป็นการยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน คน 2 อาจมีจุดแข็ง และจุดอ่อน ที่ต่างกัน ทั้ง 2 คน น่าจะมองผลประโยชน์ของชาติมาก่อน ยอมลดอารมณ์ของตัวเองมานั่งคุยกัน โดยเฉพาะในภาวะที่ประเทศประสบปัญหาทางด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และปัญหาด้านพลังงานน่าจะสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แล้วค่อยให้ประชาชนตัดสินอย่างเด็ดขาดอีกครั้งว่าใครเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำประเทศอย่างแท้จริง

จากบทความ ใครคุมอำนาจรัสเซีย

ระบบการเมืองของรัสเซีย ยังคงยึดติดกับความคิด ค่านิยม วัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยกย่องผู้นำคนเก่า คือ นาย Putin ที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองภายในประเทศ และความสัมพันธ์ต่อโลกภายนอกที่ชัดเจนออกมาเป็นรูปธรรม แม้จะมีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย Medvedev แล้วก็ตาม ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดให้กับนาย Putin ซึ่งเป็นผู้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ และที่ต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2012 จึงเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในระบบการเมืองรัสเซีย

ภาวะผู้นำของนาย Medvedev ยังมีข้อบกพร่องที่เขาต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง ได้แก่ การตัดสินใจที่ตัดความลังเลออกไป การริเริ่มการเปลี่ยนแปลงค่านิยม วัฒนธรรมเก่า ๆ ในการบริหารรัฐบาลที่สืบทอดจากนาย Putin โดยการสร้างศรัทธา ความเชื่อมั่น ที่จะนำพาการเมืองรัสเซียประสบความสำเร็จ การแสดงตนเป็นผู้นำที่เน้นสันติภาพ ประนีประนอม สร้างความปรองดองและความมั่นคงทั้งภายในและภายนอกประเทศ

แฟนพันธุ์แท้

มนุษย์คือสมบัติที่มีค่าที่สุดในองค์กร คือสิ่งที่แฟนพันธุ์แท้พยายามจะสื่อกับคนอ่าน การมีอุปกรณ์สำนักงานครบครัน มีรถยนต์หรูไว้ให้ขับ มีเครื่องจักรที่ทันสมัยแต่หากไม่มีคนควบคุมก็ไม่มีความหมาย

สมบัติที่มีค่าต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เพื่อเพิ่มผลผลิต แต่เพื่อเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง เพิ่มศักยภาพเพื่อนำไปสู่การค้นหานวัตกรรมใหม่ เพื่อเพิ่มรายได้หรือเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร

ความจงรักภักดีต่อองค์กรไม่ใช่การเรียกร้องให้บุคลากรต้องอยู่ ต้องรักอยู่เพราะอะไร รักเพราะอะไร แต่ต้องปฏิบัติแบบค่อยๆซึมซับเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ทำให้บุคลากรรู้สึกว่าตัวเองมีค่าสำหรับองค์กร ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่มด้านการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง อย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายในอนาคตที่ชัดเจน อยากมีส่วนร่วมในการสร้างองค์กรให้เข้มแข็ง และพร้อมจะปกป้องหากองค์กรตกอยู่ในสภาวะที่ลำบาก

ทำให้บุคลากรเห็นความสำคัญของการทำงานแบบมีเป้าหมาย รู้จักการทำงานเป็นทีม สร้างภาวะผู้นำ ผู้ตาม รู้จักการทำงานเป็นทีม วางตนเป็นผู้มี ธรรมาภิบาล สามารถครองใจผู้คนได้ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนนุ่ม มีผู้ชี้นำที่มีจินตนาการและวิสัยทัศน์ก้าวหน้า มองเห็นความสำคัญของสมบัติอันมีค่าทุ่มเทพัฒนาเพื่อคนและองค์กรที่เป็นเลิศ

ขออภัยค่ะ! ขอส่งข้อความใหม่

จากบทความ ใครคุมอำนาจรัสเซีย

ระบบการเมืองของรัสเซีย ยังคงยึดติดกับความคิด ค่านิยม วัฒนธรรมดั้งเดิมที่ยกย่องผู้นำคนเก่า คือ นาย Putin ที่มีบทบาทสำคัญในการปกครองภายในประเทศ และความสัมพันธ์ต่อโลกภายนอกที่ชัดเจนออกมาเป็นรูปธรรม แม้จะมีประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย Medvedev แล้วก็ตาม ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเพียงหุ่นเชิดให้กับนาย Putin ซึ่งเป็นผู้คุมอำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ และี่ต้องการกลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2012 จึงเป็นเหตุที่ก่อให้เกิดความแตกแยกในระบบการเมืองรัสเซียขณะนี้

ภาวะผู้นำของนาย Medvedev ยังมีข้อบกพร่องที่เขาต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง ได้แก่ 1. การตัดสินใจเด็ดขาดที่ตัดความลังเลออกไป 2. การริเริ่มการเปลี่ยนแปลงค่านิยม วัฒนธรรมเก่า ๆ ในการบริหารรัฐบาลที่สืบทอดจากนาย Putin โดยการสร้างศรัทธา ความเชื่อมั่นอย่างเข้มแข็ง ที่จะนำพาการเมืองรัสเซียประสบความสำเร็จ 3. การแสดงตนเป็นผู้นำที่เน้นสันติภาพ

ประนีประนอม สร้างความปรองดองและความมั่นคงทั้งภายในและภายนอกประเทศ

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

“คนถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญที่สุดขององค์กร” การพัฒนาคนโดยมุ่งเน้นการเรียนรู้พร้อมทั้งกลยุทธ์ในการสร้างความเป็นเลิศให้องค์กรจากแรงจูงใจ และ “คนเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดขององค์” เป็นการเพิ่มผลผลิตที่สัมพันธ์กับความสำเร็จขององค์กร ปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเพิ่มผลผลิตประสบความสำเร็จคือ ความจงรักภัคดีและความมีวินัยขององค์ ซึ่งผู้บริหารจะต้องทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกและพี่เลี้ยงพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาตลอดเวลา เพื่อที่สามารถเรียนรู้และปลดปล่อยความรู้ความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ ด้วยการส่งเสริมการทำงานเป็นทีม ส่งเสริมคนดีและเก่งให้นำองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางแผนไว้ ความจงรักภัคดี (Loyalty) คำว่าจจงรักภัคดีเป็นแนวคิดที่ Dynamic พลวัตรไปตามสถานการณ์ และผู้นำต้องมีความเข้าใจทรัพยากรมนุษย์ให้ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณของผู้ใต้บังคับบัญชา โดยต้องมองหาแรงจูงใจ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในองค์กร การทำงานที่ท้าทาย การทำงานเป็นทีม การให้รางวัลพิเศษ ความจงรักภัคดีเป็นสิ่งที่ต้องสร้างขึ้นมา ต้องใช้ระยะเวลาในการสร้าง ผู้มีบทบาทในกระบวนการสร้างความจงรักภัคดีจะต้องเข้าถึงคุณค่าของความเป็นมนุษย์จึงจะทำงานสำเร็จ เช่นเดียวกันในการสร้างองค์กรให้เข้มแข็งของ สขช. จะต้องเริ่มต้นด้วยการหาคนเก่งมีความสามารถและเป็นคนดีที่มีความจงรักภัคดีเข้ามาในองค์กร จากนั้นจะต้องส่งเสริมอบรมปลูกฝังความดีให้สามารถนำออกมาจากใจผู้ปฏิบัติงาน ได้ด้วยจิตสำนึกที่ดีต่อองค์ ความเสียสละให้องค์ ความสามัคคี จะต้องถูกปลูกฝังให้เกิดขึ้นจึงจะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาองค์กรและทำประโยชน์ให้กับประเทศได้

..ฉัตรดนัย ใจเพ็ชร..

Who Controls Russia ?

     ในการเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ปธน.เมดเวเดฟ จำเป็นต้องสร้างความน่าเชื่อถือและศรัทธา ให้เกิดกับผู้คนในประเทศ เพื่อพวกเค้าจะได้เดินตามด้วยความมั่นใจ หากผู้นำยังคงมีความลังเล ผู้ตามที่มีหนทางให้เลือกเค้าก็จะเลือกในสิ่งที่เค้าเชื่อมั่นกว่าว่าเค้าได้เดินตามถูกคน ดังนั้น คนในรัสเซียจึงได้เกิดความขัดแย้งออกเป็นสองฝ่าย นอกจากนั้น ปธน.เมดเวเดฟ ควรมีความยืดหยุ่นในการบริหาร โดยเฉพาะนโยบายระหว่างประเทศ เพราะโลกในยุคปัจจุบันเป็นโลกแห่งการพึ่งพากัน คนเป็นผู้นำควรมองให้ไกล 

                ------------------------------------------

Who Controls Russia?

13 พ.ย.52

ประธานาธิบดี Medvedev ซึ่งเป็นผู้นำรัสเซีย คงขาดคุณลักษณะภาวะผู้นำในการบริหารประเทศ ในการยอมรับจาก นายกรัฐมนตรี Vladimir Putin ซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชา และสาธารณชน การมีความรู้รอบด้านด้วยการแสวงหาความรู้ทั้งในและต่างประเทศ ตัวอย่างเช่น ประธานาธิบดี Medvedev ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้มีแนวคิดเสรีนิยมในประเด็นภายในประเทศ แต่โดยทั่วไปแล้วค่อนข้างแข็งกร้าวในประเด็นระหว่างประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับการลงโทษอิหร่าน ซึ่งค่อนข้างจะเสี่ยงสำหรับประธานาธิบดี Medvedev ในการปล่อยให้นายกรัฐมนตรี Putin บริหารประเทศในด้านความมั่นคง ดังคำกล่าวของสตาลินว่า “ผู้บริหารตัดสินใจทุกอย่าง” การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไม่ว่าอยู่ฝ่ายไหน และการเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์สามารถกำหนดทิศทางประเทศที่ถูกต้อง

บทเรียนจากความจริง กรณีคุณรักเกียรติและราเกซ

     ความรวดเร็วแห่งยุคข้อมูลข่าวสาร ทำให้เราสามารถเรียนรู้ความผิดพลาดจากอดีตของเหตุการณ์ที่เกิดกับบุคคลอื่นได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดขึ้นกับเราเสียก่อน อดีตนายกฯทักษิณ ก็ควรที่จะศึกษาบทเรียนและรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่างก่อนที่ประเทศไทยจะเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้

     ผู้บริหารประเทศของไทยเวลานี้คงเลือกที่จะเล่นเกมส์แบบ Zero Sum Game กันอยู่ โดยไม่สนใจว่าผลจะออกมาอย่างไร ขอแต่เพียงว่าไม่ต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามชนะ แม้สุดท้ายอาจจะกลายเป็น Negative Sum Game

                                       ----------------------------

13 พ.ย.52

สิ่งที่ได้รับจากกรณีศึกษา Who Controls Russia ?

กรณีศึกษาดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ภาวะผู้นำของ Putin และ Medvedev ที่แตกต่างกัน ดังนี้

Putin

Putin มีอำนาจการเมืองที่เด็ดขาด แต่ในทางเป็นจริงก็ต้องระมัดระวังเพราะอาจจะถูกมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตยหรือเป็นเผด็จการทางรัฐสภา ดังนั้น Putin อาจต้องตระหนักว่าจะใช้อำนาจเด็ดขาดนั้นอย่างไรเพื่อไม่ให้ถูกมองว่าไม่ยุติธรรมหรือไม่โปร่งใส ซึ่ง อาจแก้โดยใช้อำนาจในกรอบของกฎหมายและอาจต้องพัฒนาทุนทางจริยธรรมให้กับตัวเองมากยิ่งขึ้น

Medvedev

Medvedev ถูกมองว่าเป็นหุ่นเชิดของฐานอำนาจเก่า ดังนั้น จึงทำให้เขาขาดความศรัทธา (Trust) จากชนชั้นปกครองหรือแม้แต่ประชาชน ฉะนั้น วิธีที่จะแก้ไขสถานกาณ์ดังกล่าวได้ เขาต้องเน้นการสร้าง Trust และจะต้องหาวิธีเพิ่มคุณค่าให้แก่ตนเอง (Value Added)

คุณปิยะฉัตร ไหนบอกว่าพักผ่อน ด้วยการดูหนังสักเรือง ไม่เห็นเล่าสู่กันฟังบ้างเลย ถึงขนาดต้องให้ Super Man มาช่วยปั่นการบ้านนี้ บอกมานะ จริง ๆ แล้วไปทำอะไรมา

แนวคิดจากบทความ Who Controls Russia ?

ความเป็นมา ปูติน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมา 2 สมัยแล้ว ตามกฎหมายรัสเซียเป็นประธานาธิบดีติดต่อกันได้เพียง 2 สมัยเท่านั้น ปูตินจึงต้องเว้นวรรคจากตำแหน่ง และได้สนับสนุนให้เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีต่อจากตน โดยที่ปูตินยังคงมีอำนาจทางการบริหารอยู่ ในการเลือกตั้งสมัยหน้าปูตินหวังจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างปูติน และ เมดเวเดฟ ว่าเป็นเพียงตัวแทนที่นำมาคั้นกลาง การที่ ปูติน เลือกเมดเวเดฟ ต้องมั่นใจว่าสามารถควบคุมเมดเวเดฟได้

ถึงแม้ปัจจุบัน เมดเวเดฟจะแสดงออกถึงความก้าวร้าวต่อปูตินบ้าง อาจเป็นเพียงการสร้างภาพว่าเกิดการขัดแย้ง เกิดการโต้เถียงกันทางการเมือง เพื่อจะบอกว่าปูตินไม่สามารถควบคุมเมดเวเดฟ ได้แล้ว เมดเวเดฟมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่แล้วปูตินก็ออกมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ในประเทศได้ (ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการฮั้วกัน) เพื่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปใน 2012 ของปูติน

แนวคิดจากบทความ Who Controls Russia ?

ความเป็นมา ปูติน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมา 2 สมัยแล้ว ตามกฎหมายรัสเซียเป็นประธานาธิบดีติดต่อกันได้เพียง 2 สมัยเท่านั้น ปูตินจึงต้องเว้นวรรคจากตำแหน่ง และได้สนับสนุนให้เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีต่อจากตน โดยที่ปูตินยังคงมีอำนาจทางการบริหารอยู่ ในการเลือกตั้งสมัยหน้าปูตินหวังจะได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง ดังนั้นจึงแสดงให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างปูติน และ เมดเวเดฟ ว่าเป็นเพียงตัวแทนที่นำมาคั้นกลาง การที่ ปูติน เลือกเมดเวเดฟ ต้องมั่นใจว่าสามารถควบคุมเมดเวเดฟได้

ถึงแม้ปัจจุบัน เมดเวเดฟจะแสดงออกถึงความก้าวร้าวต่อปูตินบ้าง อาจเป็นเพียงการสร้างภาพว่าเกิดการขัดแย้ง เกิดการโต้เถียงกันทางการเมือง เพื่อจะบอกว่าปูตินไม่สามารถควบคุมเมดเวเดฟ ได้แล้ว เมดเวเดฟมีความเป็นตัวของตัวเอง แต่แล้วปูตินก็ออกมาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ในประเทศได้ (ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการฮั้วกัน) เพื่อคะแนนเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งต่อไปใน 2012 ของปูติน

วันนี้ได้อะไรจากการอบรม (12/11/09)

กฎของ Mind Map

1. กระดาษเปล่าขนาด A4 หรือ A3 ไม่ต้องมีเส้น วางตามแนวนอน จากการศึกษาพบว่าการมองแนวนอนสามารถมองภาพกว้างได้ในครั้งเดียว และการเขียนเริ่มจากกลางกระดาษ แตกแขนง กิ่ง ราก วนตามเข็มนาฬิกา

2. เส้น ใช้ปากกาสี อย่างน้อย 3 สี ขนาดของเส้นจากหนาไปหาบาง จากในออกไปข้างนอก

3. คำ เป็นคำที่สำคัญ สั้น มีเส้นรองรับข้างใต้ และติดกับเส้นก่อนหน้า

4. เชื่อมโยง แต่งให้สวยงาม มีอารมณ์ขัน ใช้ภาพสื่อ จดจำได้

5. สี แต่ละกิ่งให้สีแตกต่างกัน ในกิ่งเดียวกันให้สีเดียวกัน

6. โครงร่าง ความคิดที่ผุดขึ้นมาหลายแห่งอาจล้อมกรอบ หรือใส่สีให้ดูเด่น เห็นง่าย แต่ไม่พร่ำเพรื่อ

สรุป เรื่องสำคัญอยู่กึ่งกลางหน้า ใช้ภาพ สีสัน เส้น โยงเชื่อมความคิด หรือข้อมูลอย่างอิสระ กระจายไปรอบทิศทาง ใช้สมองสองซีก มีจินตนากร

ในอนาคตจะมีเทคโนโลยี 3 ตัว เป็นภัยคุกคามวิถีชีวิตของคนเรา คือ Digital Nonotechnology และ Biotechnology ซึ่งเรียกว่ายุค Wisdom ปัญญาเหนือเทคโนโลยี

“การทำดีไม่ใช่การเสียสละ แต่การทำดีคือการเห็นแก่ตัวอย่างสร้างสรรค์” เรามีความสุข คนรอบข้างมีความสุข

หลัก ISR (Individual Social Responsibility) ของการทำงาน

ความรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมด้วยจิตอาสา

ประเภทที่ 5 ทำเลยแล้วรายงานให้ทราบ คิดแล้วว่างานนี้ดี ลงมือทำ แล้วรายงานให้ทราบ

ประเภทที่ 4 ตั้งใจจะทำ มีความตั้งใจอยากจะทำงานนี้

ประเภทที่ 3 ให้คำแนะนำ แนะนำว่าควรจะทำงานนี้’

ประเภทที่ 2 ไม่รอคำสั่ง ถามก่อนว่าจะทำงานนี้ดีมั๊ย

ประเภทที่ 1 สั่งแล้วทำ ต้องสั่งงานก่อนถึงลงมือทำงาน

White ocen strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว

เราจึงควรยืนอยู่บนแนวคิดหลัก 7 ประการ

1. การเกิดขึ้นขององค์กรเป็นไปเพื่อสร้างผลเชิงบวกต่อสังคมโดยรวม สร้างสรรค์สังคมให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น พัฒนาให้สมบูรณ์

2. ตั้งเป้าหมายระยะยาวและมองภาพใหญ่ระดับมหภาค ปรับเปลี่ยนสร้างสรรค์สังคมให้เดินไปข้างหน้า

3. แสวงหาจุดสมดุลระหว่าง People, Planet, Profit และ Passion เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม

4. ยืนบนหลักการของโลกอันอุดมสมบูรณ์ ควรแบ่งปัน ช่วยกันรักษา ทรัพยากรส่วนรวม

5. ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ความเป็นจริงและเป็นเนื้อแท้ (Integrity) สร้างความกล้าหาญทางจริยธรรม และกฎแห่งศีลธรรม

6. เป็นองค์กรที่ระเบิดจากข้างในด้วย ISR (Individual Social Responsibility) เมื่อพนักงานมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม พร้อมหัวใจอาสา ส่งผลให้เกิดความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืน สร้างความเปลี่ยนแปลงแก่สังคมได้

7. เป็นผู้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการ เป็นผู้กำหนดกระแสลมแห่งความเปลี่ยนแปลง อีกคุณลักษณะหนึ่งที่สำคัญในการกล้าทวนกระแส ฉีกกฎจารีตประเพณีที่ปฏิบัติกันมาเดิม ๆ

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สี่งที่ได้จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้ของ อจ.จีระ และ อจ.พารณ

คนเป็นสมบัติที่มีคุณค่าขององค์กร และการเพิ่มมูลค่า (Value Added) ให้แก่คนในองค์กรโดยการฝึกอบรม ไม่ถือว่าเป็นการลงทุน แต่ถือว่าเป็นการเพิ่มต้นทุนทางปัญญาให้กับบุคลากรเหล่านั้น ซึ่งผู้นำองค์กรต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และมูลเหตุจูงใจสำคัญอีกประการหนึ่งคือการฝึกอบรมถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน เพราะจะทำให้คนในองค์กรประสงค์ที่จะใฝ่รู้ มิใช่ทุกคนมุ่งมั่นที่จะทำงานโดยลืมเรื่องการพัฒนาตนเองให้ทันกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก (Globalization) นอกจากนี้จำเป็นต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กร (Corporate Culture) ให้มีเอกลักษณ์พิเศษที่สามารถเข้าไปอยู่ในวัฒนธรรมโลกาภิวัตน์ได้ ตลอดจนต้องสร้างคนในองค์กรให้มีความสามารถ (Capability) ในลักษณะ 4 เก่ง คือ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน รวมทั้งต้องปลุกจิตสำนึกให้เกิดการยอมรับ (Acceptability) ความดี 4 ประการ คือ ประพฤติดี มีน้ำใจ ให้ความรู้ คู่คุณธรรม

องค์กรใดก็ตามหากจะนำหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) มาใช้แล้ว จำเป็นต้องเพิ่มต้นทุนทางปัญญา (Intelligence Capital) และต้นทุนทางจริยธรรม (Ethnical Capital) ให้กับคนในองค์กรด้วย ตลอดจนต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธา (Trust) ซึ่งและกัน ระหว่างผู้นำกับผู้ใต้บังคับบัญชา หากว่าสามารถกระทำได้ตามคำกล่าวข้างต้น จะนำมาซึ่งความสำเร็จในการพัฒนาองค์กรให้เจริญก้าวหน้า ตลอดจนจะช่วยสร้างความจงรักภักดี (Loyalty) ให้กับบุคคลเหล่านั้นด้วย โดยไม่ต้องกำหนดระเบียบหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการใช้ทุนภายหลังการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอก พวกเขาเหล่านั้นก็จะนำความรู้ที่ได้รับกลับมาพัฒนาองค์กร และกระจายความรู้ (Sharing Knowledge) ให้กับบุคลากรอื่นด้วย ดังนั้นหากองค์กรใดสามารถผลักดันองค์การแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) ให้ประสบความสำเร็จแล้ว ย่อมส่งผลให้เกิดการพัฒนาองค์การอย่างยั่งยืน (Sustainability Development) ในอนาคต

                องค์ความรู้ที่ได้จากทความ Who Controls Russia?

                                       (นายศักดิ์ มูลสาร)

               จากการอ่านบทความเป็นความขัดแย้งทางการเมืองภายในของรัสเซีย ระหว่าง นาย Dmitri Medvedev ประธานาธิบดีรัสเซีย กับ นาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยได้รับองค์ความรู้ดังนี้

              1. สรุปบทความ  ทราบสถานการณ์ทางการเมืองของรัสเซียในปัจจุบันว่าได้ที่เกิดความขัดแย้งของการเมืองสองขั้วที่เพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างนาย Dmitri Medvedev ประธานาธิบดี กับ นาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรี ส่งผลให้การขับเคลื่อนประเทศเกิดปัญหาด้านนโยบายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ขณะที่สองฝ่ายใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบเพื่อแย่งชิงมวลชนในกลุ่มชนชั้นนำ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความรู้และมีอิทธิพลสูงในการตัดสินใจทางการเมืองของประชาชน แรงกดดันหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินกลยุทธ์ทางการเมืองของทั้งสองฝ่ายคือการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2012 2.

             2.องค์ความรู้ที่ได้

                2.1 ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอิทธิลของการเปลี่ยนแปลงตามกระแสประชา ธิปไตยที่ส่งผลต่อรัสเซียโดยเกิดการต่อสู้กับทฤษฎีของสตาลินที่ว่า “ผู้นำตัดสินใจทุกอย่าง” ที่รัสเซียนำมาเป็นวัฒนธรรมในการบริหารประเทศมายาวนาน ทำให้ไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมทางการเมืองกระแสหลักคือ การมีส่วนร่วมของประชาชน

               2.2 การต่อสู้ทางการเมืองนั้นเกิดในทุกประเทศไม่ว่าจะปกครองด้วยระบอบใด แม้จะใช้กลยุทธ์ที่แตกต่างกันเพื่อให้ได้รับชัยชนะทั้งสิ้น แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือวัฒนธรรมทางการเมืองแต่ละประเทศมีไม่เหมือนกันคือการต่อสู้ที่เกิดขึ้นนั้นทำเพื่ออะไร...ตอบสนองใคร....ในทางอุดมคติผู้นำทางการเมืองส่วนใหญ่จะตอบว่า ทำเพื่อประเทศชาติ แต่จะมีผู้นำสักกี่คนที่จะรู้ความหมายของคำว่า “ชาติ” อย่างลึกซึ้งไปมากกว่าผลประโยชน์แห่งตน ทัศนคติดังกล่าวเป็นตัวชี้วัดว่าปะเทศใหนในโลกจะมีความเริญรุ่งเรืองโดยไม่มีที่สิ้นสุดในสภาวะโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

               2.3 ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในหลาย ๆ ประเทศที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากยังไม่สามารถปรับตัวไปสู่การเปลี่ยนแปลงตามกระแสหลักได้ เช่น วัฒนธรรมประชาธิปไตย ความโปร่งใส การเสียสละเพื่อส่วนรวม (รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ....?) ขณะที่การเล่นไม่เลิกทั้งในเวทีและนอกเวที เมื่อตัวเองแพ้ เป็นวัฒนธรรมที่เห็นแก่ตัวของนักการเมือง ที่กลายเป็นปัญหาต่อการขับเคลื่อนประเทศชาติไปสู่เป้าหมายที่ควรจะเป็น กรณีดังกล่าวขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เป็นเพราะผู้นำไม่สามารถก้าวข้ามแห่งคำว่า “ผลประโยชน์ส่วนตัว” ไปได้

             3.วิเคราะห์

               3.1 กระแสประชาธิปไตยแบบการมีส่วนร่วมซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมโลกจะยังคงมีอิธิพลกดดันประเทศต่างๆ ให้ปรับตัวสู่โลกยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงตามกระแสหลักข้างต้นทั้ง จีน รัสเซีย แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปสู่แนวทางใดหากผู้นำของประเทศไม่ตระหนักถึงคำว่า “ทำเพื่อประเทศชาติ” แล้วมย่อมนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพในหลาย ๆ ด้าน อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหากมองในแง่บวกก็คือประชาชนเกิดการเรียนรู้โดยมีผู้นำที่ไม่ดีเป็นตัวอย่างและจะมีการปรับตัวก้าวผ่านไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในที่สุด           

               3.2 สรุปและวิเคราะห์ด้านจิตวิทยาแล้วผู้ที่ควบคุมรัสเซียที่แท้จริง คือ “ประชาชน” เพราะทั้ง Vladimir Putin และ Medvedev ต่างมุ่งไปที่สร้างฐานคะแนนเสียงจากชนชั้นนำเพื่อนำผ่านไปสู่การตัดสินใจของประชาชน การควบคุมสื่อสารมวลชนในประเทศเหตุผลที่แท้จริงก็คือผู้นำทั้งสองคนต่าง มีจุดอ่อน จึง กลัวประชาชนปนั้นเอง

                                          ------------------------------------

ประเด็นที่ได้จากการอ่านบทความ Who Controls Russia? คือ ลักษณะการบริหารงานของผู้นำ 2 แบบ

1. Prime Minister Vladimir Putin เป็นผู้นำรัสเซียอย่างแท้จริง บริหารประเทศแบบเผด็จการ อำนาจทุกอย่างอยู่ในมือเพียง ผู้เดียว ทั้งยังไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจให้กับ Medvedev ประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเป็นประเด็นนำไปสู่ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศจนถึงปัจจุบัน

2. President Dmitri Medvedev เป็นผู้นำด้านวิธีการหรือหุ่นเชิดของ Putin เป็นคนออกหน้าชอบโชว์ความสามารถต่อสาธารณะ พอได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีก็อยากมีอำนาจและอิทธิพลให้เป็นที่ยอมรับ และคิดว่าตนคือผู้นำรัสเซียที่แท้จริง เช่น การเรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะทำงานขึ้นใหม่เพื่อพัฒนารัสเซียให้ทันสมัย และการจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าคณะทำงาน แต่ไม่สำเร็จ เพราะขาดการสนับสนุนจาก Putin ชนชั้นปกครอง และสาธารณชน

3. การบริหารประเทศของผู้นำทั้ง 2 คนจึงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ในฐานะผู้บริหารต้องสร้างศรัทธาให้เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่นในศักยภาพของคน และให้โอกาสในการทำงานอย่างเต็มความสามารถ โดยใช้หลักการบริหารแบบ win win และแบบ team work เพื่อให้ทั้ง 2 คนได้มีส่วนร่วมในการบริหารและการตัดสินใจ ดึงเอาจุดแข็งและความสามารถของแต่ละคนมาใช้ประโยชน์ โดยให้ Putin นรม.ซึ่งเชี่ยวชาญด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจเป็นผู้นำบริหารด้านต่างประเทศ และให้ Medvedev ประธานาธิบดีเป็นผู้นำบริหารภายในประเทศ ถ้าทั้ง 2 คนร่วมมือกัน ประเทศจะพัฒนาและเจริญก้าวหน้า ซึ่งประเด็นนี้สามารถนำมาปรับใช้ในองค์กร คือผู้นำต้องสร้างศรัทธาให้เป็นที่ยอมรับ เชื่อมั่นในศักยภาพของบุคลากร ให้โอกาสในการทำงาน ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม เพื่อดึงเอาความสามารถของแต่ละคนซึ่งมีทักษะและความชำนาญที่ต่างกันมาใช้ประโยชน์ องค์กรจะพัฒนาไป สู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน

ขอต่อยอดจากบทความ Who Controls Russia ? (ใครปกครองรัสเซีย) อีกนิดนะค่ะ

การจะเป็นผู้นำประเทศได้ต้องสร้างความศรัทธาให้เกิดแก่ประชาชน รวมทั้งต้องยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นบ้าง อย่าใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินใจ และอย่าให้ใครเข้ามาบงการเรามากจนเกินไป ผู้นำที่ดีควรกล้าคิด กล้าทำ และกล้าตัดสินใจ ไม่ใช่ยอมเป็นเบี้ยล่างหรือนอมินีของใคร เพราะคนที่เป็นผู้นำต้องมีศักยภาพที่พร้อมในทุกๆด้าน เป็นผู้นำในการบริหารประเทศให้มีความมั่นคง

ถึงแม้ว่าตัวเราจะมีคู่แข่งที่เหนือกว่า แต่เราก็ต้องมีความเชื่อมั่นและต้องสร้างศรัทธาให้เกิดการยอมรับจากประชาชนให้ได้

บทความ “ใครควบคุมรัสเซีย”

ภายหลังการขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของนายดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย นานถึง18 เดือน แต่ยังไม่สามารถบริหารงานได้อย่างเบ็ดเสร็จ มีประเด็นที่น่าสนใจคือ

1. “อำนาจ “ ขาดโอกาสที่จะแสดงศักยภาพในการบริหารงานตามอำนาจหน้าที่ที่ตนรับผิดชอบได้

2. “ความศรัทธา” ผู้นำไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและความศรัทธา ให้เกิดกับผู้ใต้บังคับบัญชา

3. “ทีมงาน” ไม่สามารถสร้างคณะทำงานที่ตนเองไว้วางใจได้

4. “ความซื่อสัตย์” มีผู้ใต้บังคับบัญชา ที่มุ่งจะแสวงผลประโยชน์จากผู้บังคับบัญชา ทำให้อำนาจของผู้นำสั่นคลอนได้

5. “ความรอบรู้” ผู้นำที่ดีต้องมีความรอบรู้ในทุกเรื่อง เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหา หรือแสดงวิสัยทัศน์ให้คนในชาติและต่างชาติ ได้เห็นศักยภาพของตนเอง

6. “ความขัดแย้ง” การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศอื่น ในลักษณะที่ขัดแย้งกันของ

ผู้นำระดับสูงในประเทศ ทำให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือจากนานาประเทศ

-------------------------------------

กาญจนา งามเนตร

นายรัชภูมิ เวียงสิมา

ใครควบคุมประเทศรัสเซีย

1, เป็นบทความเกี่ยวกับ ปัญหาการแย่งชิงอำนาจที่แท้จริง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า ใครเป็นผู้ควบคุมมีอำนาจที่แท้จริงในประเทศรัสเซีย ระหว่าง นายวลาดิเมียร์ ปูติน

นรม. กับ นายดิมิตรี เมเดวเดฟ ประธานาธิบดี

2. โดยผู้สนับสนุนของแต่ละฝ่าย ต่างพยายามโจมตีจุดอ่อนของอีกฝ่ายหนึ่ง เช่นความก้าวร้าวด้านนโยบายต่างประเทศ และด้านความมั่นคงของนายเมเดวเดฟ ส่วนนายปูติน ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีปัญหาด้านการคอรัปชั่นที่มีอยู่แพร่หลาย ความอ่อนแอด้านเศรษฐกิจ

3. ผู้นำทั้งสองคน ไม่สามารถสร้างแรงจูงใจให้บุคลากรทำงานเสียสละเพื่อองค์กร หรือประเทศชาติ โดยกลุ่มคณะที่ปรึกษาของผู้นำดังกล่าวต่างมองหาผลประโยชน์ส่วนตัวกันมากขึ้น

4. เมื่อผู้นำประเทศทั้งสองมีการแย่งชิงอำนาจกัน ส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศรัสเซียเป็นสำคัญ เช่น ปัญหาความร่วมมือกับต่างประเทศ

5. การแย่งชิงอำนาจกัน อาจจะทำให้วัฒนธรรมการทำงานขององค์กรถูกทำลาย เช่น ระบบการสร้างพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การไม่กระจายอำนาจไปทุกกลุ่ม การบริหารงานที่ไม่โปร่งใสขาดคุณธรรม และการไม่เป็นตัวอย่างที่ดีของผู้นำ

6. ผู้นำระดับสูงของประเทศทั้งสองคน แม้ดำรงตำแหน่งต่างกัน แต่ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ จึงน่าจะไม่สามารถนำพาองค์กรหรือประเทศชาติสู่ความเป็นเลิศได้

7.ผู้นำระดับสูงทั้งสอง ไม่สามารถสร้างความไว้วางใจต่อกัน การทำงานเป็นทีม

และการทำงานเพื่ออนาคตของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

8. ผู้นำระดับสูงทั้งสอง ยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง Change Agent

>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>

นายรัชภูมิ เวียงสิมา

ข้อคิดจาก

Who Controls Russia?

ความขัดแย้งทางการเมือง และ การช่วงชิงบทบาทนำของผู้นำรัสเซีย ระหว่าง นาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรี กับ นาย Dmitri Medvedev ประธานาธิบดี แสดงให้เห็นว่า “อำนาจ” เป็นสิ่งที่ผู้นำทุกคนแสวงหา และ ต้องการได้มาครอบครอง ไม่ว่าจะวิธีการใดก็ตาม

แต่อย่างไรก็ตาม “การแข่งขัน” ระหว่างกัน เพื่อให้ได้มาซึ่ง “อำนาจ” จะต้องไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศ และ คนในชาติ

เมื่อมี “การแข่งขัน” และ การแข่งขันนั้น เพียงมุ่งเพื่อให้ได้มาซึ่ง “อำนาจ” ก็ย่อมต้องเกิด “ความขัดแย้ง” และ ความขัดแย้งก็ย่อมก่อให้เกิด “ความสูญเสีย” ซึ่งไม่ส่งผลดีต่อการพัฒนา และ นำพาประเทศก้าวไปข้างหน้า

ดังนั้น เพื่อให้ความขัดแย้งระหว่างกันลดลง ทั้ง 2 ฝ่าย จะต้องยอมรับ “การเปลี่ยนแปลง” ที่จะเกิดขึ้น โดยมุ่งถือประโยชน์สูงสุดของชาติ และ ประชาชนเป็นสำคัญ

-----------------------------------------------------------

นายสุวิมล มานะการ

ผู้เข้าอบรม

12/11/52

นสพ.นิวยอร์คไทม์ ฉบับวันที่ 10 ก.ย.2552

ใครคือผู้มีอำนาจแท้จริงในรัสเซีย

1. เป็นกรณีศึกษาการเมืองภายในของรัสเซียในช่วงเปลี่ยนผ่าน ดังนี้

1.1 รูปแบบการบริหารประเทศของรัสเซียเริ่มปรับตัวหลังการล่มสลายของ

สหภาพโซเวียตรัสเซีย จากเดิมที่อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดอยู่ที่ตัวผู้นำมาเป็นการบริหารโดยคณะรัฐบาล โดยมีระบบรัฐสภาและการเลือกตั้ง

ทั้งนี้การเมืองภายในยุคปัจจุบันเป็นการแย่งชิงการนำระหว่าง นรม.

วลาดิเมียร์ ปูติน และ ปธน.เมดเวเดฟ ซึ่งมีรูปแบบ/แนวทางการบริหารและนโยบายต่างประเทศที่แตกต่างกัน

1.2 มุมมองของภายนอกโดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป เห็นว่าแม้รัสเซียจะมี

ปัญหาการเมืองภายในซึ่งอาจส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศบ้าง แต่ต่างยังคงความ

สัมพันธ์และพร้อมจะประสานสัมพันธ์และเป็นคู่เจรจาทั้งปูตินและเมดเวเดฟ

2. เป็นการศึกษาความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมภายนอกของ

ประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย และการเตรียมท่าทีและนโยบายต่างประเทศหากปูตินหรือเมดเวเดฟเข้ามาเป็นผู้นำของรัสเซีย

3. สำหรับตัวนักเรียนได้รับแนวคิดในการทำงานยุคใหม่จะต้องรู้จักศึกษา

วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายใน/ภายนอกองค์กร รวมทั้งสภาพแวดล้อมภายใน/ภายนอกประเทศด้วย

.............................................

คำมา พื้นทอง

[email protected]

นนท์ธนา โกไศยกานนท์

ใครกุมอำนาจในรัสเซีย

บทความใครกุมอำนาจในรัสเซีย สะท้อนถึงความขัดแย้งและการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองระหว่างนายวลาดิเมียร์ ปูติน นรม. กับนายดมิทรี เมดเวเดฟ ซึ่งเป็นประธานาธิบดี ในทางนิตินัย ระบอบการเมืองของรัสเซียถือว่าตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุด และตำแหน่ง นรม.เป็นเพียงตำแหน่ง ตำแหน่งลอย แต่โดยพฤตินัย นายปูตินยังคงเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงและยังคงมีอิทธิพลในทุกด้านต่างๆ ทั้งด้านความมั่นคงของชาติ ด้านกิจการต่างประเทศ ซึ่งทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความหมายของคำว่า “ผู้นำ (นายปูติน) ” และ “ผู้บริหาร (นายเมดเวเดฟ) ” แตกต่างกันอย่างไร

-----------------------------------

นนท์ธนา โกไศยกานนท์

บทความจาก นสพ.เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ เรื่อง “Who controls Russia?”

สิ่งที่ได้รับจากบทความเรื่องนี้ น่าจะโยงได้กับประเด็นของความเป็นผู้นำที่ท่านอาจารย์จิระได้เขียนไว้ในบทความเรื่อง “8 บทเรียนผู้นำของแมนเดล่า” ในหัวข้อ “การนำอยู่ข้างหลัง” แม้เป็นที่ทราบกันดีทั้งภายในและภายนอกประเทศว่า การเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียของนายเมดเวเดฟ ซึ่งเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ยังอ่อนประสบการณ์และบารมี ก็เพื่อเป็นการคั่นเวลาเพื่อรอให้นายปูตินกลับเข้ามารับตำแหน่งใหม่อีกครั้งหลังการเลือกตั้งใหม่ในปี 2012 การที่นายปูตินถึงกลับยอมลดสถานะจากเป็นประธานาธิบดีไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนหลายฝ่ายเกิดการกังขาไป ตามๆ กันขณะนั้น ย่อมเป็นที่เข้าใจถึงเจตนาที่แท้จริงของปูติน

ดังนั้น การที่ปูตินจะเข้ามามีบทบาทชี้นำด้านการบริหารคงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่คนที่ถูกยกย่องให้มีบทบาทอยู่ข้างหน้าเช่นเมดเวเดฟจะรู้สึกอย่างไรหากต้องมารับหน้าที่ภายใต้ความกดดันเช่นนี้ ปูตินน่าจะยกย่องและให้เมดเวเดฟมีความรู้สึกว่ามีบทบาทนำอย่างแท้จริง ให้เขาได้นำอย่างน่าภูมิใจและสมศักดิ์ศรี ไม่เข้ามาแทรกแซงภารกิจหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดี เพราะหน้าตาของผู้นำก็เปรียบได้กับหน้าตาของประเทศ หากภาพลักษณ์ออกมาไม่ดี ก็อาจเป็นจุดอ่อนให้ต่างประเทศโจมตีได้ ปูตินควรเข้าใจบทบาทของตน ณ ขณะนี้ ว่าควรจะ limit ตัวเองอยู่แค่ไหน ต้องรู้จังหวะเวลา ทำอย่างไรจะให้ win-win และเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในห้วงเวลานี้ที่ ขั้วอำนาจของโลกมีการเปลี่ยนแปลง

“ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้”

ทรัพยากรมนุษย์ = คน + การเรียนรู้

องค์กร = ทรัพยากรมนุษย์ + เรียนรู้=ทุ่มเท=ผลตอบแทน

องค์กร=ปรับตัว=อยู่รอด=เติบโต=แข่งขัน

ทรัพยากรมนุษย์ เรียนรู้ มีดีนำมาใช้=สร้างสรรองค์กร=พัฒนา=เข็มแข็ง

HUMAN CAPITAL=INTELECTUAL CAPITAL=ETHICAL CAPITAL=TALENTED CAPITAL = SURVIVE

Training,Learning,Motivation,Improvement,Productivity

จงอย่าคาดหวังที่จะได้เก็บเกี่ยว โดยยังไม่ได้ลงมือเพาะปลูก

------------------------------------------------------------

“ใครคุมรัสเซีย”

บทความเรื่อง “ใครคุมรัสเซีย” เป็นตั้งคำถามว่าใครเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงในรัสเซีย ระหว่างประธานาธิบดีดมิตรี เมดเวเดฟ กับอดีตประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากต้องเว้นวรรคทางการเมืองหลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครบ 2 สมัย และรอเวลาสำหรับการเลือกตั้งครั้งใหม่ ที่ผ่านมาไม่มีความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดีเมดเวเดฟกับอดีตประธานาธิบดีปูติน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนให้ประธานาธิบดีเมดเวเดฟขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม การไม่มีอำนาจบริหารจัดการอย่างแท้จริงเริ่มสร้างปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย และเกิดคำถามว่า “ใครคือผู้นำตัวจริงของรัสเซีย” รวมถึงปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในรัสเซียจากการแข่งขันระหว่างทั้งสองคน โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2555

ประธานาธิบดีเมดเวเดฟมีจุดแข็งจากการมีภาพลักษณ์ดีและมีฐานเสียงสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดีปูติน ซึ่งมีส่วนทำให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน จนทำให้มีโอกาสได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำรัสเซีย ซึ่งจุดแข็งดังกล่าวเป็นโอกาสสำหรับการทำงานและเรียนรู้ประสบการณ์จากอดีตประธานาธิบดีปูตินที่เป็นผู้นำ ที่ได้รับการยอมรับทั้งในและนอกรัสเซีย ในการผลักดันให้รัสเซียกลับเข้าสู่วงการเมืองระหว่างประเทศได้อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ความใกล้ชิดและการผูกติดกับอดีตประธานาธิบดีปูติน ทำให้ประธานาธิบดีเมเวเดฟมีภาพลักษณ์เป็นเพียง “ตัวแทน” หรือ “หุ่นเชิด” ของอดีตประธานาธิบดีปูติน ไม่สามารถริเริ่มนโยบายใหม่ ไม่มีอิสระในการตัดสินใจด้วยตนเอง เพราะการริเริ่มด้วยตนเองถูกมองเป็นการท้าทาย จนทำให้ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้ผู้ใกล้ชิดในรัฐบาล ประชาชน และต่างประเทศด้วยความสามารถและศักยภาพของตนเอง ซึ่งการครอบงำของอดีตประธานาธิบดีปูตินทั้งโดยตรงและผ่านผู้ใกล้ชิดที่ยังมีตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล และหน่วยงานภาครัฐ กลายเป็นจุดอ่อนและข้อเสียเปรียบของประธานาธิบดีเมดเวเดฟ จนไม่สามารถขับเคลื่อนการทำงานด้วยตนเองและติดอยู่ในกรอบ

ผู้นำรุ่นใหม่ที่มีฐานจากผู้นำคนเก่าที่ยังมีอิทธิพลเช่นกรณีประธานาธิบดีเมดเวเดฟ ต้องพยายามสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นให้ประชาชนและผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยศักยภาพของตนเองอย่างมาก เพื่อลบภาพลักษณ์การเป็นเพียงตัวแทน และใช้โอกาสที่ได้รับแสดงความสามารถและศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องประนีประนอมกับฐานอำนาจเดิม เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกต่อต้าน และถูกท้าทาย ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายร่วมกันบนพื้นฐาน win-win ขณะเดียวกันก็ควรใช้โอกาสจากความสัมพันธ์ดังกล่าวในการเรียนรู้การทำงาน ประสบการณ์ และความสำเร็จของผู้นำคนเก่ามาปรับใช้และเสริมการทำงาน

ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐต้องรู้จักปรับตัวในการทำงานกับผู้นำทั้งสองรุ่น ซึ่งมีอำนาจในปัจจุบันและมีโอกาส จะเป็นผู้นำอีกในอนาคต โดยไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือในการแย่งชิงอำนาจหรือการแข่งขันของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง และไม่ยึดติดที่ใครคนใดคนหนึ่ง ตำแหน่ง และความเป็นพวกพ้อง เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้ทำงาน โดยไม่มีอคติ บนพื้นฐานของการทำงานเป็นทีม เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ ส่วนรวม และประชาชน

บทเรียนที่ได้รับจากกรณีศึกษา “Who Controls Russia”

องค์กรหรือประเทศที่ยังยึดติดกับบุคคลมากกว่าให้ความสำคัญของระบบ จะไม่สามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าหรือคู่เจรจาได้ อีกทั้งผู้นำขององค์กรหากไม่สามารถควบคุมการตัดสินใจระดับนโยบาย เป็นได้เพียงนอมินีที่ต้องการมีอำนาจจริง จำต้องสร้างพลังของความศรัทธาและทีมงานให้เกิดขึ้นก่อน จึงจะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมาย ในขณะเดียวกัน ผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังหากต้องการให้องค์กรเกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ต้องรู้จักสร้างคนที่มีคุณภาพขึ้นมามากกว่าสร้างคนที่ควบคุมได้ขึ้นมาปกครองแทน แต่ในมุมมองของลูกค้าต้องการเพียงเจรจาเพื่อผลประโยชน์มากกว่าจะสนใจความขัดแย้งภายใน

นายสังวร บุญไสย

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สิ่งที่ได้จากบทความ Who controls Russia?

ปัจจัยแวดล้อมภายในถือว่ามีบทบาทสำคัญต่อการเป็นผู้นำของรัสเซียในยุคปัจจุบัน แม้ว่าปูตินจะดำรงตำแหน่งมาถึงสองวาระแล้วก็ตาม แต่ก็ยังพยายามแสดงบทบาทในลักษณะของผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายอยู่เช่นเดิม ซึ่งทำให้ประธานาธิบดีเมดเวเดฟ ที่อยู่ในตำแหน่งเปรียบเสมือนหุ่นเชิด ในทางกลับกันหากกลุ่มของเมดเวเดฟเริ่มแสดงปฏิกิริยาต่อต้านกลุ่มอำนาจเก่า ก็น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลง (Change) อย่างไรก็ตามในบริบทของการเมืองรัสเซีย ซึ่งยึดหลักการของสตาลินอย่างเข้มงวดและมีรูปแบบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ดังนั้นกลุ่มที่อำนาจทางการเมืองและสังคม ยังคงกระจุกตัวอยู่เช่นเดิม

ปัจจัยแวดล้อมภายนอกก็ยิ่งมีบทบาทสำคัญกว่าเพราะหลังจากที่รัสเซียล้มสลายไปแล้ว ทำให้ชื่อเสียงของรัสเซียในเวทีการเมืองโลก เริ่มลดบทบาทลงเรื่อยๆ ขณะที่บทบาทของญี่ปุ่น จีน และสหภาพยุโรป กลับเพิ่มบทบาทมากยิ่งขึ้น ดังนั้นประเทศคู่ค้าของรัสเซียทั้่งด้านเศรษฐกิจและพลังงาน เริ่มแสดงปฏิกิริยาในลักษณะท้าทายต่อรัสเซียมากขึ้น

ดังนั้นเพื่อสันติภาพและภารดรภาพของประชาคมโลก ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยภายในและภายนอก เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) ทุกมิติไม่ว่าด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง พลังงาน และสิ่งแวดล้อม

กรณีบทเรียน WHO CONTROLS RUSSIA?

จากบทเรียนดังกล่าวจะเห็นว่าประธานาธิบดี Medvedev เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศรัสเซีย แต่ยังขาดเชื่อมั่นและศรัทธาจากประชาชน ขรก. และฝ่ายการเมือง กับตรงกันข้ามนาย Putin นายกรัฐมนตรีของประเทศรัสเซีย ที่ยังคงเป็นผู้นำที่ทรงอิทธิพล มีบทบาทเป็นที่ยอมรับของประชาชน ขรก ฝ่ายการเมือง รวมทั้งเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ ในฐานะที่ตนเองเป็นอดีตประธานาธิบดี ดังนั้นทั้งสองจึงมีการสร้างศรัทธาและความเชื่อมั่นกับทุกฝ่าย เพื่อต้องการให้มีการเลือกข้างในรองรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นในปี 2012 โดยประธานาธิบดี Medvedev พยายามแสดงให้สาธารณะชนยอมรับว่าตนเองเป็นประธานธิบดีที่แท้จริง ไม่ได้เป็นนอมินีของนาย Putin จึงก่อให้ปัญหา (ความขัดแย้ง) ในการบริหารประเทศ

สรุป การจะเป็นผู้นำที่ดีจะต้องมีศรัทธา เชื่อมั่นในตัวผู้นำ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย (การทำงานเป็น Team ) เพื่อนำไปสู่การบริหารประเทศและองค์กรแบบยั่งยืน และลดปัญหาความขัดแย้ง

----------------------------------------------------------------

who control Russia ?

ได้อ่านบทความ Who Control Russia ? ทำให้เห็นจุดอ่อนการเป็นผู้นำของประธานาธิบดี Medvedev หลาย ๆ ด้าน ดังนี้

1. ในแง่ของการบริหารคนที่ยังไม่สามารถสร้างความศรัทธาต่อผู้ร่วมงาน/ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้เกิดความมีจุดร่วมในการทำงานโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัว

2. การเกิดความแตกร้าว การแบ่งฝ่ายของกลุ่มชนชั้นนำในประเทศ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงได้

3. ประธานาธิบดี Medvedev ยังขาดความรอบคอบในด้านนโยบายต่างประเทศที่เป็นคนมีเสรีนิยมในประเทศ แต่ค่อนข้างแข็งกร้าวในประเด็นต่างประเทศซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ดังนั้น การเป็นผู้นำของประธานาธิบดีจะต้องเร่งสร้างพลัง (Power) ความเชื่อ ความศรัทธา ทั้งในและต่างประเทศเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับ Putin ได้ในการเลือกตั้ง ปี 2012 ต่อไป

(น่าสนใจครับ จาก ไฟแนนเชี่ยล ไทมส์-คงไม่รกหน้าบล็อก อยากให้พี่น้อง ได้อ่านกัน)

Team player at the top

By Daniel Schäfer in Munich

Published: November 8 2009 18:36 | Last updated: November 8 2009 18:36

Ask Peter Löscher what drives him as chief executive at Siemens, Europe’s biggest engineering group, and you will not hear another round of stereotyped formulas about challenges and maximum performance. Instead, the towering 52-year-old rises from his seat in his light and modern office at the “pink palace”, Siemens raspberry-coloured Munich headquarters, to fetch a letter he received a few weeks ago.

In it, a former US government official sends a late acknowledgement for a portable cardiac defibrillator the company provided 40 years ago for US President Richard Nixon’s inauguration. At the time, only two such devices existed and the official wanted one just in case something happened to Mr Nixon during the event. A Siemens employee, asked at short notice for the portable device, went a long way to make sure that the 35-pound defibrillator arrived in time.

“What really motivates me are the people at Siemens. There is a dedication to the company that is unbelievable,” says Mr Löscher.

The people at Siemens, however, were both blessing and curse at the same time. When the Austrian-born executive took over two years ago as the first outsider to lead the 162-year-old group, he faced the daunting task of rapidly transforming a company that had been rocked by the largest bribery scandal in its history.

Siemens was paralysed by a wide-ranging case that involved about €1.3bn ($1.9bn, £1.2bn) of suspected payments to officials around the world to win contracts. A series of top managers, including Mr Löscher’s two predecessors as chief executive, Klaus Kleinfeld and Heinrich von Pierer, chairman at the time, were forced to leave and prosecutors in several countries are continuing to investigate.

“Evolution, not revolution,” became his public mantra, as he tried to find the right balance between radically overhauling the company without damaging its highly innovative engineering culture.

When he joined, the company had a reputation for being parochial and slow in its management. Decisions were habitually referred to committees to avoid responsibility; he wanted to embed a culture of no excuses, accountability and fast decision-making, building on a reform process initiated by Mr Kleinfeld.

By most accounts, Mr Löscher has succeeded, pushing through a more drastic revamp of the company than few had imagined possible. First, he stepped up compliance procedures. Next, the company reached a €1bn settlement with the US and German authorities over the scandal. He also changed the organisational structure, introduced a long-term bonus system for management and cut more than €1.2bn in yearly overhead costs, slashing almost 17,000 administrative and sales jobs. In the meantime, the multilingual manager, who has spent most of his career abroad, has pushed for a greater diversity at the group. Today, he says, Siemens is “a completely different company to what it was two years ago”.

Many peers, investors and analysts agree. According to Andreas Willi, an analyst at JPMorgan: “We believe that, looking back, the transformation of Siemens will be seen as a success.”

His critics, however, within and outside the company, grumble that Mr Löscher, has simply “General Electrified” the group by trying to transplant the organisational structure from a former employer and Siemens’ main rival. “He has turned Siemens into a Mini-GE,” one former Siemens manager says, pointing towards the new bonus system and the company’s marketing efforts.

Mr Löscher disagrees. “Siemens stepped out of the shadow of its large American competitor,” he says.

These contrasting views suggest that while Mr Löscher may have won some plaudits for his management approach, he has not yet succeeded in finding a place in the hearts of the Siemensianer.

“I am in no way interested in becoming another ‘Mr Siemens’,” he says, referring to Mr von Pierer, who was a Siemens stalwart and a god-like authority until he left under the cloud of the bribery scandal. “What sports has taught me is that the star is the team. I want to be a good team player.”

Siemens’ players have certainly impressed the sporty manager. He is “fascinated” by the depth and breadth of know-how in the group, pointing towards one engineer who has single-handedly registered more than 150 patents.

The fear of losing this expertise is one reason why Mr Löscher snapped up a proposal by labour unions a year ago to widen the German short-term employment scheme. The programme, dubbed Kurzarbeit, gives companies the possibility to put workers on much shorter working hours while the state makes up for most of the wage reductions.

He publicly spearheaded the idea, urging German business not to make forced redundancies in the federal election year 2009, when many managers feared a swing to the left if unemployment rose quickly. “Kurzarbeit has been a great success story for Germany. It shows how workers’ co-determination is a competitive edge for the country,” he says.

While this move fostered Mr Löscher’s political capital, it has angered other German chief executives. “I would never have made such a boyscout-ish pledge not to cut jobs,” says the head of another large industrial company.

Moreover, Siemens is still not out of the woods. Many predict the company, which is divided into three main sectors – industry, which is the largest, energy and healthcare – will miss its 2010 targets in a number of divisions. Industry in particular has drawn much attention, with investors calling for a more coherent strategy. The group’s largest revenue-driver has been hit hard by the crisis, with order income dropping by 42 per cent in the third quarter.

Mr Löscher concedes that there will be further restructuring in certain areas, but he rejects calls that a general strategic revamp for industry is required. He says that the company had prepared itself for the crisis with early cost cuts.

Instead, he wants the group to concentrate on the strategic growth areas of the future. He is keen, for example, to position Siemens as the “green infrastructure giant”. For the company that invented the electrical lift, the needle telegraph and the tram, he sees this as a return to the company’s roots as a leading innovator. “We want to steer through the crisis as a pioneer in the green revolution of the global infrastructure,” he says.

In recent months, the company has announced a series of new initiatives in green technology and the acquisition of, among other things, a global market leader in solar thermal power.

Mr Löscher says Siemens will increase last year’s €19bn green product portfolio sales at a double-digit rate even in the midst of this year’s economic crisis. “The green revolution has started and by 2020, green technology will have surpassed the car industry as well as the engineering sector in Germany. Siemens will be at the forefront of this trend,” he says. “I was always interested in products and companies that can help to make the world a better place. That is why I worked in the area of medical technology.”

But, as always, it is the people that count. “The encounters with patients have always been the most inspiring ones,” he says.

Instead of patients, Mr Löscher now mostly meets customers from all kinds of industries and governments in the 190 countries where Siemens operates. But having restructured the group in more than two years, Mr Löscher can afford to concentrate on encounters that generate business – and maybe the acknowledgement letters of the future.

Copyright The Financial Times Limited 2009. You may share using our article tools. Please don't cut articles from FT.com and redistribute by email or post to the web.

บทเรียนจาก “ Who Controls Russia”

หลักการ

การวิเคราะห์บทเรียนจาก “Who Controls Russia” โดยใช้หลักการ “ความเป็นผู้นำของ Mandela 8 ประเด็น” ในประเด็นต่างๆ คือ

ประเด็นที่ 3. การนำอยู่ข้างหลัง คือ เมื่ออยู่ข้างหลัง ต้องทำให้ผู้นำรู้สึกว่าตนนำได้อย่างน่าภาคภูมิใจและสมศักดิ์ศรี พร้อมกับยกย่องผู้นำที่มีบทบาทนำอยู่ข้างหน้าดังกล่าว

ประเด็นที่ 8. การเป็นผู้นำที่ดี ต้องรู้จักจังหวะไหน “พอ” หรือ “ถอย”

การปรับใช้กับการวิเคราะห์

กรณีปัญหาจากบทเรียน “Who Controls Russia” แสดงให้เห็นว่าประเทศรัสเซียกำลังประสบปัญหาการเมืองภายในเพราะสาเหตุมาจาก ภาวะผู้นำของอดีตประธานาธิบดีปูติน เนื่องจากตามหลักการ “ความเป็นผู้นำของ Mandele” อดีตประธานาธิบดีฯ ไม่ดำรงบทบาทของตนใน “การนำอยู่ข้างหลัง” และ “รู้จักพอ/ถอยในจังหวะที่เหมาะสม” จึงทำให้เกิด “ภาวะผู้นำซ้อนผู้นำ” โดยผู้นำคนใหม่ คือ ประธานาธิบดีเมดเวเดฟ เมื่อขึ้นมามีอำนาจ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียคนใหม่ โดยการผลักดันของอดีตประธานาธิบดีฯ กลับไม่ได้รับอำนาจการบริหารประเทศรัสเซียอย่างเต็มที่ เสมือนเป็น “นอมินี” ของอดีตประธานาธิบดี ทำให้เป็นผู้นำที่ไม่อำนาจ ได้รับบทบาทผู้นำที่อยู่ข้างหน้าอย่างไม่สมศักดิ์ และน่าภาคภูมิใจ

การแก้ไขปัญหาการเมืองภายในประเทศรัสเซียดังกล่าว ด้วยการที่อดีตประธานาธิบดีฯ รู้จักจังหวะพอ/ถอย ในสถานการณ์ที่เหมาะสม คือ เมื่อเมดเวเดฟ ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของรัสเซีย แม้มาจากการผลักดันของตนเองนั้น แต่อดีตประธานาธิบดีฯ ควรถอยเปลี่ยนไปยืนในตำแหน่งที่ปรึกษาของเมดเวเดฟ มากกว่าที่จะมาเป็นผู้ควบคุมประเทศรัสเซียเสียเอง เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมต้องการได้รับการยอมรับจากประชาชน การที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย โดยไม่มีอำนาจ โดยไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนที่แท้จริง ซึ่งถ้าอดีตประธานาธิบดีฯ ดำเนินแนวทางการเมืองของตน ไปสู่ การนำอยู่ข้างหลัง คือ สร้างเมดเวเดฟให้เป็นผู้นำที่เป็นผู้นำของรัสเซียอย่างน่าภาคภูมิใจและสมศักดิ์ศรี

..........................................................................

Mit NopporN (พฤจิกายน 2552)

ใครควบคุมรัสเซีย

การที่นาย Medevdev ขึ้นครองตำแหน่ง ปธน.ต่อจากปูติน แต่นายปูตินยังไม่คลายอำนาจการบริหารประเทศให้กับนายMedevdev เท่าที่ควร ซึ่งนายปูตินยังคงบริหารประเทศ ซึ่งส่งผลให้มีความขัดแย้งกับนาย Medevdev เพื่อแย่งชิงอำนาจการบริหารงาน ซึ่งจะส่งผลให้นาย Medevdev เป็นไปในลักษณะนอมินี ทำให้นาย Medevdev ต้องพยายามที่จะมีอำนาจเช่นกัน เช่นการกล่าวโจมตีปูติน จึงส่งผลให้ประชาชนในประเทศต้องมีความคิดแตกแยกระหว่างสองขั้วอำนาจ ส่งผลให้ขาดการบริหารงานแบบ teamwork รวมถึงยังส่งผลให้ต่างประเทศไม่เชื่อถือ และอยากเข้ามาก้าวก่ายกับกิจการภายในของรัสเซียซึ่งจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาสัมพันธ์กับต่างประเทศในการพัฒนาประเทศทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และความไม่ไว้วางใจของนานาประเทศ และยังจะเป็นปัญหาต่อไปโดยเฉพาะการเลือกตั้งในปี 2012 ซึ่งยังเป็นการแข่งขันการยึดครองอำนาจของบุคคลทั้งสอง

ใครคือผู้มีอำนาจที่แท้จริงในรัสเซีย ?

จากมุมมองของฝ่ายโลกตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯ เกี่ยวกับผู้นำของรัสเซีย ที่เห็นพ้องกันว่า นาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรี ยังคงเป็นผู้นำตัวจริงของรัสเซีย สำหรับประธานาธิบดี Dmitri Medvedev ที่แม้จะมีตำแหน่งสูงกว่าแต่ก็เป็นเพียงผู้ดำเนินบทบาทและหน้าที่ในฐานะผู้นำ โดยมี นาย Putin อยู่เบื้องหลังและเป็นผู้ครองอำนาจการปกครองสูงสุดอย่างแท้จริง

แม้ประธานาธิบดี Medvedev จะคิดเสมอว่าตนคือผู้นำและพยายามจะสื่อให้ประชาชนชาวรัสเซียและโลกภายนอกได้เห็นและรับรู้ เช่น การตั้งทีมงานที่ปรึกษาและดำเนินงานคู่ขนานไปกับทีมงานของนาย Putin แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล เพราะแนวความคิดและการตัดสินใจโดยเฉพาะประเด็นด้านการต่างประเทศของ นาย Putin ยังคงได้รับความเชื่อถือและมีการกล่าวถึง

ยังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายที่ออกมาแสดงความเห็น ในมุมมองของฝ่ายตนอย่างชัดเจน โดยฝ่ายแรกมองว่า Putin อาจจะถอนตัวจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น ใน ปี 2012 เพราะหากยังลงเลือกตั้งก็มีโอกาสชนะและกลับมารับตำแหน่งอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการเพิ่มแรงกดดันและความขัดแย้งในชนชั้นผู้นำของรัสเซียเอง ที่จะต้องตัดสินใจเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะเดียวกันกลุ่มผู้สนับสนุนนายกรัฐมนตรี Putin ก็แย้งว่า ประธานาธิบดี Medvedev ก็ควรยอมรับบทบาทและอำนาจเท่าที่ตนเองมีอยู่

ขณะที่ความขัดแย้งดังกล่าวทำให้เกิดช่องว่างทางการเมือง ซึ่งในหมู่ชนชั้นผู้นำต่างมีสิทธิ์ที่จะเลือกและสนับสนุนฝ่ายที่ตนเองเลือกได้อย่างเสรี แต่ในทางกลับกันสื่อที่เป็นช่องทางการเผยแพร่ข่าวสารไปสู่คนส่วนใหญ่ของประเทศอย่างโทรทัศน์ กลับถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพในการนำเสนอข่าวสารดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่กระทบโดยตรงต่อความมั่นคงของชาติ

จากผลของความขัดแย้งดังกล่าวที่ทำให้แนวทางการกำหนดนโยบายต่างประเทศของรัสเซียยังไม่ชัดเจน ซึ่งประเทศต่างๆ ก็รับรู้ได้ถึงปัญหานี้ แต่การพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันไม่ว่าจะเป็นระดับทวิหรือพหุภาคี ก็ยังต้องดำเนินต่อไป

บทสรุปที่ชัดเจนประการหนึ่งก็คือ จากบทบาทของผู้นำประเทศมหาอำนาจ ที่ยังมีการเปรียบเทียบระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ซึ่งเห็นได้ว่าต่อให้แม้ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ จะไม่เป็นผู้ที่น่าเชื่อถือแต่ก็ดูจะมีส่วนร่วมในการจัดการผลประโยชน์ร่วมกันกับประเทศต่างๆทั่วโลก มากกว่าผู้นำรัสเซีย ที่ยังต้องแก้ปัญหาภายในให้ได้ก่อนจะนำเรื่องผลประโยชน์ของชาติไปเจรจากับภายนอก

-------------------------------

นางนันทนา นุชนารถ 13 พ.ย. 52

สิ่งที่ได้รับจากการอ่านบทความ Who Controls Russia ?

1.การเป็นผู้นำที่ดีควรเปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้แสดงฝีมือโดยไม่เข้าไปก้าวก่าย แสดงความมีอำนาจ หรือครอบงำอยู่เบื้องหลัง จะเห็นได้จากบทบาทการเป็นผู้นำของนาย Vladimir Putin แม้ว่าจะพ้นจากตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียแล้วมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนนาย Dmitri Medvedev แต่บทบาทการเป็นผู้นำของอดีตประธานาธิบดีรัสเซียท่านนี้ยังคงมีอำนาจแฝงอยู่ เนื่องจากที่ผ่านมาประชาชนส่วนใหญ่ในรัสเซียมีความนิยมชื่นชมในผลงานการบริหารประเทศของนาย Vladimir Putin จากสาเหตุนี้จึงทำให้นาย Vladimir Putin ยิ่งมีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ทางการเมืองของตนและมีความยึดติดในอำนาจที่เคยมีอยู่จนไม่อาจยอมรับความจริงในบทบาทหน้าที่ใหม่ที่ได้รับแต่งตั้งมาจนถึงกับประกาศว่าจะเข้ามาแข่งขันสมัครรับเลือกตั้งใหม่ในปี 2012 ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้นำและผู้สนับสนุนของผู้นำทั้งสองได้

2.ผู้นำควรมีความมั่นใจ ไม่ลังเล มีความชัดเจนในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและไม่ควรเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวม อีกทั้งผู้นำต้องมีความรู้ ความเชี่ยวชาญอย่างรอบด้านและต้องมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้างเพื่อที่จะบริหารประเทศให้อยู่รอดปลอดภัย จากประเด็นนี้จะเห็นว่านาย Dmitri Medvedev ยังขาดประสบการณ์ในเรื่องนี้อยู่มาก เนื่องจากไม่มีความเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหาระดับชาติ และขาดความประนีประนอม ความยืดหยุ่นในการประสานความสัมพันธ์ด้านนโยบายต่างประเทศ ทั้งนี้ ผู้นำที่ดีต้องมีความเชื่อมั่นและสร้างความไว้ใจ ความศรัทธาให้บังเกิดขึ้นกับประชาชนให้ได้ เพื่อที่จะเป็นแรงผลักดันนำพาประเทศให้ฝ่าฟันปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาได้อย่างแท้จริง

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สิ่งที่ได้จากบทความ “คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน”

การตัดสินใจของผู้นำ (Decision of Leader) โดยเฉพาะด้านการเมือง ย่อมมีผลต่อความเปลี่ยนแปลง (Change) ของประเทศ ดังนั้นก่อนที่จะกระทำการใดๆ จำเป็นต้องคิดวิเคราะห์ทั้งระบบ (System Thinking) เพื่อค้นหาข้อดีหรือข้อเสียก่อน มิฉะนั้นประเทศชาติจะได้รับผลกระทบ เฉกเช่นเดียวกับการกระทำของนักการเมืองบางคนที่คดียังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล กลับมิได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยสรุปขอให้ทุกคนจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกลมหายใจ...และที่สำคัญคนไทยทุกคนไม่มีใครที่จะอยู่เหนือกฎหมาย (Rule of Law)

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

สิ่งที่ได้จากบทความดังกล่าวทำให้พวกเราเห็นถึงความสำคัญและความหมาย ตลอดจนนัยยะ ของตัวเลข “ ๑” ซึ่งประสงค์ที่จะให้คนไทยทุกคนรวมตัวกันเพื่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียว โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นศูนย์รวมดวงใจของชาติ อันจะช่วยทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งในสังคม (Social Conflict) ด้วยการนำหลักการสมานฉันท์มาใช้ (Coaliation) เพื่อสร้างความปรองดองภายในชาติ ตลอดจนให้ทุกคนเข้ามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ (Participatory Approach)

อย่างไรก็ตาม ประเทศชาติต้องผสานผลประโยชน์ อำนาจ และการบริหาร ระหว่างรัฐบาล ทหาร ตำรวจ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อให้เกิดความมั่นคงและสงบสุขในชาติบ้านเมือง อันจะส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตามไปด้วย ซึ่งในกระบวนการเหล่านี้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) จำเป็นต้องยึดหลักความโปร่งใส (Transparency) และหลักจริยธรรม (Ethnical) เพื่อความยั่งยืนของแผ่นดิน (Sustainability)

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากบทความเรื่อง “Who Controls Russia?”

บทความเรื่องนี้ กล่าวถึงร่อยรอยความขัดแย้งระหว่างผู้นำรัสเซีย คือระหว่าง นรม.วลาดีมีร์ ปูติน กับ ปธน.ดมิทรี เมดเวเดฟ ซึ่งความจริงแล้ว ปธน.เมดเวเดฟ คือทายาททางการเมืองที่ นรม.วราดีมีร์ เป็นผู้สร้างให้ ปธน.เมดเวเดฟ ก้าวขึ้นสู่ ณ ตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้เมื่อพิจารณาสภาพแวดล้อมตามความเป็นจริงจะเห็นได้ว่า ผู้นำตัวจริงของรัสเซียคือ นรม.ปูติน หรืออาจเรียกได้ว่าครองตำแหน่งแชมป์เปี้ยนอยู่ ภาวะความเป็นผู้นำเป็นสิ่งที่ได้รับการพิสูจน์มาตลอดที่เขาดำรงตำแหน่ง ปธน.มาก่อนหน้านี้ ที่สามารถพลิกฟื้นรัสเซียจากประเทศที่ถดถอยจากความล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียต กลายมาเป็นรัสเซีย และกลับมาเป็นประเทศมหาอำนาจอีกครั้ง

สำหรับ ปธน.เมดเวเดฟนั้น ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริหารประเทศต่อจาก นรม.ปูติน และผลงานที่ผ่านมาขณะดำรงตำแหน่งยังไม่ได้รับการพิสูจน์ชัดเจนว่าจะเป็นผู้มีความสามารถในการนำได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ดังนั้นการแสดงท่าทีต่าง ๆ แม้จะเป็นการกระทำเพื่อเสริมสร้างทางการเมืองของตนเอง แต่ก็อาจถึงทางตันได้หรือไปไม่ถึงดวงดาวได้ จากการท้าชิงแชมป์จาก นรม.ปูติน

บทสรุป การสร้างและพัฒนาคนไปสู่การเป็นผู้นำที่มีภาวะการนำอย่างแท้จริงนั้นเมื่อสามารถไปถึงจุดนั้นได้แล้วและยังสามารถรักษาระดับได้ การถูกท้าทายจากผู้ท้าชิงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ขณะเดียวกันสำหรับผู้ท้าชิง ก็ต้องทบทวนตนเองให้ดีว่าอาจมีทางเลือกอื่นๆ ในการสร้างตนเองให้เป็นผู้นำรุ่นถัดไป โดยไม่ต้องก้าวร้าวต่อผู้สร้างตนเองขึ้นมา

Who Controls Russia?

จากบทความ Who Controls Russia? ตามความเห็นของคิดว่านาย Vladimir Putin นายกรัฐมนตรีรัสเซีย (นรม.) น่าจะเป็นผู้ Controls รัสเซีย มากกว่า นาย Dmitri Medvedve เพราะนาย Putin ยังคงเป็นผู้นำคนสำคัญของรัสเซียที่ได้รับคะแนนนิยมจากชนชั้นจำนวนมาก เป็นคนที่กล้าตัดใจสิน จึงทำให้นาย Putin อยู่ในสถานะที่ได้เปรียบทางด้านนโยบายความมั่นคง และนโยบายต่างประเทศ เนื่องจาก นาย Medvedve เป็นคนลังเลไม่กล้าตัดสินใจ ก้าวร้าว และไม่สนใจประเทศที่มีสภาวะเสี่ยง เช่น อิหร่าน อัฟกานิสถาน ถึงแม้ว่านาย Medvedve จะมีข้อบกพร่องอยู่แต่ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มที่เคยสืบทอดการทำงานมาจากนาย Putin จำนวนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามนาย Putin ยังมีจุดอ่อนที่ทำให้ฝ่ายของนาย Medvedve โจมตีเรื่องการคอรัปชั่นกันในห้วงที่นาย Putin เป็น ปธน.

รัสเซียมีกำหนดจะเลือกตั้งในปี 2012 ซึ่งทั้งนาย Putin และนาย Medvedve ต่างรู้จุดอ่อน จุดแข็ง ของกันและกัน จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน และปรับปรุงกลยุทธ์ของตนเองเพื่อให้ได้รับชัยชนะจากการลงแข่งขันเลือกตั้งในครั้งนี้ ซึ่งทั้งสองคนมีผู้ให้การสนับสนุนที่ใกล้เคียงกัน และนี่คือการท้าทายความสามารถในการบริหารงานของนาย Medvedve และบางทีเราอาจจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงผู้นำของรัสเซีย เหมือนกับสหรัฐที่คนส่วนใหญ่ยอมรับนาย Barack Obama เป็น ปธน.ผิวสีคนแรกก็ได้

----------------------------------------------------------------------

ศิริลักษณ์ กล่ำฉ่ำ

WHO CONTROLS RUSSIA ? เป็นหัวข้อที่หลายท่านสงสัยซึ่งในความคิด

ของกลุ่มประเทศตะวันตกโดยเฉพาะสหรัฐฯคิดว่า นรม.นายวลาดิเมียร์ ปูติน เป็นผู้กุมอำนาจสั่งการทั้งหมด ส่วน ปธน.ดิมิทรี เมดเวเดฟ เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดเท่านั้น แต่ความคิดจริงแล้วเมดเวเดฟก็

ไม่ยอมอยู่ภายใต้การควบคุมของปูติน โดยเมดเวเดฟเริ่มแสดงบทบาททางการเมืองของตนเองต่อสาธารณะชนมากขึ้น เห็นได้จากกลุ่มที่ปรึกษาของเมดเวเดฟออกมาวิจารณ์การบริหารงานของปูติน เช่นกรณีในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมาปูตินไม่สามารถปฏิรูปรัสเซียได้สำเร็จ รวมทั้งยังคงกุมอำนาจส่วนใหญ่ไว้เหมือนเดิม ไม่เปิดโอกาสให้เมดเวเดฟได้บริหารงานตามที่ควรจะเป็น ขณะเดียวกันปูตินก็ไม่พอใจเมดเวเดฟเช่นกัน โดยคิดว่าการที่กลุ่มที่ปรึกษาของเมดเวเดฟกล้าออกมาวิจารณ์ตนเองนั้น ทั้งในเรื่องการคอรัปชั่นของราชการ เศรษฐกิจตกต่ำ และปัญหาทางการเมือง โดยปูติน

คิดว่าเมดเวเดฟเป็นคนบงการ เพื่อลดความเชื่อถือของตนเองให้น้อยลง

รัสเซียจะมีการเลือกตั้งในปี 2012 คงเป็นการแข่งขันระหว่างเมดเวเดฟกับปูติน ปัจจัยหลักที่เป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ คนกลุ่มชนชั้นนำจะเห็นได้ว่าคนกลุ่มนี้มีบทบาทมากในสังคมและการเมืองของรัสเซีย เพราะคนกลุ่มชนชั้นนำมีอิสระในการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ผ่านอินเตอร์เนทและหนังสือพิมพ์ แต่ยังถูกควบคุมทางสื่อโทรทัศน์เช่นเดิม เห็นได้ว่ากลุ่มคนชนชั้นนำหากเลือกใครฝ่ายนั้นก็มีโอกาสชนะการเลือกตั้งค่อนข้างสูง ในการแข่งขันระหว่างเมดเวเดฟกับปูตินทั้งสองคนมีจุดแข็งจุดอ่อนที่ต่างกัน เมดเวเดฟจะการบริหารงานภายในประเทศแบบแนวเสรีนิยม แต่ด้านต่างประเทศกลับแสดงความก้าวร้าวและลังเล ซึ่งเป็นผลเสียต่อตนเอง ในทางกลับกันหากเมดเวเดฟสามารถลดปัญหาระหว่างประเทศลงได้ ภาพพจน์ก็จะดีขึ้นมากจนอาจสร้างความลำบากใจต่อปูตินมาก ถึงแม้ว่าปูตินจะเป็นที่ยอมรับของประชาชนรัสเซียมากกว่าเมดเวเฟก็ตาม แต่ก็อาจส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งได้ จากปัญหาต่างๆทั้งภายในและภายนอกประเทศรวมทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจเป็นผลกระทบต่อการเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐฯและยุโรป ทั้งนี้หากเมดเวเดฟและปูตินลดความขัดแย้งกันเองและร่วมมือกัน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ก็คงจะไม่ส่งผลกระทบในการเจรจากับประเทศอื่น

--------------------------------------------

ธนิต สุวรรณากาศ

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

ทฤษฎีขององค์ความรู้

1.Context /บริบทพูดถึงเรื่อง IT ว่ามีความสำคัญเพราะต้องใช้ระบบสารสนเทศในการจัดระบบข้อมูลพื้นฐาน

2.ภาวะผู้นำ นวัตกรรม การบริหารเวลา

3.เป็นหลักที่ดี งานทุกอย่างเป็นงานที่ท้าทาย จึงต้องมีแรงบันดาลใจ

การบริหารงานแบบมีส่วนร่วมและมีความโปร่งใส ก้าวไปสู่การทำงานเป็นทีม สร้างผู้นำ สร้างความจงรักภักดี มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คงไว้ซึ่งคุณธรรม ค่านิยมและวัฒนธรรมไทยอันดีงาม คนเก่ง ควบคู่ไปกับ คนดี องค์กรที่ประสบความสำเร็จในเรื่องคนก็คือผู้นำมีวิสัยทัศน์กว้างไกล และสามารถถ่ายทอดให้ผู้ร่วมงานได้สำเร็จ

คนเราอาศัยความรู้อย่างเดียวไม่ได้ต้องมี Skill และ ability

เรียนรู้ตลอดเวลา แลกเปลี่ยนความคิดกัน

การลงทุนในการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ ให้ผลตอบแทนระยะยาวและใช้เวลา เครื่องจักรอุปกรณ์ค่อย ๆ เสื่อมแต่คุณค่าของคนเพิ่มขึ้น

ทรัพยากรธรรมชาติหมดไป แต่ทรัพยากรมนุษย์กลายเป็นตัวจักรกลสำคัญในการสร้างความรู้ และสร้างมูลค่าเพิ่ม

ใครคุมรัสเซีย

ประธานาธิบดีเมดเวเดฟ เป็นเพียงหุ่นเชิดของนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนแปลงคณะรัฐบาลที่ล้มเหลว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนของ นรม.ปูติน กลุ่มสนับสนุน ปธน.เมดเวเดฟ ไม่พอใจ โจมตี นรมปูตินขณะที่เป็น ปธน.ว่ามีการคอรัปชัน ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ

ในการเลือกตั้งในปี 2012 คนส่วนใหญ่เชื่อว่าปูตินจะชนะ เพราะพยายามทำตัวเป็นเสรีต่อต้านของเมดเวเดฟด้านนโยบายต่างประเทศ และเศรษฐกิจ

วิเคราะห์บทความ 8 บทเรียนผู้นำของ MANDELA

บทความ 8 บทเรียนผู้นำของ Mandela สรุปได้ว่า การเป็นผู้นำใน 8 ประเด็น ซึ่งประกอบด้วย ความกล้าหาญ การเป็นผู้นำอยู่ข้างหน้า การนำอยู่ข้างหลัง การบริหารศัตรู การจะอยู่อย่างผู้นำควรใกล้ชิดกับเพื่อน ผู้นำต้องมีภาพลักษณ์ที่ดี การอย่าไปเน้นถูกหรือผิดแบบ 100% และ ต้องรู้จังหวะไหนจะ “พอ” หรือ จะ “ถอย” นั้น โดยภาพรวมยังคงให้ความสำคัญกับคุณค่าของความเป็นมนุษย์

WHO CONTROL RUSSAIA

ประเด็นความขัดแย้งของรัสเซีย เป็นปัญหาทางการเมืองระหว่างนายปูตินกับนายเมเดเวป ซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และในปี 2012 จะมีการเลือกตั้งในรัสเซีย ซึ่งจะเป็นการช่วงชิงอำนาจระหว่างนายปูติน ผู้มีความรู้และมีประสบการณ์ในการปกครองประเทศ โดยเฉพาะด้านต่างประเทศ ส่วนนายเมเดเวป มีความสามารถในการบริหารภายในประเทศ แต่มีนิสัยก้าวร้าว และเห็นประโยชน์ส่วนตน ดังนั้น การที่จะป็นผู้นำประเทศที่ดี ต้องมีความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ควรมีการสั่งสมประสบการณ์ มีความยืดหยุ่นในเรื่องต่าง ๆ และมีความสมารถในการที่จะปกครองประเทศให้ก้าวหน้าไปสู่ความก้าวหน้า และความมั่นคงของชาติ

กรณีศึกษาคุณยรรยง

กรณีศึกษาของคุณยรรยงน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะทำให้เห็นว่าถึงแม้จะเป็นคนมีความรู้ดี หรือทำงานเก่งขนาดไหน แต่ถ้าขาดซึ่งประสบการณ์ ขาดความรอบครอบ หรือขาดวิจารณญาณในการตัดสินใจ ก็อาจถูกมองได้ว่ามีส่วนได้ส่วนเสีย หรือมีอำนาจทางการเมืองเข้ามาเป็นเงื่อนไขเพื่อนำไปสู่ความไม่โปร่งใส หรือมีตำแหน่งหน้าที่การงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ถ้าหากการตัดสินใจในครั้งนี้ มีการตรวจสอบข้อมูลให้ครอบถ้วนถูกต้องโดยเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และไม่เป็นเครื่องมือของนักการเมือง ก็จะสามารถทำให้เกิดความโปร่งใส ก็จะเป็นที่ยอมรับทั้งในส่วนของราชการและการเมือง

ทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้

คนถือเป็นสินทรัพย์หรือทรัพยากรที่มีคุณค่าและสำคัญสูงสุดเหนือกว่าทรัพยากรอื่นใด เพราะทรัพยากรมนุษย์เป็นผู้สร้าง และพัฒนา และนำพาให้องค์กรไปสู่ความสำเร็จ ถึงแม้จะมีเครื่องจักรเข้ามาช่วยลดภาระในการทำงานก็ตาม การที่องค์กรจะประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องมีการพัฒนามนุษย์โดยมุ่งเน้นให้มีการเรียนรู้ ทั้งเสริมกลยุทธ์ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และควรจะสร้างแรงจูงใจต่อการปฏิบัติงาน แต่มนุษย์ก็ต้องทำตนให้เป็นผู้มีคุณค่าหรือพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือให้สอดคล้องต่อนโยบายขององค์กร ฉะนั้นเมื่อได้รับการพัฒนาบุคคลากรแล้ว ทุกคนจะต้องเข้าใจเกี่ยวกับงานที่ต้องปฏิบัติ ต้องรู้จักที่จะสร้างสรรค์ และต้องพร้อมที่จะมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพิ่มเติม พร้อมที่จะยอมรับกับสิ่งเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาสู่องค์กร ผู้นำองค์กรก็ถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีความสำคัญในระดับต้น ๆ และเป็นผู้ที่กำหนดทิศทางต้องมีการพัฒนาบุคคลากรอย่างจริงจัง ต้องทุมเททั้งกำลังกายและกำลังใจ พร้อมทั้งนำพาบุคคลากรไปสู่ความสำเร็จ

ศิริรัตน์ เข็มทอง

Who controls Russia

จากเรื่องนี้ไม่น่าจะเกินขอบเขตของคำว่า "อำนาจ" ก่อนที่ ปธน.ดิมิทรี เมดเวเดฟ จะเข้าสู่อำนาจหลังจากการหมดวาระของอดีต ปธน. วาลาดิเมีย ปูติน สื่อทั่วทุกภูมิภาคไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเข้าสู่อำนาจของเมดเวเดฟ แต่กลับเสนอข่าวการจะกลับมาสู่อำนาจของปูตินในอนาคตนี่คือความจริงเวลานั้น และเชื่อว่าปรากฏการณ์นี้ทำให้เกิดคำถาม Who controls Russia? ในปัจจุบัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสร้างความเข้าใจให้เชื่อว่าปูตินจะต้องกลับมาสู้อำนาจอีกครั้ง เมื่อเวลาเปลี่่ยนสถานการณ์เปลี่ยนอำนาจมีการถ่ายเทสู่เครื่อข่ายของผู้ที่กุมอำนาจเดิมซึ่งเมดเวเดฟอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน ต้องการส่งต่ออำนาจให้เครือข่ายของตน แต่ตามสภาพความเป็นจริงอำนาจมิได้ตกอยู่ในมือของเมดเวเดฟตั้งแต่ขึ้นรับอำนาจจึงไม่จำเป็นต้องตอบคำถามนี้ แต่ต้องตอบคำถามว่าทำไมต้องเกิดคำถามนี้ ซึ่งน่าจะตอบได้ว่ามันเป็นการสร้างความแตกแยก(discradit) ให้กับประเทศที่กำลังจะกุมอำนาจเครือข่ายท่อส่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการจะก้าวขึ้นสู่อำนาจของปูตินในอนาคตเป็นที่วิตกของประเทศคู่มหาอำนาจคือสหรัฐอเมริกา จึงเป็นความพยายามที่จะสร้างความแตกแยกเพราะถ้าคนอย่างปูตินขึ้้นสู่อำนาจอเมริกาก็ต้องพบกับคู่แข่งที่น่ากลัว จึงใช้ข่าวสารผ่านสื่อไร้พรมแดนกระตุ้นต่อมกิเลสของเมดเวเดฟฝ่ายตรงข้ามปูตินลุกขึ้นสู้ นี่คือคำตอบของ Who controls Russia? ฉัตรดนัย ใจเพ็ชร

ความรู้ที่อาจารย์ณรงค์ศักดิ์ ผ้าเจริญ เกินคำบรรยายจริงๆ คนมีความรู้สูง การย่อโลกไว้ในมือเป็นอย่างนี้นี่เอง อาจารย์สร้างเครือข่ายได้เยอะจริง ๆ ขอบคุณที่นำความรู้ ประสบการณ์จริงมาแบ่งปันให้พวกเราได้เรียนรู้ พวกเราคงต้องนำแนวทางการสร้างเครือข่ายของอาจารย์ไปสร้างเครือข่ายบ้างขอแค่ 10% ในห้องของอาจารย์ก็ดีแล้วครับ แล้วค่อยไปพบกันที่บ้านแม่กำปอง นะครับ ขอบคุณครับ

บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

 

ผมขอขอบคุณท่านผู้อ่านจำนวนมากที่มีความคิดเห็นตอบกลับมาจากเรื่องคุณ Peres ผมเลือกมา 3 - 4 เรื่องที่ส่งมาเพื่อให้ท่านวิเคราะห์ดู

* ต้องพัฒนานักการเมืองทุกค่ายให้มีความซื่อสัตย์ ไม่พูดคำหยาบ แสดงออกในทางก้าวร้าวและใช้กฎหมู่เรียกร้องให้เห็นเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่คนกลุ่มที่ต้องพัฒนาสมองอีกมาก

* ประเทศไทย :คนดีๆไม่ค่อยได้ปกครองบ้านเมือง ขอบคุณ ดร.จีระ มีอะไรดีๆบอกคนไทยเสมอ นักการศึกษาไทยชอบให้เด็กเรียนเรื่องไกลตัว จนลืมเรื่องใกล้ตัว เช่น เรียนยุโรป อเมริกา จนเด็กไทยไม่รู้จักอาเซียน สวัสดีประเทศไทย

* เยี่ยมยอดในบทความนี้มาก.....เป็นความลึกซึ้งในเนื้อหา...ถ้าแก่แต่ไม่เปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์นำนวัตกรรมมาแก้ปัญหา...อยู่ในการเมืองเพียงต้องการอำนาจเท่านั้น...ควรเข้าใจให้ลึกซึ้งถึงโลกธรรม8 ควรแนะนำให้อ่านหนังสือศิลปะแห่งอำนาจ ของ ท่านติช นัท ฮันท์

 

Mrs.Merkel จากหนังสือ The Economist ,

June 27th -July 3Rd 2009

* ลักษณะของคนไทยปัจจุบันไม่เรียกว่าแสวงหาความรู้ แต่แสวงหาใบประกาศนียบัตร ปริญญาบัตร ตรี โท เอก เพื่อเอามาแลกกับตำแหน่งงาน แลกกับหน้าตาทางสังคมและ เกียรติยศจอมปลอม แต่ไม่เคยนึกถึงความจริงที่ว่า ยิ่งร่ำเรียนมาสูง ๆ ยิ่งควรนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาตนเอง ลด ละ เลิก โลภ โกรธ หลง แต่เปล่าเลย ยิ่งเรียนสูงยิ่งมีแต่ความอยากมีเงินมาก ๆ อยากมีอำนาจไว้คอยอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต ส่วนตัวเรียกว่าเห็นแก่ตัวที่สุด จะว่าคิดแต่ในแง่ลบก็ใช่เพราะสังคมปัจจุบันมันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ แม้แต่เด็กและเยาวชนยังบอกว่า โกงก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำเพื่อประชาชนบ้าง

* พวกนักการเมืองแก่ๆพวกนี้ เขาไม่มีลักษณะของ Peres 3 คนอย่าง Honesty, Depth, Vision.มีแต่ Corruption and money money.

 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, คุณปวีณา หงสกุล

ในบทความดี ๆ ของต่างประเทศเขียนเพื่อให้เราคิดและคนไทยอาจจะนำมาวิเคราะห์ต่อให้ได้ประโยชน์ การเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่มีความคิดดี ๆ ช่วยได้มาก การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษบ้างจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ

ทรัพยากรมนุษย์ไม่ว่าอายุน้อยหรืออายุมากก็มีประโยชน์ทั้งนั้น แต่ต้องเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทันโลก คืออย่าประมาท ภูมิคุ้มกันที่สำคัญที่สุดก็คือ ความรู้และนำไปคิดต่อยอดพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ผมดีใจที่มีเวทีอย่าง "แนวหน้า" ให้โอกาสผมได้แสดงออกเสมอ

บทความคุณ Peres คิดว่าคงจะเป็นกำลังใจให้แก่คนไทยไม่ใช่เฉพาะวงการการเมืองที่อายุ 60 ไปแล้ว ซึ่งจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่โครงสร้างประชากรเขาเรียกว่า "ผู้สูงอายุ" ยังมีประโยชน์ในปัจจุบัน ประเทศไทยจะมีคนอายุเกิน 60 ปี ปัจจุบันจำนวนกว่า 6 - 7 ล้านคนแล้ว แต่อีกคาดว่าไม่ถึง 10 ปี จะเพิ่มขึ้นเป็น 12 - 15 ล้าน ถ้าบุคคลเหล่านี้รักษาสุขภาพดี มีความรู้ก็จะช่วยเป็นพี่เลี้ยงของสังคมได้อยู่เสมอ ประเทศจะได้ประโยชน์มาก

สังคมทั่วไปมองผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุด้วยความเข้าใจ เห็นคุณค่าและค้นหาสิ่งดี ๆ จากท่านเหล่านั้น ที่ได้สะสมประสบการณ์มาอย่างมากมาย

ประสบการณ์เหล่านั้นอาจจะซ่อนในตัวท่าน Tacit Knowledge คนรุ่นหลังจะต้องค้นหาสิ่งดีๆออกมาให้ได้

 

คุณพรทิวา นาคาศัย, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช

ครอบครัวไทยที่เป็นครอบครัวเดี่ยว มีพ่อ แม่ ลูก ไม่มีปู่ ย่า ตา ยาย อยู่ด้วย อาจจะดีตรงที่มีอิสระ แต่ไม่ได้รับการถ่ายทอดความรักความอบอุ่นความรู้และประสบการณ์จากผู้ใหญ่ ยิ่งยุคโลกาภิวัตน์ยิ่งอันตรายครอบครัวไม่อบอุ่นมีปัญหามากมาย

ดีใจที่รัฐบาลมีนโยบายให้อาจารย์มหาวิทยาลัยไทยต่ออายุได้ถึง 65 ปี ซึ่งช่วยให้อาจารย์จำนวนหนึ่งได้ทำงานต่อไป ผมเห็นในต่างประเทศอาจารย์ไม่มีวันเกษียณอายุ Peter Drucker ยังทำงานถึง 95 อาจารย์เกษียณที่ 65 ก็อาจจะเร็วไป อาจจะต่อให้ถึง 70 แบบระบบศาลหรืออัยการ

ผมยังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหาราชินีที่ทรงกระตุ้นให้สภาพัฒน์มีโครงการฯ "คลังสมอง" ของคนอายุเกิน 60 และ วปอ. มีโครงการคลังสมองของตัวเองสร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศมากมาย

ทั้งหมดไม่ใช่ เน้นแต่ผู้อาวุโสเท่านั้น อายุเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ แต่ต้อง

 

ดร.จุรี วิจิตรวาทการ, ดร.ผุสดี ตามไท

* ดูแลสุขภาพให้ดี

* มีเวทีให้บุคคลเหล่านี้ได้แสดง

* มี Peres model ที่เป็นตัวอย่างของคนที่มีอายุแต่มีคุณภาพ

* ไม่ว่าอายุมากหรือน้อยต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต

สัปดาห์นี้ผมขอยกบทความอีกเรื่องในหนังสือ "The Economist" ฉบับล่าสุด June 27 - July 3RD 2009 ลงบทความและเป็นหน้าปกของนายกฯรัฐมนตรีหญิงคนแรกของ German คือ Mrs.Merkel เพื่อให้นักการเมืองหญิงไทยได้นำไปพิจารณา

บทความฉบับนี้ กล่าวว่าคุณ Merkel เป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จและแตกต่างกับผู้อื่น น่าศึกษาเพราะ

* โตมาจากเยอรมันตะวันออก (ครั้งหนึ่งเป็นคอมมิวนิสต์)

* เรียนสาขาฟิสิกส์

* บุคลิกและการแต่งตัวก็ไม่ตามสมัย (เชย ๆ)

* พูดไม่เก่ง

* ไม่มี Charisma

แต่ทำงานได้ผลดี มีแนวคิดเป็นของตัวเอง ผู้คนส่วนใหญ่วิเคราะห์ไม่ออก ตีโจทย์ไม่แตกว่าเก่งเพราะอะไร หนังสือ Economist ใช้คำ "Mystery" คือคล้าย ๆ ว่ายังเป็นเรื่องปริศนาอยู่ ประเด็นก็คือ เขาได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนชาวเยอรมันค่อนข้างมากและคาดว่าเป็นนายกฯหญิงที่จะได้รับเลือกตั้งให้กลับมาเป็นผู้นำอีกสมัย

ผมมาดูแล้ว ก็น่าสนใจที่จะนำมาประยุกต์กับคนไทยเพราะนักการเมืองหญิงในเมืองไทยมีน้อยคนที่จะมีประวัติหรือวิถีชีวิตแบบคุณ Merkel และนักการเมืองหญิงไทยจำนวนหนึ่งก็จะสไตล์ แบบไทยๆ คือมองออกว่าเล่นการเมืองเพราะอะไร จะเน้นบุคลิกที่ดีหรือเน้นครอบครัวที่สนับสนุน มีพ่อดีหรือสามีเล่นการเมือง ขาดจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง เล่นไปเพื่อส่วนตัวหรือหวังผลประโยชน์ ท่านผู้อ่านลองเปรียบเทียบตาราง 2 ตารางที่ผมเขียนขึ้นมาและลองสรุปดูว่า บทเรียนของคุณ Merkel จะประยุกต์กับการเมืองไทยได้อย่างไร

สไตล์ไทย ๆ

* คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์

* คุณปวีณา หงสกุล

* คุณพรทิวา นาคาศัย

สไตล์ Merkel

* คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช

* ดร.จุรี วิจิตรวาทการ

* ดร.ผุสดี ตามไท

ผมคิดว่ามี 3 ท่าน ที่อาจจะเป็น Model ของ คุณ Merkel ก็คือคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ท่านนี้จบ Ph.D ทางวิทยาศาสตร์จากอังกฤษและบุคลิกต่าง ๆ ก็ไม่หวือหวาแบบนักการเมืองหญิงทั่วๆไป เล่นการเมืองไม่เก่ง แต่อาจจะทำงานเพื่อชาติได้ดี

ส่วน ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ก็ถือว่าเป็นนักวิชาการที่โดดเด่น มีความรู้ดีและ ดร.ผุสดี ตามไท ก็ถือว่าเป็นตัวอย่างของนักการเมืองที่มีความรู้ มุ่งมั่นเพื่อส่วนรวม

ส่วนอีก 3 ท่านคือคุณหญิงสุดารัตน์ คุณปวีณาและคุณพรทิวาก็เป็นนักการเมืองหญิงอีกแบบหนึ่งสไตล์ไทยๆ เล่นการเมืองเพื่ออะไร ผู้อ่านก็ตัดสินใจได้เอง

สรุปก็คือ ในอนาคตเราต้องการนักการเมืองหญิงแบบไหน ที่จะทำให้ชาติของเราเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง บทความวันนี้อาจจะกระตุ้นให้ ผู้หญิงที่มีความรู้ โดยเฉพาะ คนที่จบทางวิทยาศาสตร์หรือวิศวะหรือแพทย์และกลุ่มที่ชอบเรื่องสิ่งแวดล้อม กระโดดเข้ามาการเมืองมากขึ้น มากกว่าที่มาจากสืบสายเลือดเพราะพ่อเคยเล่นหรือสามีประโยชน์ของนักการเมืองหญิงไทยเหล่านั้นต่อประเทศก็อาจจะไม่มากนัก

จีระ หงส์ลดารมภ์

บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

 

 

บทความในหนังสือ Herald Tribune ฉบับวันเสาร์ – อาทิตย์ที่ 27 -28 มิถุนายน 2552 ซึ่งเขียนโดย Isabel Kershner พูดถึงอดีตนักการเมืองชาวอิสราเอล คือ Shimon Peres ซึ่งในอดีตเป็นทั้ง

* นายกฯของอิสราเอล 2 สมัย

* ได้รับรางวัล Nobel สันติภาพ

* อายุ 85 ปี แล้ว

* ชาวอิสราเอลและโลกยังเห็นว่าเป็นคนที่มีคุณค่าต่อการเมืองในปัจจุบัน

 

 

Shimon peres, the Israeli President

ปัจจุบันอายุ 85 ปี ดำรงตำแหน่งแบบไม่มีอำนาจอะไร เป็นประธานาธิบดี แต่เป็นบุคคลที่คนอิสราเอลกำลังฝากความหวังให้มาช่วยแก้ปัญหาประเทศของเขา

ถึงแม้ผมจะเขียนถึงนักการเมืองหนุ่มเสมอไม่ว่าจะเป็นอภิสิทธิ์ โอบามาหรือล่าสุดราฮูล แต่ผมไม่ได้มองข้ามบุคคลที่มีอายุมาก ที่ยังทำงานได้อย่างเข้มแข็ง ช่วยประเทศชาติได้อย่างมาก ในสาขาอื่นที่ไม่ใช่นักการเมืองก็มีเช่น อายุมากสุดน่าจะเป็นคุณหมอเสม พริ้งพวงแก้ว นอกจากนั้นก็มีอาจารย์ธานินทร์ กรัยวิเชียร, พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ คุณอานันท์ ปันยารชุน และคุณหมอประเวศ วะสี

แต่เราก็มีนักการเมืองซึ่งยังอายุมากแล้ว 4 ท่าน พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ,พล.ต.สนั่น ซึ่งบางครั้งอาจจะถูกมองว่าอายุมากเกินไปที่จะทำประโยชน์ให้ชาติไทย

จากเรื่องของ Peres ผมก็เลยมีความรู้สึกว่า นักการเมืองทั้ง 4 ท่านยังควรทำประโยชน์ต่อประเทศไทยของเราได้อีกมาก เพียงแต่ได้อ่านบทความดังกล่าวเป็นแบบอย่างที่ดี คือ อายุมากขึ้นแต่อาจจะทำประโยชน์ให้ประเทศส่วนรวมได้มากกว่าเดิม แต่วิธีการต้องทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ไม่ใช่แบบไดโนเสาร์

เพราะการเมืองประเทศไทยไม่จำเป็นจะต้องคนรุ่นหนุ่มเท่านั้น ถึงแม้แนวโน้มบางประเทศก็จะเป็นอย่างนั้น แต่ผมก็มั่นใจว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข อยู่ที่ว่าจะรักษาสุขภาพ สนใจการหาความรู้ และเป็นที่พึ่งของรุ่นน้องๆได้อย่างแท้จริงหรือไม่

ความจริงทั้ง 4 ท่านที่ผมกล่าวถึงเป็นบุคคลที่น่าเคารพ มีประสบการณ์สะสมอย่างมากจากบทความเล่มนั้นในอนาคตการเมืองข้างหน้าของท่าน อาจจะถูกจุดประกาย กระตุ้นให้ท่านไปสู่ความเป็นเลิศได้อย่างแน่นอน

 

พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ

 

บรรหาร ศิลปอาชา

 

เสนาะ เทียนทอง

 

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์

ซึ่งผู้เขียนว่า ช่วงนี้แม้ว่า Peres จะอายุมากถึง 85 แต่การรักษาตัว สุขภาพแข็งแรง การแต่งตัวทันสมัย ดูว่า Peres ไม่ได้อายุมากอย่างที่คาดคิดไว้เลย ซึ่งก็ต้องยอมรับว่านักการเมือง 4 ท่านที่ผมกล่าวถึงยังไม่มีใครอายุเท่ากับ Peres เลย จะมีคุณบรรหารที่จะขึ้นเลข 8 แล้วกระมัง

ช่วงที่อิสราเอลกำลังได้นายกฯคนใหม่ ชื่อ Netanyahu หลายคนคงจะทราบว่า Netanyahu เป็นนักการเมืองหัวรุนแรงไม่ยอมให้ชาว Palestine มีประเทศของตัวเอง ซึ่ง Peres สามารถพูดโน้มน้าวให้ Netanyahu เปลี่ยนใจได้ก็ถือจากประสบการณ์ของท่านทำงานได้ผล

คุณลักษณะของ Peres มี 3 อย่าง

* Honesty ความซื่อสัตย์

* Depth ทำอะไรลึกซึ้ง

* Vision มีวิสัยทัศน์

แต่ที่ผมประทับใจมากในบทความก็คือ อายุ 85 ปีแล้วยัง

* อยากรู้ อยากเห็น Curiosity

* นวัตกรรม Innovation

ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้ คนรุ่นใหม่ มักจะมีแต่คนรุ่นเก่าอาจะไม่มี แต่ Peres มีแต่ในเรื่อง Innovation ให้ชาวอิสราเอลเน้นอุดมการณ์ใหม่ ๆ ที่ใช้ความรู้ เช่น

* Stem Cell เซลล์ต้นกำเนิด

* Electric Car รถที่ใช้ไฟฟ้า

* Alternative Energy พลังงานทดแทน

 

ภาพบรรยากาศ มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่าง โดย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

จัด Learning Forum on Tourism Management for Cambodia

On Monday 29 June – Friday 3 July 2009 At Sunway Hotel Phnom Penh,

Phnom Penh, Cambodia จีระ หงส์ลดารมภ์

ผมหวังว่า นักการเมืองที่มีอายุมากๆ คงจะสนใจที่จะนำเอาบทเรียนของคุณ Peres ไปใช้ สิ่งที่ท้าทายก็คือ นักการเมืองอายุมากของเราจะมีศักยภาพแบบ Peres หรือไม่ ถ้าไม่มีก็ไม่ใช่ว่า จะมีไม่ได้ ตราบใดที่ท่านช่วยกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ในกลุ่ม เพราะปัจจุบันไม่มีใครแก่เกินเรียน

ผมเพิ่งกลับมาจากการทำการทูต ภาคประชาชนที่ประเทศกัมพูชา

ก่อนไปผมก็วิตกเพราะสื่อในประเทศไทยประโคมข่าวเเรื่องความขัดแย้งชายแดนไทย – กัมพูชา แต่ไปถึงพนมเปญข่าวต่างๆเรื่องความตึงเครียดของไทย – กัมพูชาไม่มีเลย บางครั้งสื่อเมืองไทยขายข่าวมากไปหรือเปล่า?

ความรู้สึกที่รัฐบาลและประชาชนชาวเขมรมีต่อประเทศไทยในส่วนใหญ่แล้วยังดีอยู่ และความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ว่าเรื่องเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน สังคมการเมือง พลังงาน โทรคมนาคม การท่องเที่ยว มีความเกี่ยวข้องกันอย่างมาก

คราวนี้ ผมพาทีมวิชาการไป 45 คนใช้เวลา 5 วัน (Learning Forum on Tourism Management for Cambodia On Monday 29 June – Friday 3 July 2009 At Sunway Hotel Phnom Penh, Phnom Penh, Cambodia) มีการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ ชาวกัมพูชาคงจะเพิ่มบรรยากาศ ความอยากรู้อยากเห็นที่รู้ว่าความรู้เท่านั้นที่จะทำให้ชาติเขาเจริญอย่างแท้จริง เขาสนใจสร้างทุนทางปัญญา หาความรู้มากกว่าคนไทยมาก

ในปัจจุบันผมมีความภูมิใจที่การทูตภาคประชาชนของผมและมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศยังทำงานได้ผลเสมอ

[email protected]

www.chiracademy.com

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy

โทร.02-619-0512-3 ,089-200-1471

โทรสาร 02-273-0181

นางสาวบุษบา บรรชาติ

วิเคราะห์จากบทความ Who controls Russia ?

1. สถานการณ์การเมืองภายในประเทศรัสเซีย มีปัญหาความขัดแย้งเช่นเดียวกับไทย หากแต่ความขัดแย้งดังกล่าว จำกัดอยู่ที่ชนชั้นปกครองโดยเฉพาะ นรม.วลาดิเมียร์ ปูติน กับ ปธน. ดมิทรี เมดเวเดฟ แต่ไทย เป็นความขัดแย้งตั้งแต่ชนชั้นปกครองจนถึงระดับรากหญ้า และมีความรุนแรงกว่าหลายเท่า

2. ความขัดแย้งดังกล่าวเป็นเรื่องของความต้องการรักษาอำนาจหรืออิทธิพลสูงสุดในรัสเซียของ นรม.ปูติน ดังเช่นในอดีต ขณะที่ ปธน.เมดเวเดฟ ต้องการมีอำนาจอย่างแท้จริงในการปกครองรัสเซียในฐานะ ปธน.ของรัสเซีย

3. คาดว่าสถานการณ์ภายในรัสเซีย จะไม่ขยายตัวและมีความรุนแรงเช่นเดียวกับไทย เนื่องจากความขัดแย้งดังกล่าว ไม่มีปัญหาทางจริยธรรมหรือทุจริตเชิงนโยบายที่ของผู้นำที่รุนแรงเช่นเดียวกับไทย

4. อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าว น่าจะทำให้รัสเซียประสบปัญหาในการจัดการกับปัญหาภายในประเทศ อาทิ ปัญหาความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ และส่งผลต่อนโยบายต่างประเทศพอสมควร หากแต่ในอนาคต คาดว่ารัสเซียจะสามารถปรับตัวเองได้

นางสาวบุษบา บรรชาติ

หนังสือที่อ.ดำเกิงแนะนำ

7 Habits of Highly Effective People

1. นิสัย Proactive หรือ การรู้และเลือกด้วยตนเอง ไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของความเคยชินเดิม ๆ

2. Begin with the End in Mind หรือ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน และมีหลักการต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตและภาพลักษณ์ที่ต้องการ

3. First Thing Frist หรือการบริหารเวลาให้ถูกต้อง ใช้เวลาให้มากกับเรื่องไม่ด่วน แต่มีความสำคัญ

4. นิสัยการคิดแบบ win/win ตั้งบนหลักการแบ่งปันผลประโยชน์ให้คนอื่นด้วย

5. หัดเข้าใจคนอื่น ก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นมาเข้าใจตน Communication Skills สำคัญคือการฟัง

6.การยอมรับความแตกต่างของคนอื่น ทำให้คนเราสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นทีม

7. นิสัยการแบ่งเวลาเพื่อใช้ในการฟื้นฟูพลังชีวิต คือ พลังกาย พลังใจ พลังความคิด พลังจิต

จากการอ่านบทความ Who controls Russia สรุปว่า

Mr.Vladimir Putin เป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อการเมืองการปกครองของรัสเซียและเป็นที่นิยมของประชาชนชาวรัสเซีย การจะเป็นผู้นำของประเทศได้ต้องทุ่มเททั้งกายและใจทำงานเพื่อบริหารประเทศพร้อมแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง สำหรับ Mr.Dmitri Medvedev ยังไม่สามารถบริหารประเทศได้เนื่องจากขาดการตัดสินใจที่เด็ดขาด ขาดการติดต่อและสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับต่างประเทศ และที่สำคัญประชาชนยังไม่ได้ให้การยอมรับเท่ากับ Mr.Vladimir Putin ดังนั้นการเป็นผู้นำระดับประเทศที่สำคัญต้องทำให้ประชาชนยอมรับในตัวตนของตัวเอง หรือเรียกว่า “ซื้อใจประชาชน” ให้ได้

เมื่อค่ำของศุกร์13หรรษา

มีสมาชิกกลุ่มTalented NIA เกือบ10คน

ได้รวมตัวกัน เพื่อเสวนาสร้างสรรค์

ท่ามกลางบรรยากาศของเหล่าสิงห์สาลาสัตว์

ณ มุมเล็กๆ มุมหนึ่งกลางเมืองบางกอก

ผลของการพบปะเสวนาสร้างสรรค์ครั้งนี้

เกิดการถกแถลงแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ต่างๆ

ที่เพิ่งได้รับทั้งความรู้/หลักการ

จากการเข้ารับการอบรมในหลักสูตร

Talented Capital Development Program

ของ สขช. ตลอดห้วงเวลาที่ผ่านมา

เนื่องจากเป็นบรรยากาศที่

ค่อนข้างจะผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติ

อีกทั้งไม่กรอบ กฎ กติกาใดๆ

ที่มาครอบงำจิตนาการ/ความคิด

ทำให้การแสดงความคิดเห็นบรรเจิด

พลั่งพลูอย่างมากมาย

และยังเป็นการกระชับความสัมพันธ์

ในหมู่สมาชิกของกลุ่มTalented NIA

เนื่องจากด้วยภาระหน้าที่

ในการปฏิบัติราชการของสมาชิกแต่ละคน

ที่มีมากมาย...หาโอกาสที่จะพบปะกันได้ยากยิ่ง

จึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยให้เหล่าสมาชิก

ได้มานั่งถกแถลงกัน

เป็นเวทีเล็กๆเวทีหนึ่งที่แสดงความคิดเห็น

อย่างไม่เป็นทางการ

มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์

ระลึกความหลัง เป็นต้น

การฝึกอบรมช่วงบ่ายวันที่ 13 พ.ย. 52 อาจารย์ณรงค์ศักดิ์ฯ ได้พยายามถ่ายทอดความรู้ในเรื่องการสร้างนวัตกรรม

โดยการยกตัวอย่างเป็นรูปภาพ และได้เล่าถึงประสบการณ์ของอาจารย์ที่ได้ท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเก็บเกี่ยวความรู้มาบอกพวกเราในเรื่องการผสมผสานระหว่างศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิมทั้งของไทยและต่างประเทศกับสิ่งที่สร้างขึ้นมาใหม่ไม่ว่าจะเป็นวัตถุที่จับต้องได้หรือทรัพย์สินทางปัญหาที่จับต้องไม่ได้โดยการเพิ่มมูลค่าหรือสร้างคุณค่าให้เกิดกับสิ่งเหล่านั้น เปรียบได้กับการทำงานของสำนักข่าวกรองฯ ที่บุคคลากรต้องมีความคิดที่สร้างสรรค์เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมโดยนำวิธีการทำงานจากวัฒนธรรมดั้งเิดิมของเรามาผสมผสาน เพื่อสร้างสรรค์แนวคิดใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผล นำไปสู่ความสำเร็จของสขช.ต่อไป

เรื่อง ร้องขอ

เรียน ฝ่ายอำนายการ

ด้วย เมื่อศุกร์ที่ 13 พ.ย. 52 อาจารย์ณรงค์ศักดิ์ ผ้าเจริญ

ได้ให้เกียรติเดินทางมาบรรยายให้ความรู้แก่ ขรก.ของ สขช.

ที่เข้ารับการอบรมในหลักสูตร Talented Capital Development Program

ซึ่งอาจารย์ฯ มีเทคนิคในการถ่ายทอดความรู้ที่ดี น่าสนใจ ไม่น่าเบื่อ

อีกทั้งยังมีตัวอย่างที่มาจากประสบการณ์ตรง

ทำให้ จิตนาการตามได้อย่างเห็นภาพ

จึงร้องขอให้ฝ่ายอำนวยการ ประสานกับอาจารย์ฯ

เพื่อให้กลับมาถ่ายทอดความรู้ในด้านอื่นๆ ที่อาจารย์ฯ

มีความถนัด/มีความรู้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อ ขรก.ของ สขช.

ที่รับการอบรมในหลัดสูตรนี้

สมาชิก Talented NIA

สวัสดีค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างค่ะ หลังจากที่ได้อบรม มาแล้ว 6 วัน แล้ว มีความรู้สึกกันอย่างไรบ้าง อย่าลืมเข้ามาคุยกันบ้าง เล่าถึงบรรยากาศและความประทับใจของแต่ละท่าน และเพื่อนในกลุ่ม หรือจะเป็นอาจารย์ผู้สอน

เอจะขอแจ้งว่า วันที่ดูงานที่ปูนซิเมนต์ไทย วันที่ 20 นี้ อาจารย์จะเดินทางไปร่วมด้วย ถ้าอย่างไรก็ขอให้ทุกท่านเดินทางไปด้วยความพร้อมเพรียงด้วยนะค่ะ

อย่าลืม Assignment ที่อาจารย์จีระฝากไว้นะค่ะ ที่จะต้องทำระหว่างช่วงวันที่ 16 - 20 พฤศจิกายนนี้ เอได้นำบทความมาลงให้แล้วนะค่ะ Copy ได้ค่ะ และช่วงที่ไม่เจอกันรบกวนประสานงานเรื่องงานสัมมนาวันที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ถ้ามีอะไรให้เอช่วยเหลือ โทรศัพท์ 02-619-0512-3 ค่ะ

คุณเอค่ะ

ดีใจจังที่ยังห่วงใยพวกเราอยู่ แวะเข้ามาดูว่าเพื่อนฝูงทำอะไรกันบ้าง แต่สำหรับตัวเองขอพักผ่อนสัก 2 วันก่อน ค่อยทำการบ้านนะค่ะ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

สวัสดีสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ผมขอให้พวกเราช่วยกันตอบกลับด้วยครับใส่เสื้อแจ็กเก็ตไซด์อะไร ส่งเมล์ไปให้แล้ว จารย์เอ ฝากดูไซด์เสื้อของ อจ.จีระ อจ.กานดา อจ.เอ และ อจ.เอ้ มาด้วยนะครับ พวกเราจะตัดเสื้อแจ็กเก็ตรุ่นมอบให้ อจ.จีระและคณะด้วยครับ

มาเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่อยากจะฝากบอกเพื่อนๆ นะครับเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์มันเร็วมากนะครับ อย่าประมาทนะครับ มีเวลาส่งการบ้านล่วงหน้าได้เลย ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ ย้ำนะครับเพื่อนสมาชิกทุกคนทั้งที่กรุงเทพและต่างจังหวัด ทยอยส่งมาเลย รวมทั้งอย่าลืมเรื่องที่ฝากไว้ด้วยนะครับ ประเด็นที่จะนำเสนอวัน Public Seminar ส่งเมล์มาให้ผมได้เลย

ขอแสดงความยินดีกับท่าน อจ.จีระ ด้วยนะครับที่ได้รับรางวัล “Gold Star Award” at Indo Thai Friendship Banquet organized by India International Friendship Society (IIFS) ซึ่งพิธีดังกล่าวจัดที่โรงแรม Grande Sukhumvit กรุงเทพ เมื่อวันศุกร์ที่ 13 พ.ย.52 ที่ผ่านมา วันนั้นน้องๆ ก็รออาจารย์ แต่ไม่เป็นไรครับ อจ.เอ แจ้งแล้วว่าวันดังกล่าว อจ.ติดธุระ

ก่อนจบขอให้หนุ่มสาวที่ไปผ่อนคลาย ณ บรรยากาศกลางกรุง ที่แวดล้อมไปวยธรรมชาติและสัตว์ป่า อย่าลืมสานต่อจินตนาการให้ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางบล็อกและ hard copy ด้วยนะครับ โชคดีมีความสุขกับการศึกษาด้วยตนเองครับ

๑ เหรียญ ๑ คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง (บทเรียนจากความจริงกับอาจารย์จีระ)

     การทำงานของพวกเราในแต่ละวัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจำเป็นต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารในทุกด้าน ทั้งเรื่องที่พวกเราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง และเรื่องที่เราไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ก็ควรรับรู้ไว้ ดังนั้น ในการบริโภคข้อมูลข่าวสารจำเป็นต้องมีสติ รู้จักแยกแยะพิสูจน์ทราบ อย่าตกเป็นเหยื่อให้กับผู้ต้องการใช้เราเป็นช่องทางในการกระจายข่าว โดยเฉพาะข่าวที่จะมีผลกระทบต่อศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ท่องเอาไว้ สติ...สติ...สติ... 

     ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

    ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก....

             หายไปไหนกันหมดค่ะ

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้

(บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

         บทความนี้เพื่อน ๆ ในหลักสูตรคงบอกถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการวิเคราะห์บทความของอาจารย์ แต่สำหรับดิฉันอยากเปลี่ยนจากการวิเคราะห์เป็นการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนักการเมืองหญิงกับสังคมไทยมากกว่า

        แม้ในปัจจุบันสังคมไทยจะยอมรับนักการเมืองเพศหญิงเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถก้าวข้ามกรอบความคิดในเรื่องผู้นำประเทศควรจะเป็นเพศชาย เพราะวัฒนธรรมดั้งเดิมยังถูกยึดติดกับประโยคที่ว่า “ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า” ดังนั้น ผู้หญิงที่คิดจะเข้าสู่การเมืองต้องแสดงความสามารถ ความคิด และแสดงออกถึงภาวะผู้นำ ให้ประชาชนได้รับรู้มากกว่าเพศชายเป็นเท่าตัว จึงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้หญิงเก่ง จะเห็นได้จากการแสดงออกทางภาพลักษณ์เพื่อให้ตนเองโดดเด่น ไม่ว่าการแสดงคารมฝีปากกล้าในการประชุม ส.ส. เพื่อให้ประชาชนจดจำได้ หรือแม้กระทั่งการแสดงเหมือนกับว่าตนเป็นดารา มีจุดยืนที่แน่วแน่ว่าจะแก้ปัญหาสังคมในด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดไม่ใช่สิ่งที่ผู้นำประเทศควรเป็น เพราะผู้นำที่แท้จริงต้องทำทุกอย่างออกมาจากใจ มีความเสียสละ ให้อภัยผู้ที่ผิดพลาด สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้ว่าจะสามารถบริหาร และแก้ไขปัญหาของประเทศได้ในทุกด้าน เราจึงยังไม่มีนักการเมืองหญิงที่ยั่งยืนพอที่เราจะมั่นใจให้นำประเทศของเราได้

--------------------------------------

ปิยฉัตร  เขมะรังษี             15 พ.ย.52

              ขอบคุณครับท่านประธาน ผมใส่เบอร์ L ครับ.. ตอนนี้ผมกลับมาบ้านที่ขอนแก่นแวะไปที่ทำงานบ้างเพื่อดูแลน้อง ๆ ที่โครงการบ้านปลอดภัยwww.KKBP.NET และจัดเตรียมแผนงานกิจกรรมที่ได้รับมอบหมายครับ... ในโอกาสนี้ขอแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์จีระฯ ด้วยนนะครับที่ได้รับรางวัล “Gold Star Award” สำหรับ พี่ๆ เพื่อน...ทุกท่านพบกันวันที่ 20 พ.ย.52 ครับ....

คดีรักเกียรติและราเกซ

รักเกรียติและราเกซถึงแม้จะถูกศาลตัดสินให้ทั้งสองคนมีความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง โดยรักเกียรติยอมรับผิดและให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แต่ราเกซกลับเลือกที่จะหลบหนีสุดท้ายก็ถูกจับกุมมาดำเนินคดีจนได้ เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งสองมีความเกี่ยวข้องทางการเมืองทั้งทางตรงและทางอ้อม นักการเมืองของไทยหากอดีตทำผิดไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่ที่ไหน สักวันก็ต้องถูกจับมาดำเนินคดีในสิ่งที่ตนเองก่อขึ้น

กรณีของบิ๊กจิ๋วที่หวนกลับมาเล่นการเมืองอีกคร้ง โดยมาสวมบทบาทผู้นำพรรคเพื่อไทยทั้งที่ตนเองอายุเกือบ 80 ปีแล้ว บิ๊กจิ๋วอาจคิดว่าตนเองหากกลับมาอาจจะเป็นคนประสานความแตกแยกทางการเมืองของไทยให้กลับมาสามัคคีกันได้ และจะนำพรรคให้กลับมาดีขึ้นเหมือนเดิม ถึงบิ๊กจิ๋วจะมีความรู้ ความสามารถดี และมีประสบการณ์สูง แต่บิ๊กจิ๋วก็มีจุดอ่อนต่างๆมากพอควร โดยก้าวแรกที่หวนกลับมาก็เริ่มสร้างปัญหาขึ้นมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไปเยือนฮุนเซนถึงกัมพูชาและการเสนอความคิดให้จัดตั้งเมืองปัตตานี จะเห็นได้ว่าแทนที่คนในชาติจะสามัคคีแต่กลับแบ่งแยกกันมากขึ้น

...................................................

ธนิต สุวรรณากาศ 15 พ.ย.52

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

เป็นโครงการที่ภาครัฐและเอกชนร่วมกันจัดขึ้นคณะกรรมการทั้ง 39 คนมาจากหลายสาขาอาชีพ เพื่อปลูกฝังให้คนไทยตระหนักและมีส่วนร่วมในความรักชาติ ศาสนา กษัตริย์ โดยในช่วงนี้มักมีข่าวลือในการประชวรของในหลวงซึ่งเป็นการบ่อนทำลายสถาบันฯ ความหมายของการจัดโครงการนี้เปรียบได้กับคนไทยทุกคนรวมตัวกันเป็น 1 เดียว ตั้งจิตอธิษฐานให้ในหลวงหายจากการประชวรเร็ววัน และก็สร้างความรักสามัคคีของคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียว

1 เหรียญ 1 คำอธิฐาน เพื่อในหลวง

เป็นโครงการมีแนวคิดสร้างสรรค์ที่ดีอีกโครงการหนึ่งที่ร่วมกันปลูกจิตสำนึก ให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการร่วมกันดูแลสังคม การให้โอกาสในการพัฒนาคนไทยที่ตกงาน มีการพัฒนาทั้งอาชีพและจิตใจ โดยมีศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย ซึ่งพระองค์ทรงพระประชวรอยู่ขณะนี้

บทความยังกล่าวถึงผู้นำ ที่ต้องรักษาคุณธรรม จริยธรรมของตนเองที่ปฏิบัติมาแต่ก่อนอย่างเข้มแข็ง อย่าปล่อยให้ความรู้สึกแสวงหาเรื่องผลประโยชน์ที่ได้จากอำนาจหน้าที่ มาทำให้จิตใจอ่อนไหว เห็นผิดเป็นชอบได้ การเป็นผู้นำที่คิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่จะนำพาประชาชนให้มีจิตสำนึกในการมีส่วนร่วมที่จะช่วยเหลือสังคม และสิ่งแวดล้อม จากส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อยของรายได้ที่ตนหามา ตามกำลังและความรู้ที่มีอยู่ เพื่อประเทศไทยของเราได้อยู่รอดต่อไป

-------------------------------------

นวลจันทร์ ทรัพย์ประเสริฐ

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐานเพื่อในหลวง

เป็นโครงการที่ต้องการให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม มีความรักสามัคคี มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวง ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวไทยทุกคน โดยเงินดังกล่าวจะนำถวายเพื่อสนับสนุนโครงการของในหลวง ในการพัฒนาอาชีพและจิตใจคนไทยที่ตกงาน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาคน

ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงผู้นำว่าจะต้องมีคุณธรรม จริยธรรม และกล้าตัดสินใจ โดยเฉพาะข่าวลือจากผู้ไม่หวังดีเกี่ยวกับพระองค์ท่าน ควรจะต้องจัดการกับต้นตอข่าวลืออย่างโปร่งใส จริงจัง และเด็ดขาด รวมทั้งก็ต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบ

ขอร่วมแสดงความยินดีกับท่านอาจารย์จีระฯ ด้วยอีกหนึ่งคนนะครับ

ที่ท่านอาจารย์จีระฯ ได้รับรางวัล “Gold Star Award” at Indo

Thai Friendship Banquet organized by India International

Friendship Society (IIFS)

ขอแสดงความยินดีครับ........

คดีรักกียรติ/ราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

1. คุณรักเกียรติฯ เป็นนักการเมืองที่มีสปิริต ยอมรับคำตัดสินในกระบวนยุติธรรม ในคดีที่มีการชี้มูลความผิด และถูกพิพากษาตัดสินจำคุก แม้จะเป็นการกระทำที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เป็นนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อตนเอง และสังคม ประพฤติตัวเป็นแบบอย่างต่อนักโทษคนอื่น จนได้รับการพักโทษ ได้รับอิสรภาพก่อนเวลาที่กำหนด

2. คุณราเกซฯ กระทำผิดกฎหมายในไทย และหลบหนีไปสู้คดีในต่างประเทศโดยเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม หรือถูกกลั่นแกล้งรังแกจากฝ่ายการเมือง แต่ก่อนคดีจะมีอายุความสิ้นสุด ในกระบวนการทางกฎหมาย ได้มีการพิจารณาส่งตัวมาดำเนินคดีในไทย นายราเกซฯ พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำตัดสิน และพร้อมที่จะต่อสู้คดีในไทย โดยยึดถือหลักและมาตรการทางกฎหมายสากล

3. คุณทักษิณฯ แตกต่างจากคุณรักเกียรติฯและคุณราเกซฯ โดยสิ้นเชิง ไม่ยอมรับคำตัดสินหรือการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม หลบหนีคดีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ไม่มีจริยธรรมและคุณธรรมทางการเมือง อยู่กับความอยากได้ใคร่ดี ความริษยา มีกิเลสและโมหะคติ ทั้งที่เคยเลื่อมใสในพุทธศาสนา หากคุณทักษิณฯ ได้สติและนำหลักไตรลักษณ์มาปรับใช้ จะพบว่าความสุขที่แท้จริงของชีวิตเป็นอย่างไร

4. พล.อ.ชวลิตฯ เป็นบุคคลที่มีความรู้ มีบารมีในเครือข่ายต่างๆหลายวงการ สุขุมนุ่มลึก เป็นนักวางแผนวางกลยุทธิ์ที่วิเคราะห์หรือคาดเดาการกระทำ ความคิดได้ยาก ไม่รู้ว่าสิ่งใดจริงหรือเท็จ

ไม่รู้หลักหรือจุดยืนของตัวเอง เป็นผู้บริหารที่สร้างความเชื่อมั่น หรือความเชื่อถือให้กับส่วนรวมหรือสาธารณะได้ไม่มากนัก และไม่รู้จักปล่อยวาง อยู่ในวัยเกษียณที่ควรจะยึดถือหรือตอบแทนคุณของแผ่นดิน แต่ยังคงแสวงหาบทบาท อำนาจและประโยชน์ให้กับตนเองและกลุ่มพวก ไม่ใช่ตัวอย่างของนักการเมืองที่ดี

----------------------------------------------------

เชษฐ์

1 เหรียญ 1 คำอธิฐานเพื่อในหลวง

โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิฐานเพื่อในหลวง เป็นโครงการที่กลุ่มคนในหลายสาขาอาชีพ พยายามกระตุ้นจิตสำนึกของความเป็นคนไทย ให้รู้จักการมีส่วนร่วม เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจสามัคคี เพื่อส่วนรวมและคนด้อยโอกาส ช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนาคน พัฒนาจิตใจคน ให้มีคุณธรรม จริยธรรม ทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ ที่สามารถจับต้องได้ เป็นการแสดงความจงรักภักดี และขอให้ในหลวงทรงหายจากอาการพระประชวรโดยเร็ว แตกต่างจากหลายองค์กร หรือกลุ่มคนที่พยายามหยิบยกความจงรักภักดีมาเป็นประโยชน์ หรือใช้ประโยชน์ โดยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อกลุ่มพวกตนเอง

ประโยชน์ที่ได้จากแนวคิดโครงการฯ เห็นได้ว่าความดีไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาล เพียง 1 เหรียญ โดยไม่ได้กำหนดมูลค่าจำนวนเงิน ก็สามารถทำให้คนไทยทั่วประเทศมีส่วนร่วมในการทำความดี ไม่ได้ทำให้คนไทยได้รับผลกระทบหรือเดือดร้อนทางการเงิน หาก 60 ล้านคนของคนไทยมีจิตใจเดียวกัน จะทำให้ผู้ด้อยโอกาสได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ 60 ล้านคำอธิฐานของคนไทย จะเป็นกำลังใจ พลังใจมหาศาลต่อคนไทยด้วยกันเอง ที่มีศรัทธา ความรักความจงรักภักดีอันแรงกล้าต่อในหลวง ให้พระองค์ท่านทรงหายพระประชวร เป็นมิ่งขวัญต่อปวงชาวไทยตลอดกาล และให้ศัตรูภายใน ศัตรูภายนอกที่ปลุกปั่นบั่นทอนความเป็นชาติ ได้เห็นถึงความสามัคคี ความจงรักภักดีที่ไม่มีอำนาจใดมาทำลายลงได้

---------------------------------------------------------

เชษฐ์

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

กรณีศึกษา คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

    

  เป็นที่น่าสนใจสำหรับบทสรุปชีวิตนักการเมืองในปัจจุบัน ที่นักการเมืองบางคนหรือหลายๆ คน ควรนำมาเป็นแบบอย่างว่า คุณจะหนีปัญหาไปจนตาย  หรือยอมรับคำพิพากษาและรับโทษ จากนั้นก็สามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมไทยได้ตามปกติ  เช่น          - คุณรักเกียรติ ยอมที่จะรับผิดในสิ่งที่ตนเองได้กระทำ ยอมรับคำพิพากษาตามกระบวนยุติธรรม และสุดท้ายก็มีชีวิตที่เป็นสุขและอยู่กับครอบครัวในปัจจุบัน          -  คุณราเกซ ตัดสินใจหนีปัญหาไปต่างประเทศ ไม่ยอมรับโทษความผิดที่ก่อไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหนีความผิดที่ได้กระทำไว้ จนต้องกลับมารับโทษในปัจจุบัน แม้ตลอดเวลาคุณราเกซเองก็ไม่ได้มีความสุขอย่างที่จะเป็น         จากกรณีดังกล่าว ถือเป็นบทเรียนที่สำคัญ ไม่ว่าเป็นบุคคลธรรมดา หรือโดยเฉพาะนักการเมืองทั้งเก่า และใหม่ ที่จะต้องคำนึงว่าไม่มีใครสามารถอยู่เหนือกฎหมายได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมารับโทษทัณฑ์

ส่วนกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือ บิ๊กจิ๋ว ที่ออกมาเคลื่อนไหวขณะนี้ แม้ว่าอายุเกือบ 80 ปี จุดแข็งที่บิ๊กจิ๋วมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้มีความรู้มาก เป็นผู้มีประสบการณ์ทั้งด้านการทหาร การเมือง ทั้งในและนอกประเทศ แต่ในทางกลับกัน จุดอ่อนของบิ๊กจิ๋ว ก็มีไม่น้อย ไม่ว่าความรู้ที่มีมากเกินไปจนไม่สามารถเรียบเรียงหรือพูดให้คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย ชอบประนีประนอม และไม่สามารถทำได้ตามที่ได้ให้สัญญาไว้กับหลายๆคน จึงเป็นไปได้ว่า การกลับมาของบิ๊กจิ๋วในครั้งนี้ น่าจะมีผลประโยชน์บางอย่างแอบแฝง เพราะไม่เช่นนั้น ก่อนหน้านี้ บิ๊กจิ๋ว น่าจะออกมาเคลื่อนไหวหรือส่งสัญญาณบางอย่างที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยให้ประเทศย่ำแย่ แล้วค่อยออกมา หรือว่าหวังกลับมาเป็นใหญ่ในพรรคเพื่อไทย จนได้เป็นผู้นำรัฐบาล แล้วจะช่วยใครบางคนให้กลับเข้ามาในประเทศโดยไม่ต้องรับผิดอะไรเลยหรือไม่

หลังจากรับฟังการบรรยายเรื่อง “White Ocean Strategy”

กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว จากท่านอาจารย์ดนัย จันทร์เจ้าฉาย

จึงขอฝากธรรมะที่บรรยายโดยท่าน ว.วชิรเมธี

ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้

1. อย่าเป็นนักจับผิด

คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น

ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง

กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง

ไม่มีโอกาส จิตประภัสสร

ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข

2. อย่ามัวแต่คิดริษยา

แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน

คนเราต้องมี พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา

คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า เจ้ากรรมนายเวร

ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้องถอดถอน

ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น ไฟสุมขอน (ไฟเย็น)

เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน

เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี แผ่เมตตา

หรือ ซื้อโคมลอยมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป

3. อย่าเสียเวลากับความหลัง

90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ

ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น

มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก

เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องภาระต่างๆ

ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย

ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ

อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน

อยู่กับปัจจุบันให้เป็น ให้กายอยู่กับจิต

จิตอยู่กับกาย คือมี สติ กำกับตลอดเวลา

4. อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ

ตัณหาที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่เกินพอดี

เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วยน้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วยเชื้อ

ธรรมชาติของตัณหา คือ ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม

ทุกอย่างต้องดู คุณค่าที่แท้จริง ไม่ใช่ คุณค่าเทียม

เช่น คุณค่าที่แท้ของนาฬิกาคืออะไร ? คือไว้ดูเวลาไม่ใช่ใส่เพื่อความโก้หรู

คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือคืออะไร ? คือไว้สื่อสาร

แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่คุณค่าที่แท้จริงของโทรศัพท์

เราต้องถามตัวเองว่าเกิดมาทำไม

คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน

ตามหา แก่น ของชีวิตให้เจอ คำว่า พอดี คือ ถ้า พอ แล้วจะ ดี

รู้จัก พอ จะมีชีวิตอย่างมีความสุข

กรณีคุณรักเกียรติและราเกซเป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

กรณีคุณรักเกียรติยอมรับว่าคดีสิ้นสุดแล้ว ยอมรับในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับโทษ

กรณีคุณราเกซ หนีไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็หนีไม่พ้น ต้องกลับมารับโทษในบั้นปลายของชีวิต

กรณีของอดีตนายกทักษิณ ซึ่งไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ไม่เคารพกฎหมาย เลือกที่จะหนีไปเรื่อย ๆ ใช้ชีวิตเร่ร่อนในต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็คงหนีไม่พ้น เพราะไม่มีใครจะอยู่เหนือกฎหมายได้

ส่วนกรณีพลเอกชวลิต ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีอีกคนหนึ่ง เป็นคนดีมีความสามารถ แต่อาจจะไม่มีจุดยืนของตัวเอง มองโลกในแง่ดี อาจจะถูกกลุ่มผู้ไม่หวังดี นำท่านมาแสวงประโยชน์ได้ ถ้าไม่คิดหรือตัดสินใจให้รอบคอบ

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง เป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่ประชาชนชาวไทยจะสามารถร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงของเรา และเพื่อเป็นการแสดงความรักความสามัคคีของคนในชาติ ในขณะที่บรรยากาศทางการเมืองร้อนระอุ คนไทยมีความคิดเห็นแตกต่างกันทางด้านการเมือง แต่โครงการนี้จะทำให้ทุกคน ทุกฝ่ายรวมพลังกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของคนไทยทุกคน ที่มีต่อในหลวงของเรา ขอให้พวกเราทุกคนมาร่วมกันอธิษฐานให้พระองค์ท่านหายประชวร

เร็ว ๆ

มุมมองกรณีคุณยรรยงฯ ชี้ให้เห็นว่าข้าราชการตกอยู่ภายใต้อำนาจทางการเมือง การเมืองไทยยึดติดกับระบบเลือกตั้งใครได้คะแนน ส.ส.มากที่สุดในสภาก็มีอำนาจเบ็จเสร็จในการบริหารประเทศ แล้วยังมีอำนาจถึงกับก้าวก่ายดุลย์อำนาจในระบอบฯได้ ซึ่งเมื่อข้าราชการต้องอยู่ภายใต้อำนาจบริหาร ทำให้ไม่สามารถโต้แย้งได้มากนัก แล้วก็มักจะทำๆกันไปเพื่อไม่ให้ตนเองได้รับความเดือดร้อน ทั้งๆ บางที่ก็รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง ซึ่งมองว่าจุดนี้ยังไม่สามารถแก้ได้โดยง่าย หากมองว่าการบริหารเป็นประโยชน์ต่อ ประชาชนส่วนใหญ่ก็พอรับได้

เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าโครงการต่างๆ ของฝ่ายบริหารก็เพื่อการพัฒนา แต่มักจะมีผลประโยชน์ทับซ้อนของตัวบุคคลแอบแฝงอยู่ ถามว่าใครล่ะจะมีความกล้าเป็นผู้นำร่องต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ควรปล่อยให้เวลาในการเรียนรู้ต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง ซึ่งต้องช่วยกันสร้างองค์ความรู้ในสำนึกของ จริยธรรม คุณธรรม

การจะต่อสู้เพื่อให้ได้ชัยชนะ ต้องรู้เขารู้เรา รู้จุดอ่อน/จุดแข็งของตัวเอง/ผู้อื่น

คดีคุณรักเกียรติและราเกซ

ผู้นำที่ขาดคุณธรรม จริยธรรม เชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ความไม่รู้จักพอ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ถึงแม้จะเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถ

มีวิสัยทัศน์ ก็ไม่สามารถที่จะทำให้ตัวเองดำรงตำแหน่งอยู่ได้อย่างมั่นคง ซึ่งเป็นบทเรียน

ของผู้ที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำคนอื่น ๆ ได้ ว่า สุดท้ายแล้วเงินก็ไม่สามารถซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้ โดยเฉพาะความเชื่อมั่นและความศรัทธา

ส่วนกรณีบิ๊กจิ๋ว ถึงแม้จะมีจุดแข็งหลายอย่างที่จะสามารถนำมาใช้ แต่ยังขาดความรอบคอบในการใช้วิจารณญาณ เช่น กรณีการเยือนกัมพูชา และเรื่องเมืองปัตตานี ว่าจะเกิดผลดีผลเสียและผลกระทบอย่างไร

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้

(บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ) 

        อายุไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ ดังประโยคที่ว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ดังนั้น คนที่ฉลาดจะยอมรับว่าตนเองโง่ และต้องการพัฒนาตนเองตลอดเวลา

        วงการของนักการเมืองมีตัวแปรหลายอย่างที่ทำให้บุคลากรในวงการที่ไม่รู้จักพอ สามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนที่มีคุณค่า กลายเป็นคนที่มีมูลค่าได้ในพริบตา นอกจากนั้นยังสามารถเปลี่ยนจากบุคคลผู้แก่ประสบการณ์ กลายเป็นคุณปู่ คุณตา ที่ควรมีหน้าที่เลี้ยงหลานเท่านั้นพอ

        คำว่า CHANGE ในความหมายของท่านเหล่านั้น กับคำว่า CHANGE ของอาจารย์ทุก ๆ ท่านที่ให้ความรู้กับเรา ขอให้ศึกษาให้ลึกซึ้ง ทำความเข้าใจและนำไปปรับใช้ให้ถูกนะค่ะ 

--------------------------------------

ปิยฉัตร  เขมะรังษี             15 พ.ย.52

จากบทความ คดีคุณรักเกียรติและราเกซฯ

ขบวนการยุติธรรม เมื่อได้ตัดสินถึงที่สุดแล้ว ไม่่สามารถแก้ไขคำตัดสินนั้นได้ ทุกคนที่กระทำผิดจะต้องยอมรับคำตัดสินนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุณรักเกียรติหรือคุณราเกรซก็ตาม แม้จะหนีไปไกลแค่ไหน ต้องกลับมายอมรั่บโทษที่ถุูกตัดสินจนได้ เพราะจิตสำนึกของคนที่มีคุณธรรม จริยธรรมตามหลักคำสอนของพุทธศาสนา หรือศาสนาอื่น ๆ ทำให้รู้สึกว่า ทุกคนไม่ควรอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งกรณีของอดีตนายกทักษิณ จะแตกต่างจากบุคคลทั้งสองอย่างมาก ทำให้คุณทักษิณถูกมองได้ว่าเป็นคนที่ขาดคุณธรรม จริยธรรม ขาดจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองกระทำ ไม่ยอมรับผิด ตามหลักของภาวะผู้นำ เพราะอดีตเคยเป็นผู้นำที่เคยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเองมาก่อน

กรณีบิ๊กจิ๋ว แม้จะมีจุดแข็งคือมีความรู้ มีประสบการณ์ทางการเมืองที่สั่งสมมาเป็นเวลายาวนาน แต่ก็ไม่สามารถนำจุดแข็งของท่านมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ ตรงกันข้าม กลับขาดวิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็น ไม่มีจุดยืนที่แน่นอน อาจทำให้เกิดความแตกแยกด้านสัมพันธภาพเพิ่มมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการที่อาจถูกครอบงำจากกลุ่มคนที่ห้อมล้อม และใช้จุดอ่อนของท่านมาเป็นเครื่องมือ เพื่อคิดแสวงผลประโยชน์บางอย่างได้

อันเนื่องมาจาก บทความ

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

นักการเมืองหญิงของไทย ในยุคปัจจุบัน หลายคนก้าวออกมาเล่นการเมืองเพราะ ผู้ชายในครอบครัวอยู่เบื้องหลัง หรือ ในข้อเท็จจริง ก็คือ เป็นนอมินี ของคนในครออบครัวที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง ดังนั้น การบริหารงานจึงตกอยู่ภายใต้แนวคิด และการจัดการ ของคนในครอบครัว ไม่มีอิสระในการทำงาน ขาดอิสระทางความคิด อย่างแท้จริง การก้าวออกมาในวงการเมือง จึงเป็นการรักษาฐานอำนาจทางการเมือง ของคนที่มีความคิดว่า การเมือง เป็นธุรกิจครอบครัว

แต่ ในความเป็นจริงนั้น นักการเมืองหญิงไทย หลายคน มีความเก่งกล้า ไม่แพ้นักการเมืองผู้ชาย ในรัฐสภาของไทยในปัจจุบัน หากนักการเมืองหญิงไทยเหล่านั้น หลุดออกจากกรอบความคิดของครอบครัว และกำหนดอิสระของตนเองในการทำงาน ก็จะสามารถยืนหยัดได้ด้วยตนเอง .. และเป็นอนาคตสำคัญของชาติไม่แพ้นักการเมืองชาย เช่นกัน

การเรียนรู้ ในยุคปัจจุบันไม่ได้จำกัดกรอบเรื่องเวลา หรือ อายุ ตราบใดที่ทุกคนยังไฝ่รู้ แสวงหาความรู้อยู่อย่างต่อเนื่อง และยังสามารถที่จะทำงานเพื่อสังคมได้โดยไม่หยุดนิ่งตราบเท่าที่ ยังมีความคิดสร้างสรรค์ และมีพละกำลังในการลงมือทำ

-------------------------------------------------------------------------------------------------

สิ่งที่ได้จากการศึกษากรณี 1 เหรียญ 1 คำอธิฐานเพื่อในหลวง

- เมื่อคนเรามีศรัทธา ศรัทธาก็จะนำไปสู่ความร่วมแรงร่วมใจ

- การลงทุนกับมนุษย์เพื่อพัฒนามนุษย์เป็นการลงทุนระยะยาวที่ได้ผลคุ้มค่าที่สุด

- การมีส่วนร่วมจะทำให้เกิดความรู้สึกร่วมแรงร่วมใจ ภูมิใจ และเป็นส่วนหนึ่ง

- อย่าเชื่อข่าวลือหรือข้อมูลอะไรง่ายๆ ต้องนำมาไตร่ตรองข้อเท็จจริง หาเหตุหาผลก่อนไม่เช่นนั้นจะเกิดผลเสียในภาพรวม

วรรณวลัย มณีกุล

16 พ.ย.52

อันเนื่องมาจากบทความ

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

อายุไม่ใช่สิ่งจำกัดในการทำงาน แต่ผู้อาวุโสในสังคม นับเป็นทรัพยากรมนุษย์ ที่มีคุณค่า ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า บุคคลนั้น พร้อมที่จะทำงานอย่างต่อเนื่อง พร้อมที่จะนำประสบการณ์ ไปสู่การแบ่งปัน และทำงานร่วมกับคนต่างวัย โดยเฉพาะในแวดวงทางการเมือง ซึ่งประเทศไทย มีผู้อาวุโสในทางการเมือง ที่ประสบความสำเร็จ สามารถเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นหลัง สามารถนำกรอบความคิด ไปสู่การพัฒนาชาติ เป็นแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาชาติ ได้ต่อไป ตราบเท่าที่คนเหล่านั้นยังคงมีพละกำลัง และไม่หยุดนิ่งที่จะเรียนรู้ ทั้งนี้ ขอสนับสนุนแนวคิดที่ว่า คนเหล่านั้น ต้องมี Honesty ความซื่อสัตย์, Depth ทำอะไรลึกซึ้ง และ Vision มีวิสัยทัศน์

นักการเมืองอาวุโส หากยังคงอุทิศตนให้กับการทำงานการเมือง น่าจะช่วยในการพัฒนาชาติบ้านเมือง ในภาวะความขัดแย้งได้ในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ นักการเมือง เหล่านั้น ต้องรู้จักความเพียงพอ และตั้งใจทำงานอย่างแท้จริง ไม่ใช่กลับเข้ามาในวงการเมือง เพราะยังหลงใหลในอำนาจ หรือต้องการรักษาผลประโยชน์ หรือทำเพื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เท่านั้น

สิ่งที่ได้ศึกษา 1 เหรียน 1 บาท เพื่อในหลวงของเรา

- การที่ลงทุนกับทุนมนุษย์ เพื่อพัฒนามนุษย์

- คนมีความศัรทธา ศัรทธาที่จะนำความรู้ไปสู่ความไว้วางใจ

- มีส่วนร่วมจะทำให้เกิดความรู้สึกร่วมแรงร่วมใจ

- อย่าเชื่อหรือข้อมูลง่ายๆ

บทความ 1 เหรียญ 1 คำอธิฐานเพื่อในหลวง

จากการอ่านบทความ 1 เหรียญ 1 คำอธิฐานเพื่อในหลวง แล้วสะท้อนให้ทุกคนในชาติได้รู้สึกถึงการเสียสละเพื่อส่วนรวม รู้รักสามัคคี นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าคนที่ทำประโยชน์ และแสดงความจงรักภักดีต่อในหลวงนั้นเป็นการแสดงความเคารพรักอย่างจริงแท้ แต่จะมีกลุ่มคนบางกลุ่มทีแฝงเอาความรัก เคารพ เชิดชู ในสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือแอบอ้างเพื่อให้ได้ประโยชน์ในกลุ่มของตัวเอง สำหรับความดี ความเสียสละ นั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก เพียงแค่เสียสละ 1 เหรียญ ท่านก็สามารถช่วยผู้ด้อยโอกาศในสังคมได้แล้ว และเมื่อทุกคนในชาติรวมใจเป็นหนึ่งเดียวแค่เพียงคนละ 1 เหรียญก็สามารถรวบรวมเป็นพลังอันมหาศาลจนมีค่าสูงพอจะช่วยผู้ด้อยโอกาศได้แล้ว แกนสำคัญในการรวมกันเป็นหนึ่งนี้คือ ความจงรักภักดี ความเคารพรักในพระองค์ท่านที่ไม่มีอะไรสามารถมาลบล้างหรือทำลายสิ่งมหัศจรรย์สิ่งนี้ได้

สรุปกรณีของคุณยรรยง พวงราช

คุณยรรยง พวงราช เป็นคน จ. ศรีสะเกษเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงข้าราชการไทย กรณีที่คุณพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณิชย์ ให้นายยรรยงฯ ไปแถลงเรื่องโควตาประมูลข้าวโพด ใน ครม. ในรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ฯ คืองานในครั้งนี้สะใจคุณพรทิวาฯ แต่ไม่สะใจ ครม. นายยรรยงฯ รับมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนรัฐมนตรีฯ จึงเดินทางมาประชุม ครม. อำนาจแอบแฝงทางการเมือง ยุคประชาธิปัตย์ ต้องยกย่องข้าราชการไทย ที่มีศักดิ์ศรี โดยใช้วิธีการแบบ win win ครม. ก็จะไม่เสียหน้าต่อไป

สรุปบทความการเป็นผู้นำของ MANDELA

Coaching คือทักษะที่ผู้นำทุกคนต้องมี คือจะต้องรู้ปัญหาต่างๆ ของลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงานในงานที่ทำ และหาทางแก้ไข ปรับปรุง ผู้นำไม่ใช่นั่งและสั่งการอย่างเดียว ต้องฝึกฝนให้ลูกน้อง หรือ ผู้ร่วมงานไปสู่จุดที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น

ความคิดสร้างสรรค์Creativity เป็นเรื่องที่จำเป็นมากเพราะองค์กรไหนๆ ไม่มีแนวคิดใหม่ ๆ และไม่นำเสนอวิธีการที่จะทำให้องค์กรโดดเด่น องค์กรเหล่านั้นก็จะทำงานแบบ Routine คือประจำวันเคยทำอย่างไรก็ทำแบบเดิม ความคิดสร้างสรรค์ ( Creativity ) ทำให้คนในองค์กรมีพลัง มีความกระตือรือร้น( Energy ) และคนในองค์กรทั้งหมดก็จะถูกกระตุ้น(Energize)ขึ้นมาและนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จในอนาคตข้างหน้าสืบต่อไป การเป็นผู้นำแบบ Mandela คือการที่ภาวะผู้นำ จะเกิดขึ้นได้นั้นขึ้นอยู่กับตัวบุคคลและองค์กรนั้นๆ จะต้องนำแนวคิดของ Mandela ไปปรับใช้ในองค์กรของเรา โดยนำไปสร้างคุณค่าในการเป็นผู้นำของแต่ละคนไปสร้างพฤติกรรมที่เหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับการใช้ ความคิดและทัศคติ

เรื่องเบาๆ เมื่อ 12 พ.ย.52 ผมได้แอบไปดูหนังเรื่อง" 2012 วันสิ้นโลก" ได้ข้อคิดมาเล่าสู่กันฟัง หนังเรื่องนี้เน้นถึงโลกามหาวินาศที่อาจจะเกิดขึ้นในอีก3ปีข้างหน้า โดยไม่ได้คิดสร้างขึ้นเพื่อจงใจให้ผู้ชมได้ชมการถล่มทะลายของโลกให้สะใจ หรือสร้างความแตกตื่น แต่คงสื่อให้รู้ว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้นได้ ประเด็นของเรื่องอยู่ที่ชาวมายัน ได้ศึกษาดาราศาสตร์ผสมผสานกับเรื่องของเทพเจ้า แล้วสร้างปฏิทินที่มีวันจบขึ้น โดยในปี ค.ศ.2012 จะเป็นปีที่ 0 คือปีสิ้นสุดของโลก ซึ่งต่างกับปฏิทินที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ที่ดำเนินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งลี้ลับที่ชาวมายันหาวันสิ้นโลกได้นั้น คนในปัจจุบันยังไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าชาวมายันรู้วันสิ้นโลกได้อย่างไร

ลองไปชมกันดูนะครับ ได้แง่คิดดี และก็คงไม่ต้องแอบไปดูอย่างผม ผมแค่คิดไปดูก็ลุ้นแล้ว หนังใช้เวลา 3 ชม.กว่าๆ ลุ้นตัวเกร็งเลยครับ ถ้าได้ชมแล้วมาเล่าให้ฟังกันบ้างว่าได้แง่คิดอะไรบ้าง

จากบทเรียนนักการเมืองหญิงไทย ในมุนมองตนเองมองนักการเมืองหญิงไทยออกเป็นสองกลุ่มคือ

มองนักการเมืองหญิงไทยกลุ่มแรก เป็นนักการเมืองที่เข้ามาสู่ตำแหน่งในทางการเมืองเพื่อปกป้อง/มุ่งแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจให้แก่ตนเองและพวกพ้อง ด้วยการสืบทอดมรดกในทางการเมืองมาจากครอบครัวและเครือญาติ โดยมอง

ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมากกว่าผลประโยชน์ของชาติ ไม่ค่อยมีจริยธรรม คุณธรรม หรือภาพของความซื่อสัตย์

การแสดงบทบาทเพื่อหวังผลประโยชน์ในทางการเมืองเท่านั้น

มองนักการเมืองหญิงไทยกลุ่มสอง เป็นการเมืองที่มีคุณภาพ เข้ามาสู่เวทีการเมืองจะดูผลประโยชน์ของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง คือ การทำการเมืองเพื่อส่วนรวม มีคุณธรรม จริยธรรมสูง มีภาพของความซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ แต่จะไม่ค่อยแสดงบทบาทเพื่อหวังประโยชน์ในทางการเมืองมากนัก ซึงเป็นแบบอย่างที่ดีให้นักการเมืองหญิงไทยนำไปเป็น

แบบอย่าง

ดังนั้น เราจะต้องร่วมกันส่งเสริม/ผลักดันนักการเมืองหญิงไทยรุ่นใหม่ ๆ ที่มีวิสัยทัศน์ ภาพของความซื่อสัตย์ ที่มองผลประโยชน์ของชาติ และส่วนรวมเป็นที่ตั้งให้เข้าสู่เวทีในทางการเมืองให้มาก เพื่อการพัฒนาประเทศชาติไปข้างหน้าแบบยั่งยืน รวมทั้งเป็นแบบที่ดีให้กับเยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษา และนำไปเป็นแบบอย่าง โดยเฉพาะการส่งเสริมเข้าสู่เวทีในทางการเมืองแถว

หน้า (ผู้นำ)

ได้อ่าน HR มีอยู่ 2 ท่านที่กำหนดและการถ่ายทอดความรู้แนวคิดในหลักการประสพการณ์ ในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไปสู่การปฎิบัติ ผู้นำต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของคนในองค์กร ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีทางด้านการงาน และด้านปฎิบัติความประพฤติ ต้องสร้างความศรัทธา ความผูกพัน และความจงรักภักดี ให้เกิดขึ้นในองค์กร ด้านการเอาใจใส่พัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นรากฐานทางปัญญา เพื่อให้คนคิดเป็น วิเคราะห์เป็น จะเป็นการเพิ่มคุณค่าและคุณภาพของคนในองค์กร ไปสู่ความเป็นเลิศต่อไป

ปูติน เป็นนายก ประเทศรัสเซีย สำหรับ เมดเดเวฟ เป็นประธานาธิบดีรัสเซีย แต่ในปัจจุบัน ปูตินมีอำนาจขทั้งหมดโดยไม่ปล่อยให้ ประธานาธิบดี เมเดเวฟ ซึ่งความจริงแล้ว เมเดเวฟ น่าจะมีอำนาจมากกว่าตามตำแหน่งแล้วมีความแตกต่างกันในเรื่องของความคิด ปูติน มีการแสดงกริยาที่ดีกว่า เมเดอเวฟ ซึ่งเมเดเวฟ ดูเป็นคนกร้าวร้าว และกล่าวโจมตีปูตินตลอดเวลา ประชาชนมีความรู้สึกที่ไม่ดีกับ เมเดเวฟ ยังขาดความรู้ทุกๆด้าน ขาดความสัมพันธ์ที่ดีกับประชาชนในพื้นที่ จึงทำให้นโยบายต่างชาติไม่มีเข้ามา เมเดเวฟเสียงตก และในขณะนี้ภายในประเทศรัสเซีย ยังมีการทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา ต้องลดความขัดแย้งภายในให้ประเทศรัสเซีย ต้องแก้สภาวะภายในให้ได้เสียก่อน สำหรับการเลือกตั้งในครั้งต่อไปน่าจะเป็นของ ปูติน เพราะประชาชนรักปูตินมากกว่า

บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระ กรณี พลเอกชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ และพลตรีสนั่น

โลกเรามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาด้วยปัจจัยหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะด้านเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม การเมือง ซึ่งเกี่ยวข้องกับชีวิตเราเอง ดังนั้นทุกคนจึงมีความจำเป็นต้องเรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตนเองและองค์ กร รวมทั้งการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวไปข้างหน้าแบบยั่งยืน ซึ่งตรงกับสำนวนไทยที่ว่า “ไม่มีใครแก่เกินเรียน” ซึ่งยังคงใช้ได้

จนถึงปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามก็อย่าเรียนจนแก่ เพราะจะตามไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

คนเราจะอายุมากหรือน้อย หากมีการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ เพื่อนำไปสร้างสรรค์ในสิ่งดีๆ ก็จะเกิดประโยชน์ต่อตนเอง และประเทศชาติได้อย่างมากมาย เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำบันทึกไว้ศึกษา และเป็นแบบอย่างที่ดี ซึ่งการเรียนรู้ไม่ใช่การเรียนใน

ห้องเรียนเพื่อหวังหวังใบปริญญาเป็นเครื่องการันตีเท่านั้น แต่การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากผู้มีประสบการณ์ การอ่าน การค้นคว้าจากสื่อต่าง เป็นต้น

จากบทเรียนดังกล่าวจะเห็นว่าบุคคลทั้งสี่แม้ว่าจะมีอายุมาก แต่เป็นผู้มีประสบการณ์ในทางการเมืองที่สูง มีความรู้ ความสามารถ จนก้าวไปเป็นผู้นำในทางการเมือง และผู้นำประเทศ ดังนั้นการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ ๆ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในเชิงสร้างสรรค์ ต่อประเทศชาติจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่สำคัญว่านักการเมืองรุ่นเก่า ๆ จะมีความกล้าหาญในการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมหรือไม่เท่านั้น เนื่องจากนักการเมืองไทยยังคงมุ่งแสวงหาอำนาจ/ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องมากกว่าผลผลประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งจะเห็นได้จากสภาพปัญหาความขัดแย้งในทางการเมือง

ของประเทศไทยในปัจจุบัน

วิเคราะห์กรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ

กรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ ที่เป็นบทเรียนต่อนักการเมืองรุ่นปัจจุบัน สรุปได้ ดังนี้

1. กรณีคุณรักเกียรติและราเกซ ซึ่งคดีของบุคคลทั้งสองอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของกระบวนการยุติธรรม ที่ดูเหมือนว่าบุคคลทั้งสองได้ยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทย แต่กรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการยอมจำนนต่อกระบวนการยุติธรรมมากกว่า เนื่องจากกรณีคุณรักเกียรติ สุขธนะ ได้หลบหนีการดำเนินคดีและไปหลบซ่อนตัวก่อนจะที่จะถูกจับกุมตัวและถูกจำคุกในเวลาต่อมาตามคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ขณะที่กรณีคุณราเกซ สักเสนา ก็เช่นเดียวกันที่ได้หลบหนีคดีไปหลบซ่อนตัวที่ประเทศแคนาดา ก่อนถูกส่งตัวมาเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีในประเทศไทยในปัจจุบัน ทั้งนี้คดีของคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นผลจากการขาดจริยธรรมและกฎแห่งศีลธรรมในการปฏิบัติงานในฐานะผู้นำทางการเมืองและธุรกิจ

2. หากนำเอากรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ มาเปรียบเทียบกับกรณีคดีคุณทักษิณ อาจจะมีความเหมือนกันเนื่องจากเป็นคดีเกี่ยวกับการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นผลจากการขาดจริยธรรมและกฎแห่งศีลธรรมในการปฏิบัติงานในฐานะผู้นำทางการเมืองและธุรกิจเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะมีความเหมือนกันอีกประการก็คือคุณทักษิณได้หลบหนีคดีเช่นเดียวกับคุณรักเกียรติและราเกซ แต่คุณรักเกียรติและ ราเกซถูกจับก่อนนำตัวเข้าสู่การพิจารณาคดีของกระบวนการยุติธรรมไทยในช่วงการเมืองไทยอยู่ในภาวะปกติ ขณะที่คุณทักษิณยังคงหลบหนีต่อไป อาจจะเป็นผลจากไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทยที่ผลทางคดีต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นในภาวะไม่ปกติ (เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549)

3. ความแตกต่างกันของคดีคุณรักเกียรติและราเกซ ซึ่งถูกดำเนินคดีในช่วงการเมืองอยู่ในภาวะปกติ ไม่ปรากฏมีกลุ่มพลังมวลชนกลุ่มใดมาคัดค้านการตัดสินคดีของกระบวนการยุติธรรมไทย แต่คดีคุณทักษิณ ซึ่งถูกดำเนินคดีภายหลังการรัฐประหาร ส่งผลให้มีกลุ่มพลังมวลชนบางกลุ่มมาคัดค้าน/ไม่ยอมรับการตัดสินคดีของกระบวนการยุติธรรมไทย โดยอ้างว่าเป็นการรังแกคุณทักษิณ จึงอาจทำให้คุณทักษิณไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมไทยในปัจจุบัน และคุณทักษิณถูกมองว่ามีความพยายามจะอยู่เหนือกฎหมาย (Rule of Law)

4. สรุปได้ว่า ผู้นำทางการเมืองปัจจุบัน ต้องมีหลักจริยธรรมและกฎแห่งศีลธรรมในใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกันกับกรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ รวมทั้งคดีคุณทักษิณ

------------------------------------

สุรศักดิ์

ความเห็นเรื่อง 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

ขอเสนอความเห็นเรื่อง 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง ดังนี้

1. โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง เป็นโครงการที่เปิด

โอกาสให้ประชาชนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีส่วนร่วมกันในการแสดงความจงรักภักดี และขอให้ในหลวงหายประชวร , ให้คนไทยมีความรักสามัคคีกันอย่างแตกแยก และจะถวายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการมูลนิธิพระดาบส

2. โดยภาพรวมโครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน ยังคงเป็นโครงการที่ดี

ซึ่งควรได้รับความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน โดยเฉพาะห้วงที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือมากมาย ที่กระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมทั้งกระทบต่อภาคส่วน อื่น ๆ ในสังคม ดังนั้นโครงการฯ จะทำให้มีความร่วมมือร่วมใจกันเพื่อกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิดประโยชน์สุขต่อสังคม โดยเฉพาะโครงการฯ จะถวายเงินเพื่อสนับสนุนโครงการมูลนิธิพระดาบส ซึ่งเป็นโครงการของในหลวง ในการพัฒนาคนไทยที่ตกงาน พัฒนาทั้งอาชีพและจิตใจ ที่จะเป็นงานที่มีคุณค่าต่อสังคมระยะยาว จึงเป็นการแสดงให้เห็นว่าในหลวงได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยโดยดำเนินงานผ่านทางโครงการพระดาบส เพื่อความยั่งยืนต่อสังคมไทยในระยะยาว

------------------------------------

สุรศักดิ์

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

แนวคิดที่ได้จากกรณีศึกษา : บทบาทของนาย Shimon Peres

สิ่งที่ทำให้นาย Peres อดีตประธานาธิบดีอิสราเอลวัย 85 ปี ยังคงเป็นผู้ทรงคุณค่าต่อการบริหารของประเทศ นอกจากจะเป็นเพราะผลงานทั้งในด้านการบริหารและรางวัล Noble ที่ได้รับ ยังมาจากคุณลักษณะในตัวเอง ทั้งความซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์

ทำงานอย่างลึกซึ้ง รวมทั้งมีความสนใจใฝ่รู้ ที่ยังคงเป็นอยู่จนถึงปัจจุบัน หลังพ้นจากตำแหน่งก็ยังถ่ายทอดและชี้แนะแนวคิดที่เป็นประโยชน์แก่ผู้นำรุ่นใหม่ได้ แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำอย่างแท้จริงของนาย Peres ที่เปิดกว้าง เป็นแบบอย่างที่ดีและไม่ยึดติดในอำนาจ

เมื่อเปรียบเทียบกับนักการเมืองไทย คุณสมบัติดังที่กล่าวมาอาจจะยังหาได้ไม่ง่ายนัก โดยเฉพาะความซื่อสัตย์และการมีวิสัยทัศน์ แต่ในเรื่องความสามารถและประสบการณ์ ถ้ามองในแง่ดีก็พบว่ามีนักการเมืองอาวุโสหลายท่านที่ยังทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ ถ้าไม่ติดเรื่องผลประโยชน์ส่วนตัว ขอแค่มีสามัญสำนึกและความตั้งใจจริงที่จะทำเพื่อชาติ แต่ถ้ายังจมอยู่ในวงวนแบบเดิม ๆ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนรุ่นใหม่ ที่จะจดจำและดูไว้แบบอย่าง(ที่ไม่พึงประสงค์) อย่างน้อยก็เพื่อปลูกฝังและส่งเสริมสิ่ง

ดีดีที่อยากให้เกิดขึ้นต่อไป

ความเห็นต่อบทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระ กรณีพล.อ.ชวลิต พล.ต.สนั่น คุณบรรหาร คุณเสนาะ กับนายชิมอน เปเรส

นายชิมอน เปเรส ซึ่งมีอาชีพเป็นนักการเมืองคว่ำหวอดอยู่ในวงการเมืองของอิสราเอล และเวทีระหว่างประเทศมาหลายปีจนอายุปัจจุบัน 85 ปี ก็ยังเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า เป็นที่ต้องการของประชาชนและประเทศชาติอยู่ จึงสะท้อนให้เห็นว่านาย

ชิมอน เปเรส มีคุณสมบัติสำคัญของการเป็นผู้นำที่ดีดังนี้

1. เป็นผู้ที่มีทุนทางความรู้สูงทั้งจากประสบการณ์ ทักษะ สติปัญญา ส่งผลให้เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ในการทำงานต่อประเทศชาติ

2. เป็นผู้ที่มีจิตสาธารณะ หรือมีทุนทางสังคม ต้องการช่วยเหลือเสียสละเพื่อประเทศชาติ

3. เป็นผู้ที่สามารถสร้างพลังให้กับประชาชน และประเทศชาติ ได้เป็นอย่างดี

4. เป็นผู้ที่ศึกษาหาความรู้กับโลกสมัยใหม่ยุคโลกาภิวัฒน์ เพื่อนำมาใช้ในการบริหาร การเป็นผู้นำ ให้ทันกับสถานการณ์ รวมทั้งความสามารถในการรักษาสุขภาพกายและจิตใจให้แข็งแรง เพื่อพร้อมในการทำงานแม้อายุมากแล้ว

5. ความสามารถในการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักการเมืองรุ่นหลัง ทั้งความรู้ความสามารถ และคุณธรรม

จากกรณีของนายชิมอน เปเรส หากเปรียบเทียบกับนักการเมืองอาวุโสของไทย คือพล.อ.ชวลิต พล.ต.สนั่น คุณบรรหาร และคุณเสนาะ แล้วมีทั้งความคล้ายและความแตกต่างกัน เฉพาะที่สำคัญ คือ นักการเมืองไทยทั้ง 4 คน เป็นผู้ที่มีทุนทางความรู้สูงเช่นกันทั้งจากประสบการณ์ ทักษะ สติปัญญา แต่ทำไมภาพลักษณ์การเป็นผู้นำในเชิงบวกจึงไม่โดดเด่นเท่านายชิมอน เปเรส ซึ่งควรต้องนำคุณสมบัติ พฤติการณ์การเป็นผู้นำ การเป็นผู้บริหาร ในช่วงที่มีอำนาจมาประกอบการพิจารณาวิเคราะห์ โดยผู้นำที่ประชาชนน่าจะเรียกร้องถวิลหาสูงสุด คือ บุคคลที่มีความสามารถ มีจิตสาธารณะต่อประเทศชาติ และมีคุณธรรม อย่างไรก็ตามนักการเมืองไทยทั้ง 4 คน แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เท่านายชิมอน เปเรส แต่ยังมีคุณค่าประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะการวางรากฐาน

เป็นแบบอย่างที่ดีมีคุณธรรมให้กับนักการเมืองรุ่นหลัง ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดการบริหาร/นำพาประเทศชาติเป็นรุ่นต่อไป

ความเห็นต่อบทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระ กรณีนักการเมืองหญิงไทย

ในแวดวงการเมืองไทย นักการเมืองผู้หญิง แม้ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับนักการเมืองผู้ชาย โดยเฉพาะการดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองยิ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยยิ่งขึ้น สาเหตุสำคัญบางประการอาจเป็นเพราะ มูลเหตุจูงใจในการทำงานการเมือง รวมทั้งอุดมการณ์ พฤติการณ์ทางการเมืองของนักการเมืองผู้หญิงยังไม่เด่นชัด/โดดเด่น ส่วนใหญ่มักปรากฏพฤติกรรมในลักษณะเล่นการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจของวงศ์ตระกูล รักษาผลประโยชน์/ธุรกิจของตระกูล อย่างไรก็ตามปัจจุบันความรู้ความสามารถของนักการเมืองผู้หญิง ไม่แพ้นักการเมืองผู้ชาย ทั้งคุณวุฒิ วัยวุฒิ ประเด็นอยู่ที่ว่าจะผลักดันให้นักการเมืองหญิงไทยทำงานทางการเมืองให้เด่นชัด มีอุดมการณ์มีบทบาทต่อประเทศชาติอย่างไร ซึ่งในโลกนี้มีนักการเมืองหญิงที่สามารถดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองมาแล้ว เช่น Mrs.Merket นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนี และนางเฮนเรนรี คลินตัน โดยจะเห็นบทบาท/ภาพลักษณ์การทำงาน/ความมุ่งมั่นอุดมการณ์ทางการเมืองที่เด่นชัดมากกว่านักการเมืองหญิงไทย ฉะนั้นการจะประสบความสำเร็จของนักการเมืองหญิงไทย น่าจะต้องใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่แล้ว มาประกอบกับอุดมการณ์สำคัญทางการเมือง เพื่อใช้ขับเคลื่อนเป็นพฤติกรรมทางการเมือง มากกว่าการเล่นการเมืองโดยต้องการสืบทอดอำนาจดังเช่นปัจจุบัน

.......................

นายรัชภูมิ

บทเรียน 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐานเพื่อนในหลวง

โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เป็นโครงการที่ดีที่จะทำให้คนไทยทุกหมู่เหล่าได้แสดงความจงรักภักดี รวมใจเป็นหนึ่งเดียว รู้รักสามัคคี ในสภาพสังคมไทยที่เกิดความแตกอยู่ในปัจจุบันเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว เพื่อทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรและทรงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าสืบต่อไปตราบนานเท่านาน

สิ่งที่ได้รับจากบทเรียนกรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ แสดงให้เห็นถึงบทเรียนที่เป็นเครื่องเตือนใจผู้นำได้ว่าหากผู้นำประพฤติปฏิบัติตนไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ขาดคุณธรรมและจริยธรรม คำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าส่วนรวม และขาดจิตสำนึกในการเป็นนักการเมืองที่ดีก็จะต้องได้รับผลของการกระทำของตนในฐานะที่ก่อให้เกิดผลกระทบและสร้างความเสียหายต่อคนไทยและประเทศชาติ ซึ่งในกรณีของคุณรักเกียรติกับคุณราเกซแม้ว่าจะหลบหนีคดีแต่สุดท้ายก็ต้องกลับมารับโทษอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น ผู้นำควรมีจิตสำนึกของการมีการเปิดใจให้กว้างและยอมรับผลแห่งการกระทำของตนและ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริง ไม่ควรหนีปัญหาและหนีความผิดที่ตนได้กระทำไว้

นอกจากนี้ ผู้นำควรตระหนักถึงจุดอ่อน-จุดแข็งของตนเองเพื่อที่จะนำมาปรับใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม สิ่งสำคัญก็คืออย่าปล่อยให้จุดอ่อนเป็นตัวทำลายจุดแข็งที่มีอยู่ให้อ่อนแรงลง ซึ่งในกรณีนี้จะเห็นได้ว่า พล.อ.ชวลิต เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถรอบด้าน มีประสบการณ์มากมายทั้งการเมือง ต่างประเทศและด้านทหาร มีการสร้างสัมพันธ์เครือข่ายต่าง ๆ อย่างกว้างขวางกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างดี แต่แทนที่จะดึงเอาจุดเด่นข้างต้นนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติกลับกลายเป็นนำเอาจุดอ่อนไปจุดประกายความแตกแยกให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้นำที่ดีควรมีวิจารณญาณสามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด พึงรู้ว่าผู้ใดแสวงหาผลประโยชน์จากบทบาทการเป็นผู้นำของตน และต้องมีจุดยืนในการกระทำสิ่งที่ถูกต้อง ยึดมั่นในหลักคุณธรรม อย่าให้ผู้ใดมาบงการ ครอบงำความคิดชักจูงให้กระทำสิ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งต่อส่วนรวม

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมุ่งเน้นให้คนไทยมีความรัก ความปรองดอง ความสามัคคีต่อกัน และให้มีจิตสำนึกในการเสียสละเพื่อส่วนรวม ตลอดจนการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือสังคมอันก่อให้เกิดความร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวของประชาชนชาวไทย เนื่องจากในปัจจุบันสถานการณ์บ้านเมืองกำลังเผชิญกับวิกฤติปัญหาความแตกแยกของคนในสังคม ดังนั้น คนไทยทุกคนต้องพร้อมใจกันแสดงพลังความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ และควรตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่มีความรัก ความห่วงใย และให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนไทยให้มีความรู้คู่คุณธรรมซึ่งเห็นได้จากโครงการพระราชดำริต่าง ๆ ของพระองค์ที่ช่วยเหลือให้เยาวชนและคนไทยทุกชนชั้นได้พัฒนาและช่วยเหลือตนเองและผู้อื่นได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนหรือเบียดเบียนใคร

นอกจากนี้ ผู้นำที่ดีควรยึดถือและปฏิบัติตนให้เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสำนึกแห่งความเป็นผู้เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม รับฟังความคิดเห็นจากบุคคลรอบด้านและรู้จักวิเคราะห์แยกแยะข้อเท็จจริงได้อย่างชาญฉลาด อย่าด่วนสรุปตัดสินใจโดยขาดการไตร่ตรองอย่างรอบคอบเพราะผลที่ตามมาอาจนำพาให้เกิดผลกระทบต่อประเทศชาติอย่างร้ายแรง

นาย Shimon Peres กับ ผู้สูงอายุในเมืองไทย

หลังจากที่ได้อ่านบทความ อ.จิระ ฯ แล้ว ผมยังมองในมุมมองผมว่า คุณค่าของผู้สูงอายุหลายท่านยังมีประโยชน์ต่อประเทศ ไม่ใช่ว่าจะแก่แล้วแก่เลย แต่บางท่านแก่กะโหลกกะลา สิ่งที่ทำให้คุณค่าของแต่ละคนยังอยู่ยั้งยืนยง คือ ผลงานและคุณูประการที่ท่านทิ้งไว้ให้ลูกหลานได้สานต่อ เพื่อพัฒนาประเทศไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน แต่บางท่านทิ้งไว้ซึ่งความอัปยศ อดสู แต่ยกย่องกันจนเกินกว่าเหตุ ไม่จำเป็นที่คนเป็นยังซึ่งประโยชน์แก่ผู้ที่ยังอยู่ แต่มากมายที่คนตายไปแล้วทิ้งมรดกที่ควรอนุรักษณ์และสืบสานต่อให้เป็นจริง เช่น อ.ป๋วย ฯ หรือท่านปรีดี ฯ (อ.ของ อ.จิระ ผมยอมรับแบบจริงใจ)

ค่าของคนอยู่ที่ผลของสิ่งที่ปฏิบัติต่อผู้คน ไม่ได้อยู่ที่ว่าเป็นคนของใคร พวกใคร การที่จะได้การยอมรับมันต้องขึ้นอยู่กับว่ามีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขว้างของประชาชนทั่วไป ไม่ใช่แอบไปยกย่องกันมาแล้วบังคับให้คนหมู่มากต้องยอมรับแบบเสียมิได้ ไม่รู้ว่าจะยอมรับกันได้มากน้อยขนาดไหนนะครับ

การยกนักการเมืองทั้ง 3 ท่าน และบุคคลของการเมืองอีก 3 ท่าน มาเทียบเคียงกับนาย Peres ยังต้องบอกก่อนว่าคนอิสราเอลยังตกอยู่ในภาวะที่ต้องปกป้องความอยู่รอดของชาติ ทุกทั่วตัวคน เหมือนฝังอยู่ในสายเลือดแห่งการอยู่รอด แต่ไม่รู้ว่าคนไทยมีแบบนี้หรือเปล่าเพราะเราเสียกรุงศรีฯ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษเมื่อห้าร้อยกว่าปีที่แล้ว แต่อิสราเอลทำสงครามเก้าวันเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา เวลามันต่างกันมาก รวมทั้งการปลูกฝังเรื่องชาติด้วย เลยไม่แน่ใจว่าเรามีหรือไม่ในเรื่องวิสัยทัศน์ และนวัตกรรม เพราะเมืองไทยไม่เคยสร้างให้คนรู้จักคิดอะไร ทำอะไรที่เป็นของไทย ปลูกฝังแต่การซื้อ แล้วก็ซื้อ

เมื่อ 100 ปี ที่แล้วเราสร้างเครื่องบินเอง เราต่อเรือเอง ไปไหนหมดแล้วครับ มีคนไทยกลุ่มหนึ่งพยายามสร้างรถยนต์ของคนไทยแต่ไม่ใครสนับสนุน ปัจจุบันทุกประเทศในโลกมีวิสัยทัศน์ในการสร้างอุตสาหกรรมเพื่อพึ่งพาตนเองทั้งนั้นแม้แต่อาวุธ เช่น อิตาลี สวีเดน ออสเตรเลีย ฯ เพราะวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งใครเพราะมีเป็นของตัวเอง

ผู้คนในบ้านเราจำนวนไม่น้อยเรามีวิสัยทัศน์แค่ปลายเท้า ไม่อยากหวังอะไรมาก เพราะยังมีชีวิตอยู่ในวังเวียนกับภาพฝันเก่าๆ เช่น เป็นฮับแห่งโลกอาหาร หรือเป็นแหล่งผลิตข้าวที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แต่ไม่เคยสอนว่าปลูกข้าวแล้วอย่ารีบเกี่ยวเพราะมันยังไม่สุกเต็มที่ แต่ให้รีบเกี่ยวเพราะกำลังถึงช่วงรับประกันราคา ใครได้ผลประโยชน์จากการเก็บเข้าไซโล นักการเมืองเป็นเจ้าของโรงสี เจ้าของไซโล ไม่ต้องถามหรอกว่าปลูกข้าวได้แต่ข้าวเหรอ คิดไม่ออกหรอกว่าข้าวนำไปต่อยอดอะไรได้อีก แปรรูปเป็นอาหารอย่างอื่น ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ เรื่องความงาม เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์อย่างมหาศาล สงสารชาวนาจริงๆ

มันเป็นเรื่องของการสร้างคนจริงๆครับ บ้านเรายังติดกับดักอยู่ต้องสลัดความล้าสมัยทางความคิดออกไป อย่าให้ผู้คนในอดีตที่ล้าหลัง คลั่งเรื่องเก่า วิสัยทัศน์มืดบอดมาชี้นำเลยมันไม่ไปไหนแน่ นอกจากจะวนอยู่ในอ่างแล้วเที่ยวบอกคนอื่นว่าเราวนรอบโลก คนอื่นเขาก้าวไปนอกโลกตั้งแต่ยุค 60 แต่เราถอยไปเริ่มสร้างชาติพันธุ์เลยละ

.......................................................................

สื่อมวลชนไทย สื่อตามกระแส

จากรณีความขัดแย้งเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา และเป็นประเด็นที่ อ.จิระ เห็นถึงความแตกต่างของการเสนอข่าวสารของไทยและกัมพูชา ที่ต่างกันแบบท้องฟ้ากับก้นเหว

ต้องยอมรับว่าการเมืองทั้งในสภาและในท้องถนนของไทยร้อนแรงมากนับแต่ ปี 48 จนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์เขาพระวิหารกลายเป็นประเด็นที่ความขัดแย้งลุกลามบานปลายเป็นการเมืองระหว่างประเทศ หลายกลุ่มที่เคลื่อนไหวทั้งในถนนและนอกถนนนำมาเป็นเครื่องมือประหารฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ต้องคิดต้องยั้ง

หากจะมองย้อนกลับไปในประวัติศาสตร์ของเหตุการณ์ทั้งหมดมันคงยาวไป เอาแค่สั้นแล้วกันว่า สิ่งที่เราเรียกร้องนะ มันเป็นของเราเพราะเรายึดมาแบบเจ้าอาณานิคมใช่ไหม แล้วกัมพูชากำลังมองว่าต้องการปลดแอกเพื่ออิสรภาพใช่หรือเปล่า เพราะนั่นคือสัญลักษณ์เชิงวัฒนธรรมของเขาใช่หรือไม่

สำหรับสื่อในบ้านเรากำลังมองอะไรอยู่ถึงได้ปั่นกระแสอย่างบ้าคลั่ง หวังแต่ความไว ทันสมัย แต่ไม่รับผิดชอบ ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์สื่อของไทยไม่เคยนำข้อเท็จจริงในอดีตมาพูด เคยค้นหาความจริงจากทุกยุคมาประมวลว่าคืออะไร ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ หรือแค่มันไปกับการปลุกระดมเอาคนไปตายของผีป่า ซาตานบางตน ในขณะที่กัมพูชาเอง สื่อของเขากลับไม่มีแนวโน้มที่จะปั่นกระแสเพื่อปลุกระดมคนขึ้นมาสู้เพื่อปกป้องสมบัติชาติ (ยกเว้นกรณีน้องสุวนันท์)

ความเป็นสื่อที่ไม่รับผิดชอบ เป็นสื่อตามกระแสของสังคมไทยมีมานานแต่ยุค 6 ตุลาคม 14 ตุลาคม และ 16 ตุลาคม แล้ว มักตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดในสังคมศักดินา (ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า ฐานันดรที่ 5) สร้างให้เกิดอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องรับผิดชอบในการเสนอข้อมูล ปิดข่าวจริง สร้างข่าวเท็จ หวังลาภยศ ทำลายใครก็ได้ที่ไม่ชอบแค่ปลายปากกา หรือไมโครโฟนเท่านั้น

นักการเมืองหญิงไทยกับผู้นำหญิงของเยอรมัน

เป็นเรื่องที่น่าสนใจนะครับสำหรับปูมหลังและความเป็นมาของผู้นำหญิงของเยอรมันท่านนี้ ท่านมีที่มาที่ไปที่น่าสนใจ แต่ดูแล้วว่าความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์คงจะเป็นจุดเด่น ที่ทำให้คนเยอรมันเลือกท่านเข้ามาดำรงตำแหน่ง และถูกใจผู้คนถึงขนาดสื่อคาดการณ์ว่าจะได้รับเลือกอีกครั้ง

หากมองกลับมาที่เมืองไทยของเราในยุคการตลาดนำหน้า ต้องต้อนคนมาร้องเพลงชาติ และความจงรักภักดีถูกนำมาขึ้นป้ายโฆษณาใหญ่ๆ เท่าป้ายโฆษณา เอ็ม 150 นั้น นักการเมืองผู้หญิงที่มีอยู่มักไม่ค่อยมีบทบาทมากมายนัก หลายคนพยายามสร้างจุดขายของตน เช่น เน้นเรื่องสิทธิสตรีและเด็ก เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม เน้นเรื่องชุมชน เน้นเรื่องการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรี แต่ท่านเหล่านั้นก็ยังไม่สามารถปลุกกระแสผู้หญิงเก่งขึ้นมาได้ เพราะสังคมไทย และแวดวงการเมืองไทย ยังไม่ยอมรับผู้หญิงแถวหน้ามากนัก

ปัจจุบันโลกได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกอย่างมาก เพราะถือในหลักที่ว่าทุกนเหมือนและเท่าเทียม มีแต่เพียงสังคมรอบข้างและการปลูกฝัง วัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังไม่เปลี่ยนทำให้ผู้หญิงที่เข้าสู่การเมืองในบ้านเราติดวัฒนธรรมแบบไทยๆเข้ามาด้วย มุ่งหวังสิ่งที่ไม่ต่างกับนักการเมืองชาย

เป็นเรื่องของการศึกษาล้วนๆ ที่ปลูกฝังให้คนมุ่งแต่มองหาเกียรติยศ ภาพพจน์ที่ปรุงแต่งมาห่อหุ้มตัวเอง มุ่งแต่กอบโกย จนลืมมองเรื่องศีลธรรม ความถูกต้อง หากการศึกษาแบบนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลงก็อย่ามุ่งหวังว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นในเมืองได้ในเร็ววันนี้

สรุปองค์ความรู้จากบทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ กรณีพลเอกชวลิต,คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั้น                                     

        1. สรุปบทความ    ผู้เขียนได้นำองค์ความรู้จากบทความในหนังสือ Herald Tribune ฉบับวันเสาร์ – อาทิตย์ที่ 27 -28 มิถุนายน 2552 ซึ่งเขียนโดย Isabel Kershner ถึง Shimon Peres ารเมืองชาวอิสราเอลที่มีคุณสมบัติของผู้นำอย่างแท้จริง คือ เป็นผู้ไฝ่รู้ตลอดเวลา แม้จะอาายุ 85 ปี แล้วยังสามารถใช้องค์ความรู้ของตนเองรับใช้ประเทศชาติได้อย่างทรงคุณค่าจนได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ทั้งนี้ผู้เขียนได้นำมาวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบกับนักการเมืองอาวุโสของไทยหลายท่าน ทั้ง พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โดยมีความหวังว่าสักวันหนึ่งผู้อาวุโสทั้งหลาย....จะเกิดไฟแห่งการเรียนรู้และยึดคุณสมบัติผู้นำของ Peres มาเป็นแบบอย่าง

         2. องค์ความรู้ที่ได้                                                         

             2.1 ทราบคุณสมบัติของผู้นำระดับโลกที่มีประสบการณ์ทำงานภายใต้สภาวะกดดันหลายด้านจนเป็นที่ยอมรับของประชาชนชาวอิสราเอล และชาวโลกคุณสมบัติที่เด่นชัดของ Peres คือ มีความซื่อตรงต่อประชาชน (Honesty) ทำอะไรลึกซึ้ง (Depth) และมีวิสัยทัศน์ (Vision)

            2.2 การจะเป็นผู้ศึกษาไฝ่รู้ (Curiosity) และมีแนวคิดในเชิงนวัตกรรม(Innovation) นั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะขวางกั้นการเรียนรู้ของมนุษย์ ทั้งอายุ สถานภาพ แต่จากการที่สถานณ์โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้นำจำเป็นต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติม คือ สามารถปรับวิธีการทำงานให้ ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ ได้อย่างเหมาะสม

            2.3 นอกจากมีความรู้ในเชิงการบริหารแล้ว ผู้นำต้องมีสุขภาพแข็งแรงทั้งทางกายและจิตใจ จึงจะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มบวกกับองค์ความรู้ที่มีอยู่ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

        3. บทวิเคราะห์

             ทุนมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีการพัฒนาและสร้างความเข้าใจอย่าง ต่อเนื่องยาวนาน วางแผนพัฒนาไปให้ไกลสุดเท่าที่จินตนาการจะไปถึง เพราะหากมนุษย์เกิดไฟแห่งการเรียนรู้ตลอดเวลาและนำไปใช้ประโยชน์ในทางที่ถูกต้องเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้ว ยากที่สังคมประเทศนั้นจะเป็นสังคมแบบเดิม ๆ ที่คิดแก้ไขปัญหาแบบวันต่อวัน หรือสังคมนี้เลือกแล้วที่จะอยู่แบบไปวัน ๆ

                                        .....................................

 

ศักดิ์ มูลสาร

ความเห็นต่อบทเรียนจากความจริงของจีระ กรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ

นักการเมืองที่มีความสามารถสูงผ่านตำแหน่งสำคัญทางการเมืองรวมทั้งตำแหน่งรัฐมนตรี เช่น คุณรักเกียรติ และนักธุรกิจด้านการเงินของประเทศ เช่น คุณราเกซ ต่างเป็นบุคคลที่เป็นผู้นำองค์กรในการประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย มีทั้งทุนความรู้ประสบการณ์ทักษะด้านต่างๆ แต่สิ่งสำคัญที่บุคคลทั้งสองขาดไป คือ คุณธรรมจริยธรรม ซึ่งหากผู้นำ/ผู้บริหาร ไม่มีก็จะส่งผลเสียหายให้กับส่วนรวม/ประเทศชาติ เนื่องจากตำแหน่งหน้าที่เอื้อต่อการทำความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างใหญ่หลวง ส่วนกรณีพล.อ.ชวลิต นั้นเป็นผู้ที่มีทุนทางความรู้สูงมาก มีเครือข่ายในกลุ่มคนต่างๆ หลายระดับ ผ่านตำแหน่งในระดับผู้นำสำคัญหลายตำแหน่ง ซึ่งล้วนเป็นจุดแข็งทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามผู้นำ/มนุษย์ทุกคนต้องมีจุดอ่อนด้วย พล.อ.ชวลิต แม้มีจุดแข็งที่โดดเด่น แต่ก็มีจุดอ่อนที่ชัดเจนเช่นกัน จึงขึ้นอยู่ที่ว่าพล.อ.ชวลิต จะรู้จักใช้จุดแข็งจุดอ่อนตัวเองในการดำเนินชีวิตในบั้นปลายอย่างไร โดยเฉพาะการ

ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ

.................

นายรัชภูมิ

ความเห็นต่อบทเรียนจากความจริงของจีระ ต่อกรณี 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน

เป็นโครงการที่จะช่วยสร้างพลังของชาติ ซึ่งก็คือ ประชาชน นั้นเองถ้าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศชาติก็จะเข้มแข็ง ผลลัพท์ก็จะย้อนกลับคืนมาสู่ประชาชน การสร้างพลังของชาติ เป็นพันธกิจที่ผู้นำของชาติ รวมทั้งผู้นำในองค์กรสำคัญทุกภาคส่วนต้องเร่งชวยกันทำ โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน จะเป็นโครงการที่เป็นสื่อกลางในการดึงพลังความจงรักภักดีความศรัทธาของ

ประชาชนทั่วประเทศ ให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ซึ่งน่าจะขึ้นอยู่ที่ว่าผู้นำประเทศ และผู้นำองค์กรต่างๆ มีวิสัยทัศน์มีแผนงานมีความเข้าใจมองเห็นความสำคัญและวางแผนกลยุทธ์ ต่อโครงการดังกล่าวให้เกิดประสิทธิผลอย่างมีประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใด

.............................

นายรัชภูมิ

ความเห็นต่อบทเรียนจากความจริงของจีระ ต่อกรณี 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน

เป็นโครงการที่จะช่วยสร้างพลังของชาติ ซึ่งก็คือ ประชาชน นั้นเองถ้าประชาชนเข้มแข็ง ประเทศชาติก็จะเข้มแข็ง ผลลัพท์ก็จะย้อนกลับคืนมาสู่ประชาชน การสร้างพลังของชาติ เป็นพันธกิจที่ผู้นำของชาติ รวมทั้งผู้นำในองค์กรสำคัญทุกภาคส่วนต้องเร่งชวยกันทำ โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน จะเป็นโครงการที่เป็นสื่อกลางในการดึงพลังความจงรักภักดีความศรัทธาของ

ประชาชนทั่วประเทศ ให้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ซึ่งน่าจะขึ้นอยู่ที่ว่าผู้นำประเทศ และผู้นำองค์กรต่างๆ มีวิสัยทัศน์มีแผนงานมีความเข้าใจมองเห็นความสำคัญและวางแผนกลยุทธ์ ต่อโครงการดังกล่าวให้เกิดประสิทธิผลอย่างมีประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใด

.............................

นายรัชภูมิ

วิเคราะห์บทเรียนนักการเมืองหญิงไทย

บทเรียนนักการเมืองหญิงไทย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

1. สไตล์ไทย ประกอบด้วย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ , คุณปวีณา

หงสกุล , คุณพรทิวา นาคาศัย เข้ามามีบทบาททางการเมืองจากการสืบสายเลือดเพราะพ่อ/สามีเคยเล่นการเมือง จึงต้องการเข้ามาเล่นการเมืองและใช้ความรู้เพื่อใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองแสวงประโยชน์ให้แก่กลุ่มพรรคพวกและเครือญาติ

2. สไตล์ Mekel ประกอบด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช , ดร.จุรี

วิจิตรวาทการ และ ดร.ผุสดี ตามไท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการศึกษาดี/สูง ต้องการเข้ามามีบทบาททางการเมืองเพื่อต้องการทำงานเพื่อประเทศชาติ

สรุป กลุ่มนักการเมืองหญิงไทยสไตล์ Mekel ซึ่งเรียนจบจากต่างประเทศ ในสาขาวิชาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองโดยตรง , มีบุคลิกภาพและการแต่งตัวไม่ตามสมัย(เชย) , พูดไม่เก่ง และ ไม่มี Charisma ค่อนข้างจะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง เนื่องจากมีการศึกษาดี/สูง และต้องการนำประสบการณ์ความรู้ความสามารถมาพัฒนาประเทศชาติให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งถือได้ว่าเป็นตัวอย่างของผู้นำทางการเมืองผู้หญิงของไทยได้ เนื่องจากมีคุณลักษณะ Honesty , Depth , Vision ตามแนวคิดของ Peres ขณะที่กลุ่มนักการเมืองหญิงไทยสไตล์ไทยค่อนข้างจะไม่มีคุณลักษณะดังกล่าว แต่ให้ความสำคัญกับ Corruption and Money

------------------------------------

สุรศักดิ์

สรุปองค์ความรู้จากบทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ กรณีนักการเมืองหญิง กับ Mrs.Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมัน

        1. สรุปบทความ ผู้เขียนได้นำองค์ความรู้จากหลายบทความมาเขียนเพื่อสื่อให้เห็นความสำคัญของทุนนุษย์ ทั้งบทเรียนของ Shimon Peres และ Mrs.Merkel นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมันที่มีคุณสมบัติผู้นำที่น่าศึกษาในวิธีการบริหารจัดการ ผู้เขียนได้เน้นย้ำความสำคัญของการเป็นผู้ไฝ่รู้ศึกษาตลอดชีวิตขณะที่ระบบการศึกษาของไทยมุ่งเน้นเพียงเพื่อให้ได้รับประกาศนีบัตรโดยยังไม่มีระบบคิดที่มีคุณค่าต่อสังคมอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันองค์ความรู้จากผู้อาวุโสที่ทรงคุณค่าขาดการเชื่อมต่อไปสู่คนรุ่นหลัง สุดท้ายได้เปรียบเทียบคุณสมบัติของนัการเมืองหญิงของไทยใน 2 กลุ่ม กับ Mrs.Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมัน ในทัศนะที่แตกต่างกันคือ อุดมการณ์ การอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ/ประชาชน และเนื้อแท้นัการเมืองที่ถือเอาจุดยืนทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมเป็นที่ตั้งโดยไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ที่เกิดจากจิตวิญญาณไปได้

        2. องค์ความรู้ที่ได้

           2.1 การศึกษาแม้ว่าจะมีความสำคัญต่อมนุษย์แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ จิตวิญญาณที่ตระหนักรู้ว่าจะศึกษาไปเพื่อวัตถุประสงค์อะไร... เพราะแท้จริงแล้วการศึกษาในระบบเป็นเพียงเส้นทางในการแสวงหาความรู้ใส่ตนเท่านั้น องค์ความรู้จะเกิดขึ้นได้ด้วยการลงมือปฏิบัติจริง ขณะที่การศึกษาภาษาอังกฤษจะนำไปสู่โลกกว้างหากนำความรู้มาพัฒนาต่อยอดตามเป้าหมายของแต่ละบุคคลก็จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศชาติอย่างมหาศาล

        2.2 นอกจากการเรียนรู้ในระบบแล้วการเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์ (ผู้อาวุโส) ในลักษณะถ่ายทอดประสบการณ์ตรงไปสู่คนรุ่นหลัง ซึ่งไม่สามารถหาเรียนได้จากการศึกษาในระบบ ซึ่งไทยยังขาดการถ่ายทอดเนื่องจากเป็นเปลี่ยนไปเป็นสังคมเชิงเดี่ยวมากขึ้น             

        2.3 กรณีนักการเมืองหญิงไทยเชิงเปรียบเทียบกับ Mrs.Merkel นายกรัฐ มนตรีเยอรมันนั้นต่างกันที่การยืนหยัดในอุดมการณ์ทางการเมืองมากกว่ผลประโยชน์ส่วนตัว หรือเข้ามาเพื่อหวังสร้างเนื้อสร้างตัวจากธุรกิจการเมืองจนร่ำรวยแต่ประเทศ ชาติล่มจม นักการเมืองไทยต้องปรับทัศนะคติจากผู้รับเป็นผู้เสียสละตลอดเวลา

       2.4 บุคคลิกที่โดดเด่นของ Mrs.Merkel คือการคงจุดยืนของตัวเองอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างแน่วแน่ จนประชาชนมองเห็นเนื้อแท้ได้เองจึงเกิดความศรัทธาและความนิยมอย่างยั่งยืนในที่สุด

         3. บทวิเคราะห์

             บทพิสูจน์ของการทำดีเพื่อให้เกิดศรัทธาจากคนหมู่มากโดยเฉพาะนักการ เมืองไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายนั้นล้วนต้องใช้เวลาทั้งสิ้นดังสุภาสิตโบราณที่ว่า หนทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คน จึงจะเห็นแก่นแท้ (ธาตุแท้) ของบุคคล หากใครทำดีจอมปลอมเทวดาท่านเห็นแผ่นดินท่านรู้ จึงหนีกฏแห่งกรรมไม่พ้นที่นักการเมืองไทยหลายคน...กรุณาแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง (กรณีศึกษา) อยู่ในปัจจุบัน

ศักดิ์ มูลสาร

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับท่าน อจ.จีระ และเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกคน

วันอาทิตย์ผมมีโอกาสฟังรายการวิทยุ Human Talk ของอาจารย์ ซึ่งท่านได้แจ้งให้กับตัวแทนบริษัทปูนซิเมนต์ไทย คือ ดร.พิสิษฐ์ (ต้องขออภัยถ้าเขียนชื่อผิด) ไปแล้วว่าอาจารย์จะนำคณะผู้นำรุ่นหนุ่มสาวจาก NIA ไปดูงานที่ปูนซิเมนต์ไทย ในวันศุกร์ที่ 20 พ.ย.52 ขอให้พวกเราเตรียมตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์หรือเรื่องอื่นๆ ที่สนใจ ไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ

ตอนนี้ผมเดินทางมาที่เชียงใหม่เจอกับน้องปราณี อากาศเริ่มหนาวแล้วครับ แต่แดดร้อนมากๆๆ เลย และขอชื่นชมกับเพื่อนๆ ที่ต่างทยอยส่งงานกันเยอะมากเลย ผมจะรีบส่งเช่นกันครับ

สุดท้ายเพื่อนๆ อย่าลืมแจ้งขนาดเสื้อมาให้ด้วยนะครับ

ปล.ทุกคนช่วยเปิดเมล์ขยะ หรือ junk mail ด้วยนะครับ เพราะผมไม่แน่ใจว่าเมล์ที่ผมเชิญพวกเราใช้อีเมล์กลุ่มของรุ่น มันมักจะไปอยู่ในตะกร้าดังกล่าว หรือหากใครจะติดต่อโดยตรง ส่งมาที่อีเมล์นี้ได้เลยครับ [email protected] เพราะอีเมล์ดังกล่าวจะกระจายไปให้เพื่อนๆ ทั้งรุ่นเลยครับ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ , คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช, คุณพรทิวา นาคาศัย และ คุณปวีนา หงสกุล

- คุณหญิงสุดารัตน์ และคุณปวีนา หงสกุล มีบทบาทที่ดี การเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่มีความคิดดีๆช่วยได้มาก ควรมีการรักษาสุขภาพดี ก็จะช่วยเป็นพี่เลี้ยงของสังคมต่อไปได้ จึงมีการถ่ายทอดความรักความอบอุ่นและประสพการณ์จากครอบครัวออกมา การที่สำนึกในพระมหากรุณาะคุณของสมเด็จพระมหาราชินีฯ ทรงกระตุ้นให้สภาพัฒน์มีโครงการ " คลังสมอง " คลังสมองของตนเองสร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศมากมาย คนไทยในปัจจุบัน ไม่เรียกว่าแสวงประโยชน์หาความรู้ แต่แสวงหาประกาศนีบัตร ปริญญาตรี โท เอก เพื่อนำมาแรกกับตำแห่นงและหน้าที่การงาน แต่ไม่คิดถึงความจริงที่เป็นอยู่ โดยไม่คำนึงถึง ลด ละ เลิก โกรธ หลง เรียนสูง เพื่อจะเอาตำแหน่งเท่านั้น ทรัพยากรมนุษย์ ไม่วาจะมีอายุน้อยหรือมากถือว่ามีประโยชน์ แต่ต้องการเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่ทันโลก คือ อย่าประมาณตนเอง

พลเอกชวลิต , พล.ต.สนั่น นายบรรหาร,นายเสนาะ

- บุคคล ทั้ง 4 ท่านนี้ มีอายุมากแล้วจะครบ 85 ปี แล้ว เป็นบุคคลที่จะทำให้ประเทศไทยล้มจม หรือ ทำให้ประเทศไทยเจริญรุ่งเรือง อย่างพลเอกชวลิต เดินทางไปกัมพูชา คนทั้งประเทศส่วนมากไม่รู้ว่าไปทำอะไร สื่อเมืองไทยเอาแต่ขายหนังสือพิมพ์มากเกินไปโดยไม่คำถึงความที่จะเสียหายกับประเทศเป็นอย่างไร หากในองค์กรของเรามีคนอย่างนี้ ก็จะทำให้ องค์กรของเราเสื่อมเสียมาก ไม่เจริญก้าวหน้า และไม่มีวิสัยทัศน์

พัฒนาการทางการเมืองกับนักการเมืองหญิงไทย

นักการเมือง เป็นบุคคลสาธารณะมีอุดมการณ์เพื่อชาติ ประชาชน ได้รับการคัดเลือกเข้าไปมีส่วนกำหนดทิศทางของประเทศโดยประชาชน ให้ทำงานเพื่อประชาชน เป็นผู้เสียสละความรู้ ความสามารถ ความเป็นส่วนตัว คิดและทำเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เป็นบุคคลที่มีจิตสาธารณะ มีจริยธรรม คุณธรรม ซื่อสัตย์สุจริตเป็นแบบอย่างให้เยาวชนและคนทั่วไปได้ประพฤติปฏิบัติตาม

การเมืองไทยตกอยู่ในวังวนแห่งอำนาจและผลประโยชน์ สืบทอดปลูกฝังมาชั่วลูกชั่วหลาน เป็นการเมืองที่ไม่โปร่งใส เห็นอำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน ไม่อาจละเลยปล่อยวาง ถูกผลประโยชน์และความกลัวเข้าครอบงำ ว่าอาจถูกตรวจสอบหรือเอาคืนจากกลุ่มอำนาจอื่น หรือกระบวนการทางกฎหมาย เนื่องมาจากการทุจริตเชิงนโยบายในการกระทำของตน จึงพยายามทำทุกวิถีทางที่จะรักษาและหาทางเข้าไปสู่วังวนแห่งอำนาจ

คุณหญิงสุดารัตน์ฯ คุณปวีณาฯ และคุณพรทิวาฯ เป็นนักการเมืองหญิงที่สืบทอดอำนาจจากครอบครัว เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมในครัวเรือน ได้รับการปลูกฝังแนวคิดเพื่อตนและกลุ่มตน อยู่ในวังวนของอำนาจและผลประโยชน์ ใช้ความดีความเก่งไม่ถูกทาง ใช้ประสบการณ์ความรู้ความสามารถเพื่อตนเองและพวกพ้อง เพื่ออำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ ผลประโยชน์ต่างตอบแทน โดยละเลยทำลายศรัทธา ความไว้วางใจ และความคาดหวังจากสังคมที่มอบให้ ปัจจุบันได้สิ้นสุดยุคอุตสาหกรรมเข้าสู่ยุคเทคโนโลยีการเรียนรู้ที่เท่าทัน สังคมได้แต่วาดหวังและให้โอกาสว่าสักวันจะได้เห็นสัจธรรมที่แท้จริง การทำความดีไม่มีคำว่าสายไป

คุณหญิง ดร.กัลยาฯ ดร.จุรีฯ และ ดร.ผุสดีฯ รากฐานการศึกษาที่ดีและอุดมการณ์ความเป็นนักวิชาการ มีจิตสาธารณะ เสียสละ มีความมุ่งมั่นต้องการเห็นสิ่งที่ดีกว่า เห็นการพัฒนาของประเทศ มีความรู้การศึกษาที่เท่าทัน เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนตามสิทธิที่พึงมีพึงได้ มองอนาคตของประเทศและส่วนรวมมากกว่าอำนาจและผลประโยชน์ เป็นพัฒนาการของนักการเมืองหญิงไทยที่แม้ว่าอาจจะมาช้า มีจำนวนไม่มาก และไม่มีบทบาทนำในทางการเมืองมากนัก แต่ถือเป็นความหวังและได้จุดประกายความคิดให้กับคนรุ่นใหม่ ได้เห็นว่าอำนาจผลประโยชน์ไม่ใช่สิ่งที่แท้และแน่นอน ความดีย่อมคงทนกว่า

-----------------------------------------------------------------------------

เชษฐ์

Shimom Peres นักการเมืองที่ไม่มีวันตายไปจากลมหายใจของคนอิสราเอล

ทำไม นักการเมืองไทย.....?

นาย Shimom Peres อายุ 85 ปี อดีตนักการเมืองอิสราเอล อดีตนายกรัฐมนตรี 2 สมัย ได้รับการยอมรับและยกย่องในความมุ่งมั่น อดทน เสียสละ ทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ ไม่ยึดติดลุ่มหลงในอำนาจ ประพฤติปฏิบัติเพื่อประเทศและสังคมโลก ได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ จากการสะสมความดี ทำตัวเป็นแบบอย่าง มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความคิดกว้างไกลและลึกซึ้ง มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถ ใฝ่หาการเรียนรู้เท่าทันเหตุการณ์ตลอดเวลา ยังคงได้รับการยอมรับและฝากความหวังจากประชาชนอิสราเอลให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ในฐานะคลังสมอง อันยิ่งใหญ่ของชาติ

เปรียบเทียบกับนักการเมืองไทย อาทิ พล.อ.ชวลิตฯ คุณบรรหารฯ คุณเสนาะฯ และคุณสนั่นฯ เกี่ยวข้องโลดแล่นในทางการเมืองมากว่า 40 ปี ผ่านตำแหน่งผู้นำทางการเมืองและสังคมสำคัญมากมาย ที่สามารถนำพาประเทศชาติ ประชาชนไปสู่การพัฒนาทั้งด้านจิตใจและความเป็นอยู่ที่ดีกว่าได้ แต่จนถึงปัจจุบันกลุ่มบุคคลข้างต้น ยังคงเฝ้าแต่ค้นหาตัวเอง ค้นหาอำนาจผลประโยชน์ทางการเมือง เอาประเทศชาติและประชาชนเป็นต้นทุนในการแสวงหากำไร โดยไม่คำนึงว่าประเทศชาติแทบไม่เหลือต้นทุนให้เก็บเกี่ยว ไม่มีจริยธรรม ศีลธรรม คุณธรรมในทางการเมืองและการครองตน ไม่ได้ครองใจคนส่วนใหญ่ ไม่มีจิตสาธารณะและเสียสละเพื่อส่วนรวม ไม่นำคลังสมองความรู้ประสบการณ์ที่บ่มเพาะมายาวนานมาใช้ให้ประโยชน์ให้เกิดแก่ประเทศชาติ ทำให้เห็นได้ว่าบางครั้งคนที่เป็นผู้นำ มีอายุมาก เป็นคลังสมองมีความรู้ประสบการณ์ แต่ยังลุ่มหลงงมงายอยู่กับอำนาจผลประโยชน์ ไม่ใช่คนที่ควรค่าต่อการนับถือ จดจำ หรือนำไปเป็นแบบอย่าง ทำไมนักการเมืองไทยส่วนใหญ่ จึงนำไปเป็นลัทธิเอาอย่าง ?

---------------------------------------------------------------------

เชษฐ์

ขออนุญาตเสนอแนวคิดเรื่อง "การเมือง"

(แต่การบ้านยังไม่ส่ง)

การเมือง คือ กระบวนการและวิธีการ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจของกลุ่มคน

คำนี้มักจะถูกนำไปประยุกต์ใช้กับรัฐบาล แต่กิจกรรมทางการเมืองสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปในทุกกลุ่มคนที่มีปฏิสัมพันธ์กัน

ฮาโรลด์ ลาสเวลล์ นักทฤษฎีการเมืองคนหนึ่ง ได้นิยามการเมืองว่า เป็นการตัดสินว่า "ใครจะได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร"

วิชารัฐศาสตร์ คือ วิชาที่ศึกษาพฤติกรรมทางการเมือง และวิเคราะห์การได้มาซึ่งอำนาจและการนำอำนาจไปใช้ ซึ่งหมายถึง ความสามารถที่จะบังคับให้ผู้อื่นกระทำตามสิ่งที่ตนตั้งใจ

โธมัส ฮอบส์ (Thomas Hobbes) ได้เคยกล่าวไว้ในผลงานปรัชญาการเมืองเลื่องชื่อเรื่อง “Leviathan” ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1651 ว่า เมื่อมนุษย์จำต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมภายใต้กติกาแล้ว ก็จำเป็นอยู่ในตัวเองที่จะต้องกำหนดตัวผู้นำมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลให้สังคมหรือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย การจะทำให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นไป หลีกเลี่ยงมิได้เสียที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางการเมือง อันมีความหมายและบริบทที่สะท้อนออกมาในเรื่องของการใช้อำนาจเพื่อการปกครองประชาชน การเมืองการปกครองซึ่งเป็นสภาพการณ์และผลที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้ใดก็ตาม จำเป็นต้องให้ความสนใจกับเรื่องการเมืองการปกครองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากสิ่งใดที่ออกมาจากสถาบันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ในการตรากฎหมายต่าง ๆ เพื่อบังคับใช้ มาจากรัฐบาลในรูปของนโยบายสาธารณะ (Public Policies) โครงการพัฒนา (Developmental Program) และงานต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นหรือดำเนินไปโดยภาคราชการ รวมไปถึงการตัดสินคดีความหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลต่อบุคคล และบุคคลกับรัฐ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่การเมืองส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างที่ไม่อาจมองข้ามไปได้

อริสโตเติล (Aristotle) ปรัชญาเมธีชาวกรีกโบราณ ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งวิชารัฐศาสตร์” ผู้กล่าวไว้ว่า มนุษย์ตามธรรมชาติเป็นสัตว์การเมืองต้องอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มหรือชุมชน อันแตกต่างไปจากสัตว์โลกอื่น ๆ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยสัญชาตญาณเป็นหลัก หากแต่มนุษย์ นอกจากจะอยู่ด้วยสัญชาตญาณแล้ว ยังมีเป้าหมายอยู่ร่วมกันอีกด้วย ดังนั้นการอยู่ร่วมกันของมนุษย์จึงมิใช่มีชีวิตอยู่ไปเพียงวันหนึ่ง ๆ เท่านั้น หากแต่เป็นการอยู่ร่วมกันเพื่อจะให้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย เราก็จะมองเห็นภาพของการเมืองในแง่หนึ่งว่าการเมืองนั้นก็คือ การอยู่ร่วมกันของมนุษย์ในชุมชนหรือสังคมเพื่อให้มีความสงบสุข

บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ

ทั้ง 4 ท่าน (พลเอก ชวลิตฯ, คุณบรรหารฯ, คุณเสนาะฯ, พล.ต.สนั่นฯ) ถือได้ว่าเป็น (คลังสมองของนักการเมืองรุ่นเก่า) นักการเมืองอาวุโสที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์ทางการเมืองสูงและยาวนาน 2 ใน 4 ท่านก็เคยเป็นถึงผู้นำประเทศ ถึงแม้จะมีอายุมากแล้ว ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่จะทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ แต่ต้องเปลี่ยนตัวเองจากภาพนักการเมืองยุคเก่า ๆ มาเป็นนักการเมืองอาวุโสยุคใหม่ ที่มีวิสัยทัศน์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ กล้าคิดกล้าทำ และใฝ่หาความรู้เพื่อพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับสภาพแวดล้อม (การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยี) ทั้งภายในและภายนอก (โลก) ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ยึดติดกับผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

สำหรับในส่วนของตัวบุคคล ซึ่งทั้ง 4 ท่านก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน ซึ่งนักการเมืองรุ่นใหม่ ๆ ก็น่าจะนำจุดแข็งของแต่ละท่านมาปรับใช้และเป็นแบบอย่างในการ

เป็นนักการเมืองที่ดีและประสบความสำเร็จ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ศรัทธา ของประชาชน

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้

นักการเมืองหญิงไทยรุ่นใหม่ ไม่จำกัดว่าจะต้องจบมาทางด้านการเมือง บุคลิกดีทันสมัย พูดเก่ง หรือเติบโตมาจากตระกูลดีที่มีชื่อเสียงเสมอไป แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่นักการเมืองหญิงต้องมีคือ ความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติจริงๆ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่เห็นแก่อำนาจเงินและพวกพ้อง ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ มีอุดมการณ์ ซื่อสัตย์ โปร่งใส มีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้าขาดคุณธรรมจริยธรรมก็ไม่สามารถที่จะนำประเทศชาติไปสู่เป้าหมายที่มั่นคงได้ นอกจากนี้ ต้องพัฒนาตัวเองและใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา

นักการเมืองหญิงไทยส่วนใหญ่ที่เข้ามาเล่นการเมือง ก็สืบเนื่องมาจากมีคนในครอบครัวหรือเครือญาติที่อยู่ในวงการการเมืองอยู่แล้ว จึงทำให้มองได้ว่า เข้ามาเพื่อแสวงประโยชน์หรือสืบทอดมรดกทางการเมืองจากรุ่นพ่อไปยังรุ่นลูก หรือจากสามีไปสู่ภรรยา เพื่อรักษาอำนาจ ผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

กลับมาแล้วค้า

ขอรายงานตัวกับคณะอาจารย์ ฝ่ายอำนวยการ ท่านประธาน และเพื่อน ๆ ร่วมรุ่นทุกท่านที่ได้ทำการบ้านส่งไปแล้วมากมาย และที่ยังไม่ได้ส่งเช่นเดียวกับอมรรัตน์

ก็พักผ่อนไป 2 วัน เสาร์ - อาทิตย์ เข้าที่ทำงานอีก 2 วัน จันทร์ - อังคาร ก็เลยยังไม่ได้ทำการบ้านเลย

สัญญาว่าจะตามเพื่อน ๆ ให้ทัน

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จิระ)

นายชิมอน เปเรส อดีต นรม.อิสราเอล 2 สมัย เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพ ที่เป็นนักการเมืองเก่าอายุถึง 85 ปี แต่ชาวอิสราเอลและโลกยังเห็นคุณค่าว่าเป็นคนที่ยังมีประโยชน์ทางการเมืองอยากให้มาช่วยแก้ปัญหาประเทศอิสราเอล

เปเรสแม้อายุมากแต่ยังมีความเก๋าเพราะมีบุคลิกพิเศษที่โดดเด่นในเรื่องความ ซื่อสัตย์ (Honesty) เป็นคนที่ทำอะไรลึกซึ้ง (Depth) และมีวิสัยทัศน์ (Vision) ประกอบกับลักษณะเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น (Curiousity) และมุ่งเน้นด้านนวัตกรรม (Innovation) ทำให้มองว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข จากความพยายามสร้างคุณค่าให้แก่ตนเอง ด้วยการสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ มีบุคลิกที่โดดเด่น กลายเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value added) ให้แก่ตัวเอง อย่างคาดไม่ถึง แต่เปเรสยิ่งเพิ่มคุณค่าเข้าไปอีกเพราะเป็น Value with innovation เท่ากับ ได้มากยิ่งกว่ามาก นับเป็นตัวอย่างของทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่าจนคนมองผ่านข้อจำกัด ด้านอายุไปสิ้น

กรณีนายเปเรสชี้ว่า ทรัพยากรมนุษย์ไม่ว่าอยู่ในช่วงอายุใดก็สามารถทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้ แต่การเรียนรู้เกี่ยวกับการเพิ่มศักยภาพให้แก่ตนเองก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น คนเราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่าหยุดนิ่ง หากนิ่งเท่ากับขาดการพัฒนา จึงจำเป็นต้องทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ และต้องมองไกล อย่ามองแค่ระยะสั้น ต้องมีวิสัยทัศน์คือมองไปข้างหน้า บนโลกแห่งการแข่งขัน

นักการเมืองอาวุโสของไทย อาทิ พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น ที่ได้รับการหยิบยกมากล่าวถึงก็อาจนำกรณีนายเปเรสไปเป็นแบบอย่างได้ แต่นักการเมืองไทยส่วนใหญ่มักไม่ค่อยพัฒนา ชอบเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง เล่นการเมืองแบบไม่สร้างสรรค์ ทำให้การเมืองไทยขาดเสถียรภาพ บ้านเมืองของเราหากการเมืองดี นักการเมืองดีจะขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเดินหน้าไปอีกเยอะ

เห็นด้วยกับที่มีคนวิจารณ์ว่าคนไทยมักไม่แสวงหาความรู้ แต่ชอบเรียนเพื่อกรุยทางไปสู่สถานะที่ดีกว่า โดยอาศัยปริญญาเป็นใบเบิกทาง (ซึ่งรวมถึงนักการเมือง มีตัวอย่างให้เห็นเยอะ) แต่ไม่เกิดการสร้างสรรค์ที่ดีหรือเกิดปัญญาเลย อยากให้นักการเมืองเช่น พลเอกชวลิต ที่อาวุโสและคิดว่าเก๋าเกม จะทำอะไรก็กลับไปคิดทบทวนดูให้ดี ที่ทำอยู่ขณะนี้ ฟังคนอื่นบ้างก็ดี เพราะเดี๋ยวคุณงามความดีที่ได้กระทำมาทั้งชีวิต อาจถูกล้มล้างเพียงแค่การกระทำที่คิดตื้นไปหน่อย ก็เข้าใจว่าคงมีเจตนาดีหรืออาจอยากลับฝีมือฝีปากว่าตนยังแน่ แต่น่าจะเป็นเวทีอื่น/สนามอื่น จะดีกว่า อย่าทุ่มสุดตัว อาจจะเสียมากกว่าได้ คนเก่งหรือผู้อาวุโสที่ประสบการณ์ล้นเหลือ บางครั้งก็เชื่อมั่นในความคิด/การกระทำของตนเองมากเกินไป การถือเอาความคิดของตนเองเป็นใหญ่ ก็ทำให้เกิดปัญหาได้ ลดอัตตาลงบ้างก็จะดี

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จิระ)

บทบาทของหญิงไทยปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่ามีความสำคัญสูง เนื่องจากมีสิทธิ์ก้าวเข้าไปสู่ตำแหน่งระดับสูงหรือสำคัญๆ ในแวดวงต่างๆ และเป็นที่ยอมรับนับถือมากมาย รวมทั้งในแวดวงการเมืองของไทย ซึ่งก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่แพ้ชาติ ตต.ที่พัฒนาแล้วบางประเทศด้วยซ้ำ (เคยคุยกับคนฝรั่งเศสยังบอกว่าสัดส่วนผู้หญิงที่เข้ามามีบทบาททางการเมืองและได้รับตำแหน่งสำคัญยังน้อยกว่าไทย) และบ่อยครั้งมีการพูดถึงกันว่าหญิงไทยจะมีโอกาสก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดของประเทศ และเก็งตัวกันว่าใครที่พอจะมีสิทธิ์บ้าง แต่ก็ยังไม่เจอผู้ที่ โดดเด่นเพียงพอ อย่างไรก็ตามในอนาคต ถ้าสังคมเปิดโอกาส ประเทศไทยเราอาจมี นรม.หญิงคนแรกบ้างก็เป็นไปได้

จากบทความของท่านอาจารย์จิระ ที่เขียนถึงคุณ Merkel นรม.หญิงคนแรกของเยอรมนี ว่าเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จไม่มีบุคลิกที่โดดเด่น แต่เป็นคนทำงานได้ดี มีแนวคิดเป็นของตนเอง ก็อาจจะเป็นเพราะเธอมีลักษณะผสมผสานของความเป็นคนเยอรมันแท้ๆ ที่มักเป็นคนจริงจัง ขยัน อดทน มุ่งมั่นทำงาน มีความรับผิดชอบสูง ฯลฯ คนเยอรมันจึงเลือกมาเป็นตัวแทนของพวกเขา เคยถามคนเยอรมันที่ได้พบเจอเมื่อครั้งเธอเพิ่งได้รับตำแหน่งใหม่ๆ ว่าทำไมคุณ Merkel ถึงได้เป็น นรม. เขาก็ให้เหตุผลไม่ได้เช่นกัน

ส่วนตัวเห็นด้วยว่าปัจจุบันนักการเมืองหญิงไทยส่วนใหญ่ที่ก้าวเข้ามาเล่น การเมืองมักอาศัยบารมีพ่อหรือสามี อาจขาดจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองที่จริงจัง การเข้ามาอาจเพื่อหวังชื่อเสียง/ผลประโยชน์ ทำให้ภาพลักษณ์ดูไม่ดี ในทางกลับกันผู้หญิงที่เก่งและดีเข้ามาตอนแรกอาจอุดมการณ์เพียบ แต่เมื่อเข้าวงการการเมืองก็อาจท้อหรือฝ่อไปได้เพราะการเมืองไทยต้องมีแบ็คดี ถึงจะอยู่ได้ ในอนาคต ประเทศไทยเราจึงยังต้องการนักการเมืองหญิงที่เก่งและดี มีความรู้สูง มีความมุ่งมั่นช่วยเหลือชาติและสังคมอย่างแน่วแน่ แม้ไม่ได้อยู่แถวหน้า ก็อาจอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน ซึ่งเชื่ออย่างแน่นอนว่ายังมีหญิงไทยซึ่งเป็นคนที่มีคุณภาพและมีบทบาทผู้นำอยู่อีกเยอะ แต่ส่วนใหญ่จะกลัวระบบการเมืองของไทย ไม่อยากเปลืองตัว เพราะกลัวจะเสียมากกว่าได้ ยังไงก็ขอเอาใจช่วยผู้หญิงทุกคนที่ล้วนมีบทบาทที่แตกต่างกันไปในสังคม โดยเฉพาะบทบาทคุณแม่ที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการสร้างคน ให้คนมีคุณภาพ เป็นคนเก่งและดี ทำประโยชน์ให้แก่สังคม เท่านี้ก็น่ายกย่องแล้วค่ะ

----------------------------

บทความ "นักการเมืองหญิงไทย"

ถ้าพูดถึงนักการเมืองของไทย คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงผู้ชายมากกว่าผู้หญิง แต่ปัจจุบันนักการเมืองหญิงไทยมีมากกว่าสมัยก่อน ผู้หญิงเริ่มมีบทบาทในเวทีต่างๆ มากขึ้น รวมถึงเวทีทางการเมือง ก็เป็นสิ่งทีดี เพราะจะได้มีตัวแทนของผู้หญิงในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง บางทีผู้ชายก็ไม่เข้าใจผู้หญิง การเป็นนักการเมืองที่ดีและทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนหรือประเทศได้นั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลายอย่าง แค่มีความรู้เพียงอย่างเดียว ยังไม่เพียงพอ บางคนอาศัยผู้หนุนหลัง บางคนอาศัยรูปร่างหน้าตา แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้ามาเพื่อหวังชื่อเสียง อำนาจ เงิน แล้วประชาชนและประเทศชาติจะเหลืออะไรให้คนรุ่นต่อไป นักการเมืองหญิงไทยบางคนคิดว่าจะสร้างตัวเองโดยอาศัยความสดใหม่ ไฟแรง และมีคนหนุนหลัง แต่ยังขาดอุดมการณ์อ่อนประสบการณ์ เล่นการเมืองเหมือนเพราะตามกระแส ก็ได้แค่สร้างสีสรรเพียงชั่วคราว

ประเทศไทยยังไม่มีนักการเมืองหญิงที่เป็นต้นแบบที่แท้จริงให้กับผู้หญิงที่มีความรู้ ความสามารถ อยากที่จะเข้ามาทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ หรือจะหวังดูแบบอย่างจากนักการเมืองชาย ก็หายากเต็มที สิ่งสำคัญต้องค้นหาตัวตนให้ได้ว่าพร้อมหรือยังที่จะเข้ามาทำงานให้กับประเทศโดยไม่หวังผลประโยชน์ของตัวเอง ถ้าไม่ถนัดเล่นการเมือง อาจจะเริ่มจากทำประโยชน์ให้แก่สังคมก่อน ค่อย ๆ เรียนรู้ สะสมประสบการณ์แล้วค่อยขยายวงออกไป ไม่มีคำว่าสายหรือแก่เกินไปที่จะทำประโยชน์

ลักษณะของนาย Shimon Peres กับ 4 นักการเมืองอาวุโสของไทย

การจะเป็น “ผู้นำ” ไม่ใช่ดูจากผู้ที่มีอายุมาก แต่ควรเลือกจากผู้ที่มีความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม เสียสละ มีความรู้ความสามารถ มีวิสัยทัศน์ มีมุมมองหลากหลายมิติ และสิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องคิดถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและประเทศชาติเป็นสำคัญ

นาย Peres เป็นผู้ใหญ่ที่น่าชื่นชม เพราะความใฝ่รู้ ทำให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็มีความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของการเป็น “ผู้นำ”

ส่วนนักการเมืองของไทย ทั้ง พล.อ.ชวลิต , นายบรรหาร, นายเสนาะ และพล.ต.สนั่น ซึ่งบางท่านอาจมีวาสนาได้เป็นถึงผู้นำของประเทศ แต่ขาดคุณสมบัติในเรื่องของความซื่อสัตย์ ไม่มีความเสียสละ มักจะมองหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องเป็นหลัก ทำงานแบบฉาบฉวย ขาดความรอบคอบ เกาะติดกับกระแสของสังคม ไม่มีหลักคิดที่แน่นอน อยู่ในวังวนเก่า ๆ ไม่เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคโลกาภิวัฒน์ และที่สำคัญไม่มีความคิดที่จะพัฒนา “คน” ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาติ ให้เกิดความคิดที่จะใฝ่หาความรู้ รวมถึงขาดการปลูกฝังให้เยาวชนและคนในชาติให้เกิดค่านิยมในการหวงแหน และรักในบ้านเกิดเมืองนอนของตน

--------------------------------

กาญจนา งามเนตร

บทความ “นักการเมืองหญิงของไทย”

กรณีการหยิบยกนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของ German คือ Mrs. Merkel ที่ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชน

ชาวเยอรมันค่อนข้างมากและคาดว่าเป็นนากยกรัฐมนตรีหญิงที่จะได้รับการเลือกตั้งให้เป็นผู้นำอีกสมัยซึ่งเป็นนักการเมืองที่

ประสบความสำเร็จและแตกต่างจากผู้อื่น ซึ่งlส่วนตัวมีความเห็นว่า Merkel มีบุคลิกที่เป็นตัวของตนเอง ไม่ซ้ำใคร

กรณีนักการเมืองหญิงไทย ส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองจากการสืบทอดทางสายเลือด ที่มีพ่อหรือสามีเล่นการเมืองอยู่แล้ว จึงขาดจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองหรือเล่นการเมืองเพื่อส่วนตัวหรือหวังผลประโยชน์

***สิ่งที่อยากเห็นในอนาคตของนักการเมืองหญิงไทย คือ มาเป็นนักการเมืองด้วยจุดยืนที่เป็นตัวของตัวเอง และแสดงให้เห็นถึงจุดเด่นที่ตนเองมีอยู่โดยไม่เสแสร้ง มิใช่ เป็นนักการเมืองแต่เพียงสืบทอดทางสายเลือดหรือเดินตามรอยที่สร้างไว้โดย

ไม่มีอะไรใหม่

บทความ "Shimon peres และนักการเมือง 4 คนของไทย"

จากบทความนี้ทำให้คิดว่า อย่าปล่อยให้อายุมากขึ้นโดยไม่ได้พัฒนาความรู้ให้มากขึ้นตามอายุไปด้วย วัฒนธรรมไทยปลูกฝังให้เคารพนับถือผู้ใหญ่ ต้องเชื่อฟังผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่มีความรู้ ประสบการณ์มากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่ปัจจุบันมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งที่คนรุ่นใหม่ไม่สนใจผู้ใหญ่ ไม่ให้การเคารพนับถือ เพราะคนรุ่นใหม่มองว่า ผู้ใหญ่บางคนไม่พัฒนาความคิด ยึดติดกับรูปแบบเดิมๆ และผู้ใหญ่คิดว่าตัวเองอาบน้ำร้อนมาก่อน ย่อมรู้ดีกว่า แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน โดยเฉพาะความรู้ใหม่ๆ ซึ่งคนรุ่นใหม่จะได้เปรียบกว่าคนรุ่นเก่า แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนรุ่นเก่า เพราะ Peres ทำให้เห็นแล่วว่าไม่มีคำว่าแก่เกินเรียน

ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะมีผู้นำเป็นคนหนุ่ม แต่ก็ไม่ได้ความว่าคนรุ่นเก่าจะหมดความหมาย ประเทศไทยมีคนรุ่นเก่าที่มีความรู้ ความสามารถอยู่มากมาย หลายสาขา อาชีพ ต่างคนก็ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ตามความถนัด แต่ถ้ามองทางด้านการเมืองก็คงนึกถึงผู้ใหญ่หลายคนอยู่ในนั้น แต่ละคนก็มีความรู้ ความสามารถที่โดดเด่นแตกต่างกันไป และมีประสบการณ์ไม่แพ้กัน แต่ประสบการณ์ของแต่ละท่านน่าสนใจอย่างยิ่งว่ามีอะไรบ้างอยู่ในประสบการณ์เหล่านั้น และได้นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์หรือไม่

การมีประสบการณ์มาก แต่ไม่นำมาสร้างสรรค์ หรือพัฒนา ก็น่าเสียดายเวลาทีสั่งสมมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่มีบาทบาทต่อสังคมไทยในปัจจุบัน ต้องการคนรุ่นเก่ามาช่วยกันเติมเต็มในสิ่งที่คนรุ่นใหม่ยังไม่มี ต้องค้นหาว่าจะดึงเอาประสบการณ์ในเรื่องใดมาใช้ให้เป็นประโยชน์ หรือจะปล่อยให้ประสบการณ์เหล่านั้นตายไปกับตัวเอง ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้า...

“กรณี Shimon Peres เป็นกำลังใจนักการเมืองที่อายุ 60 ขึ้นไป"

         Shimon Peres, the Israeli President ที่ปัจจุบันมีอายุ 85 ปี แต่ชาวอิสราเอลและโลกยังเห็นว่าเป็นคนที่มีคุณค่า ต่อการเมืองในปัจจุบัน และชาวอิสราเอลฝากความหวังในการช่วยแก้ปัญหาประเทศของเขา ถึงแม้จะมีอายุมาก แต่มี Innovation อยากรู้อยากเห็นและที่สำคัญยังมีคุณลักษณะที่มีความซื่อสัตย์ ทำอะไรลึกซึ้ง และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

         เปรียบเทียบนักการเมืองไทยที่มีอายุและประสบการณ์มากอย่างพลเอกชวลิต  ยงใจยุทธ บรรหาร ศิลปอาชา เสนาะ เทียนทอง พล.ต.สนั่น ขจรประสาท หากท่านมีแนวคิด อุดมการณ์ใหม่ ๆ วิธีการทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ บวกประสบการณ์จะสามารถทำประโยชน์ช่วยประเทศชาติได้อย่างมาก ซึ่งการเมืองไทยไม่จำเป็นจะต้องเป็นคนหนุ่ม หรือคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะอายุน้อยหรือมากหากสามารถพัฒนาตนเองให้ทันต่อสภาวการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปก็สามารถทำประโยชน์ให้ประเทศได้ทั้งสิ้น และคงไม่มีใครแก่เกินเรียน

มุมมองต่อผู้นำรัสเซีย ระหว่าง เมดเวเดฟ กับ ปูติน ในด้านความสัมพันธ์ เชื่อว่า บุคคลทั้งสองมีความผูกพันธ์กันอย่างแนบแน่น ภาพที่ออกมามองดูว่าเกิดความขัดแย้ง ซึ่งอาจเป็นละครที่สร้างขึ้นมาก็ได้ ขึ้นอยู่ที่ผู้มีอำนาจแท้จริง จะเดินเกมส์อย่างไร หรือหากเกิดความขัดแย้งของผู้มีอำนาจทั้งสองจริง ก็คงมีเกมส์การต่อรองเพื่อรักษาดุลย์ภาพ และเชื่อว่าจะเป็นไปแบบไม่มีใครได้ใครเสีย win-wiw โดยจะขึ้นอยู่ที่มูลเหตุจูงใจว่าต้องการต่อสู้เพื่ออะไรมากกว่า ซึ่งผู้ตัดสินก็คือผู้ที่อยู่ในสังคมและวัฒนธรรมนั้นๆ จะเห็นว่าใครคือผู้มีอำนาจแท้จริงในการบริหารประโยชน์ประเทศชาติ

ปล.ช้าไปหน่อยนะครับ

ความเห็นเรื่อง พล.อ.ชวลิต , คุณบรรหาร , คุณเสนาะ , พล.ต.สนั่น

พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ , คุณบรรหาร ศิลปอาชา , คุณเสนาะ เทียนทอง และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งเป็นนักการเมืองไทยที่อายุมากแล้ว บางครั้งอาจจะถูกมองว่าอายุมากเกินไปที่จะทำประโยชน์ให้ชาติไทย แต่นักการเมืองไทยอายุมากดังกล่าวยังสามารถนำประสบการณ์ (Experience) ทางการเมืองที่สั่งสมมายาวนานทำประโยชน์ต่อประเทศไทยได้อีกมาก

อย่างไรก็ตาม การที่นักการเมืองไทยอายุมากทั้ง 4 คนดังกล่าว จะทำประโยชน์ต่อประเทศไทยในยุคปัจจุบัน ควรต้องปรับเปลี่ยนวิธีการให้ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ เนื่องจากสถานการณ์โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว(The World is changing very fast) รวมทั้งต้องดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วย แต่การดำเนินการต้องเริ่มต้นจากการเปิดโลกทัศน์ของตัวนักการเมืองดังกล่าว และนำคุณลักษณะสำคัญของ นาย Shimon Peres อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล 2 สมัย มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับนักการเมืองแต่ละท่านดังกล่าว ทั้งนี้ปัจจุบันนาย Peres อายุ 85 ปี ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอิสราเอล แบบไม่มีอำนาจอะไร แต่เป็นนักการเมืองระดับโลก ได้รับรางวัล Nobel สันติภาพ จากคุณลักษณะสำคัญของ Peres ประกอบด้วย Honesty ความซื่อสัตย์ , Depth ทำอะไรลึกซึ้ง และ Vision มีวิสัยทัศน์ รวมทั้งมีความอยากรู้อยากเห็น Curiosity และมีนวัตกรรม Innovation ให้ชาวอิสราเอลเน้นอุดมการณ์ใหม่ที่ใช้ความรู้ เช่น Stem Cell เซลล์ต้นกำเนิด , Electric Car รถที่ใช้ไฟฟ้า และ Alternative Energy พลังงานทดแทน

------------------------------------

สุรศักดิ์

แนวคิดที่ได้จากกรณีศึกษา : บทความที่นักการเมืองหญิงไทย

การที่ปัจจุบันผู้หญิงเข้ามามีบทบาทในทางการเมืองมากขึ้น นักการเมืองหญิงที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับก็เห็นได้มากมาย เช่น นาง Angela Markel นรม.หญิงคนแรกของเยอรมัน ที่ประสบความสำเร็จทั้งในด้านการบริหารและนโยบายต่างประเทศ ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง ทั้งยังกล้าหาญ และเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจ จนได้รับความเชื่อถือศรัทธาจากชาวเยอรมันให้ได้รับการเลือกตั้งเป็น นรม.สมัยที่สอง

ในระบบการเมืองไทยก็เช่นเดียวกัน แต่ในจำนวนนักการเมืองหญิงเหล่านั้น มีบางส่วนที่ต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากครอบครัวหรือกลุ่มผลประโชน์เพื่อเข้าสู่อำนาจ ซึ่งแม้จะมีความรู้ ความสามารถ มีภาพลักษณ์ที่ดี แต่ยังทำได้แค่เป็นตัวแทนของคนบางกลุ่มเท่านั้น เช่น กรณีของ รมต.หญิงท่านหนึ่ง ที่มีปัญหาเรื่องการใช้อำนาจครอบงำข้าราชการประจำ จนเกิดเหตุขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอาจเป็นเพราะผลประโยชน์ หรือด้อยประสบการณ์ในการบริหาร แต่ท้ายที่สุดแล้วสังคมก็รับรู้ได้ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง และผลการตัดสินใจที่ผิดพลาดของข้าราชการคนดังกล่าว ก็เป็นกรณีศึกษาที่น่าจดจำว่าไม่ควรเดินตามเกมของนักการเมืองมากเกินไป หรือถ้าจำเป็นก็ต้องตัดสินใจให้รอบคอบเพื่อจะอยู่รอดโดยไม่กระทบส่วนรวม

อย่างไรก็ตาม นักการเมืองหญิงไทยที่ดี ตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวมยังมีให้เห็นอีกมาก ขึ้นอยู่ที่จิตสำนึกของคนที่อยากเข้ามาเล่นการเมืองจะนำมาเป็นแบบอย่าง ประพฤติและปฏิบัติตาม

คดีคุณรัเกียรติ และคุณราเกซ

ผมคิดว่า กรณีคุณราเกซ คือหนีไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถูกตัดสินคดี และแล้วก็กลับมาติดคุกในประเทศไทย ใครทำอะไรผิดก็ต้องยอมรับผิด สำหรับนายรักเกียรติ ได้เดินทางไปต่างประเทศต่างๆ ระแวงกลัวว่าจะถูกจับ แต่ก็ไม่พ้นกระบวนการยุติธรรม แล้วก็ถูก จนท.ตร. จับได้และติดคุค รับโทษตามที่ตนเองได้ทำเอาไว้

       เมื่อวันที่ 16-17 พวกเราได้ไปทัศนศึกษาโครงการพระราชดำริ “ชั่งหัวมัน” ที่ จ.เพชรบุรี พวกเราในที่นี้คือ จนท.สขช.ประมาณ 50 คน และมีกลุ่ม Talented Capital Development Program  หลงเข้าไปรวมอยู่ด้วย 3 คน คือตัวเรา, อารมณ์ แล้วก็ต่าย กลับมาเลยมีเรื่องอยากจะเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง

        พวกเราไปพักที่โรงแรมแกรนด์ฯ เมื่อไปถึงช่วงบ่ายได้ฟังบรรยายพิเศษเรื่อง “สถาบันพระมหากษัตริย์ กับการใช้คำราชาศัพท์” โดยท่านประสพโชค อ่อนกอ ท่านเกษียณอายุเมื่อปีที่ผ่านมา ขณะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยราชเลขาธิการ และปัจจุบันยังได้รับขอร้องให้อยู่ช่วยงานที่สำนักราชเลขาธิการก่อน เพราะเป็นบุคลากรที่มีความรู้อย่างแท้จริง ภายหลังจบการบรรยายมีผู้ถามท่านว่า “ปารุสกวัน” เป็นภาษาอะไร และแปลว่าอะไร เพราะผู้ที่ถามเคยอยู่ในสถานการณ์ที่มีผู้ถามเช่นนี้มาก่อน แต่ไม่มีผู้ที่สามารถตอบคำถามนี้ได้ เพราะหลายท่านที่นั่งอยู่ด้วยกันก็ไม่แน่ใจกับข้อมูลที่จะนำไปอ้างอิง

          ท่านประสพโชคได้ให้ความกระจ่างกับพวกเราว่า ปารุสกวันเป็นชื่อของสวนใหญ่ที่สร้างไว้บนสวรรค์ชั้นที่ 4 คือชั้นดุสิตาภูมิ (ดุสิต) บนสวรรค์ชั้นนี้ได้สร้างอุทยานทิพย์ขึ้น 4 มุมของสวรรค์ ซึ่งอุทยานทิพย์ทั้ง 4 มีชื่อว่า

- นันทวันอุทยานทิพย์

- จิตรลดาวันอุทยานทิพย์

- มิสกวันอุทยานทิพย์

- ปารุสกวันอุทยานทิพย์

(จงภูมิใจเถอะว่าพวกเรากำลังอยู่บนสวรรค์...55555 ไม่ใช่อย่างนั้น จุดประสงค์ก็คือ คราวนี้เพื่อน ๆ ก็จะสามารถตอบคำถามได้โดยมีข้อมูลอ้างอิง)

          นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับที่ทำงานของเราแล้ว ท่านประสพโชคยังมีเรื่องเล่าขำ ๆ จากการตามเสด็จฯ มาเล่าให้เราฟังว่า ในวันหนึ่งขณะที่ในหลวงทรงเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยปกติเมื่อเวลาเย็นท่านจะปลีกพระองค์เมื่อทรงพระโอสถมวน (สูบบุหรี่) ในวันนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดที่เสด็จทรงเยี่ยม ต้องการจะเป็นผู้จุดพระโอสถมวนถวาย ได้เตรียมไฟแช็คไว้และคอยตามเสด็จตลอด เมื่อเห็นพระองค์หยิบพระโอสถมวนขึ้นมา ผวจ.ท่านนั้นได้กล่าวขึ้นว่า “ขอถวายพระเพลิงพระเจ้าค่ะ” พระองค์จึงตรัสขึ้นว่าพระองค์ยังอยู่ ในขณะนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้แต่มองหน้ากันด้วยความตกใจแต่ก็รู้สึกขำ และพระองค์ก็ไม่ได้ตรัสว่าอะไรต่อไปอีก

        (เราอยากเขกหัวตัวเองที่สุด ที่ไม่ได้ถามว่าคำที่ถูกต้องควรกล่าวเช่นไร ใครรู้ช่วยตอบที)      

    

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

กรณีนักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้ บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จิระ

ความแตกต่างของนักการเมืองในปัจุบันที่ ดร.จิระ กล่าว น่าจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักการเมืองเก่า และกลุ่มนักการเมืองใหม่

1) นักการเมืองรุ่นเก่า น่าจะหมายถึง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ คุณปวีณา หงส์สกุล และ คุณพรทิวา นาคาศัย เนื่องจาก เป็นนักการเมืองสไตล์แบบไทย ๆ คือ บุคลิกที่ดี มีครอบครัวสนับสนุน หรือ มีเครือญาติเป็นนักการเมืองเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่นหรืออดีตเคยทำงานการเมือง นักการเมืองประเภทนี้ ไม่ค่อยมีจุดยืนเป็นของตัวเอง ไม่มีอุดมการทางการเมือง มักใช้อิทธินำพาตัวเองเข้าสู่วงการเมือง

2) นักการเมืองรุ่นใหม่ น่าจะหมายถึง คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช ดร.จุรี วิตรวาทการ และ ดร.ผุสดี ตามไท เนื่องจาก เป็นผู้เสาะแสวงหาความรู้ มีความรู้ดี และมีศึกษาในระดับที่สูง เป็นที่ยอมรับในสังคม ถือว่าเป็นตัวอย่างทีดี มุ่งทำงานเพื่อส่วนรวม แต่เมื่อมาทำงานการเมืองอาจจะไม่เข้าตา หรือไม่เก่งในสายตาคนทั่วไป

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันเราไม่สามารถกำหนดได้ว่า จะต้องการนักการเมืองรุ่นเก่า หรือรุ่นใหม่ มาทำงานการเมือง เนื่องจากการเมืองในประเทศไทย ต้องการคนหลากหลายประเภท มากความรู้ ความสามารถ เป็นผู้มีประสบการณ์ เพราะงานการเมืองไม่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยคนคนเดียว หรือมีความรู้อย่างเดียว จะต้องมีประสบการณ์ ทีมงานที่ดี

แต่ในอนาคตข้างหน้า ผมว่านักการเมืองรุ่นเก่าจะค่อยๆ น้อยลง อาจจะเหลือไม่เกิน 40 % นอกนั้นจะเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มากด้วยความรู้ ความสามารถ มีความซื่อสัตย์สุจริต อาสาเข้ามาทำงานการเมืองมากขึ้น แต่ต้องได้รับการสนับสนันการพรรคการเมืองที่ประชาชนยอมรับ และมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติ โดยจะให้นักการเมืองรุ่นเก่า หรือผู้อาวุโส ที่มีคุณภาพ เป็นพี่เลี้ยง หรือคอยชี้แนะแนวทางการทำงาน เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด และในอนาคตไม่แน่ประเทศไทยอาจจะมีนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิง เหมือนกับ Mrs.Merkel ก็น่าจะเป็นไปได้เช่นเดียวกัน

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จิระ กรณี พล.อ.ชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ และ พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้

หากจะมองถึงบุคคลทั้ง 4 ท่าน ก็จะพบว่า 2 ท่านเป็นอดีต นรม. และอีก 2 ท่านเป็นผู้สนับสนุนหรือผู้จัดการรัฐบาล ในการประสานพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อจัดตั้ง นรม. เราไม่แปลกใจหรือสงสัยเลยว่าบุคคลทั้ง 4 ถึงแม้จะมีอายุมาก แต่ก็เป็นผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศไทย มาแล้วหลายสมัย

แต่การเป็นผู้ที่อาวุโสทางการเมือง ก็ไม่ใช่ว่าจะทำงานแบบเก่าๆได้เสมอไป จะต้องศึกษาเพิ่มพูนความรู้ และพัฒนาตามวิทยาการใหม่ๆ ตามโลกให้ทัน ทันต่อเหตุการณ์ และจากประสบการณ์ทางการเมืองของบุคคลทั้ง 4 ที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ยังทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อีกนาน แต่ท่านทั้ง 4 จะต้องปรับเปลี่ยนการทำงานหรือคุณลักษณะของตนเองให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่นความซื่อสัตย์ (Honesty) เป็นผู้มีวิสัยทัศน์ (Vision) และนำนวัตกรรม (Innovation) มาใช้ให้เกิดประโยชน์

ดังโบราณที่ว่า อายุเป็นแค่เพียงตัวเลข และสำหรับนักการเมืองที่มีอายุมาก เป็นผู้อาวุโสทางการเมือง ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ แต่อยู่ที่ว่าบุคคลคนนั้น นำประสบการณ์ที่ดี นำมาปรับใช้เพื่อพัฒนาบ้านเมืองหรือไม่ หรือจะใช้ประสบการณ์ที่ตนเองมีอยู่ เพียงเพื่อนำพาตนเองหรือวงศาคณาญาติเข้าสู่วงการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือของพวกพ้อง และไม่สนใจว่าประเทศชาติจะเสียหายมากแค่ไหน

ในอนาคตข้างหน้า นักการเมืองไทย ที่อายุมากๆ หากยังอยากทำงานการเมือง หรือมีใจที่ยังรักประเทศชาติ ก็น่าจะนำประสบการณ์ กลับมาพัฒนาช่วยกันสร้างระบบการเมืองทีดีขี้น ไม่ใช่เป็นเพียงแค่มองว่า ธุระไม่ไช่ แก่กระโหลกกะลา แก่แล้วแก่เลย เพราะไม่มีใครแก่เกินเรียน แต่อย่างเรียนจนแก่ก็น่าจะเพียงพอนะคับ

บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระ กรณี พลเอกชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ และพลตรีสนั่น

บทบาทหน้าที่ของผู้นำอิสราเอล นายShimon Peres อายุ 85 ปีแล้ว ซึ่งโดยปกติคนธรรมดาทั่วไป เมื่อมีอายุมากขึ้น สูงวัยขึ้น ก็ต้องการที่จะพักผ่อนเพื่อความสุขบั้นปลายชีวิต แต่นาย Peres เป็นบุคคลที่มีคุณค่าต่อการเมืองอิสราเอลในปัจจุบัน และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักการเมืองที่มีอายุมากและยังมีสุขภาพแข็งแรง เพื่อทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศของตนเอง ด้วยการมีคุณลักษณะของผู้นำที่

มีความซื่อสัตย์ ทำอะไรลึกซื้้ง มีวิสัยทัศน์ มีความอยากรู้อยากเห็น (ใฝ่รู้) นำแนวคิดนวัตกรรมมาแก้ไขปัญหา สร้างศักยภาพให้กับตนเองด้วยการ ช่วยกันกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ มีการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ การสร้างทุนปัญญาให้เกิดขึ้นกับประเทศของตน เพื่อความเจริญ ยั่งยืนอย่างแท้จริงและต่อเนื่อง

นักการเมืองไทยที่มีอายุมาก สุขภาพแข็งแรง และมีจิตใจที่จะร่วมกันพัฒนา ช่วยแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง ตัวอย่างเช่น

พลเอกชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ และพลตรีสนั่นนั้น นอกจากจะมีประสบการณ์ที่คลุกคลีกับการเมืองมาเป็นเวลายาวนานแล้ว ควรยึดคุณลักษณะแบบอย่างที่ดีของนาย Peres มาใช้ผสมผสานร่วมกับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีวิธีการที่ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มีความมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ของชาติบ้านเมืองมุ่งสู่ความเป็นเลิศอย่างแท้จริง ควบคู่กับการปฏิบัติตามหลักคุณธรรม จริยธรรมอย่างสม่ำเสมอ โดยปราศจากการคอรัปชั่นและผลประโยชน์ส่วนตัว

ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ (องค์ความรู้) จากการทัศนศึกษาโครงการพระราชดำริ “ชั่งหัวมัน” ที่ จ.เพชรบุรี ที่รวบรวมมาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง พบกัน 20 พ.ย.ครับ...

(บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ) กรณีนักการเมืองหญิงไทย

ในสมัยก่อนนั้นนักการเมืองไทยที่จะได้เข้าไปนั่งในสภาอันทรงเกียรตินี้จะต้องเป็นผู้ที่มีการลงเล่นการเมืองท้องถิ่นมาก่อนเช่น เป็น สท. สจ. หรืออื่นๆ และเป็นผู้สังกัดพรรคการเมือง เพราะประชาชนในสมัยก่อนจะนิยมเลือกผู้สังกัดพรรคการเมืองทำให้การเมืองสมัยก่อนน่าจะเป็นกึ่งของการรวบอำนาจ เพราะจะเกิดการดึงตัวผู้ที่ประชาชนนิยมชมชอบมาอยู่ในพรรคนั้นอย่างออกนอกหน้า และที่สำคัญการเมืองยังมีความรุนแรงในการแข่งขั้นสูงทำให้ผู้หญิงหรือนักการเมืองหญิงในสมัยก่อนเกิดได้ยากมากและมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตรายสูง หากมีความเด่นดังขึ้นมาก็อาจจะถูกไข้โป้งก็เป็นได้ จึงทำให้ผู้หญิงไม่นิยมที่จะเล่นการเมือง แต่เมื่อมาถึงในยุคที่การสื่อสารไร้ขีดจำกัด ประชาชนเริ่มมีความรู้ด้านการเมืองมากขึ้น และที่สำคัญผู้หญิงได้รับการยกย่องให้ขึ้นมาทัดเทียมผู้ชาย เพราะผู้หญิงสมัยนี้มีความพร้อมทั้งในด้านการศึกษา ความรู้ และฐานะทางครอบครัว ซึ่งถือได้ว่าเป็นแรงผลักดันอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ผู้หญิงเกิดพลังและเริ่มออกมามีส่วนร่วมกับการเมืองท้องถิ่นมากขึ้น และขยายตัวสู่สนามเลือกตั้งผู้แทนราษฎร โดยนักการเมืองหญิงมีการตั้งป้อมสู้แบบนักการเมืองชาย คือ การเสี่ยงดวงสมัครพรรคการเมืองที่มีชื่อเสียงและที่สำคัญการจะเป็นตัวแทนได้ต้องมีการลงทุนหรือบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองที่ตัวเองจะลงสังกัดอีกด้วย การเข้ามาเป็นนักการเมืองหญิงอีกรูปแบบหนึ่งที่เห็นได้ชัด คือ การสืบทอดทางความคิดหรือแนวคิดของบิดาหรือมารดาที่เคยลงเล่นการเมืองทั้งในระดับท้องถิ่น จังหวัด และประเทศ หรือเราจะเรียกอีกอย่างว่าทายาททางการเมืองหรือตัวตายตัวแทนนั่นเอง ซึ่งที่ผ่านๆมาจะเห็นได้ว่านักการเมืองหญิงในบ้านเราหลายคนที่เข้ามาเป็นทายาททางการเมือง แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทางการเมืองเท่าที่ควร เข้ามานั่งในสภาก็เหมือนไม้ประดับให้สภามีสีสันเท่านั้น แต่บทบาทในด้านการเมืองถือว่าได้รับการยอมรับน้อยมาก แต่ไม่แน่ในอนาคตประเทศไทยอาจจะมีนักการเมืองหญิงที่สามารถดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง ดั่งเช่น Mrs.Merket นายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนี และนางเฮนเรนรี คลินตัน ก็เป็นได้

(บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ) พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น

จากบทความนี้จะเห็นได้ว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการมาเป็นตัวแปร ตัวกำหนดหรืออุปสรรคต่อการทำงานหรือการเรียนรู้ในโลกใบนี้ เพราะผู้ที่อาวุโสนั้นถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูงในด้านต่างๆ และยังสามารถทำประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ อย่างเช่น นาย Shimon peres ประธานาธิบดีของอิสราเอลซึ่งมีอายุ 85 ปี ซึ่งเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ในการทำงาน และมีการเรียนรู้ ไขว่รู้อยู่เสมอ และเป็นคนที่ชาวอิสราเอลฝากความหวังไว้เพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหาของประเทศ แต่ในมุมกลับกันนักการเมืองไทย (ผู้สูงอายุ) หลายท่านที่ยังคงต้องการตำแหน่งสำคัญทางการเมืองของเรานั้น ยังขาดการไขว่รู้เรียนรู้และไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองทั้งในด้านความคิดหรือลบทัศนคติที่ล้าสมัยให้หมดไป ขาดการพัฒนาตนเองในการสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศ เข้ามาก็เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเองเสียส่วนใหญ่ ถึงแม้ว่านักการเมือง (ผู้สูงอายุ) จะมีประสบการณ์การทำงานที่สะสมมานาน แต่ก็ไม่สามารถพัฒนาหรือนำประเทศไปสู่ความเป็นเลิศได้ เพราะนักการเมืองไทยที่เข้ามาเล่นการเมืองส่วนใหญ่ยังยึดติดกับชื่อเสียงเกียรติยศ ความโลภ และขาดความซื่อสัตย์แก่ตนเองและประเทศชาติด้วย ทำให้ประชาชนไม่สามารถจะฝากความหวังใดๆ ไว้ได้ ซึ่งยังส่งผลให้ประเทศขาดการพัฒนาที่ยั่งยืนและไม่สามารถนำประเทศไปสู่ความเป็นเลิศได้

พล.อ.ชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ และ พล.ต.สนั่น (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

นาย Shimon Peres อดีตนายกรัฐมนตรี อิสราเอล 2 สมัย ซึ่งชาวอิสราเอลและโลกยังเห็นว่าเป็นคนที่มีคุณค่าต่อการเมืองในปัจจุบัน เพราะ Peres เป็นคนที่มีคุณลักษณะ 3 ประการ คือ มีความซื่อสัตย์ (Honesty) ทำอะไรลึกซึ้ง (Depth) และมีวิสัยทัศน์ (Vision) ถึงแม้ว่าเขาจะมีอายุมากถึง 85 ปี แต่ก็ยังเป็นคนใฝ่รู้และชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา โดยเน้นอุดมการณ์ให้ชาวอิสราเอลได้ใช้ความรู้ในการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น เซลล์ต้นกำเนิด รถที่ใช้ไฟฟ้า และพลังงานทดแทน นอกจากนี้ เขายังใช้ประสบการณ์ในการทำงานของเขาพูดโน้มน้าวให้ Netanyahu นายกรัฐมนตรี อิสราเอล คนใหม่ ซึ่งเป็นนักการเมืองหัวรุนแรงยอมรับชาว Palestine ให้มีประเทศเป็นของตัวเอง จนทำให้ได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพ

ซึ่งหากจะเปรียบเทียบระหว่างนักการเมืองไทย 4 ท่าน ได้แก่ พล.อ.ชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ และ พล.ต.สนั่น กับ Peres ทำให้มองเห็นถึงความแตกต่างกันของนักการเมืองไทยคือภาพลักษณ์นักการเมืองยุคเก่าที่มุ่งเน้นแสวงหาอำนาจทางการเมืองเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ขาดจิตสาธารณะ และวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศเท่าทันในยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งหากนักการเมืองไทยนำแบบอย่างที่ดีของ Peres มาประยุกต์ใช้ร่วมกับประสบการณ์การทำงานที่ดีซึ่งทั้ง 4 ท่านได้สะสมมาและนำพัฒนาระบบการเมือง เชื่อว่าจะสามารถทำให้อนาคตการทางการเมืองของไทยก้าวไปสู่ความโปร่งใสและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศอย่างแท้จริง

ศิริลักษณ์ กล่ำฉ่ำ

บทเรียนความจริงกับ ดร.จีระ

“นักการเมืองหญิงไทย”

1. สังคมไทยยังต้องการที่จะเข้าสู่รูปแบบสังคมแห่งการเรียนรู้ อันเป็นพื้นฐาน

สำคัญในการพัฒนาคนเอง องค์กร และองคาพยพของสังคม รวมทั้งการนำนวัตกรรมมาปรับใช้

ในการแก้ปัญหาขององค์กร แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาจิตใจตนเอง

2. คุณค่าความเป็นมนุษย์มีอยู่ในทุกคนทุกระดับ การใช้ชีวิตที่มีคุณค่าพร้อมจึง

ควรดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท การศึกษาหาความรู้เพื่อการต่อยอดในการพัฒนาศักยภาพ

ของตนเองจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

3. กรณีเหตุผลตามข้อ 1 และข้อ 2 คุณค่าและคุณสมบัติของนักการเมืองหญิงไทย

ไม่จำเป็นต้องเกิดมาในตระกูลสูงเป็นชนชั้นสูงของสังคม การมีครอบครัวที่ดีสนับสนุน หากแต่

อยู่ที่ความดี มีความรู้เหมาะสม ใฝ่รู้ และมีความมุ่งมั่นที่จะทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวม

…………………………………

คำมา พื้นทอง

บทเรียนความจริงกับ ดร.จีระ

“กรณี Shimon Peres กับ ๔ นักการเมืองอาวุโสของไทย”

1. การศึกษากรณี Shimon Peres ให้แง่คิดในการตระหนักถึงคุณค่าความเป็น

มนุษย์ คุณค่าของความรู้ความสามารถของบุคคลที่ผ่านการบ่มเพาะจากประสบการณ์อันยาว

นาน นำมาผสมผสานกับความรู้นวัตกรรมปัจจุบันได้ลงตัว จนเป็นบุคคลที่มีมูลค่าเพิ่ม สามารถ

ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้ไม่จำกัดด้วยวัยวุฒิ

2. กรณีนักการเมืองอาวุโสของไทย ๔ ท่าน ได้แก่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พล.ต.

สนั่น ขจรประศาสน์ นายบรรหาญ ศิลปะอาชา และนายเสนาะ เทียนทอง เป็นนักการเมืองที่เคย

ทำประโยชน์ให้สังคมไทยมาแล้วระดับหนึ่ง มีการสั่งสมความรู้/ประสบการณ์มาอย่างยาวนาน

หากผนึกประสบการณ์ในอดีตเข้ากับความรู้ในโลกสมัยใหม่ได้ดี จะสามารถทำประโยชน์ให้แก่

ประเทศชาติและสังคมได้อย่างยั่งยืนเป็นความหวังของสังคม

3. คุณสมบัติที่ควรยึดถือได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ทำอะไรจริงจัง เอาใจเขาใส่

ใจเรา และมีวิสัยทัศน์ โดยสรุปประสบการณ์ที่มีคุณค่า อุดมการณ์ที่มั่นคง ผสมกับแนวคิดก้าว

หน้าในโลกปัจจุบัน คือปัจจัยที่มีคุณค่าสำหรับทรัพยากรมนุษย์

…………………………………

คำมา พื้นทอง

สภาพอากาศที่ จ.มุกดาหาร เริ่มหนาวและลมแรงตั้งแต่วันที่ ๑๗ พ.ย. โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำโขงลมจะแรงเป็นพิเศษ

ยินดีต้อนรับคณะสมาชิก Talented Capital Development Program หากจะมาเที่ยวชมความงามของแดนพญานาค

จากทีมงานเสียงอีสาน

แนวคิดที่ได้จากการการอ่านบทความ Shimon Peres

การที่นาย Shimon Peres แม้จะอายุ 85 ปีแล้ว แต่ยังเป็นที่ยอมรับของสังคมอยู่ โดยได้รับการยอมรับและยกย่องในความมุ่งมั่น อดทน เสียสละ และทำประโยชน์เพื่อสาธารณะ แสดงให้เห็นว่าท่านเป็นบุคคลที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย มีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เป็นผู้ให้ ดังนั้นเราจึงสามารถนำท่านมาเป็นแบบอย่างที่ดีได้โดยยึดหลัก Honesty ความซื่อสัตย์ Depht ความลึกซึ้ง Vision มีวิสัยทัศน์ Curiosity ความอยาก รู้อยากเห็น Innovation นวัตกรรม ซึ่งสองอย่างหลังนี้ถือว่าเป็นสิ่งใหม่ที่เราต้องก้าวให้ทัน

เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับนักการเมืองไทยจะเห็นได้ว่ายังขาดในเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย และการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง ทั้ง ๆ ที่ท่านเหล่านั้นก็มีประสบการณ์ที่ดี ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริงได้

พี่คำมา

กลับมาซื้อหมูยอท่าด่านมาฝากบ้างนะ เห็นเขาว่าอร่อยมาก ๆๆๆๆๆ

กรณีนักการเมืองหญิงไทย

ผมเห็นนักการเมืองหญิงไทยที่น่าสนใจอีกคนนะครับ คือ รสนา โตสิตระกูล ซึ่งเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางด้านองค์กรเอกชน แล้วมาเล่นการเมือง ซึ่งคงพอได้เห็นบทบาทกันนะครับ กรณีการประชุมสภาเมื่อ 7 ต.ค.51 รสนาฯ จบ ป.ตรี ที่ มธ.คณะวารสารศาสตร์ฯ เป็นนักรณรงค์ด้านสุขภาพและสิทธิผู้บริโภค มีบทบาทสำคัญในการเปิดโปงขบวนการทุจริต กรณีการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ใน สธ.เมื่อปี2541 ยับยั้งการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ.

เคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา กทม.ได้คะแนนอับดับ4 แต่ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เพราะเกิดรัฐประหาร 19 กันยาเสียก่อน ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา กทม.ได้รับเลือกอันดับที่1 ด้วยคะแนน7แสนกว่า

จะมีผู้ใดพอทราบไหมครับว่า คุณรสนาฯ มีมูลเหตุจูงใจใดจึงกล้าเข้าสู่สนามการเมืองแบบไทยไทย

(เอกสารอ้างอิง วิกิพีเดีย)

โอ่โห!

“กรณี Shimon Peres กับ ๔ นักการเมืองอาวุโสของไทย” ได้แก่

- พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ขงเบ้งไทย

- พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ พระยาชาละวัน มือประสานสิบทิศ แมวเก้าชีวิต ผู้ผ่าน

ประสบการณ์เว้นวรรคทางการเมือง5

- นายบรรหาญ ศิลปะอาชา เติ้งเสี่ยวหาญหลงจู๊การเมือง

- นายเสนาะ เทียนทอง นักปั้นนายกรัฐมนตรีไทย

* ไม่มีคำบรรยาย ความสามารถของท่านนักการเมืองอาวุโสของไทย ที่อ้างถึงเลยครับ เพราะเข้าไม่ถึงจิตวิญาณท่านผู้ทรงคุณวุฒินี้จริงๆครับ ไม่ทราบว่าลึกๆแล้วท่านเหล่านี้คิดอะไรอยู่ มีศาสตร์สาขาใดที่พอจะอธิบายได้ช่วยแนะนำด้วยนะครับ

พี่พ่อใหญ่ครับ....

ของฝาก..ครับ

ของฝาก

เพื่อนๆ..น้องๆ...เรียกร้อง

อย่าลืมครับของฝาก

เบียร์ลาวก็ได้

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระ)

ปัจจุบันบทบาทของผู้หญิงเป็นที่ยอมรับกันมากขึ้นในสังคม ดังเช่น นาง Merkel นรม.หญิงคนแรกของของเยอรมนี เป็นนักการเมืองหญิงที่ประสบความสำเร็จที่โตมาจากเยอรมันตะวันออกที่ครั้งหนึ่งเป็นคอมมิวนิสต์ เรียนสาขาฟิสิส์ บุคคลิกและการแต่งตัวไม่ตามสมัย พูดไม่เก่ง ไม่มี Charisma แต่ด้วยความที่เธอมีแนวคิดเป็นของตนเอง มีจุดยืนและอุดมการณ์ และความมุ่งมั่นในการทำงาน กอร์ปกับความที่เป็นพื้นเพ จึงน่าจะเป็นเหตุผลทำให้สามารถชนะใจของคนเยอรมัน เลือกเธอมาเป็นผู้แทนในการปกครองประเทศ สำหรับนักการเมืองหญิงไทยในปัจจุบันที่ก้าวเข้ามาเล่นการเมือง คงเห็นเค้าลางว่าเป็นร่างทรงหรือตัวแทน ของพ่อหรือสามี ในการสนับสนุนให้เข้ามาเพื่อดำเนินการเข้ามาสืบสานต่อธุรกิจการเมือง อำนวยความสะดวก และปกป้องผลประโยชน์ของพวกพ้องเท่านั้น ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าเขาเหล่านันจะมีแนวอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติแต่อย่างใด

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระ)

นาย Shimon Peres อดีต นรม.อิสราเอล 2 สมัย เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพป ปัจจุบันอายุ 85 ปี แต่จนถึงปัจจุบันท่านนี้ยังอยู่ในใจของชาวอิสราเอล และชาวโลก ด้วยคุณลักษณะพิเศษที่โดดเด่น ในเรื่องของความซื่อสัตย์ (Honesty) ทำอะไรลึกซึ้ง (Depth) และมีวิสัยทัศน์ (Vision) อีกทั้งยังเป็นผุ้ที่มี ความอยากรู้อยากเห็น (Couriosity) และนวัตกรรม Innovation โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ Peres เน้นการอุดมการณ์ใหม่ ๆ ในเรื่อง เซลส์ต้นกำเนิด (Stem Cell) รถที่ใช้ไฟฟ้า (Electric Car) และ พลังงานทดแทน (Alternative Energy) ให้แก่ชาวอิสราเอล

จากกรณีดังกล่าวขึ้นจึงบ่งชี้ได้ว่า ด้วยความที่ไม่หยุดนิ่งของนาย Peres ซึ่งมีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา มีแนวคิดที่จะคิดพัฒนาภายใต้โลกที่เปลี่ยนแปลง อายุจึงไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้แต่อย่างใด นาย Peres จึงนับว่าเป็นบุคคลที่มีคุณูปการ จึงเป็นแบบอย่างที่ดีของคนมีอายุที่มีคุณภาพให้กับผู้นำและนักการเมือง

สำหรับนักการเมืองอาวุโสของไทย ทั้ง 4 ท่าน อาทิ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ คุณบรรหาร ศิลปอาชา คุณเสนาะ เทียนทอง และ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์สะสมอย่างมากมายตราบเท่ากับจำนวนตัวเลของอายุที่มากขึ้น สามารถที่จะนำความรู้ความสามารถมาจุดประกายความฝันที่จริงทางการเมืองในการพัฒนาประเทศชาติได้อย่างจริงจัง โดยไม่เลือกฝ่าย หากท่านเหล่านี้มีอุดมการณ์ แนวความคิดที่สร้างสรรค์ มีจุดยืนบนพื้นฐานที่เป็นผลประโยชน์แห่งชาติประชาชน โดยปราศจากการมุ่งจะรักษาผลประโยชน์ของพวกพ้องแต่เพียงฝ่ายเดียว

------------------------------------------------------------------------

นักการเมืองหญิงไทย (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

ปัจจุบันมีหญิงไทยจำนวนไม่น้อยที่เข้ามามีบทบาททางด้านสังคมและการเมือง จนเป็นที่ยอมรับจากสังคมและบุคคลทั่วไปรวมถึงนักการเมือง ซึ่งทำให้มีหญิงไทยจำนวนหนึ่งเข้ามาทำหน้าที่เป็นนักการเมืองหญิงเพื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงในสภาฯ

อาจารย์จีระได้ยกตัวอย่างกรณีนาง Merkel นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเยอรมัน ซึ่งเป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จแตกต่างไปจากคนอื่น คือ มีแนวคิดเป็นของตนเอง มีความอดทน และมุ่งมั่นเพื่อส่วนรวมของชาติมาให้เปรียบเทียบกับนักการเมืองหญิงไทยในครั้งนี้ ทำให้สามารถแบ่งนักการเมืองหญิงไทยเป็น 2 แบบ คือ (1) นักการเมืองหญิงไทยสไตล์ไทย (แบบเก่า) เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ฯ คุณปวีณา และคุณพรทิวา บุคคลดังกล่าวเข้ามามีบทบาททางการเมืองได้เพราะเป็นทายาทหรือภรรยาที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวที่เป็นนักการเมือง ซึ่งบุคคลเหล่านี้อาจจะขาดจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง และการเข้ามาสู่ระบบการเมืองก็เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ขาดจริยธรรม และการทำงานเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ (2) นักการเมืองหญิงไทยสไตล์ Merkel (แบบใหม่) เช่น คุณหญิงกัลยา ดร.จุรี และ ดร.ผุสดี ซึ่งทั้งสามท่านเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถดี และมีความคิดเป็นของตัวเองมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ

นักการเมืองหญิงที่เราต้องการในอนาคตเราต้องเป็นคนเก่ง และดี มีวิสัยทัศน์ ทำงานเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว และจากที่กล่าวมาข้างต้นเราอาจจะได้ผู้หญิงที่เก่งและมีความรู้ความสามารถเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ทายาทนักการเมืองหรือสามีที่เข้ามาแสวงประโยชน์จากภรรยาที่เป็นนักการเมืองหญิงลดน้อยลงไป

--------------------------------------------------------------------------------------------

ศิริลักษณ์ กล่ำฉ่ำ

พระฉายาลักษณ์ ที่เราเห็นแล้วอยากเก็บมาฝาก เราไปเห็นที่เพลินวาน หลังจากฟังบรรยายของอาจารย์ณรงค์ศักดิ์ ผ้าเจริญ เราก็ได้ไปเที่ยวที่นั่นพอดี

เอาภาพถ่ายมาอวดให้อิจฉากันเล่น ๆ

 

ความรู้ที่ได้รับและการนำมาเชื่อมโยงเพื่อประโยชน์ในการทำงานและองค์กร

1.ตระหนักเกี่ยวกับ Human Resources

- คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร วัตถุสิ่งของมีแต่จะเสื่อมค่าลง แต่คนหากได้รับการพัฒนาจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นตลอดไป , ทรัพยากรมนุษย์ ไม่ใช่ต้นทุนแต่เป็นกำไร องค์กรจะยั่งยืนต้องมี Cuture Learning , การทำงานร่วมกันเป็นทีม จะเป็น 1 + 1 มากกว่า 2 หรือสองหัวดีกว่าหัวเดียว , ความจงรักภักดีต่อองค์กรต้องสร้างศรัทธาก่อน

2.ตระหนักถึง การเป็นผู้นำที่ดีควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

- มี Vision มองเห็นอนาคตว่าจะเดินไปทางใหน รู้ปัญหาล่วงหน้าและป้องกัน , สร้างทีมเวิร์คได้ มี Connection ที่ดี , คิดแบบ win/win ประสานผลประโยชน์ ไม่ใช่ Zero sum Game , สามารถ Motivate ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี , กล้าตัดสินใจ กล้าทำสิ่งท้าทายความสามารถ , เป็นตัวอย่างที่ดีในทุกด้าน เช่น ความอดทน สติปัญญา ภาพลักษณ์ , มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมเปลี่ยนแปลงตามยุคโลกาภิวัฒน์ , สร้างความศรัทธาหรือความจงรักภักดีให้เกิดในองค์กรได้ , มี Creative Thingking มีความเป็น Blue Ocean , มีความรู้ด้านวิเคราะห์วิจัย ภาษาต่างประเทศ ด้าน IT , มีคุณธรรมจริยธรรม , มีทัศนคติต้องการเรียนรู้ตลอดชีวิต , เข้าใจเรื่อง Human Resources เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาองค์กร , สามารถสร้าง Learning Organization

3.มีความรู้เรื่องการบริหารสัมพันธ์กับลูกค้า Apply กับเครือข่ายขององค์กร

- ลูกค้าที่ให้ผลประโยชน์กับเราควรรักษาไว้ ถ้ายังไม่มีความสัมพันธ์กับเรา ต้องดึงมาและรักษาความสัมพันธ์ไว้ทุกรูปแบบ ด้วยหลัก Empathy , I Care และเป็น Customer and Service Oriented , สร้าง Value ,win-win, Satisfaction กับลูกค้า และ Customer is the King

4. มีความรู้เรื่องความสำเร็จและความสุขของชีวิต

- ควรมีหลัก IQ =ความเก่ง EQ=ความสุข AQ=ความสำเร็จ MQ=ความดี HQ=ความแข็งแรง SQ อัจฉริยภาพสูงสุด ,การเข้าใจตนเองคือการวิเคราะห์ตนเอง การจัดการกับอารมณ์ตนเองได้ จูงใจตนเอง ร่วมรู้สึกอารมณ์ผู้อื่น เป็นผู้ฟังที่ดี มีทักษะทางสังคม สร้างการยอมรับและศรัทธา การบริหารความขัดแย้ง ความสามารถสร้างทีม

5.การปรับตัวเองกับยุคโลกเปลี่ยนแปลง และ Blue Ocean Strategy ในการทำงาน

- ปัจจุบันข้อมูลมีมากเกินไป คือ จริง/ลวง ต้องมีการกลั่นกรองและลำดับความสำคัญ การวิเคราะห์ที่ดี คือ ข้อมูล 20% เห็นความจริงล่วงหน้า 80 % , หรือวิเคราะห์ 70-80 % เพื่อเห็นสัญญานเท่านั้น ,ปัจจุบันโลกเป็นสังคมความรู้ข่าวสาร (โลกแบน) ต้องการคนสมอง Orgranic มากที่สุด , ต้องเรียนแบบวิเคราะห์ ตั้งคำถาม Why Why แพ้หรือชนะอยู่ที่ระบบความคิด,Applyในองค์กร คือ มีข้อมูล – ศึกษาข้อเท็จจริง – เป็นประโยชน์ – นำไปใช้ประโยชน์ , เรียนรู้เทคนิค Game Theory Concepts เช่น Zero,Positive,Negative and Sequential sum Game ,เรียนรู้ Blue Ocean Concepts คือ การสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างโอกาสใหม่ Apply โดยบูรณาการ พัฒนา ปรับปรุงคุณภาพงานให้ดียิ่งขึ้น

6.มีความรู้เรื่องการวางแผนเชิงกลยุทธ์

- องค์ประกอบคือ วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ องค์ประกอบที่ดีของแผน เช่น การทำ Swot ได้ถูกต้อง มีแผนระยะยาว กลาง สั้น แผนต้องสัมพันธ์กัน และท้าทาย ,การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกได้ถูกต้อง ต้องมีข้อมูล องค์ความรู้ ระบบคิด, การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในได้ถูกต้อง ต้องมี KPI Benchmarking มิติใหม่ น้ำหนัก อัตตาลูกค้า

7.มีความรู้การบริหารเชิงคุณภาพของหน่วยงานภาครัฐแนวทางของ PMQA

- ตัวผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ คือ การนำองค์กร - แผนยุทธศาสตร์และกลยุทธ์- ให้ความสำคัญผู้รับบริการ - วัด วิเคราะห์และจัดการความรู้ - เน้นทรัพยากรบุคคล-จัดการกระบวนการ - ผลลัพธ์ คือ ประสิทธิผล คุณภาพ ประสิทธิภาพ พัฒนาองค์กร,มีความรู้ค่านิยมหลักขององค์กรที่เป็นเลิศ คือ มีวิสัยทัศน์ รับผิดชอบต่อสังคม เห็นคุณค่าพนักงานและคู่ค้า มุ่งเน้นอนาคต คล่องตัว การเรียนรู้ขององค์กรและบุคคล จัดการเพื่อนวัตกรรม ใช้ข้อมูลจริง เน้นผลลัพธ์และคุณค่า มุมมองเชิงระบบ

8.มีความรู้เรื่อง Mind Map

- Apply เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การนำเสนองาน วางแผน ตัดสินใน การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ การศึกษา ความจำที่ดี จัดระเบียบข้อมูล ฝึกสมองให้คิดเป็นระบบ ฝึกสมาธิ, มีความเข้าใจการทำงานของสมองซ้ายขวา, ด้านความจำ จินตนาการแปลกจะจดจำง่าย ช่วงแรกและช่วงสุดท้ายจะจำง่าย การอ่านหนังสือ 2 ชม.ควรพักเพื่อประสิทธิภาพความจำ, ฟุ้งซ่านให้เกิดประโยชน์สร้างจินตนาการเชื่อมโยงความจำ

9.มีความรู้เรื่องการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร

- แนวความคิดคือ การเกิดขององค์กรเพื่อผลเชิงบวกต่อสังคม มองภาพระดับมหภาคโดยกรมองให้กว้าง คิดให้ไกล ใฝ่ให้สูง แสวงจุดสมดุลระหว่าง คน สิ่งแวดล้อม/ทรัพยากร กำไร ความศรัทธา มองโลกและองค์ความรู้เป็นทรัพยากรส่วนรวม ควรแบ่งปัน ช่วยกันรักษา ตั้งบนพื้นฐานคุณธรรม ความเป็นจริง มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม สร้างบรรทัดฐานใหม่ในวงการ

10. มีความรู้เรื่อง Creative Thingking อย่างเป็นระบบ

- การมีข้อมูลถูกต้อง โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ต้องใช้จินตนาการ ต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์, 4C เพื่อประโยชน์สูงสุด Control Communication Command Computer , การวางยุทศาสตร์ ยุทธวิธี โดยมีข้อมูลข่าวสารมาสนับสนุนอย่างเป็นกระบวนการ (MIS Management Information System),การเปลี่ยนจาก Functional เป็นใช้ Emotional การใช้ Original Design การใช้Original Brand(ทุนสูงสุดของชาติคือทุนทางวัฒนธรรม)ทั้งหมดเติม Creative Thingking เป็น New Economy , การขาดจินตนาการคือขาดสิ่งสำคัญในชีวิต, การใช้ความแตกต่างให้เป็นประโยชน์ , เป็น Entrepreneurial Mindset , มีความรู้เรื่อง Trend ของโลก คือ การเงิน เทคโนโลยี โครงสร้างประชากร สิ่งแวดล้อม พฤติกรรมผู้บริโภค , ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันประกอบด้วย รัฐบาล เอกชน การศึกษา , การนำความคิดสร้างสรรมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือTalents - Value Created - Wealth - Constructive Environment , ความคิดสร้างสรรมาจาก Expertise – Creative Thingking Skills – Creativity Motivation ,ปัจจุบันศึกษาเป็น Self คือ Ethics, Practice and Technologies of the self

น.ส.บุษบา บรรชาติ

วิเคราะห์นักการเมืองหญิงไทยและนายกฯหญิงคนแรกของ German Mrs. Merkel

หากเรามองบทบาทของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ คุณปวีณา หงสกุล คุณพรทิวา นาคาศัย ซึ่งถือว่าเป็นนักการเมืองผู้หญิงชั้นแนวหน้าของไทย เห็นว่าเป็นนักการเมืองสไตล์ไทย ๆ คือ เล่นการเมืองเพื่อการเมือง ผลงานไม่โดดเด่น แต่มีบทบาททางการเมืองสูง มี Connection ทางการเมืองมาก เก่งทางด้านงานเลือกตั้งเป็นหลัก ตลอดจนไม่ได้สร้างบรรทัดฐานอะไรใหม่ ๆ ให้คนอื่น ๆ ดำเนินตาม

ขณะที่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ดร.ผุสดี ตามไท มีความเป็นวิชาการสูง เน้นสร้างผลงาน ไม่มีอิทธพลทางการเมือง ไม่เก่งงานเลือกตั้ง หากทั้งหมดที่กล่าวมาต้องการประสบความสำเร็จทางการเมืองและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ควรจะเอาจุดแข็งของทั้งสองฝ่ายมาเติมจุดอ่อนของอีกฝ่าย น่าจะทำให้การเมืองไทยมีนักการเมืองหญิงที่มีคุณภาพเก่งรอบด้านอย่างแท้จริง

ส่วนนายกรัฐมนตรีหญิงของ German การติดอันดับผู้ทรงอิทธิพลของโลก การได้รับเลือกตั้งเป็นนายกฯรอบสอง ผลงานดังกล่าว น่าจะเป็นแบบอย่างให้ผู้หญิงทั่วโลกได้ตระหนักถึงศักยภาพของผู้หญิงว่ามีเท่าเทียมกับผู้ชาย

นางสาวบุษบา บรรชาติ

วิเคราะห์นักการเมืองสูงอายุของไทย และ ปธน.อิสราเอล Shimon peres

หากมองบทบาททางการเมืองของ พลเอก ชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ พล.ต.สนั่น ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีอาวุโสสูงในเมืองไทย เราอาจพบว่า เขาเหล่านี้เล่นการเมืองในรูปแบบเดิมคือ ต้องมี Connection ทางการเมืองมาก มีอิทธิพลในหมู่นักการเมืองด้วยกัน เน้นใช้เงินในการเลือกตั้ง สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ ส่วนหนึ่งอาจด้วยประเทศของเราเป็นประเทศยากจน ขาดโอกาสทางการศึกษา อยู่ในระบบอุปถัมภ์ ชาวบ้านโดยเฉพาะในชนบท มีคำขวัญ “เงินไม่มากาไม่เป็น” ทำให้นักการเมืองต้องใช้เงินและต้องถอนทุนคืนเรียกว่า “เป็นวงจรอุบาททางการเมือง”

ที่สำคัญคนที่มีความตั้งใจจริงและมีความรู้สูง มักขาดฐานมวลชนสนับสนุน การเมืองไทยจึงได้เฉพาะนักเลือกตั้งที่เก่งแต่ไม่เก่งในการสร้างผลงาน หรืออีกแง่หนึ่ง การเมืองของเราขาดเสถียรภาพ มีรัฐบาลจากหลายพรรคทำให้นโยบายพรรคไม่มีผลในทางปฏิบัติ อดีตนายกฯเช่น พล.อเชาลิตหรือคุณบรรหาร จึงไม่มีอำนาจเต็มที่จะบริหารประเทศ ซึ่งอาจเป็นความจริงส่วนหนึ่ง หากอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้การเมืองแบบเก่าในการเข้าสู่สภา แวดล้อมไปด้วยนักเลือกตั้งที่ต้องการถอนทุนรวมถึงนายทุนของพรรค หากไม่มีกลุ่มเหล่านี้จะไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งจนได้จัดตั้งเป็นรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม หากนักการเมืองอาวุโสทั้งสามคน ต้องการจะอยู่ในวังวนการเมืองต่อไป น่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่เพื่อสร้างคุณความดี อาจมองนักการเมืองต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก เช่น ปธน. Peres เจ้าของรางวัลโนเบลเพื่อสันติภาพอายุ 85 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับทั้งสามท่าน มาประยุกต์ใช้กับการเมืองแบบไทย โดยใช้ประสบการณ์ทางการเมืองที่มีอยู่สูง และความตั้งใจที่จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างแท้จริง

นางสาวบุษบา บรรชาติ

บทเรียนจาก Peres

อดีตนักการเมืองรุ่นเก่าชาวอิสราเอล ปัจจุบันอายุ 85 ปี แล้ว เคยเป็นนายก ฯ

2 สมัย แต่กลับเป็นบุคคลที่ประชาชนฝากความหวังไว้กับเขาให้ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ

สำหรับนักการเมืองไทยรุ่นเก่า ที่มีประสบการณ์ด้านการเมืองมายาวนานซึ่งน่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อีกมากและเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับนักการเมืองรุ่นหลัง

ถ้ารู้จักรักษาสุขภาพให้ดี สนใจหาความรู้ ให้ทันสมัย ทันต่อเหตุการณ์ และมีคุณลักษณะอย่าง Peres คือ มีความซื่อสัตย์ (Honesty) ทำอะไรลึกซึ้ง (Depth ) มีวิสัยทัศน์ (Vision) อยากรู้อยากเห็น (Curiosity ) และนวัตกรรม (Innovation)

อย่างไรก็ตามการเรียนรู้ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นเสมอไม่ว่าจะอยู่ในวัยไหน อายุมากหรืออายุน้อยต้องมีการพัฒนาศักยภาพของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งให้กับประชาชน

นายshimon peres กับ 4 นักการเมืองอาวุโสของไทย (บทเรียนจากความจริง กับ ศ.ดร.จีระ)

นายperes อดึต นรม.2 สมัยของอิสราเอล เป็นนักการเมืองการปกครองเป็นบุคคลที่ได้การยอมรับเรื่องความซื่อสัตย์,ทำอะไรลึกซึ้ง,มีวิสัยทัศน์กว้างไกล นอกจากนันยังไฝ่รู้พัฒนาสิ่งต่างๆ จึงทำให้อิสราเอลเจริญรุ่งเรืองและประเทศชาติปลอดภัยมาจนทุกวันนี้ แต่จากสภาวะของประเทศทีต้องพบกับภัยรอบด้าน ทำให้ประชาชนต้องรวมกันเป็นหนึ่งและนายperesถึงจะมีอายุมากแล้วก็ตาม ผลงานที่ผ่านมาได้ใช้ความสามารถพัฒนาประเทศชาติจนประชาชนเกิดความศรัธทา ต่างจากเมืองไทยการเมืองมีการแบ่งพรรคแบ่งพวก นักการเมืองของไทยที่มีอายุมากแล้วเช่น พล.อ.ชวลิต,บรรหาร,เสนาะและ พล.ต.สนั่น ท่านทั้งหลายต่างก็มีประสบการณ์ทางการเมืองสูง ซึ่งนักการเมืองอาวุโสเหล่านี้หากมีการปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ของโลกที่เปลี่ยนไป ต้องการช่วยเหลือประเทศชาติประชาชนโดยไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ถึงแม้จะอายุมากกันแล้วก็ตามหากนำประสบการณ์กับวิสัยทัศน์และจริยธรรมมาช่วยพัฒนาประเทศก็จะเกิดประโยชน์สูงสุด

สวัสดี ทุกท่านค่ะ

หยุดพักไปหลายวัน ยังไม่ลืม!!!! เข้ามาทักทายใน blog กัน เยี่ยมมากๆ เลยค่ะ ใครที่ยังไม่เขียนลง ก็อย่าลืมเสียล่ะ อาจารย์จีระ เข้ามาอ่าน ความเห็นของท่านตลอดเลยนะค่ะ

เรื่อง งานสัมมนา วันที่ 27 ถ้าได้กำหนดการที่แน่นอน รบกวน นำมา Share กันใน blog ด้วยนะค่ะ จะได้รับทราบทั่วกัน และจะได้เผยแพร่ให้กับเพื่อน ชาว Blog คนอื่นด้วยค่ะ

ปล. สำหรับที่จะทำเสื้อให้ ต้องขอขอบคุณด้วยค่ะ อาจารย์จีระ size L พี่กานดา M พี่เอ้ M เอ S

สรุปบทเรียน "การพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ ทัศนคติ"

1. ความรู้

1.1 ทฤษฎีการเรียนรู้

- คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญในองค์กร

- HR (Human Resources) เป็นหัวใจสำคัญขององค์กร

- การสร้างคนต้องสร้างทุกระดับ ให้เก่งและดี มีจรรยาบรรณ และตั้งมั่นในคุณธรรม จริยธรรม

- ต้องบริหาร "คน" ด้วยใจ คือ มีเมตตา ให้เกียรติ ให้ความรัก และสร้างความผูกพันให้มีต่อองค์กร

- ที่สำคัญ HR จะต้องทำโดย CEO ขององค์กร

1.2 การวางแผนเชิงกลยุทธ์

- การวางแผนเชิงกลยุทธ์ หรือ ยุทธศาสตร์ คือ การวางแผนเพื่ออนาคต โดยใช้หลัก แนวคิด และวิเคราะห์สิ่งแวดล้อม

(Swot Analysis) ตั้งแต่ปัจจุบัน จนถึงอนาคต

- กระบวนการบริหารเชิงกลยุทธ์ ประกอบด้วย คน โอกาส และวิสัยทัศน์

- วิสัยทัศน์ ต้องมีพันธกิจ (วิธีทำ) และ แผนปฏิบัติการ (Action Plan) เพื่อใช้เป็นคู่มือในการปฏิบัติ

1.3 การบริหารเชิงคุณภาพ

แนวทางการบริหารเชิงคุณภาพ

- PMQA

- การบริหารภาครัฐแนวใหม่ (NPM)

คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ PMQA คือ

- การนำองค์กรอย่างมีวิสัยทัศน์

- วางแผนเชิงกลยุทธ์

- ให้ความสำคัญกับผู้รับบริการ

- การวัด วิเคราะห์ และการจัดการความรู้

- มุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล

- การจัดการกระบวนการที่สร้างคุณค่าและกระบวนการสนับสนุน

- ผลลัพธ์ ด้านประสิทธิภาพขององค์กรและต่อสังคม

2. ทักษะ

2.1 อารมณ์กับการทำงาน

- การทำงานยุคใหม่ ต้องเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งการดำเนินชีวิต

- 6Qs ที่นำไปสู่ความสำเร็จและความสุข คือ IQ (ฉลาด) EQ (อารมณ์) AQ (เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส) MQ (คุณธรรม

จริยธรรม) HQ (สุขภาพ) SQ (จิตวิญญาณ)

- EQ (Emotional Quatient) คือ ความสามารถในการตระหนักรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่นบริหารอารมณ์ของตนเองและ

ผู้อื่น สามารถจูงใจตนเองและผู้อื่นได้ มีความเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ตลอดจนสื่อสารสร้างมิตรกับผู้อื่นได้

เป็นอย่างดี

2.2 Blue Ocean

- Blue Ocean คือ วิธีการใหม่ สินค้าใหม่ นวัตกรรมใหม่

- การวิเคราะห์ เป็นหัวใจของ สขช.

- Mind Set คือ คิด input ออกมาเป็น output แต่ถ้าคิดแล้ว input มีการวิเคราะห์ (ด้วย why) จะออกมาเป็น

outcom (ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ)

- สังคมปัจจุบัน เป็นสังคมแบบโลกแบนคือ โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง จะต้องคิดเร็ว และมองไปให้เห็นถึงอนาคต

- ต้องรู้ระบบ IT เป็นอย่างดี

- ต้องเก่งด้านภาษาต่างประเทศ

2.3 Creative Thinking และ Value Innovation

ทุนสูงสุดของชาติ คือ ทุนทางวัฒนธรรม

- การคิดอย่างสร้างสรรค์ และเป็นระบบ คือ มี Concept มี Thinking skill และใช้การตลาด เป็นประสบการณ์ (experence

marketing) เช่น ผู้ใช้ข่าวของ สขช. คือ นายกรัฐมนตรี ต้องการข่าวแบบไหน สขช. ก็ต้องคิด วิเคราะห์ พัฒนาข่าวนั้น ให้

มีคุณค่ามากขึ้น

- ใช้จินตนาการ เพราะจินตนาการมีค่ามากกว่าความรู้

- การคิดนอกกรอบ ไม่ยึดติดแบบเดิม ๆ

2.4 Mind Map

การทำ mind map เป็นการจัดระบบความคิดให้เป็นระบบ จัดลำดับความสำคัญ แบ่งหมวดหมู่ เพื่อสื่อสารข้อมูลให้กับกลุ่ม

เป้าหมาย โดยใช้ภาพสัญลักษณ์ในการจินตนาการและเชื่อมโยงข้อมูล

3. ทัศนคติ

3.1 การสร้างทีมงาน

สร้างความสามัคคีในองค์กร

- ทุกคนในองค์กรต้องมีส่วนร่วมและช่วยกันแก้ปัญหา ไม่ต่างคนต่างทำ

- ให้ความเชื่อมั่นในตัวผู้นำที่มีวิสัยทัศน์

- ใช้สติปัญญาช่วยกันคิด ช่วยกันทำ เพื่อนำความสำเร็จไปสู่เป้าหมาย

3.2 ทุนทางจริยธรรม

ทุกคนคิดที่จะเปลี่ยนโลก แต่ไม่คิดที่จะเปลี่ยนตัวเอง

- การทำงานเปลี่ยนจากใช้ "ความจำ หรือ ความเคยชิน" เป็นใช้ "ความจริง หรือ ความรู้สึกตัว"

- Most Adaptable to Change

ผู้นำองค์กร ต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถในด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารการจัดการเชิงคุณภาพ โดยเฉพาะการบริหารงานบุคคล เพราะ คน เป็นทรัพยากรที่สำคัญและมีค่ามากที่สุดในองค์กร ต้องให้ความรู้ เพิ่มทักษะในการทำงาน รวมทั้ง การปรับเปลี่ยนทัศนคติของคนในองค์กร เพื่อให้งานบรรลุผลสำเร็จตามป้าหมายที่วางไว้

สุวลี รุจน์เรขา

บทเรียนจากความจริงกรณีพลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, พล.ต.สนั่น

กรณีศึกษานี้ชี้ให้เห็นว่าอายุคนเราไม่ใช่อุปสรรคในการทำงานหรือทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ ถึงแม้ว่าจะมีอายุมาก แต่ถ้าหากมีความรู้ความสามารถและพัฒนาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอไม่ปล่อยให้ประสิทธิภาพการทำงานและสภาพจิตใจเสื่อมถอยตามกาลเวลาก็สามารถทำงานได้อย่างมีคุณภาพได้เช่นกัน คุณลักษณะที่ดีของ Peres เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับนักการเมืองที่อาวุโสของไทยที่น่าจะนำมาปรับใช้กับตัวเองหากต้องการพัฒนาให้ตนเองไปสู่ความเป็นเลิศ ซึ่ง ลักษณะที่ควรนำมาเป็นตัวอย่าง ได้แก่ ความซื่อสัตย์ เป็นความซื่อสัตย์ต่อตนเองและประเทศชาติซึ่งเป็นสิ่งที่เพิ่มความศรัทธาให้กับประชาชน, การทำอะไรลึกซึ้ง ในที่นี้ก็คือการที่จะทำอะไรต้องทำจริงรู้อะไรต้องรู้และรับผิดชอบการกระทำให้ถึงที่สุด และที่สำคัญในปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งการนำสิ่งแปลกใหม่หรือนวัตกรรมใหม่มาปรับใช้กับการปฏิบัติงานหรือการบริหารงานจะทำให้ประเทศชาติก้าวไปข้างหน้าอยู่ตลอดเวลาไม่ล้าหลัง สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้และเป็นการนำประเทศให้อยู่รอดในสภาวะที่อะไรก็เกิดขึ้นได้

วรรณวลัย มณีกุล

13 พ.ย. 52

วิเคราะห์นักการเมืองไทย กับ Shimon peres

พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายเสนาะ เทียนทอง พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์ ซึ่งอดีตเคยเป็นรองนายกฯ ต่างก็มีอายุรุ่น ๆ เดียวกัน มีประสบการณ์ทางการเมืองมามากบ้างน้อยบ้าง แต่ผลงานที่แต่ละคน ได้ทำไว้ ยังไม่มีความโดดเด่น หรือเป็นเรื่องที่คิดขึ้นมาใหม่ ๆ มีเพียงแต่บทบาททางการเมืองเท่านั้น แต่ถ้าหากทั้ง 4 ท่าน นำประะสบการณ์ทางการเมืองมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพิ่มวิสัยทัศน์ เข้าไป เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างจริงจังแล้ว ชาวไทยก็จะได้นักการเมืองที่มีคุณค่า เหมือนเช่น Shimon Peres ของชาวอิสราเอล และชาวโลก

สุวลี รุจน์เรขา

Shimon Peres, the Israeli President

อดีตนักการเมืองชาวอิสราเอลที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล 2 สมัย และได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติในการเป็นผู้นำที่ดีที่นักการเมืองของไทยควรยึดถือเป็นแบบอย่าง จะเห็นได้จากประสบการณ์การทำงานด้านการเมืองของนาย Shimon Peres ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะสามารถทำให้ชาวอิสราเอลยอมรับและชื่นชมในความเสียสละและทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อบริหารประเทศให้เจริญก้าวหน้า นอกจากนี้ คุณลักษณะที่โดดเด่นของนาย Shimon Peres คือ การเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์ ทำสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล แม้ว่าจะมีอายุมากแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีความกระตือรือร้นอยากรู้อยากเห็นและมีความสนใจในนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเป็นสิ่งหาได้ยากจากคนที่มีอายุเยอะแล้ว เป็นที่น่าสังเกตได้ว่านาย Shimon Peres มีมุมมองความคิดในการพัฒนาตนเองให้มีความรู้โดยไม่หยุดอยู่กับที่ เป็นผู้ที่ใฝ่รู้แสวงหาความรู้ตลอดเวลา สนใจในการคิดค้นพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ไม่นำวิธีการแบบเดิมที่ล้าสมัยมาใช้ในการทำงาน แต่มีการปรับปรุงให้ทันสมัย ทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

เมื่อเปรียบเทียบกับนักการเมืองอาวุโสของไทยอย่าง พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ, พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์, นายบรรหาร ศิลปอาชา และนายเสนาะ เทียนทอง ที่มีประสบการณ์การทำงานอยู่ในแวดวงการเมืองเป็นระยะเวลายาวนาน แต่สิ่งที่แตกต่างจากการเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพอย่างนาย Shimon Peres ก็คือการขาดจิตสำนึกในเรื่องของความซื่อสัตย์ อดทน เสียสละ คำนึงแต่ผลประโยชน์ของตนและพรรคพวก ไม่อุทิศตนเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม รวมไปถึงการไม่แสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องอยู่เสมอ หากนักการเมืองเหล่านี้ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา คิดเพียงแต่ทุกสิ่งทุกอย่างจะยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และยังคงใช้อำนาจทางการเมืองในทางที่ไม่ถูกต้อง มุ่งหวังแต่ความต้องการในผลประโยชน์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดย่อมสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติอย่างมหาศาล ดังนั้น สิ่งที่สำคัญก็คือนักการเมืองอาวุโสผู้คร่ำหวอดในวงการการเมืองไทยควรปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดใหม่และควรมีจิตสำนึกที่จะบริหารประเทศโดยตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนอย่างถ่องแท้ ต้องมีความรับผิดชอบและทำประโยชน์เพื่อสังคมส่วนรวมและประเทศชาติโดยไม่หวังผลตอบแทน ฉะนั้น ควรนำลักษณะการเป็นผู้นำที่ดีของนาย Shimon Peres มาเป็นแบบอย่างในการสร้างสรรค์ผลงานทางการเมืองเพื่อให้ประชาชนเกิดความศรัทธาและยอมรับว่าเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ สุจริต มีความน่าเชื่อถือ มีอุดมการณ์และจริยธรรมที่ดีควรค่าแก่การยกย่องนับถืออย่างแท้จริง

ความแตกต่างระหว่างนักการเมืองหญิงไทยกับนักการเมืองหญิงเยอรมัน (Mrs.Merkel)

Mrs.Merkel เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเยอรมันที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเนื่องมาจากผลงานการทำงานเป็นที่ยอมรับและได้รับความนิยมชื่นชมจากชาวเยอรมันเป็นอันมาก ทั้งนี้มาจากบุคลิกลักษณะการทำงานแบบสุขุม เยือกเย็น รู้จักคิดวิเคราะห์ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ มีจุดยืนที่ชัดเจนและทำในสิ่งที่เชื่อมั่น ไม่โอ้อวด ไม่สร้างภาพ ซึ่งทำให้ครองใจคนเยอรมันได้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าแตกต่างจากนักการเมืองหญิงไทยบางกลุ่มที่มีลักษณะการเข้าสู่แวดวงการเมืองเพราะต้องการสานต่ออำนาจทางการเมืองจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง โดยมีการสนับสนุนจากบุคคลในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อหรือสามีก็ตาม นอกจากนี้ นักการเมืองหญิงไทยยังขาดจุดยืนในการเล่นการเมือง ไม่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล อีกทั้งไม่ได้เข้ามาทำหน้าที่นักการเมืองที่มีอุดมการณ์เพื่อชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง แต่อาศัยโอกาสช่องทางการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง ดังนั้น นักการเมืองหญิงของไทยควรยึดแบบอย่างที่ดีของ Mrs.Merkel และนำไปปรับใช้ในการทำงานการเมืองให้ประสบความสำเร็จ และควรตระหนักถึงบทบาทการเป็นนักการเมืองที่ดีว่าจะต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต มีสัจจะและความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่ติดยึดอยู่กับอำนาจ ชื่อเสียง และผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ควรนำความรู้ ความสามารถ ที่มีอยู่มาใช้ในการพัฒนาบริหารประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ กรณีนักการเมืองหญิงไทย

จากบทเรียนดังกล่าว สามารถจำแนกประเภทของนักการเมืองหญิงไทยออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1. กลุ่มครอบครัวอุปถัมภ์ มีจุดประสงค์ในการเล่นการเมืองสไตล์แบบไทย ๆ มีความรู้บ้างเล็กน้อย เน้นบุคลิกดี ชอบสร้างภาพพจน์ในสังคม สืบทายาททางการเมืองมีครอบครัวสนับสนุน ขาดจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองของตนเอง อาจจะเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

2. กลุ่มนักวิชาการ มีความรู้ในสาขาที่แตกต่างจากนักการเมืองแบบเก่า ๆ ที่มุ่งเน้นการเรียนในสาขาที่จะใช้เล่นการเมืองในไทย เช่น สาขาวิทยาศาสตร์ สาขาวิศวะ สาขาทางการแพทย์ กลุ่มนักวิชาการเหล่านี้มีแนวคิด อุดมการณ์เป็นของตนเอง ในการมุ่งมั่นที่จะทำงานเพื่อพัฒนาสังคม ส่วนรวมและประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าไปอย่างมั่นคง

บทบาทนักการเมืองของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของเยอรมัน Mrs. Merkel จะเป็นแบบเดียวกับนักการเมืองหญิงของไทย คือ กลุ่มนักวิชาการที่มุ่งมั่นเพื่อพัฒนาชาติบ้านเมือง โดยใช้ความรู้ในสาขาที่เรียนมาแตกต่างจากเดิม ๆ ซึ่ง Mrs.Merkel เรียนจบในสาขาฟิสิกส์ และประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ จนเป็นที่ยอมรับของคนเยอรมัน จึงเป็นแบบอย่างที่ดีที่สามารถกระตุ้นให้ผู้หญิงที่มีความรู้ที่หลากหลายแขนง สามารถเข้ามาเล่นการเมืองเพิ่มขึ้น และมากกว่านักการเมืองที่มาจากสืบทอดสายเลือดจากที่พ่อ แม่หรือสามีเคยเล่นการเมือง ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากนักการเมืองหญิงสไตล์ไทย ๆ เหล่านั้น จึงไม่ได้มากหรือแทบจะไม่มีเลย

-------------------------------------------

นวลจันทร์ ทรัพย์ประเสริฐ ค่ะ

โห.. ทำไมเืพื่อน ๆ Talented มีความตั้งใจในการทำการบ้านส่งอาจารย์กันมากขนาดนี้ น่าภูมิใจในความเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าของสขช.จังเลย ภูมิใจจริง ๆ ที่ได้รับโอกาสดีดีเช่นนี้ ขอขอบคุณผู้มีพระคุณทุกท่านที่สร้างแรงบันดาลใจ ในการสนับสนุนให้พี่น้อง Talented ทั้งหลาย มีความมุ่งมั่นที่จะร่วมกันทำงานเพื่อสขช.ของเรา***

บทความ “คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน”

การหลบหนีคดีของคุณทักษิณแตกต่างจากของคุณรักเกียรติและราเกซ เพราะคดีความผิดของคุณรักเกียรติและราเกซเป็นคดีความผิดฐานฉ้อโกงธรรมดา ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติด้านการเงิน การคลัง และธุรกิจการลงทุนบ้างแต่ไม่มากนัก ในขณะที่คดีความผิดของคุณทักษิณ ส่งผลต่อความเสียหายต่อประเทศร้ายแรง เพราะทุกคดีเป็นคดีแพ่งและอาญา ทั้งการทุจริตต่อหน้าที่ และการใช้ตำแหน่งทางการเมืองในทางมิชอบ เช่น คดีทุจริตการซื้อที่ดินรัชดา คดียึดทรัพย์ในหลายคดี โดยมีทุนทรัพย์จำนวนมาก ซึ่งบทลงโทษที่จะได้รับย่อมหนักและสูงมากกว่า ดังนั้น การอ้างเหตุผลในการหลบหนีว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากศาล (เปรียบเสมือนดูหมิ่นพระมหากษัตริย์) และได้รับการกลั่นแกล้งทางด้านการเมือง เป็นเพียงการซื้อเวลาและเกราะปกป้องให้ได้รับการยอมรับและศรัทธาจากประชาชนและรักษาฐานอำนาจทางการเมือง

บทความ “1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง”

เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นหรือเน้นให้ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน ได้แสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อในหลวง ความรักสามัคคีกันของคนภายในชาติ และการมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม รวมทั้งเพื่อย้ำเตือนให้คนไทยตั้งมั่นอยู่ในความสงบและมีสติ อย่าหลงเชื่อข่าวลือที่อาจบ่อนทำลายและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยรายได้ทั้งหมดจะนำไปสนับสนุนโครงการพระดาบส เพื่อสร้างโอกาส/พัฒนาอาชีพให้กับคนไม่มีงานทำ

ประเด็นและความเห็นที่ได้จากการอ่านบทความ “นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้” ดังนี้

ประเทศไทยเริ่มมีผู้หญิงเข้าสู่วงการเมืองเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ประสบการณ์ด้านการเมืองและในสภาจึงยังน้อยกว่านักการเมืองมืออาชีพที่เป็นผู้ชาย และยังอยู่ในสถานะผู้ตาม ผลงานและบทบาทยังไม่โดดเด่นมากนัก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันการศึกษาของผู้หญิงสูงขึ้น การพัฒนาความคิด/อุดมการณ์ทางการเมืองย่อมมีมากขึ้น และมีความเป็นไปได้สูงที่ผู้หญิงอาจได้เป็นผู้นำในการดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เช่น หน.พรรคการเมือง หรือ นรม.คนแรก ของไทยก็เป็นได้

นอกจากนี้ ระบบการเมืองไทยยังเป็นระบบทุนนิยม ยังไม่พัฒนาถึงขั้นที่ผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถและมีอุดมการณ์เพียงอย่างเดียวจะประสบผลสำเร็จทางด้านการเมืองในเร็ววัน ขณะเดียวกันยังขาดฐานทางการเมืองที่ดีพอสนับสนุนหรือเอื้อประโยชน์ที่จะส่งผลถึงความสำเร็จทางด้านการเมืองได้ ถึงทำได้ก็ไม่มากนัก เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่มีทั้งความรู้ความสามารถและ ฐานทางการเมืองสนับสนุน ย่อมทำงานด้านการเมืองและช่วยเหลือสังคมได้ดีกว่า ดังนั้น การทำงานด้านการเมืองในยุคระบบการเมืองไทยยังไม่พัฒนา ผู้หญิงนอกจากมีความรู้แล้ว ต้องมีฐานทางการเมืองสนับสนุนควบคู่กันจึงจะประสบผลสำเร็จได้อย่างแท้จริง

บทเรียนจาก พล.อ.ชวลิต, นายบรรหาร, นายเสนาะ, และ พล.ต.สนั่น

หลักการที่ได้รับ

1. มนุษย์ คือ ทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุด

แม้จะมีอายุมากเพียงใด แต่ผู้สูงอายุที่มากด้วยประสบการณ์

ดำรงชีวิตด้วยการสะสมประสบการณ์ ย่อมสะสมคุณค่าไว้ในตัว

เป็นเสมือนคลังสมองที่พร้อมจะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ สังคม หรือองค์กร

2. ลักษณะเด่นของ Shimon Peres ผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่ดี คือ

2.1 มีความซื่อสัตย์ (Honesty)

2.2 ทำสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ้ง (Depth)

2.3 มีวิสัยทัศน์ (Vision)

โดย ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้เพิ่มลักษณะแบบอย่างที่ดีของผู้สูงอายุอีก 2 ประเด็น คือ

2.4 ความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity)

2.5 การสร้างนวัตกรรม (Innovation)

การนำไปปรับใช้

ทุนในการพัฒนาประเทศ/องค์กรที่สำคัญ คือ ทุนมนุษย์

การพัฒนามนุษย์ เพื่อสร้างต้นทุนสำหรับเตรียมความพร้อมในการพัฒนาประเทศ

มิได้มีเพียงการพัฒนาคนรุ่นใหม่เพียงมิติเดียวเท่านั้น

แต่ทุนมนุษย์ที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ คลังปัญญา/คลังสมองจากผู้สูงอายุ

ซึ่งหากประเทศใดสามารถดึงศักยภาพของคนรุ่นเก่า (ผู้สูงอายุ)

ผสมผสานกับการพัฒนาคนรุ่นใหม่ สร้างสังคมแห่งการเรียนรู้

ใช้ประสบการณ์/ความรู้สอนคนรุ่นใหม่

ใช้ความผิดพลาดของคนรุ่นเก่าเป็นบทเรียน

นักการเมืองผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างที่ดี ควรมีลักษณะการเป็นผู้นำอย่าง Mandela คือ มีความกล้าหาญที่กล้าจุดประกายผู้อื่นไปสู่ความเป็นเลิศ แต่ต้องเป็นเลิศใน เรื่องของการเป็นคนที่ “เก่งและดี” ซึ่งต้องเป็นคนเก่งงาน, เก่งคน, เก่งคิด, เก่งเรียน และเป็นคนดีที่ประพฤติดี, มีน้ำใจ, ใฝ่ความรู้, คู่คุณธรรม

โดยหลักการของ “การเมือง” คือ กระบวนการและวิธีการ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจของกลุ่มคน หรือ ตามหลักการของ “ฮาโรลด์ ลาสเวลล์” นักทฤษฎีการเมืองคนหนึ่ง ได้นิยามการเมืองว่า เป็นการตัดสินว่า "ใครจะได้อะไร เมื่อใด และอย่างไร"

และหลักการของ “โธมัส ฮอบส์” (Thomas Hobbes) ได้เคยกล่าวไว้ในผลงานปรัชญาการเมืองเลื่องชื่อเรื่อง “Leviathan” ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1651 ว่า เมื่อมนุษย์จำต้องอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมภายใต้กติกาแล้ว ก็จำเป็นอยู่ในตัวเองที่จะต้องกำหนดตัวผู้นำมาทำหน้าที่ควบคุมดูแลให้สังคมหรือการอยู่ร่วมกันของมนุษย์ดำเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย การจะทำให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าขึ้นไป หลีกเลี่ยงมิได้เสียที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจทางการเมือง อันมีความหมายและบริบทที่สะท้อนออกมาในเรื่องของการใช้อำนาจเพื่อการปกครองประชาชน การเมืองการปกครองซึ่งเป็นสภาพการณ์และผลที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ จึงเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับชีวิตของมนุษย์อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ซึ่งก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ผู้ใดก็ตาม จำเป็นต้องให้ความสนใจกับเรื่องการเมืองการปกครองไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เนื่องจากสิ่งใดที่ออกมาจากสถาบันทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติที่ทำหน้าที่ในการตรากฎหมายต่าง ๆ เพื่อบังคับใช้ มาจากรัฐบาลในรูปของนโยบายสาธารณะ (Public Policies) โครงการพัฒนา (Developmental Program) และงานต่าง ๆ ที่ประกอบขึ้นหรือดำเนินไปโดยภาคราชการ รวมไปถึงการตัดสินคดีความหรือข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลต่อบุคคล และบุคคลกับรัฐ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเรื่องที่การเมืองส่งผลกระทบต่อทุกคนอย่างที่ไม่อาจมองข้ามไปได้

ฉะนั้นบุคคลที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจทางการเมือง เพื่อปกครองประชาชน ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรุ่นใหม่ หรือผู้สูงอายุ แต่จะต้องเป็นนักการเมืองที่ดี ที่เป็นทั้งคน “เก่งและดี” และมีลักษณะเด่นของ Shimon Peres ผู้สูงอายุที่เป็นแบบอย่างของนักการเมืองที่ดี คือ มีความซื่อสัตย์, ทำสิ่งต่างๆ อย่างลึกซึ้ง และมีวิสัยทัศน์ พร้อมทั้งต้องมีลักษณะมีความอยากรู้อยากเห็น และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเมื่อนำไปประยุกต์ใช้ในงานการเมือง/กิจกรรมทางการเมือง จะนำไปสู่การสร้างสังคม/ชุมชนที่มีความสงบสุข และพร้อมที่จะพัฒนาประเทศต่อไปได้

....................................................................

(พฤศจิกายน 2552)

นักการเมืองหญิงของไทย.

นักการเมืองไทยส่วนหนึ่งก็เล่นการเมืองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูลตนเองที่มีอาชีพเป็นนักการเมือง ในจำนวนนี้มีผู้หญิงรวมอยู่ด้วย ซึ่งวัฒนธรรมของไทยผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง ถ้าไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน้อยมาก จึงกลายเป็นนักการเมืองหญิงสไตล์ไทย ๆ จริง ๆ ถ้าสังคมให้โอกาสผู้หญิงกล้า ผู้หญิงเก่งได้แสดงออกบ้าง โดยเชื่อว่าท่านเหล่านั้นมีความรู้ความสามารถ และปรับปรุงตนเพื่อให้เป็นคนทำงานที่มีความมุ่งมั่น อดทน เสียสละ และทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมได้ โดยการยึดหลัก Honesty ความซื่อสัตย์ Depht ความลึกซึ้ง Vision มีวิสัยทัศน์ Curiosity ความอยาก รู้อยากเห็น Innovation นวัตกรรม สังคมไทยก็อาจจะมีนักการเมืองหญิงแบบคุณ Merkel ได้เต็มที่

          จากการอบรมหลักสูตร พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติ สำหรับบุคลากรสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 5 – 13 พ.ย.52 ซึ่งแบ่งกลุ่มความรู้ ความเข้าที่ได้รับ เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

           1. ด้านทรัพยากรมนุษย์ ( Human Resources : HR) เป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร และทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช่ต้นทุน แต่เป็นกำไรที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้อย่างมหาศาล ที่นำไป สู่องค์กรแห่งความสำเร็จและยั่งยืน การพัฒนาทรพยากรมนุษย์ (Human Resources Development : HRD) ประกอบด้วยทฤษฎีทุน 8 ประการของการพัฒนา HR คือ 8 K’s ได้แก่ 1) ทุนมนุษย์ 2) ทุนทางปัญญา 3) ทุนทางจริยธรรม 4) ทุนแห่งความสุข 5) ทุนทางสังคม 6) ทุนความยั่งยืน 7) ทุนทาง IT และ 8) ทุนทางความรู้ ทักษะและ Mindset และทฤฎีทุนใหม่ 5 K’s คือ 1) ทุนทางอารมณ์ 2) ทุนความคิดสร้างสรรค์ 3) ทุนทางวัฒนธรรม 4) ทุนทางนวัฒกรรม และ 5) ทุนทางความรู้ 2. การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า (Customer Relationship Management : CRM) ซึ่งอย่างแรก ต้องรู้ว่าใครคือลูกค้าขององค์กร ความต้องการลูกค้าคืออะไร รวมทั้งได้ทราบถึง Service Mindset in CRM และค่านิยมหลักขององค์กร CRM

            3. ทักษะ การคิด การวิเคราะห์ อย่างเป็นระบบ

                3.1 Mind Map เป็นการจินตนาการ เชื่อมโยงข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อนำปรับใช้ในการปฏิบัติงานต่าง ๆ เช่น ใช้ในการสื่อสารเรื่องราว การจดบันทึกการประชุม และช่วยในการจดจำได้ง่ายขึ้น               

                3.2 การคิด วิเคราะห์ ให้ทันต่อสภาะการณ์ที่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ Blue Ocean ทฤษฎีเกมส์ (Game Theory), White Ocean, Creative Thinking และ Value Innovation คิดเชิงสร้างสรรค์ ความคิดใหม่ๆ หรือการสร้างให้เหมาะสมกับสภาวะการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีคุณค่า

               3.3 ความฉลาดทางอารมณ์ในการทำงานยุคใหม่ (EQ) ซึ่งต้องเข้าใจอารมณ์ของตนเอง การจัดระเบียบอารมณ์ของตนเอง การจูงใจตนเอง การร่วมรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น และทักษะทางสังคมในการสร้างความยอมรับ และศรัทธา การบริหารความขัดแย้ง รวมทั้ง ความสามารถในการทำงานเป็นทีม

          4. การบริหารจัดการ

            4.1 การวางแผนเชิงกลยุทธ์ เริ่มจาก 1) การสำรวจสภาพแวดล้อม (SWOT Analysis) เป็น การสำรวจสภาพแวดล้อมภายในองค์กร ได้แก่ โครงสร้างองค์กร ระบบการปฏิบัติงาน รูปแบบการทำงาน เจ้าหน้าที่ ทักษะ กลยุทธ์ และวัฒนธรรมองค์กร และการสำรวจสภาพแวดล้อมภายนอกองค์กร ได้แก่ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง และเทคโนโลยีสารสนเทศ 2) กำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) 3) พันธกิจ (Mission) 4) วัตถุประสงค์ (Objective) 5) กลยุทธ์ ( Strategic) และสุดท้าย กำหนดแผนการฏิบัติงาน (Action Plan)

           4.2 คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ประกอบด้วย 7 หมวด 1) การนำองค์กร 2) การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ 3) การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสีย 4) การวัด วิเคราะห์และการจัดการความรู้ 5) การมุ่งเน้น 6) การจัดการองค์กร และผลลัพธ์การดำเนินการ

           4.3 การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ (NPM) มี 3 องค์ประกอบสำคัญ คือ โครงสร้างขององค์กร วัฒนธรรม และกลยุทธ์/การทำงาน ทรัพยากรมนุษย์นับเป็นทรัพยากรที่มีความสัญที่สุดขององค์กรที่ช่วยส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จ

           *** ดังนั้น การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ขององค์กรให้สู่ความเป็นเลิศ ควรได้รับ การพัฒนาทักษะ ความคิด การวิเคราะห์อย่างเป็นระบบให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป และต้องทราบถึงหลักการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ การวางแผนเชิงกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่นำองค์กรแห่งไปสู่ “องค์กรแห่งความยั่งยืน”

ประเด็นและความเห็นจากการอ่านบทความ “พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้”

นักการเมืองไทยทั้ง 4 ท่าน ที่ อ.จีระ กล่าวถึง คือ พล.อ.ชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ และ พล.ต.สนั่น ซึ่งมีอายุมากและปัจจุบันยังทำคุณประโยชน์ทางการเมืองให้กับประเทศชาติอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันกับนาย Shimon Peres แม้บางครั้งทั้ง 4 ท่าน จะถูกโจมตีอันเนื่องมาจากความผิดพลาดด้านการบริหารและ Corruption แต่ก็ยังได้รับการยอมรับและศรัทธาจากประชาชน ทั้งนี้เพราะระบบการเมืองไทยยังเป็นแบบทุนนิยม/ยังไม่พัฒนาไปถึงระบบ “จิตบริสุทธิ์” จึงจำเป็นต้องมีนักการเมืองอาวุโสที่มีประสบการณ์และมีความสามารถในการเจรจาต่อรอง/ประนีประนอมด้านผลประโยชน์ทางการเมือง เพราะเมื่อการเจรจาด้านผลประโยชน์ลงตัว การบริหารและการพัฒนาประเทศจะก้าวต่อไปได้

ดังนั้น นักการเมืองไทยควรนำเอาคุณสมบัติที่ดีของนาย Shimon Peres เช่น ใฝ่หาความรู้ Honesty Depth Vision Innovation มาสร้างคุณค่าให้กับตนเอง เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นใหม่ต่อไป ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้อาจจะมีในนักการเมืองทั้ง 4 ท่านอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวแต่มีความสามารถในการเจรจาต่อรองด้านผลประโยชน์ที่ลงตัวตามระบบการเมืองแบบทุนนิยม ย่อมได้รับการยอมรับจากสังคมต่อไป

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการพัฒนาระบบการเมืองไทยให้ก้าวไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รัฐบาลควรส่งเสริม/เพิ่มหลักสูตรวิชาการเมือง เพื่อเป็นการปลูกฝังความคิด จิตสำนึก และคุณธรรมด้านการเมืองที่ถูกต้องตามแนวทางประชาธิปไตยตั้งแต่วัยศึกษา เมื่อ

โตขึ้นจะเป็นนักการเมืองที่มีคุณภาพและมีจิตสำนึกด้านการเมือง ดังเช่น อิสราเอล อังกฤษ และอเมริกา ที่เป็นต้นแบบด้านประชาธิปไตย แต่ถ้าไทยยังใช้ระบบการศึกษาแบบเดิมไม่มีการสอนด้านการเมืองอย่างถูกต้องก็จะนำไปสู่การเมืองระบบทุนนิยมดังเช่นทุกวันนี้

นักการเมืองหญิงไทย (ในอนาคต)

1. เป็นนักการเมือง ที่รักประเทศอย่างจริงใจ ไม่แสวงหาประโยชน์จากตำแหน่งหน้าที่

2. มีบุคลิกเป็นผู้นำ มีวิสัยทัศน์ที่ดี มองโลกให้กว้าง ศึกษาปัญหาต่าง ๆ ให้ลึกซึ้ง และแก้ปัญหา

ให้ถูกจุดตรงประเด็น

3. การศึกษา ไม่ศึกษาหาความรู้เฉพาะแต่ในตำรา ควรศึกษาหาความรู้จากโลกความเป็นจริง

4. ใช้ความละเอียดอ่อนของความเป็นหญิง เข้าให้ถึงปัญหาของสังคม เข้าให้ถึงประชาชน ว่า สังคม

และประชาชนมีความต้องการอะไร มีความเป็นอยู่อย่างไร และปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากอะไร

5. แสดงออกถึงความเข้มแข็ง เด็ดขาด แต่ไม่ก้าวร้าว ไม่พูดหยาบคาย โดยเฉพาะในที่ประชุมสภาฯ

สุวลี รุจน์เรขา

บทเรียนจากความจริง “นักการเมืองหญิงไทย”

ปัจจุบันนักการเมืองหญิงในหลายประเทศ รวมทั้งไทยมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น หลายคนได้รับการยอมรับในเวทีการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศ สามารถครองตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ หรือแม้แต่เป็นผู้นำประเทศ เช่น นาง Angela Merkel ผู้นำเยอรมนี ที่ชนะการเลือกตั้งและครองตำแหน่งผู้นำติดต่อกัน 2 สมัย และได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นสตรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก ชัยชนะในการเลือกตั้งและการได้รับการยอมรับในเวทีโลกของนาง Merkel แสดงให้เห็นว่า นักการเมืองหญิงมีความสามารถในการทำงานทางการเมือง และเป็นผู้นำที่มีศักยภาพได้เช่นเดียวกับนักการเมืองชาย ดังนั้น นักการเมืองหญิงที่เลือกที่จะทำงานการเมือง จึงไม่ควรทำตัวเป็นเพียงไม้ประดับทางการเมือง หรือทายาท หรือตัวแทนของครอบครัวในการรักษาพื้นที่เลือกตั้ง โดยอาศัยบุคลิกส่วนตัวและฐานเสียงของครอบครัวเป็นแรงสนับสนุน แต่ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองและจุดยืนของตนเอง และเมื่อเข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาลที่เป็นผลมาจากการต่อรองของพรรค ก็เข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากตำแหน่งเพื่อตนเอง พวกพ้อง และพรรคการเมืองต้นสังกัด ซึ่งเห็นได้ชัดในการเมืองไทย

สำหรับกรณีนาง Merkel เมื่อพิจารณาจากคุณสมบัติและบุคลิกส่วนตัว กล่าวได้ว่า ความสามารถในการทำงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้นำได้รับการยอมรับในฐานะผู้นำอย่างแท้จริง ไม่เกี่ยวกับเพศ หรือต้องมีคุณสมบัติและบุคลิกลักษณะเช่นเดียวกับผู้นำอื่นๆ เช่น มีบารมี จบการศึกษาด้านการบริหารปกครอง พูดเก่ง สามารถโน้มน้าวใจผู้อื่น มีบุคลิกและการแต่งกายทันสมัย โดดเด่น หรือเติบโตในสภาพสังคมการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย นอกจากนี้ กรณีของนาง Merkel ยังแสดงให้เห็นว่า ผู้นำต้องพร้อมจะเรียนรู้ ปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลง ใฝ่รู้เพื่อพัฒนาตนเอง สร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่เป็นประโยชน์ และสนับสนุนการทำงาน เพื่อลดจุดอ่อนหรือข้อด้อย และเพิ่มขีดความสามารถหรือจุดแข็งของตนเอง ขณะเดียวกันก็จำเป็นต้องมี teamwork ที่ดีเพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่ต้องมีความตั้งใจจริงที่จะทำงานเพื่อส่วนรวม และประเทศชาติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประชาชนเกิดศรัทธา เชื่อมั่น และยอมรับในฐานะผู้นำ

บทเรียนจากความจริง “พลเอกชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ พล.ต.สนั่น”

บทบาทของประธานาธิบดีชิมอน เปเรส ของอิสราเอล เป็นตัวอย่างของการทำประโยชน์ให้ส่วนรวมและประเทศชาติ ที่ไม่ได้จำกัดที่วัย สถานภาพ หรือตำแหน่ง ผู้นำไม่ว่าจะเป็นผู้สูงอายุหรือคนรุ่นใหม่ควรใช้ความรู้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อแสดงศักยภาพของตนเองในทำงานและแสดงบทบาทที่เหมาะสมในฐานะผู้นำ ซึ่งเป็นสิ่งที่แสดงถึงคุณค่าของบุคคลผู้นั้น ทั้งในฐานะผู้จุดประกายความคิด การเปลี่ยนแปลง และเป็นความหวังให้กับผู้ตาม

นักการเมืองสูงอายุก็เหมือนคนรุ่นใหม่ที่ต้องการโอกาสหรือเวทีในการแสดงความสามารถ อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุก็ต้องทำตนเป็นผู้มีคุณค่าอย่างแท้จริงทั้งในแง่ความซื่อสัตย์ ความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ มีวิสัยทัศน์เปิดกว้างทางความคิด ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และยินดีจะทำหน้าที่ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง โดยเฉพาะการสนับสนุนให้คำแนะนำปรึกษาแก่คนรุ่นใหม่ โดยใช้ความรู้และประสบการณ์ของตนเองอย่างจริงใจ เพื่อรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ การร่วมแรงร่วมใจระหว่างนักการเมืองสูงอายุ ที่มีข้อได้เปรียบในแง่ประสบการณ์ กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่มีข้อดีในแง่ความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง จะช่วยเสริมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยที่ทั้งสองฝ่ายควรเรียนรู้และเครารพจุดแข็งของกันและกัน เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงาน

นักการเมืองสูงอายุสามารถเป็นความหวังให้คนรุ่นหลังได้หากผู้นั้นมีความตั้งใจจริงที่จะทำประโยชน์ให้ส่วนรวม โดยไม่หวังประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องหรือตำแหน่ง ไม่ยอมตัวเป็นเครื่องมือของใครโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ ขณะเดียวกันก็ควรจะพัฒนาและปรับตัวเองให้ทันกับสถานการณ์ ทันโลก และทันสมัย ไม่ยอมให้ความสามารถของตนเองเสื่อมถอยไปตามกาลเวลา สามารถนำความรู้ใหม่ที่ได้จากการเรียนรู้ไปต่อยอดหรือเพิ่มคุณค่าเป็นแนวคิดหรือวิธีการใหม่ ผสมผสานกับประสบการณ์ ศักยภาพ และความรู้เดิมของตนเอง ซึ่งจะทำให้เป็นผู้ที่มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้อย่างลึกซึ้ง คุณลักษณะเหล่านี้จะยิ่งทำให้ผู้นำสูงอายุเป็นที่น่าเชื่อถือ ไว้วางใจ เป็นความหวังให้กับคนรุ่นต่อไป และเป็นที่ยอมรับนับถือในฐานะปูชนียบุคคล ที่ไม่ได้แก่เพราะอยู่นาน

เมื่อดิฉันได้เข้าอบรมหลักสูตร พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติ ในครั้งนี้ทำให้ดิฉันได้พัฒนาด้านกระบวนการความคิดอย่างเป็นระบบ เทคนิคการตัดสินใจในแต่ละสถานการณ์ จุดประกายความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งถือเป็นทุนทางปัญญาเฉพาะบุคคลและถือเป็นทุนมนุษย์ที่มีความสำคัญกับองค์กร ความรู้ทั้งจากทฤษฎีและประสบการณ์ของอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิทุกท่านทำให้ดิฉันสามารถนำมาปรับใช้กับการปฏิบัติงานในปัจจุบันได้ดีและทำให้ดิฉันได้เพิ่มขีดความสามารถในระบบกระบวนการความคิดอย่างเป็นระบบ มีเหตุมีผล และรู้จักวิธีการแก้ไขปัญหาตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้

ความคิดเห็นจากการอ่านบทความเกี่ยวกับนักการเมืองไทย

คนที่จะมาเป็นนักการเมืองเพื่อเข้ามาบริหารประเทศ จริง ๆ แล้วสมควรต้องเป็นผู้ที่มีความเสียสละสูง ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว แต่ในประเทศไทย นักการเมืองตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันมักจะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวโดยใช้ตำแหน่งทางการเมืองเป็นเส้นทางแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งต่างจากนักการเมืองบางท่านในต่างประเทศ เช่น Mr.Shimon Peres ที่ทุ่มเททำงาน เสียสละและทำประโยชน์ให้กับประเทศจนได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับนักการเมือง ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้นักการเมืองไทยควรจะนำมาเป็นแบบอย่าง แต่ถึงอย่างไรก็ดี สังคมไทยยังไม่มีระบบความคิดที่เป็นกระบวนการ การกระทำบางอย่างของนักการเมืองบางท่านที่มองแล้วก็รู้ว่าแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเอง แต่ก็ยังมีกลุ่มคนในสังคมไทยให้การยอมรับนักการเมืองท่านนั้น โดยลืมมองไปว่าประเทศชาติได้รับความเสียหายอย่างไร ดังนั้น “จิตสำนึกที่ดีและการเสียสละ” จึงควรมีอยู่คู่กับนักการเมืองไทยใช่แต่ว่าจะหวังผลประโยชน์ส่วนตนเป็นใหญ่เท่านั้น

   แจ้งเตือนการส่งการบ้านค่ะ

การบ้านวิเคราะห์หนังสือและบทความของอาจารย์ มีรายงานกลุ่ม 1 ชิ้น และรายงานเดี่ยว 9 ชิ้น

รายงานกลุ่ม  “The new office social contract : Loyalty is out, performance is in

รายงานเดี่ยว ดังนี้

  1. บทเรียนของนายเนลสัน แมนเดลล่า
  2. ศึกษากรณี คุณยรรยงที่ ครม.
  3. Who Controls Russia
  4. กรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ
  5. ๑ เหรียญ ๑ คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง
  6. สรุปหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้
  7. นักการเมืองหญิงไทย
  8. Peres กับนักการเมืองอาวุโสในไทย
  9. สรุปบทเรียนที่ได้จากการเรียนรู้หลักสูตร “Talented Capital Development Program”

ถ้ามีนอกเหนือจากนี้ช่วยบอกกันด้วยนะค่ะ สำหรับกลุ่ม 6 สมาชิกดั้งเดิมมี 7 คน คือ พี่โย, สวิตตา, ภคิน, ธนิต, สุเทพ, น้องปลา และปิยฉัตร ขอแจ้งว่ารายงานกลุ่มส่งแล้ว ส่วนรายงานเดี่ยวเรื่องที่ 1, 2, 3, 6 และเรื่องที่ 8 ส่งครบกันหมดแล้ว ที่ยังขาดมีดังต่อไปนี้นะค่ะ (เป็นการแจ้งเตือน มิได้ประณามแต่อย่างใด ด้วยความเป็นห่วง ถ้าส่งแล้วช่วยบอกกันด้วยว่าอยู่บล๊อกที่เท่าไหร่ จะได้พิมพ์เป็นเอกสารไปส่งที่ทีมงานของอาจารย์ให้ค่ะ)

เรื่องที่ 4 กรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ ขาดภคิน และสุเทพ

เรื่องที่ 5 ๑ เหรียญ ๑ คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง ขาดภคิน

เรื่องที่ 7 นักการเมืองหญิงไทย ขาดธนิต

เรื่องที่ 9 สรุปบทเรียนที่ได้จากการเรียนรู้หลักสูตร “Talented Capital Development Program” ยังไม่มีท่านใดส่งเลยค่ะ

นักการเมืองหญิงไทย

“นักการเมือง” น่าจะหมายถึง ผู้ที่ทำงานการเมือง เพื่อผลประโยชน์ของชาติ แต่นักการเมืองไทย ส่วนใหญ่มักจะ “เล่น” การเมืองเสียมากกว่า ซึ่งของเล่นของพวกเขาก็คือ ประเทศชาติ นั่นเอง

ไทยมีประชาธิปไตยมานานกว่า 70 ปี แล้ว แต่ก็เป็นประชาธิปไตยแบบล้มลุกคลุกคลาน ประเทศและคนในชาติ ไม่ได้รับประโยชน์จากผู้ที่เรียกตัวเองว่า “นักการเมือง” เลย ปัจจุบันนักธุรกิจ เริ่มเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น เมื่อพ่อค้าเข้ามาบริหารประเทศก็จ้องแต่จะหาลู่ทางทำเงินและสร้างอิทธิพลให้กับตนเองและครอบครัว

นักการเมืองหญิงของไทย บางคนมาจากครอบครัวที่เป็นนักการเมือง ความคิดอ่าน มักจะถูกครอบงำจากครอบครัวของตนเอง บางคนเข้ามาเพราะสามีถูกตัดสิทธิทางการเมือง บางคนเข้ามาเพื่อหวัง ลาภ ยศ สรรเสริญ แต่โดยรวมแล้วยังขาดความคิดที่ลึกซึ้ง รวมถึงความรอบรู้ในด้านอื่น ๆ ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจในสิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์โดยรวม เพราะส่วนใหญ่จะมองเพียงผลประโยชน์ที่ตนเองและครอบครัวจะได้รับมากกว่า เช่น คุณปวีณา และคุณหญิงสุดารัตน์ นักการเมืองจอมสร้างภาพทางจอทีวี หรือคุณพรทิวา ที่มองแต่ผลประโยชน์ให้กับพรรคของตนเอง

ดังนั้น หญิงไทยที่อาสาจะเข้ามาพัฒนาประเทศชาติให้ทันกับนานาประเทศ ก็ควรหันกลับมาพัฒนาตนเองให้มีความรอบรู้ในทุกด้าน รู้จักเสียสละ อย่างย่าโม มีความซื่อสัตย์ และกล้าตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ คุณก็จะเป็นนักการเมืองหญิงที่ประชาชนยอมรับ ไม่ใช่เห็นหน้าแล้วร้อง ยี้

----------------------------

กาญจนา งามเนตร

ทฤษฎีสำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน

คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร ทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช่ต้นทุนแต่เป็นกำไร การเพิ่มพูนความรู้ พัฒนาตนเอง สร้างการทำงานเป็นทีม เพื่อนำองค์กรไปสู่ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น

เหตุผลที่ต้องมีการพัฒนาคน เพราะ โลกาภิวัฒน์ โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ข้อมูลข่าวสารมากมาย จึงต้องสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อองค์กรจะได้เติบโตอย่างยั่งยืน

วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาทุนมนุษย์ให้มีทุนความรู้ ทักษะและทัศนคติที่ดีในการทำงาน มีภาวะผู้นำ มีบุคลิกภาพและศักยภาพที่พร้อมต่อการทำงานในยุคโลกาภิวัฒน์ จุดประกายความคิด สร้างการทำงานเป็นทีมและสร้างพลังในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ และสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ทฤษฎีการสร้างผู้นำ ของ Ram Charan 1) Identify ผู้นำตั้งแต่อายุยังน้อย 2) ศึกษาว่าแต่ละคนเก่งเรื่องอะไร 3) พัฒนาเขาเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง 4) ดูแลไม่ให้เขาตกราง

คุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์ Competencies ที่สำคัญของท่านในอนาคต

1. Analytical Skill คิดวิเคราะห์

2. Networking Skill ต้องรู้จักสร้างเครือข่ายให้กว้าง

3. Relationship Skill สร้างความสัมพันธ์

4. Language Skill ภาษาต่างประเทศ

5. Cross Cultural Management Skill รู้เขารู้เรา

6. Digital Skill ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

7. Anticipating Skill มองอนาคตให้ได้

8. People Skill บริหารคนเป็นทั้งในและนอก

9. Decision-making Skill กล้าตัดสินใจ

10. Working under pressure and stress Skill ต้องปล่อยวางและบริหารแรงกดดัน

สวัสดีค่ะ พี่น้องและผองเพื่อน

หลังจากหายหน้าหายตาไม่ได้พบเจอกันหลายวัน พรุ่งนี้ (วันศุกร์) ก็จะได้กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะ ฝากเตือนเรื่อง 1) การไปศึกษาดูงานที่ปูนซีเมนต์ พบกันที่ สขช. 08.00 น.นะ อย่าลืม 2) การบ้านใครยังไม่ได้เขียนใส่ลงในบล็อก ก็รีบเขียนซะ แต่เห็นมีบางส่วนส่งกันเข้ามาเยอะแล้ว ขยันจัง และ 3)การบ้านที่พี่แหม่มฝากให้ไปช่วยกันคิดว่าในวันสัมมนาของพวกเรา อยากให้งานออกมาใน รูปแบบไหน ต้องการให้ตัวแทนของเรา 3 คน ซึ่งมาจาก 3 ส่วนงาน (ปฏิบัติการ ประสานงาน/วิเคราะห์วิจัย และบริหาร/อำนวยการ) พูดเกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง ควรจัดลำดับการสนทนาเป็นอย่างไร เกี่ยวข้องกับใครบ้าง (เช่น คน(ตัว จนท.เอง) ผู้บริหาร องค์กร) ช่วยช่วยกันคิดนะคะ งานจะได้ออกมาดี และพวกเราทุกคนได้มีส่วนร่วม หลังกลับจากดูงาน คงต้องมาระดมสมองกัน ก่อนจะรื่นเริง คงต้องมาเครียดกันสักหน่อยก่อน

ส่วนฝ่ายวิชาการ มีงานหลายอย่างมากเลย เตรียมตัวพรุ่งนี้ จะมีการแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นการบ้านแจกให้ไปทำเสาร์-อาทิตย์ ด้วย คงต้องเร่งมือ ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานหน่อย เพราะเวลาใกล้เข้ามาแล้ว สู้สู้นะ

จึงขอประกาศให้ทราบทั่วกัน

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

พี่แหม่ม

ความสัมพันธ์จากการเรียนที่สามารถเชื่อมโยงเป็นองค์ความรู้ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล

1. โลกในยุคโลกาภิวัตน์เราต้องเรียนรู้ ศึกษาเพิ่มเติมในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในโลก เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยการมองตามความเป็นจริง และตรงประเด็น

2. ผู้นำควรมีลักษณะที่เป็นนักคิดวิเคราะห์ รู้จักสร้างเครือข่าย สร้างความสัมพันธ์กับบุคคลทั้งภายในและภายนอก เรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เพื่อให้รู้เขารู้เรา ขณะเดียวกันต้องสร้างศรัทธาให้เกิดขึ้นกับผู้ร่วมงาน คิดให้ยาว มีความคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ รวมถึงการรู้จักที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และเพื่อให้การดำเนินงานราบรื่นไปด้วยดี ควรนำทฤษฎี HRDS มาใช้ควบคู่ไปด้วย

3. การทำงานในยุคใหม่ ต้องเก่งให้ครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งการดำเนินชีวิต ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องมี I CARE ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ (EQ) รู้จักการจูงใจตนเองให้เกิดไฟในการทำงาน รวมถึงการฝึกเป็นผู้ฟังที่ดี ควบคู่ไปด้วย

4. ในยุคที่โลกแบน ต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาเชื่อมโยง ศึกษาข้อมูลในด้านต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์เหตุการณ์ล่วงหน้า ร่วมกับทฤษฎีเกมส์ ทำให้การวิเคราะห์และวางแผนชัดเจนขึ้น

5. การวางแผนเชิงกลยุทธ์ นักคิดจะต้องคิดแบบก้าวหน้าไม่ย้อนหลังและต้องดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ต้องจัดทำ SWOT ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เพื่อให้ทราบว่าขณะนี้ตนเองอยู่ภายใต้สภาวะแวดล้อมเช่นใด นอกจากนี้ยังต้องกำหนดวิสัยทัศน์ เพื่อให้รู้ว่าจะดำเนินการไปในทิศทางใด และต้องจัดทำพันธกิจ เพื่อให้งานที่ทำนั้นบรรลุตามวิสัยทัศน์ที่วางไว้

6. การวางแผนงานใด ๆ ก็ตาม ควรสอดคล้องกับ พรฎ.หลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ขณะเดียวกันต้องปรับโครงสร้างขององค์กรให้มีการกระจายอำนาจ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว รู้จักการทำงานเป็นทีม และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายปฏิบัติการ

7. ผู้นำควรใช้จินตนาการ เพื่อไม่ให้ความคิดติดอยู่กับกรอบความรู้ โดยนำ Mind Map มาช่วยจัดความคิดให้เป็นระบบ และมีความลึกยิ่งขึ้น

8. ผู้นำควรจะกล้าเปลี่ยนแปลงตนเอง “คิดกว้าง มองไกล ใฝ่สูง” ไม่ใช้คำว่า “ต้องทำ” แต่ใช้คำว่า “ควรทำ” และเน้นคุณธรรมและสร้างจริยธรรม ในการทำงาน

9. ผู้นำต้องคิดอย่างสร้างสรรค์ ไม่คิดแทนผู้อื่น มองในความเป็นจริงและคิดหลาย ๆ ทาง มองให้ลึกว่าผู้รับบริการต้องการอะไร และต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน เพื่อเพิ่มความรวดเร็ว

สรุป โลกในยุคโลกาภิวัตน์ ทรัพยากรมนุษย์ ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิตและครอบคลุมทุกด้าน สามารถใช้เทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันบุคคลที่จะเป็นผู้นำ ต้องมองกว้าง คิดไกล ไปให้ถึง สามารถควบคุมอารมณ์ตนเอง มีความซื่อสัตย์ กล้าตัดสินใจ โดยใช้หลักธรรมาภิบาลเป็นตัวช่วย

------------------------------ กาญจนา งามเนตร

การอบรมในหลักสูตร “พัฒนาทุนความรู้ ทักษะและทัศนคติสำหรับบุคคลากรของสำนักข่าวกองแห่งชาติระดับ 6 – 7” (Talented Capital Development Program) ระหว่างวันที่ 5 – 13 พ.ย.2552 ในหัวข้อต่าง ๆ อาทิ การให้ข้อคิดในการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา ทฤษฏีสำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน สร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่ สำนักข่าวกรองแห่งชาติในยุคที่โลกเปลี่ยน Blue Ocean Strategy กับการทำงานของสำนักข่าวกรอง สำนักข่าวกรองกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารเชิงคุณภาพสำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ Mind Mapping สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร Creative Thinking กับการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ Value Innovation ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

เนื้อหาของหลักสูตร เป็น กิจกรรมปฐมนิเทศ และแนะนำทฤษฎีสำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน และการเรียนรู้จากภาพใหญ่ (Macro) สู่ภาพเล็กในระดับองค์กร (Micro) การปรับทัศนคติในการทำงานยุคใหม่ และการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทัษะด้านการบริหารจัดการองค์กรยุคใหม่

ทั้งนี้ หลักการและแนวคิดที่ได้รับจากการอบรม ดังนี้

1. ทฤษฎีการเรียนรู้ หลักการเป็นทรัพยากรมนุษย์พันธุ์แท้คือ การเป็น Change

Agent ในยุคโลกาภิวัฒน์ Knowledge ที่ได้มาจาก Analyst และ Thinking Skill ซึ่งจะต้องมี Information to Knowledge ทั้งนี้ โดยยึดหลักการ

- ผู้นำจะต้องมี Knowledge ในด้านต่าง ๆ ทางด้านภาษาต่างประเทศ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี

- ผู้มีความเชื่อมั่น “ศรัทธา” (Trust) ในทรัพยากรมนุษย์

- ผู้นำต้องมีส่วนร่วม (anticipate) กับผู้ใต้บังคับบัญชา

- ผู้นำต้องมี Competency Skill

- ผู้นำควรมีส่วนร่วม และการทำงานเป็นทีม

2. การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ เป็นการเรียนรู้ถึงการทำงานร่วมกันเป็นทีม และการบริหารในการวางแผน คิดวิเคราะห์ในการแก้ปัญหาร่วมกัน เพื่อนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

3. การวางแผนเชิงกลยุทธ์และการบริหารเชิงคุณภาพ

3.1 หลักการและแนวคิดในการกระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ โดยการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (Swot Analysis) ทั้งในปัจจุบัน และอดีต ในการกำหนดทิศทางภายใต้วิสัยทัศน์ พันธกิจ กลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการ เพื่อนำไปสู่องค์กรที่ยั่งยืน

3.2 แนวทางการบริหารเชิงคุณภาพ 1) การนำองค์กร 2) การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ 3) การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 4) การวัด การวิเคราะห์และการจัดการความรู้ 5) การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล 6) การจัดการกระบวนการ 7) ผลลัพธ์ ในด้านประสิทธิผล คุณภาพ ประสิทธิภาพ และการพัฒนาองค์กร

4. การบริหารสัมพันธ์การเปลี่ยนแปลงของโลกบริหาร

หลักการทำงานยุคใหม่ต้องเก่งงาน (Task Ability) เก่งคน (Human Skills) เก่งคิด (Conceptual Skills) และเก่งการดำเนินชีวิต (Happy Work Happh Life) โดยนำ 6 Q’s ที่นำไปสู่ความสำเร็จ และความสุขของชีวิต อันได้แก่ 1) IQ (Intelligence Quotient) ความเก่ง 2) EQ (Emotional Quotient) ความสุข 3) AQ (Adversity Quotient) ความสำเร็จ 4) MQ (Moral Quotient) ความดี 5) HQ (Health Quoteint) ความแข็งแรง 6) SQ (Spiritual Quotient ) อัจฉริยภาพสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำงานอย่างมี EQ และ AQ

5. สขช.ในยุคที่เปลี่ยน และ Blue Ocean Strategy

หลักการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์สู่มูลค่าเพิ่มองค์กร ด้วยการนำ Mindset

ระบบคิด เป็นระบบคิดแบบมีชีวิต (Organic) เน้นความฉลาดแบบพรั่งพรูโดยต้องการให้คนใช้สมองอยู่กับโลกที่เปลี่ยนแปลง การนำข้อมูลพื้นฐานมาคิดวิเคราะห์โดยการนำเอาทฤษฎี Game Theory Concepts พิจารณากำหนดทางเลือก โดยคำนึงถึงปัจจัยภายในและภายนอกมาเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพตามกระบวนการใหม่ Blue Ocean เพื่อปรับตัวเข้าสู่โลกาภิวัฒน์

6. Mind Mapping การใช้เครื่องมือในการจัดระบบความคิด จดรายงา จัดทำแผน โดยยึดหลัก จินตนาการ และความเชื่อมโยง

7. Creative Thinking กับการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ทุนทางวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำเอา Value Added นำไปสู่ Value Innovation

8. แนวทางแห่งความสำเร็จของพัฒนาทุนทางจริยกรรมในองค์กร

กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว (White Ocean Strtegy) พื้นฐานในการบริหารองค์กรแบบองค์รวมซึ่งครอบคลุมตั้งแต่นโยบาย พันธกิจ กลยุทธ์การดำเนินงาน ไปจนถึงแนวทางในการปฏิบัติทุกภาคส่วนขององค์กร

ผู้เข้ารับการอบรม ฯ ได้รับหลักการและแนวคิด ในการพัฒนาวิธีคิด การพัฒนา

ตนเอง และวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ในยุคของโลกที่เปลี่ยนแปลง จากท่านวิทยากรที่ทรงคุณวุฒิและมากด้วยประสบการณ์ในห้วงที่มา เพื่อนำไปปรับใช้ในการทำงาน และการเป็นผู้มีศักยภาพในการเป็นผู้นำที่มีจริยธรรม ความรู้ความสามารถ และทักษะในการบริหาร สามารถนำเอามูลค่าเพิ่ม ในการนำไปสู่นวัตกรรม เพื่อพัฒนาองค์กรที่ก้าวหน้าและยั่งยืนในอนาคต

------------------------------------------------------

บทความจากหนังสือ The Economist เกี่ยวกับ Mrs.Merkel นรม.หญิงคนแรกของเยอรมนี แม้ว่าจะมีบุคลิกและ blackground ที่แตกต่างไปจากนักการเมืองคนอื่น ๆ แต่ประสบความสำเร็จในการทำงาน ที่มีแนวคิดเป็นของตัวเอง และได้รับความนิยมจากชาวเยอรมนีค่อนข้างมาก ซึ่งแตกต่างจากนักการเมืองหญิงไทยหลายคนที่ไม่มีอุดมการณ์ทางการเมือง มีครอบครัวสนับสนุนให้เล่นการเมืองเพื่อแสวงประโยชน์ให้กับตัวเองและครอบครัว ดังนั้นนักการเมืองหญิงไทยควรปรับทัศนคติเสียใหม่ โดยนำ Merkel Model มาปรับใช้ เพื่อผลประโยชน์ชาติที่จะเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

วิเคราะห์นักการเมืองหญิงไทย กับ Mrs. Merkel

Mrs.Merkel เป็นผู้หญิงที่ได้รับตำแหน่งสูงทางการเมืองคือ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศเยอรมัน และเป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับจากชาวเยอรมันเป็นจำนวนมาก การที่ได้รับการยอมรับจากคนในประเทศทั้ง ๆ ที่เป็นผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้รับความนิยมชมชอบ แต่ถ้าคิดง่าย ๆ ก็คือ “ถ้าไม่ดีจริงคงไม่มีถึงทุกวันนี้” ความดีของเธอนั้นทุกคนสามารถมองเห็นได้จากบุคลิกภาพที่ดูเป็นผู้หญิงแกร่ง กล้าเผชิญกับปัญหา กล้าตัดสินใจ และดูเป็นผู้มีกระบวนการคิดที่รอบคอบมีเหตุมีผล รวมถึงลักษณะของเธอเป็นคนทำอะไรจริงจังไม่สร้างภาพหลอกลวงประชาชน และที่สำคัญดูเธอเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ สิ่งเหล่านี้ทำให้ชนะใจมวลชนชาวเยอรมันเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับนักการเมืองหญิงของประเทศไทย ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีลักษณะเป็นผู้ตามซะมากกว่าจนทำให้กลายเป็นคนที่ไม่มีอุดมการณ์ในตัวเอง การที่เข้ามาเล่นการเมืองอาจมองได้ว่าพวกเธอเหล่านั้นต้องการจะแสดงพลังความเป็นผู้หญิงว่าผู้หญิงก็สามารถทำงานได้เหมือนกับผู้ชาย แต่เบื้องหลังความคิดของพวกเธออาจจะมีความต้องการในการแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองมากกว่าจะอุทิศแรงกายเพื่อทำงานให้กับประเทศ ซึ่งบนเส้นทางการเมืองจะทำให้ทุกคนมีอำนาจ มีบารมี และเป็นเส้นทางแห่งผลประโยชน์ที่สามารถเข้ามากอบโกยได้ มนต์เสน่ห์บนเส้นทางการเมืองนี้จึงทำให้ทุกคนโหยหา แย่งชิง เพื่อให้ตนเองเข้ามาบนเส้นทางแห่งนี้ และที่ผ่านมาสำหรับนักการเมืองหญิงของไทยตระหนักดีว่าการเป็นผู้ตามเหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งของเธอ เราจะเห็นได้ว่านักการเมืองหญิงของประเทศไทยยังไม่มีใครทำงานเพื่ออุดมการณ์ เสียสละเพื่อประเทศชาติอย่างจัง ซึ่งแตกต่างกับ Mrs.Merkel ของประเทศเยอรมัน แต่ถึงแม้ว่านักการเมืองไทยรู้ดีว่าการชนะใจประชาชนต้องประพฤติตนอย่างไรก็ตามแต่ด้วยกลิ่นหอมของเงินและผลประโยชน์ย่อมทำให้พวกเขาและเธอมิอาจเบือนหน้าหนีมันไปได้ จึงทำให้เราได้เห็นว่านักการเมืองของประเทศไทยยังคงเห็นประโยชน์ส่วนตนมากกว่าประชาชนในประเทศเหมือนเช่นทุกวันนี้

จากกรณีคดีคุณรักเกียรติและราเกซ

เมื่ออ่านแล้วสะท้อนให้เห็นถึงการนำตำแหน่งทางการเมืองมาเป็นเส้นทางในการแสวงหาผลประโยชน์ของตนเอง โดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและศีลธรรมอันดีงาม แต่เมื่อเวลามาถึงทุกคนก็ต้องรับผลจากการกระทำที่ได้ทำไว้ นี่เป็นบทเรียนที่เป็นแบบอย่างให้คนที่จะคิดจะแสวงหาผลประโยชน์ในลักษณะแบบนี้ แต่ถึงอย่างไรก็ดี แม้จะมีบทเรียนเป็นคดีความมากมายแต่นักการเมืองไทยก็ยังขาดจิตสำนึกที่ดียังต้องการแสวงหาผลประโยชน์เข้าหาตนเองให้ได้มากที่สุดไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด ๆ ถ้าจะแก้ปัญหานี้ ต้องมีการพัฒนาทุนมนุษย์โดยเน้นความมีจิตสำนึกที่ดี มีศีลธรรมและคุณธรรมที่ดี เสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม

บทความจากหนังสือ Herald Tribune ที่กล่าวถึงนาย Shimon Peres อดีตนักการเมืองชาวอิสราเอลที่ถึงแม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ยังมีคุณค่าต่อการเมืองของอิสราเอลในปัจจุบัน ซึ่งยังคงเป็นความหวังของชาวอิสราเอลในการแก้ไขปัญหาประเทศอยู่ ทั้งนี้เนื่องจาก Peres เป็นบุคคที่มีสุขภาพแข็งแรง มีความรู้ รวมถึงมีหลักการ Honesty Depth และ Vision นอกจากนี้ยังมี Innovationที่คนรุ่นเก่ามักจะไม่มี อย่างไรก็ตามจากกรณีดังกล่าวหากนำมาเปรียบเทียบกับนักการเมืองไทยที่มีอายุค่อนข้างมากหลายท่านที่ยังสามารถทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้อีกมาก ซึ่งต้องหาความรู้ ปรับเปลี่ยนโลกทัศน์ ทันโลก ทันเหตุการณ์ และมีแนวคิดใหม่ ๆ ก็ไม่แพ้คนรุ่นหนุ่ม และยังเป็นที่พึ่งของคนรุ่นน้องได้

การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

องค์กรใดจะสร้างผู้นำรุ่นใหม่ได้สำเร็จ ผู้นำองค์กรนั้นจะต้องเข้าใจเรื่องทุนมนุษย์ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องค่าใช้จ่าย แต่ทุนมนุษย์เป็นเรื่องการเพิ่มมูลค่า ดังนั้นจึงต้องพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อให้มูลค่าเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้สูงขึ้น

โดยมองหาผู้ที่จะขับเคลื่อนองค์กร ในยุคที่มีการแข่งขันเน้นไปทางความคิด ว่าคนไหนเก่งเรื่องอะไร จึงต้องพัฒนาให้เป็นคนกว้าง มี Social Capital ที่สูง สร้างบรรยากาศในการมีส่วนร่วม กล้าที่จะนำเสนอความคิดใหม่ ๆ

ผู้นำรุ่นใหม่ต้อง

1. สามารถมองอนาคต คือเข้าใจในอนาคต เห็นภาพกว้าง ต้องมองให้ออกทั้งโอกาส และภัยคุกคาม

2. สามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ คือต้องมีความสามารถในการดึงคนอื่นเข้ามาร่วมทำงานเป็นทีมได้

3 สามารถคิดสร้างสรรค์ คือต้องคิดแตกต่างไปจากคนอื่น กระหายหาความรู้ อยากพัฒนาให้ดีขึ้นอยู่เสมอ

4 สามารถเอาชนะอุปสรรค คือต้องรู้ว่าควรจะแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ด้วยวิธีใด ตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป มีการควบคุมอารณ์ได้อย่างเหมาะสม

โดยการมองหาแม่แบบที่ดี มีโอกาสเรียนรู้งานจากผู้มีประสบการณ์ แล้วนำมาพัฒนาตนเอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และประเมินผลการทำงานว่าควรปรับปรุงสิ่งใดบ้าง

การสร้างและบริหารทีมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

มีความคิดสร้างสรรค์ มองสิ่งที่เป็นอยู่ให้ได้มากกว่าที่ควรจะเป็น เป็นอะไรได้บ้าง เพื่อเพิ่มช่องทางในการคิดสร้างสรรค์ และการบริหารทีม ต้องมีความรวมแรงรวมใจกัน เชื่อใจกัน ไว้วางใจกัน อาจจะต้องก้าวบ้าง ถอยบ้างเมื่อเผชิญกับปัญหา ให้โอกาสในการแสดงความคิดเห็น

การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า

การสร้างภาวะผลประโยชน์ร่วมกัน ในการตัดสินปัญหาว่าปัญหานั้น ๆ ควรมีผลประโยชน์ร่วมกันในระดับไหน

1. แบบ Win/Lose เราได้ประโยชน์ เขาเสียประโยชน์

2. แบบ Win/Win เราได้ประโยชน์ เขาได้ประโยชน์

3. แบบ Lose/Lose เราเสียประโยชน์ เขาเสียประโยชน์

4. แบบ Lose/Win เราเสียประโยชน์ เขาได้ประโยชน์

ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่

การทำงานยุคใหม่ต้องเก่งอะไรบ้าง เก่งงาน(Task Ability) เก่งคน (Human Skills) เก่งความคิด (Conceptual Skills)และเก่งการดำเนินชีวิต (Happy Work Happy Life)

ดังนั้นการจะทำงานยุคใหม่ให้มีความสำเร็จ ต้องมีความสามารถในการตระหนักรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น บริหารตนเองและผู้อื่น สามารถจูงใจตนเองและผู้อื่น ตลอดจนสามารถสื่อสารสร้างมิตรกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี ด้วยการ

1.รู้จักตนเองนำไปสู่การเข้าใจและรูจักผู้อื่นอย่างลึกซึ่ง

2.จัดระเบียบอารมณ์ ด้วยการยอมรับ เข้าใจ ในปัญหาต่าง ๆ

3.จูงใจตนเอง มีความคิดสร้างสรรค์ คิดบวก มองโลกในแง่ดี

4.ร่วมรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น ฝึกการเป็นผู้ฟังที่ดี จับประเด็น ทวนคำพูด

5. ทักษะทางสังคม สร้างการยอมรับและศรัทธา ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐานเพื่อในหลวง

เป็นโครงการให้ประชาชนร่วมหยอดเหรียญเพื่ออธิษฐานต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและขอให้พระองค์ท่านหายประชวรโดยเร็ว ให้คนไทยสามัคคี โดยจะนำเงินเข้าสู่โครงการมูลนิธิพระดาบส อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีประชาชนจำนวนมากให้ความจงรักภักดีพ่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯก็ตาม แต่ก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มปล่อยข่าวเกี่ยวกับพระอาการของท่าน ดังนั้นคนไทยต้องหนักแน่นและรับฟังแต่ข้อเท็จจริง ตั้งอยู่ในความสงบ

Talented Capital Development Program

Introduction :

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในกระแสโลกยุคปัจจุบัน กระแสการพัฒนาด้านเทคโนโลยี การลงทุนข้ามชาติ การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานอย่างเสรีของประชากรโลก การแข่งขันระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้มีการนำแนวคิดการจัดการสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลผลิต กระบวนการหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาใช้ เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน เพื่อความอยู่รอดของ องค์กร ทำให้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ และวิถีการทำงานใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในสังคมโลก ทั้งนี้ การปรับตัวที่เห็นได้อย่างชัดเจนของภาครัฐ ได้แก่ การปฏิรูประบบการทำงาน การปรับปรุงกฎ ระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกรรม และการพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมรรถนะของทรัพยากรมนุษย์ ในองค์กรไปสู่การเป็นทุนมนุษย์อันมีคุณค่า

Human Capital :

มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็ก หรือ องค์กรขนาดใหญ่ ตัวชี้วัดว่า องค์กรภาครัฐ หรือ ภาคเอกชน จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร ดังนั้น กระบวนการในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จึงต้องเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของบุคคลให้มีความรู้และศักยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มคุณภาพผลผลิต บริการ และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้รับบริการ นอกจากนี้ ในการพัฒนาบุคลากร ควรมุ่งเน้น การส่งเสริมการพัฒนาอาชีพตลอดชีวิต (Lifetime Employability) สนับสนุนให้บุคลากรในองค์กรพัฒนาตนเองอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาด้านพฤติกรรม การพัฒนาด้านจิตใจ และการพัฒนาปัญญา

NIA Talented Capital :

ภายใต้กระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยากที่จะคาดเดา สขช. เป็นองค์กรที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้ก้าวทันสถานการณ์ และต้องเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) อย่างต่อเนื่อง ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร หรือทรัพยากรมนุษย์ ภาคใต้แนวคิด “คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ไม่ใช่ต้นทุน (Cost)” บุคลากรของ สขช. ต้องมีความกระตือรือร้น ในการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ สอดรับกับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ของ สขช.

การเรียนรู้ตามโครงการ Talented Capital Development Program ในช่วงสัปดาห์แรก นับเป็นการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรมหลายด้าน อาทิ การเสริมสร้างกระบวนการทางความคิด,การคิดเชิงบวก การคิดในเชิงยุทธศาสตร์ ตลอดจนการเสริมสร้างภาวะผู้นำ และพัฒนาให้บุคคลากรมีมุมมอง/โลกทัศน์ที่กว้าง มีกระบวนความคิดแบบมีชิวิตชีวา พร้อมกับเพิ่มความท้าทายในการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน ส่งเสริมให้เกิดการทำงานเป็นทีม พร้อมรับฟัง/เสนอความเห็นอย่างสร้างสรรค์ และยอมรับความเป็นจริง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Talented Capital Development Program

Introduction :

การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในกระแสโลกยุคปัจจุบัน กระแสการพัฒนาด้านเทคโนโลยี การลงทุนข้ามชาติ การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานอย่างเสรีของประชากรโลก การแข่งขันระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรงขึ้น ทำให้มีการนำแนวคิดการจัดการสมัยใหม่ที่มุ่งเน้นการพัฒนาผลผลิต กระบวนการหรือบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาใช้ เพื่อสร้างความได้เปรียบในเชิงแข่งขัน เพื่อความอยู่รอดของ องค์กร ทำให้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ และวิถีการทำงานใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในสังคมโลก ทั้งนี้ การปรับตัวที่เห็นได้อย่างชัดเจนของภาครัฐ ได้แก่ การปฏิรูประบบการทำงาน การปรับปรุงกฎ ระเบียบต่างๆ ให้เอื้อต่อการดำเนินธุรกรรม และการพัฒนาองค์กร โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการพัฒนาสมรรถนะของทรัพยากรมนุษย์ ในองค์กรไปสู่การเป็นทุนมนุษย์อันมีคุณค่า

Human Capital :

มนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดเล็ก หรือ องค์กรขนาดใหญ่ ตัวชี้วัดว่า องค์กรภาครัฐ หรือ ภาคเอกชน จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร ดังนั้น กระบวนการในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จึงต้องเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของบุคคลให้มีความรู้และศักยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มคุณภาพผลผลิต บริการ และตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้รับบริการ นอกจากนี้ ในการพัฒนาบุคลากร ควรมุ่งเน้น การส่งเสริมการพัฒนาอาชีพตลอดชีวิต (Lifetime Employability) สนับสนุนให้บุคลากรในองค์กรพัฒนาตนเองอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง ทั้งการพัฒนาด้านพฤติกรรม การพัฒนาด้านจิตใจ และการพัฒนาปัญญา

NIA Talented Capital :

ภายใต้กระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยากที่จะคาดเดา สขช. เป็นองค์กรที่จะต้องปรับเปลี่ยนให้ก้าวทันสถานการณ์ และต้องเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) อย่างต่อเนื่อง ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร หรือทรัพยากรมนุษย์ ภาคใต้แนวคิด “คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ไม่ใช่ต้นทุน (Cost)” บุคลากรของ สขช. ต้องมีความกระตือรือร้น ในการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ สอดรับกับการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ ของ สขช.

การเรียนรู้ตามโครงการ Talented Capital Development Program ในช่วงสัปดาห์แรก นับเป็นการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ของผู้เข้ารับการอบรมหลายด้าน อาทิ การเสริมสร้างกระบวนการทางความคิด,การคิดเชิงบวก การคิดในเชิงยุทธศาสตร์ ตลอดจนการเสริมสร้างภาวะผู้นำ และพัฒนาให้บุคคลากรมีมุมมอง/โลกทัศน์ที่กว้าง มีกระบวนความคิดแบบมีชิวิตชีวา พร้อมกับเพิ่มความท้าทายในการนำนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน ส่งเสริมให้เกิดการทำงานเป็นทีม พร้อมรับฟัง/เสนอความเห็นอย่างสร้างสรรค์ และยอมรับความเป็นจริง

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สุเทพ

การทำงานในยุคที่โลกเปลี่ยน

โลกทุกวันนี้เป็นยุค IT มีการกระจายข้อมูลข่าวสารด้วยความรวดเร็ว และกระจายออกไปได้อย่างกว้างขวาง จนการรับข้อมูลข่าวสารมีมากเกินไป การได้รับข้อมูลมากอาจจะทำให้ได้เปรียบคนที่มีข้อมูลน้อย แต่การที่มีข้อมูลทั้งหลายเหล่านั้นมีมากจนเกินไป (Overload) ทั้งที่เป็นความจริง และลวง ก็อาจเป็นปัญหา ดังนั้นจึงต้องมีความสามารถที่จะกลั่นกรองเอาเฉพาะที่จำเป็น และสำคัญสำหรับเรามาใช้ประโยชน์ ด้วยการวิเคราะห์หาข้อเท็จจริง ถูกต้อง ตรงประเด็น เพื่อนำไปใช้ได้ทันเวลากับความต้องการ เพราะฉนั้นต้องมีระบบคิดที่ดี ต้องรอบรู้และลึกซึ้ง ภาษาดี มีการวางแผนบริหารจัดการด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย มีเทคนิคในการนำเสนอ เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ข่าว

Blue Ocean Strategy กับการทำงาน

Blue Ocean Strategy หรือ กลยุทธ์ทะเลสีน้ำเงิน เป็นการเปลี่ยนแนวความคิดจากความคิดเดิม ๆ ที่ผ่านมา เคยคิดเคยทำมาแล้ว (Red Ocean) เปลี่ยนมาเป็นทำสิ่งใหม่ คิดสิ่งใหม่ หาทางเลือกใหม่ ๆ โดยไม่สนใจและให้ความสำคัญกับคู่แข่งเดิม ๆ เป็นการศึกษาและหาความต้องการใหม่ ๆ ขึ้นมา บางครั้งอาจจะต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีก คิดแล้วคิดอีก เพื่อให้ตรงกับความต้องการที่แท้จริงในปัจจุบัน

Creative Thingking กับการทำงาน

ในโลกแห่งเทคโนโลยี ต้องมีการวางกลยุทธใช้เทคโนโลยีในการรวบรวมข่าวสาร หาความรู้จากผู้รู้ ผู้ที่มีประสบการณ์ เพื่อมาวิเคราะห์ นำมาสร้างสรรค์ จินตนาการ แนวคิด อย่างเป็นระบบ ว่าเป็นอะไรได้บ้าง แล้วจึงดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน และ กระจายออกไปสู่เครือข่าย

การจินตนาการ สร้างสรรค์ คือการใช้ความแตกต่างให้เป็นประโยชน์ นำความคิดสร้างสรรค์มาขับเคลื่อนการทำงาน การทำงานไม่ใช่เป้าหมาย แต่เป็นวัตถุประสงค์

Talents คือองค์ความรู้ ปัญญา Value Created คือการสร้างสรรค์ให้ตรงกับความต้องการ และได้ประโยชน์สูง Wealth เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับองค์กร Constructive Environment คือการพัฒนา

Value Innovation กับการทำงาน

มีความยืดหยุ่นสูง ปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีได้ มีกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการทำงาน ทำงานเป็นทีม จะพัฒนาอะไร ใผ่รู้อยู่เสมอ ศึกษาอย่างต่อเนื่อง อะไรที่เราไม่ถนัดให้เครือข่ายช่วย ต้องมีการดูแลเครือข่าย ฝึกคิดให้มีนวัตกรรมใหม่ ๆ เสมอ คิดแผนทำงาน ทำให้เกิดประสิทธิภาพโดยรวมสูงขึ้น

สร้างองค์ความรู้ ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง จัดการความต้องการของลูกค้า ศึกษา สร้างสรรค์ และส่งมอบ

๑ เหรียญ ๑ คำอธิฐาน เพื่อในหลวง

การมีส่วนร่วมในการทำความดี และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของคนไทยทั้งแผ่นดิน ซึ่งไม่จำกัดอยู่ที่มูลค่าของเหรียญ แต่มีคุณค่าอยู่ที่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคนที่ยั่งยืน

-------------------------

นายสังวร บุญไสย

ความรู้ที่ได้จากหลักสูตร Talented Capital Development Program ระหว่างวันที่ 5-13 พ.ย.52 1. คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร จึงควรพัฒนาคนให้มีทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ เพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่ให้เกิดขึ้นในองค์กร โดยค้นหาวิธีการเรียนรู้ ให้เหมาะสมกับคนในองค์กร สร้างบรรยากาศให้มีการเรียนรู้ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เรียนรู้อย่างเท่าเทียมกัน และสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้อย่างยั่งยืน เพื่อนำพาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ 2. องค์กรจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกคนในองค์กร เพราะทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ต้องสร้างทีมงานให้เกิดขึ้นในองค์กร เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ยอมรับฟังคนอื่น แก้ไขปัญหาร่วมกัน 3. การบริหารสัมพันธภาพต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ประกอบด้วย การตระหนักรู้ในตนเอง เพื่อนำไปสู่การเข้าใจและรู้จักคนอื่นอย่างลึกซึ้ง สามารถจัดการและควบคุมอารมณ์ของตนเอง และไวต่อความรู้สึกของผู้อื่น การมองโลกในแง่ดีเพื่อเป็นแรงจูงใจตนเอง ร่วมรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น และทักษะทางสังคมในการยอมรับและศรัทธา ลดความขัดแย้ง ทำงานเป็นทีม 4. ในยุคที่โลกมีการเปลี่ยนแปลง การทำงานก็ต้องปรับเปลี่ยนไปด้วย ต้องมีการพัฒนาวิธีการทำงานใหม่ให้ก้าวทันโลก การคิดวิเคราะห์มีความสำคัญมาก ควรฝึกคิดอย่างเป็นระบบ ก่อนตัดสินใจต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้มีคุณภาพ แยกข้อเท็จจริงออกจากสิ่งที่คนคิด และเลือกวิธีที่ทุกฝ่าย win-win 5. การวางแผนเชิงกลยุทธ์ มีประโยชน์ต่อการกำหนดวิสัยทัศน์หรือทิศทางขององค์กรได้ชัดเจน มุ่งเน้นส่วนที่สำคัญ เข้าใจและรู้ทันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขัน จึงต้องมีการรวบรวมข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ 6. ภาครัฐแนวใหม่นำหลักการของคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) เป็นตัวผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ในการพัฒนาระบบราชการ โดยใช้การบริหารเชิงคุณภาพตามหลักการขององค์กรที่เป็นเลิศ และนำเกณฑ์ที่กำหนดมาใช้เป็นกรอบในการบริหาร ประกอบด้วย - การนำองค์กร - การวางแผนเชิงกลยุทธ์ - การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด - การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ - การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล - การจัดกระบวนการ - ผลลัพธ์การดำเนินการ 7. การใช้ Mind Mapping นำไปประยุกต์ใช้ในการวางแผนงาน ฝึกคิดอย่างเป็นระบบ การสื่อสาร ความจำ โดยใช้สมองซีกขวาในเรื่องของจินตนาการ 8. แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร ด้วย กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว (White Ocean Strategy) มีหลัก 7 ประการ - การเกิดขึ้นขององค์กรเป็นไปเพื่อสร้างผลเชิงบวกต่อสังคมโดยรวม - ตั้งเป้าหมายระยะยาวและมองภาพใหญ่ระดับมหภาค - แสวงหาจุดสมดุลระหว่างบุคคล สิ่งแวดล้อม กำไรของสังคมและชุมชน ความเชื่อมั่นศรัทธา - มองโลกและองค์ความรู้เป็นทรัพยากรส่วนรวม ควรแบ่งปัน ช่วยกันรักษา - ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ความเป็นจริง - เป็นองค์กรที่มีจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม - เป็นผู้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการ ใช้สมองซีกขวา คิดนอกกรอบ 9. Creative Thinking ความคิดสร้างสรรค์เกิดจากผู้ชำนาญการหรือประสบการณ์ตรง คิดอย่างเป็นระบบ แรงจูงใจ ทักษะทางความคิดเชิงบวกการนำทุนทางความรู้ที่มีอยู่มาสร้างสรรค์ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้า (Value Created) จะสร้างความมั่นคงทุกด้าน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการสร้างสรรค์สิ่งเหล่านั้นต่อไป โดยผ่านการติดต่อสื่อสารด้วยเทคโนโลยี - คิดแบบองค์รวม ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร จัดการความต้องการ - การเรียนรู้ self ของมนุษย์ ต้องเข้าใจความเป็น self แต่ละคน และต้องรู้ Technology of the self การศึกษา self ต้องเข้าใจศิลปะการดำรงชีวิต Art of living บทสรุป องค์กรจะอยู่รอดและมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับบุคลากรในองค์กร จึงต้องพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้รอบด้าน ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง สามารถคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ มีความคิดสร้างสรรค์ และปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม

คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

 

                ไม่มีบุคคลใดอยู่เหนือกฏหมาย แต่การจะยอมรับคำพิพากษาตัดสินคดีตามฐานความผิดได้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของแต่ละบุคคล แต่ถึงที่สุดแล้วความจริงก็จะปรากฏ ไม่มีใครหนีกรรมที่ตนก่อไว้ได้ สิ่งที่อดีต นรม.กำลังทำอยู่ ได้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำที่ขาดจริยธรรม ไม่มีความกล้าหาญที่จะยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่เรียนรู้บทเรียนจากความเจ็บปวด/ประสบการณ์จากความผิดพลาด ก็จะไม่มีที่ยืนในสังคม/องค์กรที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

 

-------------------------

นายสังวร  บุญไสย

ความรู้ทีได้จากหลักสูตร Talented Capital Deveiopment Program เป็นหลักสูตรเพิ่มและพัฒนาความรู้ ทักษะ และจริยธรรม จากการฟังคำบรรยายทำให้รู้ว่า องค์กรจะเจริญรุ่งเรืองได้ต้องพัฒนาคนเป็นอันดับแรก สิ่งที่ได้จากการเรียนทำให้ทราบถึงโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา นอกจากนั้นยังเรียนรู้ถึงความคิดนอกกรอบและจริยธรรมในการบริหาร และระบบการเรียนรู้อีกหลายอย่างตามที่วิทยากรสอน แต่สิ่งที่สำคัญคือเราจะต้องนำสิ่งที่เรียนรู้มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

-----------------------------------------------

นายธนิต สุวรรณากาศ 19 พ.ย.52

บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระฯ

พล.อ.ชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนะ, พล.ต. สนั่น โปรดอ่านบทความนี้

ผู้สูงอายุหลายท่านยังมีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก แม้แต่นักการเมืองสูงอายุ ๔ ท่าน คือ พล.อ.ชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนะ , พล.ต. สนั่น ก็ยังคงเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติเช่นกัน ซึ่งการมีคูณค่าไม่ใช่มีเพียงการสั่งสมประสบการณ์เดิม ๆ ยังต้องมีสุขภาพแข็งแรงด้วย และจะต้องสนใจใฝ่หาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติม เพื่อสามารถปรับวิธีการทำงานให้ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ ได้อย่างเหมาะสม และจะต้องถ่ายทอดความรู้ในตนท่าน (Ticit Knowledge) ที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติให้กับนักการเมืองรุ่นหลัง ๆ เกิดการเรียนรู้ แล้วนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศต่อไป ทั้งนี้

ควรจะต้องมีคุณลักษณะ ดังนี้

๑. ความซื่อสัตย์ (Honesty) ๒. ทำอะไรลึกซึ้ง (Depth)

๓. มีวิสัยทัศน์ (Vision) ๔. ความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity)

๕. นวัตกรรม (Innovention)

ซึ่งจะทำให้ผลงานและคุณค่าของแต่ละคนยังคงอยู่ต่อไปในอนาคต...

ณัฐรำไพ ธารี

บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จีระฯ

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้

ปัจจุบันโลกได้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงมีสิทธิและเสรีภาพในด้านต่าง ๆ อย่างมาก รวมถึงการเป็นนักการเมืองด้วย จากบทความมีการเปรียบเทียบนักการเมืองหญิงไทยเป็น ๒ กลุ่ม คือ

๑. นักการเมืองหญิงแบบไทย ๆ เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, คุณปวีณา หงสกุล, คุณพรทิวา นาคาศัย เข้ามามีบทบาททางการเมืองจากการสืบสายเลือดเพราะพ่อหรือสามีเคยเล่นการเมืองมาก่อน และได้รับการสั่งสอนถ่ายทอดความรู้สึกที่ผิด ๆ

จึงต้องการเข้ามาเล่นการเมือง เพื่อใช้ตำแหน่งหน้าที่ทางการเมืองแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่กลุ่มพรรคพวกและเครือญาติเท่านั้น

๒. นักการเมืองหญิงแบบ Mrs.Mekel เช่น คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช, ดร.จุรี วิจิตรวาทการ และ ดร.ผุสดี ตามไท ซึ่งเป็นกลุ่มนักการเมืองที่มีการศึกษาดีเข้ามาทำงานทางการเมือง เพื่อต้องการนำความรู้ที่ตนเองมีมาต่อยอดความรู้ของตนเองด้วยการ

ทำงานเพื่อสังคมและประเทศชาติให้มีความเจริญรุ่งเรืองทันนานาอารยประเทศ โดยใช้เวทีทางการเมืองและศักยภาพของตนเอง

ที่มีอยู่อย่างเต็มที่ และยังแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เพิ่มเติมอยู่เสมอ เพราะความรู้ต้องเรียนกันตลอดชีวิต..

ณัฐรำไพ ธารี

แนวคิดที่ได้จากกรณีศึกษา : 1 เหรียญ 1 คำ อธิษฐาน

ด้วยพระบารมีและน้ำพระทัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ทรงเป็นที่รักของคนไทยทุกคน ดังนั้น การร่วมแรงร่วมใจ ที่จะทำสิ่งใดเพื่อถวายความจงรักภักดี เป็นสิ่งที่คนไทยต่างยินดีและเต็มใจจะให้การสนับสนุน เช่น โครงการ 1 เหรียญ

1 คำ อธิษฐาน ซึ่งให้ประชาชนหยอดเหรียญบริจาคพร้อมตั้งจิตอธิษฐานเพื่อแสดงความจงรักภักดี และขอพรให้พระองค์ทรงหายจากอาการประชวร และป็นกุศโลบายเสริมสร้างความสามัคคี ที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ส่วนเงินที่ได้ก็จะมอบให้มูลนิธิพระดาบส

นำไปสร้างสรรค์ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยในระยะยาวต่อไป

อย่างไรก็ตาม การแสดงความจงรักภักดีที่ว่านี้ ต้องออกจากใจจริงไม่ใช่แค่ใส่เสื้อสีชมพู ไปลงนามถวายพระพร หรือหยอดเหรียญ แต่ต้องมีความรักชาติ และมีน้ำใจ ให้อภัยต่อกัน ซึ่งดิฉันคิดว่า สิ่งที่ในหลวงทรงมีพระประสงค์มากที่สุดในตอนนี้ คือ การที่จะกลับมารักและสามัคคีกัน ไม่เอาเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวมาทำลายชาติ โดยเฉพาะการปล่อยข่าวลือเพื่อบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายมาก ที่ต้องเร่งหาต้นตอและจัดการขั้นเด็ดขาด

ถ้าทำได้อย่างนี้ จึงจะเรียกว่ารักพ่อจริง ตามคำที่กล่าวว่า ถ้ารักพ่อ อย่าทะเลาะกัน..(ขอร้อง)

แนวคิดที่ได้จากกรณีศึกษา : นายรักเกียรติ และ นายราเกซ ซึ่งควรเป็นบทเรียนแก่นักการเมืองบางคน

กรณีนายราเกซ ศักเสนา เป็นบทเรียนที่ดี ในเรื่องกฎแห่งกรรม เพื่อเตือนสติผู้ที่คิดจะกระทำผิดต่อชาติหรืออยู่ในวงจรนี้แล้ว เพราะที่ผ่านมา นักการเมืองคอร์รัปชั่นจำนวนไม่น้อยยังมีใช้ชีวิตที่รุ่งเรือง โดยไม่ถูกกล่าวหาหรือดำเนินคดีใดๆ เพราะระบบยุติธรรมที่อ่อนแอ ช่องว่างของกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อคนบางกลุ่ม ไม่มีบทลงโทษที่เด็ดขาด ภาพที่เห็นก็คือต่างอุ้มชู อยู่ในระบบอุปถัมภ์กันมาอย่างเป็นสุข ซึ่งในมุมมองของคนทั่วไปถ้าไม่เกรงกลัวอิทธิพลหรือปล่อยเลยตามเลยเพราะแก้ไขอะไรไม่ได้ ก็เป็นอีกพวกที่สนับสนุนและคอยรับผลประโยชน์จากเหล่านักการเมือง สืบกันไปเป็นทอดๆ ซึ่งได้ขยายออกไปในวงกว้าง จนเกิดค่านิยมที่ผิดและเป็นแผลร้ายลึกของสังคมไทยในที่สุด

ส่วนกรณีของคุณรักเกียรติ ดิฉันขอชื่นชมในความกล้าหาญ การยอมรับผิดและผลการตัดสินแต่โดยดี แสดงให้เห็นถึงยังมีศักดิ์ศรีในตัวเอง ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีในมุมของผู้ที่ทำผิดแล้วสำนึกได้ และในที่สุดก็ออกมาสู่สังคมอย่างสง่างาม มีคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ที่น่าจะรับการยอมรับและให้อภัย ต่างกับคนที่ยังหลบเลี่ยงความผิด หรือหลบหนีการตัดสิน ที่แม้จะหนีไปไกลแค่ไหนก็คงไม่พ้นกรรม และยากจะได้รับการให้อภัย

กรณี พล.อ. ชวลิต เป็นทั้งทหารและนักการเมืองอาวุโส ที่มากด้วยความสามารถและประสบการณ์ ทำงานเพื่อชาติมามากมาย แต่จากความเคลื่อนไหวล่าสุดที่ไปรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคการเมืองที่มีปัญหา ซึ่งมีการวิจารณ์ว่าอาจมีเหตุผลแอบแฝงหรือตัดสินใจผิด แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด บทบาทล่าสุดนี้ ก็กระทบต่อทั้งความมั่นคงภายในกำลังจะบานปลายออกไปสู่ปัญหาความพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งที่ ตัวพล.อ. ชวลิตเอง เชี่ยวชาญและมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยมาก่อน เห็นได้ว่า แม้จะมีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์ แต่ก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะที่สุดแล้วหากยังอยู่ในวังวนของผลประโยชน์ หรือมองแค่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็จะทำให้ส่วนรวมเกิดปัญหา ความเชื่อถือ ศรัทธา ที่เคยมีก็จะหมดไป

สขช. กับการเรียนรู้ในยุคที่เปลี่ยนแปลง

1. ในยุคโลกาภิวัฒน์ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว จนท. สขช.ต้องปรับตัวให้ทันกับยุคสมัย ทันเหตุการณ์ ด้วยการเพิ่มพูนความรู้ให้กับตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาแนวคิด และวิธีในการดำเนินการอย่างเป็นระบบ รวดเร็ว ชัดเจน

2. การมีองค์ความรู้ใส่ตนเองให้มากจะทำให้รู้จริงในเรื่องนั้น ๆ แล้วนำมาสร้างสรรค์เพิ่มจินตนาการ ทำผลงานให้มีประสิทธิภาพด้วยการทำงานเป็นทีม เพื่อเป็นประโยชน์ของส่วนรวม

3. การพัฒนาตนเองให้กระหายใฝ่รู้ คิดวิเคราะห์ มองอนาคตให้ออก ใช้ IT ให้เป็นประโยชน์กับงาน เพิ่มทักษะภาษาต่างประเทศ สามารถดึงคนอื่นมาร่วมทำงานเป็นทีมได้ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเครื่อข่ายในทุกระดับ สร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธากับผู้ร่วมงาน

4. การเอาชนะอุปสรรค อาจเจ็บปวดล้มเหลวบ้าง แต่ไม่ควรท้อถอย คิดบวก ทบทวนแล้วแก้ไข ปัญหาทุกอย่างเราสามารถสร้างภาวะผลประโยชน์ร่วมกันได้ กล้าตัดสินใจ ว่าจะใช้วิธีไหน Win/Lose, Win/Win, Lose/Lose, Lose/Win

5. การความคุมอารมณ์ เราต้องตระหนักรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น ด้วยการสังเกต, รับฟัง, ยอมรับ และเข้าใจ มองโลกในแง่ดี เพื่อสร้างศรัทธาและสามารถปรับอารมณ์ตนเองให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้

6. วิธีการทำงาน เราต้องฝึกกลั่นกรองข้อมูลข่าวสารที่มีมากจน Over Load ให้ได้ข้อมูลที่จำเป็น และสำคัญ มาใช้ประโยชน์ แล้วกระจายข้อมูลด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม

7. ปรับแนวความคิดจากการทำเพราะหน้าที่ มาเป็นความรู้สึกอยากทำ คือ รู้สึกรักงาน สนุกกับงาน มีความสุขกับการทำงาน งานท้าทาย อยากเห็นงานออกมาสมบูรณ์ มีความคิดสร้างสรรค์ คิดต่างจากที่เคยคิด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม

8. ถามตนเองว่าการทำงานทำดีพอหรือยัง สำหรับปัจจุบัน และอนาคต ต้องปรับเปลี่ยนการทำงานโดยต้องมีกลยุทธวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน คือ วิเคราะห์งานให้ตรงกับความจริง มีแผนระยะยาว กลาง สั้น แผนต้องสัมพันธ์กัน เป็นแผนที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ โดยยึดวิสัยทัศน์ และพันธกิจ ของ สขช. ที่จะมุ่งเป็นมืออาชีพ เป็นหลัก แก้ปัญหา เข้าถึงปัญหา ด้วยความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นตนเองให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทันต่อกระแสของการเปลี่ยนแปลง

9. การวิเคราะห์ สร้างสรรค์งานด้วยการหาองค์ความรู้ให้รอบด้าน จากผู้มีประสบการณ์ เพื่อนำมาวิเคราะห์ หาแนวคิด สร้างสรรค์จินตนาการ อย่างเป็นระบบ การใช้ความต่างให้เป็นประโยชน์ แล้วดำเนินการความคิดอย่างเป็นขั้นต้อนด้วย Mind Map ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งในการฝึกใช้สมองทั้ง 2 ซีก คือ หลักการเหตุผล และจินตนาการสร้างสรรค์ เข้าด้วยกัน วิเคราะห์งานออกมาเป็นเส้น ภาพ ด้วยข้อมูลที่อิสระ กระจายไปรอบทิศทาง แล้วเชื่อมโยงความคิดเหล่านั้น จะทำให้เรามองเห็นปัญหารอบด้านมากขึ้น

10.ทำงานให้มีความสุข รับผิดชอบต่อสังคมด้วยจิตอาสา เสริมสร้างจรรยาบรรณ จริยธรรม รู้จักผิดชอบชั่วดี แสวงหาจุดสมดุลย์ระหว่าง People, Planet, Profit และ Passion เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาตนเองให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม ก้าวข้ามอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ ไปได้ ด้วยการแบ่งปัน ช่วยกันรักษา ผลประโยชน์ส่วนรวม

-----------------------------------

บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จิระ

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้

 

                นาย Shimon Peres ประธานาธิบดีอิสราเอล ถึงแม้จะเป็นผู้สูงอายุ แต่ก็ยังใช้ความรู้ความสามารถในการทำงานเป็นประโยชน์กับประเทศได้อย่างทันโลกทันเหตุการณ์ เป็นตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลัง โดยใช้ประสบการณ์และความซื่อสัตย์มองอนาคตและกำหนดทิศทางของประเทศได้อย่างรอบคอบ

เปรียบเทียบกับนักการเมืองไทยทั้งสี่คนนั้น ถึงแม้จะเป็นผู้สูงวัย ก็ยังสามารถทำงานให้ประเทศได้ แต่ควรจะเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยใช้ประสบการณ์/ศักยภาพในตัวออกมาทำประโยชน์ให้กับแผ่นดินมากกว่าทำเพื่อตนเองและพวกพ้อง ถึงแม้จะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้อาวุโสในทุกวงการที่ยากจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น มีอัตตาในตัวเองว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ที่ทำอะไรต้องถูกต้องเสมอ แต่ขาดวิสัยทัศน์ในการมองอนาคต มองเห็นแต่บริวารที่อยู่รายล้อม และสืบทอดอำนาจผ่านคนที่กลุ่มตนเองควบคุมได้ ให้เป็นหุ่นเชิดในการบริหารประเทศ

                ความรู้ที่ได้และน่าจะปรับใช้กับองค์กร คือ คุณสมบัติของผู้นำที่มีจริยธรรม/คุณธรรมในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต มีความคิดรอบคอบ มีการเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา มีวิสัยทัศน์ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า จะมีผู้ตามในองค์กรที่ศรัทธาอยู่อย่างไม่เสื่อมคลายแม้เวลาจะล่วงไป     

 

-------------------------

นายสังวร  บุญไสย

บทเรียนจากความจริงกับ ดร.จิระ

นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้

 

                นาง Merkel นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของ German พื้นฐานมาจากสังคมนิยมคอมมิวนิสต์ พูดไม่เก่ง แต่มีความคิดเป็นของตนเอง ไม่มีพรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษ แต่กลับได้คะแนนนิยมจากชาวเยอรมัน

                ในขณะที่นักการเมืองหญิงไทย เข้ามาเล่นการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจ ปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัวเป็นหลัก ยังไม่มีใครเข้าเพื่ออุดมการณ์ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น ถึงแม้จะมีบางส่วนที่ดูเหมือนมีความตั้งใจจะเข้ามาทำให้การเมืองไทยดูดีขึ้น ซึ่งในอนาคตอาจจะเห็นผลบ้าง ตราบใดที่กติกาของการเมืองยังถูกเขียนเพื่อนักการเมืองเช่นเดิม โอกาสที่นักการเมืองมีคุณภาพจะเข้ามายาก แต่ถ้าหากตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมการเมือง ก็ควรที่จะช่วยกันสนับสนุนนักการเมืองหญิงที่เป็นเลือดใหม่ให้มีโอกาสแจ้งเกิดในเวทีการเมือง และใช้ความสามารถในตัวออกมาให้เกิดประโยชน์กับประเทศอย่างแท้จริง

                ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้กับองค์กร คือ ทรัพยากรมนุษย์ ไม่ได้วัดที่ความแตกต่างทางร่างกาย  ความสามารถของบุคคลไม่มีขีดจำกัดที่เพศ แต่ความรู้ที่แตกต่างในหลากหลายสาขา อาจจะนำมาซึ่งแนวทางใหม่ในการเปลี่ยนแปลงสังคม/องค์กร     

 

-------------------------

นายสังวร  บุญไสย

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ผมได้อ่านเอกสารของพวกเราแล้วยอมรับเลยว่าภายในสัปดาห์กว่า เราสามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมากๆๆ สมกับการเป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) และขอให้พวกเรารักษาความดีนี้ให้ยั่งยืน (Sustainability) ตลอดจนนำความรู้ทั้งที่ได้จากการเรียนและการศึกษาดูงานมาปรับใช้กับตนเอง หากว่าไม่รู้จะทำไงให้ใช้ทฤษฎี CUV ของท่านอาจารย์จีระก็ได้ C:Copy โดยเลือกมาเฉพาะเรื่องที่สนใจหรือคิดว่าเป็นประโยชน์ U:Understanding แต่ต้องไม่ลืมที่จะทำความเข้าใจกับสิ่งนั้นๆ V:Value Added สุดท้ายต้องรู้จักต่อยอดความรู้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตัวเราและองค์กร

เรื่องที่สองที่อยากจะบอกเพื่อนๆ ยังคงเป็นประเด็นเดียวกันที่ผมนำเสนอในการประชุมของเราเมื่อวานนี้ คือเอกสารศึกษาด้วยตนเองมาทั้งหมด 3 ชิ้น คือประมวลความรู้จากที่อบรมมาทั้งหมดในช่วงแรก แล้วสรุปเชื่อมโยงให้เห็นว่าพวกเราได้อะไรบ้าง อีก 2 ชิ้นเป็นบทความนักการเมืองชายไทยกับนายเปเรซ และนักการเมืองหญิงไทยกับนักการเมืองหญิงเยอรมนี ใครที่ยังไม่ได้ทำก็เร่งมือเข้าโดยเฉพาะตัวข้าพเจ้าเอง

สุดท้ายผมต้องขอโทษพวกเราที่ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านกระจายข่าวสารให้พวกเราล่าช้า เพราะต้องเดินทางไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนๆของเราทางภาคเหนือเกี่ยวกับเรืองการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ และได้มีโอกาสขายความคิดเรื่องการจัดการความรู้ ปรากฏว่าไม่ทันข้ามวันพี่ๆเพื่อนของเราเกิดไอเีดียปิ๊งขึ้นมาเลยว่าน่าจะกิจกรรมการจัดการความรู้ในปีงบประมาณ 2553 ของเพื่อนๆทางภาคเหนือ และอีกหนึ่งวันผมก็ได้นั่งถกแถลงกับพวกเขาเรื่องการประเมินผลการปฏิบัติราชการ (Performance Management) นี่ขนาดคุณอารมณ์ ได้ Coaching ผมไปล่วงหน้าแล้ว แทบเอาตัวไม่รอดเลย เพราะความหลากหลายจึงนำมาซึ่งความเห็นแตกต่าง แต่พวกเราใช้เหตุผลในการสนทนากัน เลยไม่มีปัญหา วันนี้(เสาร์ที่ 21 พ.ย.52)ก็กำลังจะเดินทางอีกแล้ว จะไปให้ความรู้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ ที่เป็นสมาชิกโครงการบ้านปลอดภัย ในเรื่องเทคนิคในการสังเกตบุคคลต้องสงสัย รวมถึงการทำอย่างไรที่่จะให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างพวกเขาร่วมเฝ้าระวังพื้นที่ช่วงเทศกาลสำคัญ อาิทิ คริสต์มาส และตรุษจีน และพรุ่งนี้ (22 พ.ย.52) ก็มีอีกกิจกรรมสำคัญคือการเปิดโครงการบ้านปลอดภัยใหม่ในพืื้นที่สงขลาและสตูล ขอให้พวกเรามีความสุขกับวันหยุดและตั้งใจทำการบ้านนะครับ ผมจะพยายามใช้เวลาว่างในยามค่ำคืนหลังจบการบรรยายทำการบ้านเหมือนกัน

ไม่มีบุคคลใดอยู่เหนือกฏหมาย แต่การจะยอมรับคำพิพากษาตัดสินคดีตามฐานความผิดได้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของแต่ละบุคคล แต่ถึงที่สุดแล้วความจริงก็จะปรากฏ ไม่มีใครหนีกรรมที่ตนก่อไว้ได้ สิ่งที่อดีต นรม.กำลังทำอยู่ ได้สะท้อนให้เห็นว่า ผู้นำที่ขาดจริยธรรม ไม่มีความกล้าหาญที่จะยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ไม่เรียนรู้บทเรียนจากความเจ็บปวด/ประสบการณ์จากความผิดพลาด ก็จะไม่มีที่ยืนในสังคม/องค์กรที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

คุณสังวร คะ ใน Blog ที่ 413 ของคุณ เป็นงานที่ อ.จีระสั่งหรือเปล่า หัวข้อเรื่องอะไร เขียนมาลอย ๆ อ่านแล้วงง ๆ ๆ ค่ะ

สุรศักดิ์

e-mail : [email protected]

จากการศึกษาบทเรียนหลักสูตร “พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ สำหรับบุคลากรของสำนักข่าวกรองแห่งชาติระดับ 6 – 7” (Talented Capital Development Program) ห้วง 5 – 13 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ได้รับความรู้สำคัญต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้

1. บทเรียนห้วงดังกล่าว ได้ศึกษาแนวคิด/ทฤษฎีเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ในองค์กร ซึ่งประกอบด้วยแนวคิด/ทฤษฎีสำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน , การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ , การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ , การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า , ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่ นอกจากนั้นได้ศึกษาแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับการทำงานขององค์กร(สำนักข่าวกรองแห่งชาติ) ในยุคที่โลกเปลี่ยน , Blue Ocean Strategy กับการทำงานของสำนักข่าวกรอง , สำนักข่าวกรองกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ , การบริหารเชิงคุณภาพสำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ , Ming Mapping สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ , แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร , Creative Thinking กับการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ และ Value Innovation ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

2. แนวคิด/ทฤษฎีและกิจกรรมจากบทเรียนทำให้ผู้เข้ารับการอบรม ได้เห็นความสำคัญของ “คน” ว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร ได้เพิ่มทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติที่ดีในการทำงาน มีภาวะผู้นำ มีบุคลิกภาพและศักยภาพที่พร้อมต่อการทำงานในยุคโลกาภิวัตน์ ได้จุดประกาย สร้างการทำงานเป็นทีม และสร้างพลังในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ ได้สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ ใฝ่รู้ ตื่นตัว มีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ (Learning Culture) พัฒนาตนเอง และการทำงานอย่างต่อเนื่อง ได้มีเครือข่าย(Network) และแนวร่วม(Partners) ในการทำงานไปสู่ประสิทธิภาพที่สูงขึ้น และสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาสร้างโอกาสต่าง ๆ และมูลค่าเพิ่มแก่องค์กร

3. บทเรียนสามารถนำมาปรับ/ประยุกต์ใช้ในการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติได้ ดังนี้

3.1 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ซึ่งกำลังเผชิญกับความเสี่ยง/ผลกระทบ/สิ่งท้าทายจากสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูงมากและอาจจะใช้เวลายาวนาน แต่จะทำให้เป็นการเพิ่มมูลค่าเพิ่มและสร้างความยั่งยืนให้แก่องค์กรในอนาคต อย่างไรก็ตามเพื่อให้การพัฒนาทรัพยากรบุคคลมีความเป็นรูปธรรมอาจจะใช้หลักการเรียนรู้แบบทฤษฎี 3L’s (Learning from Experience เรียนรู้จากประสบการณ์ , Learning from Pain เรียนรู้จากความเจ็บปวด , Learning from Listening เรียนรู้จากการฟัง) , ทฤษฎี4L’s (Learning Methodology วิธีการเรียนรู้ที่ดี , Learning Environment สร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ , Learning Opportunities สร้างโอกาสแห่งการเรียนรู้ และ Learning Communities สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้), ทฤษฎี 2R’s (Reality มองความจริง และ Relevance ตรงประเด็น) , ทฤษฎี 2I’s (Inspiration จุดประกาย และ Imagination สร้างจินตนาการ) , ทฤษฎี C และ E (Connecting การติดต่อ/เชื่อมต่อกัน และ Engaging การมีส่วนร่วม), ทฤษฎี C U V (Copy , Understanding และ Value Added) มาผสมผสานกัน ซึ่งจะทำให้ทุกคนในองค์กร(สำนักข่าวกรองแห่งชาติ) มีบทบาทการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ร่วมกันทั้งในระดับผู้นำองค์กรทุกระดับและบุคลากรทุกคนในองค์กร โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้บังคับบัญชา ให้มีความสุข (Happiness) , การยกย่อง(Respect) เพื่อนร่วมงานอย่างแท้จริง , การคำนึงถึงความมีเกียรติ/ศักดิ์ศรี(Dignity) ของมนุษย์ และความยั่งยืน(Sustainability) ขององค์กร ตามแนวคิด/ทฤษฎี HRDS เพื่อให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้(Learning Organization) ในอนาคต ทั้งนี้การจะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัตน์อาจใช้แนวคิดทฤษฎี 8K’s (Human Capital ทุนมนุษย์ , Intellectual Capital ทุนทางปัญญา , Ethical Capital ทุนทางจริยธรรม , Happiness Capital ทุนแห่งความสุข , Social Capital ทุนทางสังคม , Sustainability Capital ทุนแห่งความยั่งยืน , Digital Capital ทุนทาง IT และ Talented Capital ทุนทาง Knowledge Skill และ Mindset) รวมทั้งทฤษฎีทุนใหม่ 5 ประการ 5K’s (Creativity Capital ทุนแห่งการสร้างสรรค์ , Knowledge Capital ทุนแห่งความรู้ , Innovation Capital ทุนทางนวัตกรรม , Emotional Capital ทุนทางอารมณ์ และ Culture Capital ทุนทางวัฒนธรรม) ของ ศ.ดร.จีระ หงศ์ลดารมภ์ มาปรับใช้ด้วย

3.2 สำนักข่าวกรองแห่งชาติ จะขับเคลื่อนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ประสบผลสำเร็จ อาจจะต้องมีผู้นำในอนาคตตามแนวคิดของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ โดยมีทักษะสำคัญ ประกอบด้วย Analytical Skill คิดวิเคราะห์ , Networking Skill ต้องรู้จักสร้างเครือข่ายให้กว้าง , Relationship Skill สร้างความสัมพันธ์ , Language Skill ภาษาต่างประเทศ , Cross Culture Management Skill รู้เขารู้เรา , Digital Skill ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ , Anticipating Skill มองอนาคตให้ได้ , People Skill บริหารคนเป็นทั้งในและนอก , Decision-making Skill กล้าตัดสินใจ และ Working under Pressure and Stress Skill ต้องปล่อยวางและบริหารแรงกดดัน นอกจากนั้นอาจจะต้องอาศัยรูปแบบผู้นำของคุณพารณ อิสรเสนา ณ อยุธยา (เก่ง 4 เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน) และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ (ดี 4 ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ มีคุณธรรม) มาผสมผสานกัน อย่างไรก็ตามผู้นำต้องมีความเชื่อมั่น/ศรัทธา(Trust) ว่าต้องพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้สำเร็จแม้ว่าจะใช้ระยะเวลายาวนาน แต่จะคุ้มค่าในอนาคต

3.3 การทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติห้วงต่อไป ต้องให้ความสำคัญกับหลักการการบริหารสัมพันธภาพลูกค้า (Customer Relationship Management/CRM) ซึ่งหมายถึงกระบวนการใด ๆ ที่สามารถดึงดูดและรักษาลูกค้า(รัฐบาล/ประชาชน) ไว้ด้วยการบริหารความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ โดยปรับแนวคิดใหม่เกี่ยวกับการให้บริการ รู้ถึงความต้องการและความ สำคัญของลูกค้า รวมทั้งหาแนวทางเพื่อสร้างความประทับใจการบริการ และ การสร้างภาวะผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งนี้การจะดำเนินการอาจจะต้องให้บุคลากรในองค์กรเก่งงาน(Task Ability) เก่งคน(Human Skills) เก่งคิด(Conceptual Skills) และเก่งการดำเนินชีวิต(Happy Work Happy Life) นอกจากนั้นอาจใช้แนวทาง 6Qs เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของชีวิต ประกอบด้วย IQ(Intelligence Quotient) , EQ(Emotional Quotient) , AQ(Adversity Quotient) , MQ(Moral Quotient) , HQ(Health Quotient) , SQ(Spiritual Quotient)

3.4 การทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ขององค์กรต้องเข้าใจในสภาพแวดล้อมที่กระทบต่อการเปลี่ยนแปลง หัวใจสำคัญอยู่ที่การวิเคราะห์และบริหารข้อมูลข่าวกรองต้องตรงกับข้อเท็จจริง ต้องรู้จักแยกว่าอะไรคือข่าวจริง(Fact) กับข่าวลวง(Perception) , รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไร รวมทั้งเข้าใจทฤษฎีสำคัญในการใช้วิเคราะห์ข่าวสาร เช่น ทฤษฎีเกม(Game Theory) นอกจากนั้นอาจใช้แนวคิด Blue Ocean Strategy (แนวคิดการทำงานแบบใหม่) , กระบวนการบริหารเชิงกลยุทธ์(Strategic Management Process) , องค์ประกอบของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ดี , การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกและภายในให้ถูกต้อง ไปปรับใช้ในการทำงานได้ รวมทั้งการใช้ Mind Mapping (การใช้ภาพและสี) มาใช้ในการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ , การใช้แนวทางของ PMQA/TQA/MBNQA และแนวทางของการบริหารภาครัฐแนวใหม่(New Public Management หรือ NPM) มาใช้ในการบริหารเชิงคุณภาพสำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

3.5 การทำงานของบุคลากรในสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ต้องได้รับการพัฒนาทุนทางจริยธรรม โดยใช้แนวคิด (White Ocean Strategy) กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว ของคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย มาใช้เป็นพื้นฐานบริหารองค์กรแบบองค์รวมซึ่งครอบคลุมตั้งแต่วิสัยทัศน์ นโยบาย พันธกิจ กลยุทธ์การดำเนินงาน ไปจนถึงแนวทางในการปฏิบัติทุกภาคส่วนขององค์กร บนแนวความคิดหลัก 7 ประการ ประกอบด้วย การเกิดขึ้นขององค์กรเป็นไปเพื่อสร้างผลเชิงบวกต่อสังคมโดยรวม , ตั้งเป้าหมายระยะยาวและมองภาพใหญ่ระดับมหภาพ , แสวงหาจุดสมดุลระหว่าง People Planet Profit และ Passion , ยืนบนหลักการของโลกอันอุดมสมบูรณ์ , ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ความเป็นจริงและความเป็นเนื้อแท้ , เป็นองค์กรที่ระเบิดจากข้างใน และมีดีเอ็นเอของ Individual Social Responsibility(ISR) และ เป็นผู้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการ นอกจากนั้นควรให้แนวคิด Creative Thinking และ Value Innovation มาใช้ในสำนักข่าวกรองแห่งชาติด้วย เพื่อให้องค์กรมีความเป็นเลิศในการทำงานและมีความยั่งยืน(Sustainability) ขององค์กรในอนาคต

----------------------------------------------------

สุรศักดิ์

นักการเมืองหญิงไทย

ปัจจุบันหญิงไทยเริ่มมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น แต่จากการที่ อ.จีระ เสนอนักการเมืองแบบหยิงไทยและแบบ Mrs.Mekel หากดูจากพื้นฐานจะเห็นว่าคุณสุดารัตน์,คุณปวีณาและคุณทิวาพร เข้ามาสู่การเมืองเพราะมีคนในครอบครัวเล่นการเมืองมาก่อน ก็เลยถูกเปรียบเทียบเป็นแบบไทย ส่วนคุณหญิงกัลยา,ดร.จุรีและดร.ผุสดี จะเป็นนักวิชาการที่ต่อมาก็ก้าวมาสู่การเมือง หากมองอีกมุ่งจะเห็นว่ากลุ่มแบบไทยจะอยู่ฝ่ายเสื้อแดง ส่วนกลุ่มหลังจะอยู่กลุ่มเสื้อเหลือง แต่ไม่ว่าใครจะอยู่กลุ่มไหน จะเป็นนักวิชาการหรือนักสังคมสังเคราะห์ก็ตาม เมื่อนักการเมืองหญิงทั้ง 2 กลุ่มเข้ามาสู่เส้นทางการเมืองแล้ว ธรรมชาติของคนที่ต้องมีจุดประสงค์ของตนเองอาจจะด้วยหวังในชื่อเสียง อำนาจ เงิน หรือหวังผลประโยชน์ทางการเมืองอื่นๆก็ตาม ขอให้เขาเหล่านั้นจงใช้ความรู้ความสามารถทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง

นายธนิต สุวรรณากาศ

จากการได้เข้ารับการอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program ครั้งนี้ ดิฉันได้รับความรู้และประโยชน์อย่างมาก ซึ่งวิชาที่ได้เรียนทั้งหมดสามารถนำมาปรับใช้กับการทำงานภายในองค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของ “ทุนมนุษย์” ซึ่งการจะเป็นทุนมนุษย์ที่ดีให้แก่องค์กรหรือหน่วยงานของตนเองได้นั้น คือ การเปลี่ยนแปลงตนเองให้สอดคล้องกับกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ขององค์กรและสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลง และการที่จะเป็น “ผู้นำ” ที่ดีได้ควรมีการเรียนรู้ เพราะผู้นำกับการเรียนรู้เป็นสิ่งที่เกื้อกูล และจำเป็นต่อกันและกัน ดังนั้น เราควรจะเรียนรู้และใฝ่หาความรู้จากแหล่งต่างๆ อยู่เสมอ เช่น

1. การเรียนรู้จากสถาบันการศึกษา ซึ่งเป็นการเรียนรู้โดยตรง ได้แก่ การเรียนปริญญาต่างๆ หรือการร่วมสัมมนาหรือเข้ารับการอบรมในช่วงระยะสั้นๆ

2. การเรียนรู้จากผู้อื่น คือ การเรียนรู้จากบุคคลรอบข้าง เช่น ลูกน้อง คู่แข่ง เพราะเขาเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นแหล่งที่จะให้ความรู้แก่เราได้ แต่เราต้องเปิดใจกว้างเพื่อเรียนรู้ รับฟังความคิดเห็นข้อเสนอจากเขา แล้วรู้จักเลือกรับสิ่งที่ดีมาพัฒนาตัวเองให้ได้

3. การเรียนรู้ด้วยตัวเอง คือ ความกล้าที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อแสวงหาสิ่งที่มีสาระและให้คุณค่าทั้งต่ออาชีพการงานและการดำรงชีวิตในทางที่ดี เช่น การเลือกอ่านหนังสือ ฟังวิทยุ ชมรายการโทรทัศน์ การเข้าร่วมกิจกรรมสังคม ตลอดจนการหาข้อมูลข่าวสารทางอินเตอร์เน็ท แล้วสะสมบ่มเพาะความรู้ให้เกิดการพัฒนาอย่างเป็นระบบ

ดังนั้นจากการเข้ารับการอบรมครั้งนี้ทำให้ทราบว่า การจะเป็นผู้นำที่ดีต้องมีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่น เสียสละ และบทบาท ต้องแสดงออกให้เห็นด้วยการกระทำ มีการวางแผนกลยุทธ์ทีดี กำหนดทิศทางที่จะเดินขององค์กรไปได้ โดยมีการพิจารณาจากภารกิจ กลุ่มเป้าหมายและสภาพแวดล้อมขององค์กร นอกจากนี้ ผู้นำจะต้องมีความรู้ทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก เพื่อทำให้ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความศรัทธาและความไว้วางใจ เกิดการทำงานเป็นทีม และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ในการทำงานเป็นทีม คือ ความสามัคคี การสร้างสัมพันธภาพระหว่างบุคคลและระหว่างองค์กร ทั้งในด้านการสื่อสาร ความคิด ความเข้าใจ และการศึกษา เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดสัมพันธภาพ บรรยากาศที่ดีในการทำงาน จากนั้นความเชื่อใจและไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงการสื่อสารความเข้าใจต่อกันก็จะเกิดขึ้นตามมา และการจะเป็นผู้นำที่ดีได้นั้นต้องมีความเชี่ยวชาญหลายด้าน ทั้งในด้านการวางแผนด้านกลยุทธ์หรือยุทธศาสตร์ (Strategy) ขององค์กรที่ดี โดยการนำกลยุทธ์ขององค์กรนั้นๆ มาปรับใช้ให้ตรงกับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในยุคโลกาภิวัตน์หรือโลกของการสื่อสารไร้พรมแดน ส่วนการวิเคราะห์ การจัดระบบความคิดในการทำงาน (Mind Mapping) ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้นำขององค์กรแต่ละองค์กรควรมี เพราะเป็นการนำข้อมูลที่ได้รับ มากลั่นกรองเพื่อหาข้อเท็จจริงและความถูกต้อง แล้วนำมาปรับใช้ให้ตรงกับนโยบายหรือแผนการบริหารจัดการภายในองค์กรที่ตั้งไว้ และอีกอย่างที่จะขาดไม่ได้ในยุคที่มีการแข่งขันกันสูงก็ คือ การนำความคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) มาใช้ให้เกิดประโยชน์ภายในองค์กร เพื่อให้เกิดนวัตกรรม (Innovation) ใหม่ๆ ภายในองค์กร ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยมีมาก่อนภายในองค์กรนั้นๆ และสิ่งเหล่านี้ถ้าเกิดขึ้นกับผู้นำในองค์ก็จะทำให้องค์กรเกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน และสามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จบรรลุตามเป้าหมายขององค์กรที่วางไว้ได้

                                         องค์ความรู้

จาก หลักสูตร Talented Capital Development Program ระหว่างวันที่ 5-13 พ.ย.52

                                  (นายศักด์ มูลสาร)

           1. บทสรุป

               หลักสูตร Talented Capital Development Program ระหว่างวันที่ 5-13 พ.ย.52 ทำให้มีความรู้กระจ่างมากขึ้นในการบริหารทรัพยากรบุคคลเพราะหากคนในองค์กรได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างถูกต้องแล้วจะมีแต่ความเจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง อย่างไรก็ตามการพัฒนาคนนั้นผู้ที่ส่วนสำคัญที่สุดในพัฒนาคือผู้นำองค์กรต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์อย่างแท้จริงจึงจะสามารถกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาบุคคลากรให้เป็น คนเก่ง คนดี ได้อย่างยั่งยืน สำหรับการวางแผนพัฒนาคนนั้น ต้องกำหนดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้นจำเป็นต้องลงทุนฝึกอบรมบุคคลากรทุกระดับให้เข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของทรัพยากรมนุษย์และปรับทัศนคติใหม่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ระยะยาวต้องกำหนดเป็นยุทธศาสตร์พัฒนาบุคคลากรทั้งระบบตั้งแต่การรับคนเข้าทำงานในองค์กร การรักษาคนให้อยู่กับองค์กรอย่างมีความสุข และการสร้างสัมพันธภาพที่ดีหลังจากออกจากหน่วยงานไปแล้ว

            2. องค์ความรู้ที่ได้

               2.1 ตระหนักและเห็นคุณค่าของทรัพยากรมนุษย์ที่จำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังและต่อเนื่องทั้งในระดับบุคคล องค์กร และประเทศชาติ

               2.2 ได้รับองค์ความรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้ทั้งในการทำงานและชีวิตส่วนตัวในหลายทฤษฎี อาทิ Blue Ocean Strategy, White strategy, CRM: Customer Relation Management,ทฏษฎีเกมส์ , Mind Map, Creative Thingking และ Value Innovation

               2.3 ความสำคัญของการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ในการทำงานจะช่วยให้ เกิดประสิทธิภาพ มีความรวดเร็ว เป็นระบบ ลดต้นทุน และทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก

               2.4 การปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์โลกเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกสังคมต้องปรับตัว ให้เกิดความสมดุลย์ แต่ผู้ที่ได้เปรียบที่สุดในโลกปัจจุบันคือผู้ที่สามารถคิดได้ก่อน (Innovation) และไปยืนรอผู้ใช้บริการในอนาคตเท่าที่จินตนาการจะไปถึ (ดังเช่นแนวคิดการพยามไปตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์ หรือนอกจักรวาล ที่บางประเทศกำลังดำเนินการอยู่ปัจจุบัน)

              2.5 การที่จะคิดนอกกรอบ หรือสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ผู้บริหารจะต้องสร้างเวทีและ สนับสนุนบุคคลากรที่มีความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ กล้าที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลง ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่วัฒนธรรมองค์ให้มีคนกล้าคิด กล้าทำ กันมากขึ้น

              2.6 การพัฒนาใด ๆ ต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะชาติคือความคงอยู่ของทุกองค์กรแต่คนส่วนใหญ่ก็ยังมองไม่เห็นความสำคัญกันมากนัก

         3. ข้อคิดเห็น

             หลักสูตร Talented Capital Development Program เป็นหลักสูตรที่สามารถจุดประกายทางความคิดของบุคคลากรให้ตระหนักรู้ถึงคุณค่าของการพัฒนาตนเองให้ไฝ่เรียนรู้ กล้าคิดนอกกรอบ มีจินตนาการ มองภาพรวมในเชิงการบริหารและทิศทางการพัฒนาองค์กร สขช.ในอนาคต อย่างไรก็ตามการที่จะใช้องค์ความรู้และพลังทางความคิดจะเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรมก็ต่อเมื่อผู้บริหารต้องส่งเสริมบุคคลากรที่กล้าคิด กล้าเปลี่ยนแปลง (ให้มีเวทีเล่น) เพื่อจุดประกายให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กร โดยมีชาว TALENTED เป็นพลังขับเคลื่อนหลักมีการพบปะประเมินผลตามห้วงระยะเวลาจึงจะสามารถนำพาองค์กร สขช.ไปสู่เป้าหมายได้อย่างแท้จริง

                           ……………………………………….

 

คุณ นา ครับ

ผมพิจารณาแล้วเข้าใจว่าข้อความที่ 413 น่าจะเป็นเรื่องของคุณรักเกียรติ กับคุณราเกซ นะ ว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฏหมาย

แล้วท่านยังเสริมเรื่องจริยธรรม คุณธรรมของผู้นำองค์กร โดยเฉพาะทางการเมือง หากประพฤติผิด สามารถตรวจสอบได้จาก

สาธารณะ เป็นสัจธรรมกรรมใดใครก่อกรรมนั้นต้องตามสนอง ผมไม่รู้ว่าสนองไปไหนทำไมต้องตาม ทำไมเป็นเสนาะ สนั่น บรรหาร

ชวลิต หรือคนที่เกิดเหนือแต่ดันตั้งชื่อทางใต้ ที่ไม่รู้จักเรียนรู้จากประสบการณ์ แปลงความเจ็บปวดส่วนตัวเป็นความโกรธแค้นต่อส่วน

รวม ทำลายตัวเองไม่พอยังทำลายประเทศชาติประชาชน ข้อความของ 413 ผมว่าวิเคราะห์ตีความได้หลายหน้ากระดาษเลยนะ แต่

ผมไม่มีความสามารถพอ แต่เชื่อว่าท่านพยายามสื่อสารให้กระชับ กระทัดรัด ได้ใจความ ไม่เยิ่นเย้อ ไม่พร่ำพรรณาอย่างผม เพราะ

คนละรูปแบบ แฮ่ๆ ก็แค่ขอมีส่วนร่วม ขอแจมด้วยคนครับ แล้ววันจันทร์จะไปขอรับโทษที่ล่วงเกิน 555

• สรุปบทเรียน “การพัฒนาทุนความรู้ ทักษะ และทัศนคติบุคลากร”

1. ก่อนที่จะคิดพัฒนาองค์กร หรือนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ ต้องเริ่มที่ตนเองก่อน เรารู้จักตัวเราเองดีแล้วหรือไม่ หมายถึงรู้หน้าที่ รู้ภารกิจ ความรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อสาธารณะและประเทศชาติ การรู้จักตัวเองไม่ใช่เกิดจากคำพูด แต่เป็น การกระทำ ถ้าทุกคนรู้หน้าที่ของคนแล้ว พร้อมยอมรับที่จะได้รับการพัฒนา ปรับเปลี่ยนไปสู่ทิศทางที่ดี ในแนวทางที่ก้าวหน้า โดยยึดจริยธรรม คุณธรรมเป็นสำคัญแล้ว การพัฒนาคนไปสู่การพัฒนาองค์กรจะทำได้ง่ายขึ้น

2. ผู้นำองค์กรทุกระดับชั้นต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่าง มุ่งมั่น เสียสละ ให้เกียรติ ให้โอกาส ให้ข้อมูลที่เป็นความจริง ละทิ้งอคติ โมหะ โทษะ ริษยา อย่าสร้างปัญหา ไม่จับผิดให้ร้าย ไม่เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้น้องหรือเพื่อนร่วมงาน หัดเรียนรู้การปลอบประโลมไม่ก่นด่า เปิดใจให้กว้างเดินไปด้วยกัน พร้อมที่จะยอมรับความผิดพลาดเป็นบทเรียน ให้รางวัลสร้างขวัญกำลังใจ แรงจูงใจ สร้างศรัทธา การมีส่วนร่วม เห็นคนมีคุณค่าและพัฒนาอย่างเท่าเทียม มีมาตรฐาน ลดช่องว่าง เสริมสร้างทักษะ ปลูกจิตสำนึกให้มีความรักสามัคคี มีความเชื่อใจเชื่อมั่นในคุณค่าซึ่งกันและกัน นำมาซึ่งความน่าเชื่อถือ เกิดความไว้วางใจ ความพึงพอใจ ความผูกพัน นำไปสู่การมีส่วนร่วมนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

3. ทำงานอย่างมืออาชีพ ต่างเรียนรู้มีประสบการณ์ที่ดีและเจ็บปวดร่วมกัน และนำประสบการณ์มาเป็นองค์ความรู้ในการพัฒนาองค์กร ปลูกฝังจริยธรรมคุณธรรมในการทำงานอย่างสร้างสรรค์ ให้คนในองค์กรเห็นว่าเงินไม่ใช่ปัจจัยที่สำคัญ การทำงานอย่างมีความสุข มีความสัมพันธ์ความผูกพันเป็นครอบครัวเดียวกัน ดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ปลูกฝังให้เกิดความรักในวัฒนธรรมและความจงรักภักดี เพื่อสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับตนเองและองค์กร

4. การพัฒนาคนในองค์กร นอกจากสอนให้คิดวิเคราะห์เป็นในเชิงวิทยาศาสตร์ อย่างสร้างสรรค์ให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งกันและกัน การเรียนรู้หรือการทำงานต้องมีความคิดริเริ่ม ยอมรับความจริง รับผิดชอบต่อสังคม สาธารณะ สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ แสวงหาโอกาส หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะล้มเหลวหรือละเมิดสิทธิของผู้อื่น นำความรู้ใหม่ เทคโนโลยีใหม่ๆมาปรับใช้ให้เท่าทันสถานการณ์ สร้างสังคมกลุ่มองค์กรพันธมิตรร่วมในอุดมการณ์เดียวกันให้เป็นปึกแผ่น เพื่อให้การเรียนรู้ในสังคม เกิดความสมดุล และเกิดความสุขอย่างยั่งยืน

5. รู้จักใช้นวัตกรรมใหม่ ใฝ่รู้ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆนำไปจัดระบบบความคิด วิเคราะห์ผู้ใช้ข่าวให้ออก สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ตรงความต้องการของผู้ใช้ข่าว ตรงต่อข้อเท็จจริงรวดเร็วแม่นยำ ไม่ยึดติดกรอบกฎระเบียบหากเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่จำกัดความคิดจินตนาการในการสร้างงาน การเสนอความคิด ปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมโลก และทันต่อเทคโนโลยีการสื่อสารตามทฤษฎีโลกแบน ให้ได้รับข้อมูลในทุกๆด้านทั้งในปัจจุบันและในอนาคต ให้สามารถประสบผลสำเร็จหรือชนะด้วยกันทุกฝ่าย

6. สิ่งที่สำคัญในการบริหารองค์กรได้อย่างประสบผลสำเร็จ ผู้นำองค์กรทุกระดับชั้นต้องเรียนรู้หาข้อมูลในการวางแผน กลยุทธิ์ กำหนดยุทธศาสตร์ วิเคราะห์สิ่งแวดล้อม มองผลกระทบที่เกิดขึ้นในระยะยาว กำหนดเป้าหมายทิศทางขององค์กร ปรับโครงสร้างและกลยุทธิ์เดิมให้ทันต่อสถานการณ์ ใช้ทรัพยากรภายในองค์กรและปัจจัยภายนอกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นแผนที่นำไปปฏิบัติได้จริง มีการประเมินผลความสำเร็จ และตัวชี้วัดความสำเร็จอันนำไปสู่รางวัลผลตอบแทนของผู้ปฏิบัติ

7. ในการทำงานต้องใช้จินตนาการที่กว้างไกลไม่มีขอบเขต นำมาความเชื่อมโยงความเป็นจริง ความรู้ หรือความเป็น ไปได้ เพื่อก่อเกิดความคิดสร้างสรรค์ อย่าคิดว่าสิ่งที่ไม่ได้ห้าม ทำไม่ได้ คิดอย่างเป็นระบบ และสามารถใช้การสื่อสารเชื่อมโยงข้อมูลให้เป็นประโยชน์

8. สรุปบทเรียน “การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์” ที่จะนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ เป็นการเพิ่มมูลค่าของคนในระยะยาว บุคลากรหรือคนในองค์กร อย่ารอผู้นำ อย่ารอแนวทางนโยบาย หรือการปฏิบัติของผู้นำเพื่อไปสู่การพัฒนา คนในองค์กรต้องมีจิตสำนึก ต้องคิดและร่วมปฏิบัติตนไปสู่การพัฒนา ปลูกฝังและประพฤติตนเองโดยไม่ต้องมีคำสั่ง ด้วยใจที่มุ่งมั่น ด้วยศรัทธาเดียวกัน มีจริยธรรมคุณธรรม เรียนรู้สิ่งใหม่ๆด้วยกัน พร้อมที่จะให้อภัย ให้กำลังใจ เคารพในเกียรติในคุณค่า รู้หน้าที่และประพฤติปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง แข่งขันกับตนเอง ด้วยจริยธรรมและคุณธรรม ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

------------------------------------------------------------

เชษฐ์

          ตอนนี้กำลังตัดต่อ VTR ช่วงก่อนเปิดเวที Public Seminar เสร็จแล้ว 90 % ขาดเพียงภาพถ่ายรวมหมู่ (เฮา...) ทั้ง 44 คน ตอนดูงานแหลมผักเบี้ย และหน้าอาคาร ศป.ข.ภาค 4 เพื่อจะได้นำ VTR ไห้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ได้ชมและแก้ไขร่วมกันในวันจันทร์ สมาชิกท่านใดมีภาพถ่ายหมู่กรุณาส่งเข้าบล็อก หรือ อีเมล์ผม [email protected] ขอบคุณครับ...พบกันวันจันทร์ 23 พ.ย.52

 

ศักดิ์ .........

คดีคุณรักเกียรติและคุณราเกซ

เป็นการกล่าวถึงไม่มีบุคคลใดที่จะอยู่เหนือกฎหมาย ดังนั้นคนที่ผิดควรต้องมารับโทษที่ตัวเองได้ทำไว้ อย่างที่คุณรักเกียรติและราเกซที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ยังมีนักการเมืองบางคนที่ไม่ยอมรับผิดยังคงต้องหนีคดีไปต่างประเทศ และระแวงกลัวถูกควบคุมตัว ชีวิตไม่มีความสุขเหมือนกับติดคุกอยู่นั่นเอง

หลักสูตรการพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ

1.นำเข้าสู่บทเรียน

การพัฒนาทุนมนุษย์ (Talented Capital) มีองค์ประกอบสำคัญได้แก่ Working

Skill และ Thinking Skill ขณะที่คุณสมบัติผู้นำที่ดีโดยสรุป อาทิ การรู้จักคิดวิเคราะห์ ความฉลาดในการสร้างเครือข่าย รู้เทคนิคการสร้างความสัมพันธ์ มีความรอบรู้รอบด้าน รู้จักใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม มีความรอบรู้ภาษาต่างประเทศที่จำเป็น มองอนาคตได้ดี มีความสามารถในเชิงบริหารในสภาวะที่ไม่ปกติ และกล้าตัดสินใจ

2.หลักการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของ สขช.

ประยุกต์จากบทเรียนเพื่อให้ได้ผู้นำที่พึงประสงค์บนหลักการมอง HR ที่ภาพ

กว้างไปสู่ภาพย่อย ดังนี้

2.1 ระดับองค์กร การสร้างผู้นำต้องมียุทธศาสตร์และมีองค์ความรู้ บนแนวคิดการเรียนรู้ร่วมกัน การยอมรับการเปลี่ยนแปลง ดำเนินการร่วมกันทุกส่วน เน้นประสิทธิผล โดยให้ความสำคัญกับ จนท.ทุกระดับ ผู้บริหารสูงสุดต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง

โดยตระหนักในศักยภาพของ จนท. โดยสร้าง/พัฒนาคนทุกระดับ สร้างระบบคุณธรรมในองค์กร เหนืออื่นใดต้องการรักษาคนไว้

กับ สขช. ให้นานที่สุดโดยสร้างความผูกพันและความจงรักภักดี

2.2 ระดับ จนท. การสร้างผู้นำต้องเริ่มจากการพัฒนาศักยภาพภายใน ได้แก่ การปรับทัศนคติในเชิงบวก มีสติควบคุมพฤติกรรม มีสมาธิและความเชื่อมั่น มีการพัฒนาทักษะในการฟัง การสื่อสาร มีการพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง และความมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ภาวะผู้นำ

3. ความสัมพันธ์กับผู้เกี่ยวข้องกับ สขช.

เป็นการสร้าง พัฒนา และดำรงความสัมพันธ์กับบุคคล องค์กร ที่ปฏิสัมพันธ์กับ สขช. ในทุกระดับตั้งแต่รัฐบาลหน่วยงานประสานไปจนถึงผู้ให้ข่าวทุกระดับ การมีสัมพันธภาพที่ดีจะเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จขององค์กรในทุกมิติ ส่วนวิธีการได้แก่การสร้างบุคลากรให้มีคุณภาพมีคุณสมบัติอันพึงประสงค์ไปพร้อมกับสร้างภาพลักษณ์องค์กรให้มีความน่าเชื่อถือ

4. หลักการทำงานในสภาวะปัจจุบัน

ได้แก่การรู้จักประยุกต์เอาหลักของความสามารถในการดำเนินชีวิตที่ประสบความสำเร็จ มาเพิ่มเติมเข้ากับคุณสมบัติการทำงานเก่งและเป็นผู้คิดเก่งและบริหารคนเก่ง นั่นคือการนำหลักการใช้ชีวิตที่ประสบความสำเร็จคือการรู้จักตนเอง รู้สภาพจิตใจของตนเอง

การรู้จักบริหารอารมณ์ (EQ) ตนเอง การรู้จักและเรียนรู้ถึงสภาวะอารมณ์ของผู้ที่เราเกี่ยวข้องและปฏิสัมพันธ์ด้วย เป็นทักษะทางสังคมที่สำคัญและจำเป็นในการสร้างการยอมรับและศรัทธา เมื่อประกอบกับรู้จักใช้หลักการสื่อสารสัมพันธ์ที่ดีมีประสิทธิภาพจะเป็นกุญแจนำสู่ความสำเร็จในการทำงานพร้อมกับความสำเร็จในการดำรงชีพอย่างแท้จริง

5. การปรับตัวของ สขช. ในโลกยุคปัจจุบัน

5.1 ในฐานะองค์กร

-ต้องเพิ่มหลักการวิเคราะห์การเรียนรู้แบบใหม่ การคิดวิเคราะห์ผลผลิต/ประสิทธิผลบนพื้นฐานการใช้ข้อมูล (ที่จัดเก็บเป็นระบบ) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการพัฒนาระบบคิดเพื่อค้นหาแนวทางใหม่ๆ ที่จะนำพา สขช. สู่องค์กรที่มีศักยภาพสูงและเป็นที่น่าเชื่อถือ

-การวางแผนเชิงกลยุทธ์ต้องวิเคราะห์ปัจจัยภายใน/ภายนอกให้ครบทุกมิติ นำมาใช้ร่วมกับระบบการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

-การบริหารเชิงคุณภาพ ด้านแนวคิด/กระบวนการควรปรับบทบาทไปตามปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ อาทิ สภาพแวดล้อมทางการเมือง การแข่งขันทางธุรกิจ การหลั่งไหลเข้ามาของวัฒนธรรมต่างชาติ เป็นต้น ทั้งนี้ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ได้แก่ พรฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ปี พ.ศ. 2546 ส่วนด้านโครงสร้างมองที่ความสมดุล ความคล่องตัว ความยืดหยุ่นสูง มีวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างสรรค์ มีความเป็นมืออาชีพสูง มีกลยุทธ์การทำงานที่มองการณ์ไกล มีความคุ้มค่าและวัดผลได้

5.2 บุคลากร สขช.

ได้รับการพัฒนาจากภายในสู่ภายนอกได้แก่การพัฒนาจากกระบวนการคิดออกมาสู่พฤติกรรมพึงประสงค์ ดังนี้

-การพัฒนาความจำ/การเรียนรู้ โดยประยุกต์ใช้ระบบ Mind Mapping ซึ่งจะเป็นระบบการใช้สมองให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อประสิทธิผลในการพัฒนาหลัก/วิธีการคิดการวางแผน การสื่อสาร การนำเสนอ และการโน้มน้าวใจ

-การพัฒนาทุนทางคุณธรรม/จริยธรรม ได้แก่ การเรียนรู้ในการควบคุมอารมณ์ การบ่มเพาะจิตสำนึกที่ดี การใช้สติในการควบคุมพฤติกรรม สำนึกรับผิดชอบต่อสังคมระดับบุคคล และการสร้างจริยธรรมที่ดีต่อองค์กร

-ความคิดสร้างสรรค์ เกิดจากกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และการรู้จักวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ

6. ผู้นำการเปลี่ยนแปลงของ สขช.

เป็นผู้รู้จักประยุกต์ใช้ความรู้จากการเรียนรู้การพัฒนาทุนทางปัญญา มีทัศนคติ/แนวคิดเชิงบวก รู้จักขจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน รู้จักเทคนิคการบริหารข้อมูลข่าวสาร โดยมีหลักยึดคือสติและจิตสำนึกที่ดีเป็นแกนกลาง ถือเป็นการบริหารความรู้ควบคู่คุณธรรมเป็นพฤติกรรมที่นำองค์กรสู่ความเป็นเลิศ

…………………………………

คำมา พื้นทอง

คดีคุณรักกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

คุณรักเกียรติ เป็นนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม เมื่อทำผิดกฎหมายแล้วยอมรับคำตัดสินในกระบวนยุติธรรม จนคดีสิ้นสุด ส่วนคุณราเกซ ซึ่งกระทำผิดกฎหมายในไทย แต่หลบหนีไปต่างประเทศ โดยใช้กระบวนการยุติธรรมในต่างประเทศสู้คดี เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความยุติธรรม หรือถูกผู้มีอำนาจทางการเมืองกลั่นแกล้ง แต่สุดท้ายก็ต้องกลับเข้ามาสู่ในกระบวนการทางกฎหมายไทย และพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำตัดสินในกระบวนยุติธรรม แต่ยังมีอดีตนักการเมืองไทยบางคนทำผิดแล้วยังไม่ยอมรับผิดและยังคงหลบหนีไปต่างประเทศ ใช้ชีวิตเร่ร่อนหาที่อยู่ไปตามประเทศต่าง ๆ ซึ่งกรณีนี้น่าจะเป็นกรณีศึกษาสำหรับคนไทยให้เข้าใจได้มากขึ้นเพราะคนไทยทุกคนไม่ควรจะอยู่เหนือกฎหมาย

โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน

โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐานเพื่อในหลวง จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวไทยทั้งประเทศได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และขอให้พระองค์ท่านหายประชวรอย่างรวดเร็ว โดยเน้นให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เกิดความรักสามัคคีปรองดอง ไม่แตกแยก โดยตั้งมั่นอยู่ในความสงบและมีสติไม่หลงเชื่อต่อข่าวลือที่อาจทำให้เกิดความเสียหายและบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติได้ นอกจากนี้ ยังนำรายได้ทั้งหมดสมทบเป็นทุนช่วยเหลือพัฒนาอาชีพและจิตใจของคนไทยที่ตกงานในโครงการมูลนิธิพระดาบส ซึ่งเป็นการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

๑ เหรียญ ๑ คำอธิษฐานเพื่อในหลวง

นับเป็นอุบายอันแยบยลของพระองค์โสมฯ และคณะกรรมการโครงการฯ ในการสร้างบรรยากาศความเป็นหนึ่งของปวงชนชาวไทยกลับมาอีกครั้ง เป็นการพลิกวิกฤติในห้วงที่สังคมมีความแตกแยกทางความคิด การเมืองมีความขัดแย้ง และในห้วงที่ในหลวงทรงพระประชวร เป็นโอกาสในการสร้างความสมานฉันท์ให้เกิดขึ้นรอบใหม่ โดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวสูงสุด

นอกจากนั้นยังนำเงินที่ได้จากโครงการไปใช้ประโยชน์แก่สังคมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เป็นโครงการที่ได้รับประโยชน์ทั้งที่สมบูรณ์ทั้งรูปธรรมนามธรรม

คงไม่ช้าเกินไปที่จะสรุปหัวข้อนี้ เพราะโครงการที่ดีจะยังคงคุณค่าแก่การได้รับการสนับสนุนทุกสถานทุกกาลทุกเมื่อ จะตอบอีกสักกี่รอบก็คงบอกได้ว่าเป็นโครงการที่ดีที่สุด...ไปจนถึงดีที่สุด ครับ

ขอให้ทุกเหรียญจงเบ่งบานในจิตใจของ ๔๔ มนุษย์ทองคำของ สขช. เป็นล้านคำอธิษฐานที่ยังประโยชน์แก่ชาติและประชาชนด้วยเทอญ......สาธุ

___________________________

คำมา พื้นทอง

พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ ทุกคน ส่งแบบฟอร์มไปให้กรอกแล้วนะฮับ รบกวนช่วยเปิดเมล์ดูด้วยว่าได้รับหรือยัง ถ้ายังไม่ได้จะนำไฟล์ไปให้ในวันจันทร์ และรบกวนส่งกลับภายในวันอังคารนะฮับ

ขอบคุณฮับ _-/\-_

สิงที่ได้จากบทความเรื่อง “นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้”

เป็นการเปรียบเทียบนักการเมืองหญิงของไทย กับนักการเมืองหญิงของต่างประเทศ ซึ่งก็คือ นรม.Merkel ของเยอรมนี สำหรับกลุ่มนักการเมืองหญิงของไทย พอที่จะจำแนกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ 1.) กลุ่มนักการเมืองหญิงไทยสไตล์ไทยๆ คือ เล่นการเมืองเพราะเหตุผลส่วนตัวหรือตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์แห่งตนในด้านต่างๆ ไม่มีจุดยืนหรืออุดมการณ์ทางการเมือง แต่เล่นการเมืองเพราะมีฐานะ บุคลิกที่ดี มีครอบครัวสนับสนุน รวมทั้งมีพ่อหรือสามีเล่นการเมืองมาก่อน (อาจรวมถึงความต้องการรักษาเผ่าพันธุ์ของความเป็นนักการเมือง) โดยนักการเมืองหญิงในกลุ่มนี้ ได้แก่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คุณปวีณา หงสกุล คุณพรทิวา นาคาศัย 2.) กลุ่มนักการเมืองที่อาจถือได้ว่าเป็นตัวอย่างของนักการเมืองหญิงรุ่นใหม่ มีความรู้และมุ่งมั่นเพื่อส่วนรวม ไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวแอบแฝง โดยนักการเมืองหญิงกลุ่มนี้ ได้แก่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช ดร.จุรี วิจิตรวาทการ ดร.ผุสดี ตามไท ซึ่งคล้ายคลึงกับ นรม. Merkel ที่เป็นนักการเมืองที่ประสบความสำเร็จ แม้ว่าพื้นฐานและความเป็นมาของท่านไม่โดดเด่นมากนัก คือ เติบโตมาจากเยอรมันตะวันออก เรียนจบทางด้านฟิสิกส์ บุคลิกและการแต่งตัวก็ไม่ทันสมัยเตะตา ทั้งยังพูดโน้มน้าวคนไม่ค่อยเก่งและยังไม่ค่อยจะมีเสน่ห์

สำหรับข้อคิดที่อาจารย์ ดร.จีระ ทิ้งไว้ให้ขบคิดคือ สำหรับประเทศไทยเราต้องการนักการเมืองหญิงแบบไหนที่จะทำให้ชาติของเราเดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง คำตอบคงหาได้ไม่ยากนัก แต่ประเด็นสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะทำให้คนไทยทั้งชาติหรือส่วนใหญ่มีความตระหนักที่จะรู้จักเลือกสิ่งที่ดีและถูกต้อง สำหรับประเทศของเรา โดยยึดถือมาตรฐานของการตัดสินใจที่มีผลประโยชน์ของชาติ / ส่วนรวม เป็นที่ตั้ง

--------------------------------------------------------

นายนนท์ธนา

สิงที่ได้จากบทความเรื่อง “พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้”

บทความนี้เป็นการเปรียบเทียบนักการเมืองอาวุโสของไทยและต่างประเทศที่แต่ละคนล้วนแต่ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางการเมืองมาอย่างยาวนาน แต่ในแง่ของการเป็นที่ยอมรับจากประชาชน อาจจะแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลงานและพฤติกรรมของแต่ละคน โดยผลงานของประธานาธิบดี Shimon Peres เคยเป็นนายกฯของอิสราเอล 2 สมัย ได้รับรางวัล Nobel สาขาสันติภาพ ที่ชาวอิสราเอล รวมทั้งชาวโลก เห็นว่าเป็นบุคคลที่มีคุณค่า เพราะยังมีบารมีที่จะผลักดันการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นความหวังที่จะทำให้เกิดสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ สำหรับนักการเมืองอาวุโสรุ่นลายครามของไทย ทั้ง พล.อ.ชวลิต, นายบรรหาร, นายเสนาะ, พล.ต.สนั่น หากตั้งคำถามเดียวกันว่า คนเหล่านี้มีผลงานใดบ้าง ถ้าจะหาคำตอบให้ภาคภูมิใจเหมือนกับท่านประธานาธิบดี Shimon Peres นั้น ก็อาจต้องใช้เวลาในการคิดและทบทวนพอสมควร อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังภายใต้หลักคิดที่ว่า ทรัพยากรมนุษย์ไม่ว่าอายุน้อยหรืออายุมากล้วนมีประโยชน์ทั้งสิ้น โดยเฉพาะหากยังสามารถทำงานได้อย่างเข้มแข็งและนำประสบการณ์ในทางบวกของตนเองช่วยเหลือประเทศชาติ

-------------------------------------------------------------

นายนนท์ธนา

สิ่งที่ได้รับจากบทความเรื่อง “ คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน “

บทความดังกล่าว น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจและเป็นบทเรียนให้กับผู้นำองค์กรหรือบรรดาผู้มีอำนาจและผู้ที่กำลังกระหายอำนาจทั้งหลายได้พึงสังวรไว้ว่า การเป็นผู้นำนั้น ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม คำนึงถึงระเบียบกฎเกณฑ์ ยึดผลประโยชน์ต่อส่วนรวม เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนในสังคม นอกจากนั้น ต้องรับผิดชอบต่อผลที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ตนเองทำรวมทั้งการสั่งให้ผู้อื่นปฏิบัติ กรณีของนายรักเกียรติกับนายราเกซ เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการทำงาน แต่นำคุณสมบัติที่ตนเองมีอยู่ ไปใช้ในทางที่ผิด และต้องหลบหนีคดี จนสุดท้ายก็ต้องได้รับการลงโทษ

สำหรับ พล.อ.ชวลิต เป็นผู้หนึ่งที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ ทั้งด้านการเมือง ต่างประเทศและด้านการทหาร มีจุดอ่อนจุดแข็งในตัวเอง (ทั้งด้านบวกและลบ) แต่ไม่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนได้ ในขณะเดียวกันกลับนำคุณสมบัติของตนเองเป็นสื่อในการสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น การกลับเข้าสู่วงจรทางการเมืองกับพรรค พท. ในครั้งนี้ น่าจะเป็นเรื่องของคนมากความรู้และประสบการณ์ จนสำลักและสับสน หลงตัวลืมตน ค้นหาตนเองไม่เจอ โดยลืมไปว่ามีงานการเมืองหลายเรื่อง ที่ตนเองทำไม่สำเร็จตามที่ให้ความหวังกับประชาชน อีกทั้งเคยบริหารงานผิดพลาด จนนำความเสียหายมาสู่ประเทศชาติอย่างไร จึงน่าจะพิจารณาตนเองเพื่อยุติบทบาทและหลีกทางให้คนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ ก่อนจะนำความเสียหายมาสู่ประเทศชาติมากกว่านี้

-----------------------------------------------------------

นายนนท์ธนา

สิ่งที่ได้จาก บทความ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

เป็นกลยุทธ์ในการสร้างความสามัคคีของคนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องและเทอดทูนสถาบันสูงสุด ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคนไทยทั้งชาติ รวมทั้งเป็นพลังในการสร้างชาติ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานว่า ความเข้มแข็งของชาติ เกิดขึ้นได้ หากประชาชนภายในชาติมีความสามัคคี ทั้งนี้ผู้นำของประเทศ องค์กรทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนทุกสาขาอาชีพ จะต้องร่วมมือร่วมใจกันทำและผลักดันให้โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการสร้างความจงรักภักดีและสามัคคีภายในชาติ

------------------------------------------------------

นายนนท์ธนา

สิ่งที่ได้จากการเรียน ตามโครงการฝึกอบรมหลักสูตร " พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติ "

โดยสรุป ได้เรียนรู้ว่า คนเป็นทรัพยากรที่มีค่า มีความสำคัญต่อองค์กร แต่ในขณะเดียวกันการจะใช้ทรัพยากรดังกล่าวให้เกิดคุณค่าได้นั้น จะต้องมีการพัฒนา เพิ่มความรู้ในด้านต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มทักษะในการทำงาน การสร้างวิสัยทัศน์ การวางแผน การบริหารงานบุคคล เพื่อให้การทำงานประสบความสำเร็จ ตามเป้าหมายที่กำหนด อย่างไรก็ตามในการบริหารงานจะต้องรู้จักการทำงานเป็นทีม ให้ทุกคนมีส่วนร่วม และจำเป็นที่จะต้องตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรม จริยธรรม ระเบียบกฎเกณฑ์ เพื่อให้คนมีความรู้สึกที่ดี มีความเชื่อมั่นและผูกพันต่อองค์กร โดยใช้ความฉลาดทางอารมณ์ ในการสร้างแรงจูงใจ / เรียนรู้อารมณ์ความรู้สึกต่อกัน ทั้งของตนเองและผู้ร่วมงาน เข้ามาเป็นส่วนประกอบ ในขณะเดียวกัน จะต้องมีวิธีการคิดแบบใหม่ ในลักษณะของการรู้จักวิเคราะห์ คิดนอกกรอบอย่างเป็นระบบ เพื่อจัดลำดับความสำคัญ ในการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อรองรับกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกที่มีอยู่ตลอดเวลา โดยใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เป็นเครื่องมือนำทางไปสู่จุดหมายที่ต้องการ

---------------------------------------------------------

นายนนท์ธนา

กรณีคดีคุณรักเกียรติ และ คุณราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

“คุณธรรม และ จริยธรรม” คือ เครื่องหมายกำกับคนดี ดังนั้น “คนที่มีคุณธรรม และจริยธรรม ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรทำ และไม่ควรทำ” เมื่อเปรียบเทียบนักการเมือง/บุคคลทั้ง 3 คน แล้ว ทั้ง คุณรักเกียรติฯ คุณราเกซฯ และ คุณทักษิณฯ ล้วนขาด คุณธรรม และ จริยธรรม ทั้งสิ้น

“ถึงแม้สิ่งมีชีวิตสามารถอยู่รอดได้ ต้องมีความสามารถในการปรับตัว” ก็ตาม “แต่ไม่ใช่การปรับตัวเพื่อเอาเปรียบสังคม” ต้องยึดมั่นกฎเกณฑ์ และระเบียบของสังคม เพราะที่สุดแล้ว ความดี ความชั่ว บุญ บาป มีจริง เช่นกรณีบุคคล ทั้ง 3 คน ข้างต้น โดยเฉพาะ คุณทักษิณฯ ที่พยายามเรียกร้องความยุติธรรมต่อสังคม โดยอ้างคุณความดีที่ทำมาก่อนหน้านี้ ทั้งที่ “คุณความดีที่ว่า คือ การเห็นแก่ตัวอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่การเสียสละ”

ส่วนกรณี พล อ.ชวลิตฯ ถึงแม้เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพในตัวค่อนข้างสูง แต่นับว่าไม่ได้สำรวจ “ศักยภาพ” และ “จุดแข็ง” ของตัวเอง และใช้ “จุดแข็ง” ของตัวเองอย่าง “สร้างสรรค์” และ “บ้าคลั่ง” เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ทั้งนี้ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากถูกอำนาจแฝงครอบงำ “คุณธรรม และ จริยธรรม” จึงมองว่า สิ่งตนเองกำลังทำ คือ “คุณความดี ที่เป็นแก่ตัวอย่างสร้างสรรค์ ไมใช่การเสียสละ”

สุวิมล มานะการ

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง นับเป็นโครงการที่ดี เพื่อเป็นการสร้าง “สัญลักษณ์” ของศูนย์รวมแห่งดวงใจขงคนในชาติ เพราะหากมองโดยรวม ในเชิง HR. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าที่สุดของประเทศ เป็นตัวอย่างที่ดีของพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด

นอกจากนี้ จากบทความ 1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง ชี้ให้เห็นความสำคัญของข้อมูลขาวสาร ในยุค “IT ครองโลก” กรณีการปล่อยข่าวลือเกี่ยวกับอาการของพระองค์ ดังนั้น การรับฟังข้อมูลข่าวสาร “เราต้องแยกแยะระหว่างความจริง กับสิ่งที่คนคิดออกจากกัน เพื่อประกอบการตัดสินใจ และ มุ่งปักใจเชื่อในสิ่งนั้นๆ “

สุวิมล มานะการ

กรณี Mrs.Merkel นรม.เยอรมัน กับนักการเมืองหญิงไทย

“ผู้นำที่ดี อาจมีภาวะผู้นำที่วัดไม่ได้ คือ การสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา” และการสร้างภาวะผู้นำที่ดี ต้อง “ทั้งเก่ง และดี”

กรณี Mrs.Merkel นรม.เยอรมัน ถึงแม้บุคลิกส่วนตัวขาดคุณสมบัติบางประการ แต่นั่นไม่ใช่เงื่อนไขของการวัดคุณค่าของคน แต่คุณค่าของคน คือ ต้อง “เก่ง และดี” สามารถสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ให้เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง ซึ่ง คนเก่ง ต้องคิดเก่ง แล้วก็ทำ ส่วนคนดี คือ ต้องมีคุณธรรม และ จริยธรรม

กรณี คุณหญิงสุดารัตน์ฯ คุณปวีณาฯ และ คุณพรทิวาฯ ถึงแม้มีคุณสมบัติที่ดี แต่ยังขาดความพร้อมของการเป็นผู้นำที่ดี คือ คุณธรรม และ จริยธรรม ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธา ในตัวเองให้เกิดขึ้นได้ ด้วยการกระทำที่ผ่านมาหลายประการ

แตกต่างกับ คุณหญิงกัลยาฯ ดร.จุรีฯ และ ดร.ผุสดีฯ ซึ่งมีคุณสมบัติของ “คนเก่ง” ครบครัน ขณะที่คุณสมบัติของ “คนดี” ก็ไม่บกพร่อง ถึงแม้ว่าคนเราจะมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วนเต็มร้อยก็ตาม แต่ “ความเชื่อมั่น ศรัทธา” ต่อคนกลุ่มหลัง ที่เป็นทั้ง “คนเก่ง และ คนดี” มากกว่า ย่อมได้รับการยอมรับมากกว่าคนกลุ่มแรก สังคม และ ประเทศชาติ จึงจะสามารถก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

สุวิมล มานะการ

กรณี Shimon Peres กับนักการเมือง

“ถ้ามีประสบการณ์ (แก่) แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิสัยทัศน์ นำนวัตกรรมใหม่มาแก้ไขปัญหา อยู่ในการเมืองเพื่อแสวงหาอำนาจ ก็ไม่สามารถเพิ่มพูนคุณค่าให้กับตนเอง”

คนที่คิดว่าตนเองมีประสบการณ์สูง ทำให้ยากต่อการยอมรับการเปลี่ยนแปลง เพราะการพูดถึงประสบการณ์เป็นการพูดถึงตนเอง แต่ การเปลี่ยนแปลงเป็นการพูดถึงทุกคน

กรณี คุณ Shimon Peres สามารถนำประสบการณ์ วิสัยทัศน์ และ นวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้อย่างมีศักยภาพ โดยมี “ความซื่อสัตย์” เป็นตัวควบคุม จึงสามารถสร้างคุณค่าของประสบการณ์ที่มีอย่างได้ผล และ เป็นที่ยอมรับ

ขณะที่ พล อ.ชวลิตฯ ,นายบรรหารฯ นายเสนาะฯ และ พล ต.สนั่นฯ ถึงแม้มีประสบการณ์สูง และน่าจะใช้ประสบการณ์ที่มีสร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แต่การมีประสบการณ์ กลับทำให้ยากต่อการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้ไม่สามารถใช้ “ศักยภาพ” ที่มี “สร้างคุณค่า” ให้กับตนเอง ซึ่งแตกต่างกับ คุณ Shimon Peres อย่างสิ้นเชิง

-------------------------------------------------------

สุวิมล

องค์ความรู้ที่ได้จากการอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program

การคิดอย่างเป็นระบบ : ทำให้คิดเป็น วิเคราะห์เป็น คิดแบบวิทยาศาสตร์ คิดแบบ Creativity Thinking , Blue Ocean Strategy ,White Ocean และ Valued Innovation ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการเป็นผู้นำที่ดี และผู้นำต้องเป็นแบบอย่าง (Example) สะสมประสบการณ์ (Experience) ใฝ่หาความรู้ (Education) สร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี (Environment)

มี Trust, Vision และกล้าตัดสินใจ

การมีส่วนร่วมในการทำงาน (team work) ทำให้กล้าคิด กล้าแสดงออก กล้าตัดสินใจ ยอมรับในความคิดของกลุ่ม มีน้ำใจช่วยเหลือกัน และสามัคคี

การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า (CRM) : ทำให้ลูกค้าจดจำและประทับใจอย่างดีเยี่ยม (Moment of truth) เอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy) และ I CARE ลูกค้าสำคัญที่สุด “Customer is the King” ต้องให้การบริการและเป็นนักฟังที่ดี สร้างภาวะผลประโยชน์ร่วมกัน (win win) ด้วยการแบ่งปันด้านจิตใจ (Emotion) แบ่งปันความคิด (Knowledge) และแบ่งปันผลประโยชน์ (Action) รวมทั้งสร้างความพึงพอใจและซื่อสัตย์ (Customer Satisfaction & Loyalty) ให้ลูกค้าใช้สินค้าและบริการของเราตลอดไป

การรู้จัก/ควบคุมอารมณ์ตนเอง ว่าต้องการอะไร จะทำให้เข้าใจตนเองและเข้าใจอารมณ์ผู้อื่น มีสติยั้งคิด มองปัญหาในเชิงบวก แก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์/เหมาะสม เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส จะได้รับการยอมรับและศรัทธา

วิธีคิดวิเคราะห์ในรูปแบบ/ขบวนการใหม่ ๆ Blue Ocean Strategy จะช่วยให้การวิเคราะห์และตีความถูกต้อง โดยนำ Game Theory and Blue Ocean มาช่วยในการวิเคราะห์

Mind Mapping : ทำให้มีสมาธิ คิดอย่างเป็นระบบทั้งกว้างและลึก ช่วยในการวางแผน/การจำ/การนำเสนอ/การสอน/การแก้ปัญหา/การตัดสินใจ/การบริหารเวลา โดยใช้จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์เชื่อมโยงกันด้วยภาษาภาพ ลายเส้น และสี

จริยธรรมในองค์กร (White Ocean) : การพัฒนาคนให้รู้จักวิเคราะห์ปัญหาสังคมจาก Macro ไป Micro นำความรู้ที่ได้ไปเติมเต็มสังคมในส่วนที่หายไป และสร้างจิตสำนึกให้คนมีความรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยเหลือ รักษา แบ่งปัน ภายใต้คุณธรรม จริยธรรม ความถูกต้อง และระเบียบวินัย แทนการแข่งขัน กีดกัน และแย่งชิงความเป็นเจ้าของ

Creative Thinking : การนำข้อมูลจากผู้ชำนาญการ นักวิชาการ IT บทเรียน แนวคิดที่ดี แรงจูงใจ และจินตนาการ มาคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ทำให้มองภาพได้กว้างและลึก กลายเป็นความคิดเชิงสร้างสรรค์ (เชิงบวก) นำไปปรับใช้ในการทำงาน

Value Innovation : การนำ Creative Thinking และนวตกรรมใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในแบบอื่น ๆ ตามความต้องการของลูกค้า ภายใต้ชื่อที่ได้รับการยอมรับ เป็นการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าให้กับสิ่งนั้น ๆ

ความเชื่อมโยงกับการทำงาน องค์กรจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนได้ ผู้นำต้องมีศักยภาพในการบริหาร มีความรู้คู่คุณธรรมจริยธรรม และเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกด้าน ซึ่งการที่องค์กรจะมีผู้นำที่มีคุณสมบัติดังกล่าวได้ องค์กรต้องสร้างผู้นำเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ/ศรัทธาจากคนทั้งในและนอกองค์กร ด้วยการพัฒนาและส่งเสริมการทำงานแบบมีส่วนร่วม Team Work เพื่อดึงจุดแข็ง/ทักษะ/ความสามารถของแต่ละคนมาใช้ประโยชน์ จะได้เรียนรู้การบริหารอารมณ์ไปพร้อม ๆ กัน องค์กรจะได้ผู้นำที่มีศักยภาพ มีความรู้ มี Vision กล้าคิด กล้าแสดงออก เชื่อมั่นในตนเอง นำความรู้ แนวคิด บทเรียน และประสบการณ์ที่ได้จาก team work ไปคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบร่วมกับแรงจูงใจและจินตนาการเกิดเป็นความคิดแบบ Creative Thinking , Blue Ocean Strategy ,White Ocean และ Valued Innovation นำไปเป็นกรอบกำหนดนโยบายและวางแผนเชิงกลยุทธ์ขององค์กร โดยมีการบริหารเชิงคุณภาพขององค์กรหรือการบริหารภาครัฐแนวใหม่เป็นองค์ประกอบของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และแผนดังกล่าวต้องคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสำคัญ นำองค์ความรู้ทั้งหมดจัดทำในรูป Mind Mapping เชื่อมโยงกับการทำงาน จะช่วยให้การทำงานเป็นระบบ ง่ายต่อการจำ/นำเสนอ และการวางแผนการทำงาน

การนำไปปรับใช้ในการทำงาน

ความรู้ที่ได้สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงาน ด้วยการปรับแก้ที่ตัวเราเป็นอันดับแรก ต้องใฝ่หาความรู้ให้มาก ๆ ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก หรือเรียนรู้จากบทเรียน ประสบการณ์ นักวิชาการ แนวคิดที่ดี จะทำให้คิดเป็น วิเคราะห์เป็น คิดในเชิง Creative Thinking , Blue Ocean Strategy ,White Ocean และ Valued Innovation งานที่รับผิดชอบมีคุณภาพ ที่สำคัญต้องมีสติ ยั้งคิด ควบคุมตนเอง และแสดงออกอย่างเหมาะสม จะทำงานร่วมกับคนอื่นอย่างมีความสุข และได้รับการยอมรับ

----------------------------------------------------------

บทสรุปจากหลักสูตรการพัฒนาทุนความรู้

ทักษะและทัศนคติสำหรับบุคลากรสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

“มนุษย์คือทรัพย์สินที่มีค่าที่สุดขององค์กร และจำเป็นอย่างยิ่งที่มีการพัฒนาความรู้ ความสามารถอย่างต่อเนื่อง”

เป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่องค์กรจักต้องมีการพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติของบุคลากรขององค์กรให้เข้ากับยุคสมัย ในขณะที่สถานการณ์ในโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพื่อวางรากฐานในการมองหาและสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาทดแทนเพื่อรองรับกับการปรับเปลี่ยนทั้งในรูปแบบของการบริหารจัดการทั้งองค์กรและคน การปรับวัฒนธรรมให้เข้ายุคสมัยที่มีการแข่งขันสูงและทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่อย่างจำกัด รวมถึงปัจจัยแวดล้อมที่มีผลกระทบกับวิสัยทัศน์และพันธะกิจที่มีอยู่

สร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

การมองหาคนและวางรากฐานในการสร้างคนให้กับองค์กรเพื่อพัฒนาไปสู่การเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ และพร้อมเป็นผู้ชี้นำที่เปิดกว้าง มีวิสัยทัศน์ ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนนั้น ผู้นำในองค์กรต้องเปิดกว้างและยอมรับการตัดสินใจในทุกระดับที่จะปรับองค์กรให้วิ่งไปตามกระแสโลกาภิวัตน์ เราเริ่มสู่ยุคที่ข้อมูลข่าวสารมากมายเหมือนสายน้ำ ความจริงกับความเท็จปะปนกันแทบแยกไม่ออก โลกเริ่มแบนอีกครั้ง ทุกอย่างอยู่ใกล้ตัวไปหมด

ในหนึ่งหน่วยธุรกิจประกอบด้วย 2 ส่วน คือ องค์กร และบุคลากร ในแต่ละองค์กรมีการวางโครงสร้างผู้นำ เป็นชั้นๆ และวางรูปแบบการบริหารเป็นลำดับขั้น องค์กรที่ประสบความสำเร็จได้มาจากความสามารถของบุคลากรในองค์กร โดยเบื้องหลังของความสำเร็จมาจากความรู้ความสามารถของคนที่ได้รับการถ่ายทอดจากการเรียนรู้ศาสตร์ในแขนงต่างๆตามความถนัดของแต่ละคน

การสร้างนิสัยแห่งการเรียนรู้แก่งบุคลากร องค์กรต้องกล้าที่จะลงทุน ต้องมีอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความรู้ใหม่ ทักษะใหม่ ให้เขานั้นพร้อมที่รับความรู้ใหม่ไม่หยุดนิ่ง เพิ่มองค์ความรู้ให้ตนเองและนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของงาน นำไปสู่ผลสำเร็จในจุดหมายขององค์กร และเป็นรากฐานในการสร้างผู้นำพารุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต

การสร้างและบริหารทีมงานอย่างมีประสิทธิภาพ

การผลักดันให้ยุทธศาสตร์ขององค์กรประสบผลสำเร็จมาจากการร่วมมือร่วมใจของทุกคนในองค์กร ไม่มีองค์กรใดจะเดินหน้าได้ด้วยแค่วิสัยทัศน์ของผู้นำเพียงคนเดียว การนำคนไม่ใช่แค่เพียงการชี้นำ ชักนำ แต่หมายถึงการนำพาไปสู่จุดหมายโดยความร่วมมือของทุกคนในองค์ได้มีส่วนร่วมในการนำพา อย่างมีไหวพริบ มีเหตุผล และความสามัคคี

การสร้างผู้นำที่เป็นผู้นำพาต้องทำให้ผู้นั้นรู้จักการทำงานเป็นทีม รู้จักคิดและจินตนาการ รู้จักฟังคนอื่น วางตนเป็นกลาง พร้อมที่เป็นผู้ตามในบางกรณี มีทั้งความฉลาดทางความคิด ความฉลาดทางอารมณ์

ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่

องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการดำเนินภารกิจไปสู่จุดหมายนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการสร้างคนที่เก่ง แต่เก่งอย่างเดียวไม่พอต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ควบคู่กันไป ในยุคที่ผ่านมาแนวคิดส่วนใหญ่มองว่าคนเก่งประกอบด้วย : เก่งงานที่รับผิดชอบ เก่งคนเดียว ด้านเดียว ยึดมั่นในระเบียบกฎเกณฑ์ สั่งเช่นใดก็ทำเช่นนั้น ไม่กล้าตัดสินใจในกรณีที่เห็นว่าเสี่ยงเกินไปหรือเกินอำนาจ แต่ในปัจจุบันกระแสของโลกได้ปรับเปลี่ยนให้วิธีคิดหลายอย่างเปลี่ยน พฤติกรรมในการทำงานเปลี่ยน แม้แต่วิถีการดำเนินชีวิตยังต้องเปลี่ยน แนวคิดการสร้างยอดมนุษย์ที่เก่งคนเดียวหายไป เป็นการทำงานแบบรวมทีม หลากหลายมิติ มีความยืดหยุ่น มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กล้าเสี่ยงที่จะนอกกรอบอย่างมีชั้นเชิงมากขึ้น

การเรียนรู้เพื่อยอมรับเป็นการตอบสนองทางอารมณ์ หากยอมรับที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เป็นการแสดงออกว่าสามารถควบคุมหรือใช้สมองในส่วนที่เป็นการควบคุมเรื่องจินตนาการ อารมณ์ ความรู้สึก ได้เป็นอย่างดี เป็นการเริ่มต้นให้เห็นว่า พร้อมที่จะยอมรับสิ่งใหม่ให้ตัวเอง พร้อมที่จะเป็นคนที่ฉลาดทั้งความรู้ ฉลาดในการควบคุมอารมณ์ตนเองได้ ก็จะได้ชื่อว่าเริ่มต้นที่จะเป็น “ผู้นำพา” องค์กรไปสู่จุดหมายได้ในอนาคตอันใกล้นี้

สำนักข่าวกรองกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์

กลยุทธ์ ยุทธศาสตร์ ชั้นเชิง คำเหล่านี้เป็นเรื่องของการใช้กระบวนการทางสมองในการคิดวิเคราะห์ ด้วยแนวคิดหรือวิธีที่แตกต่างมากมาย หรือการใช้แนวคิดใหม่ที่ไม่เหมือนใคร เพื่อมุ่งสู่ผลสัมฤทธิ์ขององค์กรที่วางไว้

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นสอดคล้องกับคำนิยามที่กล่าวไว้ข้างต้น เป็นการทำงานที่ใช้สมองคิดอย่างเป็นระบบ มีแผน มีทิศทาง เพราะ การวางแผนกลยุทธ์จะช่วยให้สามารรถกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรให้ชัดเจน โดยเน้นในส่วนที่สำคัญให้ชัดเจน เข้าใจและรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนตลอดเวลา เป็นการกำหนดทิศทางที่สอดคล้องกับการมีอยู่ของทรัพยากรขององค์กรอย่างสอดคล้อง เป็นเครื่องมือวัดขีดความสามารถขององค์กร เพื่อให้องค์กรและบุคลากรปรับปรุงและพัฒนาให้องค์กร และตนเองให้ทันสมัย นำพาองค์กรไปสู่การแข่งขันได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง

Mindmaping สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ

เป็นการฝึกและปลูกฝังใช้เทคนิคเพื่อดึงความสามารถของสมองในแต่ละฝั่งออกมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ฝึกการใช้จินตนาการและสั่งการอย่างเป็นระบบ โดยผ่านแบบทดสอบต่างๆ เช่น ฝึกความจำโดยผ่านการใช้ภาพแทนการจำตัวเลข ฝึกการวางแผนการต่างๆ ด้วยการใช้ภาพและสีแทนการเขียนเป็นบรรทัด ซึ่งเป็นเทคนิคที่น่าสนใจ สามารถนำมาประยุกต์ในการฝึกของหน่วยงานได้

ทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร

เป็นแนวคิดในการบริหารจัดการองค์กรให้มีส่วนในการรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยเหลือสังคม คงไว้ในแนวคิดหวงแหนซึ่งความเป็นคน สังคมโดยรวม โลกที่เราอาศัยอยู่ มองถึงผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เชื่อมั่นในศรัทธาที่บุลากรมีต่อองค์กร และพร้อมจะขับเคลื่อนไปด้วยพลังแห่งความรักในอาชีพและองค์กรเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคที่มาขวางกั้นไปพร้อมกัน

การที่จะเป็นองค์กรมืออาชีพด้านการข่าวควรที่จะอาศัยความร่วมมือในลักษณะเครือข่ายด้านการข่าวไม่ว่าจะเป็นภาคประชาชนหรือภาคราชการ เพื่อมุ่งไปสู่การทำประโยชน์ด้านความมั่นคงให้แก่ประเทศและประชาชน และมุ่งสู่การคิดอย่างสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ เป็นผู้นำด้านการข่าวที่พ้นจากกฎเกณฑ์ที่ล้าสมัยสร้างบรรทัดฐานใหม่ในวงการข่าวกรองของประเทศ

Creative Thinking และ Innovation กับการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้เห็นถึงวิถีสมัยใหม่ที่ทุกอย่างจำเป็นต่อการทำงาน เราไม่สามารถปฏิเสธกระแสโลกาภิวัตน์ได้ในทุกวงการ ทำให้มองเห็นได้ชัดว่าทุกอย่างจะสอดคล้องต่อเนื่อง การสร้างคน ผู้นำพา องค์กรยุคใหม่ วัฒนธรรมใหม่ วิธีคิดใหม่ พร้อมกับนวัตกรรมใหม่ ล้วนมาจากการใช้Creative Thinking และ Creative Innovation

หากเราจะสังเกตสิ่งรอบตัวเรา สิ่งต่างๆเกิดขึ้นด้วยการจินตนาการของมนุษย์ หลายครั้งเราอาจเห็นจากภาพยนต์ต่อมาเราเห็นว่ากลายเป็นของจริงออกมาให้เราเห็น ทั้งที่จริงสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นแล้วเพียงแต่เป็นแนวคิดทางวิทศาสตร์หรือเครื่องมือทางการทหารที่เป็นความลับ เหมือนที่ไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่า “จินตนาการมันกว้างไกลกว่าความรู้ที่มีอยู่อย่างจำกัด”

การจะปรับสิ่งได้รับรู้มาใช้กับองค์กรคงต้องใช้จินตนาการเข้าช่วยเช่นกัน แต่มีแนวคิดหนึ่งทีน่าสนใจ เรื่ององค์กรสมัยใหม่ ที่วางโครงสร้างต่างๆไว้ ดังนี้

1. ต้องเป็นองค์กรมี่ยืดหยุ่นปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงของโลกและภัยคุกคาม

2. ใช้เทคโนโลยีด้าน IT อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ

3. บริหารจัดการองค์กร คน และเป้าหมายอย่างมีกลยุทธ์

4. มีทีมงานที่มีความรู้ และคุณภาพ

5. คิดอย่างสร้างสรรค์และมีคุณภาพ

6. มีองค์ความรู้ในการบริหารองค์กร คน และเป้าหมาย

7. มีเครือข่ายที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน

8. มีนวัตกรรมใหม่มาใช้ในการทำงาน เช่น ความรู้ใหม่ วิธีคิดใหม่ แผนการทำงานใหม่ๆ

การไม่หยุดที่จะคิดจะทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆตามมาคือ ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น เกิดวิธีการใหม่ๆในการแก้ไขปัญหาเรื่องงาน ทำให้เกิดเครือข่ายใหม่ๆเพื่อมาช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงาน ขอเพียงอย่าหยุดคิด และอย่ากลัวที่จะคิดและแสดงความคิดเห็นให้คนอื่นรู้ เราสามารถที่จะเป็นคนรุ่นใหม่ แนวคิดใหม่เป็นที่คาดหวังขององค์กรได้ว่า จะสามารถนำพาองค์กรและบุคลากรไปสู่การเป็นองค์กรในฝัน และเป็น ผู้นำพา องค์กรไปสู่จุดสูงสุดคือ การเป็นองค์กรข่าวกรองที่ทันสมัย พึ่งได้ และเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในหมู่ประชาคมข่าวกรองของประเทศ

........................................................................

ปัจจุบันกระแสความจงรักภักดีเริ่มมีมากขึ้นทั้งการแสดงออกให้เห็นและไม่แสดงออกแต่ก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือความเทิดทูล จงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ โครงการ 1 เหรียญ 1 คำอธิฐาน เพื่อนายหลวง เป็นโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อเสนอแบรนด์เข้าสู่สังคมที่กำลังเกิดวิกฤติความจงรักภักดี จากกระแสข่าวลือ ข่าวปล่อย และข่าวปกปิดแต่ผู้อยู่วงในนำมาเปิดเผย จนเกิดปัญหาความเข้าใจผิด และบางกลุ่มนำไปแสวงประโยชน์อย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะสภาพการณ์เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตามถ้าไม่สร้าง(ปลูกฝัง)กระแสความจงรักภักดีนับวันความรู้สึกนี้เริ่มถูกลดความสำคัญเพราะไม่รอให้เกิดคำว่า "สนิมเกิดแต่เนื้อในตน" (ปล่อยให้เสื่อมไปเอง) ซึ่งบางกลุ่มไม่เชื่อว่าจะเสื่อมไปเอง

บทสรุปของหลักสูตร Talented Capital Development Program

ตั้งแต่วันแรกของการเปิดหลักสูตร Talented Capital Development Program ดิฉันรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรนี้ เพราะได้เห็นว่าผู้นำสูงสุดขององค์กรให้ความสำคัญกับการพัฒนาทุนมนุษย์ พัฒนาคนในองค์กร ต้องการ Change Agent เพื่อจะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ขององค์กร โดยมี ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นผู้ดูแลหลักสูตรการอบรมรวม 12 วัน ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายพอสรุปได้ดังนี้

1. ได้เรียนรู้ทฤษฎีต่าง ๆ ที่ผู้นำจะต้องปรับเปลี่ยน เช่น ทฤษฎี 4’Ls 2’Rs

5’Es เป็นต้น รวมทั้งได้รู้ว่าผู้นำมีความสำคัญอย่างไร การจะพัฒนาผู้นำต้องพัฒนาอะไรบ้างจาก ทฤษฎี 3 วงกลม คือ Context Competencies และ Motivation ได้เห็นความแตกต่างระหว่างการพัฒนาผู้นำแบบเก่า กับการพัฒนาผู้นำแบบใหม่ รวมทั้งการศึกษาหาจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองเพื่อนำมาพัฒนาหรือปรับปรุงแก้ไข

2. การสร้างและบริหารทีมงานเพื่อประสิทธิภาพ โดยอาจารย์ตรีดาว อภัยวงศ์และทีมงาน ได้เรียนรู้เรื่องการทำงานเป็นทีม การรู้จักแก้ปัญหา รู้จักถอย รู้จักการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ไว้ใจกัน รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เอาใจเขามาใส่ใจเรา พวกเราทั้งเหนื่อยและสนุกสนาน

3. เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารสัมพันธภาพลูกค้าและความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่กับ ผศ.ธีระศักดิ์ กำบรรณารักษ์ ทำให้ได้รู้หลัก Empathy และ I care การมี Service mind และพรหมวิหาร 4 ในการทำงานอย่างมีความสุข รู้จักวิธีการทำงานแบบใหม่ คิดแบบใหม่ ในยุคที่โลกเปลี่ยน ต้องปรับวิธีการคิดจากการคิดเฉพาะงานในหน้าที่เป็นการคิดเชิงธุรกิจ จากเก่งคนเดียวเป็น เก่งทั้งทีม เก่งด้านเดียว เก่งรอบด้าน เป็นต้น การทำงานยุคใหม่ต้องเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งการดำเนินชีวิต รวมถึง 6Qs ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของชีวิต คือ IQ EQ AQ MQ HQ และ SQ ได้ทำแบบทดสอบทางอารมณ์ ของตัวเอง รวมถึงการประเมินทัศนะชีวิตของตนเอง ทำให้ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น

4. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Blue Ocean Strategy และการทำงานในสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลง ซึ่ง รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ได้ให้ความรู้ มุมมองวิธีการคิดวิเคราะห์ รู้จัดทฤษฎีเกมต่าง ๆ ที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลให้ดีว่าข้อมูลใดเป็นข้อเท็จจริง โดยต้องมีการพัฒนาวิธีการทำงานให้ทันการเปลี่ยนแปลงโดยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ให้เกิดประโยชน์

5. ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสำนักข่าวกรองแห่งชาติกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ กับ ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ ทำให้ได้เห็นว่าองค์กรมีเป้าหมายอย่างไรและจะกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กร ขององค์กรอย่างไรเพื่อให้บรรลุตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ และบริหารงานเชิงคุณภาพสำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โดยคุณไวฑูรย์ โภคาชัยพัฒน์ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการองค์กรเพื่อพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ

6. การเรียนรู้ Mind Mapping โดยอาจารย์ดำเกิง ไรวา ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของสมองซีกซ้ายและซีกขวา การรู้จักใช้ประโยชน์จากสมองให้เต็มที่ ฝึกการคิดและจินตนาการอย่างเป็นระบบ

7. แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร โดยคุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย ได้รู้จักกลยุทธ์น่านน้ำสีขาว (White Ocean Strategy) การคิดเชิงบวกทำงานบนพื้นฐานของคุณธรรม จริยธรรม รับผิดชอบต่อส่วนรวม

8. Creative Thinking กับการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โดย อาจารย์ณรงค์ศักดิ์ ผ้าเจริญ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีตรงตามความต้องการของลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่มีอยู่เกิดประโยชน์สูงสุด เข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ต้องพัฒนาบุคลากรในองค์ให้มีความรู้รอบด้านทันต่อการเปลี่ยนแปลง

ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย ได้รู้ว่าผู้นำคืออะไร ได้รู้จักตัวเอง ว่ามีจุดอ่อน จุดแข็งอย่างไร และจะพัฒนาอย่างไรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การเป็นผู้นำที่ดีเพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งที่ได้จากการอบรมในครั้งนี้ทำให้ได้รู้ว่าองค์กรเห็นความสำคัญของการพัฒนาบุคลากร ผู้นำต้องมีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ต้องไม่หยุดอยู่กับที่ เทคโนโลยีต่าง ๆ พัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะฉะนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองให้ทันเทคโนโลยี รู้จักการทำงานเป็นทีม คิดเชิงบวกเพื่อให้ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข คิดนอกกรอบบ้าง มีความคิดสร้างสรรค์อยู่ตลอดเวลาภายใต้หลักคุณธรรม จริยธรรม เพื่อปรับปรุงพัฒนางานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มีทั้ง IQ และ EQ มีความรู้รอบด้าน ซึ่งเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการเป็นผู้นำ มีการวางแผนการทำงาน รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น มีความยุติธรรม และกล้าตัดสินใจในสิ่งที่ถูกต้อง

******************************************

แนวคิดที่ได้จากอบรม

“องค์กรที่ประสบความสำเร็จเรื่องของ “คน” คือ องค์กรที่ผู้นำมีวิสัยทัศน์กว้างไกล สามารถสื่อสาร ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ให้แก่ผู้ร่วมงานได้สำเร็จ และเป็นต้นแบบ ทั้งการเป็น “ คนเก่ง” และ “คนดี”

การที่องค์กรใดสามารถนำพาองค์กรไปสู่จุดหมายที่เป็นความสำเร็จขององค์กร ทั้งผู้บริหาร และ สมาชิกในองค์กรต้องให้ความสำคัญกับ “บุคลากร” หรือ “คน” ขององค์กรบนพื้นฐานแนวคิด “การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ขององค์กร ไม่ใช่ต้นทุน (Cost) แต่คนเป็นทรัพยากรสำคัญสูงสุดที่ต้องเอาใจใส่ดูแล” ต้องคะนึงอยู่เสมอว่า องค์กรที่ประสบความสำเร็จ ต้อง.......

1) คนที่จะนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จต้อง “ทั้งเก่ง และ ดี”

2) คนทุกคนเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากกว่าทรัพยากรอื่นใดในองค์กร

3) คนไม่ได้ต้องการผลตอบแทนที่เป็นเงินทองอย่างเดียว แต่ยังต้องการผลตอบแทนทางใจด้วย

4) การทำงานเป็นทีม บนพื้นฐานแนวคิด “สองหัวดีกว่าหัวเดียว”

ดังนั้น องค์กรทุกองค์กร ถ้าผู้นำให้ความสำคัญกับคนไปพร้อม ๆ กับความมุ่งหวังผลกำไร/ผลตอบแทน และ พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง (ถึงแม้เป็นเรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่ทำไม่ได้) องค์กรต้องมุ่งมั่น ถึงแม้ปัจจัยที่จะไปสู่ความสำเร็จมีความซับซ้อนก็ตาม

"การพัฒนาศักยภาพของคน” นับว่ามีส่วนสำคัญ โดยผู้บริหารองค์กรต้องมีความเชื่อมั่นในคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ที่มี “คุณธรรม” และ “จริยธรรม” เป็นตัวควบคุม ทั้งผู้นำ และสมาชิกในองค์กรเอง รวมทั้ง การนำ “EQ” ไปปรับใช้ในการทำงาน/การบริหารงาน บนพื้นฐานของ “ความจงรักภักดี” (Loyaity) และ “แรงจูงใจ” (motivation) ที่องค์กรต้องสร้างขึ้น เพื่อเป็นตัวช่วยผลักดันให้องค์กรขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าสู่จุดหมายปลายทางที่พึงประสงค์

การนำแนวคิดที่ได้ไปปรับใช้ในองค์กรของ “สขช.”

ดังนั้น หากผู้นำ สขช.มีความเชื่อมั่น ในแนวคิดเรื่อง “คน” โดยให้ความสำคัญว่า “ การพัฒนาบุคลากรเป็นการลงทุน (Investment) ขององค์กร ไม่ใช่ต้นทุน (Cost) และ คนเป็นทรัพยากรสำคัญสูงสุดที่ต้องเอาใจใส่ดูแล” ไม่ใช่มองเพียง “คนเก่ง” เพราะ “คนเก่ง” หากมีปัญหาการทำงานเป็นทีม ย่อมไม่เกิดประโยชน์ เมื่อปราศจากการเป็น “คนดี” ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับ “คุณธรรม และ จริยธรรม” และ การใช้ผลักดันให้สมาชิกในองค์ใช้ “EQ” ไปปรับใช้ เพื่อทำให้สมาชิกในองค์กรสามารถทำงานอย่าง “มีความสุข” อันจะนำไปสู่การสร้าง “ความจงรักภักดี” และ “แรงจูงใจ" ของสมาชิกในองค์กร ให้ร่วมกันเป็นพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร

การเป็นผู้นำ สขช.ยุคใหม่ต้องนำพา สขช.สู่จุดหมายปลายทางอย่างมั่นคง และ ถูกทิศทาง ต้อง “กล้า” ที่จะเปลี่ยนแปลงและรับสิ่งใหม่ที่ต่างจากแบบเดิมๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นและนำพาองค์กรรุกไปข้างหน้าอย่างมีทิศทาง โดยแรงผลักดันของผู้นำการเปลี่ยนแปลง ต้องเชื่อมั่นในศักยภาพของผู้ตาม รู้งาน รู้คน แล้วใช้ศักยภาพของคนอย่างเต็มที่ ผู้นำยุคใหม่ของ สขช.ต้องเปิดกว้างรับฟัง รู้จักการประนีประนอมบนพื้นฐานความถูกต้อง รู้จังหวะเวลารุก ถอย นอกจากนี้ที่สำคัญ คือ ผู้นำ สขช.ยุคใหม่ ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี สร้างความ เชื่อมั่น ศรัทธา (Trust) เพื่อนำสมาชิกในองค์กรก้าวไปด้วยกัน (Team) อย่างมีจุดหมาย เพื่อความสำเร็จในวันพรุ่งนี้ (Tomorrow) ตามแนวคิดของ ผขช.คนปัจจุบัน ที่มีความมุ่งมั่นต่อการใช้ศักยภาพของคน ให้เกิดคุณค่าทั้งต่อตนเอง และองค์กร อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องอยุ่บนพื้นฐานของความร่วมมือร่วมใจของสมาชิกในองค์กรที่พร้อมจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นด้วย

------------------------------------------

นายสุวิมล มานะการ

กรณีคุณทักษิณ ผมเห็นว่าไม่จำเป็นและไม่เห็นจะต้องมี ทั้งวิธีที่ 1 และ 2หรือ 3 อัตตาของใครของมัน แนวคิดของคุณทักษิณ ยังเปลี่ยนไม่ได้ในช่วงนี้หรือคุณวุฒิขณะนี้ เพราะเป็นวัยที่ต้องดูแลความมั่นคงของตนเองแต่เกิดความผิดหวังย่อมทำใจไม่ได้ และก็ยังไม่มีประสบการณ์จากความสูญเสียที่ควบคุมไม่ได้ เกมส์นี้ไม่ได้เล่นกันกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ถายใต้กฎหมายเดียวกัน แต่เป็นการเล่นกันในเกมส์ที่คู่ต่อสู้อยู่เหนือกว่า และยังไม่มีกฎเกณฑ์ใดใช้ได้ ณ เวลานี้ และปัจจุบันยังไม่สามารถวิเคราะห์เกมส์นี้ได้ เพราะขาดแนวคิดที่ยอมรับได้มาเชื่อมโยง สำหรับความพยายามของคุณชวลิต เป็นการพยายามใช้จังหวะช่วงที่คิดว่า สามารถควบคุมได้ รู้ดี รู้ลึก เข้าถึง แต่ก็เป็นเช่นเดียวกันสิ่งที่คุณชวลิต รู้ลึก เข้าถึง ปัจจุบันนำมาอ้างไม่ได้เพราะยังไม่มีใครยอมรับ เรายังไม่สามารถก้าวข้ามบางสิ่งบางอย่างที่เราเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรนำมาพูด ในขณะเดียวกันเรายอมปล่อยให้เป็นอยู่ต่อไปทั้งที่รู้ว่ามันเริ่มเสื่อม

สรุปการฝึกอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program

ผขช.ให้แนวคิดในการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคล ให้ยึดหลัก 3T เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศ (Trust – ความไว้วางใจและความเชื่อมั่น Teamwork – การทำงานเป็นทีมเป็นเครือข่าย และ Tomorrow – ทำเพื่ออนาคต มีจุดมุ่งหมาย และมีเป้าหมาย) ขณะเดียวกัน ก็ต้องปรับเปลี่ยนกรอบความคิดตนเองให้เข้า

กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

จากการฝึกอบรมหลักสูตร การพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ ทำให้ได้รับความรู้ ทักษะ และทัศนคติมากมาย เพื่อนำมาปรับใช้กับการทำงาน สาระสำคัญพอจะสรุปได้ดังนี้

1. ทฤษฎีการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร ต้องได้รับการพัฒนาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

- เรียนรู้ทฤษฎี 4 L’s (มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ สร้างโอกาสในการเรียนรู้ สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้) และเพื่อวิเคราะห์ปัญหาจากทฤษฎี 2 R’s (มองความจริง ตรงประเด็น)

- การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตามทฤษฎีทุนพื้นฐาน 8 K’s (ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา ทุนทางจริยธรรม ทุนแห่งความสุข ทุนทางสังคม ทุนแห่งความยั่งยืน ทุนทาง IT ทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ) และทฤษฎีทุนใหม่ 5 K’s (ทุนแห่งการสร้างสรรค์ ทุนทางความรู้ ทุนทางนวัตกรรม ทุนทางอารมณ์ ทุนทางวัฒนธรรม)

2. การวางแผนเชิงกลยุทธ์

- เป็นการวางแผนในอนาคต คิดเป็นระบบ มองภาพใหญ่ ต้องมีการทำ SWOT (วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ กลยุทธ์ แผนปฏิบัติ) มีวางแผนทั้งระยะยาว กลาง และสั้น (วิสัยทัศน์ และพันธกิจ ต้องทำควบคู่กัน)

- กระบวนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ ต้องมีข้อมูล ความรู้ วิเคราะห์สภาพแวดล้อม

(Swost Analysis) ภายใน (จุดแข็ง-จุดอ่อน) และภายนอก (โอกาส อุปสรรค/ภัยคุกคาม)

และมีเป้าหมายที่ชัดเจน

3. การบริหารเชิงคุณภาพ

- แนวทางการบริหารเชิงคุณภาพสำหรับหน่วยงานภาครัฐ คือ การบริหารตามแนวทางของ PMQA และการบริหารภาครัฐแนวใหม่ (New Public Management – NPM)

- การบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) คือ การนำองค์อย่างมีวิสัยทัศน์ การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการ การวัดการวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล การจัดกระบวนการ และผลลัพธ์การดำเนินการ

4. สขช.ในยุคที่โลกเปลี่ยน ปัจจุบันมีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากเกินไป คนที่มีข้อมูลมากจะได้เปรียบคนไม่มีข้อมูลหรือมีข้อมูลน้อย ดังนั้น ต้องรู้จักนำข้อมูลที่ได้รับมากลั่นกรองใช้เฉพาะข้อมูลที่สำคัญและที่จะใช้ประโยชน์มาวิเคราะห์หาข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอต่อผู้ใช้ให้ถูกต้อง ตรงประเด็น และทันเวลาตามที่ผู้ใช้ต้องการ

5. ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่

- การทำงานยุคใหม่ต้องเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งการดำเนินชีวิต

- 6Qs ที่นำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของชีวิต คือ IQ - ความเก่ง EQ - อารมณ์ AQ - เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส MQ - คุณธรรมจริยธรรม HQ - สุขภาพ และ SQ - จิตวิญญาณ

- โดยเน้นที่ EQ คือ การรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น การบริหารอารมณ์ตนเองและผู้อื่น สามารถจูงใจตนเองและผู้อื่นได้ มีความเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ตลอดจน

การสร้างมิตรกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

6. Blue Ocean Strategy คือ คิดถึงสินค้าตัวใหม่ วิธีการใหม่ นวัตกรรมใหม่ เพื่อนำเสนอลูกค้า

- สภาพแวดล้อมเปลี่ยน เข้าสู่โลกแบน เกิดสงครามข้อมูลข่าวสาร ข้อมูลมีทั้งข้อมูลจริงและข้อมูลลวง ต้องแยกแยะส่วนของข้อเท็จจริงกับส่วนที่เห็น รู้มุมมองของเขาและของเรา ข้อเท็จจริงเขาคิดอย่างไร (ทัศนคติ) การวิเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญของ สขช.

- ระบบคิด ต้องกว้างและลึก ภาษาดี มีการวางแผน สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง ตรงประเด็น ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ (นรม.) และต้องมีเครื่องมือที่ทันสมัย (IT)

7. Creative Thinking และ Value Innovation คือ การที่จะทำให้ข่าวของ สขช.มีคุณค่า ถูกต้อง น่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับของผู้ใช้ข่าว (นรม.) ต้องมีการวางยุทธศาสตร์ข่าวสารอย่างเป็นกระบวนการ มีแนวคิดและวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ คิดริเริ่มสร้างสรรค์ และคิดนอกกรอบ ขณะเดียวกัน ก็สร้างเครือข่ายระบบข้อมูลข่าวสาร (IT) และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

8. Mind Mapping คือ การจัดระบบความคิดอย่างเป็นระบบ มีจินตนาการ เชื่อมโยง ต้องคิดกว้างและคิดลึก โดยใช้แผนผัง เส้น รูปภาพ สีสัน เป็นสัญลักษณ์ในการสื่อสารข้อมูล (สั้น กะทัดรัด ตรงประเด็น กระชับ คนจำได้) ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวม ช่วยความจำ ความคิดที่ซับซ้อน ความสัมพันธ์ และวิเคราะห์ปัญหา เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข # จินตนาการมีค่ายิ่งกว่าความรู้ #

9. การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า ลูกค้า (ผู้ใช้ข่าว ผู้ให้ข่าว) คือ ผู้ที่จะเป็นตัวเชื่อมเราไปหาแหล่งทรัพยากร (ข่าว) อื่น ๆ อีกมากมายที่องค์กรต้องการ เพราะฉนั้น ในช่วงที่ติดต่อประสานสัมพันธ์กับลูกค้า ต้องทำให้ลูกค้าจดจำและเกิดความประทับใจอย่างดีเยี่ยม ด้วยหลัก Empathy และ I CARE

10. การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ คือ การทำงานเป็นทีม ทุกคนในองค์กรต้องมีส่วนร่วมในการแสดงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ใช้ความคิด จินตนาการ ไหวพริบ วางแผน และแนวทางการแก้ปัญหา ให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในตัวผู้นำ จึงจะทำให้การปฏิบัติงานประสบความสำเร็จไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

11. การพัฒนาทุนทางจริยธรรม คือ การปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจึงจะสามารถอยู่รอดได้ (คนคิดแต่จะเปลี่ยนแปลงโลก แต่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง) มองการไกล ต้องรู้ลึกรู้จริงมีความรู้เหนือเทคโนโลยี # ต้องอยู่ด้วยความรู้สึกตัวแต่อย่าอยู่กับความเคยชิน #

12. ทำให้ทราบคุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์ ต้องประกอบด้วย การคิดวิเคราะห์ ต้องรู้จักสร้างเครือข่ายให้กว้าง สร้างความสัมพันธ์ ภาษาต่างประเทศ รู้เขารู้เรา ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มองอนาคตให้ได้ บริหารคนเป็นทั้งในและนอก กล้าตัดสินใจ และต้องปล่อยวางและบริหารแรงกดดัน

สรุป จากการฝึกอบรมทำให้เรียนรู้ถึงคนที่จะเป็นผู้นำที่ดีต้องมีคุณลักษณะอย่างไร ที่จะนำองค์กรไปสู่เป้าหมายที่วางไว้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในภาวะที่โลกเปลี่ยนแปลง การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รู้จักการวางแผนในอนาคต (การวางแผนเชิงกลยุทธ์และการบริหารเชิงคุณภาพ) รู้ทักษะ (ระบบความคิด) ใหม่ๆ ที่นำมาปรับใช้กับการทำงาน รู้จักการทำงานเป็นทีม และการมีคุณธรรมและจริยธรรม ขณะเดียวกัน ตัวเองก็จะต้องใฝ่หาความรู้อยู่ตลอดเวลาเพื่อให้ทันกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอยู่ตลอดเวลา

####################

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

กรณีสรุปบทเรียนห้วง 5-13 พ.ย.52

หลังจากได้ Challenge ทางวิชาการแล้วในช่วงแรกของหลักสูตร Talented Capital Development Program สามารถสรุปองค์ความรู้ที่ได้ดังนี้

Input

- Learning Methodology

- Learning from Listening

- 8K’s Theory

- Diversity Thinking

- Sharing Knowledge

- Explicit Knowledge

- Tacit Knowledge

- Facility helping

- Blue & white Ocean

- Strategy Management Process

- New Public Management

- Mind Mapping

- Creative & Innovation Thinking

Processing

- Opened mind

- Change mindset

- Participatory Approach

- Field study

- listening from Experts

- note taking

- assignments

- self study

- IT system

- Teamwork

- increase knowledge & know-how

- listen Human Talk Radio

Output

- Change Agent for change management activity

- Positive thinking workers

- High performance Knowledge workers

Outcome

- NIA-Talented- 2009 Teamwork

- good relationship with their colleagues

- good students of Chiraacademy

บทสรุปให้รอติดตามตอนต่อไปในวันที่ 27 พ.ย.52

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

กรณี Shimon peres กับ 4 นักการเมืองอาวุโสของไทย

สรุปได้ว่าอดีตนักการเมืองอาวุโสอย่างเช่นนาย Shimon peres อดีต ปธน.อิสราเอล แม้ว่าจะมีอายุถึง 85 ปีแล้วก็ตาม แต่ประชาชนอิสราเอลก็ยังฝากความหวังให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาของประเทศ เนื่องจากบุคคลดังกล่าวมีคุณลักษณะเด่น 5 อย่าง ประกอบด้วย ความซื่อสัตย์ (Honesty) ทำอะไรลึกซึ้ง (Depth) มีวิสัยทัศน์ (Vision) มีความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity) และนวัตกรรม (Innovation)

ในขณะเดียวกันหากนักการเมืองอาวุโสของไทย 4 ท่าน ประกอบด้วย พล.อ.ชวลิต,คุณบรรหาร,คุณเสนาะ และ พล.ต.สนั่น น่าจะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้อีกมาก เมื่อเทียบเคียงอายุกับนาย Shimon peres แล้ว เพียงแต่ทุกคนต้องยอมปรับแนวคิดและแนวทางการทำงาน “3 ทัน” ทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ เชื่อว่าศักยภาพของท่านๆ เหล่านี้ ก็น่าจะช่วยบ้านช่วยเมืองได้เช่นกัน

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

กรณี Mrs.Merkel กับนักการเมืองหญิงไทย

สรุปได้ว่าผู้นำสตรีเยอรมนี คือนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก Mrs.Merkel เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายในแล้วค่อนข้างมีความเป็นตัวของตัวเองสูงและผู้คนส่วนใหญ่วิเคราะห์ไม่ออก รวมทั้งหาข้อยุติไม่ได้ว่ามีความสามารถเพราะอะไร แต่ที่แน่ๆ ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนเยอรมนีค่อนข้างมาก ตลอดจนคาดว่าน่าจะยังได้รับความไว้วางใจให้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกสมัย

เมื่อหันกลับมามองนักการเมืองหญิงของไทย สามารถจำแนกออกเป็น 2 ลักษณะ คือ สไตล์ไทยๆ ประกอบด้วยคุณหญิงสุดารัตน์ คุณปวีณา และคุณพรทิวา กับสไตล์ Merkel ประกอบด้วยคุณหญิงกัลยา ดร.จุรี และ ดร.ผุสดี จะเหมือนหรือจะแตกต่าง ไม่ขอร่วมแสดงความเห็น โดยขอย้ำว่าการเดินทางเข้าสู่วงการเมืองไทย โดยนำสไตล์ของนายกรัฐมนตรีเยอรมนีมาใช้น่าจะเป็นผลดีต่อการพัฒนา แต่ไม่มั่นใจว่าจะสามารถทลายกรอบคิด (Mindset) ของการเมืองแบบไทยๆ ได้หรือไม่ ???

ผมหวังว่านักการเมืองไทยในอนาคต คงจะเป็นนักการเมืองที่ดีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังเช่น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขตบางแค ซึ่งเป็นเพื่อนนักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 5 ของผม ที่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลา 20 ปี แต่เมื่อเจอกันที่หาดใหญ่ ก็ยังคงมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน และต่างให้คำมั่นสัญญากันว่าเราจะเป็นข้ารับใช้แผ่นดินและผู้ที่มีความจงรักษ์ภักดีต่อพระมหากษัตริย์ตลอดไป

ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมหลักสูตร “พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ “

ตั้งแต่วันที่ 5- 13 พ.ย.52 สรุปสาระสำคัญ ได้ดังนี้

1. ทรัพยากรที่มีค่าและสำคัญที่สุดขององค์กร คือ คน (HR : Human Resources) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญขององค์กร ดังนั้น ผู้บริหารในองค์กรต้องให้ความเชื่อมั่นและให้ความสำคัญกับบุคลากรให้มาก โดยสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรให้มีทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่ดีกับองค์กร เพื่อช่วยกันเป็นพลังขับเคลื่อนองค์กรให้ดำเนินไปสู่ความเป็นเลิศ

2. การทำงานเป็นทีม ต้องอาศัยความร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในองค์กร ช่วยกันคิด วิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ฟังเหตุผลของเพื่อนร่วมงาน มาประกอบการตัดสินใจ เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน ก่อนที่จะตัดสินใจลงมือทำ เพื่อจะนำไปสู่ความสำเร็จต่อไป

3. การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า (CRM : Customer Relationship Management) ต้องยึดหลัก Empathy (เอาใจเขามาใส่ใจเรา) และ I Care รู้ความต้องการของลูกค้า ต้องมี Service Mindset และรู้จักค่านิยมหลักการองค์กร CRM

4. ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่ ต้องเก่งทั้ง 4 ด้าน : เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งดำเนินชีวิต 6Qs ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของชีวิต คือ IQ : ความเก่ง, EQ : ความสุข , AQ : ความสำเร็จ, MQ : ความดี,

HQ : ความแข็งแรง , SQ : อัจฉริยภาพสูงสุด

5. สขช.ในยุคโลกเปลี่ยนแปลง เกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเกิดเทคโนโลยีใหม่ การเกิดนวัตกรรมและธุรกิจใหม่ ๆ มีประเทศมหาอำนาจมากขึ้น สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงเกิดภาวะโลกร้อน ดังนั้น สขช. 1) จะต้องมีการวิเคราะห์หรือกลั่นกรองข้อมูลที่ได้มา จัดลำดับความสำคัญของข้อมูลก่อนที่จะนำมาวิเคราะห์ 2) ต้องคิดสิ่งใหม่ ๆ และกระบวนการใหม่ ๆ

3) จะต้องรู้จักแยกแยะระหว่างความเป็นจริงกับความเข้าใจหรือการรับรู้ของคน 4) นำทฤษฎีเกมส์มาใช้ทำให้เห็นอนาคตจากข้อมูลที่มีอยู่

6. Blue Ocean Strategy กับการทำงานของ สขช. เป็นการคิดอะไรใหม่ ๆ ที่ไม่เคยมีการทำมาก่อน มีนวัตกรรมใหม่ ๆ และการทำให้ได้โอกาสใหม่ ๆ ในการขาย เมื่อเปรียบกับ สขช. ควรใช้ Blue Ocean Strategy ปรับปรุงคุณภาพการทำงานให้ดีขึ้น ไม่ใช่ทำแบบเดิม ๆ แต่ต้องรู้สภาพแวดล้อมด้วย

7. การวางแผนกลยุทธ์ คือการวางแผนเพื่อความอยู่รอดขององค์กรในอนาคต ซึ่งเป็นการกำหนดวิสัยทัศน์ หรือทิศทางขององค์กรได้ชัดเจน ทำให้เห็นข้อมูลที่มีความสำคัญได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าใจ และรู้ทันสภาพแวดล้อม และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยอาศัยองค์ประกอบ คือ วิสัยทัศน์, พันธกิจ, วัตถุประสงค์, กลยุทธ์ และแผนการปฏิบัติการขององค์กร

8. การบริหารงานเชิงคุณภาพ เป็นการดำเนินการตามแนวทางของการบริหารภาครัฐ (PMQA) มีลักษณะสำคัญ คือ

1) การนำองค์กร 2) การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ 3) การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

4) การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้ 5) การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล 6) การจัดกระบวนการ 7) ผลลัพธ์การดำเนินการ

9. การใช้ Mind Mapping เป็นการจัดความคิดให้เป็นระบบ โดยใช้ภาพสัญลักษณ์ในการจินตนาการและเชื่อมโยง

เข้าด้วยกัน มีประโยชน์ในการ ใช้วางแผน, การสื่อสาร, การตั้งเป้าหมาย, การบริหารเวลา, ใช้ในการแก้ปัญหา, การตัดสินใจ,

ใช้ในการจำ

10. การพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร โดยใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว (White Ocean Strategy) เป็นการบริหารจัดการองค์กรโดยสร้างจิตสำนึกที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (ISR : Individual Social Responsibility) มองผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก การมีคุณธรรม จริยธรรม เป็นสิ่งสำคัญในสร้างวัฒนธรรมที่ดีไปสู่ความสำเร็จ

11. Creative Thinking เป็นการนำความคิด แรงจูงใจ และจินตนาการมาคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบในเชิงสร้างสรรค์ ทำให้มองเห็นภาพได้กว้างขึ้น สามารถนำปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ภายในองค์กร ส่วน Value Innovation เป็นการนำ Creative Thinking และนวัตกรรมใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาองค์กรให้มีความทันสมัย ไม่ล้าหลัง เพื่อให้ทันกับสังคมและโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงในอนาคต

สำนักข่าวกรองแห่งชาติกำลังสร้างผู้นำรุ่นใหม่ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงขององค์กรและประเทศที่กำลังจะเกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสำคัญ ทุกคนในองค์กรจะต้องเปลี่ยนความคิด และยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ต้องหลุดออกจากความเคยชินที่ทำอยู่ เปิดโลกทัศน์ของตนเองให้กว้าง เป็นการพัฒนาต้นทุนมนุษย์ ซึ่งเป็นทุนที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาองค์กรให้ไปสู่ความเป็นเลิศ ดังนั้น ทุกคนจะต้องเห็นความสำคัญของการเรียนรู้ ใฝ่รู้ ตื่นตัว มีวัฒนธรรมในการเรียนรู้ พัฒนาตนเอง และนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาสร้างโอกาสต่าง ๆ และมูลค่าเพิ่มแก่องค์กร มาประยุกต์ใช้กับการทำงานของ สขช.ให้เกิดประโยชน์ และไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดก็คือ ความมั่นคงของประเทศ

..... ณัฐรำไพ ธารี ......

คดีนายรักเกียรติและราเกซเป็นบทเรียนนักการเมือง

การรับโทษของนายรักเกียรติและราเกซแสดงให้เห็นว่าผู้ทำผิดไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองและผู้มีฐานะทางการเงิน ก็ต้องรับโทษ ไม่ว่าจะหนีไปหลบซ่อนในประเทศหรือต่างประเทศ ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความผิดของตัวเอง เพราะทุกคนต้องเคารพกฎหมาย และมีความเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย ในบางกรณีการอาศัยช่องว่างทางกฎหมายจากการไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนอาจจะช่วยยืดเวลาการหลบหนี แต่ก็ต้องหนีอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกรณีนักการเมืองบางคน สำหรับนักการเมืองซึ่งเป็นผู้แทนของประชาชน ต้องมีคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าคนทั่วไป และต้องเป็นตัวอย่างของประชาชนไม่ว่าทั้งการทำดีหรือการรับโทษเมื่อกระทำผิด โดยไม่มีข้อยกเว้น

กรณีพลเอกชวลิต ที่หลายคนเห็นว่ามีความสามารถ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองและการทหาร น่าจะนำความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านตามที่กล่าวอ้าง มาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ และเสริมสร้างศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตัวเองให้เหมาะสมกับคุณวุฒิและวัยวุฒิ แทนที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในความขัดแย้ง หรือเป็นเครื่องมือของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งทำให้การเข้ามามีบทบาททางการเมืองอีกครั้งไม่สง่างามต่างกับกรณีประธานาธิบดีชิมอน เปเรส ของอิสราเอล

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

การร่วมมือร่วมใจของทุกคนในประเทศก็เหมือนการร่วมมือของทุกคนในองค์กร ที่ต้องอาศัยความรัก สามัคคี และร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเพื่อผลักดันการดำเนินการหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ในหลวงทรงเป็นผู้นำในการพัฒนาริเริ่มโครงการต่างๆ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด หรือพื้นที่ส่วนใดก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศ จึงควรมีส่วนร่วมในการสนับสนุนและดำเนินรอยตามพระองค์

สำหรับการทำงานของรัฐบาลที่เป็นผู้แทนของประชาชนก็ต้องอาศัยความร่วมมือและการสนับสนุนจากประชาชน ส่วนประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศ ควรมีจิตใจหนักแน่น รู้จักคิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ทำความเข้าใจกับสถานการณ์และปัญหาต่างๆ หรือสิ่งท้าทายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ คิดถึงผลประโยชน์แห่งชาติเป็นหลัก อย่าปล่อยให้การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมาครอบงำจนคิดถึงผลประโยชน์ของกลุ่มก่อนผลประโยชน์ของชาติ รวมทั้งอย่าตั้งหรือฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ใครคนใดคนหนึ่งเพียงคนเดียว เนื่องจากคนคนเดียวไม่สามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากประชาชน นอกจากนั้น ประชาชนก็ควรรู้จักบทบาทของตัวเองตามระบอบประชาธิปไตยที่ไม่ได้จำกัดเฉพาะในการเลือกตั้งเท่านั้น และเสียงส่วนมากก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไปจนไม่รู้จักรับฟังและเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น และอย่ายึดติดอยู่ที่ตัวบุคคล

สรุปบทเรียนที่ได้รับจากการเรียนรู้และการเชื่อมโยงในหลักสูตร “Talented Capital Development Program”

 

 

 

สรุปบทเรียน

1. การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดในองค์กร ดังนั้นจึงต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะนำองค์กรไปสู่ความยั่งยืน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์มาจากตัวเองและการสนับสนุนจากองค์กร

หลักการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สำคัญ

- 8K’s : ทุนมนุษย์ ทุนทางปัญญา ทุนทางจริยธรรม ทุนแห่งความสุข ทุนทางสังคม ทุนแห่งความยั่งยืน ทุนทาง IT ทุนทางความรู้ ทักษะ และ mindset

- 5K’s : ทุนทางอารมณ์ ทุนทางความคิดสร้างสรรค์ ทุนทางนวัตกรรม ทุนทางวัฒนธรรม ทุนทางความรู้

- HRDS : ทำงานอย่างมีความสุข ยกย่องนับถือเพื่อนร่วมงาน คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และดำเนินการอย่างยั่งยืน

การพัฒนาตนเอง : พัฒนาความรู้ความสามารถในส่วนที่เกี่ยวกับสายงาน ทักษะทางภาษา เทคโนโลยีสมัยใหม่ และต้องรู้จัก worklife balance นอกจากนี้ควรรู้จักคิดวิเคราะห์ ทำงานเป็นทีม มีความรู้รอบด้าน ยืดหยุ่น ริเริ่มสร้างสรรค์ และกล้าเสี่ยง โดยยึดหลัก 6Qs ที่นำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของชีวิต รวมทั้งต้องมี EQ เนื่องจากการทำงานยุคใหม่ต้องเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งการดำเนินชีวิต

2. ระบบการคิด

ต้องมีจินตนาการ ทักษะการคิด ความคิดสร้างสรรค์ ปรับเปลี่ยน mindset และเรียนรู้ จินตนาการเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสิ่งใหม่ แต่ก็ต้องมีวิสัยทัศน์และกำหนดเงื่อนเวลา เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายได้ตามกำหนด

ระบบการคิดต้องมีการวางแผน สร้างแนวคิด โดยใช้ข้อมูล สร้างทางเลือก ด้วยการตั้งสมมติฐาน หรือ scenario ที่มาจากการจินตนาการและการคิดสร้างสรรค์ ใช้ mind map เป็นเครื่องมือช่วยจัดระบบการคิด

นอกจากนี้ยังต้องมีทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการถ่ายทอดความคิด สำหรับการสื่อสารควรจะสั้น สม่ำเสมอ ประเด็นเดียว ตรงใจ มีแนวคิด รู้ความต้องการของผู้รับข่าวสาร เสนอในสิ่งที่จับต้องได้ ข้อมูลและตัวเลขไม่มาก ง่ายต่อความเข้าใจ

3. การเรียนรู้

ใช้หลัก 3L’s : เรียนรู้จากประสบการณ์ ความเจ็บปวด และการฟัง และหลัก 4L’s : วิธีการเรียนรู้ บรรยากาศการเรียนรู้ โอกาสการเรียนรู้ และชุมชนแห่งการเรียนรู้

การเรียนรู้มีทั้งการเรียนรู้เกี่ยวกับสายงาน องค์กร และวิชาการสมัยใหม่เพื่อเพิ่ม/เสริมทักษะการทำงาน โดยเรียนรู้ได้จากการอบรม การแนะนำของผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และการสับเปลี่ยนโยกย้ายงาน เพื่อสร้างประสบการณ์เรื่องงานและคน ซึ่งจะช่วยให้รู้จักองค์กร เพื่อนร่วมงานต่างสายงาน และเกิดความผูกพันกับองค์กร

4. ผู้นำ

ผู้นำเป็นผู้ผลักดันการพัฒนาและการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ดังนั้นจึงต้องมีความสามารถในการตัดสินใจ เป็นผู้สอน แนะนำ สนับสนุนช่วยเหลือ มีความรู้รอบด้านไม่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เชื่อมั่นและศรัทธาในสิ่งที่ทำ มีทักษะการบริหาร มีวิสัยทัศน์ การริเริ่ม มีคุณธรรมและจริยธรรม ให้ความสำคัญกับทุกคนในองค์กรอย่างเท่าเทียม เนื่องจากต่างก็เป็นกลไกส่วนหนึ่งขององค์กร ปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ผู้นำได้รับการยอมรับ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้เกิดขึ้นในองค์กร

5. องค์กร

องค์กรควรมีการปรับเปลี่ยนตามสภาพแวดล้อมทางสังคม มีวัฒนธรรมองค์กร และเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ รวมทั้งต้องส่งเสริมให้คนในองค์กรมีทั้ง performance และ loyalty

องค์กรต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน สร้างศรัทธา ความเชื่อมั่น และการร่วมแรงร่วมใจ ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร นอกจากนั้นยังต้องสร้างความผูกพัน ความจงรักภักดี และรักษาคนไว้ในองค์กร โดยต้องสร้างความรู้สึกรักองค์กรตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานจนถึงวันที่ออกไป ด้วยการให้ความเป็นธรรม การตอบแทน โอกาสพิสูจน์ตัวเอง ส่งเสริมการมีส่วนร่วม สร้างคนในองค์กรทุกระดับ ไม่เลือกปฏิบัติ สร้างการทำงานเป็นทีม เคารพกฎระเบียบ โปร่งใส และสื่อสารเพื่อสร้างความเข้าใจ

นอกจากนั้น องค์กรต้องมีวิสัยทัศน์/พันธกิจ เพื่อกำหนดทิศทางและเป้าหมายขององค์กร กำหนดวัตถุประสงค์ ยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติการ ประเมินผลการดำเนินการ และปรับหรือทบทวนแผน เพื่อสร้างทางเลือก โดยใช้การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก รู้จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรค จัดประเภทและจัดลำดับความสำคัญประเด็นต่างๆ ได้

การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน องค์กรต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน รู้จักใช้เทคโนโลยีและความรู้ของทรัพยากรมนุษย์ มีกลยุทธ์การบริหารจัดการ ส่งเสริมการคิดสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดนวัตกรรม ให้ความสำคัญกับคนทั้งภายในองค์กรและนอกองค์กร รวมทั้งมีการสร้างผู้นำตั้งแต่อายุยังไม่มาก รู้จุดอ่อนจุดแข็งของแต่ละคน และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน

6. การวางแผนกลยุทธ์

การวางแผนกลยุทธ์ ประกอบด้วย วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ กลยุทธ์ และแผนปฏิบัติการระยะยาว กลาง สั้น ซึ่งทุกองค์ประกอบของแผนต้องสัมพันธ์เป็นองค์รวม เชื่อมโยงเป็นระบบ มีความสัมพันธ์ในเชิงสาระและเงื่อนเวลา สัมพันธ์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มสู่เป้าหมายที่กำหนด เป็นแผนท้าทายแต่เป็นไปได้

การวางแผนกลยุทธ์ต้องอาศัยข้อมูล ความรู้ ระบบคิดเชิงบวก สร้างสรรค์ เชิงกลยุทธ์ และเชิงศีลธรรม วิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก

7. การทำงานและบริหารลูกค้า

การทำงานในปัจจุบัน : เน้นลูกค้า สร้างความสมดุลด้านการจัดการ การบริหารบุคคล ความโปร่งใส พัฒนาความสัมพันธ์ สร้างเครือข่าย พัฒนาความคิดใหม่ๆ ปรับตัวเพื่อการเปลี่ยนแปลง เน้น EQ และ AQ และเป็นองค์กรเพื่อการเรียนรู้

การทำงานไม่ควรยึดที่ตัวเอง เนื่องจากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงช้า ปรับตัวยาก แต่การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในองค์กรต้องให้ทุกคนมีส่วนร่วมกัน เพื่อให้ปรับเปลี่ยนได้ทันหรือก้าวไปข้างหน้าการเปลี่ยนแปลง และต้องมองในระยะยาว

นอกจากมุ่งพัฒนาองค์กรแล้ว ก็ต้องส่งเสริมให้ทุกคนในองค์กรมีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม เป็น change agent ที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมแสวงหาจุดสมดุลระหว่างคน สิ่งแวดล้อม กำไร และความเชื่อมั่นศรัทธา ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม แบ่งปันทรัพยากร และให้องค์กรเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม

ส่วนการแข่งขันต้องผสมผสานระหว่างทุนทางวัฒนธรรมกับความคิดสร้างสรรค์ และรู้จักใช้ประโยชน์จาก Brand ในการสร้างความน่าเชื่อให้กับลูกค้า ขณะเดียวกันก็ต้องรู้จักเพิ่มคุณค่าให้สินค้าและพัฒนาผลผลิตใหม่ๆ

ปัจจุบันองค์กรต้องให้ความสำคัญกับลูกค้า ต้องรู้ข้อมูลความต้องการหรือความสนใจของลูกค้า เน้นการบริการ และกระบวนการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยยึดหลักเอาใจเขามาใส่ใจเรา และ I CARE ซึ่งจะช่วยดึงดูดและรักษาลูกค้า เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ ซึ่งจะนำไปสู่ win-win

การนำไปปรับใช้

ด้านการทำงานต้องฝึกการวิเคราะห์ข้อมูล รู้จักกลั่นกรองและเลือกรับข้อมูล จัดลำดับความสำคัญของข้อมูลและเลือกนำมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้อง ตรงประเด็น และตรงความต้องการของผู้ใช้ข่าว และพร้อมจะปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นยังต้องรู้จักทำงานเป็นทีม สร้างเครือข่าย และเพิ่มการสื่อสารภายในองค์กรทั้งระดับ จนท.กับ จนท.และผู้บังคับบัญชากับ จนท. ขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มพูนความรู้ด้านต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในการทำงาน และรับมือกับความเปลี่ยนแปลง สำหรับองค์กรต้องพัฒนาคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เตรียมสร้างผู้นำรุ่นใหม่ และมีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน

สิ่งที่ได้ และจะนำไปปฏิบัติจากการอบรมหลักสูตรพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติ (Talented Capital Development program) ระหว่าง 5-13 ธ.ค.52 ดังนี้

1.ด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource) ในฐานะเป็น ขรก.ในระดับกลาง ปฏิบัติหน้าที่ในในส่วนภูมิภาค จะนำความรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการคนไปปฏิบัติต่อตนเองและเพื่อนร่วมงานงาน ด้วยการสร้างวัฒนธรรมและเป็นตัวอย่างที่ดีรับฟังความคิดเห็นกับเพื่อนร่วมงาน ทำงานเป็นทีม สร้างเครือข่าย มีคุณธรรม จริยธรรม อยู่กันอย่างครอบครัว สร้างบรรยากาศในที่ทำงาน แบ่งงานตามความถนัด เพื่อสร้างมูลเหตุจูงใจ (motivation) รวมทั้งมองเพื่อนร่วมงานและตนเองเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กรโดยการพัฒนาการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน เพื่อสร้างโลกทัศน์และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตนเองและเพื่อนร่วมงาน ปลูกฟังแนวความคิดให้เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กร การแสดงความเป็นเจ้าของ) สร้างภาวะผู้นำ (Leadership) ต่อตนเองและเพื่อร่วมงาน

2.ด้านการคิด วิเคราะห์ ทัศนคติ โดยการนำหลัก Mind Map ไปปรับใช้ในการทำงานโดยรู้จักจินตนาการ การเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ การวางแผน การคิดเป็นระบบ ฝึกสมาธิ มีทัศนะคติเชิงบวก วิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ รวมทั้งการนำหลักการคิดเชิงสร้างสรรค์ (Creative Thinking) เพื่อให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรม (Creative Innovation) ใหม่ๆ ในการทำงาน โดยนำทฤษฎี White Ocean Strategy (กลยุทธ์เชิงบวก/เพื่อสังคม) มาปรับใช้

3.ด้านเชิงกลยุทธ์ (Strategy) โดยการนำกลยุทธ์ด้านการวิเคราะห์สภาพแวดล้อม (Swot Analysis) การบริหาร (management) การวางแผน (Planning) มาปรับใช้ในการทำงานเพื่อกำหนดทิศทาง (วิสัยทัศน์ : Vision) เพื่อให้เกิดการปฏิบัติ (พันธกิจ/ภารกิจ/Mission) โดยนำทฤษฎี Blue Ocean Strategy (สิ่งที่คนอื่นไม่ทำ) มาปรับใช้/การทำงานเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกอยู่ตลอดเวลา

4. ด้านอารมณ์ (EQ) รู้จักการบริหารสภาพทางอารมณ์ มองโลกแง่ดี คิดอย่างสร้างสรรค์ ยึดหลักการยืดหยุ่น การทำงานเป็นทีม รู้ตนเอง/ผู้อื่น รู้จักปรับตัว เป็นผู้ฟังที่ดี กล้าเสี่ยง มีความรอบรู้ รับรู้ความรู้สึกฝ่ายผู้อื่น ซึ่งเป็นปัจจัย/องค์ประกอบสำคัญในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ รวมทั้งการอยู่ร่วมกันในองค์กรและเพื่อนร่วมงาน

5. ด้านการสัมพันธ์ภาพการบริหารกับลูกค้า (Customer Relationship Management) คือ การมองลูกค้าเป็นพระราชา ให้ความสนใจและเรียนรู้ลูกค้าให้มาก สร้างความพอใจ/ประทับใจให้กับลูกค้า เอาใจเขามาใส่ใจเรา มีจิตบริการ แม้กระทั่งเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ให้และผู้รับ (Give and Take)

สรุป การพัฒนาบุคลากรสู่ความเป็นเลิศและยั่งยืน จะต้องเกิดขบวนการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดทักษะ การคิด ทัศนคติ วิเคราะห์ให้ทันต่อสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

บทเรียนจากความจริงกรณีนักการเมืองหญิง

กรณีศึกษานี้ชี้ีให้เห็นว่านักการเมืองที่เป็นผู้หญิงก็มีความสามารถและประสบความสำเร็จได้เช่นกันซึ่งดูได้จากกรณี Mrs.Merkel นายกฯ รัฐมนตรีหญิงคนแรกของ German หากแต่ความสำเร็จของคุณ Merkel เป็นเพราะทำงานได้ผลดี มีแนวคิดเป็นของตัวเองทำงานเพื่อประเทศชาติ นักการเมืองหญิงของไทยควรนำไปพิจารณาปรับใช้กับตัวเอง สำหรับนักการเมืองหญิงไทยมีอยู่ 2 แบบ คือ

1. แบบคุณ Merkel ได้แก่ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช, ดร.จุรี วิจิตรวาทการ, ดร.ผุสดี ตามไท ซึ่งทั้ง 3 ท่านนี้ มีภาพพจน์ที่อาจดูไม่หวือหวาแต่คาดว่าน่าจะทำงานเพื่อชาติได้ดี

2. นักการเมืองแบบไทย (เดิม) ได้แก่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, คุณปวีณา หงสกุล, คุณพรทิวา นาคาศัย ทั้งสามคนมีลักษณะภาพลักษณ์ที่ดูออกมาในรูปของนักการเมืองที่เล่นการเมืองเก่งแต่เก่งในลักษณะสร้างภาพ ขาดจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง ทำเพื่อส่วนตัวหรือหวังผลประโยชน์ ซึ่งหากทั้งสามท่าน ลองพิจารณาตนเองและดูตัวอย่างการทำงานและการวางตัวแบบคุณ Merkel ประเทศไทยก็อาจจะมีนักการเมืองหญิงที่มีคุณภาพควบคู่คุณธรรมมากยิ่งขึ้น

วรรณวลัย มณีกุล

22 พ.ย. 52

องค์ความรู้ที่ได้จากการฝึกอบรม “พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติสำหรับบุคลากร”

ที่สามารถนำมาปรับใช้กับ สขช.

จากการศึกษาในห้วงเวลาตั้งแต่วันที่ 6 -16 พ.ย.52 ได้รับความรู้ต่างๆ ทั้งทฤษฎี ประสบการณ์จากอาจารย์ผู้สอน การศึกษาดูงาน ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้กับแนวคิดและการทำงานของ สขช. และตัวข้าพเจ้าได้ ดังนี้

1. ทรัพยากรหรือต้นทุนที่สำคัญที่สุดในปัจจุบัน คือ “คน” ดังนั้น การลงทุนหรือเพิ่มมูลค่ากับคนเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำ โดยผู้ที่เป็น CEO ขององค์ต้องให้ความสำคัญและลงมาดูแลอย่างจริงจัง ซึ่งวิธีการที่จะพัฒนา HR ภายในองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศมีหลายวิธีเช่น 4L’s, 2R’s, 2I’s, CE, C- U - V และ HRDS เป็นต้น สำหรับการพัฒนาผู้นำใช้ 5E’s

2. การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า CRM ต้องดูว่าลูกค้าของเราคือใคร ลูกค้าคือผู้ที่สำคัญที่สุด ดังนั้น เราต้องมีการบริหารสัมพันธภาพลูกค้า โดยวิธีการต่างๆ เช่น การสร้างสัมพัธภาพทุกเวลาที่พบลูกค้า, มีการสร้างมูลค่าเพิ่มกับลูกค้า, การสร้างผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างลูกค้ากับเรา และทำให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจ และความจงรักภักดีกับองค์กรของเรา

3. ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่ เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการบริหารการเปลี่ยนแปลง คือ การบริหารการกระทำในปัจจุบัน ซึ่งการทำงานในยุคใหม่ต้องเก่งงาน, เก่งคน, เก่งคิด และเก่งการดำเนินชีวิต เก่งการดำเนินชีวิตในที่นี้ คือ รู้เป้าหมายของชีวิต บริหารอารมณ์ (EQ) รู้ใจตนเองเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส และระวังการทำบาป ซึ่งการบริหารอารมณ์ (EQ) คือ ความสามารถในการตระหนักอารมณ์ตัวเองและผู้อื่น สามารถจูงใจตนเองและผู้อื่นได้ เห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น สื่อสารสร้างมิตร

4. การทำงานเป็นทีม การทำงานในปัจจุบันต้องทำงานเป็นทีมจึงจะนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายได้ เนื่องจากคนเราเก่งคนเดียวเก่งได้ไม่นานไม่รอบด้าน หากนำความเก่งของแต่ละคนมารวมกันก็จะทำให้งานทุกอย่างสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีเนื่องจากคนเรามองต่างมุม หากแต่นำส่วนที่ดีที่สุดของแต่ละคนมารวมกันยอมรับความคิดเห็นซึ่งกันและกัน มีความเชื่อใจเห็นอกเห็นใจกัน และมีการสื่อสารที่ดีระหว่างกันก็จะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ทุกวันนี้ประเทศต่างๆ ในโลกมีการสื่อสารและมีอิสระภาพในการดำเนินการมากขึ้น ดังนั้น ทุกองค์กรจึงมีความเสี่ยงต่างๆ

มากมาย ซึ่งความเสี่ยงเหล่านั้นเกิดจาก ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและ นวัตกรรม การที่องค์กรไม่ผูกขาดสินค้าใดสินค้าหนึ่งแต่เพียงผู้เดียวแต่มีองค์กรต่างๆ เพิ่มขึ้นมามากขึ้นมีการแข่งขันกันสูง สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป ลูกค้ามีอำนาจมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ แต่ละองค์กรก็ควรปรับตัวและหากลยุทธ์ต่างๆ มาปรับใช้ในการบริหารงาน เช่น การใช้ Game Theory Concepts, Blue Ocean Concepts หรือแม้แต่การใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว (White Ocean Strategy) เป็นต้น

6. การวางแผนเชิงกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญที่จะกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์ได้ชัดเจนเพื่อรองรับสภาพแวดล้อมและการ

เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ องค์กรต้องรู้จัก SWOT ของตนเองก่อน นอกจากนี้คนในองค์กรเองก็ต้องมีการพัฒนาการทางความคิด คือ รู้จักคิดแบบมีระบบ Mind Map คิดเชิงบวก และการคิดอย่างสร้างสรรค์ เพื่อรองรับ

วิสัยทัศน์ขององค์กรและการเปลี่ยนแปลงของโลก

ข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ได้รับจากการฝึกอบรม ยังมีความรู้อีกมากมายที่ไม่สามารถนำมาสรุปได้หมด แต่หากนำทฤษฏีและหลักการต่างๆ ที่ได้จากการฝึกอบรมทั้งหมดมาเป็นแนวคิดและประยุกต์ใช้กับการทำงานในปัจจุบัน ก็คาดว่าจะนำไปสู่พื้นฐานการเปลี่ยนแปลงที่ดีของตัวข้าราชการและ สขช. และสุดท้ายแล้วก็เพื่อการพัฒนาองค์กรให้อยู่รอดอย่างมั่นคงบนสภาวะแวดล้อมที่มีการ

แข่งขันและมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

วรรณวลัย มณีกุล

การประยุกต์บทเรียนของ Merkel กับการเมืองไทย

เมื่อได้ลองอ่านประวัติของ Merkel ทำให้พอจะเข้าใจว่าสิ่งที่ทำให้เธอเป็นที่นิยมและได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีถึงสองสมัย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการที่ประชาชนรู้สึกประทับใจที่ Merkel สามารถแสดงบทบาทในฐานะผู้นำหญิงได้ดีท่ามกลางผู้นำเพศชายของประเทศใหญ่ อย่าง จอร์จ บุช วลาดิเมียร์ ปูติน และ ปธน.นิโคลัส ซาร์โคกี้ ของฝรั่งเศส นอกจากนี้ ประชาชนรู้สึกว่า Merkel เป็นผู้นำที่นำพาเยอรมันให้พ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำด้วย แม้ว่าคนจำนวนหนึ่งจะเชื่อว่าที่เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นผลจากการปฏิรูปในสมัยของ นรม. เกอร์ฮาร์ด ชโรเดอร์ก็ตาม นอกจากนี้ Merkel ในฐานะประธานกลุ่มจีแปดยังประสบความสำเร็จในการผลักดันให้ผู้นำจีแปดเห็นพ้องที่จะดำเนินการลดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง ขณะที่การดำเนินนโยบายในประเทศ Merkel มีความประนีประนอม และไม่แสดงท่าทีดื้อดึงสุดโต่งในด้านใดด้านหนึ่งจนมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และความนิยม นอกจากนี้ Merkel เป็นผู้มีบุคลิกที่ดูธรรมดาและติดดิน ซึ่งปัจจัยต่างๆเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งส่งเสริมกันและกันและทำให้ประชาชนรู้สึกทึ่งและชื่นชม Merkel มากยิ่งขึ้น ส่วนภูมิหลังในฐานะนักวิทยาศาสตร์ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจทำให้ Merkel มีการคิดอย่างเป็นระบบและมีเหตุมีผล สามารถทำหน้าที่ได้ดี

ในทัศนะของฉัน เห็นว่าความนิยมของ Merkel ส่วนใหญ่เป็นผลจากการทำงาน ดังนั้นหากจะให้ประยุกต์บทเรียนของ Merkel กับการเมืองไทย ก็คือ นักการเมืองหญิงจะประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับเหมือน Merkel จะต้องทำงานและแสดงความสามารถ รวมทั้งต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ว่าเป็นผู้มีอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว การสืบทอดอำนาจทางการเมืองในครอบครัว หรือเหตุผลอื่นๆ การยอมรับจึงจะเกิดขึ้น ความสำเร็จของนักการเมืองไม่ได้เกิดจากภูมิหลังครอบครัว แม้ว่าปัจจัยดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญทำให้นักการเมืองไทยได้รับเลือกตั้งก็ตาม ดังนั้นไม่ว่านักการเมืองไทยจะมีภูมิหลังอย่างไร หรือเข้ามาเล่นการเมืองด้วยเหตุผลใดก็ตาม หากคนๆนั้นมีความมุ่งมั่นที่จะทำงาน มีผลงานที่ประชาชนสามารถเห็นและสัมผัสได้ แสดงบทบาทที่น่านับถือและน่าชื่นชม คนๆนั้นก็จะได้รับความนิยม ตลอดจนทั้งการยอมรับในฐานะที่เป็นคนมีความสามารถเหมือนกับ Merkel ได้ไม่ว่านักการเมืองคนนั้นจะเป็นเพศหญิงหรือชาย

บทความเกี่ยวกับ Shimon Peres

ภายหลังการอ่านบทความเกี่ยวกับ Peres สิ่งที่ได้ คือ ข้อคิดที่ว่าคนเราเมื่อทำอะไรแล้วจะต้องทำด้วย Passion รวมทั้งจะต้องสร้างคุณค่าให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา และไม่ย่อท้อแม้จะประสบกับความพ่ายแพ้หรือล้มเหลว เหมือนกับ Peres ที่ในอดีตเคยถูกตั้งสมญาว่าเป็น Serial loser จากการที่พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งหลายต่อหลายครั้ง จนคนอิสราเอลนำมาพูดเป็นเรื่องตลกร้ายว่า "Peres can run against himself, and still lose". แต่เขาก็ไม่ย่อท้อยังคงมุ่งมั่นเล่นการเมืองต่อ จนกระทั่งได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีในที่สุด ขณะเดียวกัน สิ่งที่เขาได้พยายามทำมาตลอดอาชีพนักการเมืองก็ได้รับการยอมรับในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งได้รับรางวัลโนเบลสันติภาพเมื่อปี 2537

นอกจากนี้ เรื่องของ Peres ยังสามารถใช้เป็นแรงบัลดาลใจได้อีกว่า คนสูงอายุที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในอาชีพของตัวเองสามารถทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้ แม้อายุจะเลยวัยที่ต้องเกษียณแล้วก็ตาม คนเราจึงไม่ควรที่จะหยุดยั้งในการหาความรู้ใหม่ๆใส่ตัวเสมอ ขณะเดียวกัน ประเทศชาติ และผู้นำที่ฉลาดก็ควรจะสร้างระบบที่รองรับให้คนเหล่านี้มีเวทีที่สามารถนำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม และประเทศชาติ ด้วย ทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าจึงจะไม่สูญเปล่า

บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ นักการเมืองหญิงไทย โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

นักการเมืองหญิงไทยแตกต่างจากนักการเมืองในประเทศอื่นและนักการเมืองหญิงไทยก็ไม่จำเป็นต้องการอ่าน เพราะธรรมชาติการเมืองไทยก็คือการเมืองไทยไม่ได้เริ่มต้นจากการตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำงานการเมือง แต่เพราะต้องการสืบเชื้อสาย การหาช่องทางทางธุรกิจหรือการต่อยอดธุรกิจและรักษาสถานภาพทางสังคม จริงอยู่ที่นักการเมืองบางคนเมื่อประสบความสำเร็จด้านอื่นๆ แล้วจึงจะเล่นการเมือง แค่จิตสำนึกต่อการทำงานเมืองจะต่างกับบุคคลที่สร้างสมประสบการณ์จากการเรียนรู้ที่จะทำงานการเมืองโดยตั้งเป้าหมายเพื่อทำงานการเมืองตั้งแต่เริ่มต้น การทำงานการเมืองเป็นเรื่องที่ต้องเสียสละและการเสียสละโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมันต้องปลูกฝังลงไปในกมลสันดานของบุคคลนั้นจึงจะได้นักการเมืองที่ดี

                                        --------------------------

สิ่งที่ได้จากการอบรมหลักสูตรการพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ

จากการเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมเทคโนโลยี ความรู้ มีการแข่งขันในด้านนวัตกรรมใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดที่สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง หรือที่เรียกว่าทุนมนุษย์ (Human Capital) โดยนำทฤษฎี 4L’s มาใช้ คือ วิธีการเรียนรู้ บรรยากาศการเรียนรู้ โอกาสการเรียนรู้ และเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้ โดยเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองก่อนหรือเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Leadership) คือการแสวงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง กล้าคิดนอกกรอบ กล้าเผชิญกับความผิดพลาด เปิดใจยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นที่สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ มีการยอมลดทิฐิ ให้เกียรติในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

นอกจากนี้ผู้นำในองค์กรจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ ทัศนคติ ที่เน้นในเชิงกลยุทธ์ หรือคิดแบบทฤษฎีเกมส์ (Game Theory) ที่ควรจะต้องเป็นแบบ win-win มี Mindset เริ่มด้วย Positive Thinking, Creative Thinking ที่ต่อเนื่องกันไป มีความคิด Ethical Thinking และมี Emotional Quotient รวมถึงการให้ความเอาใจใส่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดยให้การ Coaching การฝึกอบรม ให้ทุนการศึกษา และรู้ภาษาต่างประเทศ ดังหลักที่ว่า “คนเก่งและคนดี” ที่จะนำองค์กรก้าวไปสู่ความมั่นคงอย่างยั่งยืน

ความรู้ที่ได้รับจากการฝึกอบรมหลักสูตร “การพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ”

องค์กรหรือหน่วยงานใดก็ตามไม่สามารถขับเคลื่อนไปได้หากขาดซึ่งทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด นั่นก็คือ “คน” นั่นเอง เนื่องจากทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่ผู้บริหารควรให้ความสำคัญและส่งเสริมพัฒนาให้การสนับสนุนเพื่อเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มระยะยาวให้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต ดังนั้น การพัฒนาบุคคลในองค์กรเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนที่ได้รับการพัฒนาความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ และมีทัศนคติที่ดีย่อมนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จและไปสู่จุดหมายที่ได้กำหนดไว้ การที่จะทำให้คนในองค์กรเกิดความรัก ความผูกพันและจงรักภักดีต่อองค์กรได้นั้น สิ่งที่ผู้บริหารควรตระหนักก็คือเรื่องของคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ต้องดูแลเอาใจใส่ให้ความรัก ความเมตตาและสร้างความเชื่อมั่น ศรัทธาให้บุคคลในองค์กรเกิดความเชื่อมั่นและพร้อมจะร่วมแรงร่วมใจก้าวเดินไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการสร้างคนในองค์กรจำเป็นต้องสร้างในทุกระดับเพื่อให้เกิดความเข้าใจในแนวทางเดียวกัน

การเป็นผู้นำที่ดีต้องยึดหลักคุณธรรมและจริยธรรม ต้องกล้าคิด กล้าทำ กล้าพูดในสิ่งที่ถูกต้อง ใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น มีวิสัยทัศน์ ทำงานเป็นทีม ปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานอย่างเสมอภาคเป็นธรรม มีเมตตา ซื่อสัตย์ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ใฝ่เรียนรู้ มีความคิดสร้างสรรค์

นอกจากนี้ การพัฒนาคนควรมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนาด้านจิตใจ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตประจำวันทั้งเรื่องของการทำงานและชีวิตส่วนตัว ความฉลาดทางอารมณ์เป็นสิ่งจำเป็นที่พึงมี ซึ่งการทำงานยุคใหม่จะต้องเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งดำเนินชีวิต เมื่อคนเรามีความสามารถในการบริหารจัดการกับอารมณ์ของตนเองและผู้อื่นได้ดี ย่อมทำให้เกิดความเข้าใจเห็นใจผู้อื่น ทำให้ลดปัญหาความขัดแย้งไม่เข้าใจกันได้และทำให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น

อนึ่ง สถานการณ์ในโลกปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ดังนั้น ข้อมูลข่าวสารที่ได้รับมาต้องคิดวิเคราะห์ ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ต้องรู้จักเลือกแยกแยะให้ดีว่าสิ่งใดน่าเชื่อถือ สิ่งใดเท็จสิ่งใดจริงและต้องรู้จักวิธีคิดอย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการวางแผนกลยุทธ์ ต้องรู้จักวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในและภายนอก เป็นการวางแผนเพื่อที่จะกำหนดทิศทางองค์กรให้มุ่งไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้

นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดเป็นสิ่งจำเป็นที่ควรสร้างให้เกิดขึ้นกับคนในองค์กร ไม่เฉพาะแต่ผู้นำเท่านั้น แต่ควรสร้างให้เกิดขึ้นกับทุกคนในองค์กร โดยการฝึกฝนให้รู้จักการคิดอย่างเป็นระบบ โดยนำระบบวิธีแบบ Mind Map ไปช่วยในการฝึกสมองให้มีความจำที่ดีขึ้นและอาศัยเทคนิคการจินตนาการเพื่อช่วยให้รู้จักจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ และสามารถสื่อสารออกมาได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และถูกต้อง ทั้งนี้ การคิดอย่างสร้างสรรค์และเป็นระบบเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่จะทำให้องค์กรประสบความสำเร็จได้ เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง เป็นยุคที่คนเราต้องมีความรู้ ความสามารถหลายด้าน จึงจำเป็นที่ต้องมีการปรับตัว ยอมรับการเปลี่ยนแปลง รู้จักคิดวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพแลประสิทธิผลสูงสุดแก่องค์กร

สรุปได้ว่า การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารควรให้ความสนใจและตระหนักในคุณค่าของ “คน” ว่ามิใช่เป็นเพียงแค่ต้นทุนแต่ทว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะทรัพยากรมนุษย์คือมูลค่าเพิ่มที่มีคุณค่า มีความสามารถ หากได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างคนในครอบครัวเดียวกัน ตลอดจนได้รับความรัก ความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจกัน และได้รับความไว้วางใจ การยอมรับและเห็นคุณค่าในความเป็นมนุษย์เหมือนกัน หากผู้บริหารสามารถสร้างศรัทธา ความเชื่อมั่นให้เกิดกับคนในองค์กรได้ย่อมส่งผลให้องค์กรประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน แต่ทั้งนี้ต้องปรับเปลี่ยนความคิด ทัศนคติของตัวเราให้พร้อมที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงและพร้อมที่จะพัฒนาตนเอง เรียนรู้ในเทคโนโลยีใหม่ ๆ และรู้จักนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และต้องมีคุณธรรม จริยธรรม เป็นคนเก่งและคนดีที่พร้อมจะช่วยกันนำพาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศได้อย่างมั่นคง

สิ่งที่ได้จากหลักสูตร Talented Capital Development Program ระหว่าง 5 – 13 พ.ย.52

ทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่า ที่จะต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ทั้งด้วยตนเอง และโดยการสนับสนุนขององค์กร โดยที่ผู้นำสูงสุดขององค์กรจะต้องมีส่วนร่วมเพื่อผลักดันให้มีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง เพราะทรัพยากรบุคคลที่มีความรู้ และมีทัศนะคติที่ดีจะเป็นกำลังสำคัญผลักดันให้องค์กรสามารถปรับตัว อยู่รอดได้ในสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีการแข่งขันสูง นอกจากนี้ ยังได้หลักคิดในการทำงานทั้งในด้านเกี่ยวกับระบบคิด การเรียนรู้ องค์กร การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และการบริหารงานราชการแนวใหม่

หรืออาจจะอธิบายในรายละเอียดได้ว่า การที่องค์กรหรือบุคคลจะอยู่รอดได้จะต้องมีความสามารถในวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงได้ล่วงหน้า มียุทธศาสตร์ในการทำงานระยะยาวที่สามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นในองค์กรเพื่อสร้างความได้เปรียบคู่แข่ง และสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการ

ทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพจะต้องมีการคิดที่เป็นระบบ และมียุทธศาสตร์ในการทำงาน ใช้ชีวิตอย่างสมดุล หมั่นพิจารณาปรับปรุงตัวเอง รู้จักปรับตัวให้ทันความเปลี่ยนแปลง มีจินตนาการ รู้จักคิดวิเคราะห์ มีความใฝ่รู้เพื่อพัฒนาตนเองให้มีความสามารถในการทำงานได้ดียิ่งขึ้นทั้งในด้านระบบการคิด ภาษา และเทคโนโลยี แต่ความฉลาดในการทำงานอย่างเดียวยังไม่พอ จะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ด้วย เพราะคนที่เก่งคนเดียวไม่สามารถอยู่รอดได้นาน และไม่สามารถนำพาองค์กรให้อยู่รอดได้ จึงต้องรู้จักปรับตัวให้สามารถทำงานกับผู้อื่น รู้จักการทำงานเป็นทีมองค์กรจึงจะอยู่รอดได้

องค์กรที่ดี จะต้องสนับสนุนให้ทรัพยากรมนุษย์ในองค์กรได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสร้างระบบที่สนับสนุนให้สมาชิกในองค์กรได้แสดงความสามารถ และนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้เขารู้สึกมีส่วนร่วม และมีบทบาทในการพัฒนาองค์กร สร้างวิสัยทัศน์ และระบบที่ทำให้สมาชิกในองค์กรมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เพื่อสร้างความผูกพันและจงรักภักดีต่อองค์กร อันจะช่วยลดปัญหาสมองไหลได้

นอกจากนี้ หลักสูตรนี้ยังได้ให้แรงบันดาลใจที่จะพัฒนาตนเองให้ดียิ่งขึ้น และอ่านให้มากขึ้น เพราะสิ่งที่สังเกตได้จากอาจารย์ผู้บรรยายทุกท่าน คือทุกคนมีความเชี่ยวชาญที่เกิดจากความใฝ่รู้ ขยันอ่าน และความสามารถในการคิดวิเคราะห์และมองเห็นโอกาสได้ล่วงหน้า จึงทำให้แต่ละท่านมีการปรับตัวและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาจนได้รับการยอมรับในสาขาวิชาชีพของตนเอง

บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น โปรดอ่านบทความนี้ (บทเรียนจากความจริง กับ ดร.จีระ)

        พฤติกรรมที่แสดงออกจะสัมพันธ์กับช่วงอายุมนุษย์และการสร้างสมประสบการณ์ที่ผ่านมา     ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองคนใดเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่งๆ ก็จะแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมาไม่เหมือนกัน คนอายุมากที่สะสมประสบการณ์ด้านดีไว้มากก็จะแสดงแต่สิ่งดีๆ ออกมา ในทางกลับกันคนอายุมากแต่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านดีก็มักจะแสดงออกถึงความเป็นตัวตนที่มีตนเองเป็นหลักไม่ฟังคนอื่นนึกว่าสิ่งที่ตนทำถูกต้องเหมาะสมแล้ว ดังนั้นเมื่อวัยเปลี่ยนพฤติกรรมก็เปลี่ยน กลัวสิ่งต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเพราะรู้ว่าตนเองใกล้ความตาย แต่กิเลสยังไม่พร้อมที่จะตาย จึงต้องรีบปกป้องพวกพ้อง ลูก หลาน หาอำนาจเพื่อเป็นเกาะป้องกันยามที่ตนเองต้องปราศจากอำนาจมันคือปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับสังคมไทย

                                              ------------------------------

สรุปบทเรียน “การพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ ทัศนคติ”

1.องค์ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้ คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพราะคนถือเป็นทรัพยากรมีค่าและสำคัญที่สุดในองค์กร การจะใช้ทรัพยากรในองค์กรให้เกิดคุณค่านั้นจะต้องสร้างคนทุกระดับให้เป็นคน ทั้งเก่งและดี มีจรรยาบรรณ และตั้งมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และต้องมีการพัฒนาขีดความสามารถของบุคคลให้มีความรู้และศักยภาพอย่างรอบด้าน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขององค์กร การบริหารงานบุคคล (Human Resources – HR) ถือเป็นหัวใจของการบริหารองค์กร ซึ่งการบริหารคนจะต้องบริหารด้วยใจ คือ มีเมตตา ให้เกียรติ ให้ความรัก โดยต้องตั้งมั่นอยู่ในคุณธรรม จริยธรรม และต้องมีวิสัยทัศน์ มีการวางแผน ต้องรู้จักการทำงานเป็นทีมโดยให้ทุกคนมีส่วนร่วม ต้องสร้างแรงจูงใจเพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการทำงาน เพื่อให้ความเชื่อมั่น และความผูกพันต่อองค์กร

2. ในสภาวะการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก เราจะต้องมีการเรียนรู้สิ่งใหม่ปรับตัวให้ทันกับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องมีวิธีการคิดแบบใหม่และต้องรู้จักคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ รู้จักกลั่นกรองและเลือกรับข้อมูล โดยจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลก่อนที่จะนำมาวิเคราะห์และจะต้องรู้จักแยกแยะระหว่างความจริงกับสิ่งที่คนคิดให้เป็น โดยเลือกมาใช้ประโยชน์ได้ถูกต้องและตรงประเด็น

3. ในอนาคตการทำงานของ สขช. จะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก ซึ่งยากที่จะคาดเดา องค์กรต้องพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน และต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยี่และพัฒนาเทคโนโลยี่ให้มีความทันสมัยเพื่อให้เท่าทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เพราะ IT ก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ในการทำงาน ซึ่งคนในองค์จะต้องรู้จักใช้เทคโนโลยี่ให้เป็นเพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลง บุคคลากรเองก็ต้องมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ ให้ตรงกับโลกที่เปลี่ยนแปลงเพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาและนำมาใช้ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ขององค์กร เพื่อ สขช.จะได้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

-----------------------------------------------------------------------------------------------

สิ่งที่ได้จากหลักสูตร Talented Capital Development Program

มุนษย์ ทรัพยากร พัฒนา ควบคุม เรียนรู้ จริยธรรม   สิ่งเหล่านี้มีใน Talented Capital Development Program การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นสิ่งที่ต้องมีตลอดเวลาและต้องเหมาะสมกับหน้าที่    เมื่อมนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวในสังคม จึงต้องอบรมสั่งสอนให้เข้าใจความหมายของการอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมอารยะประเทศ นานาประเทศ ประเทศ เมือง ชนบท และครอบครัว ดังนั้นการเพาะองค์ความรู้ เพื่อเป็นทุนทางความรู้จะต้องมีการพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของสังคมหรือองค์กรนั้นๆ โดยที่ไม่ลืมการพัฒนาทุนทางจริยธรรม ศิลธรรม (ซึ่งปัจจุบันขาดหายไป) การปลูกฝังให้มีกระบวนการทางความคิด  ในสิ่งที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆสามารถสร้างได้ อาจจะเกิดจากการเรียนแบบ หรือค้นคิดขึ้นมาใหม่ไว้เป็นแบบอย่าง แต่จะต้องไม่ลืมว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องอยู่ร่วมกัน ปัจจัยทางจริยธรรมจึงมีบทบาทมากในการเกาะเกี่ยวให้สังคมอยู่เป็นกลุ่มก้อนที่เข้มแข็ง มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม ฉะนั้นการกำหนดบทบาทตนเองในสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะถ้ามนุษย์ไม่เข้าใจในบทบาทตนเองไม่รู้หน้าที่ของตนเอง ว่าตนมีหน้าที่อย่างไร จะต้องเรียนรู้อะไรบ้าง และต้องคิดค้นสิ่งใหม่ๆ อะไรบ้าง ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้สังคมก็จะวุ่นวาย ล้าหลัง ดังนั้นในสภาวะปัจจุบันบนปรากฏการณ์โลกไร้พรมแดน มนุนษ์จะนิ่งเฉยไม่ได้ ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวไม่ได้ จึงต้องเปลี่ยนตนเองในทันยุคสมัย เรียนรู้ตลอดเวลา สร้างสรรค์ประสบการณ์ตนเองบนพื้นฐานของจริยธรรมควบคู่ไปกับสิ่งใหม่ๆเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยไม่ลืมว่ามนุษย์มีความเป็นสัตว์สังคมที่ประเสริฐกว่าสัตว์อื่นๆ

-------------------------

สรุปประเด็นสำคัญที่ได้จากการอบรมหลักสูตร พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติ

สำหรับบุคลากร ระหว่างวันที่ 6 – 13 พ.ย. 52

1. สร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ต้องมีความเชื่อมั่น/ศรัทธาก่อนว่า คนมีความสำคัญต่อองค์กร งานทั้งหลายทั้งปวงสำเร็จได้ด้วยคน เพราะฉะนั้นการบริหารงานบุคคลจึงเป็นหัวใจขององค์กรโดยแท้ ในแง่เศรษฐศาสตร์ “คนมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นตรงข้ามกับสินค้าอย่างอื่น” บริษัทยิ่งใหญ่ขึ้นการติดต่อสื่อสารก็มีขั้นตอนที่ยาวขึ้นเช่นกันฉะนั้นจึงต้องกระจายอำนาจ การจะมอบอำนาจให้ผู้อื่นในระดับต่ำลงไป ต้องมั่นใจว่าเขาทำได้ การสร้างคนภายในองค์กรต้องสร้างทั้งหมดทุกระดับ ไม่สร้างเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ผู้นำต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นไปตามคุณธรรม จรรยาบรรณขององค์กร ต้องสร้างความ

รักความผูกพันให้กับคนในองค์กร และมีแนวทางวิธีการในการรักษาคนไว้ ตั้งแต่การเข้ามาจนถึง

เมื่อออกไปจากองค์กร “คนต้องรักองค์กรก่อน” สรุปแล้วการดำเนินการสร้างผู้นำขององค์กรต้องร่วมมือช่วยกันทุกระดับ ไม่ใช่เป็นหน้าที่เฉพาะของผู้นำสูงสุดขององค์กรเท่านั้น ส่วนวิธีการสร้างเพื่อให้ทรัพยากรมนุษย์หรือคน เป็นเลิศนั้น ประกอบด้วยหลายแนวทางหลายทฤษฎี เช่น 4L’S และ 2R’S

2. การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ

การทำงานต้องทำงานเป็นทีม องค์กรจะประสบความสำเร็จได้ต้องสร้างความเข้มแข็งของความ

ร่วมมือร่วมใจของคนทุกระดับในองค์กร ไม่ใช่เกิดจากผู้นำเพียงคนเดียว ต้องรับฟังคนอื่น มีความคิดสร้างสรรค์ เชื่อใจไว้วางใจกัน มีคุณธรรม สร้างเครือข่าย และยอมรับการตัดสินใจ

3. การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า หรือ CRM (customer relationship management )

เป็นวิธีการที่ใช้หรือสามารถดึงดูดและรักษาลูกค้าไว้ โดยใช้วิธีการสร้างความสัมพันธ์ทุก

รูปแบบ สิ่งที่ปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าต้องเป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้าจดจำและรู้สึกประทับใจอย่างดีเยี่ยม โดยใช้

หลักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา สมัยก่อนการผลิตเน้นที่ผลผลิต สินค้าดีลูกค้าต้องง้อ แต่ปัจจุบันเน้นที่

ใครสามารถครองใจลูกค้าได้ แนวทางการสร้างความประทับใจให้ลูกค้ามีหลายประการ เฉพาะที่สำคัญ

คือ การสร้างภาวะผลประโยชน์ร่วมกัน แบ่งเป็น 4 ลักษณะ

1. Win/Lose เราได้ประโยชน์/เขาเสียประโยชน์

2. Win/Win เราได้ประโยชน์/เขาได้ประโยชน์

3. Lose/Lose เราเสียประโยชน์/เขาเสียประโยชน์

4. Lose/Win เราเสียประโยชน์/เขาได้ประโยชน์

สรุปแล้วผู้นำต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่า “ลูกค้าของเราคือใคร” ขั้นต่อไปต้องวิเคราะห์ความต้องการ

ของลูกค้า และแนวทางเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้า ซึ่งจะนำพาให้ผู้นำสามารถดึงดูดและรักษา

ลูกค้าไว้ได้

4. ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่

โลกมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การบริหาร และการทำงานต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

การทำงานยุคใหม่ต้องมีความเก่ง 4 ประการคือ

1. เก่งงาน

2. เก่งคน

3. เก่งคิด

4. เก่งการดำเนินชีวิต

ความสามารถ 6 ประการที่นำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของชีวิต

1. IQ ความสามารถด้านความรู้

2. EQ ความสามารถด้านอารมณ์

3. AQ ความสามารถที่จะเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส

4. MQ ความสามรถด้านจริยธรรม คุณธรรม

5. HQ ความสามารถด้านสุขภาพ

6. SQ ความสามารถด้านจิตวิญญาณ

EQ เป็นความสามารถในการตระหนักรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น การบริหารอารมณ์ตนเอง/ผู้อื่น

ความสามารถจูงใจตนเอง/ผู้อื่น ความสามารถในการเห็นใจเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น และการสื่อสารที่สร้างความเป็นมิตรกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี

5. สำนักข่าวกรองแห่งชาติในยุคที่โลกเปลี่ยน และ Blue Ocean Strategy กับการทำงานของ สขช.

ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีข้อมูลข่าวสารมากมาย มีการกระจายข้อมูล

ข่าวสารอย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง แต่ก่อนข้อมูลข่าวสารมีน้อยสมองมนุษย์รับได้ แต่ปัจจุบันข้อมูล

ข่าวสารมีมากเกินไปสมองรับไม่ไหว รวมทั้งไม่มีการกลั่นกรอง และไม่วิเคราะห์ เรียกว่า ภาวะข้อมูล

ล้น Information Overflow knowledge Overload/IOKO โลกของการเปลี่ยนแปลงเป็นสงครามโลกแบน

ฉะนั้นการรับทราบข้อมูลข่าวสาร จึงขึ้นอยู่กับคุณภาพของการวิเคราะห์ข้อมูล(จัดระบบความคิด) การ

วิเคราะห์ข้อมูลให้นำ สภาพแวดล้อมด้านการปฏิบัติการ (ปัจจัยภายนอกหรือสภาพสภาพแวดล้อม

ภายนอก) มาวิเคราะห์ร่วมกับ ปัจจัยภายในตัวผู้ตัดสินใจ ผลการวิเคราะห์จะออกมาเป็นสิ่งต่างๆ

ที่สามารถทำนายชี้แนวโน้มได้ เรียกว่า ทฤษฎีเกมส์ (Game Theory) ซึ่งมีอยู่หลายลักษณะ เช่น

ZERO SUM GAME POSITIVE SUM GAME และ NEGATIVE SUM GAME

6. สขช. กับการวางแผนเชิงกลยุทธ์

การวางแผนเชิงกลยุทธ์ ได้แก่การกำหนด วิสัยทัศน์ คือ สิ่งที่องค์กรต้องการจะเป็น/ไปให้ถึง

เป็นเป้าหมายในอนาคตระยะยาว พันธกิจ/ภารกิจ คือ สิ่งที่องค์กรต้องทำเพื่อให้บรรลุ วิสัยทัศน์

วัตถุประสงค์ (Objective) คือ ส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ แต่เป็นเป้าหมายเป้าประสงค์ในระยะสั้น

เพื่อไม่ให้การดำเนินการไม่หลงทาง กลยุทธ์ (1 วัตถุประสงค์อาจจะมีหลายๆ กลยุทธ์ก็ได้) และแผน

ปฏิบัติการ องค์ประกอบของการวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่ดี ประกอบด้วย การทำ Swot ให้ถูกต้องตาม

ความเป็นจริง มีแผนทุกระยะ (ระยะยาว กลาง สั้น) ทุกองค์ประกอบของแผนต้องมีความสัมพันธ์เป็น

องค์รวมเชื่อมโยงกันเป็นระบบ และเป็นแผนที่ท้าทายแต่เป็นไปได้

7. การบริหารเชิงคุณภาพสำหรับ สขช.

เพื่อยกระดับคุณภาพการปฏิบัติงานของภาครัฐ และให้หน่วยงานภาครัฐพัฒนาคุณภาพ

การบริหารจัดการของหน่วยงานไปสู่ระดับมาตรฐานสากล ซึ่งสามารถดำเนินการได้หลายแนวทาง

คือ ตามแนวทางของ PMQA /TQA /MBNQA ตามแนวทางของการบริหารภาครัฐแนวใหม่

และแนวทางอื่นๆ เช่น แนวทางการใช้ระบบมาตรฐาน ISO

8. Mind Mapping สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ

Mind Mapping คือ การจดบันทึกโดยใช้สมองทั้งสองซีกร่วมกัน โดยการบันทึกเป็นได้ทั้ง

สัญลักษณ์ ภาพ คำสั้นๆ เส้น และสี มีประโยชน์ในการใช้วางแผนต่างๆ เช่น โครงการ วิสัยทัศน์

เป้าหมาย ใช้ในการบริหารเวลา ใช้ในการสื่อสาร ใช้ในการแก้ปัญหา ใช้ในการตัดสินใจ ใช้ช่วยการจำ

ทำให้เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย การคิดหรือบันทึกในลักษณะ mind mapping มี 2 แบบ คือ คิดให้กว้าง

และคิดให้ลึก แบบมีระบบ

9. แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร

ใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว ซึ่งเป็นพื้นฐานในการบริหารองค์กร บนแนวคิดหลัก 7 ประการ

เช่น การเกิดขึ้นขององค์กรเป็นไปเพื่อสร้างผลเชิงบวกต่อสังคม การยืนบนหลักการของโลกอัน

อุดมสมบูรณ์ และการตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ความเป็นจริง และความเป็นเนื้อแท้

10. Creative Thinking และ Value Innovation กับการทำงานของ สขช.

จินตนาการมีค่ามากกว่าองค์ความรู้ การวางแผนยุทธวิธี ยุทธศาสตร์ โดยมีข้อมูลข่าวสาร

มาสนับสนุนอย่างเป็นระบบ เรียกว่า MIS/Management Information System ทุนสูงสุดของชาติ

คือ ทุนทางวัฒนธรรม (ทุนทางวัฒนธรรม+ความคิดสร้างสรรค์ = อุตสาหกรรมใหม่) การพัฒนา

ในปัจจุบันจะยั่งยืนในอนาคต และหัวใจของการทำงานเป็นทีม ให้ดูที่ วัตถุประสงค์ เป็นสำคัญ

ไม่ใช่ดูที่เป้าหมาย

11. สรุป สิ่งที่ได้จากการอบรมทั้งหมด คือ การพัฒนาสร้างทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการสร้าง

ความเป็นผู้นำ ให้มีคุณสมบัติตามแนวทางวิธีการต่างๆ เช่น ความรู้ด้านการสร้าง/บริหารทีม

การบริหารอารมณ์ และ Mind Mapping ซึ่งจะทำให้ภาวะการเป็นผู้นำสมบูรณ์มีคุณค่ามากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นผู้นำที่มีจริยธรรมมีความสามารถต่อประเทศชาติ

-------------------------------------------------------

รัชภูมิ

สิ่งที่ได้จากโครงการอบรมหลักสูตร “Talented Capital Development Program”

ช่วงระหว่างวันที่ 5-13 พฤศจิกายน 2552

1. ข้อคิดในการเรียนรู้เพื่อการพัฒนา : การสร้างผู้นำการเปลี่ยนแปลงในยุคโลกาภิวัฒน์ที่มีการ

เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด โดยใช้หลักแนวคิดทฤษฎี Triple Three (3T) ได้แก่ ความไว้วางใจ (Trust) การทำงานเป็นทีม(Team) อนาคต (Tomorrow) คือ การสร้างจิตศรัทธา ความเชื่อมั่นไว้วางใจกันเพื่อร่วมกันเป็นทีมงาน สร้างเครือข่ายในการทำงาน นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในอนาคต โดยมีจุดมุ่งหมาย เป้าหมายที่ชัดเจน รวมถึงการปรับเปลี่ยนกรอบความคิด ทัศนคติของตนเองให้เป็นต้นน้ำ เพื่อเข้ากับสภาวะของโลกภิวัฒน์ได้ตลอดเวลา

2. ทฤษฎีสำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน :

1. คนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร จึงต้องมีการพัฒนาคนอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อ

การเติบโตขององค์กรอย่างยั่งยืน ให้เข้ากับสถานการณ์เปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน

2. การทำงานยุคใหม่และการพัฒนาทรัยากรมนุษย์ ต้องศึกษาสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก

รวมถึง Macro สู่ Micro การใช้ทฤษฎีทุนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในยุคโลกาภิวัฒน์ ทุนพื้นฐาน 8K’s และทฤษฎีทุนใหม่ 5K’s

3. การสร้างสังคมการเรียนรู้ โดยใช้ทฤษฎี 4L’s ได้แก่มีวิธีการเรียนรู้ที่ดี สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้

สร้างโอกาสในการเรียนรู้ และสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ควบคู่กับหลักการเรียนรู้ 3L’s ได้แก่ การเรียนรู้จากประสบการณ์ เรียนรู้จากความเจ็บปวด และเรียนรู้จากการฟังเพื่อการวิเคราะห์ปัญหา รวมถึงทฤษฎี 2R’s คือ Reality การมองความจริง และ Relevance ตรงประเด็น

4. ทักษะพื้นฐานของผู้นำที่พึงประสงค์ ได้แก่ มีการคิดวิเคราะห์ การรู้จักสร้างเครือข่ายให้กว้าง การสร้าง

ความสัมพันธ์ การรู้เข้าใจภาษาต่างประเทศ การรู้จักตัวเองและผู้อื่น มีความสามารถในการใช้เทคโนโลยี่สารสนเทศ การมองอนาคตให้ได้ บริหารคนด้วยใจ กล้าตัดสินใจ รู้จักปล่อยวางและบริหารแรงกดดัน

3. การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของ สขช. : ผู้อบรมได้สำรวจและค้นหาตนเองและนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ

องค์กร สร้างผู้นำรุ่นใหม่ ให้มีทักษะพื้นฐานก่อน เพื่อให้ทำงานอย่างมีความสุขและร่วมกันพัฒนาให้สขช.เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) โดยใช้ทฤษฎีของการเรียนรู้ คือ 4L’s (วิธีการ บรรยากาศ โอกาสและชุมชนการเรียนรู้) 2R’s ( มองความจริงและตรงประเด็น ) 2I’s (การจุดประกายและสร้างจินตนาการ) Cและ E (การติดต่อและการมีส่วนร่วม) CU V (การลอกเลียนแบบ การทำความเข้าใจรวมถึงการมีวิวัฒนาการของผู้นำจากการเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งเรียน สู่การประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ มีคุณธรรม และพัฒนาอย่างต่อเนื่องอยู่ตลอดเวลา

4. การสร้างและทีมงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ : มีการใช้ความคิดวิเคราะห์แก้ปัญหาตามสถานการณ์

การใช้จินตนาการคิดสร้างสรรค์ การสร้างสัมพันธภาพ การร่วมแรงร่วมใจทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อนำพา

องค์การไปสู่ความสำเร็จ

5. การบริหารสัมพันธภาพและความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่ : ทฤษฎี CSM เป็น

กระบวนการที่สามารถดึงดูดและรักษาลูกค้าที่สร้างกำไร ด้วยวิธีการบริหารความสัมพันธ์ ได้แก่ ทำทุกช่วงเหตุการณ์ที่พบลูกค้า การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับลูกค้า สร้างผลประโยชน์ร่วมแบบ Win-Win สร้างความพึงพอใจและความภักดีจากลูกค้า โดยปรับแนวคิด เพื่อสร้างความประทับใจในการให้บริการแก่ลูกค้า ด้วย Mindset เช่น ไวต่อความต้องการของลูกค้า สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ รับผิดชอบและตอบสนอง สร้างมูลค่าเพิ่ม คิดสร้างสรรค์ ใส่ใจและห่วงใย เป็นต้น การทำงานยุคใหม่ต้องเก่งงาน เก่งคน เก่งคิดและเก่งการดำเนินชีวิต หรือการทำงานอย่างมีความสุข 6Qs ที่นำไปสู่ความสำเร็จและความสุขของชีวิต ประกอบด้วย IQ ( ความเก่ง) EQ (ความสุข) AQ (ความสำเร็จ) MQ (ความดี) HQ (ความแข็งแรง) และ SQ (อัจฉริยภาพสูงสุด) และสิ่งสำคัญในการประสบความสำเร็จคือมีการพัฒนา IQ และ EQ อยู่เสมอ

6. Blue Ocean Strategy กับการทำงานของสขช. ในยุคที่โลกเปลี่ยน : การทำงานของ สขช. ในยุคของ

โลกแบน โดยใช้กลยุทธ์น่านน้ำสีครามร่วมกับทฤษฎีเกมส์ มีการคิดวิเคราะห์ คิดนอกกรอบ คิดวิธีการและ กระบวนการใหม่ ๆ ในขณะที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ข้อมูลข่าวสารที่ตรงกับข้อเท็จจริง และทันสมัยอยู่ตลอดเวลา

7. การวางแผนกลยุทธ์ : แนวคิดที่เป็นระบบ คิดเชิงบวก เชิงสร้างสรรค์ เชิงกลยุทธ์ และเชิงศีลธรรม เพื่อ

ประโยชน์ในการกำหนดวิสัยทัศน์ หรือทิศทางขององค์กรให้ชัดเจนว่าในอนาคตจะทำอะไร ทำที่ไหน จากสภาพแวดล้อมโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา งบประมาณมีอย่างจำกัด จะใช้อย่างไรจึงจะคุ้มค่า มีการวิเคราะห์ SWOT จุดแข็งจุดอ่อนภายในองค์กร โอกาสและภัยคุกคามภายนอกองค์กร รวมถึงการวิเคราะห์ความเสี่ยงทางลบเพื่อหาทางป้องกันแก้ไข

8. การบริหารเชิงคุณภาพสำหรับ สขช. : ตามหลักการขององค์กรที่เป็นเลิศ เป็นการนำเกณฑ์ที่กำหนดมา

ใช้เป็นกรอบในการบริหารและประยุกต์ให้เข้ากับบริบทของหน่วยงาน ได้แก่

1. การนำองค์กร โดยผู้บริหารระดับสูง มีธรรมาภิบาลและการรับผิดชอบต่อสังคม

2. การวางแผนเชิงกลยุทธ์ มีการจัดทำกลยุทธ์ และถ่ายทอดกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ รวมถึงการควบคุมกลยุทธ์

3. การมุ่งเน้นลูกค้าและตลาด มีความรู้เกี่ยวกับลูกค้า ตลาดและความสัมพันธ์กับลูกค้า ความพึงพอใจของลูกค้า

4. การวัด วิเคราะห์และการจัดการความรู้ เพื่อทบทวนผลการดำเนินงาน รวมถึงการจัดการสารสนเทศและความรู้ด้าน IT

5. การมุ่งเน้นทรัพยากร มีการจัดระบบงาน การเรียนรู้ของพนักงานและสร้างแรงจูงใจ ความผาสุกและความพึงพอใจของบุคลากร

6. การจัดกระบวนการสร้างคุณค่า และการสนับสนุน

7. ผลลัพธ์การดำเนินงานด้านต่าง ๆ เช่น ด้านการเงิน การตลาด ด้านทรัพยากรบุคคล ด้านประสิทธิภาพขององค์กร ด้านการนำองค์กรและความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นต้น

9.Mind Mappig สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ : มีประโยช์ในการวางแผนกลยุทธ์ โดยวางเป้าหมายไว้ตรงกลาง การบริหารเวลา สามารถสื่อสารได้ โดยการคิดอย่างมีระบบ คิดอย่างสร้างสรรค์ คิดกว้าง (กิ่งแก้ว) คิดลึก (กิ่งก้อย) ความจำที่เพิ่มศักยภาพของตนเอง ความฉลาดไม่สำคัญเท่ากับความสุขที่ได้ทำ ต้องลองทำเรื่องง่ายก่อน และเตรียมข้อมูลมากกว่าคนอื่น 3 เท่า

10.แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร : White Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว เป็นพื้นฐานการบริหารองค์กรแบบองค์รวม ที่ครอบคลุมแนวทางการดำเนินงานทั้งหมดไปจนถึงการยึดมั่นในคุณงามความดี มีศีลธรรม จริยธรรมในการประกอบการ ปรับมุมมองจากที่เคยตักตวงผลปรโยชน์จากสังคม มาเป็นการช่วยเหลือ แบ่งปัน และเป็นส่วนหนึ่งของสังคม โดยคำนึงถึงภาพกว้างของ People, Planet, Profit, และ Passion เป็นแรงขับเคลื่อนในการปฏิบัติงานทุกภาคส่วน

11. Creative Thinking และ Value Innovation กับการทำงานของ สขช. : โลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยี่สารสนเทศเปลี่ยนไป จึงได้มีแนวคิดที่สร้างสรรค์อย่างเป็นระบบ คิดเป็นบวก ใช้จิตนาการควบคู่ไปกับความรู้จากภูมิปัญญาของตนเองและสิ่งแวดล้อมภายในและภายนอกประเทศ เพื่อนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ สร้างความสำเร็จให้กับองค์กร

จากคำจำกัดความ ” คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร” ไม่ใช่เงิน สิ่งของหรือเครื่องจักรใดๆทั้งสิ้น ในโลกการเปลี่ยนแปลงยุคโลกาภิวัฒน์ การสร้างคนให้เป็นผู้นำขององค์กร ต้องเริ่มต้นจากเริ่มเข้าทำงาน และมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ มีการสร้างจิตศรัทธา ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ การสร้างทีมงานให้มีประสิทธิภาพ และมุ่งผลสัมฤทธิ์ มีการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการเชิงคุณภาพ การวิเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์บวกกับจินตนาการ ในการสร้างนวัตกรรม การเพิ่มทักษะ มีการคิดอย่างเป็นระบบ รวมถึงการปรับเปลี่ยนค่านิยม ทัศนคติ และวัฒนธรรมขององค์กร ให้มีศีลธรรม คุณธรรมและจริยธรรม เพื่อก่อให้เกิดการสร้างองค์กรที่ดี เกิดการพัฒนำไปสู่การเรียนรู้และสร้างสังคมการเรียนรู้ เพื่อร่วมกันนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ อย่างยั่งยืน

--------------------------------------

นวลจันทร์ ทรัพย์ประเสริฐ

โครงการฝึกอบรมหลักสูตร “พัฒนาทุนความรู้ ทักษะ และทัศนคติ สำหรับบุคลากรของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ” (Talented Capital Development Program)

สิ่งที่ได้รับจาการอบรมในห้วงที่ผ่านมา

๑. ทฤษฎีสำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน

คนเป็นทรัพยากรมีค่ามากที่สุดขององค์กร ทรัพยากรมนุษย์ไม่ใช่ต้นทุนแต่เป็นกำไร การบริหารความเป็นเลิศของคนในองค์กร ต้องมองที่ผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่การมองภาพของทรัพยากรมนุษย์ต้องมองจากภาพกว้างทั้งระบบจากสภาพแวดล้อมภายนอก สู่สภาพแวดล้อมภายใน จนถึงระดับตัวบุคคล การพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ให้มีทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติที่ดีในการทำงาน มีภาวะผู้นำ มีบุคลิกภาพและศักยภาพที่พร้อมต่อการทำงานในยุคโลกาภิวัฒน์ ให้จุดประกายความคิด สร้างการทำงานเป็นทีม และสร้างพลังในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ สร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างเครือข่ายและแนวร่วมในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธภาพที่สูงขึ้น โดยใช้ทฤษฎีต่างๆ มาปรับใช้ อาทิ ทฤษฎี ๔ L’s ทฤษฎี ๓ L’s ทฤษฎี ๒ R’s ทฤษฎี ๘ K’s ทฤษฎี ๕ K’s ทฤษฎี ๓ วงกลม

๒. การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

เพื่อสำรวจและค้นหาตัวเอง นำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่องค์กร สร้างผู้นำรุ่นใหม่ สร้างทุนแห่งความสุข หรือการทำงานอย่างมีความสุขร่วมกันในองค์กร ร่วมกันพัฒนาให้องค์กรแห่งการเรียนรู้ ผ่านแนวคิดของ ดร.จิระ เพื่อ HR เป็นเลิศ และการพัฒนาภาวะผู้นำ โดยผู้นำองค์กรต้องทำจริง และต้องทำให้สำเร็จ ถึงแม้ต้องใช้เวลานาน แต่ก็จะคุ้มค่า

๓. การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ

เป็นการเรียนรู้การทำงานร่วมกันจากบุคคลหลากหลายสายงาน ฝึกฝนทักษะการทำงานเป็นทีมเพื่อจุดมุ่งหมาย/วัตถุประสงค์ที่วางไว้ โดยใช้ศักยภาพและความแตกต่างของบุคคลในทีมนำไปสู่ความสำเร็จ การยอมรับความคิดเห็นของกันและกัน เรียนรู้และเข้าใจค่านิยมและความเชื่อของเพื่อนร่วมทีม ใช้ทักษะในการสื่อสารระหว่างสมาชิกในทีมงานและระหว่างทีมงาน ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการปรับปรุงการทำงานในทีม

๔. การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า

วิธการบริหารความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ อาทิ ทุกช่วงเหตุการณ์ที่พบลูกค้า (Moment of Truth) ต้องทำให้ลูกค้าจดจำและประทับใจอย่างดีเยี่ยม ด้วยหลักการเอาใจใส่ (Empathy) และ I CARE สร้างมูลค่าเพิ่มร่วมกับลูกค้า (Value Creation) สร้างภาวะผลประโยชน์ร่วม (Win - Win) สร้างความพอใจ ความภักดี (Customer Satisfaction & Loyalty) ผู้ให้บริการต้องใช้หลักธรรมพรหมวิหาร ๔ และต้องคิดอยู่เสมอว่าลูกค้าคือผู้ที่สำคัญที่สุด (Customer is the king)

๕. ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่

การทำงานยุคใหม่ต้องเก่งงาน (Task Ability) เก่งคน (Human Skills) เก่งคิด (Conceptual Skills) เก่งการดำเนินชีวิต (Happy Work Happy Life) มีความสามารถในการตะหนักรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่น บริหารอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น สามารถจูงใจตนเองและผู้อื่นได้ มีความเห็นใจและเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น ตลอดจนสื่อสารสร้างมิตรกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี จูงใจตนเอง (Self Motivation) เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ใช้หลักการควบคุมอารมณ์

๗. สำนักข่าวกรองแห่งชาติในยุคที่โลกเปลี่ยน และ Blue Ocean Strategy กับการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

มีข้อมูลข่าวสารมากมาย แต่การใช้ประโยชน์จากข้อมูลต้องผ่านการกลั่นกรอง/วิเคราะห์ เปลี่ยนแนวคิดใหม่ให้คิดแบบองค์รวมเป็นระบบ ใช้ทฤษฎีเกมในการช่วยตัดสินหาคำตอบ แต่อย่าใช้อารมณ์เป็นเครื่องตัดสินใจ ใช้ทฤษฎี Blue Ocean Strategy ในการแสวงหาแนวทางใหม่ เพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร คิดแบบใหม่สู่ความเป็นหนึ่ง

๘. สำนักข่าวกรองแห่งชาติกับการวางแผนเชิงกลยุทธ์

การวางแผนเชิงกลยุทธ์ช่วยกำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ใช้ทรพยากรอย่างมีคุณค่า พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน สร้างแนวทางไปสู่การปฏิบัตอย่างได้ผล ใช้การวิเคราะห์ SWAT ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และมองถึงอนาคตด้วย

๙. การบริหารเชิงคุณภาพสำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

เรียนรู้แนวคิดการบริหารเชิงคุณภาพของหน่วยงานภาครัฐแนวใหม่ ใช้แนวทาง PMQA เพื่อให้ก้าวข้ามจากความเป็นระบบราชการ

๑๐. Mind Mapping สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ

กระบวนการคิดเป็นระบบแบบ Mind Mapping ช่วยในการคิดเป็นระบบ ใช้การจดจำอย่างมีแบบแผน ช่วยในการวิเคราะห์ระบบงาน

๑๑. แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร

กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว ช่วยให้เกิดองค์กรเพื่อสร้างผลเชิงบวกต่อสังคม มีเป้าหมายระยยะยาวและมองภาพใหญ่ระดับมหภาค แสวงหาจุดสมดุลระหว่าง People, Planet, Profit และ Passion โดยยืนอยู่บนหลักการของโลกอันอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ความเป็นจริงและความเป็นเนื้อแท้ เป็นองค์กรที่มีจิตสำนึกต่อสังคม เป็นผู้สร้างบรรทัดฐานใหม่ (Set the Benchmark)

๑๒. Creative Thinking และ Value Innovation ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

ทุนทางวัฒนธรรมเป็นทุนสูงสุดของชาติ การพัฒนาเพื่อให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ต้องใช้ทุนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ โดยแนวคิดการพัฒนาให้อยู่ในชีวิตร่วมสมัย ให้ยั่งยืนในอนาคต ผ่านความคิดสร้างสรรค์มีจินตนาการ และลงมือปฏิบัติอย่างมีวัตถุประสงค์ บนพื้นฐานของการทำให้สังคมอยู่อย่างมีสุข

นายสังวร บุญไสย

Talented Capital Development Program

พัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะและทัศนคติ สำหรับบุคคล ควรเริ่มด้วยการสร้างคน ให้เรียนรู้แบบสมัยใหม่ โดยให้ความคิด พร้อมเป็นผู้นำในยุคโลกาภิวัตน์ ดังนี้

1. พัฒนาคนให้เน้นที่ตำแหน่ง วางคนให้ตรงกับความรู้

2. รูปแบบการทำงาน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงภายนอก

3. พัฒนาคน ความรู้ องค์กร ให้ไปพร้อมกันทั้งระบบ

4. การวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งแต่ละคน คิดเข้าข้างอย่างจริงจังของแต่ละคน

5. สร้างการทำงานเป็นทีม นำคนที่มีความสามารถแต่ละด้านมาร่วมกันทำงานอย่างเสมอภาคเท่าเทียม

6. สามารถพัฒนาองค์กรได้เร็วโดยยึดหลักความสมดุล

7. จัดลำดับความสำคัญของงาน กำหนดแนวทางปฏิบัติจะทำอะไรก่อน

8. การทำงานอย่าสร้างภาพ ภายใต้ข้อจำกัดขององค์กร

นอกจากความรู้จากการเรียนแล้ว จะต้องมีการวิเคราะห์ ก็มีความจำเป็นในการศึกษา เมื่อได้ข้อมูล ต้องมีการกลั่นกรอง เนื่องจากข้อมูลมีมาก ควรจัดลำดับความสำคัญ ตัดสินใจด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง มีชัดเจน มีความไว้วางใจ เชื่อใจ ปฏิบัติตามกฎ รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ด้วยหลักการสร้างความประทับใจ ในการเอาใจเขามาใส่ใจเรา (empathy) หลักสัจธรรมพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ด้วยความยืดหยุ่น เป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มโดยให้มีความสุขมากขึ้น สร้างความสัมพันธ์ ความพอใจในผลประโยชน์ เมื่อมีข้อมูลสำหรับการวางแผนเพื่ออนาคต กระบวนการเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ มุ่งเน้นส่วนที่มีความสำคัญในการกำหนดทิศทาง (วิสัยทัศน์) ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีเข้าใจและรู้เท่าทันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็วและสามารถปรับตัวได้ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพราะมีอยู่อย่างจำกัด มีจิตนาการในการช่วยให้ความคิดเป็นระบบ และมีความลึก

ผู้นำในยุคโลกาภิวัตน์ ต้องเป็นคนกล้าในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง คิดกว้าง มองไกล ใฝ่สูง เน้นคุณธรรม จริยธรรม มีความคิดอย่างสร้างสรรค์ นำเทคโนโลยี Innovation มาใช้ในการทำงาน ใฝ่รู้ตลอดเวลา สร้างเครือข่าย

บทเรียนจากความจริง พลเอกชวลิต คุณบรรหาร คุณเสนาะ พล.ต.สนั่น

มนุษย์ เป็นทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุด ไม่ว่าอายุจะมากเพียงใด แต่มากไปด้วยประสบการณ์ วิธีการปฏิบัติงานต้องทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์

พล.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย อดีตหัวหน้าพรรคความหวังใหม่/นายกรัฐมนตรี

นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย/อดีตนายกรัฐมนตรี

นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช/อดีตเป็นเลขาธิการพรรคความหวังใหม่ พรรคชาติไทย สนับสนุน พล.อ.ชวลิตฯ และ นายบรรหารฯ เป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทย

พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ อดีตเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์/รัฐมนตรี และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จ

บุคคลทั้ง 4 ท่าน เป็นคนที่มีความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทางการเมืองสูง ถึงอายุมากแต่รักษาสุขภาพ ร่างกาย จิตใจให้แข็งแรง สนใจใฝ่หาความรู้ใหม่ ๆ อยู่เสมอ ซึ่งจะเป็นที่พึ่งให้คนรุ่นหลังได้นำมาศึกษาเป็นแบบที่ดีต่อไปในอนาคต

คุณลักษณะของผู้นำที่ดีควรมี คือ

1. Honesty ความซื่อสัตย์

2. Depth ทำอะไรลึกซึ้ง

3. Vision มีวิสัยทัศน์

สิ่งที่ควรจะมีควบคู่ไปกับคุณลักษณะ คือเรื่องความอยากรู้อยากเห็น (Curiosity) นวัตกรรม (Innovation) จึงทำให้มนุษย์มีคุณค่ามากขึ้น ฉะนั้นจึงไม่ควรมองคนที่มีอายุ

รำพึง ศรีศักดา

1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน เพื่อในหลวง

คำอธิษฐาน เพื่อรวมพลังเป็นหนึ่ง ของคนไทยเพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ขอพระบารมีจงดลบันดาลให้คนไทยเกิดพลังสมัครสมานสามัคคี อย่าแตกแยก สำหรับเงินที่ได้นำไปสนับสนุนโครงการมูลนิธิพระดาบส ซึ่งเป็นโครงการของพระองค์ท่าน ในการพัฒนาคนไทยให้มีอาชีพและจิตใจ ในการสร้างคุณค่าที่ดีต่อสังคม

รำพึง ศรีศักดา

คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

คนไทยทุกคนเมื่อทำความผิดที่สุดแล้วต้องมารับโทษที่ตนเองกระทำไว้ตามกระบวนการยุติธรรม เพราะคนไทยต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย

สาเหตุการมาร่วมดำเนินการทางเมืองของ พล.อ.ชวลิตฯ คือ

1. เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์

2. ต้องการสร้างความสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นกับทุกสี ทุกฝ่าย

3. ต้องการให้พื้นที่ 3 จชต.เกิดความสงบสุข ร่มเย็น ไม่ให้เกิดเหตุร้าย

รำพึง ศรีศักดา

นักการเมืองหญิงไทย

การเมืองไทย มี 2 แบบ คือ 1) มีบุคลิกดี ครอบครัวสนับสนุน มีอุดมการณ์ เล่นการเมืองหวังผลประโยชน์ 2) เป็นนักวิชาการที่โดดเด่น มีความรู้ดี มุ่งมั่นเพื่อส่วนรวม

การเมืองหญิงไทย ที่จะทำให้ประเทศ/ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดจะต้องนำทั้ง 2 แบบ รวมกัน แต่นักการเมืองที่มีความรู้ ความสามารถ มีคุณธรรม แต่ไม่มีผู้สนับสนุนมักไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่มีฐานเสียง ไม่มีผู้ให้การสนับสนุน

ส่วนนักการเมือง ที่มีฐานเสียงเดิม มีผู้ให้การสนับสนุน อาจประสบความสำเร็จ ประเทศ/ประชาชน ได้รับประโยชน์น้อย

ปัจจุบันนักการเมืองหญิงไทยมีน้อยคนที่จะอุทิศเวลาทำงาน เสียสละ เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แต่จะคำนึงถึงผลประโยชน์/ปกป้องคุ้มครอง ทางธุรกิจของตนเอง ครอบครัว หรือ ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมที่จะสามารถกระทำได้ ตามที่ตนเองมีอำนาจจะสั่งการได้

ดังนั้น การเมืองจะต้องมีทั้ง 2 แบบ หากมีแบบใดแบบหนึ่ง ความมั่นคงของนักการเมือง ไม่มี ประเทศ/ประชาชน ได้รับประโยชน์น้อย

รำพึง ศรีศักดา

การเชื่อมโยงความรู้ที่ได้รับในแต่ละวัน

1. ปัจจัยที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคโลกาภิวัตน์ ทำให้องค์กรต่างๆ ไม่เพียงแต่ภาคเอกชน ส่วนราชการต่างๆ ซึ่งรวมถึง สขช.จำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง ต้องสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายใต้แนวคิดของการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และการเติบโตอย่างยั่งยืน คนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร จึงเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การสร้างความเข้าใจในเรื่องการพัฒนาคน ให้เกิดความตระหนักว่าคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดขององค์กร และเชื่อมั่นว่าคนสามารถเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต จึงเกิดขึ้น โดยการสร้างคนให้เกิดการเรียนรู้และพัฒนาต้องทำในทุกระดับเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างคนให้มีภาวะผู้นำหรือเตรียมคนไปสู่การเป็นผู้นำ กลายเป็นเรื่องจำเป็นในโลกที่มีการแข่งขันสูง การจะสร้างคนให้เป็น Change Agent ต้องทำให้เกิดแรงจูงใจ จุดประกายความคิด และเสนอวิธีการเรียนรู้ให้โดยอาศัยหลักแนวคิดทฤษฎีต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนได้ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน โดยมี หลักยึดที่สำคัญคือ ไม่เน้นให้เป็นคนเก่งเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเป็นคนดี มีคุณธรรม และรับผิดชอบต่อสังคมด้วย

2. การที่คนเราทำงานไปเรื่อยๆ จะขาดทักษะด้านความคิด (thinking skills) มีแต่ทักษะการทำงาน (working skills) เพียงอย่างเดียว ซึ่งนับว่าไม่เพียงพอสำหรับสังคมโลกปัจจุบัน จึงต้องมีการเรียนรู้และพัฒนา รู้จักเชื่อมโยงนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ การรู้จักนำทฤษฎีที่สำคัญของการเรียนรู้ไปประยุกต์ใช้กับการทำงาน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับหน่วยงานเช่น สขช.เพื่อปรับให้คนกลายเป็น Change Agent เป็นการเตรียมคนเพื่อนำพาก้าวไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (learning organization) ทักษะเหล่านั้นมี อาทิ

- การศึกษาสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกที่เกิดจากกระแสโลกาภิวัตน์ ให้เข้าใจสังคมโลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ได้ ต้องมุ่งไปข้างหน้า เป็นการเรียนรู้จากภาพใหญ่ (macro)ไปสู่ภาพเล็ก (micro)

- การนำหลักการเรียนรู้แบบต่างๆ อาทิ หลัก 3L’s 4L’s เพื่อการเรียนรู้และสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และ 2R’s เพื่อการวิเคราะห์ปัญหา หลัก 8K’s หลัก 4 E’s และ 5E’s เพื่อการพัฒนาผู้นำแบบใหม่ ฯลฯ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะคุณลักษณะของผู้นำที่พึงประสงค์สำหรับ สขช. สำคัญมากสำหรับการเป็นผู้นำในอนาคต ได้แก่ 1 ) ทักษะการคิดวิเคราะห์ 2) การสร้างเครือข่าย 3) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทั้งในองค์กรและภายนอก 4) ทักษะภาษาต่างประเทศ 5) รู้เขารู้เรา 6) การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 7) การมองอนาคตไปข้างหน้า 8) การบริหารคนเป็นทั้งในและนอก 9) การกล้าตัดสินใจ และ 10) การรู้จักปล่อยวางและบริหารภายใต้แรงกดดัน ขณะเดียวกันผู้นำยังต้องเชื่อมั่นศรัทธาในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ มีส่วนร่วมกับผู้ใต้บังคับบัญชา และเรียนรู้การทำงานร่วมกันเป็นทีม เพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จด้วย

- การจัดระบบความคิด (mindmap) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานนำไปใช้ได้ในการทำงานทั้งการเขียนแผน การเขียนรายงาน จัดระเบียบข้อมูล ฯลฯ

- การคิดเชิงสร้างสรรค์ (creative thinking) หัดให้มีความคิดริเริ่มคิดใหม่ๆ คิดอย่างเป็นระบบ นำความคิดและจินตนาการ ไปพัฒนาต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรม สามารถปรับใช้ในการทำงานข่าวได้ เพื่อพัฒนาให้งานมีคุณค่ามากขึ้น เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ สนองความต้องการของผู้ใช้ข่าวได้ดียิ่งขึ้น

3. นอกเหนือจากหลักการเรียนรู้ที่ต้องนำไปใช้ปฏิบัติแล้ว ทักษะที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำงานอย่างดีและมีความสุข เช่น 6Qs ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทำงานทุกคนปรารถนา ก็ควรต้องศึกษา ทำความเข้าใจ และนำไปปรับใช้ เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างคนกับคน ไม่ว่าจะอยู่ในระดับหรือในสถานะไหน แนวโน้มคนรุ่นใหม่ต้องการสมดุลมีความสุขทั้งในชีวิตการทำงานและครอบครัว

4. นอกจากนี้ ยังต้องทราบหลักการบริหารจัดการต่างๆ โดยเฉพาะแนวทางการบริหารเชิงคุณภาพ การบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ ที่เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งการทำงานยุคใหม่ต้องมองอนาคต ทำงานต้องสอดคล้องตอบสนองกับวิสัยทัศน์ แผนกลยุทธ์ พันธกิจ เป้าประสงค์ เพื่อนำไปใช้เป็นกรอบคิด (mindset) ในการทำงานต่อไป

สรุปการศึกษาดูงานบริษัทปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (SCG)

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2552

SCG ก่อตั้งเมื่อ ปี 2456 ในสมัยรัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ก่อตั้งถึงปัจจุบันรวมอายุ 96 ปี ปัจจุบันมีคุณกานต์ ตระกูลฮุน ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ แต่ก่อนทำธุรกิจหลากหลายแต่พอช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 บริษัทจึงทบทวนโครงสร้างและผลิตภัณฑ์ตามความถนัดของตนเอง จนในปัจจุบันมีธุรกิจหลักรวม 6 สายงาน คือ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ ธุรกิจกระดาษ ธุรกิจซีเมนต์ ธุรกิจผลิตภัณฑ์ ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจจัดจำหน่าย ธุรกิจการลงทุน และ SCG มีบริษัทในเครือกว่า 200 บริษัท

สิ่งที่ SCG ยึดถือและทำให้องค์กรประสบความสำเร็จมาตลอด ได้แก่

1. บรรษัทภิบาล คือ ยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โปร่งใส ตรวจสอบได้รวมทั้งยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อ สภาพแวดล้อม สังคม และประเทศชาติ เพื่อประโยชน์อันยั่งยืนร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทถือปฏิบัติในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด

2. จรรยาบรรณ - ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เกี่ยวข้อง

- การหาผลประโยชน์ทางธุรกิจ จะไม่รับหรือให้ เงิน / สิ่งของ แก่ผู้ใดเพื่อกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ไม่ถูกต้อง

- ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง

- ไม่เลือกปฏิบัติ เช่น ชาย/หญิง , ศาสนา, ปฏิบัติกับบริษัทที่ลงทุนเท่าเทียมกันทั่วโลก

ข้อพึงปฏิบัติของพนักงาน

- รักษาทรัพย์สินขององค์กร

- รักษาผลประโยชน์ขององค์กร คือ ไม่ลงทุนแข่งกับบริษัท/ไม่ใช้ข้อมูลองค์กรไปสร้างประโยชน์ส่วนตัว

- รักษาชื่อเสียงของบริษัท

- การปฏิบัติตนและการปฏิบัติต่อพนักงานอื่น ปฏิบัติตามกฎระเบียบ ข้อบังคับ/หลีกเลี่ยงการให้ของขวัญ ที่มีค่าแก่ผู้บังคับบัญชาหรือ

ผู้ใต้บังคับบัญชา

3. อุดมการณ์ 4 ประการ (Quality & Fairness)

1. ตั้งมั่นในความเป็นธรรม 2. มุ่งมั่นในความเป็นเลิศ 3. เชื่อมั่นในคุณค่าของคน และ 4. ถือมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม

วิสัยทัศน์ของ SCG “ คือ ภายในปี พ.ศ. 2558 SCG จะเป็นองค์กรที่ได้รับการยกย่องในฐานะเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมที่น่าร่วมงานด้วย และเป็นแบบอย่างด้านบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ” ซึ่ง SCG มองว่าการที่จะไปให้ถึงวิสัยทัศน์ได้ต้องออกไปลงทุน

ต่างประเทศ และต้องมีการเพิ่มหรือสร้างคุณค่าของสินค้าและบริการให้เป็นเลิศทันการเปลี่ยนแปลงของโลก “SCG มองว่า คนหรือพนักงานเป็นสิ่งสำคัญและมีคุณค่าขององค์กร”

คนเก่งและคนดีแบบ SCG

คนเก่ง 4

1. เก่งงาน ทำงานได้สำเร็จ 2. เก่งคน ทำงานเป็นทีม

3. เก่งคิด คิดริเริ่มสร้างสรรค์ 4. เก่งเรียน เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เรียนรู้งานได้ดี

คนดี 10

1. ต้องมีน้ำใจ 2. ใฝ่หาความรู้ 3. มีความวิริยะอุตสาหะ 4. มีความเป็นธรรรมและซื่อสัตย์ 5. เห็นแก่ส่วนรวม 6. รู้หน้าที่ใน งาน

ครอบครัว สังคม 7. มีทัศนคติที่ดี (เชิงบวก) 8. มีวินัยและสัมมาคาระวะ 9. มีเหตุผล 10. รักษาชื่อเสียงของตนเองและบริษัท

การจัดการด้าน HR

- มีการรับสมัครพนักงานผ่าน website ทั้งหมด, มีการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์, การไปคัดตัวเด็กหรือค้นหาเด็กที่มีความรู้ความสามารถตั้งแต่ยังไม่จบจากสถาบันอุดมศึกษา การให้การสนับสนุนทุนการศึกษา

- เมื่อพนักงานเข้ามาใหม่จะมีการให้ความรู้ในภาพรวมของบริษัท ปลูกฝังความมีจริยธรรมสร้างคนเก่งและคนดีให้บรษัทและสังคม และให้พนักงานใหม่มีการสร้างเครือข่าย

- มีการพัฒนาพนักงานโดยให้ความรู้ในด้านการทำงาน ภาษาต่างประเทศ ให้ทุนการศึกษาตั้งแต่ระดับ ป.โท - ป.เอก กับสถานศึกษาทั้งในและนอกประเทศ

- การประเมินผล โดยให้ผู้บังคับบัญชาโดยตรงประเมินลูกน้อง จากนั้นต้องนำผลประเมินเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการประเมินผลภาพรวมอีกครั้งเพื่อความเป็นธรรม (Manager evaluate then final approve by committee)

สมรรถนะหลัก

- มีความใฝ่รู้มากแค่ไหน - มีมุมมองเชิงกลยุทธ์

- Innovation มีนวัตกรรมใหม่ - เมื่อทำงานเป็นทีมก็ต้องเป็นทีมที่ดี เมื่อเป็นผู้นำต้องเป็นผู้นำที่ดี

- มีทักษะในการให้คำปรึกษา - มีความมุ่งมั่น

- มีการปรับตัว ในด้านต่างๆ เช่น การทำงาน วิวัฒนาการของโลก

- มีทักษะทางด้านภาษาต่างประเทศ

Innovative - Workplace

คุณลักษณะของพนักงาน

กล้าเปิดใจรับฟัง, กล้าคิดนอกกรอบ, กล้าพูดกล้าทำ, กล้าเสี่ยงกล้าท้าทาย, กล้าเรียน ใฝ่รู้

คุณลักษณะของหัวหน้า

เพิ่มจากของพนักงาน 3 ประการ คือ เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง, สนับสนุนการเปลี่ยนแปลง และ บริหารการเปลี่ยนแปลง

Talent Development

Human Development Practice

Training Master Degree Scholarship

Domestic and Oversea Visit Job Rotation

Coaching Counseling Being Instructor

Productivity Improvement Participation

หลักการดูแลรักษาคนของ SCG

“ ดูแล/ให้ โดยไม่ต้องรอให้ร้องขอ” “Give Before Demand”

“ต้องดูแลให้เหมือน ลูก/พี่/น้อง /คนในครอบครัวเดียวกัน”

Key Success Factor

ผู้บริหารให้การสนับสนุน มีตัวแทนกลุ่มธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วม

จัดการการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ พนักงานต้องรับรู้และเข้ามามีส่วนร่วมกับทุกกิจกรรม

 มีการสื่อสาร

สรุปคำถาม-คำตอบ

ถาม เปรียบเทียบงานเอกชนและราชการในเรื่องของลักษณะงาน การบริหาร การตลาด การผลิต

ตอบ สิ่งที่เหมือนกัน คือ ต้องดูว่าอะไร คือ Product หลักของเราก่อน และ Customer ของเราคือใคร

สำหรับ SCG เรื่องของงบประมาณในการใช้ HR จะเน้นถูก/ดี/เร็ว แต่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ใน

กระบวนการคิดต้องคิดเชิงกลยุทธ์

ถาม เทคนิคที่ทำให้วัฒนธรรมองค์กรเข้มแข็ง

ตอบ จรรยาบรรณและวัฒนธรรมในองค์กรมีมานานแล้วและมีการสืบทอดต่อกันมา แต่ในส่วนของ

Innovation เริ่มมีการสร้างและสร้างอย่างเป็นระบบต่อเนื่องสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กร

ถาม การให้ค่าตอบแทนนอกจากเป็นรูปตัวเงินแล้วยังมีอย่างอื่นอีกหรือไม่

ตอบ นอกจากเงินเดือน/โบนัสแล้ว ยังมีสวัสดิการด้านสุขภาพค่ารักษาพยาบาลพนักงาน คนในครอบครัว พ่อแม่ ศูนย์ฝึกกีฬา

การให้ความรู้ฝึกอบรมตามแผน

ถาม ระบบ พี่เลี้ยงขององค์กรมีจุดแข็งอย่างไร

ตอบ ผู้บังคับบัญชามาช่วยจริงจัง / มีการสื่อสารที่เป็นระบบทั่วถึง

ถาม SGC ทำอย่างไรจึงไม่ถูกแทรกแซงทางการเมือง

ตอบ ทุกสิ่งที่ทำตามขั้นตอบกระบวนการผ่านระบบราชการตามปกติ/ไม่มีการสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง

ข้อสังเกต การที่ SCG สามารถเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงปัจจุบันเนื่องจาก

มีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง อยู่ร่วมกันแบบครอบครัว มีการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ในบรรยากาศการทำงานที่เปิดเผย โปร่งใส พนักงานของยึดมั่นและปฏิบัติตามอุดมการณ์ 4 และจรรยาบรรณของ SCG

ผู้บริหารและองค์กรให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์มองว่า “มนุษย์” เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า ดูแลใส่ใจและให้ความสำคัญกับการคัดสรร พัฒนาและรักษาไว้ในทุกขั้นตอน CEO ลงมาร่วมกิจกรรมของ HR อย่างสม่ำเสมอ

มีความเป็นกลางไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองดำเนินธุรกิจแบบให้ผลตอบแทนแก่ลูกค้า

มีการพัฒนาคนและองค์กรให้ทันกันการเปลี่ยนแปลงของโลก

สามารถรักษาคนดี + คนเก่งให้อยู่ในองค์กรได้

ให้ความสำคัญกับ HR Communication

บทเรียนจากความจริงกรณีคุณรักเกียรติ และคุณราเกซ

คดีคุณรักเกียรติ และคุณราเกซ เป็นบทเรียนให้กับนักการเมืองไทยได้ศึกษาและนำไปเป็นบทเรียนได้ดีว่าโลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเกิดมาแล้วก็ควรเลือกทำในสิ่งดี ๆ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้จดจำในการนำไปเป็นแบบอย่าง

สำหรับคุณรักเกียรติ และคุณราเกช ถือว่าเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่ายิ่งต่อสังคมและประเทศชาติ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ จนก้าวไปสู่ผู้นำในทางการเมือง และในภาคธุรกิจ แต่บุคคลทั้งสองนำความรู้ความสามารถไปใช้ในทางที่ผิด โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ไปแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้องในทางมิชอบ เพราะขาดคุณธรรม จริยธรรม ทำให้ต้องเร่ร่อนไปอยู่ต่างประเทศ แต่แล้วก็หนีไม่พ้นกระบวนของกฎหมายของไทย ซึ่งถือว่าเป็นกฎแห่งธรรมที่ทำไว้ คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จากกรณีดังกล่าวน่าจะเป็นบทเรียนให้กับคุณทักษิณได้ แต่อย่างไรก็ตามคุณทักษิณมีความ

แตกต่างจากคุณราเกซ และคุณรักเกียรติ ที่จะเรียกเล่น Game Theory Concepts เพื่อให้ตนเองไปสู่ชัยชนะ แต่คุณทักษิณ จะแพ้หรือชนะขึ้นอยู่กับกรรมดีกรรมชั่วก่อไว้ เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์

สรุปแนวคิดที่ได้จากการหลักสูตรพัฒนาทุนทางความทรู้ ทักษะ และทัศนคติ สำหรับบุคลากร และการเชื่อมโยงกับการทำงาน

แนวคิดที่ได้รับ

เห็นคุณค่า และความสำคัญของการเป็นทุนมนุษย์ ซึ่งเป็นทุนที่สำคัญที่สุดขององค์กร ที่จะทำให้องค์กรพัฒนาหรือล้มเหลว ดังนั้น เราในฐานะที่เป็นคนสำคัญนี้ จึงควรจะหันมามองตัวเอง เพื่อจะเริ่มต้นพัฒนาที่ตัวเองก่อน ซึ่งจะส่งผลให้องค์กรได้ก้าวหน้า มีความมั่นคงอย่างยั่งยืนสืบต่อไปในที่สุด

แนวคิด วิธีการในการพัฒนาตนเอง

1. ต้องมองที่ตัวเอง

สำรวจตนเอง เพื่อหาข้อดีที่จะนำไปปรับปรุง เสริมสร้างศักยภาพ กำลังใจของตน และหาข้อเสีย เพื่อจะปรับปรุง ลดช่องว่างที่จะทำให้เราต้องเสียโอกาส

2. ยึดมั่นหลักความถูกต้อง คุณธรรม การจะพัฒนาตนเองสิ่งแรกที่ต้องพัฒนาให้ได้ก่อน คือ พัฒนาจิตใจของเราเองก่อน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ทุกคนก็ควรเป็นคนดี

ที่มีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม มีคุณธรรมใน White Ocean Strategy

3. เป็นคนที่สนใจใฝ่รู้และมีจิตสำนึกที่จะพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

ความรู้ที่มีก็อาจเก่า บวกกับความรู้ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน ตามโลกที่หมุนเปลี่ยน

อย่างรวดเร็ว

การพัฒนาความรู้

1) ความรู้ในงาน

- ต้องรู้เป้าหมายหลักขององค์กร เพื่อจะพัฒนาความรู้ ความสามารถที่เกี่ยวกับงานในความรับผิดชอบ ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

- ปรับวิธีการคิด ทัศนคติในการทำงาน โดยเน้นความคิดเชิงบวก Positive thinking และการมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ เพื่อจะสามารถจัดการกับปัญหาต่างๆ

ได้อย่างสุขุม รอบคอบ

- เพิ่มขีดความสามารถในด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และการคิดวิเคราะห์

โดยเน้น Blue Ocean Strategy เพื่อปรับให้ทันต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

อย่างรวดเร็ว

- ฝึกทักษะการจัดระบบความคิดให้เป็นระเบียบ และชัดเจน Mind Mapping

- ฝึกความคิดเชิงริเริ่ม สร้างสรรค์ เพื่อนำไปสู่พัฒนางานและลดข้อจำกัดต่างๆ

รวมทั้งการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ (Innovation)

- ขวนขวาย ที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์การทำงานของผู้อื่น หรือหน่วยงานอื่น เพื่อนำแนวทางต่างๆ มาปรับใช้ เช่น ทฤษฎีของนักคิดหรือคนที่ประสบความสำเร็จ อาทิ Ram Charan จากหนังสือ Leaders at all Levels ที่ชี้ให้เห็นว่า คนเรานั้นสามารถเป็นผู้นำได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด โดยการพัฒนาภาวะผู้นำที่จะพัฒนาตนเองให้ไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ หรือทฤษฎีของนักบริหารที่ประสบความสำเร็จทั้งเรื่องการบริหารธุรกิจและงานบุคคล เช่น แนวคิดเก่ง 4 ดี 10 ของ

คุณพารณ อิศรเสนา ผู้บริหารเครือซีเมนต์ไทย ที่เน้นความสำคัญของคนและกำหนดเป้าหมายให้คนในองค์กร ต้องเป็นทั้งคนเก่งและคนดี ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับทุกคนและทุกองค์กร

2) ความรู้ทั่วไป สถานการณ์ทั่วไป รู้ให้เท่าทันและเพื่อป้องกันและช่วยกันแก้ไข

ในด้าน วิกฤติ พลังงาน โลกร้อน ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่การก่อการ้าย หรืออาชญากรรมข้ามชาติ แต่เป็นเรื่องที่มีผลกระทบใกล้ตัวมากขึ้น เช่น แรงงานต่างด้าว หรือ ภัยคุกคามทางเทคโนโลยี การถูก hack ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือการนำข้อมูลส่วนบุคคลของเราไปแสวงประโยชน์ เช่น ข้อมูลที่สมัครสมาชิกของห้าง บัตรเครดิต ซึ่งจะย้อนกลับมาสู่ผู้บริโภคอีกครั้งเพื่อเสนอขายสินค้า)

- ภาษา เสริมทักษะให้ตัวเอง ต้องเริ่มจากง่ายๆ และเปิดใจที่จะเรียนรู้

- เทคโนโลยี เรียนรู้ที่จะใช้ให้เป็น เพื่อพัฒนาการทำงานและลดข้อจำกัดต่างๆ ในทางที่ถูกต้อง โดยไม่ตกเป็นทาสหรือยอมให้เป็นเครื่องแสวงประโยชน์ของคนบางกลุ่ม

4. สามารถปรับตัวและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ รวมถึงการสร้างและบริหารเครือข่าย ความร่วมมือ ให้เกิดประโยชน์กับตนเองและงานที่ทำ (Network & Connection)

5. ต้องกล้าที่จะเปลี่ยน ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน อย่างน้อยก็ต้องทำให้สุดความสามารถและสุดเขตอำนาจที่ตัวเองมี ทำให้ดีที่สุด โดยไม่ต้องกังวลถึงคนอื่นๆ ที่เราไม่สามารถคาดหวังหรือบังคับได้ ดังพุทธนศาสนสุภาษิต บทสำคัญที่ว่า

อัตตานํ ทมยนฺติ ปณฺทิตา” บัณฑิต ย่อมฝึกฝนตน

การนำแนวคิดที่ได้มาปรับใช้ในองค์กร

การพัฒนาคนขององค์กรนั้นมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรทั้งทางตรงและทางอ้อม 4 ประการ คือ

1. เพื่อตัวเองและค้นหาตัวเอง และนำไปสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งต่อตนเองและองค์กร

2. เพื่อสร้างผู้นำรุ่นใหม่

3. เพื่อสร้างทุนแห่งความสุข หรือ การทำงานอย่างมีความสุขร่วมกันของคนในองค์กร

4. เพื่อร่วมกันพัฒนาให้องค์กรมีวัฒนธรรมในการเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

ดังนั้น หากองค์กรเห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของทุนมนุษย์และมีการพัฒนาอย่างถูกต้อง จริงจังและต่อเนื่อง ก็จะสามารถก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้อย่างยั่งยืน โดยต้องสร้างให้เกิดคุณลักษณะที่สำคัญ ดังนี้

1. สร้างความเชื่อมั่น

- การสร้างความเชื่อถือ ศรัทธาในองค์กร

- การสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกัน เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม

อย่างเสมอภาค

- การเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการทำงาน โดยจัดสวัสดิการและดูแล คุณภาพชีวิตอย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

2. สนับสนุนและส่งเสริมการทำงานเป็นทีม

3. สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการจัดระบบความคิดให้เป็นเชิงวิเคราะห์

มีการวางแผนเชิงกลยุทธ์ และกระตุ้นความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์

เพื่อจะพัฒนาทุนมนุษย์ทั้งความรู้ ความสามารถและปลูกฝังค่านิยมในการเรียนรู้

อันจะนำไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ในที่สุด

4. เห็นความสำคัญ และพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อจะพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน

Sustainable ดังคำกล่าวของ Charles Darwin ที่ว่า “ It’s not the strongest of the species that survive , nor the intelligent , the one most responsive to change ”

สิ่งที่ได้รับจากกรณีศึกษา High Performance Organization

องค์ประกอบสำคัญที่สุดของการเป็น องค์กรแห่งความเป็นเลิศ High Performance Organization คือเรื่อง " คน "

รวมทั้งการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่จะประสบความสำเร็จ ต้องเปลี่ยนที่ " คน " แต่ในระบบราชการกลับให้ความสำคัญกับองค์ประกอบอื่นมากกว่า เช่น โครงสร้างองค์กร เทคโนโลยี่ และ กฎระเบียบ ก่อนที่จะสร้างให้เป็น องค์กรแห่งความเป็นเลิศ ต้องสร้างให้ คน เป็น High performer โดยมีหลักการสำคัญ คือ 1. จะต้องขวนขวายในการเรียนรู้มากกว่าการรับรู้ 2. จะต้องมีความกล้าที่จะเสนอความคิดและการแสดงออก 3. จะต้องสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อง 4. ต้องมีอิสระแต่ต้องมีค่านิยมในการทำงานร่วมกัน 5. ต้องเป็นต้นแบบที่ดี และ 6. ต้องดูแลการทำงานและชีวิตของลูกน้อง นอกจากนั้นเมื่อสร้างความเป็นเลิศของคนแล้ว ก็จะขยายต่อ

ไปเป็นการสร้างความเป็นเลิศของทีม High Performance Team ซึ่ง หน. เป็นส่วนสำคัญที่สุด ต้องเป็นผู้สนับสนุน ชี้แนะ และดูแล

และขยายไปสู่ความเป็นเลิศขององค์กร

กรณีศึกษา HPO

1. เรียนรู้หลักการ/แนวคิดการสร้าง HPO จากส่วนราชการ (ก.พ.) และภาคที่มิใช่ส่วนราชการ (ปตท.)

2. วิธีการ/แนวทางกว้างๆ ที่จะสามารถนำพาองค์กร สขช.สู่ความเป็นเลิศ เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

โดยเชื่อมโยง 3 ส่วน ได้แก่

-ด้านบุคลากร ปรับแนวคิดในการรู้จักตนเอง เรียนรู้อยู่เสมอ กล้าเสนอแนวคิด มีความมุ่งมั่นเฉพาะตัว

ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี และเรียนรู้การปรับใช้ประโยชน์ของนวัตกรรม

-องค์กร มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อสร้างความมุ่งมั่น

-การบริหารจัดการองค์กรที่ดี ได้แก่ การบริหารการเรียนรู้ การบริหารการเปลี่ยนแปลง เป็นต้น

ทั้ง 3 ส่วนต้องปรับตัวไปพร้อมกันเพื่อความเป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง

---------------------------

คำมา พื้นทอง

การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

- การทำงานยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติต้องมีความเก่ง 4 อย่าง ดังนี้ 1) เก่งงาน 2) เก่งคน 3) เก่งคิด 4) เก่งการดำเนินชีวิต รวมทั้งความสามารถคือ IQ ความมีความรู้ความสามารถ และความสามารถด้านอารมณ์ EQ ถีอว่าความสามารถในการความรู้อารมณ์ของตนเองและผู้อื่นการบริหารอารมณ์ของตนเองและผู้อื่น ทั้งหมดนี้จะเป็นการเสริมสร้างให้สำนักข่าวกรองแห่งชาติดีขึ้น

High Performance Organization

การจะพัฒนาองค์กรให้ไปสู่ความสำเร็จ ทุกคนต้องพัฒนาตนเอง กล้าที่จะปรับปรุงตนเอง รู้จักคิด วิเคราะห์อย่างเป็นระบบ โดยตั้งเป้าหมายให้สูงอย่างท้าทาย และทำให้ได้โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการพัฒนา ขณะเดียวกันต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของคนในองค์กรให้มีแนวคิดไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้เราต้องสร้างความสมดุลของชีวิต คืองานและครอบครัว เพื่อให้เกิดความสุขในการทำงาน

กาญจนา

ความรู้ที่ได้รับ : High Performance Organization (HPO)

การสร้างองค์กรสู่ความเป็นเลิศ องค์ประกอบคือ

1.ปรับโครงสร้างองค์กร 2.กระบวนการทำงานไม่ยึดกฎระเบียบเกินไป 3.กฎระเบียบ แก้ไขโดยมียุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ 4.คน (สำคัญที่สุดของ HPO) รายบุคคลสำคัญ ,ทีม คือ ร่วมมือ ประสาน สร้างผลงาน

เปลี่ยนวัฒนธรรมคนไทยที่ไม่ชอบเรียนรู้ คือ

1. เรียนรู้ด้วย Knowing – Understanding - Learning – Passion

1. การรับรู้ 2. คิดเชิงวิเคราะห์ 3. Thinking คือทำ Swot ให้ตัวเอง 4. Learning

- การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่สำเร็จ ต้องเปลี่ยนที่คน คือ เปลี่ยนค่านิยม

High Performance (HP)ในบุคคล ดังนี้

1. เรียนรู้ ไม่ใช่ รับรู้ 2. พร้อมเสนอความคิดเห็นต่างจากคนอื่น

2. 3. สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อง 4. มี Share Value ในการทำงานร่วมกัน

3. คือ Share vision และ Strategy 5. ดูแลลูกน้องทำงาน ต้องดูแลชีวิตด้วย

6. Total Quality Management การบริหารคุณภาพทั้งองค์กร ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม

- ถามตัวเองว่าเราเป็น HP แล้วหรือยัง การมี HP หลายคน องค์กรจะเป็น HPO

องค์กรจะเป็นเลิศ คือ

1.สร้างผลตอบแทนสูงกว่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง

2.กำหนดมาตรฐาน ใน Trend เดียวกัน

การรู้ว่าเป็น HPO คือ

1.โดดเด่นในความเป็น Leadership

2. มีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง

3. ต้องมีการจัดการความรู้ โดยปรับเปลี่ยนตัวเอง มีการแบ่งปันความรู้ เช่น หนังสือ 7 Habits

4. การนำเทคโนโลยีมาช่วย เพื่อสร้างความแตกต่าง

5. การนำปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ

หรือ Thailand Quality Award คือตัวชี้วัดได้

การประยุกต์ใช้เพื่อให้เป็น HOP

1. องค์กรต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน 2.มีพันธกิจต่อ ลูกค้า คู่ค้า สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม

3.ค่านิยม คือความเชื่อที่คิดเหมือนกัน ถ้าทำเป็นลัทธิได้จะดี

ตัวอย่างที่ดี คือ ปตท. (ติดอันดับ 140)

1. ผลการดำเนินงานให้เป็นเลิศ 2.ความรับผิดชอบต่อสังคม 3.จริยธรรม

4.ความเคารพกัน 5.Spirit ทั้งคนเก่ง+ดี

- การสร้าง Capability คือ People Process Technology ในปตท.

- การจะกำหนดความเป็นเลิศ ต้องดูว่าอะไรคือ บุคลิก แรงผลักดัน ต้องดูคน

น.ส.บุษบา บรรชาติ

High Performance Organization

การพัฒนาองค์กร ต้องเริ่มจากการพัฒนาตัวเองและให้ความสำคัญกับพัฒนาบุคลากรในองค์กรก่อน ให้ใฝ่เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา สร้าง Learning Culture พร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเอง ถ้าเป็นหัวหน้าก็ต้องเป็น Role model ที่ดีให้ลูกน้องเดินตามด้วยความมั่นใจ ดูแลลูกน้องทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างงานและครอบครัว เพื่อให้ทุกคนทำงานอย่างมีความสุข เปิดโอกาสรับฟังความคิดเห็น ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรมและการทำงานเป็นทีม

กรณีศึกษาของ High Performance Organization

คนในองค์กรมีความสำคัญในการสร้าง High Performance Organization จึงต้องมีการ Managing Change การเปลี่ยนค่านิยมของคนทุกระดับในองค์กรให้เป็นไปทิศทางเดียวกัน โดยเริ่มจากการเรียนรู้ กล้าแสดงความคิดเห็น และยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน การทำงานเป็นทีม ถ่ายทอดความรู้สู่คนรุ่นต่อไป จัดการความรู้อย่างต่อเนื่อง นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน และยึดถือเรื่องธรรมาภิบาลเป็นสำคัญ

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

Talented Capital Development Program

องค์ความรู้ที่ได้จากการเข้ารับการอบรมหลักสูตรพัฒนาทุนทางความรู้ ทักษะ และทัศนคติ (Talent Capital Development Program) ในห้วงที่ผ่านมานั้น ถึงแม้ว่ายังไม่จบหลักสูตร แต่ที่ผ่านมาได้รับความรู้มากมาย ซึ่ง ดร.จิระฯ ได้นำวิชาการต่าง ๆ เช่น ทฤษฎีสำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลง, การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของ สขช., การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ, การบริหารสัมพันธภาพลูกค้า, ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่, สขช.ในยุคที่โลกเปลี่ยน, Blue Ocean Strategy กับการทำงานของ สขช., สขช.กับการวางแผนกลเชิงกลยุทธ์, การบริหารเชิงคุณภาพ สขช., Mind Mapping สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ, Creative Thinking กับการทำงานของ สขช. Value Innovation ของ สขช. รวมทั้งการศึกษาดูงานที่โครงการศึกษาวิจัย และพัฒนาสิ่งแวดล้อม แหลมผักเบี้ย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และการพัฒนาทุนมนุษย์ของ SCG ที่สามารถปฏิบัติได้

ถึงแม้ว่าจะมีวิชาการดีๆ อีกหลายวิชาที่ยังไม่ได้อบรม สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับจากการอบรมครั้งนี้ทำให้รู้ว่า “คนเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในองค์กร” ดังนั้น การพัฒนาผู้นำรุ่นใหม่ของ สขช.จะต้องเป็นการเพิ่มทุนทางความรู้ มีทักษะและทัศนคติที่ดีในการทำงาน มีภาวะเป็นผู้นำ มีบุคลิกภาพและศักยภาพที่พร้อมต่อการทำงานในยุคโลกาภิวัตน์ การจุดประกายทางความคิด สร้างการทำงานที่เป็นทีม เพื่อเป็นพลังในการขับเคลื่อนองค์กร นอกจากนี้ยังสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

การนำหลักวิชาในการอบรมฯ สามารถนำมาปรับใช้ได้ในทุกองค์กร เนื่องจากต้องตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้ ไฝ่รู้ การตื่นตัว การพัฒนาตัวเองและการทำงานอย่างต่อเนื่อง อย่างต่อเนื่อง และอย่างต่อเนื่อง อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในการทำงานที่จะมุ่งไปสู่ความสำเร็จและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น จะต้องมีเครือข่าย (Network) และแนวร่วม (Partners) ที่ดี และสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนรู้มาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร และสุดท้ายจะสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ หรือองค์กรที่มีสมรรถนะสูงได้

กรณีศึกษา High Performance Organization

               การสร้าง High Performance Organization จะเกิดได้ต้องเปลี่ยนค่านิยมใหม่ วางแผนสร้างคนในระยะยาว ให้มีอิสระทางความคิด ใฝ่การเรียนรู้แบบเข้าใจ มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ร่วมกัน 

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

กรณีศึกษาของ High Performance Organization (HPO)

องค์ความรู้ที่ได้รับจาก HPO สรุปได้ว่า การจะพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นเลิศ หรือเป็นองค์กรที่มีสมรรถนะสูง จะต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และจะต้องเริ่มที่การพัฒนาตนเองก่อน โดยการเปลี่ยนค่านิยม หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นอันดับแรก และพัฒนาถึงการทำงานอย่างเป็นทีม และสิ่งที่สำคัญคือ การเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง การกล้านำเสนอสิ่งที่เห็นต่างจากคนอื่น การสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร และสุดท้ายต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในองค์กรด้วย นอกจากนี้ การพัฒนาให้มีภาวะผู้นำ จะต้องมีในทุกระดับชั้น ไม่ใช่มีแต่เฉพาะผู้บริหาร และควรนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาช่วยในการทำงาน

เราได้อะไรจากการฝึกอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program

จากการที่ได้เข้ารับการอบรมหลักสูตร ประการแรกที่ได้รับคือได้รู้จักกับบุคคลากรในองค์กร ที่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้ากันมาก่อนทั้งที่ทำงานอยู่ในองค์กรเดียวกัน แต่ละคนทำงานมานานประมาณ 10 กว่าปีแล้ว

ประการที่ 2 ที่ได้รับคือ การที่เราได้รู้จักกับ ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ (ตัวเป็น ๆ) ซึ่งเคยได้ยินแต่ชื่อของท่านมานานแล้ว ครั้งนี้ที่เราได้รู้จัก พบปะ พูดคุย และได้รับความรู้จากท่าน และยังได้นำวิทยากรที่มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ มาถ่ายถอดความรู้ให้เราได้นำเอามาปรับใช้กับการทำงานในองค์กร ในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป เพื่อที่จะได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ

ประการที่ 3 เรื่องของภาวะผู้นำ การที่คนเราจะมีภาวะผู้นำนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้ทุกคน หากแต่ว่าการพัฒนาบุคลากรให้มีภาวะผู้นำถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต้องมีการถ่ายทอดความรู้ การฝึกอบรม ได้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบุคคลากรที่ได้รับการถ่ายทอดว่าจะสามาถนำสิ่งที่ได้รับมาปรับใช้ได้หรือไม่ เพราะฉะนั้น การจะพัฒนาบุคคลากรผู้บริหารต้องมีความเชื่อมั่นต่อบุคลากร และการจะใช้บุคลากรให้เกิดคุณค่าก็ต้องได้รับการพัฒนาด้านความรู้ ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการสร้างทักษะ หลักการและแนวคิดในการวางแผนและบริหารเชิงกลยุทธ์ การบริหารจัดการในเรื่องอื่น ๆ รวมถึงต้องมีวิสัยทัศน์ การที่งานจะสำเร็จได้ต้องทำงานเป็นทีม เมื่อต้องทำงานเป็นทีมก็ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจ มีความรู้สึกที่ดีต่อกัน เชื่อมั่น ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์ การรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองว่าขณะนี้ทำอะไรอยู่ ต้องการอะไร และต้องเข้าใจผู้อื่นด้วย การสมีสติยั้งคิด บางปัญหาที่เกิดขึ้นต้องแก้ไขอย่างมีสติและสร้างสรรค์ รวมไปถึงการคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ หรืแม้แต่การนำเอา Mind Map มาใช้ในด้วยวิธีการใช้ภาพ สีและเส้นร่วมกันในการจดบันทึกเพื่อให้ง่ายต่อระบบการคิดวิเคราะห์หรือจดจำ ทฤษฎี 4L s คือวิธีการเรียนรู้ บรรยากาศ และโอกาสการเรียนรู้ และต้องยอมรับกับสิ่งเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆที่จะเข้ามาต้องแสงหาความรู้อย่างต่อเนื่อง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ และกล้าที่จะทำ ฯลฯ

สรุปว่า การพัฒนาบุคคลากรถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง เพราะมนุษย์ไม่ไช่เครื่องจักรที่ต้องมีคนควบคุมดูแล ไม่สามารถที่จะคิดทำอะไรเองได้ แต่มนุษย์ยังสามารถที่จะเรียนรู้หรือทำอะไรได้อีกหลายอย่าง

ศิริรัตน์ ปทุมเทพ

การพัฒนาสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ให้เป็นองค์กรสู่ความเป็นเลิศ

ความเป็นเลิศของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีทรัพยากรบุคคล “คน” ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จ การผลักดันองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศไม่ใช่หน้าที่ของคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นของทุกคนในองค์กร ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงพัฒนาตนเองให้เป็นแบบอย่างด้วยความตั้งใจ เต็มใจ ไม่ใช่จากคำสั่งหรือนโยบาย พร้อมกระตุ้นปลูกจิตสำนึกให้คนในองค์กรเห็นถึงประโยชน์ของการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน และผู้นำต้องทำเป็นแบบอย่างให้ผู้ใต้บังคับบัญชายอมรับความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น แม้จะต้องใช้เวลา ความอดทน หรือเสี่ยงต่อการเข้าใจผิดและถูกต่อต้าน

ในขณะเดียวกันการให้ความสำคัญกับ “คน” ต้องนำประสิทธิภาพของคนในองค์กรมาใช้อย่างถูกต้องและเกิดประโยชน์สูงสุด เพิ่มคุณค่าในจริยธรรม คุณธรรม ความรับผิดชอบในหน้าที่ ให้ความรู้ เรียนรู้ร่วมกัน คิดอย่างเป็นระบบ มีอิสระในการแสดงความคิดเห็น มีสปิริต ยอมรับและให้อภัยในความผิดพลาดให้กำลังใจ เคารพในเกียรติซึ่งกันและกัน มีการทำงานเป็นทีม ก่อให้เกิดความผูกพัน เกิดค่านิยมวัฒนธรรมที่ดี เพื่อผลักดันวิสัยทัศน์ พันธกิจขององค์กรให้นำไปปฏิบัติได้จริงและมีประสิทธิภาพ ไม่ให้กฎระเบียบ โครงสร้างองค์กร หรือกรอบการทำงานในระดับนโยบายมาเป็นอุปสรรค มีความมุ่งมั่นตั้งใจจะนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนา ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ประโยชน์จากข่าวกรอง เพื่อนำไปกำหนดนโยบายประเทศให้ได้เปรียบจากการแข่งขันในประชาคมโลก สามารถป้องกันระงับยับยั้งภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ ให้ประชาชนมีความ อยู่ดีกินดี สามัคคีและสามารถ อยู่ร่วมกันโดยสงบสุขอย่างยั่งยืน

--------------------------------------------------------------------

เชษฐ์

23/11/52

กรณีศึกษาในหัวข้อ High Performance Organization

โดย คุณสุพิชญ์ สุวกุล, ดร.สมโภชน์ นพคุณ, ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

จากการเข้ารับฟังการบรรยายในหัวข้อ High Performance Organization ได้ทราบถึงหลักการที่จะทำให้องค์การเกิด HP และเป็นองค์กรที่มีขีดสมรรถนะสูง (High Performance Organization) นั้นได้ จำเป็นต้องอาศัยหลักสำคัญ ดังนี้

1.ตัวเราต้องสนใจใฝ่รู้ เรียนรู้ อยู่ตลอดเวลา

2.กล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น กล้าคิด กล้าทำ

3.เชื่อมั่นในตัวลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาของตน

4.มีการ Share Strategy Share Vision และ Share Value

5.ปล่อยให้ลูกน้องมีอิสระในการทำงาน ให้เค้าคิดด้วยตัวเค้าเองเราเพียงเข้าไปเสนอแนะ

6.ต้องใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของลูกน้องหรือผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยไม่ใช่ดูแต่เรื่องงาน

และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่จะขาดไม่ได้ในการจะนำองค์กรไปสู่ HPO คือ ค่านิยมในองค์กรที่เล็งเห็นคุณธรรมจริยธรรม นั้นก็คือการปรับความประพฤติของคนนั่นเอง

ส่วนการจะวัดว่าองค์กรนั้นเป็น HP หรือไม่นั้น ให้วัดจาก

1.องค์กรนั้นต้องโดดเด่นด้าน Leadership คือ ทุกคนต้องมีพื้นฐานภาวการณ์เป็นผู้นำ

2.องค์กรต้องมีสิ่งใหม่ๆ คือ นวัตกรรม Innovation คือ การปรับสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น มีการพัฒนาอยู่เสมอ

3.มีการจัดการความรู้ มีองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง เพราะความรู้ คือ อำนาจ

4.นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงาน

5.มีการปฏิบัติการที่ดีเพื่อนำองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ

แต่สิ่งที่องค์กรแต่ละองค์กรจะขาดไปไม่ได้ก็คือทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจะต้องมีทั้งคนเก่ง และคนดี นั่นก็คือ คำว่า Spirit ซึ่งแต่พยัญชนะแต่ละตัวเหล่านี้มีความหมายทั้งสิ้น

- S : Synergy

- P : Performance

- I : Innovation

- R : Responsibility

- I : Integrity & Ethics

- T : Trust

นอกจากข้อมูลข้างต้นแล้วการจะทำให้องค์กรไปสู่องค์กรที่มีสมรรถนะสูงได้นั้นจะต้องมีการถ่ายทอดจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งด้วย รวมถึงต้องมีความรู้เรื่องเทคโนโลยีต่างๆและนำมาใช้ในการสนับสนุนในการทำงาน เพื่อให้องค์กรไปสู่ความเป็นเลิศได้ แต่ทั้งนี้การที่จะให้องค์กรของเราเป็น HPO ได้นั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในองค์กรไม่ใช่เพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่ในด้านนี้โดยตรงหรือด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารที่ต้องมีการจัดการบริหารองค์กรที่ดี มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่วนบุคลากรในองค์กรเองก็ต้องให้ความสำคัญกับผู้บริหารและหมั่นพัฒนาตัวเองโดยการเรียนรู้ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพให้แก่ตนเองและองค์กร ดังนั้นการก้าวไปสู่องค์กรสมรรถนะสูง จะประสบความสำเร็จไปไม่ได้ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกคนในองค์กร

นักการเมืองหญิงไทย

ผู้หญิงในยุคปัจจุบันไม่ว่าจะสาขา หรืออาชีพอะไรก็เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และเป็นที่ยอมรับของผู้คนโดยทั่วไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่กลุ่มคนเหล่านี้เข้ามามีบาทบาททางการเมือง อย่างเช่น นางAngela นรม.หญิงคนแรกของเยอรมันเขาทำงานให้ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ได้โดยการมีวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่นตั้งใจกล้าหาญในการที่จะตัดสินใจการทำงานอย่างชาญฉลาด และเด็ดเดี่ยว จนเป็นที่ยอมรับ และได้รับความศรัทธาจากประชาชนชาวเยอรมัน ซึ่งทำให้เธอได้รับการเลือกตั้งถึง 2 สมัย

เมื่อย้อนกลับมาดูนักการเมืองหญิงไทยของเรา ที่ได้กล่าวถึงในบทความทุกท่านล้วนมีความรู้ความสามารถที่แตกต่างกันไป ทุกท่านมาจากครอบครัวที่ดี มีภาพลักษณ์ที่ดี ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมื่อท่านได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารประเทศแล้วก็ขอให้นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า อย่าได้หวังแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้อง ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีเรื่องแบบนี้อยู่จริง แม้แต่เด็กและเยาวชนยังบอกว่า โกงก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้ทำเพื่อประชาชนบ้าง ซึ่งสาเหตุนี้เองทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เลิกคิดที่จะต่อสู้คัดค้านในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่านักการเมืองหญิงหรือชาย ก็ควรที่จะสร้างทัศนคติที่ดี ปฏิบัติดี ไม่กระทำตนอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นเพื่อที่ประชาชนจะได้เกิดความศรัทธาและยอมรับนับถือที่มาจากใจจริง ๆ

ศิริรัตน์ ปทุมเทพ

1 เหรียญ 1 คำอธิฐาน เพื่อในหลวง

ในความคิดเห็นส่วนตัวนั้น เป็นเรื่องที่น่ากระทำมานานแล้ว เพราะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดี ก่อให้เกิดความสามัคคี การถวายเงินดังกล่าวก็เป็นการช่วยเหลือผู้ที่ตกงานได้รับความรู้ทางด้านวิชาชีพเพื่อจะได้นำความรู้ที่ได้ไปประกอบอาชีพต่อไป

และอีกอย่างที่อยากจะกล่าวถึงว่าเด็กไทยในยุคปัจจุบันไม่ค่อยได้รู้ถึงพระราชกรณียกิจของในหลวง จึงเห็นควรว่ารัฐบาลควรจัดนิทรรศการ หรือโครงการดี ๆ เกี่ยวกับพระองค์ท่านให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นในคนไทยได้รู้ถึงความเหนื่อยยากลำบากที่พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า

เรื่องข่าวลือ ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อควรต้องมีสติอย่างไปหลงเชื่อเรื่องดังกล่าวที่เป็นการบ่อนทำลายสถาบัน หรือแม้แต่ประเทศชาติ รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ ควรจัดให้ประชาชนได้เห็นภาพความจริงใจของรัฐบาลอย่างชัดเจนต่อการแก้ไขปัญหา ประชาชนจะได้รู้ว่าประเทศยังมั่นคงสามารถดำรงชีวิตได้อย่างพอเพียง และปลอดภัย

อเมริกา เป็นประเทศที่ทำร้ายประเทศที่ด้วยพัฒนาในโลกใบนี้การที่โอบามา คนผิวสีได้เป็นผู้นำก็แสดงให้ชาวโลกเห็นทาสแท้ของอเมริกาว่าเป็นอย่างไร คนผิวสีเป็นผู้นำได้ก็จริงในอนาคตต้องดับสูญเหมือคนผิวสีที่ผ่านมา

ศิริรัตน์ ปทุมเทพ

บทเรียนจาก HPO

การที่จะให้องค์กรเป็น HPO มีปัจจัยสำคัญดังนี้

1. หัวหน้าจะต้องเป็นคนขวนขวายที่จะเรียนรู้ ไม่ใช่แค่รับรู้

2. พร้อมและกล้าที่จะเสนอ และยอมรับความคิดเห็นของคนอื่น เป็นตัวของ

ตัวเอง

3. มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน

4. มีอิสระ รักที่จะเรียนรู้

5. มีเป้าหมายร่วมกันแบ่งปันวิสัยทัศน์ , มีคุณค่า , มีเทคนิคใหม่ๆในการ

บริหารและการทำงาน

6. มองลูกน้องอย่างให้เกียรติ

7. เป็นต้นแบบที่ดี

9. อย่าดูแค่งาน แต่ต้องดูแลชีวิตลูกน้องด้วย

พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ, พล.ต.สนั่น

ภาวะผู้นำที่น่านับถือ ถึงจะอายุมากก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรไม่ได้และยิ่งทำงานมากก็ยิ่งต้องมีการสั่งสมประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ และยังสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่เกดขึ้นในโลกใบนี้ได้อีกหลายอย่าง และความเป็นภาวะผู้นำที่ดีต้องมีความซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน ต้องคิดเรื่องและทำสิ่งใหม่ ๆ เสมอ ๆ หรือคิดในเชิงบวกมากกว่าเพราะสิ่งที่บางท่านทำอยู่กลับเป็นในเชิงลบโดยสิ้นเชิง ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีอะไรที่แอบแฝงอยู่หรือไม่ และในกระบวนการคิดนั้นก็ไม่ใช้คิดแต่เรื่องเก่า ๆ ที่ไม่สามารถทดแทนให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศและปวงชนชาวไทยได้

ประเทศไทยเป็นสุขได้เพราะมีพระราชาที่ประเสริฐสูงสุด ซึ่งท่านทั้ง 4 ควรตะหนักเสมอว่าที่ท่านสามารถเป็นมนุษย์ได้เพราะประเทศไทยมีพระราชาที่ดี จึงควรที่จะช่วยกันนำพาประเทศของเราไปสู่ความสุขและความเจริญก้าวหน้า และทัดเทียมกับประเทศเพื่อนบ้าน

ศิริรัตน์ ปทุมเทพ

High Performance Organization

การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จ คือ การเปลี่ยนแปลงคน (เปลี่ยนค่านิยมของคน) และการที่จะพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็น High Performance Organization ต้องพัฒนาที่ตัวเราเองก่อน คือ

- ต้องกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ ทำความเข้าใจ คิดวิเคราะห์หาเหตุและผล รวมทั้ง

การนำเทคโนโลยีมาใช้

- กล้าที่จะเสนอความเห็นของตนเองที่แตกต่างจากคนอื่น

- ทุกคนในองค์กรต้องมีความเป็นผู้นำ

- สร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อง ให้อิสระลูกน้องที่จะเรียนรู้ และเข้าใจภารกิจลูกน้อง

- เป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกน้อง ให้ลูกน้องมีอิสระในการทำงาน พร้อมที่จะรับผิดและเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเป็นทีม

- ดูแลลูกน้อง รวมทั้งครอบครัวเขาด้วย เพื่อสร้างความผูกพันและประทับใจ

- สร้างค่านิยมโดยคำนึงถึง คือ คุณธรรมและจริยธรรม

High Perfermance Organization (HPO)

องค์กร จะประกอบด้วย โครงสร้าง กระบวนการทำงาน กฎระเบียบ และ คน โดย "คน" จะเป็นตัวหลักสำคัญที่ผลักดันให้องค์กร เป็น HPO

การที่จะเป็น HPO ได้ ต้องทำงานร่วมกันเป็นทีม แต่ต้องเริ่มที่ตัวเราก่อน ต้องขวนขวายที่จะเรียนรู้ (Learning) เปลี่ยนค่านิยมของตัวเองให้เป็นคนมี "คุณค่า" กล้าคิด กล้าแสดงออก สร้างสายสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้าและลูกน้อง แบ่งปันความรู้ในการทำงานร่วมกัน (ทฤษฎี HRDS Happiness , Respect , Dignity , Sustainability)

นอกจากนี้ สิ่งที่จะนำความสำเร็จไปสู่องค์กร คือ การจัดการความรู้ จะต้องมีวิสัยทัศน์ มีพันธกิจ มีค่านิยม หรือวัฒนธรรม-องค์กร รวมทั้ง การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ การปฏิบัติการที่มีสมรรถนะสูง มาใช้ในองค์กร

กรณีศึกษา จาก High Performance Organization

ภายใต้กระแสโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการแข่งขันสูง การพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศ นับเป็นเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ที่สำคัญของทุกองค์กร เพื่อปรับตัวให้สามารถคงอยู่ได้ในยุคโลกาภิวัฒน์

ในการเรียนรู้จากวิทยากรจากสำนักงาน ก.พ. และ ปตท. มีแนวคิดที่สามารถนำไปปรับใช้ ในการพัฒนาองค์กร หรือนำพาองค์กร โดยเฉพาะ สขช. ไปสู่ความเป็นเลิศ อาทิ การตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่หรือเป้าหมายในเชิงท้าทาย และดำเนินการเพื่อมุ่งไปสู่การบรรลุเป้าหมายนั้นอย่างต่อเนื่องมั่นคง

นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบที่สำคัญ คือ จะต้องมีการร่วมมือกันของบุคลากร ทั้งในระดับผู้บริหาร และพนักงานขององค์กร โดยเฉพาะการมี Learning Process เพื่อสร้างความรอบรู้ของคนในองค์กร,การกำหนดยุทธศาสตร์และทิศทาง เพื่อให้พนักงานขององค์กรใช้เป็นแนวทางในการทำงาน ให้เกิดผลดีต่อองค์กร ขณะเดียวกัน ต้องมีการพัฒนากระบวนการในการทำงาน ลดอุปสรรคต่างๆที่ขัดขวางการทำงานขององค์กร โดยไม่ยินยอมให้กฎระเบียบที่ล้าสมัยเป็นอุปสรรค ขัดขวางความกระตือรือร้นในการทำงานของพนักงานในองค์กร และมีการนำนวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาช่วยในกระบวนการทำงาน ทั้งในด้านเทคโนโลยี ที่จะสนับสนุนให้การทำงานมีความคล่องตัว ตลอดจน มีการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อให้สอดรับกับวัฒนธรรมองค์กร ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามกระแสโลก

-----------------------------

สุเทพ

สิ่งที่ได้จากหัวข้อ High Performance Organization

ทำให้ได้รู้ว่า การทำงานภายในองค์กร ทรัพยากรบุคคลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด องค์กรจะพัฒนา เปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด หรือมีประสิทธิภาพในการทำงานเพียงใด ย่อมเกิดจากคน เพราะฉะนั้น คนในองค์กรจะต้องได้รับการพัฒนาความรู้ความสามารถอยู่ตลอดเวลา ในขณะเดียวกันคนในองค์กรจะต้องร่วมกันสร้างและพัฒนาค่านิยม / วัฒนธรรมในการทำงานควบคู่กันไปด้วย ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับหลักการคิดและแนวทางปฏิบัติ ที่ต้องมีความโดดเด่น มีการปรับปรุงพัฒนาสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต้องไม่ละเลยคุณธรรมและจริยธรรม กฎระเบียบขององค์กร อย่างไรก็ตาม การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการทำงาน ยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่มีขึ้นตลอดเวลาในภาวะปัจจุบัน

-------------------------------------------------------------

นายนนท์ธนา

จำได้ว่า เพื่อน ๆ ในรุ่นที่อบรม หลักสูตร Talented Capital Development Program ไม่มีชื่อศิริรัตน์ ปทุมเทพ นะ

หรือว่าศิริรัตน์ เข็มทอง ไปแอบจดทะเบียนซ้อนจ๊ะ

องค์ความรู้จากบทเรียน High Performance Organization

ไดรับความรู้เชิงเปรียบเทียบการบริการจัดการทรัพยากรบุคคลระหว่างภาครัฐและ เอกชน โดยภาคเอกชนน้ำหนักของการพัฒนาประสิทธิภาพจะไปอยู่ที่เน้นการสร้างผลกกำไร ซึ่งมีผลประเมินที่ชัดเจนคือรายได้ของบริษัทฯ ขณะที่ภาครัฐมุ่งเน้นให้บริการประประชาชนตามพันธกิจของแต่ละองค์กร ซึ่งบางครั้งยากที่วัดประสิทธิภาพในเชิงสถิติ หรือแปรค่าได้อย่างชัดเจน หน่วยงานภาครัฐมีข้อจำกัดในเรื่องพัฒนาไปสู่ High Performance Organization มากกว่าภาคเอกชน เนื่องจากมีวัฒนธรรมการบริหารจัดการในแนวดิ่งมาอย่างยาวนาน (ระบบอุปถัมภ์) ขณะที่ภาคเอกชนมีการปรับตัวได้รวดร็วกว่าเพราะมีวัฒธรรมการการแข่งขันที่สูงทั้งภายในและภายนอกซึ่งหากไม่ปรับตัวหมายถึงความอยู่รอดขององค์กร การพัฒนาองค์กรภาครัฐไปสู่ High Performance Organization นั้น แม้จะสามารถเริ่มต้นได้ในระดับบุคคลหรือกลุ่มย่อยก่อน แต่ในภาพรวมของประเทศแล้วจำเป็นต้องมีกระบวนการบริหารจัดการที่ชัดเจน เช่นกำหนดเป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติที่รัฐบาลเป็นผู้ขับเคลื่อนหลักอย่างต่อเนื่องและจริงจังจึงจะบังเกิดผลเพราะหากปรับตัวช้าก็จะไม่ทันโลกในยุคของแห่งการเปลี่ยนแปลง....

ศักดิ์

............................................

กรณีศึกษาของ High Performance Organization

การจะพัฒนาองค์กรให้เป็น High Performance Organization ต้องเริ่มจากการพัฒนาตนเอง ต้องยกระดับตัวเองให้เป็น High Performer โดยตัวเองต้องแสวงหาความรู้ , ต้อง รับรู้ . ต้องคิดเป็น ถึงจะเกิดการเรียนรู้ จากนั้นต้องพร้อมที่จะกล้าเสนอความเห็นที่เป็นตัวของตัวเอง, ต้องสร้างสายสัมพันธ์กับลูกน้อง, เป็นต้นแบบที่ดี และต้องดูแลชีวิตของลูกน้องด้วย การทำงานร่วมกันหัวหน้าต้องมีความไว้วางใจลูกน้อง แต่ละคนต้องมีความรับผิดชอบ งานจึงจะสำเร็จได้ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน

คุณลักษณะขององค์กรที่มีสมรรถนะสูง ๕ ลักษณะ คือ ๑) ต้องมีลักษณะโดดเด่นLeadership ๒) ต้องมีนวัตกรรมเป็นของตนเอง ๓) ต้องมีการจัดการความรู้ มีองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง ๔) ต้องนำเทคโนโลยีมาช่วย ๕) การทำปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ

----------------------------------------------

ณัฐรำไพ ธารี

ข้อคิดที่ได้จากกรณีศึกษา High Performance Organization (HPO)

องค์กรจะเป็น HPO ได้ต้องประกอบด้วย

1. คน : คนต้องมีความสุขในการทำงาน มี worklife balance มีการเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง และพัฒนาตัวเอง เพราะการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จต้องเปลี่ยนที่คน โดยเฉพาะค่านิยมของคนไม่ว่า จะอยู่ในสถานะหัวหน้าหรือลูกน้อง การเปลี่ยนแปลงค่านิยมทำได้จาก

- การเรียนรู้

- ความพร้อมและกล้าที่จะแสดงความเห็นต่างไปจากคนอื่น มีจุดยืนของตัวเอง

- สายสัมพันธ์ที่ดีระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง ให้อิสระในการทำงาน มองลูกน้องอย่างมนุษย์ ส่วนลูกน้องต้องรู้จักรับผิดชอบ

- share value/mission/vision/strategy

- หัวหน้าต้องเป็นต้นแบบที่ดี ให้อิสระและคำแนะนำในการทำงาน แต่ไม่ครอบงำความคิด

- หัวหน้าต้องดูแลลูกน้องทั้งการทำงานและคุณภาพชีวิต

- รู้จักบริหารอย่างมีคุณภาพทั้งองค์กร มีคุณธรรม จริยธรรม และจิตสาธารณะ

2. ผลผลิต : มีคุณภาพและเป็นที่พอใจของลูกค้า

3. องค์กร

- มีความโดดเด่นด้านภาวะผู้นำ

- มีนวัตกรรมของตนเอง โดยเฉพาะการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น ตรงตามความต้องการของลูกค้า และสร้างความโดดเด่นและแตกต่างไปจากองค์กรอื่น

- เป็นองค์กรเพื่อการเรียนรู้ และสามารถถ่ายทอดองค์ความรู้ขององค์กรไปยังคนรุ่นต่อไป

- ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี

- มีความเป็นเลิศด้านการปฏิบัติ

นอกจากนี้ยังต้องมีวิสัยทัศน์ชัดเจน มีพันธกิจต่อผู้มีส่วนได้-เสียทั้งภายในและนอกองค์กร มีความสมดุล เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้ทุกคนในองค์กรมีความเชื่อและค่านิยมร่วมกัน และรักษาคนไว้ในองค์กร

การเปลี่ยนแปลงในองค์กรควรเริ่มที่ตัวเอง ก่อนขยายไปยังคนรอบข้าง พัฒนาการทำงานด้วยการเรียนรู้เริ่มจากการรับรู้ ทำความเข้าใจ และคิดวิเคราะห์ รู้จักทำ swot ให้ตัวเอง ใช้ประโยชน์จากจุดแข็ง ลดจุดอ่อน แสวงหาโอกาส และจำกัดหรือลดอุปสรรค ส่วนการทำงานก็ต้องรู้จักยืดหยุ่น ปรับตัวตามสถานการณ์ กระตุ้นให้เกิดความต้องการทำงาน มีอิสระในการคิดสร้างสรรค์ ใช้ประโยชน์จาก brand ในการสร้างความเชื่อมั่น คิดบวกและฝึกคิดนอกกรอบ แต่ต้องทำได้ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม โดยใช้ประโยชน์จากคุณค่าของแต่ละคน รวมทั้งต้องสร้างความไว้ใจกัน เปิดเผย ส่งเสริมให้แต่ละคนรับผิดชอบร่วมกัน และพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เพื่อให้องค์กรไปสู่ความยั่งยืน

High Performance Organization

การขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศได้นั้น จำเป็นต้องตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดขององค์กรนั่นก็คือ “คน” ดังนั้น เราต้องเห็นคุณค่าในตัวเองก่อนว่าเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า พร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงและเปิดใจยอมรับเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา สามารถบริหารจัดการกับการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป กล้าคิดกล้าทำ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ค่านิยม ทัศนคติให้มีความเข้าใจในแนวทางเดียวกัน ต้องรู้จักเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ ยึดหลักของการทำงานเป็นทีม ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน สร้างค่านิยมในเรื่องของจริยธรรม คุณธรรม ให้เกิดกับองค์กรเพื่อที่จะทำงานร่วมกันได้อย่างมีความสุข อีกทั้งต้องสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ร่วมกัน เพื่อเป็นการพัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่องให้พร้อมเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนแปลงในกระแสโลกาภิวัตน์

กรณีศึกษาของ High Performance Organization

ดร.สมโภชน์ นพคุณ

รองเลขาธิการ ก.พ. (บริหารระดับสูง) สำนักงาน ก.พ.

High Performance Organization

องค์ประกอบขององค์กร ประกอบด้วย

- โครงสร้าง

- กระบวนการทำงาน

- กฎระเบียบ

- คน ซึ่งเป็นตัวสร้าง High Performance Organization

การเรียนรู้ของเป็นการเพิ่ม Value ของคน

Knowing การรับรู้ แล้วทำความเข้าใจ

Thinking การคิดวิเคราะห์ หาเหตุผล

Learning การเรียนรู้

Passion การกระหายอยากจะเรียนรู้

Technology การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน

การทำให้เกิด High Performance Organization จะต้องมี Managing Change

การบริหารการเปลี่ยนที่ประสบความสำเร็จ โดยจะต้องเปลี่ยนที่ ค่านิยมของคน

ค่านิยมที่ควรจะเป็น

1. ต้องขวนขวายที่จะรับรู้

2. มีความรู้สึก พร้อมที่จะเสนอความเห็นที่ต่างกับคนอื่น

3. Empower ต้องเชื่อว่าลูกต้องอยากทำงาน

4. มีการ Share Value , Share Mission, Share Strategy มองลูกน้องแบบเต็มคน

5. Good Role Model พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน

6. ดูแลลูกน้องในการทำงาน และมีความผูกพันใน passion ที่เราให้

7. Total Quality Management ซึ่งมี Ethical Value เป็นปัจจัยสำคัญ

คุณสุพิชญ์ สุวกุล

ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาองค์กร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)

High Performance Organization

องค์กรที่มีสมรรถนะสูง

1. ภาวะผู้นำ ที่ต้องมีอยู่ในทุกคน ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด

2. การมีนวัตกรรมของตนเอง

3. ต้องมีการจัดการความรู้

4. การนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

5. การปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ

6. มีความรับผิดชอบต่อสังคม

เป็นองค์กรที่มีเป้าหมายเชิงท้าทายในการ Benchmarking โดยการสร้าง Capability

ซึ่งมีองค์ประกอบคือ People Process และ IT

กรณีศึกษา High Performance Organization

เมื่อมีการอธิบายถึงทรัพยากรมนุษย์ก็มักจะมุ่งไปที่การมองมนุษย์เป็นเพียงต้นทุนการผลิตในการลงทุน แต่เราลืมมองที่ความเป็นความจริงแท้ของมนุษย์ ถ้าถือว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมดำรงชีวิตด้วยการอยู่ร่วมกันเป็นสังคม ในการไปสู่ความเป็นเลิศขององค์กรต้องมองที่พลังขับเคลื่อนคือมนุษย์ คำถาม "ทำอย่างไรที่จะเอาพลังขับเคลื่อนที่มีประสิทธิภาพของมนุษย์ออกมา"    เพื่อให้ได้ศักยภาพมากที่สุด    จึงเกิดการพัฒนาการด้านการเรียนรู้ที่จะนำพลังในตัวมนุษย์ออกมา นั่นคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้ส่งศักยภาพผ่านขนวกการเรียนรู้ทางสังคม กล่าวก็คือการปลูกฝังจริยธรรม ด้านความดี ความซื่อสัตย์ ให้มีศักยภาพสูงสุดเพื่อความเป็นเลิศขององค์กร

 ----------------------------------

กรณีศึกษาของ High Performance Organization

หากไม่มองปัจจัยภายนอกที่ทำให้ HPO พบได้ยากในระบบราชการ เช่น การเน้นให้ส่วนราชการปรับโครงสร้างที่ กพร.พยายามทำให้มีและเป็น แต่ไม่ประสบความสำเร็จซักที รวมทั้งกระบวนการทำงานที่ต้องผูกติดกับโครงสร้าง และกฎระเบียบต่างๆ ที่ยังเป็นอุปสรรคแล้ว อย่างน้อยก่อนจะเป็น HPO ภายในองค์กรควรต้องสร้าง high performance team ขึ้นมาให้ได้ ซึ่งน่าจะทำได้ง่ายกว่า และนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี โดยมีคนในองค์กรเป็นตัวขับเคลื่อน แต่ต้องช่วยกันสร้างและเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ผู้นำต้องรู้จักบริหารการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนค่านิยมใหม่ มีพันธกิจ วิสัยทัศน์ที่ชัดเจนคือต้องการมุ่งไป ข้างหน้า ทุกฝ่ายรับรู้เป้าหมายที่ต้องการไปถึง ต้องมี capability คำนึงถึง people (พัฒนาคน ดูแลรักษาไว้), process

(ถ่ายทอดความรู้ แบ่งปัน โอนถ่าย) และ technology (นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้) เป็นหลัก

สำหรับ สขช.ความเสี่ยงในอนาคตมีมาก ต้องเริ่มนำระบบนี้มาใช้ โดยกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและท้าทาย มี benchmark ของตัวเอง เริ่มแรกอาจต้องเปลี่ยนที่ตัวคนในองค์กร หันมามุ่งเน้นที่การพัฒนาทรัพยากรบุคคล ผู้นำต้องเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลง เชื่อมั่นว่าทุกคนทุกระดับเป็น change agent ได้ และตั้งเป้าพัฒนาองค์กรต่อไป แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน คนในองค์กรต้องรู้จักการทำงานร่วมกันเป็นทีม ทุกคนรับผิดชอบในงานที่ทำอยู่ เชื่อมั่นในกันและกัน เปิดเผยจริงใจต่อกัน และให้ทุกคนมีความรู้สึกร่วม พึ่งพาอาศัยกัน ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ทั้งการคิดและการกระทำ ขณะที่องค์กรซึ่งหมายรวมถึง ตัวผู้นำต้องสามารถตอบสนองความต้องการของคนในองค์กร เข้าใจความรู้สึกของคนทำงานว่านอกเหนือจากปัจจัยสี่แล้ว คนยังต้องการการยอมรับ การเติบโต และความก้าวหน้า เหนือสิ่งอื่นใดต้องทำให้เกิดสมดุลระหว่างชีวิต ครอบครัว และการทำงานให้เกิดความสุข รวมทั้งความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วย

สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ สขช.มีทิศทางไปสู่ High Performance Organization คือการเลือก Strategy ที่เหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร สขช. และองค์ประกอบสำคัญที่สุด ในการสร้าง High Performance คือ คน ซึ่งอาจเป็นได้ทั้ง Individua และ Teamworks นอกเหนือจากแนวคิดที่เคยเข้าใจว่า โครงสร้าง กระบวนการทำงาน หรือ กฏ ระเบียบต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบสำคัญ การสร้างผู้นำให้เป็น High Performance ต้องปรับเปลี่ยนค่านิยม วัฒนธรรม และทัศนคติของคนให้เกิดความอยากที่จะเรียนรู้ ทำความเข้าใจ การคิดวิเคราะห์ มีความรู้สึกพร้อมและกล้าที่จะเสนอความเห็นแตกต่างจากคนอื่น การเป็นต้นแบบที่ดี การมีนวัตกรรมเป็นของตนเอง สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อง มีการแลกเปลี่ยน Share Vision & Mision Share Value มองเห็นคุณค่าของลูกน้อง การดูแลคุณภาพชีวิต ของลูกน้อง รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการปฏิบัติงานด้วย

บทเรียนจากความจริง "ขอบคุณ รมต.ไพฑูรย์ สร้างความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย

กรณีนี้เป็นการสร้างโอกาสให้ประเทศไทยได้เข้าสู่เวทีระดับภูมิภาค เพื่อสร้างความสัมพันธ์และสร้างแบรนด์ประเทศไทย เพื่อเข้าสู่พื้นที่การแข่งขันในระดับภูมิภาค ขยายการลงทุนและดึงการลงทุนเข้าประเทศเพื่อการจ้างงาน และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวของเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้าประเทศ  หลังจากนั้นเป็นการต่อยอดให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ภายใต้แบรนด์ประเทศไทย

 ------------------------

สิ่งที่ได้จากการศึกษา High performance Organization

จากกรณีศึกษาทำให้รู้ถึงองค์ประกอบที่จะทำให้องค์กรสู่ความเป็นเลิศ (High performance Organization) คือ จะเปลี่ยนแปลงพฤติการณ์ตนเอง โดยเฉพาะการเปลี่ยนค่านิยม การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ กล้าคิด กล้าเสนอ เชื่อใจเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา มีคุณธรรม เป็นแบบอย่างที่ดี สร้างนวัตกรรม (Innovation) ใหม่ ๆ และสร้างวิสัยทัศน์ และพันธกิจ/ภารกิจของตนเองนำไปสู่การปฏิบัติในการขับเคลื่อนองค์กร

สรุป คนเท่านั้นที่จะนำองค์การสู้ความเป็นเลิศ โดยเปลี่ยนที่ตัวเราก่อน

สิ่งที่ได้รับจากกรณีศึกษาของ High Performance Organization โดย คุณสุพิชญ์ สุวกุล,

ดร.สมโภชน์ นพคุณ และ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์

การทำให้องค์กรเป็นหน่วยงานที่มีสมรรถนะสูง เป็นสิ่งที่จะสร้างภูมิคุ้มกันและขีดความสามารถในการแข่งขันและอยู่รอดขององค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรที่มีสมรรถนะสูง คือ องค์กรที่มีแผนกลยุทธ์ชัดเจน มีกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ภารกิจบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ และคุณภาพของผลงานดีเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป ปัจจัยสำคัญของการเป็นองค์กรสมรรถนะสูง คือ ต้องเป็นองค์กรที่มีขีดความสามารถในการเปลี่ยนแปลง เป็นองค์กรแห่งนวัตกรรม สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเชื่อใจกันระหว่างคนในองค์กร มีการใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนกระบวนการ ที่สำคัญต้องมีการพัฒนาศักยภาพของ “คน” ในองค์กรอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน มีการสร้างวัฒนธรรมองค์กร การบริหารองค์ความรู้ และมีการเตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในยุคแห่งโลกาภิวัตน์

  ส่งการบ้านกันเร็วมากกกกก

สรุป เราได้อะไรจาก High Performance Organization

     สิ่งที่ได้รับจากการฟัง อ.สมโภชน์ และ อ.สุพิชญ์ เล่าถึงประสบการณ์จริงจากการบริหารงานของท่านทั้งสอง ทำให้ตระหนักได้ว่า ก่อนที่เราจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดก็ตาม เราควรทำความเข้าใจในสิ่งนั้นให้ถ่องแท้เสียก่อน ดังนั้น ในเมื่อเราต้องการเปลี่ยนแปลงองค์กรของเราให้ไปสู่ความเป็นเลิศ เราก็ต้องศึกษาว่าวิสัยทัศน์ขององค์กรคืออะไร และอะไรคือพันธกิจที่จะนำเราไปสู่วิสัยทัศน์ จากนั้นก็มาพัฒนาตนเองและทีมงานให้มีองค์ความรู้มากพอที่จะปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับพันธกิจ เพื่อเดินตามผู้นำไปในทิศทางเดียวกัน และพาองค์กรให้บรรลุวิสัยทัศน์ หากทุกองค์กรมีคนในองค์กรที่มุ่งพัฒนาตนเองและก้าวตามการเปลี่ยนแปลงให้ทัน องค์กรนั้นก็จะไม่มีวันตาย และจะพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศได้โดยไม่ยาก

-------------------------------------

 

 

 

สิ่งที่ได้จาก กรณีศึกษา High Performance Organization

“ การนำองค์กรสู่ความเป็นเลิศ เราต้องมองที่ “ตัวเราเอง” และ ถ้าจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเอง”

การมองยุทธศาสตร์ในการพัฒนาองค์กรต้องมอง ที่ “ตัวเรา” เป็นอันดับต้น คือ

“คน” ต้องขวนขวายที่จะ “เรียนรู้” ไม่ใช่ “รับรู้”

“คน” ต้องกล้าคิด กล้าแสดงออก

“คน” ต้องมีความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง

“คน” ต้องมองคนให้เป็นคนเต็มร้อย

นอกจาก “คน” (People) ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว การนำองค์กรสู่ความเป็นเลิศ ต้องให้ความสำคัญกับ “กระบวนการ” (Process) ในการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อพัฒนาความเป็นผู้นำ ของคน รวมทั้ง การให้ความสำคัญกับ “เทคโนโลยี” (Technology) เป็นสำคัญ โดยเฉพาะในยุคแห่งข้อมูลข่าวสารเช่นปัจจุบัน

--------------------------------------------------------------

สุวิมล มานะการ

บทเรียนจากความจริง "คุณอภิสิทธิ์อย่าวู่วาม ปล่อยให้คุณทักษิณสะดุดขาตัวเอง"

ในขณะนี้เป็นลองกำลังของความมีสภาวะผู้นำ  ประสบการณ์  ความรอบรู้  การควบคุมอารมณ์  ทั้งหมดนี้ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถควบคุม  และนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ตรงตามจังหวะเวลาที่เหมาะสมแล้วคนนั้นก็จะกุมอำนาจกุมพลังประชาชน  ดังนั้นเกมส์นี้ยังไม่จบสภาพ Win/Win หรือ  Lose/Lose   จะยังไม่เกิด  บางครั้งเกมส์นี้ทั้งสองคือคุณอภิสิทธิ์และคุณทักษิณอาจจะไม่ใช่ผู้เล่นก็ได้   แต่เป็นเครื่องมือให้คนอื่นเล่นหรืออาจจะเรียกว่าสงครามตัวแทนก็ได้   สอดคล้องกันกับการเล่นเรื่องความจงรักภักดีโดยปราศจากความจริงใจก็เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งที่ทรงอานุภาพมากในสภาวะการณ์ปัจจุบัน     ฉะนั้นบางเรื่องถ้าปล่อยให้เกิดขึ้นเฉพาะวงในก็อาจะเป็นการดีเนื่องจากเรื่องบางเรื่องปกปิดไว้เป็นความลับจะเกิดความมั่นคงมากกว่าที่จะนำมาเปิดเผย

---------------

สุรศักดิ์

[email protected]

สรุปการอภิปราย “High Performance Organizagion”

จากการอภิปราย “High Performance Organization” เมื่อ 23 พฤศจิกายน 2552 โดยวิทยากร ประกอบด้วย ดร.สมโภชน์ นพคุณ , คุณสุพิชญ์ สุวกุล และมี ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นผู้ดำเนินรายการ สรุปได้ว่า

1. องค์กรใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน จะก้าวไปสู่การเป็น High Performance Organization(HPO.) ต้องอาศัย “คน” เป็นปัจจัยสำคัญ ควรเริ่มต้นจากระดับปัจเจกบุคคลและกลุ่ม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในระดับองค์กรอาจมีอุปสรรคจากโครงสร้าง กระบวนการทำงาน กฎระเบียบภายในองค์กร อย่างไรก็ตามผู้นำ(CEO) ขององค์กรต้องให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวด้วย เพื่อให้เกิดความสำเร็จตามวัตถุประสงค์

2. การจะให้องค์กรเป็น HPO. ในแต่ละองค์กรต้องมีวิสัยทัศน์(Vision) และพันธกิจ(Mission)ที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเป็น องค์กร HPO. ด้วย นอกจากนั้นในส่วนปัจเจกบุคคลและกลุ่ม ต้องปรับเปลี่ยนค่านิยม(Value) ให้ก้าวไปสู่การเป็นองค์กร HPO. โดยเฉพาะมีการใฝ่รู้/รับรู้ มีการกล้าแสดงออก สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้องค์กรมีวัฒนธรรมในการทำงาน/เรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะทำให้องค์กรมีสมรรถนะในการทำงานสูงตามวิสัยทัศน์ดังกล่าว ทั้งนี้การให้องค์กรก้าวไปสู่การเป็นองค์กร HPO. ต้องใช้ภาวะผู้นำในองค์กร , มีนวัตกรรมเป็นของตนเอง มีการจัดการความรู้ , นำเทคโนโลยีมาช่วย และ มีการปฏิบัติการที่นำไปสู่ความเป็นเลิศ นอกจากนั้นการทำงานเป็นทีมเพื่อให้องค์กรก้าวไปสู่ความเป็น HPO. ต้องอาศัยองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ มีความไว้วางใจกัน มีความเปิดเผย มีความรับผิดชอบ มีการพึ่งพาซึ่งกันและกันในผู้ร่วมงานในองค์กร

------------------------------------

สุรศักดิ์

สิ่งที่ได้จาก High Performance Organization

องค์กรที่ต้องการจะพัฒนาเป็น HPO ควรจะมีความเข้าใจธรรมชาติของกิจกรรมที่เป็นสินค้าของหน่วยงานตนเอง แล้วกำหนดวิสัยทัศน์ที่ท้าทาย ชัดเจนและมีความเป็นไปได้ พร้อมกับมีแนวทางการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมเพื่อเป็นแนวทางให้องค์กรสามารถดำเนินไปให้บรรลุเป้าหมาย ได้

คนเป็นปัจจัย/องค์ประกอบที่สำคัญต่อการเป็น HPO แต่คนที่จะช่วยให้องค์กรเป็น HPO จะต้องมีค่านิยมที่ดีมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา และพยายามพัฒนาตนเองให้เป็น High performer จึงจะสามารถส่งเสริมสมรรถนะขององค์กรได้ อย่างไรก็ดี นอกจากสมรรถนะด้านคนแล้ว สมรรถนะด้าน กระบวนการ และเทคโนโลยี ก็มีความสำคัญต่อการเป็น HPO ด้วยเช่นกัน องค์กรที่ต้องการเพิ่มสมรรถนะของตนเองจึงควรพัฒนาสมรรถนะในทั้งสองด้านนี้ด้วย

บทเรียนจากความจริง รมต.ไพฑูรย์

ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-อินเดีย พัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างอาจารย์สอนวิศวะอินเดียกับม.ราชมงคลธัญบุรี ทำให้การเรียนการสอนด้านวิศวะของไทยดีขึ้น การทำให้คนไทยได้รับรู้เรื่องการบริหารจัดการ การคิดนอกกรอบ และการใช้ IT อย่างต่อเนื่อง

มุมมองของทักษิณมีจุดยืนและอุดมการณ์เพื่อการกินดีอยู่ดีของคนไทยหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวกันแน่ ในแง่ของสื่อมวลชนมีบทบาทต่อประเทศทั้งบวกและลบ ทำให้การศึกษาในสาขานิเทศศาสตร์จะเน้นในเรื่อง คุณธรรม จริยธรรม ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อสร้างคนในสาขานิเทศศาสตร์ได้คิดเป็นวิเคราะห์เป็น และร่วมมือกันสร้างสังคมที่ดีในระยะยาว รวมถึงความสามารถในการใช้ IT กับการสื่อสารทั้งในระดับประเทศและระดับองค์กร

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับท่าน อ.จีระ หงส์ลดารมภ์ กับรางวัล Gold Star Award ด้วยค่ะ

ความสัมพันธ์ไทย-อินเดีย

ปัจจุบันการพัฒนาทุนมนุษย์มีความสำคัญ จะเห็นได้ว่าในหลายประเทศให้ความสำคัญมีการศึกษาหาองค์ความรู้ด้านการพัฒนาทุนมนุษย์แม้ในอินเดียเองก็ให้ความสนใจทั้งภาคธุรกิจและราชการ ด้วยการศึกษา หาองค์ความรู้ให้กับทุนมนุษย์ในหน่วยงานของตนเอง เพื่อการเปลี่ยนแปลงในโลกโลกาภิวัฒน์ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการนำองค์กรไปสู่ Hight Performance Organization

เราได้อะไรจากการกรณีศึกษาของ Hight Performance Organization

ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องการให้องค์การของตนเองไปสู่ความเป็นเลิศ Hight Performance Organization

ปัญหาหลักในการที่จะนำองค์กรไปสู่ Hight Performance Organization คือ ทุนมนุษย์ ที่จะต้องพัฒนา ปรับทัศนคติ มีองค์ความรู้ ผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อน และการขับเคลื่อนนั้นจะต้องขับเคลื่อนเป็นทีม เพื่อเพิ่มพลังให้เกิดผลสำเร็จได้โดยเร็ว ทั้งนี้ต้องมีการทำอย่างต่อเนื่อง ผู้บังคับบัญชาต้องเห็นความสำคัญของการพัฒนาทุนมนุษย์ และที่สำคัญตัวทุนมนุษย์ในองค์กรต้องเห็นความสำคัญและต้องการให้องค์การไปสู่ความเป็นเลิศ ด้วยการพัฒนาตนเองให้มีภาวะผู้นำเพื่อช่วยขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จเป็นองค์กร Hight Performance Organization

แนวคิดเรื่อง project proposal , project presentation , project management

เป็นการให้แนวคิดในการทำโครงการ ว่า โครงการคือ วิธีจัดการการเรียนรู้ ว่าจะทำอะไร และสามารถวัดผลได้ โดยโครงการที่ดีต้องมีส่วนประกอบ ดังนี้ เป็นโครงการเกี่ยวกับอะไร ทำไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด เป็นโครงการระดับประเทศหรือต่างประเทศ ใช้งบประมาณเท่าไร จัดหาจากไหนใช้ระยะเวลาดำเนินการนานแค่ไหน มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าจะล้มเหลวหรือสำเร็จมากน้อยแค่ไหน การนำเสนอจะนำเสนอในรูปแบบใด และนำเสนออย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ได้รับการอนุมัติ

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมขององค์กรที่จัดทำโครงการว่ามีความอ่อนตัวหรือไม่ บุคลากรมีความพร้อมหรือไม่ วัฒนธรรมขององค์กรเป็นเช่นไร หากพร้อมก็สามารถจัดทำ และนำเสนอให้ผู้อนุมัติโครงการได้เห็นถึงประโยชน์และความน่าสนใจของโครงการ จนนำไปสู่การอนุมัติให้โครงการเหล่านั้นสามารถจัดทำได้ตามวัตถุประสงค์ของผู้เสนอได้

ปัจจัยสำคัญในการจัดทำโครงการให้สำเร็จขึ้นอยู่กับกรอบแนวคิด 4 เรื่องคือ วิสัยทัศน์ แนวคิด วัฒนธรรมการเรียนรู้ และ แผนการปฏิบัติ หากสังคมขององค์กรมีความเข้าใจกรอบแนวคิดทั้ง 4 เรื่อง นี้เป็นอย่างดีก็สามารถที่จะผลักดันโครงการเหล่านี้เป็นจริง และมุ่งสู้ผลสัมฤทธิ์ได้ในท้ายที่สุด

องค์ประกอบสำคัญที่สุดของ High Performance Organization คือ คน เริ่มจากรายบุคคล โดยจะต้องสนใจ ใฝ่เรียนรู้ตลอดเวลา คิดและหาเหตุผลประกอบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น การเรียนรู้ก็จะเกิด และสร้างทีมงาน เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ให้ทุกคนมีความมั่นใจ กล้าแสดงออก กล้าแสดงความคิดเห็น เชื่อมั่นผู้ร่วมงาน เป็นแบบอย่างที่ดี มีคุณธรรม จริยธรรม มีวิสัยทัศน์ พันธกิจ ค่านิยม นำไปสู่เป้าหมายทที่ตั้งไว้ และนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาช่วย เพื่อปรับปรุงที่มีอยู่ให้ดีขึ้น เป็นการเพิ่มพัฒนาศักยภาพ

องค์ความรู้ที่ได้จากกรณีศึกษา High Performance Organization (HPO) เพื่อการพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืน

ผู้บริหารหรือผู้นำองค์กร ต้องให้ความสำคัญกับคน เห็นถึงคุณค่าของคน ในองค์กรด้วยการเอาใจใส่/พัฒนาอย่างต่อเนื่องและเป็นกระบวนการ มองลูกน้องอย่างเต็มคนที่ผลงานและคุณภาพของงานเป็นหลักอย่างจริงใจ อย่าใช้กฎระเบียบบังคับควรเปิดโอกาสให้มีอิสระด้านความคิด กล้าปรับเปลี่ยนค่านิยมหรือพฤติกรรมของคนในองค์กรใหม่เพื่อให้เดินไปในทิศทางเดียวกัน เพราะถ้ามีการสวนทางเพียงคนเดียวเป้าหมายย่อมประสบผลสำเร็จได้ยาก ควรเน้นการทำงานเป็น team work และการสร้างเครือข่ายผู้นำในหลาย ๆ แบบ เพื่อดึงเอาทักษะและความสามารถของแต่ละคนมาใช้ประโยชน์ โดยผู้นำต้องเป็นแบบอย่างการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะประสบผลสำเร็จได้เราต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและค่านิยมของตัวเองก่อน ต้องมั่นใจในความมีคุณค่าของตัวเองว่ามีความสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยการพัฒนาตัวเองด้านการเรียนรู้มากกว่าการรับรู้ พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส มี Vision, Motivation และมีเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจน กล้าเสนอความคิดที่แตกต่าง จะทำให้ทราบจุดอ่อนจุดแข็งของตนเอง ทราบผลกระทบที่เกิดขึ้นและจะรับมือได้อย่างไร กล้าที่จะออกนอกกรอบและกฎระเบียบเพื่อให้การทำงานกระชับและรวดเร็ว และกล้านำเทคโนโลยีหรือ Innovation ของตนเองเข้ามาปรับปรุงการทำงานเพื่อสร้างความแตกต่างทั้งด้านบริการและสินค้า ที่สำคัญผู้นำองค์กรต้องการให้การสนับสนุนและชี้แนะ องค์กรจะขับเคลื่อนไหวไปสู่ความเป็นเลิศอย่างยั่งยืนได้

สิ่งที่ได้จากกรณีศึกษาในหัวข้อ High Performance Organization

องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดขององค์กรคือ “คน” และการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Managing Change)

ที่ประสบความสำเร็จคือการเปลี่ยนการบริหาร “คน”

หลักการสำคัญที่จะสร้างคนให้เป็น High Performance เพื่อให้ไปสู่การเป็น High Performance Organization มีดังนี้

1.ต้องขวนขวายที่จะเรียนรู้ไม่ใช่แค่รับรู้

2.ต้องพร้อมและกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นที่เป็นความคิดของตนเอง

3.ต้องสร้างสายสัมพันธ์กับลูกน้อง

4.ต้องให้ลูกน้องมีอิสระในการทำงาน แต่ต้องมีการ Share Strategy Share Vision และ Share Value

5.ต้องเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกน้อง (Role Model) พร้อมที่จะรับผิดแทนลูกน้อง และมีส่วนร่วมกับ

ลูกน้องในการสร้าง High Performance Team

6.ต้องดูแลการทำงานของลูกน้องและต้องดูแลชีวิตของเขาด้วย(ครอบครัว)

สิ่งที่จะนำองค์กรไปสู่ HPO คือ ค่านิยมในองค์กรต้องคำนึงถึงคุณธรรมและจริยธรรม และต้องเปลี่ยนคนให้เป็นคนที่มีคุณธรรม

และจริยธรรม

การสร้างองค์การสู่ความเป็นเลิศต้องใช้มิติใดมิติหนึ่งมาวัดว่าอะไรคือคุณลักษณะที่ติด Board มีหลัก 5 ประการดังนี้

1.ต้องมีความโดดเด่นในด้าน Leadership คือ ต้องมีความเป็นผู้นำ

2.ต้องมีนวัตกรรม (Innovation) เป็นของตนเอง เช่น ปรับปรุงการทำงานให้สั้นกระชับ และปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น

3.ต้องมีการจัดการองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง ต้องคิดอย่างเป็นระบบ ต้องเปลี่ยนแปลงจากตัวเจ้าหน้าที่ และรู้จักแบ่งปัน

4.ต้องนำเทคโนโลยี่มาช่วย เพื่อบ่งบอกถึงความแตกต่าง และต้องมีการประยุกต์ใช้งาน

5.การปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศขององค์กร

การจัดการความรู้ให้ไปสู่ความเป็นเลิศ

1.ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ตัวเราเองก็ต้องมีวิสัยทัศน์ส่วนตัวด้วยต้องรู้ว่าเราต้องการอะไร ซึ่งจะทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้

2.ต้องมีพันธกิจ ต่อองค์กร พนักงาน คุณภาพชีวิตของพนักงาน ในเรื่องปัจจัย 4

3.ต้องมีค่านิยมที่คิดเหมือนกันของคนในองค์การ ซึ่งจะกลายเป็นวัฒนธรรมขององค์กร

4.การสร้างคนให้เป็นคนเก่งและดี

การจัดองค์กรให้ไปสู่ความเป็นเลิศนั้นจะต้องเข้าใจธรรมชาติขององค์กร ซึ่งองค์ประกอบที่สำคัญขององค์กรคือ “คน” นอกจากนี้ยังต้องมีการถ่ายทอดความรู้จากคนรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งด้วย รวมทั้งต้องมีเทคโนโลยี่ที่ทันสมัยมาสนับสนุนการทำงาน แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในองค์กรจึงจะประสบความสำเร็จได้

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้เรื่อง High Performance Organization (HPO) โดย ดร.สมโภชน์ นพคุณ รองเลขาธิการ ก.พ. และคุณสุพิชญ์ สุวกูล ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาองค์กร ปตท.

องค์ประกอบสำคัญของ HPO เริ่มต้นจากเจ้าหน้าที่่ทุกคนในองค์กรที่พร้อมที่จะร่วมแรงร่วมใจในการไปสู่เป้าหมายที่ชัดเจน โดยให้ทุกคนเริ่มจากการรับรู้ (Knowing) ความเข้าใจ (Understanding) ความคิด (Thinking) และการเรียนรู้ (Learning) ลำดับต่อมาคือการปรับเปลี่ยนค่านิยม (Value) ให้ทุกคนสนใจที่จะเรียนรู้ พร้อมที่จะเสนอความเห็นต่าง สร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้ใต้บังคับบัญชา แลกเปลี่ยนค่านิยม ทั้งในมิติของวิสัยทัศน์ พันธกิจ ยุทธศาสตร์ เป็นต้นแบบที่ดี และต้องดูแลชีวิตของลูกน้อง

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้ HPO ประสบความสำเร็จ คือ ภาวะผู้นำ (Leadership) นวัตกรรม (Innovation) การจัดการความรู้ (KM) การแลกเปลี่ยน (Sharing) เทคโนโลยี (Technology) และการปฏิบัติการอย่างฉลาด (Operation Excellence) อย่างไรก็ตาม HPO จะไม่สำเร็จหากว่าเราขาดการกำหนดวิสัยทัศน์ แผนงาน/แผนกลยุทธ์ การนำแผนไปสู่การปฏิบัติ การติดตามและประเมินผล การทบทวน/ปรับปรุงแผน สรุปต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง

แนวคิดที่ได้จากกรณีศึกษา : การพัฒนา สขช. ไปสู่ให้เป็นองค์กรแห่งความเป็นเลิศ (High Performance Organization)

มององค์กร

- องค์กร ต้องมีเป้าหมายและวิธีการที่จะไปสู่เป้าหมายอย่างชัดเจน (วิสัยทัศน์และพันธกิจ) ซึ่งควรเป็นเป้าหมายในอนาคตที่มีแนวทางและวิธีการที่สามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผลได้จริง

- องค์กร ต้องให้ความสำคัญและมีการพัฒนาทุนมนุษย์ในองค์กร อย่างทั่วถึง จริงจังและต่อเนื่อง เพื่อสร้างและผลักดัน แนวคิด/ทัศนคติที่มุ่งเน้นให้ จนท. ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาตัวเอง เริ่มจาก

การสร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันและเชื่อมั่นในองค์กร โดยการเปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการรับรู้และกำหนดแนวทางในการทำงานอย่างเหมาะสม รวมทั้งการจัดสวัสดิการที่ดีอย่างเป็นธรรม เสมอภาคกัน

การสำรวจตัวเอง เพื่อหาข้อดี ข้อด้อย ที่จะส่งเสริมและปรับปรุง

การพัฒนาระบบความคิด

ยึดหลักการคิดอย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม

คิดในเชิงวิเคราะห์

มีการวางแผนที่ดีโดยมองอย่างกว้างและลึก

การคิดอย่างริเริ่ม สร้างสรรค์

การสร้างระบบเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในองค์กร เช่น การจัดการองค์ความรู้ การ

จัดทำคู่มือการปฎิบัติงานของ จนท. แต่ละคน การสนับสนุนและกระตุ้นบรรยากาศแห่งการเรียนรู้ใหม่ๆ เช่น จัดนิทรรศการ

ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม (Network and Connection)

พัฒนาขีดความสามารถเทคโนโลยีของหน่วยงานที่จะรองรับภารกิจต่างๆ ควบคู่ไปกับความรู้ ความสามารถของ จนท. ในการนำมาปรับใช้อย่างเหมาะสม

มองที่ตัวเอง

ต้องปรับทัศนคติให้เป็นเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลง และพร้อมที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อลดข้อจำกัดต่างๆในการทำงาน โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และถ่ายทอด เป็นแบบอย่างที่ดีให้ ผู้ร่วมงาน ให้ทราบแนวคิดและประโยชน์ที่จะได้รับจากการเปลี่ยนแปลงนั้น และเต็มใจจะเรียนรู้ พัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งยังไม่ต้องคาดหวังถึงผลสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงหรือการตอบรับจากผู้อื่นในทันที ขอเพียงแค่ทำในส่วนที่ตัวเอง มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงให้เต็มที่ และต่อเนื่อง

บทเรียนจากนักการเมืองหญิงไทย

หลักการ

บทเรียนจาก “นักการเมืองหญิงไทย” สรุปสาระสำคัญได้คือ กรณีนักการเมืองหญิงที่เป็นต้นแบบประสบความสำเร็จ ซึ่งมีความแตกต่างจากผู้อื่น ได้แก่ Mrs.Markel นายกรัฐมนตรีหญิงของ German โดยมีลักษณะส่วนตัวที่น่าศึกษา คือ

1. เติบโตมาจากการปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์

2. จบการศึกษาจากสาขาทางวิทยาศาสตร์

3. มีบุคลิกที่เชย พูดไม่เก่ง และไม่มีบารมี

สำหรับนักการเมืองหญิงแบบไทยๆ มีลักษณะส่วนตัว เช่น

1. มีวัตถุประสงค์ในการเล่นการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ หรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง

2. ไม่มีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง

3. มีบุคลิกภาพที่ดี และได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว

การวิเคราะห์และนำไปปรับใช้ประโยชน์.

จากกรณีศึกษาตามบทเรียนดังกล่าว จะเห็นได้ว่านักการเมืองหญิงแบบ Mrs.Markel เป็นต้นแบบของนักการเมืองหญิงที่ดี ที่ประสบควมสำเร็จทางการเมืองโดยไม่จำเป็นต้องมีการสร้างภาพ/บุคลิกภาพที่ดี แต่อยู่ที่การสร้างทุนความรู้ของตนเอง ให้มีกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ การเริ่มที่จะพัฒนาจากข้างในของตนเอง มีการสะสมคุณค่าของตนเองจากข้างใน สะสมทุนความรู้ มีการพัฒนาตนเองอยู่เสมอ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การมีจุดยืนและการมีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของชาติ เพื่อชาติ อย่างแน่วแน่และแน่นอน

แต่ “นักการเมืองหญิงแบบไทยๆ” กลับยังคงเน้นเล่นการเมืองเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง เพื่อประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง ไม่มีจุดยืน/อุดมการณ์ทางการเมืองที่แน่นอน แต่เน้นการสร้างบุคลิกภาพที่ดี เพื่อดึงดูดใจมวลชนในการมุ่งหวังฐานคะแนนเสียงของตนเอง ซึ่งถ้าหากนักการเมืองหญิงไทย นำส่วนที่ดีของ แบบ Mrs.Markel มาประยุกต์ใช้ให้อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งนำจุดเด่นของนักการเมืองหญิงแบบไทยๆ คือ การมีบุคลิกภาพที่ดี และได้รับการสนับสนุนการเล่นการเมืองจากครอบครัว ก็จะยิ่งเสริมฐานคะแนนเสียงให้แน่นมากยิ่งขึ้น โดยจุดเป้าหมายสุดท้ายที่สำคัญ คือ การเล่นการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน

..........................................................................

Mit NopporN (พฤจิกายน 2552)

งานหลักที่อาจารย์สั่งไม่ส่ง

แต่ส่งบทความนี้ให้อ่าน

หลักและเทคนิคการเขียนโครงการ

ความหมายของโครงการ

-คือ กลุ่มกิจกรรมที่จัดให้มีขึ้นเป็นครั้งคราว มีระยะเวลากำหนดที่แน่นอน .

กระบวนการก่อนวางโครงการ (เช่นเดียวกับการวางแผน)

1. ปัญหาความต้องการ

2. รวบรวมข้อมูล

3. วิเคราะห์ปัญหา

4. จัดลำดับความสำคัญของปัญหา/คัดเลือกปัญหา

5. วิเคราะห์สาเหตุ

6. กำหนดวัตถุประสงค์เป้าหมาย

7. กำหนดกิจกรรม/ทรัพยากร

8. วางโครงการ

องค์ประกอบของโครงการ (แบบฟอร์มการเขียนโครงการ)

ชื่อแผนงาน.........................................................

< เป็นการกำหนดชื่อให้คลอบคลุมโครงการเดียว หรือหลายโครงการ ที่มีลักษณะงานไปในทิศทางเดียวกันเพื่อแก้ไขปัญหาหรือสนองวัตถุประสงค์หลัก ที่กำหนดไว้>

ชื่อโครงการ.........................................................

< ให้ระบุชื่อโครงการตามความเหมาะสม มีความหมายชัดเจนและเรียกเหมือนเดิมทุกครั้งจนกว่าโครงการจะแล้วเสร็จ>

หลักการและเหตุผล.................................................

< ใช้ชี้แจงรายละเอียดของปัญหาและความจำเป็นที่เกิดขึ้น ต้องแก้ไข ตลอดจนชี้แจงถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากการดำเนินงานตามโครงการ และหากเป็นโครงการที่จะดำเนินการตามนโยบาย หรือโครงการอื่นๆ ก็ควรชี้แจงด้วย ทั้งนี้ ผู้เขียนโครงการ อาจจะเพิ่มเติมข้อความว่า ถ้าไม่ทำโครงการ ดังกล่าว ผลเสียหายโดยตรง หรือผลเสียหายระยะยาวจะเป็นอย่างไรเพื่อให้ผู้อนุมัติโครงการได้เห็นประโยชน์ของโครงการกว้างขวางขึ้น>

วัตถุประสงค์........................................................

< เป็นการบอกให้ทราบว่า การดำเนินงานตามโครงการนั้น มีความต้องการ ให้อะไรเกิดขึ้น วัตถุประสงค์ที่ควรจะระบุไว้ควรเป็นวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ปฎิบัติได้ วัดและประเมินผลได้ ในระยะหลังๆนี้ นักเขียนโครงการที่มีผู้นิยมชมชอบมักจะเขียนวัตถุประสงค์ เป็นวัตถุประสงค์เชิงพฤติกรรม คือเขียนให้เป็นรูปธรรมมากกว่าเขียนเป็นนามธรรม การทำโครงการหนึ่ง ๆ อาจมีวัตถุประสงค์มากกว่า 1 ข้อได้ แต่การเขียนวัตถุประสงค์ไว้มากๆ อาจทำให้ผู้ปฎิบัติมองไม่ชัดเจนและอาจดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ไม่ได้ ดังนั้นจึงนิยมเขียนวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนปฎิบัติได้ วัดได้เพียง1-3 ข้อ>

เป้าหมาย...........................................................

< ให้ระบุว่าจะดำเนินการสิ่งใด โดยพยายามแสดงให้ปรากฎเป็นรูปตัวเลขหรือจำนวนที่จะทำได้ในระยะเวลาที่กำหนดการระบุเป้าหมายนั้นควรระบุเป็นประเภทลักษณะและปริมาณให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความสามารถในการทำงานของผู้รับผิดชองโครงการด้วย>

วิธีดำเนินการ/กิจกรรม..............................................

< คือ งานหรือภารกิจ ซึ่งจะต้องปฎิบัติในการดำเนินโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ในระยะการเตรียมโครงการจะรวบรวมกิจกรรมทุกอย่างไว้แล้วนำมาจัดลำดับว่าควรทำสิ่งใดก่อน - หลัง หรือพร้อมๆกัน แล้วเขียนไว้ตามลำดับจนถึงขั้นตอนสุดท้ายที่ทำให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์>

ระยะเวลาดำเนินการ................................................

< คือ การระบุระยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ จนเสร็จสิ้นโครงการปัจจุบันนิยม ระบุ วัน-เดือน-ปี ที่เริ่มต้นและแล้วเสร็จ>

งบประมาณ/ทรัพยากร.............................................

< เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ ซึ่งควรจำแนกรายการค่าใช้จ่ายได้อย่างชัดเจน การระบุยอดงบประมาณ ควรระบุแหล่งที่มาของงบประมาณด้วย>

ผู้รับผิดชอบโครงการ................................................

< เป็นการระบุเพื่อให้ทราบว่า หน่วยงานใดเป็นเจ้าของ หรือรับผิดชอบโครงการ บางโครงการระบุเป็นชื่อบุคคลผู้รับผิดชอบเป็นรายโครงการได้>

หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน........................................

< เป็นการให้แนวทางแก่ผู้อนุมัติและผู้ปฎิบัติ ว่าในการดำเนินงานนั้นควรจะดำเนินงานประสาน และร่วมมือกับหน่วยงานใดบ้างเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้>

การประเมินผล......................................................

< เป็นการบอกแนวทางว่าการติดตามประเมินผล ควรทำอย่างไร ในระยะเวลาใด และใช้วิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งผลของการประเมิน สามารถนำมาพิจารณาประกอบการดำเนินการ ในเวลาต่อไป>

ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ.......................................

< เมื่อโครงการนั้นเสร็จสิ้นแล้ว จะเกิดประโยชน์อะไรบ้าง ใครเป็นผู้ได้รับประโยชน์ ซึ่งสามารถเขียนทั้งผลประโยชน์โดยตรงและผลประโยชน์ด้านผลกระทบของโครงการได้ด้วย>

ลักษณะของโครงการที่ดี

1. เป็นโครงการที่สามารถแก้ปัญหาได้

2. มีรายละเอียด เนื้อหาสาระครบถ้วน ชัดเจน และจำเพาะเจาะจงโดยสามารถตอบคำถามต่อไปนี้ได้คือ

- โครงการอะไร (ชื่อโครงการ)

- ทำไมจึงต้องริเริ่มโครงการ (หลักการและเหตุผล)

- ทำเพื่ออะไร (วัตถุประสงค์)

- ปริมาณที่จะทำเท่าไร (เป้าหมาย)

- ทำอย่างไร (วิธีดำเนินการ)

- ทำเมื่อไร นานเท่าใด (ระยะเวลาดำเนินการ)

- ใช้ทรัพยากรเท่าไรและได้มาจากไหน (งบประมาณ แหล่งที่มา)

- ใครทำ (ผู้รับผิดชอบโครงการ)

- ต้องประสานงานกับใคร (หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน)

- บรรลุวัตถุประสงค์หรือไม่ (การประเมินผล)

- เมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้วจะได้อะไร (ผลประโยชน์ที่คาวว่าจะได้รับ)

บทสรุป

ในการจัดทำโครงการนั้น ผมคิดว่าผู้จัดทำโครงการ จะต้องศึกษาปัญหาความต้องการ ก่อนการเขียนโครงการ เช่นการสำรวจ การสังเกต การประชุมปรึกษาการพบปะพูดคุย เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ผู้จัดทำโครงการมีแนวคิด ในการจัดเตรียมโครงการได้ จะช่วยให้โครงการเป็นไปอย่างเหมาะสม มีน้ำหนัก มีเหตุผลน่าเชื่อถือซึ่งทุกท่านสามารถนำเทคนิคเบื้องต้น ไปใช้ประยุกต์ใช้ในการทำงานได้ครับ....

สิ่งที่ได้จากการเรียน High Performance Organization

การบริหารงานให้องค์กรประสบความสำเร็จ องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดคือ”คน”

หลักการสำคัญในการเปลี่ยนแปลงคนจาก High Performance พัฒนาไปสู่ High Performance Organization มีหลักสำคัญดังนี้

1. ต้องใฝ่เรียนรู้

2. พร้อมและกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นของตนเอง

3. มีความสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานและลูกน้อง

4. เปิดกว้างให้ลูกน้องได้เสนอความคิดและสามารถกระทำให้เป็นจริงได้

5. ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี และพร้อมรับผิดชอบร่วมกับลูกน้อง

6. ดูแลความเป็นอยู่ให้ลูกน้องดีขึ้น

การจัดความรู้ไปสู่ความเป็นเลิศ

1. ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน โดยเราเองต้องมีจุดมุ่งหมายเพื่อมุ่งไปสู่ความสำเร็จ

2. ต้องมีพันธกิจต่อองค์กร สร้างคุณภาพชีวิตของพนักงาน

3. ทุกคนในองค์กรต้องมีความคิดเหมือนกันและปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน

4. สร้างคนให้เก่งและมีคุณธรรม

การจัดองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศจะต้องเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กร โดยให้ความสำคัญกับคนเป็นหลัก และจะต้องถ่ายทอดความรู้จากรุ่นไปสู่อีกรุ่นได้ดี และต้องนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงาน โดยทุกคนในองค์กรต้องคิดให้ความร่วมมือกันและทำงานไปแนวทางเดียวกันองค์กรนั้นจึงจะประสบผลสำเร็จไปได้ด้วยดี

………………………………………….

นายธนิต สุวรรณากาศ

สิ่งที่ได้โดยรวมจากเข้าอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program

สุพัตรา เกี้ยวกลาง

หัวข้อ การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

การสร้างผู้นำ เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง โดยคุณลักษณะสำคัญของผู้นำคือเป็นบุคคลที่ใฝ่รู้ มีการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา (Life-Long learning) จากทุกโอกาสทั้งการการเรียนรู้จากประสบการณ์ การเรียนรู้จากความเจ็บปวด และการเรียนรู้จากจากการฟัง (หลัก 3L’s) ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นการเรียนรู้ในระดับบุคคล แต่หากจะยกระดับเป็นการเรียนรู้ของกลุ่มคนให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ มีปัจจัยแห่งความสำเร็จคือ หลัก 4L’s คือมีวิธีการเรียนรู้ที่ดี สร้างบรรยากาศและโอกาสในการเรียนรู้ รวมทั้งการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้

ในการพัฒนาผู้นำระดับบุคคลนั้น หลักคิดของ Ram Charan ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเราเองคือ การสำรวจค้นหาว่าเรามีจุดแข็งที่ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดเช่นไร และเริ่มพัฒนาจากจุดนั้น รวมทั้งการสำรวจค้นหาว่ามีจุดอ่อนใดที่ควรปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นต่อไป โดยการทำเป็น individual Development Plan ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญที่จะนำเรามุ่งสู่เส้นทางการเป็นผู้นำได้ พึงระลึกไว้เสมอว่า การสร้างภาวะผู้นำให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืนเป็นของแท้ (Personal Matery) เราจะต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยอาจใช้หลัก 4E’s และ 5E’s

หัวข้อ การสร้างและบริหารทีมเพื่อประสิทธิภาพ

การทำงานเป็นทีมช่วยให้การทำงานมีทางเลือก ทางออกและการแก้ไขปัญหาสามารถทำได้ ดีกว่าการทำคนเดียว เพราะเป็นการรวมพลัง ความคิด และความเชี่ยวชาญ ที่แต่ละคนมีแตกต่างกัน ทำให้การบรรลุเป้าหมายเร็วขึ้นดีขึ้น อย่างไรก็ดี มีข้อระมัดระวังคือการทำงานเป็นทีมนั้นต้องเป็นการช่วยเหลือสนับสนุนกันและกัน และมีการสื่อสารที่ดี เพื่อให้การมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพ

หัวข้อ การบริหารสัมพันธภาพกับลูกค้า

หมายถึงหลักการง่ายๆ คือ การเอาใจเขามาใส่ใจเรา การจะได้ใจลูกค้าคือการคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นเสมือนผลประโยชน์ของเรา

หากนำหลักการนี้มาใช้ประโยชน์ในฐานะที่ผู้เข้าอบรมจะเป็นผู้นำในอนาคต สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการปฏิบัติต่อคนรอบข้าง/เพื่อนร่วมงาน/ลูกน้องและผู้บังคับบัญชาคือการดูแลจิตใจของกลุ่มคนเหล่านั้นเหมือนกับที่ดูแลจิตใจของตนเอง มีหลักของการ share of heart / share of thoughts / share of wallet

หัวข้อ ความฉลาดทางอารมณ์กับการทำงานยุคใหม่

การทำงานยุคใหม่ ต้องเก่งในหลายเรื่องๆ ที่สำคัญได้แก่ การเก่งงาน เก่งคน เก่งคิด และเก่งการดำเนินชีวิต ซึ่งองค์ประกอบของความสำเร็จดังกล่าว เราจะต้องมีสมดุลทั้ง IQ ซึงเป็นเครื่องบ่งชี้ความเก่ง สติปัญญา และ EQ ความฉลาดทางอารมณ์ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานและการดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข รวมทั้งควรต้องมี Adversity Quotient ความอึด พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ซึ่งเป็นสิ่งทำให้เกิดความสำเร็จได้ สำหรับการมี EQ ที่ดี คือ เราต้องตระหนักรู้ในตนเอง แล้วฝึกจัดระเบียบทางอารมณ์ สร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง รวมถึงการร่วมรับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น และมีทักษะทางสังคม รู้จักยอมรับและสร้างศรัทธาในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น

หัวข้อ สำนักข่าวกรองแห่งชาติในยุคที่โลกเปลี่ยนและBlue Ocean Strategy กับการทำงานของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

หลักคิดเกี่ยวกับทฤษฎีเกมและ Blue Ocean Strategy ทำให้เกิดนวัตกรรม และการคิด/ทำในสิ่งที่นำหน้าผู้อื่นอยู่เสมอ สำหรับทฤษฎีเกมเป็นประโยชน์มากในการแสวงหาทางเลือกในการวิเคราะห์เรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งได้ รวมทั้งเป็นเครื่องมือคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตได้ และช่วยให้การรับมือกับอนาคตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ จนท.ข่าวกรองต้องมีคุณสมบัติในการคิดวิเคราะห์เช่นนี้ โดยเฉพาะการนำ Game Theory ซึ่งมีทั้ง Zero sum Game, Positive sum Game และ Negative sum Game มาประเมิน security threat หรือeconomic threat ให้มีความแม่นยำ แล้วนำหลัก Blue Ocean มาประยุกต์ในการทำงาน

หัวข้อ สำนักข่าวกรองแห่งชาติกับการวางแผนกลยุทธ์

การวางแผนกลยุทธ์มีประโยชน์ในการช่วยให้การกำหนดวิสัยทัศน์หรือทิศทางขององค์กรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้เข้าใจและรู้ทันสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เป็นผลให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและแสวงหาการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน การวางแผนกลยุทธ์ที่ดีต้องวิเคราะห์ SWOT ให้ถูกต้องและรู้จักตัวเราเองเสียก่อน แล้วจึงวางแผนระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว โดยทุกองค์ประกอบของแผนต้องมีความสัมพันธ์เป็นองค์รวมและเชื่อมโยงเป็นระบบ อีกทั้งควรจะเป็นแผนที่ท้าทายและสามารถทำให้เป็นจริงได้

ความเห็นส่วนตัวของผู้เข้าอบรม เห็นว่า เรื่องของการวางแผนกลยุทธ์หากนำมาใช้ในการสร้างผู้นำหรือการพัฒนาขีดความสามารถของบุคคล น่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะเริ่มด้วยการวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน แล้วกำหนดเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ในสิ่งที่มุ่งหวังจะเป็น จากนั้นคือการกำหนดพันธกิจในการพัฒนาตนเองไปสู่จุดมุ่งหมายดังกล่าว

หัวข้อ การบริหารเชิงคุณภาพสำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

เป็นการทำความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาของการตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 7 หมวด ได้แก่ การนำองค์กร การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การวัดวิเคราะห์และจัดการความรู้ การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล การจัดการกระบวนการ และผลลัพธ์การดำเนินการ รวมทั้งองค์กรที่เป็นเลิศนั้นจำเป็นต้องมีค่านิยมหลัก (core value) 11 ประการ คือ การนำองค์กรอย่างมีวิสัยทัศน์ ความรับผิดชอบต่อสังคม การให้ความสำคัญกับพนักงานและลูกค้า ความเป็นเลิศที่มุ่งเน้นลูกค้า การมุ่เน้นอนาคต ความคล่องตัว การเรียนรู้ขององค์การและแต่ละบุคคล การจัดการเพื่อนวัตกรรม การจัดการโดยใช้ข้อมูลจริง การมุ่งเน้นที่ผลลัพธ์และสร้างคุณค่า และมุมมองเชิงระบบ

สำหรับแนวคิดของการบริหารภาครัฐแนวใหม่ เพื่อสร้างระบบงานที่เอื้อต่อการทำงาน และทบทวนบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งมีความรับผิดชอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กร สร้างวัฒนธรรม และกลยุทธ์ การทำงานแนวใหม่ใหม่ เพื่อให้สามารถก้าวข้ามให้พ้นความเป็นระบบราชการ (beyond bureaucracy) ซึ่งยังเป็นเรื่องที่ท้าทายของประเทศไทยอยู่มาก

หัวข้อ Mind Mapping สำหรับการทำงานแบบมืออาชีพ

Mind Mapping เป็นเทคนิคในการฝึกสมองให้ทำงานทั้งสองซีก จากปกติที่เรามักจะใช้สมองซีกใดซีกหนึ่งมากกว่าอีกซีก ซึ่งจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของเราให้มีประสิทธิภาพได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะการจัดระบบความคิดความจำ ให้สามารถคิดวิเคราะห์เชื่อมโยงความสัมพันธ์หรือความเกี่ยวข้องของเรื่องราวต่างๆ ภายในระบบความจำของเรา

หลักการสำคัญของ Mind Mapping คือ การฝึกฝนให้มากและฝึกอย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง

หัวข้อ แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร

ที่มาของแนวคิดเกิดจากการต่อยอดเรื่อง Red Ocean Strategyซึ่งเต็มไปด้วยการแข่งขันที่มีแต่การทำลายล้างกัน ซึ่งผลคือ zero sum game หรือ negative sum game ล้วนแต่เป็นผู้พ่ายแพ้กันทั้งสิ้น และเมื่อ แนวคิด Blue Ocean Strategy เข้ามาแทนที่ ผู้ที่เป็น blue ocean จะต้องเหน็ดเหนื่อกับการคิดและทำต่างออกไป เพื่อที่จะเป็น ผู้ที่ได้ zero sum game หรือ winner takes all แต่ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการต้องวิ่งหนีกระแสหลักอยู่ตลอดเวลาไม่มีที่สิ้นสุด ทางออกของปัญหา red & blue ocean คือ white ocean strategy ซึ่งทำให้ทุกคนอยู่ใน win-win game คือ กลยุทธ์ที่แสวงหาความสมดุลระหว่าง people-planet-profit-passion เพราะทุกภาคส่วนเกี่ยวข้องหรือมีส่วนได้ร่วมกันหมด เพราะโลกอันอุดมสมบูรณ์มีที่ว่างสำหรับทุกคน แต่ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรมความเป็นจริง และ ความเป็นเนื้อแท้ (integrity) มีมโนธรรม เป็น ศูนย์กลาง และทุกคนควรต้องมี DNA ของ Individual Social Responsibility มีหัวใจสีขาวและจิตอาสา เพื่อจรรโลงสิ่งดีงามและสังคมอย่างยั่งยืน

หัวข้อ Creative Thinking and Value Innovation

เป้าหมายของ นรม.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขณะนี้ คือ กำหนด positioning ของประเทศไทยให้เป็น creative economy เราจะต้องพัฒนาตัวเราและทรัพยากรบุคคลของประเทศให้เป็น creative thinker

ประเทศไทยเรามีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรมมหาศาล ที่ขอให้เรามี creative thinking ในการเพิ่มเติมเรื่องราวประกอบกับวัฒนธรรม ซึ่งเป็นสิ่งจับต้องไม่ได้ (Intangible) ให้สามารถจับต้องได้ โดยควบคู่ไปกับสินค้าและบริการของเรา เท่ากับว่า เราได้สร้าง value innovation และจะเป็นสิ่งซึ่งสร้างความมั่นคั่งให้แก่ชาติเราได้

สิ่งที่ได้โดยรวมจากเข้าอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program

นอกจากข้อคิดต่างๆ รวมทั้งแนวทางปฏิบัติที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทันทีในการทำงานและในชีวิตประจำวัน เพื่อบ่มเพาะคุณสมบัติที่จะนำไปสู่ภาวะผู้นำที่ดีแล้ว สิ่งที่ได้จากการเข้าอบรมคือการจุดประกายที่จะเป็นผู้ใฝ่รู้และต้องการ (passion) ที่จะเรียนรู้ โดยขณะนี้ ได้ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ว่า จะอ่านหนังสือสัปดาห์ละ 2 เล่มไว้แล้ว

เปรียบเทียบนักการเมืองหญิงของไทยกับต่างประเทศ

นักการเมืองหญิงที่เป็นแบบอย่างผู้นำที่ดี เช่น นรม.Merkel ของเยอรมนี เป็นนักการเมืองที่น่าชื่นชมอย่างยิ่งเพราะท่านสามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งที่มีภูมิหลังหรือบุคลิกที่ไม่น่าจะเกื้อหนุนได้ดีเท่าใดนัก เพราะเติบโตมาจากสังคมคอมมิวนิสต์ เรียนวิทยาศาสตร์ (ฟิสิกส์) อีกทั้งยังมีบุคลิกและการแต่งตัวก็ไม่ตามสมัยและพูดไม่เก่ง ซึ่งไม่น่าจะจูงใจโน้มน้าวผู้อื่นได้ แต่ความสำเร็จของท่านน่าจะมาจากการมีจิตสาธารณะ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม จึงทำให้มีความแตกต่างโดดเด่น เป็นที่ยอมรับและต้องการให้เป็นผู้นำต่อไป

สำหรับนักการเมืองหญิงไทยที่ อ.ดร.จีระ เทียบเคียงกับ นรม.Merkel มีหลายท่าน ทั้งคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คุณปวีณา หงสกุล คุณพรทิวา นาคาศัย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิชดร.จุรี วิจิตรวาทการ, ดร.ผุสดี ตามไท โดยนักการเมืองหญิงไทย 3 ท่านแรก ได้ให้คำนิยามท่านว่าเป็นนักการเมืองหญิง สไตล์ไทย ๆ คือ เล่นการเมืองเพราะครอบครัวที่สนับสนุน มีพ่อดีหรือสามีเล่นการเมืองอะไร แต่ ขาดจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมือง สำหรับนักการเมืองหญิง 3 ท่านหลัง เป็นผู้มีความรู้ แต่เล่นการเมืองไม่เก่ง รวมทั้งมีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองเพื่อชาติและผลประโยชน์ของคนในชาติได้ดีกว่า ดังนั้น ประเด็นที่คนของสังคมไทยน่าจะตระหนักและแยกแยะได้ว่า ประเทศชาติเราต้องการนักการเมืองประเภทใด และในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่หรือคนรุ่นใหม่น่าจะต้องพิจารณาว่าจะเลือกชื่นชมใครเป็นแบบอย่างนักการเมืองที่จะเป็นผู้นำที่ดี

เปรียบเทียบนักการเมืองชายของไทยกับต่างประเทศ

ประธานาธิบดีชีมอน เปเรส อาจเรียกได้ว่าเป็นรัฐบุรุษของชาวอิสราเอล และเป็นความหวังของโลกที่จะทำให้เกิดสันติภาพในตะวันออกกลาง และการยุติความขัดแย้งการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอาหรับ ขณะที่คุณลักษณะของประธานาธิบดีเปเรสคือมีความซื่อสัตย์ ทำอะไรลึกซึ้ง และมีวิสัยทัศน์ รวมทั้งมีความใฝ่รู้ (อยากรู้ อยากเห็น) และคิดเชิงบวกและมีความหวังมาตลอดชีวิตของท่าน เห็นได้จากปัญหาสู้รบระหว่างอิสราเอลกับอาหรับที่มีความซับซ้อน ยุ่งยาก แต่ท่านไม่เคยท้อถอย และยังคงมีความมุ่งหวังที่สร้างสันติภาพให้เกิดขึ้น (เป็นที่มาของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพร่วมกับนายยัสเซอร์ อาราฟัต)

ในประเทศไทย เรามีนักการเมืองที่มีอายุใกล้เคียงกับประธานาธิบดีเปเรส คือ พลเอกชวลิต, คุณบรรหาร, คุณเสนาะ และ พล.ต.สนั่น แต่จุดอ่อนของท่านเหล่านี้คือ ผู้คนส่วนใหญ่ยังเคลือบแคลงในเจตนาว่า ท่านเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนร่วมโดยแท้จริงหรือไม่ หากไม่เช่นนั้น ท่านน่าจะวางมือทางการเมือง และสนับสนุนให้นักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์และสามารถจะทำประโยชน์ให้แก่ชาติได้ขึ้นมามีบทบาทเป็นผู้นำของสังคมไทย

ได้อะไรจาก High Performance Organisation (HPO)

องค์ประกอบสำคัญของ HPO คือ โครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน กฎระเบียบ และคน โดยคนเป็นส่วนสำคัญที่จะนำไปสู่ HPO ดังนั้นหากเราต้องการให้ NIA เป็น HPO เราน่าจะต้องเปลี่ยนแปลงที่ตัวเราก่อน โดยเฉพาะการสร้างให้ตนเองเป็น High Performer เป็นผู้มีความกระหาย (passion) ที่จะเรียนรู้ทั้งวิชาการและเทคโนโลยี และมี commitment ในการทำงาน

ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำกับผู้ตามถือเป็นสิ่งสำคัญด้วย ผู้ที่เป็นผู้นำจะต้องมองเห็น และเคารพ ให้เกียรติในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตาม (มองเขาให้เป็นคนเต็มคน) และปฏิบัติต่อเขาโดยให้ความไว้ใจ ให้อิสระและแบ่งปันความรู้และทำงานร่วมกัน

กรณีการจัด HPO ของต่างประเทศ เช่น fortune หรือองค์กรอื่นๆ ที่จะให้การยอมรับ (recognition) ว่า องค์กรใดจะเป็น HPO มีข้อพิจารณาคือ

1. มีความโดดเด่นด้านความเป็น Leadership ซึ่งความจริงมีอยู่ในทุกคนในองค์กรอยู่แล้ว

2. มีลักษณะพิเศษที่เป็นนวัตกรรม (innovative) ของตนเอง ปรับปรุงสิ่งที่เป็นอยู่ ให้ดีขึ้น

3. มีความแตกต่าง (distinctive) จากองค์กรอื่น ซึ่งความรู้ (tacit knowledge) ที่มีอยู่ในองค์กรต้องเรียบเรียงและถ่ายทอดอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบ เพราะความรู้คืออำนาจ

4. มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย

5. มีความเป็นเลิศในการปฏิบัติการ (operational excellent)

นอกจากนี้ การกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ และค่านิยม มีความสำคัญด้วยเช่นกัน เพราะจะเป็นการสร้างให้ทุกคนในองค์กรตระหนักถึงเป้าหมายของบริษัท และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม เพื่อ share vision, share mission, share value, share strategy

จากการที่่คุณทักษิณพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้รัฐบาลยุบสภา อาจจะเร่งกระทำมากเกินขอบเขต ทำให้เกิดสะดุดขาตนเองได้ สาเหตุเนื่องจากวิเคราะห์ระบอบกษัตริย์มากเกินไปจนถูกมองว่ากำลังกระทำการใด ๆ หมิ่นสถาบันสูงสุด ซึ่งคนไทยที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ จะรับไม่ได้ อีกทั้งคุุณทักษิณยังมีำตำแหน่งที่ปรึกษาให้กับเขมร ซึ่งไม่ใช่ในฐานะประเทศไทย จึงไม่เกิดการ win/win ระหว่างความสัมพันธ์ ไทย-เขมร แต่กับเกิดการLose/Lose แทน และอาจเป็นประสบการณ์เจ็บปวดของผู้นำเตือนให้มีความรอบคอบ ระมัดระวังมากขึ้นในการทำงานเพื่อประเทศชาติ ผู้นำเข้มแข็งประเทศชาติย่อมเจริญ

เทคนิคการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

          สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เป็นหน่วยข่าวปิดมานาน ทำให้มีจุดอ่อนตรงที่ไม่ค่อยมีหน่วยราชการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการข่าวรู้จักมากนัก ดังนั้น เมื่อต้องเปลี่ยนแปลงองค์กรไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ การที่จะทำให้หน่วยงานต่าง ๆ รู้จักว่า สขช.คือองค์กรที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับอะไร จนท.ในองค์กรจำเป็นต้องมองให้ออกว่า Image ของ สขช.คืออะไรในสายตาของบุคคลภายนอก จากนั้นพยายามสื่อให้ทุกคนเข้าใจการทำงานของ สขช.อย่างที่เราเข้าใจ โดยไม่คิดไปก่อนล่วงหน้าว่าหน่วยงานต่าง ๆ รู้จัก สขช.ดีอยู่แล้ว หากเกิดกรณีฉุกเฉินและเราต้องการความช่วยเหลือด้านข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่หน่วยข่าว หน่วยราชการที่เข้าใจการทำงานของเราก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ เพื่อเราจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์

----------------------------

เทคนิคการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ

          สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) เป็นหน่วยข่าวปิดมานาน ทำให้มีจุดอ่อนตรงที่ไม่ค่อยมีหน่วยราชการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการข่าวรู้จักมากนัก ดังนั้น เมื่อต้องเปลี่ยนแปลงองค์กรไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ การที่จะทำให้หน่วยงานต่าง ๆ รู้จักว่า สขช.คือองค์กรที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับอะไร จนท.ในองค์กรจำเป็นต้องมองให้ออกว่า Image ของ สขช.คืออะไรในสายตาของบุคคลภายนอก จากนั้นพยายามสื่อให้ทุกคนเข้าใจการทำงานของ สขช.อย่างที่เราเข้าใจ โดยไม่คิดไปก่อนล่วงหน้าว่าหน่วยงานต่าง ๆ รู้จัก สขช.ดีอยู่แล้ว หากเกิดกรณีฉุกเฉินและเราต้องการความช่วยเหลือด้านข้อมูลจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่หน่วยข่าว หน่วยราชการที่เข้าใจการทำงานของเราก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ เพื่อเราจะได้บรรลุวัตถุประสงค์ในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทันต่อเหตุการณ์

----------------------------

เทคนิคการวางแผนปฏิบัติราชการอย่างมีประสิทธิภาพ

          ในการเขียนแผนงาน หรือโครงการที่ดี สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือ Outcome ซึ่งอาจไม่สามารถวัดออกมาเป็นจำนวนได้ และในการพิจารณา Outcome ควรพิจารณาจากประเด็นดังต่อไปนี้

          1) เป็นสิ่งที่ทำแล้วก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

          2) ทำแล้วคุ้มค่า

          3) ทำในสิ่งที่ตรงกับความถนัดของเรา

          4) สิ่งนั้นต้องได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

          5) เป็นสิ่งที่ยังไม่เคยทำมาก่อน

-----------------------------------            

 

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

วันนี้ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้ข้อมูลที่จะใช้ในวันศุกร์ก้าวหน้าไปอีกระดับ พรุ่งนี้ขอให้ตัวแทนที่จะขึ้นเวทีจัดทำ PPT หรือ word มาก็ได้ จะได้มาลองเทียบเคียงกันดูว่าซ้ำซ้อนกันหรือไม่ เพื่อให้การดำเนินการอภิปรายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง

ส่วนการจัดทำสรุปผลที่ได้จากการเรียนของพวกเรายังมีอีกหลายกลุ่มนะครับที่ยังไม่ได้ส่ง ช่วยเร่งมือกันครับ กะว่าจะปิดเล่มพร้อมกับปิดหลักสูตร จะได้รับ Output ไปเลย คนละ 1 DVD

ปล.พักผ่อนกันได้แล้วครับ พรุ่งนี้จะได้มีพลังเตรียมรับการอบรมต่อไป

กรณีศึกษา HPO

การที่องค์กรจะก้าวไปสู่ความสำเร็จหรือเป็นที่หนึ่งได้นั้น สิ่งแรกที่ต้องทำคือการพัฒนาตัวบุคคลและต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้บุคลากรเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และการทำงานเป็นทีมจะมีส่วนในการช่วยผลักดันให้เกิดผลสำเร็จ ซึ่งก็ต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน เปิดเผย ให้อิสระในด้านความคิดและให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างจริงใจ การมีเป้าหมาย ถือเป็นสิ่งสำคัญและวิสัยทัศน์ไปในทิศทางเดียวกัน และการทำงานที่จะก่อให้เกิด HP นั้น ต้องไม่เอากฎระเบียบ โครงสร้าง หรือนโยบายมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน รวมไปถึงการมีคุณธรรม จริยธรรม ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่บุคคลในองค์การจะละเลยไม่ได้

ศิริรัตน์ ปทุมเทพ

การเรียนรู้ High Performance Organisation (HPO)

ความสำคัญของ HPO คือ การสร้างขีดความสามารถของคนในองค์กรให้บรรลุเป้าหมายตามวิสัยทัศน์ พันธกิจ ร่วมกัน ซึ่งจำเป็นต้องมีการสร้างคุณค่าให้กับตัวเองทั้งจริยธรรม มีความรับผิดชอบ อยากเรียนรู้ กล้าเห็นต่าง และการสร้างวัฒนธรรมที่ดีในการทำงานในองค์กร ให้ความสนับสนุนช่วยเหลือและแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกัน ดำเนินงานที่ก้าวทันเทคโนโลยี มีนวัตกรรม มีการบริหารการเปลี่ยนแปลงโดยต้องไม่เน้นกฎระเบียบ กระบวนการทำงานให้สั้น กระทัดรัด โดยจะต้องเป็นทั้งคนเก่งและคนดี (SPIRIT)

แจ้งเตือนการส่งสรุปรายวิชาเพื่อรวบรวมทำเล่ม

กลุ่มที่ยังไม่ส่งสรุปเข้ามา คือ (ส่งมาที่ E-mail address คือ [email protected])

6 พ.ย.52 (เช้า) การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของ สขช. (อ.จีระ) กลุ่ม 3

12 พ.ย.52 (เช้า-บ่าย) Mind Mapping (อ.ดำเกิง) กลุ่ม 4

12 พ.ย.52 (เย็น) แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรม (อ.ดนัย) กลุ่ม 3

13 พ.ย.52 (เช้า) Creative Thinking กับการทำงานของ สขช. (อ.ณรงค์ศักดิ์) กลุ่ม 2

13 พ.ย.52 (บ่าย) Value Innovation ของ สขช. (อ.ณรงค์ศักดิ์) กลุ่ม 1

23 พ.ย.52 (เช้า) กรณีศึกษา High Performance Organisation (อ.สุพิชญ์ อ.สมโภชน์) กลุ่ม 6

23 พ.ย.52 (บ่าย) Project Proposal & Project Management (อ.จีระ) กลุ่ม 5

24 พ.ย.52 (เช้า) เทคนิคการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (อ.พจน์) กลุ่ม 4

24 พ.ย.52 (บ่าย) เทคนิคการจัดทำแผนปฏิบัติการอย่างมีประสิทธิภาพ (อ.สมชัย) กลุ่ม 3

บทเรียนในหัวข้อเรื่อง “High Performance Organization”

หลักการ

บทเรียนในหัวข้อเรื่อง “High Performance Organization” สรุปสาระสำคัญได้ คือ องค์กรมีองค์ประกอบหลัก 4 ประการ คือ

1. โครงสร้างองค์กร

2. กระบวนการทำงาน

3. กฎระเบียบต่างๆ

4. คน

แต่องค์ประกอบขององค์กรที่มีความสำคัญมากที่สุด คือ คน โดยใช้หลักการบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร

การบริหาร คน จำเป็นต้องสร้างค่านิยมใหม่ที่ดี ที่เอื่ออำนวยต่อการพัฒนา และนำไปสู่การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่มุ่งสู่ความสำเร็จขององค์กร โดยผู้นำขององค์กร ต้องเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง

การปรับใช้กับ สขช.

จากบทเรียนดังกล่าวสามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับการบริหารงานของ สขช. ได้ เพื่อพัฒนาองค์กรและนำไปสู่ความสำเร็จของ สขช. คือ

1. การสร้างค่านิยมใหม่ในเชิงบวกแก่ จนท.ของ สขช. ให้มีลักษณะค้นหาความรู้ตลอดเวลาอย่างไม่รู้จบ เพื่อสร้างมีความพร้อม และมีความกล้าที่จะแสดงความคิดเห็น/แสดงออกในสิ่งที่ดีที่มีคุณค่า พร้อมทั้งมีความพร้อมต่อการบริหารการเปลี่ยนแปลง โดยคำนึงถึงคุณธรรม-จริยธรรม

2. สร้างองค์กรโดยให้มองคุณค่าของ จนท.ให้มากขึ้น ถือว่า “บุคลากรเป็นสิ่งที่สำคัญขององค์กร” โดยให้ จนท.มีอิสระในการคิด ให้โอกาสคิด และที่สามารถนำไปปฏิบัติราชการได้จริง โดยคำนึงถึงการสร้างบรรยากาศของการทำงานร่วมกัน หรือทำงานเป็นทีม เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อองค์กร และประเทศชาติ

สำหรับการทำงานเป็นทีม คือ การสร้างความเข้าใจกัน, การเปิดเผยซึ่งกันและกัน, การรับผิดชอบร่วมกัน และต้องสร้างให้ทีมงานมีความรู้สึกถึงการพึ่งพาอาศัยกันและกัน

..........................................................................

Mit NopporN (พฤจิกายน 2552)

วิเคราะห์คดีคุณรักเกียรติและราเกซ เป็นบทเรียนของนักการเมืองบางคน

การยอมรับคำตัดสินของศาลหรือเคารพกระบวนการยุติธรรมของไทยของคุณรักเกียรติ แสดงให้เห็นว่า คุณรักเกียรติมีความสำนึกในความผิดของตนในระดับหนึ่ง และทำให้คุณรักเกียรติหลังจากพ้นโทษแล้วสามารถกลับเข้าสู่สังคมไทยได้อย่างคนทั่วไป โดยเฉพาะหากคุณรักเกียรติทำความดีเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง คาดว่าประชาชนจะให้อภัยคุณรักเกียรติ เพราะสังคมไทยมักให้โอกาสคนที่สำนึกผิดเสมอ

แต่กรณีคุณราเกซที่ใช้วิธีหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ และจากข่าวสาร ปรากฎว่าคุณราเกซได้ไปสร้างความวุ่นวายทางการเงินให้กับประเทศนั้นด้วย แสดงให้เห็นว่า คุณราเกซไม่มีความสำนึกในความผิด และยังใช้ความฉลาดแกมโกงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองโดยไม่ยอมหยุดพฤติกรรมที่ทำให้ตัวเองต้องตกอยู่ในสภาวะลำบากในปัจจุบัน แต่สุดท้ายคุณราเกซก็ไม่สามารถหนีความผิดของตนเองพ้น ต้องกลับมารับโทษที่ตัวเองได้ทำผิดไว้อยู่ดี หรืออาจเรียกว่ากลับมารับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้นั่นเอง

ส่วนกรณีคุณทักษิณ การไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล ทำให้ต้องเร่ร่อนไปตามประเทศต่าง ๆ ที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน นอกจากนั้นคุณทักษิณยังทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับเงิน 76,000 ล้าน ที่ถูกอายัดคืน และเห็นได้ว่า ยิ่งคุณทักษิณเคลื่อนไหวทางการเมืองมากเท่าไหร่ สถานการณ์ของคุณทักษิณยิ่งเลวร้ายลงไปเรื่อย ๆ ความเป็นผู้มีอิทธิพลต่อกลุ่มเสื้อแดง และแนวคิดทางการเมืองที่อันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ ตามที่กลุ่มเสื้อเหลืองและ สื่อมวลชนโจมตี อาจทำให้คุณทักษิณกลับประเทศได้ลำบากมากขึ้น เนื่องจากกลัวการถูกลอบสังหาร กลัวการติดคุก แต่สุดท้ายคุณทักษิณจะถูกบีบ จนกระทั่งต้องกลับประเทศเพื่อมารับโทษเหมือนกรณีคุณราเกซ

น.ส.บุษบา บรรชาติ

IT มีประโยชน์และโทษ

ในยุคปัจจุบันระบบเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทุกคนต้องเปิดใจกว้างและเรียนรู้ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ต่าง ๆ ข้อมูลท่ได้รับจาก IT ต้องวิเคราะห์อย่างละเอียด อย่างรู้แจ้งและจริงจัง ขณะเดียวกัน เมื่อ

IT ทำให้เกิดประโยชน์ แต่ก็มีโทษตามมา เช่นกัน วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลคือ คน เพราะคนเป็นผุ้กระทำ เราต้องสร้างความซื่อสัตย์ให้เกิดขึ้นด้วย

กาญจนา งามเนตร

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

เรียนรู้บริบทหนึ่งของการเรียนรู้คุณค่าและประโยชน์มากมายมหาศาลของ

IT ในโลกอันไร้พรมแดน เรียนรู้วิธีการค้นหาข้อมูลข่าวสารจากเครื่องมือและสื่อที่มี

อยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนทราบแนวทางการสกัดข้อมูลข่าวสารเพื่อนำเฉพาะส่วนที่มี

คุณค่านำไปใช้ประโยชน์ทั้งต่อการดำเนินชีวิตและในการทำงาน

การรู้จักเปิดโลกทัศน์เพื่อการรับรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ จากสื่ออิเลคโทรนิคส์

ทุกชนิด ส่วนการปรับใช้ในภาคราชการได้แก่รู้จักใช้ประโยชน์จากเครื่องมือสื่อสารและอุปกรณ์/ระบบ IT ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาวะที่รัฐบาลเข้มงวดในการอนุมัติงบประมาณสนับสนุน

นอกจากนั้นยังเกิดแนวคิดต่อยอดใหม่ๆ ที่จะนำไปใช้ประโยชน์ในการค้นหา

ประเด็นต่างๆ นำไปใช้ประโยชน์ด้านการข่าวเพื่อให้การรายงานข่าวมีความสมบูรณ์ มีคุณค่าและ ผบ.ใช้ประโยชน์ได้

___________________________

คำมา พื้นทอง

ความรู้ที่ได้รับ:การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

- ความสำเร็จขององค์กรเราต้องทราบว่าปัจจุบันเราอยู่ตรงใหน แล้วเราจะไปใหน ไปอย่างไร เพื่อความสำเร็จขององค์กร

การแก้ไขปัญหาเรื่อง IT ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

1. มีคนเก่งมีความรู้แก้ปัญหา 2. มีระบบ IT ไม่เกิน 2 ปี 3. มี Expert มาช่วย มีระบบกลไกพิเศษ

โลกยุคใหม่ คือความรู้ที่เรียนจะมีคุณค่าน้อย ความสามารถในการวิเคราะห์จะเป็นสิ่งสำคัญกว่า เพราะข้อมูลมีมากเกินไป ไม่สามารถแยกแยะได้ จริง/ลวง

ปัจจุบันบุคคลต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. ทักษะการวิเคราะห์ ตัดสินใจ

2. ต้องมีทัศนคติเรียนรู้ตลอดชีวิต ต้องประยุกต์ความรู้ (ไม่ใช่นักจำ)และความรู้ที่ได้รับต้อง Interaction กับของจริง

3. มีทักษะที่เป็น Soft Skill การสื่อสาร การต่อรอง ความร่วมมือ (การต่อรองต้องทำข้ามหลายภาษาได้ ปัจจุบัน ผู้บริโภคและผู้ผลิตเป็นคนเดียวกัน)

ปัจจุบันต้องมีทักษะ IT คือ ใช้อย่างไร รู้อย่างไร ค้นหาความรู้ที่ใหน ใช้ความรู้อย่างไร เก็บรักษาอย่างไร

Security มี 3 ส่วนที่สำคัญ

1. เทคโนโลยี 2.คนที่เกี่ยวข้อง ผู้ดูแลระบบ 3.กฎ กติกา

- เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงใหนแล้ว และเราจะ Protect อย่างไร

เช่น Sever คือ หัวใจหลักของ IT ถ้าเอาไวรัสไปปล่อยระบบจะล่ม

- ปัจจุบันมี Virus 2 ตัว 1.Business Virus (เพื่อขาย Anti Virus)2. Political Virus

น.ส.บุษบา บรรชาติ

ความรู้ที่ได้รับ ในหัวข้อ การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ได้เรียนรู้ว่าองค์กรต้องพัฒนาคนให้มีความรู้และทักษะด้าน IT และรู้จักนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อย่างไม่มีขอบเขต ไม่มีพรมแดน ปัจจุบันเราอยู่ในยุคสงครามข่าวสาร ต้องรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังทำอะไร กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ทั้งนี้ก็ต้องไม่ลืมในเรื่องของ Security ด้วย ต้องมีระบบการป้องกันที่ดี ผู้นำต้องมีกลยุทธ์ที่จะเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ให้ได้ ทั้งเรื่องข้อจำกัดของงบประมาณ การเปลี่ยนแปลงนโยบายต่าง ๆ

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ปัจจุบันต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญมากในการทำงานขององค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน สำหรับภาครัฐมีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณและคน ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เราต้องศึกษาหาความรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ต้องรู้ให้ทันโลก รอบด้าน เพื่อนำมาปรับใช้ในการทำงานเท่าที่เทคโนโลยีของเรามีอยู่ บางครั้งมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างเดียวก็ไม่ใช่หลักประกันว่างานจะประสบผลสำเร็จ ถ้าใช้ไม่ตรงตามความต้องการ หรือไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะสิ่งสำคัญในการใช้เทคโนโลยีให้ได้ประสิทธิภาพก็คือ คน จึงต้องพัฒนาคนให้รู้จักคิดวิเคราะห์ว่าจะใช้ IT อย่างไรให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้

ในโลกยุคใหม่ เป็นโลกแห่งการต่อสู้ด้านสงครามเทคโนโลยี และสงครามธุรกิจ ระบบ IT ได้เข้ามามีส่วนสำคัญเป็นลำดับแรกในดำเนินชีวิตประจำวันและการทำงาน เพราะฉะนั้น เราจะต้องเป็นคนกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น ใฝ่หาความรู้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการเปิดกว้างเรียนรู้ ค้นคว้า สิ่งใหม่ ๆ ตลอดชีวิต ขณะเดียวกัน เราจะต้องมีทักษะ คิด วิเคราะห์ในการตัดสินใจ เจรจาต่อรอง และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อจะนำข้อมูลที่ได้มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

Learning Forum : “การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่”

เทคโนโลยีสารสนเทศ มีบทบาท ต่อคนทุกวัย ทุกระดับชั้น ในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะการมีส่วนช่วยอำนวยความสะดวกในด้านการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ตลอดจนเป็นสื่อหรือช่องทางในการเรียนรู้ เพื่อก้าวทันโลกยุคใหม่ และการดำรงอยู่ในชีวิตประจำวัน

สำหรับ สขช. ไอที มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งในกระบวนการทำงาน ซึ่งทำให้การปฏิบัติการด้านข่าวกรองบางประเด็น มีความสะดวกมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน การแพร่หลายของเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็มีส่วนทำให้การทำงานของ จนท.ด้านข่าวกรอง มีความซับซ้อนมากขึ้น โดยเฉพาะต้องอาศัยทักษะพิเศษ เพื่อจัดการกับภัยคุกคาม ที่มาพร้อมกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศ มีทั้งด้านมืด และด้านสว่าง หากเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ และ มีช่องทางที่ถูกต้องในการใช้ ไอที ก็จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อกระบวนการทำงาน ในทางกลับกัน ไอที ก็สามารถเป็นภัยร้ายแรง ต่อผู้ที่รู้ไม่เท่าทัน ไอที ได้เช่นกัน

การส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อก้าวทัน ไอที และส่งเสริมการใช้ "ไอที สีขาว" ในทุกองค์กร จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อเป็นการสร้างกำแพง ป้องกันภัยคุกคาม จาก ไอที ในระยะยาว

------------------------------------------------

สุเทพ

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ในโลกยุุคใหม่เป็นโลกที่ไร้พรมแดน การสื่อสารข้อมูลข่าวสารออนไลน์ทางอินเตอร์เน็ตมีอยู่ทั่วโลก คนซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดขององค์กร ที่จะต้องขับเคลื่อนพัฒนาศักยภาพขององค์กรให้ก้าวทันไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้ล้าสมัย บุคลากรที่อยู่ในองค์กรต้องพัฒนาทักษะและความสามารถให้เป็นคนเก่งที่ เป็นนักเรียนรู้ ที่จะพัฒนาระบบ IT ขององค์กรในวงเงินงบประมาณที่มีจำกัด จึงไม่ควรสร้างสิ่งใหม่ แต่หาสิ่งที่มีอยู่มาปรับปรุง ประยุกต์ใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

----------------------------------

นวลจันทร์ ทรัพย์ประเสริฐ

สิ่งที่ได้จากการอบรม "การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่"

การเรียนรู้ IT ไม่ใช่เฉพาะการเรียนรู้เท่านั้น แต่จะต้องนำไปปฏิบัติด้วย และไม่จำเป็นต้องเรียนในห้องเรียนเท่านั้น หากไม่มี

งบประมาณสนับสนุนด้านไอทีอย่างพอเพียง ควรจะนำบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญหรือคนเข้ามาเสริมแทน นอกจากนั้นต้องรู้ว่า

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีไปถึงไหนแล้ว เราจะได้รู้เท่าทัน และหาทางป้องกันต่อยอดได้ จนท.สขช.นอกจากจะสืบค้นผ่านทาง Major Search เช่น google ควรต้องสืบค้นเพิ่มเติมในช่องทางอื่นๆด้วยเช่น Pantip, sanook, yahoo, kapook โดยเฉพาะการเข้าไปในเวบบอร์ดหรือบล๊อค ที่มีการคุยโต้ตอบและแสดงความคิดเห็นจะทำให้เราได้รับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ปัจจุบัน มีการทำสงครามด้าน IT และสงครามด้านธุรกิจมากขึ้น ที่ผ่านมาปรากฏข่าวสารว่ามีประเทศบางประเทศในตะวันออกกลางเข้าไปซื้อธุรกิจในสหรัฐเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถควบคุมธุรกิจและดำเนินการบางอย่างที่ส่งผลให้ Server ของสหรัฐล่มทั้งประเทศ

สรุปแล้ว "Information is power"

------------------------------------------

รัชภูมิ

สุรศักดิ์

[email protected]

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

การเรียนรู้ยุคใหม่ต้องให้ความสำคัญกับการใช้ IT ขณะเดียวกัน

องค์กรต้องรู้จักใช้ทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด เช่น คน อุปกรณ์ และงบประมาณ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปฏิบัติงาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ในองค์กรควรมีทักษะในการใช้และวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารที่มีจำนวนมากในโลก IT ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในระบบ IT ภายในองค์กร ควรหามาตรการ/แนวทางป้องกันการโจมตีในลักษณะต่าง ๆ ในระบบปฏิบัติการระบบ IT ขององค์กร ด้วย

------------------------------------

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ในยุคโลกาภิวัตน์หรือยุคแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนนี้ เราควรให้ความสำคัญกับเรื่องการสื่อสารหรือเรื่องเทคโนโลยีในด้าน IT เพราะ IT เกี่ยวข้องโดยตรงกับการรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร ความรอบรู้ จัดระบบ ประมวลผล ส่งผ่านและสื่อสารด้วยความเร็วสูง และปริมาณมาก นำเสนอและแสดงผลด้วยระบบสื่อต่าง ๆ ทั้งทางด้านข้อมูล รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และวีดีโอ อีกทั้งยังสามารถสร้างระบบการมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบทำให้การเรียนรู้ในยุคใหม่นี้สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับหน่วยงานให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายได้ไม่ยากถ้าเราตามทัน IT หากพิจารณาให้ดีจะพบว่าในการเรียนรู้ยุคใหม่โดยผ่าน IT นั้น เป็นการเรียนรู้จากแหล่งข้อมูลที่มีขุมความรู้มากมายมหาศาล ซึ่งเรียกว่า World Knowledge เพราะแหล่งความรู้ใน IT เกิดขึ้นตลอดเวลา มีจำนวนมาก และกระจายอยู่ทั่วโลก ดังนั้นการเรียนรู้ในยุคใหม่ต้องเรียนรู้ได้มากและรวดเร็ว อีกทั้งต้องสามารถแยกแยะ ค้นหา ข่าวสาร ตลอดจนการแสวงหาสิ่งที่ต้องการได้ตรงตามความต้องการ IT จึงมีประโยชน์และเข้ามามีบทบาทที่สำคัญต่อการเพิ่มและพัฒนาความรู้เป็นอย่างมาก ซึ่งยุคแห่งการสื่อสารไร้พรมแดนนี้องค์กรหรือหน่วยงานต่างๆ ก็ต้องหันมาให้ความสำคัญในเรื่องของ IT เพื่อเป็นการพัฒนาความรู้ในด้านต่างๆให้แก่องค์กร และบุคลากร ให้มากขึ้น เพราะในปัจจุบันเราต้องมีการ “รู้เขา รู้เรา” ทันต่อสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยนำความรู้ที่ได้ผ่าน IT มาประยุกต์ใช้ให้ตรงกับยุทธศาสตร์ขององค์กร เพื่อนำองค์กรไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต

#################

ถึงองค์กรจะมีเทคโนโลยีสารสนเทศ (ระบบ IT) ที่ทันสมัย แต่หากขาดบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ก็เหมือนกับกิ้งก่าได้ทอง หมามองเครื่องบิน ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก IT ได้อย่างเต็มตามศักยภาพและอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาคนให้มีความรู้เท่าทันการพัฒนาของเทคโนโลยี เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีอย่างแท้จริง จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะเสริมสร้างความรู้ สร้างองค์ความรู้ ก่อเกิดความเชี่ยวชาญชำนาญการ วิเคราะห์ สังเคราะห์เป้าหมาย เหตุการณ์ได้อย่างถูกต้อง เพื่อจะสามารถป้องกันระงับยับยั้งภัยที่เกิดจากเทคโนโลยีได้อย่างทันเวลา และคาดเดาเหตุการณ์ที่จะเกิดล่วงหน้าได้

อย่างไรก็ตาม หากองค์กรมีระบบ IT ที่ทันสมัย แต่ใช้ไปในทางที่ผิดก็เหมือนเป็นดาบสองคม ที่จะหวนกลับมาทำร้ายองค์กร และคนในองค์กร แต่หากนำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง เพื่อตอบสนองความมั่นคงของชาติ และประชาชน ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ จะเป็นสิ่งสำคัญอันทรงคุณค่ามหาศาล ที่จะทำให้เราเท่าทันโลก สามารถย่อโลกที่กว้างใหญ่มาไว้ในมือ เข้าใจความเป็นไปและสถานการณ์โลกได้เป็นอย่างดี เพื่อนำไปวางแผน กำหนดกลยุทธ์ในการป้อกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้

-------------------------------------

เชษฐ์

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ในองค์กรอย่างสำนักข่าวกรองมีความเป็นเลิศในกระบวนความคิดที่นำเอา  www  มาใช้อย่างทันสมัยและเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของ IT  ความคิดในการนำมาใช้เป็นเครื่องมือชนิดหนึ่งมีมานานแล้ว เครื่อมมือชนิดนี้ไม่ได้พิเศษไปกว่าเครื่องมืออื่นที่ใช้อยู่ ด้วยข้อจำกัดของคำว่า "ปกปิด" จึงทำให้สวนทางกับคำว่า "โลกไร้พรมแดนหรือโลกแบน" แต่เราก็นำมาใช้อย่างเท่าทันและระมัดระวัง   ซึ่งเราไม่เคยลืมว่ามีหลากหลายหน่วยงานที่เป็นเพื่อนเราทาง www เราทำงานร่วมกันโดยใช้องค์กรพันธะมิตรเป็น www ในการทำงานเสมอมา

------------------

สิ่งที่ได้จากหัวข้อ “การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่”

ความสามารถและทักษะในการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำไปใช้ในการตัดสินใจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับโลกยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะ สขช. ขณะเดียวกันก็ควรรู้จักใช้ประโยชน์จาก IT ในการเข้าถึงข้อมูล เพื่อเอามาสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ และจัดเก็บสำหรับนำไปใช้ในโอกาสต่อไป นอกจากนั้นก็ควรใช้ประโยชน์จาก social media/community ตามเว็บไซต์ หรือบล็อก ในการเข้าถึงข้อมูล monitor สถานการณ์หรือความเคลื่อนไหวของคนกลุ่มต่างๆ ซึ่งการเข้าถึงช่องทางเหล่านี้จะช่วยในการเฝ้าระวังและป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้น และอาจเป็นช่องทางในการจัดหาแหล่งข่าวภาคประชาชน รวมทั้งใช้ประโยชน์จากเว็บไซต์ขององค์กรในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเปิดเผยได้แก่ประชาชน ซึ่งจะเป็นการเปิดองค์กรให้เป็นที่รู้จัก อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมีคุณ ก็มีโทษ การใช้ประโยชน์จาก IT ก็เช่นเดียวกัน หาก สขช.จะใช้ประโยชน์ในการหาข่าว เข้าถึงข้อมูล หรือต่อต้าน ก็ต้องมีความระมัดระวัง และมีระบบป้องกันภัยคุกคามจากคอมพิวเตอร์

การใช้ไอทีในโลกยุคใหม่

ไอทีเครื่องมือหนึ่งที่องค์กรทั่วไปให้ความสำคัญ ในยุคที่โลกต้องแข่งขันกันทั้งในวงการธุรกิจ หรือภาครัฐ ข่าวสารมากมายหลั่งไหลเข้าออกทั้งในแง่ดี และแง่ร้าย การใช้ข้อมูลเป็นไปอย่างหลากหลาย ทั้งในการศึกษา การทำงานและชีวิตประจำวัน ข็อมูลถูกเลือกใช้เพื่อการค้นหาในชีวิตประจำวัน เพื่อประกอบการตัดสินใจ เพื่อเรียนรู้ หรือเพื่อทำลายล้างกัน เราในฐานะองค์กรข่าวกรองจึงจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้อย่างมีสติ และเข้าใจถึงการมีอยู่ของข้อมูลเหล่านั้นอย่างลึกซึ้ง

สำหรับ สขช. ที่เป็นองค์การข่าวกรองของประเทศจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้และใช้เพื่อรู้ทันโลกและสืบหาสิ่งที่อยู่ในโลกของไอทีอย่างชาญฉลาด เพื่อให้องค์กร และบุคลากรทันต่อข่าวสาร และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลก เพื่อวิเคราะห์และประเมินถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างใกล้ชิด และใช้ศักยภาพที่มีอยู่หรือร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองในประชาคม เพื่อปกป้อง ดูแลความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้นำมาซึ่งผลประโยชน์แห่งชาติอย่างมั่นคง ให้ประเทศไทยยืนอยู่อยู่บนเวทีโลกอย่างแข็งแกร่ง รู้ทันการเปลี่ยนแปลงอย่างมาดมั่น เพื่อดำรงความเป็นชาติไทยต่อไปอย่างยั่งยืน

สิ่งที่ได้รับจากการเรียนหัวข้อ “การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่”

ในโลกยุคปัจจุบันแต่ละประเทศต่างแข่งขันกันด้วยสงคราม IT หากประเทศใดมีระบบ IT ที่เข้มแข็งก็จะได้เปรียบประเทศอื่นๆ ดังนั้น เราจึงต้องก้าวตามให้ทันประเทศต่างๆ ระบบ IT เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานในปัจจุบัน เราสามารถนำระบบ IT มาปรับกับใช้กับสิ่งที่อยูรอบตัวเราได้หมดอยู่ที่จะนำไปใช้อย่างไรให้เกิดประโยชน์ ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย และสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้การนำ IT มาใช้ให้เกิดประสิทธิผลมากที่สุด คือ “คน” เพราะคนเป็นผู้ควบคุม IT ดังนั้น การพัฒนาคนให้มีความรู้และมีศักยภาพในการใช้ IT จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น คนต้องรู้จักเพิ่มทักษะในการใช้ IT มีการแสวงหาความรู้สิ่งใหม่ๆ และก้าวให้ทันกับระบบ IT ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญต้องรู้จักใช้ IT ในการแสวงหาสิ่งที่เป็นประโยชน์กับตนเองหรือองค์กรให้มากที่สุด

วรรณวลัย มณีกุล

25 พ.ย.52

บทเรียนจากการเรียนรู้ เรื่อง IT

เทคโนโลยี (IT) ที่รุดหน้าอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เราต้องเรียนรู้ เพื่อให้ทันโลกแห่ง

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และ นำความรู้ ความก้าวหน้าทาง IT มาใช้ประโยชน์ พัฒนาองค์กรอย่างรู้เท่าทัน และ เกิดประโยชน์สูงสุด โดยต้องไม่ลืมว่า ภัยที่เกิดจากการใช้เทคโนโลยีอย่างไม่รู้เท่าทัน ก็มีมหันต์ ซึ่งปัจจุบันภัยจากเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกิดขึ้น นับเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติที่สำคัญ ดังนั้น เราต้องมีมาตรการป้องกัน รองรับ และ สกัดกั้น เพื่อป้องกันภัยที่อาจเกิดขึ้น

สุวิมล มานะการ

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

การเรียนรู้ยุคใหม่สำหรับโลก IT ไม่จำเป็นจะต้องเรียนในห้องเรียนเท่านั้น เราจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความสามารถในการวิเคราะห์ ประยุกต์ความรู้ที่ได้มา และความรู้ที่ได้มาต้องเรียนมาจากความจริง สิ่งสำคัญที่สุดจะต้องมีทักษะเรื่องการสื่อสาร การต่อรอง การร่วมมือ การสื่อสารต่อรองต้องทำข้ามหลายภาษาได้ ต้องติดต่อตลอดเวลา(ผู้บริโภคกับผู้ผลิตเป็นคนเดียวกัน) Security มีประเด็นสำคัญ 3 ส่วน คือ 1. เทคโนโลยี 2.คนที่เกี่ยวข้องกับระบบนั้น 3.กฎ กติกาที่จะกำกับคน

ณัฐรำไพ ธารี

สิ่งที่ได้จาการใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ ซึ่งการเรียนรู้ในปัจจุบันไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนอยู่เฉพาะในห้องเรียน หรือในห้องสมุดเท่านั้น แต่ในสถานการณ์โลกในยุค ITมีแหล่งเรียนรู้หรือค้นหา/แสวงหาข้อมูลใหม่ๆ อย่างไม่มีที่สิ้นสุด (ไม่มีขอบเขต ไร้พรมแดน) ขึ้นอยู่กับว่าจะใฝ่แสวงหาความรู้หรือไม่เท่านั้น นอกจากนี้ยังเห็นว่า IT ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างอำนาจต่อรอง (นำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อประกอบในการตัดสินใจ) การเพิ่มทักษะและการแสวงหาองค์ความรู้ในการติดต่อสื่อสาร เป็น Keywords ในการรับฟังข้อคิดเห็นและเสียงสะท้อนในด้านต่าง ๆ เป็นช่องทางในการแจ้งข้อมูลข่าวสาร ค้นหาข้อมูล/ทัศนคติของประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนงานด้านการข่าวสามารถใช้เป็นช่องทางในการค้นหาข้อมูลเบื้องต้นเพื่อนำไปขยายผล/ต่อยอดได้

นอกจากนี้ในยุค IT จะต้องระมัดระวัง คือ การให้ข้อมูลหลอก/ไม่ใช้ความจริง ซึ่งจะต้องมีการพิจารณากลั่นกรองข้อมูลที่ได้รับ ส่วนการละเมิดการ รปภ.ที่เกิดในยุค IT คือ Solfware (ระบบ รหัส) Human (คน) และกฎระเบียบ ส่วนปัญหาที่มักจะเกิดในยุค IT คือ Virus ที่ต้องการขาย Solfware antivirus (ด้านธุรกิจ) และการเมือง/สงคราม เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีฐานข้อมูล (Server) ฝ่ายตรงข้าม และด้านข่าวสาร

สรุป ปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนา IT ขององค์กร คือ งบประมาณ และ คน

สิ่งที่ได้จากการเรียน ” การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่ ”

ได้รู้และเข้าใจว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ( ไอที) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำงานในยุคปัจจุบัน ที่ต้องการความรวดเร็ว ทันสมัย และประหยัดเวลา อย่างไรก็ตาม ไอที เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมการทำงานของคน ที่มีทั้งคุณและโทษ ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ ทั้งนี้ถึงแม้ว่า ไอที จะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับโลกปัจจุบัน แต่คนก็เป็นทรัพยากร

ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน เนื่องจาก ไอที จะทำงานได้ ก็ต้องใช้คนเป็นหลัก อีกทั้งหาก ไอที ไม่สมบูรณ์หรือใช้งานได้ไม่เต็มที่ ก็ต้องใช้คนเข้าไปแก้ไข เพื่อให้สามารถทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนั้น การพัฒนาคนเพื่อรองรับการทำงาน / ความเปลี่ยนแปลงที่มีอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

---------------------------------------------------------

นายนนท์ธนา

หัวข้อ การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่ โดย ดร.พันธ์ศักดิ์ ศิริรัชตพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ คุณยงยศ พรตปกรณ์ กรรมการสมาคมอุตสาหกรรมซอฟแวร์ไทย และคุณวิศาล พูลสง่า CEO, Well management

ในการเตรียมพร้อมไปสู่องค์สู่ความเป็นเลิศ องค์กรจะต้องมีความรู้ที่สำคัญคือการที่คนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สำหรับเทคโนโลยีด้านความมั่นคง ประกอบ 3 ส่วน

คือ เทคโนโลยีที่มีอยู่ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ คนที่เกี่ยวข้องกับระบบ และกฎ กติกา ที่กำกับให้มีคนมี discipline ในการใช้ระบบ

ทั้งนี้ หากระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ในองค์กรยังไม่สมบูรณ์ ต้องใช้ศักยภาพของคนซึ่งความเป็นคนมีไหวพริบในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นข้ามสายงาน เพื่อนำไปเสริมกับเทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด การใช้ mind set ในการบริหารจัดการระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีอยู่ในองค์กร โดยไม่ต้องใช้งบประมาณเพิ่ม การใช้เทคโนโลยีในการติดตามเป้าหมาย การใช้เทคโนโลยีเข้าไปศึกษาข้อมูลใน social media เพื่อเรียนรู้ถึงสังคม commodity ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นช่องทางในการได้รับความรู้จากทุกส่วนที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

การใช้ IT กับการเรียนรู้ยุคใหม่

ในอนาคตการเรียนรู้แบบท่องจำจะมีคุณค่าน้อย การหาองค์ความรู้ในอนาคตข้างหน้าจะต้องเรียนรู้แบบนำมาสังเคราะห์ และประยุกต์ความรู้มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารในโลกที่ไร้พรมแดน มีทักษะในการใช้ข้อมูลสาธารณะให้มาก และกลั่นกรองได้ถูกต้อง

ในโลกแห่งข้อมูลหลากหลาย เราสามารถเลือกใช้ช่องทางต่าง ๆ เพื่อรับข้อมูลและส่งข้อมูลที่เราต้องการได้ ดังนั้นเราต้องมีความชาญฉลาดและรู้เท่าทันในการที่จะเลือกช่องทางต่าง ๆ เหล่านั้นมาใช้ประโยชน์ ซึ่งวิธีการต่าง ๆ เหล่านั้นปราศจากต้นทุน แต่สามารถตอบสนองความต้องการข้อมูลของเราได้

ขอบคุณสำหรับการส่งสรุปรายวิชามาค่ะ แต่ยังมีกลุ่มที่ยังไม่ส่งสรุปเข้ามา คือ (ส่งมาที่ E-mail address คือ [email protected])

6 พ.ย.52 (เช้า) การสร้างผู้นำรุ่นใหม่ของ สขช. (อ.จีระ) กลุ่ม 3

12 พ.ย.52 (เย็น) แนวทางแห่งความสำเร็จของการพัฒนาทุนทางจริยธรรม (อ.ดนัย) กลุ่ม 3

13 พ.ย.52 (เช้า) Creative Thinking กับการทำงานของ สขช. (อ.ณรงค์ศักดิ์) กลุ่ม 2

24 พ.ย.52 (เช้า) เทคนิคการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ (อ.พจน์) กลุ่ม 4

25 พ.ย.52 (เช้า) การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่ (กลุ่ม 2)

25 พ.ย.52 (บ่าย) Alignment กับการขับเคลื่อนผลงานในทิศทางและเป้าหมายเดียวกัน (กลุ่ม 1)

ขอบคุณค่ะ

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

คุณค่าของข้อมูลข่าวสารที่ได้รับจาก IT เป็นข้อมูลที่มีศักยภาพในการนำมาใช้งาน แต่ผู้ใช้ต้องมีความสามารถในการค้นหาและใช้ข้อมูล IT กำหนดทิศทางในการเสาะแสวงหาข้อมูลเชิงลึก เพื่อให้รู้เท่าทันการเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจะได้หาแนวทางป้องกัน

“การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่”

               องค์กรต้องเตรียมความพร้อมของคนด้าน IT เพื่อรองรับผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่การใช้งานด้าน IT ควรมีการทำงานเป็นเครือข่าย แสวงหาความร่วมมือ/เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ ปรับใช้ในส่วนที่เกี่ยวข้อง/สนับสนุนองค์กร มีมุมมองทั้งด้านดีและไม่ดี ใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าและเท่าทัน

--------------------------

นายสังวร  บุญไสย

สิ่งทีได้จากการเรียนเรื่องการใช้ IT กับการเรียนรู้ยุคใหม่

องค์ประกอบสำคัญของ IT มี 3 ประการ คือ Man Hardware Software ดังนั้นจำเป็นต้องบริหารจัดการให้เกิดการใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ซึ่งในบางครั้งการเรียนรู้ผ่านระบบ IT ในยุคปัจจุบันและอนาคตไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูงมาก เนื่องจากมี Social Community หลายเว็บที่สามารถเข้าไปโพสต์ข้อความเปิดประเด็น แล้วค่อยรอคำตอบจากชุมชนต่อไป

นอกจากนี้ยังเว็บไซต์ที่มีลักษณะเป็น Search Engine ซึ่งจะช่วยเหลือในการศึกษาค้นคว้าอย่างค่อนข้างครอบคลุม เช่น Google Yahoo Bing etc. หากทุกคนให้ความสนใจและเริ่มต้นใช้งานแล้ว ท่านจะเข้าใจว่าประโยชน์ของ IT ต่อการเรียนในยุคใหม่เป็นอย่างไร และทำไมที่นิสิตระดับอุดมศึกษามักจำเป็นต้องใช้ IT ช่วยเหลือในการเรียน

สุดท้ายเมื่อทราบดีแล้วว่าเราได้ประโยชน์จาก IT อย่างไร เราจะต้องมองอีกด้านคือโทษที่อาจจะตามมาจาก IT ลำดับแรกเลยก็คือเรื่องการรั่วไหลของข้อมูล ซึ่งต้องให้ความสำคัญกับคนเป็นลำดับแรก ต่อมาคือ Software ที่บางครั้งอาจมีการเขียนโปรแกรมเอาไว้ และท้ายสูดก็คือบรรดา Search Engine ที่ส่ง Spider หรือ Bot เข้ามา Copy ข้อมูลทั้งจากเว็บไซต์หรืออีเมล์ของเรา ดังนั้นเราควรตระหนักว่าควรจะใช้ IT และไม่ควรจะใช้ IT ในลักษณะของงานแบบใด เพื่อก่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด

ความรู้ที่ได้จากการอบรม การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

การเรียนรู้ยุคเก่า เป็นการเรียนรู้ในห้องเรียนแบบท่องจำเพื่อให้อ่านออกเขียนได้ แต่ในยุคใหม่ซึ่งเป็นยุคแห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเองจากสถานที่จริง ไม่เน้นการท่องจำ แต่ต้องเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลา เน้นที่ทักษะการสื่อสาร/การต่อรอง/ความร่วมมือแบบข้ามหลายภาษาได้ โดยความรู้ที่ได้ต้องเป็นความจริงซึ่งผ่านกระบวนการวิเคราะห์/ ตีความ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งได้ และสังคมให้การยอมรับ รวมทั้งสามารถทำงานร่วมกับคนอื่นได้ดีทั้งในฐานะผู้นำและผู้ตาม

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ถ้าเรามีเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ "คน" ผุ้ใช้เทคโนโลยี กลับไม่มีความรู้ และไม่รู้วิธีในการใช้เทคโนโลยี ก็เท่ากับว่า เทคโนโลยี เป็นเพียงเครื่องประดับเท่านั้น เพราะฉะนั้น "คน" จึงต้องให้ความสำคัญในการเรียนรู้ การศึกษาเพิ่มเติม ตลอดเวลา เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง

"เราต้องไม่เป็นทาสเทคโนโลยี แต่ต้องให้เทคโนโลยีเป็นทาสเรา"

สิ่งที่ได้จากการเรียน การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้

เทคโนโลยีสารสนเทศ ( ไอที) เป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญต่อทำงานในยุคปัจจุบัน ที่มีการแข่งขันสูง เป็นเครื่องช่วยทำงานสมัยใหม่ เพื่อเสริมขีดจำความสามรถของคน ในวงราชการใช้ IT เพื่อบริการประชาชนและเชื่อมใยงข้อมูลเป็นเครือข่ายลดการเดินค่าใช้จ่ายของประเทศ ขณะที่ภาคเอกชนสามารถพัฒนาได้เร็วกว่าเนื่องจากหากไม่นำมาใช้จะเสียเปรียบในเชิงธุรกิจ อย่างไรก็ตามทุกระบบจำเป็นต้องมีข่ายสำรองยามฉุกเฉินไว้ด้วย

---------------------------------------------------------

ศักดิ์ มูลสาร

บทเรียนในหัวข้อเรื่อง “การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่”

ประเด็นปัญหาก่อนเรียน

ด้วย สขช. เป็นหน่วยงานด้านการข่าว เพื่อการสนับสนุนการตัดสินใจและกำหนดนโยบายของรัฐบาล ด้านความมั่นคงของชาติ แต่กลับเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีโครงสร้างขององค์กรขึ้นกับการกำกับดูแลของ สนง.กพร. และโครงสร้างอัตรากำลังพลขึ้นกับการกำกับดูแลของ สนง.กพ. ภายใต้การจัดสรรงบประมาณ ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ จึงทำให้เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของ สขช.

เนื่องจากข้อจำกัดต่างๆ ทั้งการขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ทางเทคนิค/เฉพาะทาง รวมไปถึงงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด

แนวทางในการแก้ไขปัญหา

จากบทเรียนในหัวข้อเรื่อง “การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่” สามารถสรุปสาระสำคัญได้ คือ

1. ใช้หลักการ “ถูกไปหาแพง-ใกล้ไปหาไกล” คือ เริ่มจากการพัฒนาตนเอง ให้รู้เท่าทันโลก ในลักษณะให้รู้เท่าทันเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีและนำมาวิเคราะห์หาแนวทางป้องกันได้ ตามแนวทาง “ดักอนาคตให้ได้ มองให้ออก รู้เท่าทันปัญหา” และ “การเรียนรู้ใหม่อยู่ตลอดเวลา”

2. ใช้ศักยภาพของ “คน” ให้เป็นประโยชน์ คือการพัฒนาบุคลากรให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง นำสิ่งที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ เพื่อแก้ไขปัญหางบประมาณที่มีไม่เพียงพอ

3. สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรในภาครัฐ ที่มีศักยภาพทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร

สรุป

ค้นหาให้ได้ว่า สขช. มีภารกิจอะไร และจะนำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใช้ประโยชน์ต่อการปฏิบัติราชการ เพื่อบรรจุเป้าหมายภารกิจขององค์กรได้อย่างไร โดยเน้นที่การพัฒนา จนท.ของ สขช. ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงโลกทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งนำสิ่งที่ สขช. มีอยู่มาประยุกต์ใช้ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมเปิดตัวองค์กร (ภายใต้หลักการ รปภ. หรือการปกปิดสถานภาพ) เข้าไปมีส่วนร่วมในสังคมออนไลต์ได้ โดยไม่เสียมาตรการ รปภ. แต่ท้ายที่สุดเราไม่ควรตกเป็นทาสของเทคโนโลยี

..........................................................................

Mit NopporN (พฤจิกายน 2552)

สิ่งที่ได้จากการเรียนรู้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

การศึกษาเรียนรู้ในเรื่องเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะบุคลกากรในหน่วยงานด้านความมั่นคงทุกคนจำเป็นต้องเปิดใจรับรู้ความรู้ใหม่ ๆ ทางด้าน IT รวมทั้งความรู้หลาย ๆ ภาษา เพื่อเข้าถึงข้อมูลข่าวสารในการทำ swot อย่างไรก็ตามต้องระวังเรื่อง IT เนื่องจากเป็นดาบสองคมที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กรได้้ โดยต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในด้านเทคโนโลยี คน และกฎกติกา

งานหลักไม่ส่ง

ขอส่งบทความให้อ่าน

การจัดการความรู้ (Knowledge Management : KM)

การจัดการความรู้ คือ การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในส่วนราชการซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือเอกสาร มาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด โดยที่ความรู้มี 2 ประเภท คือ

1. ความรู้ที่ฝังอยู่ในคน (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ พรสวรรค์หรือสัญชาติญาณของแต่ละบุคคลในการทำความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เป็นความรู้ที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดหรือลายลักษณ์อักษรได้โดยง่าย เช่น ทักษะในการทำงาน งานฝีมือ หรือการคิดเชิงวิเคราะห์ บางครั้ง จึงเรียกว่าเป็นความรู้แบบนามธรรม

2. ความรู้ที่ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่สามารถรวบรวม ถ่ายทอดได้ โดยผ่านวิธีต่าง ๆ เช่น การบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร ทฤษฎี คู่มือต่าง ๆ และบางครั้งเรียกว่าเป็นความรู้แบบรูปธรรม

ความหมายของคำว่า “การจัดการความรู้” คือ สำหรับนักปฏิบัติ การจัดการความรู้คือ เครื่องมือ เพื่อการบรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 4 ประการไปพร้อมๆ กัน ได้แก่

1. บรรลุเป้าหมายของงาน

2. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน

3. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาองค์กรไปเป็นองค์กรเรียนรู้ และ

4. บรรลุความเป็นชุมชน เป็นหมู่คณะ ความเอื้ออาทรระหว่างกันในที่ทำงาน

การจัดการความรู้เป็นการดำเนินการอย่างน้อย 6 ประการต่อความรู้ ได้แก่

(1) การกำหนดความรู้หลักที่จำเป็นหรือสำคัญต่องานหรือกิจกรรมของกลุ่มหรือองค์กร

(2) การเสาะหาความรู้ที่ต้องการ

(3) การปรับปรุง ดัดแปลง หรือสร้างความรู้บางส่วน ให้เหมาะต่อการใช้งานของตน

(4) การประยุกต์ใช้ความรู้ในกิจการงานของตน

(5) การนำประสบการณ์จากการทำงาน และการประยุกต์ใช้ความรู้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และสกัด “ขุมความรู้” ออกมาบันทึกไว้

(6) การจดบันทึก “ขุมความรู้” และ “แก่นความรู้” สำหรับไว้ใช้งาน และปรับปรุงเป็นชุดความรู้ที่ครบถ้วน ลุ่มลึกและเชื่อมโยงมากขึ้น เหมาะต่อการใช้งานมากยิ่งขึ้น

โดยที่การดำเนินการ 6 ประการนี้บูรณาการเป็นเนื้อเดียวกัน ความรู้ที่เกี่ยวข้องเป็นทั้งความรู้ที่ชัดแจ้ง อยู่ในรูปของตัวหนังสือหรือรหัสอย่างอื่นที่เข้าใจได้ทั่วไป (Explicit Knowledge) และความรู้ฝังลึกอยู่ในสมอง (Tacit Knowledge) ที่อยู่ในคน ทั้งที่อยู่ในใจ (ความเชื่อ ค่านิยม) อยู่ในสมอง (เหตุผล) และอยู่ในมือ และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย (ทักษะในการปฏิบัติ) การจัดการความรู้เป็นกิจกรรมที่คนจำนวนหนึ่งทำร่วมกันไม่ใช่กิจกรรมที่ทำโดยคนคนเดียว เนื่องจากเชื่อว่า “จัดการความรู้” จึงมีคนเข้าใจผิด เริ่มดำเนินการโดยรี่เข้าไปที่ความรู้ คือ เริ่มที่ความรู้ นี่คือความผิดพลาดที่พบบ่อยมาก การจัดการความรู้ที่ถูกต้องจะต้องเริ่มที่งานหรือเป้าหมายของงาน เป้าหมายของงานที่สำคัญ คือ การบรรลุผลสัมฤทธิ์ในการดำเนินการตามที่กำหนดไว้ ที่เรียกว่า Operation Effectiveness และนิยามผลสัมฤทธิ์ ออกเป็น 4 ส่วน คือ

(1) การสนองตอบ (Responsiveness) ซึ่งรวมทั้งการสนองตอบความต้องการของลูกค้า สนองตอบความต้องการของเจ้าของกิจการหรือผู้ถือหุ้น สนองตอบความต้องการของพนักงาน และสนองตอบความต้องการของสังคมส่วนรวม

(2) การมีนวัตกรรม (Innovation) ทั้งที่เป็นนวัตกรรมในการทำงาน และนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์หรือบริการ

(3) ขีดความสามารถ (Competency) ขององค์กร และของบุคลากรที่พัฒนาขึ้น ซึ่งสะท้อนสภาพการเรียนรู้ขององค์กร และ

(4) ประสิทธิภาพ (Efficiency) ซึ่งหมายถึงสัดส่วนระหว่างผลลัพธ์ กับต้นทุนที่ลงไป การทำงานที่ประสิทธิภาพสูง หมายถึง การทำงานที่ลงทุนลงแรงน้อย แต่ได้ผลมากหรือคุณภาพสูง เป้าหมายสุดท้ายของการจัดการความรู้ คือ การที่กลุ่มคนที่ดำเนินการจัดการความรู้ร่วมกัน มีชุดความรู้ของตนเอง ที่ร่วมกันสร้างเอง สำหรับใช้งานของตน คนเหล่านี้จะสร้างความรู้ขึ้นใช้เองอยู่ตลอดเวลา โดยที่การสร้างนั้นเป็นการสร้างเพียงบางส่วน เป็นการสร้างผ่านการทดลองเอาความรู้จากภายนอกมาปรับปรุงให้เหมาะต่อสภาพของตน และทดลองใช้งาน จัดการความรู้ไม่ใช่กิจกรรมที่ดำเนินการเฉพาะหรือเกี่ยวกับเรื่องความรู้ แต่เป็นกิจกรรมที่แทรก/แฝง หรือในภาษาวิชาการเรียกว่า บูรณาการอยู่กับทุกกิจกรรมของการทำงาน และที่สำคัญตัวการจัดการความรู้เองก็ต้องการการจัดการด้วย

ตั้งเป้าหมายการจัดการความรู้เพื่อพัฒนา

งาน พัฒนางาน

คน พัฒนาคน

องค์กร เป็นองค์กรการเรียนรู้

ความเป็นชุมชนในที่ทำงาน การจัดการความรู้จึงไม่ใช่เป้าหมายในตัวของมันเอง นี่คือ หลุมพรางข้อที่ 1 ของการจัดการความรู้ เมื่อไรก็ตามที่มีการเข้าใจผิด เอาการจัดการความรู้เป็นเป้าหมาย ความผิดพลาดก็เริ่มเดินเข้ามา อันตรายที่จะเกิดตามมาคือ การจัดการความรู้เทียม หรือ ปลอม เป็นการดำเนินการเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่ามีการจัดการความรู้ การริเริ่มดำเนินการจัดการความรู้ แรงจูงใจ การริเริ่มดำเนินการจัดการความรู้เป็นก้าวแรก ถ้าก้าวถูกทิศทาง ถูกวิธี ก็มีโอกาสสำเร็จสูง แต่ถ้าก้าวผิด ก็จะเดินไปสู่ความล้มเหลว ตัวกำหนดที่สำคัญคือแรงจูงใจในการริเริ่มดำเนินการจัดการความรู้

การจัดการความรู้ที่ดีเริ่มด้วย

สัมมาทิฐิ : ใช้การจัดการความรู้เป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุความสำเร็จและความมั่นคงในระยะยาว

การจัดทีมริเริ่มดำเนินการ

การฝึกอบรมโดยการปฏิบัติจริง และดำเนินการต่อเนื่อง

การจัดการระบบการจัดการความรู้

แรงจูงใจในการริเริ่มดำเนินการจัดการความรู้ แรงจูงใจแท้ต่อการดำเนินการจัดการความรู้ คือ เป้าหมายที่งาน คน องค์กร และความเป็นชุมชนในที่ทำงานดังกล่าวแล้ว เป็นเงื่อนไขสำคัญ ในระดับที่เป็นหัวใจสู่ความสำเร็จในการจัดการความรู้ แรงจูงใจเทียมจะนำไปสู่การดำเนินการจัดการความรู้แบบเทียม และไปสู่ความล้มเหลวของการจัดการความรู้ในที่สุด แรงจูงใจเทียมต่อการดำเนินการจัดการความรู้ในสังคมไทย มีมากมายหลายแบบ ที่พบบ่อยที่สุด คือ ทำเพียงเพื่อให้ได้ชื่อว่าทำ ทำเพราะถูกบังคับตามข้อกำหนด ทำตามแฟชั่นแต่ไม่เข้าใจความหมาย และวิธีการดำเนินการ จัดการความรู้อย่างแท้จริง

องค์ประกอบสำคัญของการจัดการความรู้ (Knowledge Process)

1. “คน” ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นแหล่งความรู้ และเป็นผู้นำความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์

2.“เทคโนโลยี” เป็นเครื่องมือเพื่อให้คนสามารถค้นหา จัดเก็บ แลกเปลี่ยน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้อย่างง่าย และรวดเร็วขึ้น

3. “กระบวนการความรู้” นั้น เป็นการบริหารจัดการ เพื่อนำความรู้จากแหล่งความรู้ไปให้ผู้ใช้ เพื่อทำให้เกิดการปรับปรุง และนวัตกรรม

องค์ประกอบทั้ง 3 ส่วนนี้ จะต้องเชื่อมโยงและบูรณาการอย่างสมดุล การจัดการความรู้ของกรมการปกครอง จากพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 กำหนดให้ส่วนราชการมีหน้าที่พัฒนาความรู้ในส่วนราชการ เพื่อให้มีลักษณะเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลผลความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติราขการได้อย่างถูกต้อง รวดเร็วและเหมะสมต่อสถานการณ์ รวมทั้งต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของข้าราชการในสังกัดให้เป็นบุคลากรที่มีประสิทธิภาพและมีการเรียนรู้ร่วมกัน ขอบเขต KM ที่ได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่ามีความสำคัญเร่งด่วนในขณะนี้ คือ การจัดการองค์ความรู้เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ และได้กำหนดเป้าหมาย (Desired State) ของ KM ที่จะดำเนินการในปี 2549 คือมุ่งเน้นให้อำเภอ/กิ่งอำเภอ เป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการในพื้นที่ที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีหน่วยที่วัดผลได้เป็นรูปธรรม คือ อำเภอ/กิ่งอำเภอ มีข้อมูลผลสำเร็จ การแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการในศูนย์ปฏิบัติการฯ ไม่น้อยกว่าศูนย์ละ 1 เรื่อง และเพื่อให้เป้าหมายบรรลุผล ได้จัดให้มีกิจกรรมกระบวนการจัดการความรู้ (KM Process) และกิจกรรมกระบวนการเปลี่ยนแปลง (Change Management Process) ควบคู่กันไป โดยมีความคาดหวังว่าแผนการจัดการความรู้นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสู่การปฏิบัติราชการในขอบเขต KM และเป้าหมาย KM ในเรื่องอื่น ๆ และนำไปสู่ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ต่อ

ไม่ส่งงาน

แต่ส่งบทความมาให้อ่าน

Learning Organization

องค์การที่เรียนรู้คืออะไร ?

องค์การที่เรียนรู้ คือ

• องค์การที่สามารถรับรู้สิ่งเร้าต่าง ๆ เช่น ข่าวสาร ข้อมูล ความรู้ และการเปลี่ยนแปลงทั้งจากภายนอกและภายในตัวองค์การเอง

• สามารถประมวลผล ทำความเข้าใจ ตีความออกมาเป็นแนวคิด นโยบาย มาตรการ นวัตกรรม และแนวปฏิบัติที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานขององค์การได้อย่างถูกต้อง รวดเร็วทันกาล และเหมาะสมกับสภาพการณ์ และสามารถที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ในการประยุกต์ใช้ความรู้นั้น เพื่อสั่งสมไว้เป็นสินทรัพย์ทางปัญญา สำหรับเลือกมาใช้ได้ต่อไปในอนาคต

ลักษณะขององค์การที่เรียนรู้

Peter Senge ผู้ที่มีความสำคัญในการผลักดันแนวคิดเรื่อง องค์การที่เรียนรู้ องค์การที่เรียนรู้ ได้เสนอไว้ว่า องค์การที่เรียนรู้นั้น จะต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัติ 5 ประการ คือ

1. มีความสามารถในการคิดเชิงระบบ (System Thinking) คือ คนในองค์การสามารถมองเห็นถึงความเชื่อมโยงต่อเนื่องของสรรพสิ่งและเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลก ซึ่งมีความสัมพันธ์ผูกโยงกันเป็นระบบเป็นเครือข่ายซึ่งผูกโยงด้วยสภาวะการพึ่งพาอาศัยกัน (Interdependence) เช่น สามารถคาดคะเนผลกระทบของการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงดรรชนีดาว์นโจนส์ที่ตลาดหุนนิวยอร์ค และย้อนกลับมากระทบการลงทุน การส่งออก และการมีงานทำของคนไทยได้ เป็นต้น

2. มีความสามารถในการตระหนักถึง กรอบความคิด (Metal Model) ของตนเอง ซึ่งเป็นกรอบในการเรียนรู้ทำความเข้าใจความเป็นไปต่างๆ และสามารถที่จะบริหารปรับเปลี่ยน กรอบความคิด ของตนให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้ ทำความเข้าใจได้ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับความคิดในเชิงการรื้อปรับระบบงาน (Reengineering) ซึ่งจะเรียกส่วนนี้ว่าเป็นการ Rethink ซึ่งหมายถึงการกลับไปเริ่มคิดใหม่ตั้งแต่รากฐาน (Chang in the Fundamental Thinking) เช่น เดิมเราเคยมีกรอบความคิดว่าการเข้ายึดครองประเทศอื่นนั้นจะต้องใช้กำลังทหารเข้าทำการรบ แต่ในปัจจุบันคงจะเห็นได้ว่าเพียงแค่การทำการกดปุ่มคอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์สั่งซื้อขายเงินตราต่างประเทศ เพียงไม่นาน ก็สามารถที่จะเข้ายึดครอง ทุน ที่ดิน แรงงาน และการประกอบการ อันเป็นปัจจัยการผลิตทางเศรษฐศาสตร์ของประเทศเสือตัวที่หนึ่ง สอง สาม หรือสี่ ก็ได้แล้ว

3. องค์การที่เรียนรู้ต้องสามารถส่งเสริมให้คนในองค์การสามารถเรียนรู้ พัฒนาตนเองไปสู่ความเป็นเลิศในด้านต่างๆ ได้ (Personal Mastery) ซึ่งหมายถึงการจัดกลไกต่าง ๆ ในองค์การ เช่น โครงสร้างองค์การ ระบบสารสนเทศ ระบบการพัฒนาบุคคล หรือแม้แต่ระบบระเบียบวิธีการปฏิบัติงานประจำวัน ฯลฯ เพื่อให้คนในองค์การได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะต่างกับองค์การแบบดั้งเดิมที่แบ่งงานตามหน้าที่เฉพาะ ตามสายงาน หรือขั้นตอนของสายการผลิตที่กำหนดขึ้นมาอย่างตายตัว จนคนที่ทำงานสามารถเรียนรู้ได้แต่จากงานที่ทำเฉพาะหน้า ซึ่งเป็นการจำกัดขีดความสามารถในการเรียนรู้ของคนให้เหลือเท่ากับเครื่องจักร หรือฟันเฟืองชิ้นหนึ่งเท่านั้นและเมื่อบุคคลเหล่านี้ได้เวลาที่จะต้องเจริญก้าวหน้าขึ้นไปเป็นผู้บริหาร ที่ต้องมองกว้างไกล แบบนายท้ายหรือกัปตันเรือ ก็จะพบว่าโลกทัศน์ และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ รวมทั้งความสามารถในการเรียนรู้ของบุคคลเหล่านี้ ได้ถูกเก็บกดเอาไว้จนยากที่จะรื้อฟื้นขึ้นมาได้

4. องค์การที่เรียนรู้จะต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ร่วม (Shared Vision) ซึ่งจะเป็น กรอบความคิด เกี่ยวกับสภาพในอนาคตขององค์การ ที่ทุกคนในองค์การมีความปรารถนาร่วมกัน ที่จะมุ่งมั่นทำให้กลายมาเป็นความจริง ทั้งนี้ก็เพื่อให้การเรียนรู้ ริเริ่ม ทดลองสิ่งใหม่ๆ ของคนในองค์การ เป็นไปในทิศทาง หรือกรอบแนวทางที่มุ่งไปสู่จุดเดียวกัน คือ สภาพขององค์การที่ทุกคนต้องการ และเพื่อป้องกันการเรียนรู้แบบต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำไปคนละทิศละทาง จนสูญเสียความเป็นองค์การ ที่ทุกคนมีจุดหมายร่วมกัน

5. ในองค์การที่เรียนรู้ จะต้องมีการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม (Team Learning) คือ มีการแบ่งปันแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดข้อมูล ในระหว่างกันและกัน ทั้งในเรื่องของความรู้ใหม่ๆ ที่ได้มาจากการค้นคิด หรือจากภายนอก และในด้านของประสบการณ์การเรียนรู้ ซึ่งอาจจะมีทั้งความสำเร็จ และความล้มเหลว ข้อสำคัญ คือ การนำความรู้เหล่านี้มาแลกเปลี่ยนกันย่อมทำให้เกิดการแพร่กระจาย (Diffusion) ของวิทยาการใหม่ ๆ ส่วนในด้านการนำความล้มเหลว มาแลกเปลี่ยนกันนั้น ก็จะช่วยไม่ให้ต้องมีคนอื่นมาทำผิดซ้ำในเรื่องที่เคยมีคนพลาดมาแล้ว นั่นเอง และนอกจากนี้ การเรียนรู้เป็นทีม นี้ยังควรครอบคลุมไปถึงการ เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานร่วมกันเป็นทีมด้วย ซึ่งการเรียนรู้และพัฒนาในเรื่องนี้ ก็จะช่วยให้การทำงานร่วมกันในองค์การ มีความเป็นทีมที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยให้สมาชิกแต่ละคนสามารถแสดงศักยภาพที่มีอยู่ออกมาได้อย่างเต็มที่ด้วย

ทั้ง 5 ประการที่กล่าวมาก็คือ ลักษณะ หรือแนวปฏิบัติ ซึ่งเปรียบเสมือน เบญจธรรม ที่องค์การพึงปฏิบัติเพื่อเพิ่มพูนขีดความสามารถในการเรียนรู้ของสมาชิกแต่ละคน และของทั้งองค์การ ให้มีความสามารถในการดำเนินงานให้ก้าวหน้าไปได้ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

การเรียนรู้ในโลกยุคใหม่ เป็นการผสมผสานสื่อการเรียนการสอนหลายสิ่งหลายอย่างเข้าด้วยกัน โดย IT เข้ามามี ส่วนเกี่ยวข้องอย่างมาก เพื่อดึงดูดใจผู้เรียน เช่น การเรียนผ่านสื่อ edutainment หรือ electronic student ทำให้การเรียนรู้กว้างขวางออกไป ไม่จำกัดเฉพาะในห้องเรียน คนจึงควรมีคุณสมบัติเป็น effective learner ทำตัวให้รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะการเพิ่มทักษะการคิดวิเคราะห์ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจ ถือว่าสำคัญมาก อีกทั้งควรเปิดใจรับรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพราะปัจจุบันแม้ว่า บางเรื่องที่เราพบว่าดีอยู่แล้ว แต่ยังอาจมี innovative แฝงอยู่

การเรียนรู้ทางอินเทอร์เน็ตกลายเป็นการเรียนรู้ยุคใหม่ ซึ่ง จนท.การข่าวควรใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่มีอยู่หลากหลายในอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะการรู้เขารู้เรา รู้ธรรมชาติของคนแต่ละชาติ รวมทั้งรู้จักนำคุณประโยชน์ของสื่อ/เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ มาเพิ่มความสามารถในการทำงานด้านการข่าว เช่น การใช้โทรศัพท์มือถือที่ไฮเทคในการติดตามเป้าหมาย การหาข้อมูลข่าวสารผ่านโทรศัพท์ การแปลงภาษาต่างประเทศ เป็นต้น ขณะที่ต้องตระหนักว่าสื่อเทคโนโลยีได้กลายเป็นเครื่องมือของกลุ่มก่อการร้าย/ผู้กระทำผิดมากขึ้นเช่นกัน จึงจำเป็นต้องศึกษา เรียนรู้ให้เท่าทัน และหาทางตอบโต้ป้องกัน อีกทั้งปัจจุบัน Trend ของโลกกลายเป็น social media ประเทศต่างๆ ต้องต่อสู้กับการทำสงครามเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจึงถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือมากขึ้นเรื่อยๆ มีกรณีตัวอย่างเกิดขึ้นมากมายในหลายประเทศ จึงจำเป็นที่ จนท.ด้านการข่าวต้องให้ความสนใจและเฝ้าระวัง

TI กับการเรียนรู้ในโลกยุคใหม่

           เทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการข่าวกรอง มีความจำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการทำงาน และการติดต่อกับโลกภายนอก การเรียนรู้เทคโนโลยี เป็นการเพิ่มศักยภาพของคนในการปฏิบัติงานด้านการข่าวให้ครอบคลุมทุกทิศทาง เท่าทันสถานการณ์ ความเป็นไปของโลก สามารถมองภัยคุกคามได้ประดุจฝ่ามือ เพราะมีฐานความรู้ องค์ความรู้ที่สำคัญ รวมทั้งยังสามารถใช้ระบบ IT ในการปฏิบัติงานลับได้อย่างหลากหลายรูปแบบ

       อย่างไรก็ตามแม้ว่า IT จะมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคเทคโนโลยี ยุคโลกแบนที่ข้อมูลข่าวสารสามารถไปถึงทุกภูมิภาคได้อย่างรวดเร็ว แต่หาก “คน” ไม่มีความรู้ไม่มีการพัฒนาให้เชี่ยวชาญในเทคโนโลยีสารสนเทศ ก็ไม่สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  จึงควรเริ่มที่การพัฒนา คน ให้เท่าทันเทคโนโลยี มีความรู้ก้าวกระโดดไปดักหน้า เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น   อีกทั้ง IT เป็นสิ่งที่มีประโยชน์และโทษร้ายแรงหากคนนำไปใช้ในทางที่ผิด

------------------------------------

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

สิ่งที่ได้รับจากการใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่ คือ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง และการเรียนรู้ด้วยตัวเองนั้นต้องทำตัวเป็นคนอยากรู้อยากเห็นและทำให้เป็น ซึ่งการเรียนรู้ที่ดีต้องเริ่มจากสิ่งที่เราชอบก่อนจึงจะทำเกิดผลดีในการเรียน ปัจจุบันเป็นยุคกระแสโลกาภิวัฒน์และความก้าวหน้าของเทคโนโลยี (IT) เราจะต้องเปิดใจเรียนรู้สิ่งใหม่และปรับตัวให้ทันกับโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ต้องมีวิธีการคิดแบบใหม่และต้องรู้จักคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ รู้จักกลั่นกรองและเลือกรับข้อมูล เพราะข้อมูลจะมีทั้งจริงและเท็จ มีมุมสว่างและมุมมืด ซึ่งการใช้ประโยชน์จากข้อมูลต้อง “รู้จริง และรู้แจ้ง” และมองเหตุการณ์ให้ออกในอนาคต

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ในปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศนับว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับการใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ต่าง ๆ กล่าวได้ว่าการเรียนรู้เป็นสิ่งจำเป็น และเราต้องมีการเรียนรู้ตลอดเวลาและต้องเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง โดยเทคโนโลยีสารสนเทศที่ใช้จะต้องมีความทันสมัยและเราต้องมีความรู้อย่างลึกซึ้งในการใช้เครื่องมืออุปกรณ์ด้าน IT และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ข้อมูลข่าวสารที่มีอยู่มากมายหลากหลายในโลกยุคปัจจุบัน เราต้องรู้จักเลือกสรรข้อมูล ตลอดจนการคิดวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลได้อย่างชาญฉลาด และการแสวงหาข้อมูลต่าง ๆ ต้องมีลักษณะเปิดกว้าง มีการหาข้อมูลจากหลายช่องทางและหลายวิธี ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงเรื่องของความปลอดภัยในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศด้วย เพื่อมิให้เกิดช่องโหว่ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานในภายหลัง

Strategic Cyberwar Is Unlikely to Be Decisive

No one knows how destructive any one strategic cyberwar attack

would be. Estimates of the damage from today’s cyberattacks within

the United States range from hundreds of billions of dollars to just a

few billion dollars per year.

The higher dollar figures suggest that cyberattacks on enemy civilian

infrastructures—strategic cyberwar—may be rationalized as a way

to assist military efforts or as a way to coerce the other side to yield to

prevent further suffering. But can strategic cyberwar induce political

compliance the way, say, strategic airpower would? Airpower tends to

succeed when societies are convinced that matters will only get worse.

With cyberattacks, the opposite is more likely. As systems are attacked,

vulnerabilities are revealed and repaired or routed around. As systems

become more hardened, societies become less vulnerable and are likely

to become more, rather than less, resistant to further coercion.

Those who would attempt strategic cyberwar also have to worry

about escalation to violence, even strategic violence. War termination

is also not trivial: With attribution so difficult and with capable third

parties abounding (see below), will it be clear when one side has stopped

attacking another?

China’s International Behavior: Activism, Opportunism, and Diversification

China is now a global actor of significant and growing importance. It is involved in regions and on issues that were once only peripheral to its interests, and it is effectively using tools previously unavailable. It is no longer necessary to emphasize integrating China into the existing constellation of norms, rules, and institutions of the international

community; by and large, China is already there. It is influencing perceptions,relationships, and organizations all over the world. China’s international behavior is clearly altering the dynamics of the current international system, but it is not transforming its structure. China’s global activism is driven by an identifiable set of perceptions,objectives, and policies—some are long-standing and others are more current. Both China’s foreign policy objectives and its policies have evolved in the last decade but with more change in the latter than the former. In this sense, China has a distinct foreign policy strategy,to the extent that any nation has one. China’s strategy is best understood as comprising multiple layers, each adding to an understanding of the totality of it. This monograph analyzes these layers, assesses the challenges for China in implementing its strategy.

China’s Foreign Policy Outlook

China’s international behavior is influenced by at least three historically determined lenses that color and shade its perceptions of its security environment and its role in global affairs. First, China is in the process of reclaiming its status as a major regional power and, eventually,as a great power—although the latter goal is not well defined

or articulated. Chinese policymakers and analysts refer to China’s rise as a “revitalization” and a “rejuvenation.” Second, many Chinese view their country as a victim of “100 years of shame and humiliation” at the hands of Western and other foreign powers, especially Japan. This victimization narrative has fostered an acute sensitivity to coercion by foreign powers and especially infringements (real or perceived) on its sovereignty. Third, China has a defensive security outlook that stems from historically determined fears that foreign powers will try to constrain

and coerce it by exploiting its internal weaknesses.

China’s international behavior is also informed by the longstanding diplomatic priorities of protecting its sovereignty and territorial integrity, promoting economic development, and generating international respect and status. These three priorities have been collectively driving China’s foreign and security policy since the founding of the People’s Republic of China in 1949. Yet, the policy manifestations of these three strategic priorities and the leadership’s relative emphasis on them have differed over the last 30 years.

Chinese Perceptions of the International Security Environment

China’s view of its security environment has two overarching dimensions.

The first is a widely held belief that China’s success is inextricably

linked to the international community, more so than ever before.

The second is the pervasive uncertainty about the range and severity of

threats to China’s economic and security interests. For some, China has

never been so secure and, for others, the numbers and types of security

threats are growing, motivating deep concerns about the future.

On balance, Chinese leaders have concluded that their external

security environment is favorable and that the next 15 to 20 years represent

a “strategic window of opportunity” for China to achieve its leading

objective of national revitalization through continued economic,social, military, and political development. Chinese policymakers seek,to the extent possible, to extend this window of opportunity through diplomacy.

China’s view of its security environment includes six mainstream perceptions:

• No Major Power War: There is a low probability of large-scale war among major powers, and thus the next 15 to 20 years is a unique period for China to continue to develop and modernize.

• Globalization: Globalization has redefined interstate economic and political interactions, bolstering China’s global economic importance and enhancing interdependence among states. Globalization has imposed some constraints on China.

• The Global Power Balance: Multipolarity is rapidly emerging ; although the United States remains a predominant power in the world, it is declining gradually and in relative terms. The United States is both a potential threat to China’s revitalization as a great power and a central partner in China’s realization of this goal.

• Nontraditional Security Challenges: China faces a variety of such challenges, including terrorism, weapons proliferation, narcotics and human trafficking, environmental degradation, the spread of infectious diseases, and natural disasters. These are redefining China’s relations with major powers in Asia and globally,including by creating opportunities for tangible cooperation.

• Energy Insecurity: China defines energy security in terms of two issues: price volatility and security of delivery. China feels vulnerable on both fronts. Such perceptions are increasingly driving its efforts to gain access to crude oil and natural gas resources,especially in the Middle East and Africa.

• China’s Rise: Chinese policymakers see the “rise of China” as an influential factor in global economic and security affairs. China is increasingly confident in its diplomatic reach and influence and feels it has succeeded in dampening fears of a “China threat,” especially in Asia.

Challenges Facing Chinese Diplomacy

Beijing confronts several challenges that will constrain its ability to meet its diplomatic objectives and perhaps also skew the ability to understand China’s intentions. First, as China’s global presence and influence grow, China’s neighbors and other states will expect more of Beijing. It is unclear whether China is prepared to respond to these

demands, fearing an accumulation of too many burdens; this is already raising questions about China’s predictability and its reliability. Second,China’s approach to the Taiwan question, which can be inflexible and aggressive at times, undermines its ability to appear moderate and benign. Third, China’s myriad and acute governance challenges limit

the government’s ability to manage internal problems that could spill over onto its neighbors. This governance deficit complicates Beijing’s ability to comply fully with its commitments, making China appear as an unreliable actor. A fourth challenge involves weaknesses in China’s decisionmaking system. The problems of excessive secrecy and the lack of coordination across the civilian, intelligence, and military bureaucracies hinder China’s ability to respond rpidly and effectively to crises with international dimensions.

(Summary From "China’s International Behavior: Activism, Opportunism, and Diversification"....www.rand.com)

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

แม้การบรรยายในช่วงแรกจะยังไม่ใช่สิ่งที่คาดหวังไว้ แต่ในช่วงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกลับได้รับความรู้ และไอเดียที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงาน และการพัฒนาตนเองมาก โดยเฉพาะวิธีคิดที่จะใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เช่นการใช้ประโยชน์จาก Social media และ community forum ต่างๆ ซึ่งเป็นช่องทางที่มีประโยชน์และไม่จำเป็นต้องรอให้มีงบประมาณจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังสามารถพิจารณาใช้ทรัพยากรข้อมูลที่มีอยู่แล้วและสามารถเปิดเผยได้ มาใช้ประโยชน์ในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรทั้งในด้านภาพลักษณ์และการยอมรับของหน่วยงานและบุคลภายนอก

แต่การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดคือรู้ว่าไม่ควรด่วนตัดสินคน หรือสถานการณ์เร็วเกินไป หากใจเย็น และเปิดใจ การเรียนรู้ก็จะเกิดขึ้นในทุกสถานการณ์

……………………..

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

โลกทุกวันนี้เป็นโลกแห่งการสื่อสาร เราสามารถรับรู้ข่าวสารได้ทั่วทุกแห่งจากเทคโนโลยี ซึ่งการจะเป็นผู้นำที่ดีได้จะต้องมีความรอบรู้ทันเหตุการณ์ข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยเราสามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้จากการใช้อินเตอร์เนท ซึ่งในเนทก็มีทั้งสิ่งที่ดีและไม่ดีทางศลีธรรม เราควรเปิดกว้างรับรู้ทั้งสองมุม โดยเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับงานด้านข่าวกรองได้ด้วย เพราะฉะนั้นเครื่องมือสื่อสารทางเทคโนโลยีจะทำให้หูตาเราเปิดกว้างรับรู้สิ่งต่างๆได้ดี เพราะคนที่เก่งต้องเรียนรู้ตลอดเวลาและปรับตัวให้ทันกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

การใช้ IT ในโลกยุคใหม่ของ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

IT เป็นเทคโนโลยี่สานสนเทศที่มีความสำคัญมาก และมีบทบาทต่อคน ทุกเพศทุกวัย ในสังคมไทยในปัจจุบัน โดยเฉพราะการที่คนเรามีส่วนร่วม อำนวยความสะดวก ในด้านการติดต่อสื่อสาร เหมาะสำหรับสำนักข่าวกรองแห่งชาติ IT มีความสำคัญมาก

------------------

พรุ่งนี้แล้วสินะ จะเกิดอะไรกับหลายๆคนในชั้นเรียน ใจหายที่ไม่ได้เห็นอะไรที่บ้าคลั่งอย่างทรงความรู้ ไม่ได้เห็นความสามัคคีที่งดงามในห้องเรียน เห็นวัฒนธรรมองค์กรที่กำลังแสวงหาความเป็นพี่เป็นน้อง ความรู้ใหม่ๆ เห็นความกล้าหาญที่จะแสดงองค์ความรู้ของแต่ละคน เห็นความเกื้อกูลเอื้ออาทรที่ขาดหายไปเนิ่นนาน เห็นน้องๆให้เกียรติเคารพพี่ๆ เห็นพี่ๆ เอ็นดูและเชื่อมั่นในน้องๆ เห็นโอกาส และความเชื่อมั่นเชื่อใจที่ต่างให้ซึ่งกันและกัน เป็นกำลังใจให้กันในเวลาที่คับขันในการนำเสนอ

เมื่อไหร่จะได้เห็นบรรดาแมลงทับรวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายอย่างไม่เคอะเขิน เห็นอารมณ์ที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์เป็นเอกลักษณ์ เห็นศิริลักษณ์ และศิริรัตน์ที่นิยมบูชาราหู เห็นพี่ตุ๋ยที่ชอบเหมียมอายเป็นสาวๆ ซึ่งเป็นกริยาน่ารักน่าชัง เมื่อไหร่อีกจะเห็นน้องหนูยังสาวและสวยอยู่เสมอ จะได้เห็นป้าเอ๋อคอยเทคแคร์ดูแลเพื่อนๆน้องๆ พร้อมทำทุกอย่าง จะได้เห็นประธานติ่งที่ใช้ความกล้าหาญแบบเฉียบขาดปะปนกับมุขตลก จะได้เห็นพี่แหม่มคอยจ้ำจี้สั่งการด้วยความเป็นห่วง จะได้เห็นคุณปู คอยเอนเตอร์เทรนในฐานะหัวหน้าไอที จะได้เห็นคุณศักดิ์คอยพัดวีเอาความใส่ใจเก็บรายละเอียดนำเสนออันงดงาม จะได้เห็นเหล่านงคราญสะท้านเขินอายเวลาน้องมิตรเป็นตากล้อง จะได้คอยลุ้นน้องต๊อกว่าวันนี้จะแต่งตัวอย่างไร จะได้เห็นน้องต่ายที่นำเสนอสิ่งดีๆและเห็นทุกสิ่งเป็นสิ่งงดงาม จะได้เห็นน้องนกที่เปลี่ยนไปจากไม่พูดกับใครเป็นร่าเริงแจ่มใส จะได้เห็นพี่อุ๋ยที่ส่งเสียงตะแง๊วตะแง๋ว จะได้เห็นน้องนุช ใช้ความรู้ความกล้าหาญในการแสดงออก จะได้เห็นน้องป๊อกคอยถามคอยช่วยเหลือพี่ๆ เห็นบรรดาขุนพลสายอีสานที่คมในฝัก ชักออกมาทุกครั้งช่างบาดหัวใจ เห็นขุนพลทางใต้ที่ตรงไปตรงมาและขวางหูขวางตาอย่างน่ารัก

เมื่อไหร่จะมีคนเข้ามาแจม ถึงลุคคลที่ขาดหายไป ต้องถามอีกครั้งว่าเมื่อไหร่ เพราะอาจารย์อยากให้ถามว่าทำไม WHY ?

ข้อความข้างต้น เป็นการตอบการบ้าน ในการตั้งประเด็นในบล็อก เพื่อหาข้อมูลข่าวสาร หากมีการตอบโต้ในกระทู้ เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ สังเคราะห์ให้เกิดประโยชน์กับทางราชการ มิได้นำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวแต่อย่างใด พึงสังวร why ?

ใครหน่ะ ! เขียนพาดพิงถึงเราบอกชื่อมาซะโดยดี มิเช่นนั้น ถ้าจับได้โดนลืมใส่ชื่อในระบบเงินเดือนแน่ จะหาว่าไม่เตือน 555...

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

ในโลกปัจจุบันมีการแข่งขันกันมากในหลายรูปแบบ ในหลายองค์กรก็มีการแข่งขันสูง ดังนั้น การเป็นผู้นำรุ่นใหม่ ต้องเสาะแสวงหาความรู้ หรือเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยโดยเฉพาะอินเตอร์เน็ต เข้ามาช่วยเหลือในการทำงาน หรือการหาข้อมูลในทุกๆด้าน ซึ่งในการสืบค้น/หาข้อมูลดังกล่าว ก็ย่อมมีทั้งด้านมืด และสว่าง

ดังนั้น เราจะต้องพัฒนาคนให้มีความใฝ่รู้ เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้ เพื่อนำมาปรับใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุดในองค์กรนั้นๆ และการหาข้อมูลใดๆก็ตาม จะต้องมีจุดมุ่งหมายว่าจะทำเพื่ออะไร หรือจะนำข้อมูลนั้นไปต่อยอดความรู้ที่มีอยู่ได้อย่างไรบ้าง

เราต้องไม่ลืมว่าเมื่อมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย มีคุณประโยชน์อนันต์ ก็อย่างลืมว่ามีโทษมหันต์เช่นกัน

บรรยากาศการสัมมนาใน 27 พ.ย.52 ในงาน PUBLIC SEMINAR ของ สขช. ในหัวข้อ การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นไปอย่างตื่นเต้น กระตือรือร้รของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ได้รับความสนใจจากหน่วยประชาคมข่าว และภาครัฐเอกชนอื่นๆ มาก และสิ่งที่ได้เห็นคือความตั้งใจ ความมุ่งมั่นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จของคณะผู้เข้าอบรม ครับ

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา แต่เวลาจะนำพาเรามาพบกันอีกนะค่ะ คิดถึง พี่ๆ เพื่อนๆ และน้องๆ ทุกคนค่ะ จากการได้เข้ารับการอบรมครั้งนี้ทำให้พวกเราในห้องมีการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน มีความผูกพัน สามัคคีกันมากขึ้น นี่ก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้อีกอย่างหนึ่งของพวกเรา ซึ่งอาจจะเป็นบันไดขั้นแรกในการจะนำองค์กรไปสู่ HPO ถ้าใครเข้ามาว่างๆ ก็เข้ามาทักมาคุยกันบ้างนะค่ะ บาย บาย

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกคน

ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคนที่ร่วมแรงร่วมใจกันทำให้การจัด Public Seminar สำเร็จลุล่วงไปด้วยความราบรื่นและเป็นที่พอใจของทั้ง อจ.จีระ และ ผขช. ซึ่งท่าน ผขช.ได้ฝากขอบคุณมาถึงพวกเราทุกคนที่ช่วยกันทำงานนี้ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ต่อจากนี้ไปอย่าลืมนำความรู้ไปต่อยอดกันต่อนะครับทุกคน ช่วยกันสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่ดีๆ ซึ่งเรามีโอกาสได้เรียนแล้ว ไม่ผิดกติกาที่เราจะไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนร่วมงานของเราต่อไป เพื่อก่อให้เกิดชุมชนแห่งการเรียนรู้ โดยมีเป้าหมายไปสู่องค์การแห่งการเรียนรู้ในอนาคตต่อไป

ผมได้หารือกับพี่นิศารัตน์แล้วว่าจะเราเพิ่มช่องทางการติดต่อทาง Blog เพิ่มเติม นอกเหนือจาก Blog ของ อจ.จีระ ที่ยังคงต้องใช้ติดต่อกันต่อไป อย่างต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง โดยจะใช้ผ่านระบบ Intranet เพื่อให้พวกเราทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ร่วมกัน ในส่วนของผมจะพยายามรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ส่งให้กับเพื่อนๆ อยู่เสมอ เพราะตอนนี้ต้องกลับมาดูแลเรื่องการประเมินผลการปฏิบัติราชการต่อ

ตอนนี้ขอให้ทุกคนเริ่มต้นสำรวจตัวเองกันเลยครับว่าชอบอ่านหนังสืออะไร ตลุยเลยครับ เพื่อนๆ ท่านใดสนใจอ่านหนังสือเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่ หรือปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ เชิญได้ที่ห้องทำงานผมครับ ก่อนที่จะเข้ารับการอบรมช่วง Asean Summit ผมได้จัดเก็บหนังสือที่มีอยู่และซื้อหามาใหม่ทำเป็น Knowledge Corner ของสำนัก ด้วยความยินดีครับ หรือจะมีข้อมูลดีๆ มาแลกเปลี่ยนกันก็ได้ หรือสนใจเป็น PDF file ทั้งงานวิจัยเรื่องการจัดการความรู้ การบริหารจัดการความขัดแย้ง และสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ ส่งเมล์ขอมาเลยครับ

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

พี่ๆ เพื่อนๆ ขอความแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณแม่ของน้องขวัญ

พวกเราทั้งรุ่นของแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณแม่น้องขวัญเรือน ศรีเชื้อ ซึ่งมีกำหนดพระราชทานเพลิงศพ ในวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย.52 ที่ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ตามที่ผมได้ประกาศให้ทุกคนทราบทั่วกันแล้วเมือวานนี้ หากสมาชิกท่านใดประสงค์จะเดินทางไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ รถออกจากกรมประมาณ 12.00 น. ในวันอาทิตย์

สำหรับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่ไม่สามารถเดินทางไปร่วมงาน ขอร่วมทำบุญด้วยแล้ว ได้ฝากพี่ตุ๋ย เหรัญญิกดำเนินการให้แล้ว โดยพวกเรามีมติร่วมกันว่าเราจะใช้เงินรุ่น Talented ร่วมทำบุญ 4,000 บาท นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ อีกหลายคนร่วมทำบุญเป็นรายบุคคลด้วยครับ

สวัสดีครับ ชาว talented NIA ทุกท่าน ตอนนี้ (1430 น.) ผมกำลังนั่งอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อรอเครื่องไปภูเก็ต ก้อกลับไปทำงานที่ทิ้งมาเกือบสามสัปดาห์ล่ะครับ...คิดถึงงาน จริงๆ อิอิ

flight บินไปภูเก็ต เกือบทุกเที่ยวของทุกสายการบิน เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติครับ ดูท่าว่าปีนี้ภูเก็ต คงจะครึกครื้นมากกว่าปีก่อนๆ ถ้าไม่มีเหตุการณ์แทรกซ้อน การทำงานที่นั่นก้อคงเหนื่อยมากขึ้น โดยเฉพาะการป้องกันเมืองใหญ่ครับ...

วันก่อนได้อ่านหนังสือพิมพ์ และข่าวออนไลน์ทั้งของไทยและต่างประเทศ ปัญหาหนึ่งที่กำลังจะมีผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจโลก คือ กรณี บริษัทดูไบเวิลด์ ของ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขอเลื่อนชำระหนี้ออกไป จากเดือนธันวาคมนี้ เป็นกลางปีหน้า สร้างความหวั่นวิตก ให้กับตลาดทุนทั่วโลกเป็นอย่างมากนะครับ พวกเราในฐานะนักการข่าว ก็อย่าลืมติดตามกรณีนี้อย่างใกล้ชิด ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยครับ เพราะ ดูไบเวิลด์ มีการลงทุนในประเทศไทย และบริษัทไทยอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ อาจจะส่งผลถึงสถานะของประเทศไทย ซึ่งก็มีหนี้สินต่างประเทศอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

คิดถึงเพื่อนๆทุกคนครับ คิดถึงบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกัน...สัญญาว่า จะหาเรื่องราวต่างๆ มาแบ่งปันกันผ่านบล็อกนี้ หรือบล็อกอื่นๆที่เราจะสร้างขึ้นนะครับ

กุ้ง

ถึง เพื่อน ๆ พี่ ๆ NIA-Talented-2009 ที่จะต้องเดินทางกลับไปปฎิบัติภารกิจที่อยู่ส่วนภูมิภาค คิดว่าป่านนี้บางคนอาจจะเดินทางถึงที่หมายแล้ว บางคนกำลังเดินทาง ก็ขอให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพนะคะ คิดถึงบรรยากาศเมื่อ 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ทำให้พวกเราทุกคนได้รู้จักกันมากขึ้น ให้ความช่วยเหลือกัน แบ่งปันกัน ทั้งความรู้และความรัก สร้างความสัมพันธ์ รวมทั้งความสามัคดี ให้เกิดขึ้นภายในองต์กร คิดว่าทุกคนคงคิดมันเช่นเดียวกัน แต่ทุกคนก็ต้องมีภารกิจและหน้าที่ที่ต้องกลับไปปฏิบัติ และต้องทำหน้าที่ของตนเองให้ดีขึ้นด้วย หวังว่าพวกเราคงจะได้พบกันอีกในโอกาสต่อไป ถ้าชาติต้องการ คิดถึงกันก็สามารถคุยกันผ่าน Blog นี้ได้นะคะ

คิดถึงทุกคน

.... ณา ....

คิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคน

สำหรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เดินทางกลับภูมิลำเนา ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ส่วนตัวเองรู้สึกเหงาเหมือนกันนะที่ไม่ต้องตื่นมาตอนเช้ามืด (0400น.) เพื่อทำการบ้าน เจอกันนอกห้องเรียนก็ทักกันบ้างนะค่ะ มีอะไรพอที่จะช่วยเพื่อน ๆ ได้ก็บอกมานะ ยินดีให้ความช่วยเหลือทุกคนเท่าที่จะทำได้ และขอแสดงความเสียใจกับการจากไปของคุณแม่น้องขวัญเรือนด้วยนะค่ะ

สวัสดีพี่น้องและผองเพื่อนทุกคน

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนเช่นกันที่ร่วมแรงร่วมใจกันคนละไม้คนละมือเพื่อให้งานสัมมนาครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดีและน่าภาคภูมิใจ ทุกคนเป็นมืออาชีพจริงๆ ค่ะ ขอคารวะมาด้วยความจริงใจและซาบซึ้งใจ ตัวพี่แหม่มเองอาจทำหน้าที่รองประธานและฝ่ายวิชาการได้ไม่ดีนัก แต่ก็มีน้องเก่งๆ และท่านประธานที่สุดยอด (จริงไหมติ่ง) คอยช่วยเหลือทำให้งานผ่านไปได้อย่างดีไม่ใช่หรือ ตอนนี้เชษฐ์คงไม่มีโอกาสมาว่าพี่แหม่มอีกแล้วนะว่าจู้จี้ (ล้อเล่น) และติ่งก็คงแซวเราไม่ได้แล้วว่าเครียดมากที่ไม่มีใครยอมมาซ้อมใหญ่ก่อนวันจริง ก็เราเป็นห่วงนี่นา

อยากจะบอกว่าคิดถึงทุกคนนะ หลังจากเสร็จสิ้นการสัมมนาและร่ำลากัน ก็มานั่งเปิด Blog วันละหลายรอบเพื่อจะคอยดูว่ามีใครเขียนอะไรมาให้อ่านบ้าง ตงเป็นความเคยชินตั้งแต่เมื่อตอนที่เรารำเรียน ทำการบ้าน และก็ต้องเปิด Blog ทุกวันทุกบ่อยมั้ง ที่ผ่านมา อยากจะบอกว่า 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา มีค่า มีความหมายมาก ทำให้คนไม่เคยคุ้นกัน ก็ได้มาพบมาคุย มาใกล้ชิดสนิทสนมกันบางคนหากไม่ได้เข้ามาอบรมคงไม่เคยรู้จักหน้าค่าตากันเลย โดยเฉพาะในช่วงอาทิตย์สุดท้ายมีความรู้สึกว่าเรากำลังจะคุ้นเคยกันอยู่แล้วเชียว แต่ก็ต้องมาลาจากกันไปเสียก่อน ดีใจนะที่เห็นว่าหลายคนได้แสดงศักยภาพที่แอบหลบซ่อนไว้ออกมา มีอะไรก็มาช่วยมาแชร์กัน เป็นกำลังใจให้กัน ทุกคนทำดีแล้วจ๊ะ

ป่านนี้ บางคนคงกำลังเดินทางกลับไปหาครอบครัวอันเป็นที่รักและเตรียมกลับไปใช้ชีวิตและทำงานเช่นปกติ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะ คนที่ถึงที่หมายแล้ว นั่งคิดถึงพวกเรากันอยู่หรือเปล่า มีอะไรก็เขียนผ่าน Blog มาให้รู้บ้างนะ หากใครแวะเวียนเข้ามาส่วนกลางก้แวะมาทักทายกันบ้าง สุดท้ายขอบอกว่าดีใจและยินดีที่ได้พบกับทุกคน เรามาช่วยกันนำพาองค์กรของเราให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องและยาวนาน อย่าลืมรักการเรียนรู้และใช้ศักยภาพที่ตัวเองมีอยู่อย่างบ้าคลั่งนะคะ รักและคิดถึงทุกคน...พี่หนูแหม่ม

ถึง nia talented ทุกท่าน

งานเลี้ยงเมื่อมีเริ่มต้นย่อมมีวันเลิกลา แต่เราเพิ่งเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงให้ สขช. ก่าวสู้การเป็นองค์กรข่าวกรองของประเทศที่มุ่งสู่ความเป็นเลิศในด้านต่างๆ เช่น เป็นองค์กรที่มีสรรมถนะสูง มีทีมงานที่เป็นเลิศทั้งด้านวิชาการ และปฏิบัติการ มีองค์ความรู้ที่พร้อมจะแบ่งปันสู่มวลสมาชิกทั้ในวงการข่าวกรองและผู้คนทั่วไป พร้อมที่จะสร้างเครื่อข่ายเพื่อความมั่นคงในทุกๆด้าน เหมือนที่ท่านประธานติ่งได้กล่าวถึงพันธสัญญาที่เรากล่าวว่าในอีก 6 ปี ข้างหน้าเราจะก้าวไปสู่ระดับภูมิภาคให้ได้ไม่น้อยหน้าใคร

ด้วยความรู้สึกส่วนตัว ใจหายเหมือนกันครับที่เวลาที่มีค่ายิ่งในช่วง 12 วัน แห่งการเรียนรู้เพื่อก้าวสู่การเป็นอนาคตของงอค์กรหายไปอย่างรวดเร็ว ดีใจมากที่เห็นบรรยากาศแบบพี่ๆน้องๆที่ช่วยเหลือกันอย่างแข็งขัน บรรยากาศแห่งความร่วมมือร่วมใจกัน แบ่งปันเรียนรู้และให้อภัยกัน ไม่น่าเชื่อครับว่าเราจะมีผู้คนอย่างนี้ไม่ใช่น้อย เป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะได้เห็นอนาคตของ สขช. ที่อีกหลายคนจะฝากความหวังในการนำพาองค์กรไปสู่จุดหมายที่พวกเราหวัง อย่าลืมนะครับ trust team tomorrow ก้าวไปด้วยกัน ขยายสิ่งที่เราคิดไปสู่คนอื่นเพื่อความสำเร็จที่เราคาดหวัง

ผมกำลังเตรียมตัวเดินทางกลับไปทำงานในวันอาทิตย์ที่ 29 พ.ย. กลับไปสู่โลกแห่งความขัดแยงทางอัตตลักษณ์ ความคิด และวัฒนธรรม ที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา คงต้องสู้ต่อครับเพื่อหาหนทางยุติสิ่งเหล่านี้ แต่คงไม่ใช่ผมคนเดียวครับที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ ความร่วมมือของพวกเราและคนอื่นก็มีส่วน เราแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งเท่านั้น

ต้องขอขอบคุณอย่างมากครับที่ comment ไว้อย่างน่าชม ไม่มีอะไรมากกว่าการเป็นตัวตนของผมที่อาจผ่าซากไปหน่อย แต่จริงใจครับ ภาพลักษณ์ภายนอกอาจดูแนวๆหน่อย รับไว้ดูเล่นซักตัวดีกว่าครับ แปลกๆดี อย่ายึดติดครับ นอกกรอบนิดนึง

หวังว่าเราคงจะได้ปะทะกันทางความคิดกันอีกทั้ง 44 คน หรืออาจมีช่องทางอื่นอีกที่เราได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันอย่างสร้างสรรค์ เพื่อแบ่งปันองค์ความรุู้ที่มากมาย สู่การปฏิบัติที่้หลากหลายวิธีมากขึ้น

สุดท้ายขอแสดงความยินดีกับพี่รัชภูมิด้วยครับ อดีตเคยร่วมม่วนซื่นกันอยู่ในอีสาน และหลายครั้งในช่วงมีหลักสูตรที่ผมเคยดูแล มันเป็นหนทางชีวิตที่ต้องเติบโต และหลายๆคนที่กำลังจะมีโอกาสได้แสดงความเป็นผู้นำรุ่นใหม่ต่อไปในอนาคต คงได้ฉลองความสำเร็จกัน จงเรียนรู้ เรียนรู้ อย่างบ้าคลั่ง บ้าคลั่ง อย่างต่อเนื่อง และต่อเนื่อง โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง 55 ฮิ้ว..............

เพื่อน ๆ Talent ทุกคน

ดีใจนะที่งานเมื่อวันศุกร์ผ่านพ้นไปด้วยดี เพราะทุกคนร่วมแรง ร่วมใจกันอย่างเต็มที่ คิดถึงทุกคนเหมือนกัน พรุ่งนี้ทุกคนคงต้องเริ่มงานกันตามปกติแล้ว อย่าลืมนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ด้วยนะ ขอบคุณพี่ติ่งที่เริ่มต้นแล้วโดยการแบ่งปันความรู้ ถ้าใครมี idea ดี ๆ ก็ช่วยกันคิดหน่อยนะว่า เราทั้ง 44 คน ที่สัญญากับ ผขช.ไว้ ว่าจะเป็น Change Agent น่าจะมีกิจกรรมอะไรดี ๆ ที่เราจะทำร่วมกันเพื่อเป็นการแบ่งปันความรู้ หรือแก้ไขจุดอ่อนขององค์กร เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กร ให้ สขช.เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ตามที่พวกเราตั้งใจไว้

คิดถึงทุกคนค่ะ

Mr.commuter ขอรายงานตัวครับ

........................................

........................................

........................................

ไม่ทราบว่าพี่ๆ สำบายดีบ่

ช่วงนี้รู้สึกว่าความสุขมวลรวมของประชาชาติ

จะดีขึ้นอย่างแปลกๆ

ไม่รู้ว่าจะมีอะไรหรือเปล่า

ใครรู้ช่วยบอกหน่อย

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกคน

ตอนนี้ทุกคนคงจะเข้าประจำการ ณ ที่ตั้งกันพร้อมหน้าแล้วนะครับ ขอให้พวกเรานำองค์ความรู้ตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของการอบรมไปต่อยอดความคิดและปรับเป็นแผนการปฏิบัตินำไปประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางบวกต่อหน่วยงานต้นสังกัดนะครับ ทุกปัญหามีทางออกขอให้พวกเรานำคำแนะนำของท่าน อจ.จีระ ไปทดลองใช้เลยครับ "เราต้องปรับเปลี่ยนกรอบคิด โดยเริ่มจากตัวเอง ต้องมองภาพใหญ่ (big picture) หรือจาก Macro ไปสู่ Micro"

ขอฝากประชาสัมพันธ์ว่าในวันที่ 3 ธ.ค.52 มีการประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ขอให้สมาชิกรุ่นเราส่งตัวแทนเข้าประกวดด้วยนะครับหลายทีมก็ได้ ผมกะว่าจะร่วมด้วย แต่ติดภารกิจประชุมทั้งเช้าและบ่าย ขอเป็นกำลังให้เพื่อนดีกว่า มีข่าวประชาสัมพันธ์อีก 1 เรื่อง คือในวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม 2552 เวลาบ่ายต้นๆ เป็นต้นไป พวกเรามีนัดเลี้ยงต้อนรับท่านรองฯ รัชภูมิ เข้ามาทำงานที่กรุงเทพ สถานที่นัดหมายบ้านของผมเองครับ (หมู่บ้านวัชรธานี บ้านเลขที่ 70/73 ถ.บางแวก แขวงบางไผ่ เขตบางแค กรุงเทพ) อยู่ระหว่าง ถ.พุทธมณฑลสาย 2 กับสาย 3 ห่างจากแยกทศกัณฐ์ ประมาณ 1.5 กม. เข้าไปท้ายหมู่บ้านอยู่ซ้ายมือ ขอให้นำตัวและหัวใจไปเป็นพอ หากจะใครไปร่วมกิจกรรม แจ้งชื่อล่วงหน้าเลยครับ จะได้จัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มต้อนรับได้เพียงพอ

จบท้ายด้วยเรื่องวิชาการกันเล็กน้อย สมาชิกท่านใดมีไอเดียหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องใด โทรมาถามได้ตลอด ตอบได้ก็จะตอบ แต่ตอบไม่ได้ก็จะหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อตอบคำถามให้จ้า...คุณแมลงทับคนสุดท้ายฝากทวงเอกสารที่ทุกคนรับปากว่าจะเขียนให้ทุกๆ เรื่อง ช่วยรีบดำเนินการด้วยนะครับ ผมจะได้มอบให้ฝ่ายวิชาการตรวจความถูกต้อง ก่อนแจกจ่ายให้กับทุกคน

จากวันนี้..จะมีเรา..เราและนาย..จดจำไว้..ตลอดไป..ไม่ทิ้งกัน..//รักและคิดถึง เพื่อนทุกคน

         ขอรายงานตัวคร้าบผม

       หลังจากหายหน้าหายตาไปจากบล๊อก ตอนนี้ก็ได้กลับมารายงานตัวแล้วนะค่ะ ต้องขอสารภาพว่าที่ผ่านมาไม่ได้ไปไหน แต่ทำตัวตรงข้ามกับคนอื่น ๆ มาก เพราะหลังจากเรียนจบ ทุกคนจะติดนิสัยเข้าบล๊อกเพื่อส่งการบ้านกัน แต่สำหรับเราหลังจากเลิกปาร์ตี้กันเมื่อวันศุกร์ เพิ่งจะเข้ามานี่แร่ะ ต่อไปสัญญาว่าจะไม่หายไปไหนอีกแร่ะ

       อีกเรื่องที่จะสารภาพก็คือ หนังสือที่ อ.ดนัย ให้ไว้ 2 เล่ม อยู่ที่เราเล่มนึงนะ ถ้าใครอยากอ่านมาเอาไปได้เลย หรือจะให้ส่งไปที่ไหนก็ว่ามา จะจัดให้ (เราให้อาจารย์เซ็นชื่อให้รุ่นเราไว้ทั้งสองเล่ม อีกเล่มนึงอยู่ที่ท่านประธานจร้า...) แต่! ห้ามบอกให้เราสรุปเนื้อหาจากในหนังสือเข้าบล๊อกนะ 5555

----------------------

คิดถึงทุกคนค่ะ โดยเฉพาะพี่แหม่มเดี๋ยวจะไปหานะคะ ตอนนี้กำลังรวบรวมเล่มอยู่ค่ะ

สวัสดีค่ะ

มารายงานตัวค่ะ ..วันจันทร์สิ่งที่ทำของ บุษบา คือ ส่งข้อมูลที่ อาจารย์จีระ ให้สรุปความรู้ที่ได้รับทั้งหมดของตัวอง ระหว่างอบรมให้ ชปก หมดแล้ว รวมถึง ผอ.สำนักด้วย (ผอ.ขอก่อนอบรมแต่ ต้องถ่ายเอกสารตำราให้ด้วย) เป็นการ share knowledge เพื่อ learning organization ฝึกทำ good idia ให้แปรเลี่ยนเป็นการปฏิบัติให้ได้ อยากเห็นเพื่อน ๆ ที่อบรม ได้เปลี่ยนตัวเองอย่างเป็นรูปธรรมจริง ๆ เริ่มจากสิ่งที่ชอบและถนัดก่อนแล้วกัน ไม่ว่าจะการเป็นคนใฝ่รู้ เรียนภาษาอังกฤษเพิ่ม ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ น่าจะเรียกได้ว่าเราประสบความสำเร็จในการอบรมครั้งนี้ จริง ๆ แล้ว บุษบา พยายามเปลี่ยนตัวเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ที่ให้ความสำคัญมากที่สุดตอนนี้เลยทีเดียว

มารายงานตัวเหมือนกันครับบบบบบบ

หยุดเสาร์-อาทิตย์ 2 วัน ได้พักผ่อนบ้าง พอสมควร ยังไม่ทันหายเหนื่อยเลยคับพี่น้อง

วันจันทร์งานเข้าแล้วครับ กลับไปประชุมร่วมกับนายๆ ตอนเช้าๆ เจอท่านประธานติ่งด้วยคับ

ตอนบ่ายๆ ประชุมร่วมกับ ผอ.ส่วนฯ มันจิงๆคับพี่น้อง

พวกเราน่าจะมี Blog ของตัวเองนะ จะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ่อยๆ นะ

ดีมั้ยคับ พี่น้อง NIA-Talented-2009

หวัดดีค่ะ..เพื่อน Talented ทุกท่าน

หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อน ๆ ทุกคนคงมีความสุขกับการทำงานในวันนี้ หลังจากที่พวกเราประสบความสำเร็จในขั้นต้นของการเรียนรู้ การเป็น Change Agent สู่การเป็นผู้นำยุคใหม่ของสขช. ในส่วนของตุ๋ยนั้น หลังจากเรียนจบแล้ว ไม่รู้โชคดีหรือเปล่า อาจได้ประลองวิทยายุทธกับงานชิ้นใหม่ที่ได้รับมาโดยไม่รู้ตัว (เพิ่งรู้) คือได้รับคำสั่งให้ร่วมเป็นคณะกรรมการอ่านประเมินผลงานและสัมภาษณ์เจ้าพนักงานการข่าว เจ้าพนักงานธุรการ ที่จะเลื่อนระดับเป็นชำนาญงาน (แต่ก่อนจะประเมินจากซี 4 เป็นซี 5) ของน้อง ๆ เจ้าหน้าที่ สขช. จำนวน 15 คน โอแม่เจ้า ! งานเข้าเต็ม ๆ แต่ยังไงเสียก็จะนำความรู้ที่เรียนมาเป็นเครื่องมือบวกกับความสามารถที่มีอยู (นิดนึง) มาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด...ขอสัญญา

ปล. นอนไม่หลับ รู้สึกเหมือนกับว่าต้องทำการบ้านส่งบล๊อก555....

รายงานตัวครับ งานเข้าเป็นปกติเหมือนกันล่ะครับ เพื่อนพี่น้อง ต้องทำสัญญาพันธกิจกับน้องๆในทีมงาน เพื่อสู่ตัวชี้วัด จากที่ได้รับการอบรมมา ได้นำมาประยุกต์ใช้บ้างแล้วครับ ค่อยเป็นค่อยไปล่ะครับ ปัญหามีไว้ให้แก้ สบายดีกันหรือป่าวส่งข่าวกันบ้าง คิดถึงทุกคนครับ

แป๋ง

วัดชลประทานรังสฤษฎ์ จัดพิธีอุปสมบทเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในมหามงคลวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม โดยมีพระเทพปริยัติเมธี เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบผ้าไตรการอุปสมบทครั้งนี้มีข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนทั่วไป เข้ารับการอุปสมบทจำนวนทั้งสิ้น 104 คน ซึ่งการบวชในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการสืบอายุพระพุทธศาสนาแล้วยังถือว่าเป็นการบวชเพื่อปฏิบัติธรรมน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในมหามงคล วโรกาส 82 พรรษา 5 ธันวามหาราช

งานบุญงานกุศล ใครทราบข่าวว่าจะมีคนไปป่วนงานแจ้งด้วยครับ

เมื่อเช้า 1 ธ.ค.52 ติดตามข่าวสารเป็นปกติวิสัย เห็นท่านอาจารย์จีระฯ ที่ทำเนียบกับท่านนายกอภิสิทธิ์ฯ เพื่อรณรงค์การมีส่วนร่วมของภาครัฐและเอกชนในโครงการ "1 เหรียญ 1 คำอธิษฐาน" ของมูลนิธิพระดาบส อันเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่รักยิ่ง

ภาพที่ผมเห็นท่านอาจารย์ถ่ายรูปคู่กับท่านนายก ผมมองไปไกลถึงอนาคตของชาติ ที่คลังสมองของประเทศให้การสนับสนุนรุ่นคนหนุ่มสาวเข้าไปบริหารประเทศ โดยเฉพาะในช่วงปัจจุบันที่ปัญหาต่างๆได้รุมเร้า บางเรื่องเกิดขึ้นใหม่รอขยายความรุนแรง บางเรื่องผ่านความรุนแรงมาชั่วขณะรอการรุนแรงยิ่งขึ้น หรือรอการยุติ เป็นช่วงที่ประเทศ คนในประเทศต้องการกำลังใจ ความมุ่งมั่นร่วมแรงร่วมใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน

ผมอยากเห็นคลังสมองอันทรงคุณค่าของประเทศ ร่วมกันจัดทำรณรงค์จัดทำโครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์ ให้หนุ่มสาว เยาวชนได้เห็นถึงความสำคัญว่าไม่ได้ทอดทิ้ง หรือไม่เหลียวแลความเป็นไปของประเทศ ขณะเดียวกันหนุ่มสาว เยาวชน และคนทำงานหันกลับมาร่วมแรงร่วมใจร่วมคิดเสียสละ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ต่อสังคม หากเราต้องการให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี เชื่อว่าถ้าเราสามัคคีแล้วเดินไปด้วยกันอย่างเชื่อมั่นเชื่อใจ ไม่มีอะไรที่คนไทยจะทำไม่ได้

เรียนพี่บุษบาครับ

ช่วยส่งสรุปความรู้ที่ได้รับทั้งหมดระหว่างอบรม

ที่พี่ต้องส่งให้ ชปก และ ผอ.สำนัก

ให้กับสมาชิก nia talented ด้วยซิครับ

จะขอบคุณเป็นอย่างสูง

เพื่อเป็นการ share knowledge

นำไปสู่ learning organization

และเป็นการฝึกทำ good idi

OK...OK..OK

ถึง Talent ข่าวกรองทุกท่าน

          ผมอ่าน Blog ทุกคนแล้ว จนถึงวันอังคารที่ 1 ธ.ค. 52 ขอบคุณทุกๆคนที่ยังมีความรู้สึกที่ดีต่อโครงการฯนี้ จะ Keep สิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร?  ให้เป็น Habit เพราะผ่านไปนานก็จะจางไปโดยธรรมชาติ แต่อาจารย์จะเสนอให้ ท่านผู้อำนวยการฯ และทีม HR จัด พบกันอีกหลังผ่าน 3 เดือนไปแล้ว ขอเสนอแนะที่เสนอไว้ อีกสัก  3 วัน เพื่อ Follow-up แต่ระหว่างนี้ก็ต้องประเมินตัวเองว่าได้อะไรใน 12 วัน ส่งมาให้อาจารย์ด้วยและสรุปเป็นแก่นของเรา

          อาจารย์ประทับใจในการจัด Pubic Seminar มาก และจะมีการบ้านขั้นต้น ส่งมาให้วันศุกร์นี้แน่นอน ขอให้ตอบทาง Blog ในวันพุธด้วย

          ขอขอบคุณท่าน ผ.อ.สุวพันธ์ และทีม HR ที่ให้เกียรติผมอย่างมาก ดีใจที่ทราบว่าเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ

 

                                          จีระ  หงส์ลดารมภ์

เรียนพี่ๆ ทุกท่านครับ

มีการบ้านแล้วน่ะครับ

ทราบแล้วช่วยส่งทาง Blog ด้วย

กระผมจะขอความกรุณา

นำไปต่อยอดน่ะครับ

ขอบพระคุณอย่างสูง

Red Ocean Strategy, Blue Ocean Strategy และ White Ocean Strategy

การเกิดขึ้นของ Red Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีเลือด ถือเป็นหนทางหนึ่งที่เคยช่วยให้หลายธุรกิจประสบความสำเร็จ แต่ในความสำเร็จนั้นกลับก่อให้เกิดความรุนแรงในแวดวงธุรกิจ เพราะด้วยวิถีทางแห่งกลยุทธ์น่านน้ำสีเลือด การแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่งความเป็น “เบอร์หนึ่ง” ถือเป็นจุดประสงค์หลักของกลยุทธ์นี้ แต่การมุ่งเอาชนะคู่แข่ง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่าโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดนั้น นอกจากจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดแล้ว ยังมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บทางธุรกิจด้วยกันทุกฝ่าย

Blue Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีคราม จึงเป็นแนวทางดำเนินธุรกิจที่เกิดขึ้นตามมาเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันทางการตลาดแบบเดิม กลยุทธ์น่านน้ำสีครามจะไม่แข่งขันผลิตสินค้ารูปแบบเดียวกันป้อนสู่ตลาด ไม่เอาชนะกันด้วยสินค้าลอกเลียนแบบ แต่จะเลือกพัฒนาสินค้าของตนให้แหวกแนวไปจากที่มีอยู่ เน้นความเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน ใช้ “นวัตกรรม” และ “ความต่าง” เป็นตัวดึงดูดความสนใจของลูกค้า ซึ่งกลยุทธ์นี้เคยสร้างยอดขายถล่มทลายมาแล้วในสินค้าหลายชนิด แต่กลยุทธ์น่านน้ำสีครามก็ทำให้ผู้ดำเนินธุรกิจต้องเหนื่อยกับการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาเพื่อวิ่งหนีคู่แข่ง ซึ่งนั่นคือการหนีที่ไม่มีวันสิ้นสุด!

White Ocean Strategy กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว เป็นพื้นฐานในการบริหารงานและใช้ชีวิตที่ตั้งมั่นอยู่บนคุณงามความดี มีศีลธรรม และปรับมุมมองจากการตักตวงผลประโยชน์จากสังคม มาเป็นการช่วยเหลือ แบ่งปัน และเป็นส่วนหนึ่งของส่วนรวม โดยไม่วาง ‘ตัวเอง’ เป็นศูนย์กลาง และไม่เห็น ‘ผลกำไร’ เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดจนละเลยมิติด้านอื่น จึงทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน บนความสมดุลย์ของ People (สังคม ประชาชน และกลุ่มเป้าหมายทุกภาคส่วน) Planet (ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมทั้งกายภาพและจิตภาพ) Profit (กำไรที่เหมาะสมและแบ่งปันกับส่วนรวม) โดยมี Passion ความมุ่งมั่นศรัทธาในการทำงานขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น

White Ocean Strategy

คือ ทางสายกลางที่อยู่บนความลงตัว ความพอดี ก่อให้เกิดความสมดุลทั้งภายในและภายนอก สร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ถือเป็น Sustainable Capitalism และ Sustainable Development

“การทำธุรกิจไม่ว่าจะอยู่บนน่านน้ำสีใดก็ตาม ทั้งสีเลือดหรือสีคราม แต่องค์กรที่ยืนหยัดอยู่บนน่านน้ำสีขาวจะสามารถขยายคลื่นแห่งคุณงามความดีให้แผ่ไพศาลไปทั่วสังคม จึงทำให้เกิดความยั่งยืนทั้งต่อองค์กรและส่วนรวม โดยหลักการของน่านน้ำสีขาวมีอยู่ด้วยกัน 7 ประการ ได้แก่

1. การเกิดขึ้นและมีอยู่ขององค์กรเป็นไปเพื่อสร้างผลเชิงบวกต่อสังคมโดยรวม (Net Positive Impact on Society)

2. ตั้งเป้าหมายระยะยาวและมองภาพใหญ่ระดับมหภาค (Long-term Goal, Macro View)

3. แสวงหาจุดสมดุลระหว่าง People, Planet, Profit โดยมี Passion เป็นพลังขับเคลื่อน

4. ยืนบนหลักการของโลกอันอุดมสมบูรณ์ (The World of Abundance)

5. ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม ความเป็นจริงและความเป็นเนื้อแท้ (Integrity)

6. เป็นองค์กรที่ระเบิดจากข้างใน และมีดีเอ็นเอของ Individual Social Responsibility (ISR)

7. เป็นผู้สร้างบรรทัดฐานใหม่ให้เกิดขึ้นในวงการ (Set the Benchmark)”

โลกไม่มีธุรกิจไม่ได้ แต่ธุรกิจที่ไม่ถูกต้องลงตัวก็ทำให้โลกเป็นไปไม่ได้ ธุรกิจทุนนิยมมีอำนาจมาก ถ้าอำนาจนั้นไม่ถูกต้องก็จะมีผลมากทั้งต่อสังคมและต่อตนเอง ธุรกิจทุนนิยมไม่ควรเป็นมะเร็งทางสังคม ธุรกิจสีขาว คือ ความถูกต้องลงตัวเพื่อการดำรงอยู่ร่วมกันของทั้งหมด หรือไม่เป็นมะเร็งทางสังคม

ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จทั้งระดับประเทศ และระดับนานาประเทศที่เติบโตอย่างมั่นคงยั่งยืน โดยปัจจัยที่ทำให้องค์กรเหล่านี้ ประสบความสำเร็จมาจากกลยุทธ์สีขาว ที่ให้ความสำคัญด้วยการแบ่งปันต่อเพื่อนมนุษย์ ต่อทรัพยากร รวมถึงสิ่งแวดล้อม จนทำให้สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้สังคมดีขึ้น

การทำธุรกิจถ้าจะให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนมั่นคง ต้องดำเนินอยู่บนหลักเศรษฐกิจพอเพียง คือ ต้องยึดหลักธรรมาภิบาล จริยธรรม และคุณธรรม ซึ่งจะทำให้ร่ำรวยอย่างยั่งยืน ไม่ใช่รวยแล้วล้ม ดังตัวอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ ในการทำธุรกิจควรมีการประเมินตัวเอง คือทำ Self Assessment แล้วใช้เหตุผลกำหนดเส้นทางเดิน อย่าใช้กิเลสตัณหา ให้ใช้ความพอดี จัดการธุรกิจอย่างฉลาด รอบคอบเพื่อไม่ให้กิจการก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือต่อผู้อื่น และต้องมีภูมิคุ้มกันในการบริหารความเสี่ยง

การแข่งขันทางธุรกิจไม่มีคำว่าชนะ และถ้ามองหาแต่ผลประโยชน์ก็ย่อมไม่มีวันสิ้นสุด ทางรอดทางเดียว คือการยึดหลัก White Ocean Strategy ซึ่งคิดว่าเป็นหลักที่สมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว หนังสือเล่มนี้ช่วยจุดประกายทางรอดขององค์กร สังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง

แนวคิด White Ocean Strategy ตรงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและทางสายกลางที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงสอนไว้ ธุรกิจจะอยู่รอดได้ต้องมีจุดสมดุล ซึ่งสมดุลนี้ก็คือคุณธรรม

To… Mr. Comuter (Who is he?)

ส่งข้อมูลให้แล้วนะ เป็นข้อมูลเดิมของบุษบาที่อยู่ใน Blog อาจารย์แต่รวบรวมใหม่

ฝากเพื่อน ๆ good idea แล้วต้อง take action ด้วยค่ะ *****

บทเรียน ของ Mandela ดิฉันสามารถนำมาประยุกต์การเป็นผู้นำใน สขช. ได้ดังต่อไปนี้

1.การเป็นผู้นำขององค์กรที่ดีต้องเป็นต้นแบบที่ดีเพื่อที่จะสามารถจุดประกายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถนำไปเป็นแบบอย่างได้เพื่อความเป็นเลิศของเขา

2. การเป็นผู้นำต้องรู้จักทั้งการรุกและตั้งรับในเวลาและสถานการณ์ที่เหมาะสม

3.การเป็นผู้นำอยู่เบื้องหลังเราต้องไว้ใจ เชื่อใจ ศรัทธา หรือให้อำนาจเขาที่จะนำอย่างเต็มที่ ต่อคนที่เราให้เป็นผู้นำเรา

4. การจะเอาชนะศัตรู ต้องรู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง โดยต้องรู้จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู รบกี่ครั้งเราก็จะเป็นผู้ชนะ

5.ผู้นำต้องรักษาภาพลักษ์ที่ดี ต้องระมัดระวังการแสดงออกทุกด้าน เพราะทุกคนจะจับตามองคนที่เป็นผู้นำมากกว่าคนอื่นทั้งด้านดีและไม่ดีของเรา

6.ผู้นำต้องประสานผลประโยชน์ของทุกคนทุกฝ่าย ต้องให้ทุกคนได้ประโยชน์กับการตัดสินใจของเรา

7.ผู้นำที่ดีต้องไม่โลภ เพราะความโลภจะทำให้เกิดความประมาท และอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมา

------------------------------------------

การได้ประโยชน์จากหนังสือทรัพยากรมนุษย์พันธ์แท้

ผู้นำที่สามารถนำพาองค์กรให้ประสบความสำเร็จ

เก่ง 4 ได้แก่ เก่งงาน เก่งคน เก่งคิด เก่งเรียน

ดี 4 ได้แก่ ประพฤติดี มีน้ำใจ ใฝ่ความรู้ คู่คุณธรรม

การมีศักยภาพในการมีโลกทัศน์กว้าง

1.การมีทักษะในการรับฟังผู้อื่น 2.ศึกษาให้ถ่องแท้ 3.ทำการบ้าน 4.นำมาปฏิบัติ

5.การลงมือทำจนจบและมองผลระยะยาว

ความจงรักภักดี

1. การรับคนเข้าทำงานด้วยความสามารถ

2. สอนให้ทำงานจริงจัง มีระเบียบวินัย มีความจงรักภักดีแบบญี่ปุ่น และดูแลอย่างดี

3. มีความพึงพอใจในงานที่ทำ

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ให้เกิดผลในองค์กรอย่างแท้จริง

1.ต้องสร้างคุณค่า ขึ้นมาให้เป็นที่ยอมรับของ Line manager และคณะ

Top Boss ต้องเปลี่ยนบทบาทเป็น Strategic role

2.HR ต้องเก่ง CEO ต้องเห็นความสำคัญ องค์กรจึงประสบความสำเร็จ

3.ต้องรู้ว่าใคร คือ Performance Management ต้องจัดอันดับ HR อยู่ตลอดเวลา

4.ต้องมีข้อมูล top manager ทั้งหมด ทั้งด้าน Performance acceptability , Capability ,

Potential Career path

การบริหาร Network ให้ได้ผลของ ดร.จีระ

1. ทฤษฎี 8 K’s คือ Social Capital

2. การเป็นนักวิชาการที่มีข้อมูลครบถ้วน และเชื่อมโยงได้ดี

3. มีการบริหารแบบ Paradigm shift การบริหารต้องเร็ว คล่องตัว ไปถึงลูกค้าให้เร็วที่สุด

HR พันธ์แท้ มี 2 ชนิด

1. พันธุ์แท้ที่พัฒนา ต้องอยู่คงทน มี imaginative มีลักษณะ innovation อยู่ตลอดเวลา จึงเป็นพันธุ์แท้ที่อยู่อย่างสมบูรณ์ สนใจเรื่องการวัดผล หรือ Results

2. พันธุ์แท้ที่ไม่พัฒนา

ทฤษฎี 3 กลม หรือ Changing Management

1. วงกลมที่ 1 เรื่อง Context หรือ บริบท พูดถึงเรื่อง IT การบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องใช้ระบบสารสนเทศมากขึ้น

2. วงกลมที่ 2 เรื่องภาวะผู้นำ นวัตกรรม การบริหารเวลา เรียกว่า ทฤษฎีเพิ่มศักยภาพของคน ต้องดูว่า HR ต้องมี Competencies อย่างไร

3. วงกลมที่ 3 การใช้หลัก PM-Personnel management มองว่างานทุกอย่างเป็นงานที่ท้าทาย ต้องมีแรงบันดาลใจ นอกจากนี้ การบริหารแบบมีส่วนร่วม ความโปร่งใส การทำงานเป็นทีม ที่สำคัญต้องสร้าง Corperate Culture ให้สามารถอยู่ใน Global Culture ได้

การมอง HR เป็นยุทธศาสตร์ 7 แนวทาง

1. องค์กรและผู้นำจะต้องมีปรัชญาในการบริหาร โดยเน้นคนเป็นสำคัญ

2. จะต้องมี Vision วางแผนคนให้สอดคล้องกับอนาคตของธุรกิจ อีก 10 ปี หรือยาวกว่านั้น จะเตรียมบุคลากร สร้างทรัพยากรมนุษย์ และเก็บรักษาอย่างไร

3. การลงทุนในการสร้างศักยภาพของคน เรียกว่า Learning Organization รวมถึงสร้างบรรยากาศการเรียนรู้คล้ายมหาวิทยาลัยหรือทำหน้าที่ได้ดีกว่า

4. การเพิ่ม Productivity ให้องค์กร คนต้องได้รับแรงจูงใจให้มีอิสรภาพในการทำงาน พอใจระบบเศรษฐกิจเสรี

5. ตอบคำถามว่าจะนำเอา Information and Communication Technology มาสนับสนุนการทำงานหรือไม่

6. ต้องให้คนมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี การทำงานและการดำรงชีวิตต้องไปด้วยกัน

7. ต้องสร้างบุคลากรให้เข้าสู่สังคมโลกาภิวัฒน์ให้ได้ด้วยการสร้าง Global Knowledge ภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ การวิเคราะห์วิจัย ความสามารถในการใช้ IT

ปัจจัยที่จำเป็นต่อการพัฒนา HR

1. คุณภาพของคน มีอิสระในการเลือกคนเก่ง คนดีเข้ามาทำงาน

2. ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต้องเชื่อว่า การพัฒนา HR คือ หลักการทางธุรกิจที่สำคัญ

3. ทัศนคติของฝ่ายจัดการ ต้องมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาว

4. การปลูกฝังให้พนักงานพัฒนาตนเอง

การวัดความสำเร็จของ HR

1. วัดจาก Outcome มี Value เพิ่มขึ้น

2. พนักงานมีความสามารถบนพื้นฐานคุณภาพชีวิตที่ดีและสังคมประเทศชาติได้ประโยชน์

บันไดแห่งความเป็นเลิศ ด้าน HR

1. เริ่มจาก Good ideas – Action – สู่ผลสำเร็จ คือ Plan, Do, Chec, Act

2. จัด Priority คือ ต้องมี Focus

3.ทำโดยมี Participation ของทุกคน ทุกระดับ คือ สร้างวัฒนธรรมการทำงานเป็นทีม

4.ทุกโครงการต้องมีผู้เป็นเจ้าของ คือมี Ownership

ทั้งนี้ การบริหารและจัดการ HR and non HR ขึ้นอยู่กับ สภาพแวดล้อม วัฒนธรรมองค์กร และบรรยากาศในการทำงาน และเน้นให้พนักงาน happy,enrich and motivated เรียกว่า paradox of HR คือเมื่อรุกแล้ว ต้องเตรียมรับมือกับผลข้างเคียงด้วย

การเป็น global Citizen ต้องมีคุณสมบัติ

1.ความคล่องแคล่วภาษาไทย ภาษาอังกฤษ 2.เทคโนโลยี 3. คุณธรรม

คนยุคใหม่ต้องสามารถ translate acquired data into Useful information and transform this information into knowledge as a basis for improved decisionmaking anytime anywhere

--------------------------------------

หนังสือที่อ.ดำเกิงแนะนำ By Steven Covey

7 Habits of Highly Effective People

1. นิสัย Proactive หรือ การรู้และเลือกด้วยตนเอง ไม่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของความเคยชินเดิม ๆ

2. Begin with the End in Mind หรือ การมีเป้าหมายที่ชัดเจนแน่นอน และมีหลักการต่าง ๆ ในการใช้ชีวิตและภาพลักษณ์ที่ต้องการ

3. First Thing Frist หรือการบริหารเวลาให้ถูกต้อง ใช้เวลาให้มากกับเรื่องไม่ด่วน แต่มีความสำคัญ

4. นิสัยการคิดแบบ win/win ตั้งบนหลักการแบ่งปันผลประโยชน์ให้คนอื่นด้วย

5. หัดเข้าใจคนอื่น ก่อนที่จะเรียกร้องให้คนอื่นมาเข้าใจตน Communication Skills สำคัญคือการฟัง

6.การยอมรับความแตกต่างของคนอื่น ทำให้คนเราสามารถทำงานร่วมกันได้เป็นทีม

7. นิสัยการแบ่งเวลาเพื่อใช้ในการฟื้นฟูพลังชีวิต คือ พลังกาย พลังใจ พลังความคิด พลังจิต

-------------------------------------------

ความรู้ที่ได้รับและการนำมาเชื่อมโยงเพื่อประโยชน์ในการทำงานและองค์กร

1.ตระหนักเกี่ยวกับ Human Resources

- คนเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์กร วัตถุสิ่งของมีแต่จะเสื่อมค่าลง แต่คนหากได้รับการพัฒนาจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นตลอดไป , ทรัพยากรมนุษย์ ไม่ใช่ต้นทุนแต่เป็นกำไร องค์กรจะยั่งยืนต้องมี Culture Learning , การทำงานร่วมกันเป็นทีม จะเป็น 1 + 1 มากกว่า 2 หรือสองหัวดีกว่าหัวเดียว , ความจงรักภักดีต่อองค์กรต้องสร้างศรัทธาก่อน

2.ตระหนักถึง การเป็นผู้นำที่ดีควรมีลักษณะดังต่อไปนี้

- มี Vision มองเห็นอนาคตว่าจะเดินไปทางใหน รู้ปัญหาล่วงหน้าและป้องกัน , สร้างทีมเวิร์คได้ มี Connection ที่ดี , คิดแบบ win/win ประสานผลประโยชน์ ไม่ใช่ Zero sum Game , สามารถ Motivate ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เป็นอย่างดี , กล้าตัดสินใจ กล้าทำสิ่งท้าทายความสามารถ , เป็นตัวอย่างที่ดีในทุกด้าน เช่น ความอดทน สติปัญญา ภาพลักษณ์ , มีความยืดหยุ่นสูง พร้อมเปลี่ยนแปลงตามยุคโลกาภิวัฒน์ , สร้างความศรัทธาหรือความจงรักภักดีให้เกิดในองค์กรได้ , มี Creative Thingking มีความเป็น Blue Ocean , มีความรู้ด้านวิเคราะห์วิจัย ภาษาต่างประเทศ ด้าน IT , มีคุณธรรมจริยธรรม , มีทัศนคติต้องการเรียนรู้ตลอดชีวิต , เข้าใจเรื่อง Human Resources เป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาองค์กร , สามารถสร้าง Learning Organization

3.มีความรู้เรื่องการบริหารสัมพันธ์กับลูกค้า Apply กับเครือข่ายขององค์กร

- ลูกค้าที่ให้ผลประโยชน์กับเราควรรักษาไว้ ถ้ายังไม่มีความสัมพันธ์กับเรา ต้องดึงมาและรักษาความสัมพันธ์ไว้ทุกรูปแบบ ด้วยหลัก Empathy , I Care และเป็น Customer and Service Oriented , สร้าง Value ,win-win, Satisfaction กับลูกค้า และ มีทัศนคติ Customer is the King

4. มีความรู้เรื่องความสำเร็จและความสุขของชีวิต

- ควรมีหลัก IQ =ความเก่ง EQ=ความสุข AQ=ความสำเร็จ MQ=ความดี HQ=ความแข็งแรง SQ อัจฉริยภาพสูงสุด ,การเข้าใจตนเองคือการวิเคราะห์ตนเอง การจัดการกับอารมณ์ตนเองได้ จูงใจตนเอง ร่วมรู้สึกอารมณ์ผู้อื่น เป็นผู้ฟังที่ดี มีทักษะทางสังคม สร้างการยอมรับและศรัทธา การบริหารความขัดแย้ง ความสามารถสร้างทีม

5.การปรับตัวเองกับยุคโลกเปลี่ยนแปลง และ Blue Ocean Strategy ในการทำงาน

- ปัจจุบันข้อมูลมีมากเกินไป คือ จริง/ลวง ต้องมีการกลั่นกรองและลำดับความสำคัญ การวิเคราะห์ที่ดี คือ ข้อมูล 20% เห็นความจริงล่วงหน้า 80 % , หรือวิเคราะห์ 70-80 % เพื่อเห็นสัญญานเท่านั้น ,ปัจจุบันโลกเป็นสังคมความรู้ข่าวสาร (โลกแบน) ต้องการคนสมอง Organic มากที่สุด , ต้องเรียนแบบวิเคราะห์ ตั้งคำถาม Why Why แพ้หรือชนะอยู่ที่ระบบความคิด,Applyในองค์กร คือ มีข้อมูล – ศึกษาข้อเท็จจริง – เป็นประโยชน์ – นำไปใช้ประโยชน์ , เรียนรู้เทคนิค Game Theory Concepts เช่น Zero,Positive,Negative and Sequential sum Game ,เรียนรู้ Blue Ocean Concepts คือ การสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อสร้างโอกาสใหม่ Apply โดยบูรณาการ พัฒนา ปรับปรุงคุณภาพงานให้ดียิ่งขึ้น

6.มีความรู้เรื่องการวางแผนเชิงกลยุทธ์

- องค์ประกอบคือ วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ กลยุทธ์ แผนปฏิบัติการ องค์ประกอบที่ดีของแผน เช่น การทำ Swot ได้ถูกต้อง มีแผนระยะยาว กลาง สั้น แผนต้องสัมพันธ์กัน และท้าทาย ,การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายนอกได้ถูกต้อง ต้องมีข้อมูล องค์ความรู้ ระบบคิด, การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมภายในได้ถูกต้อง ต้องมี KPI Benchmarking มิติใหม่ น้ำหนัก อัตตาลูกค้า

7.มีความรู้การบริหารเชิงคุณภาพของหน่วยงานภาครัฐแนวทางของ PMQA

- ตัวผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ คือ การนำองค์กร - แผนยุทธศาสตร์และกลยุทธ์- ให้ความสำคัญผู้รับบริการ - วัด วิเคราะห์และจัดการความรู้ - เน้นทรัพยากรบุคคล-จัดการกระบวนการ - ผลลัพธ์ คือ ประสิทธิผล คุณภาพ ประสิทธิภาพ พัฒนาองค์กร,มีความรู้ค่านิยมหลักขององค์กรที่เป็นเลิศ คือ มีวิสัยทัศน์ รับผิดชอบต่อสังคม เห็นคุณค่าพนักงานและคู่ค้า มุ่งเน้นอนาคต คล่องตัว การเรียนรู้ขององค์กรและบุคคล จัดการเพื่อนวัตกรรม ใช้ข้อมูลจริง เน้นผลลัพธ์และคุณค่า มุมมองเชิงระบบ

8.มีความรู้เรื่อง Mind Map

- Apply เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การนำเสนองาน วางแผน ตัดสินใน การวิเคราะห์เชิงคุณภาพ การศึกษา ความจำที่ดี จัดระเบียบข้อมูล ฝึกสมองให้คิดเป็นระบบ ฝึกสมาธิ, มีความเข้าใจการทำงานของสมองซ้ายขวา, ด้านความจำ จินตนาการแปลกจะจดจำง่าย ช่วงแรกและช่วงสุดท้ายจะจำง่าย การอ่านหนังสือ 2 ชม.ควรพักเพื่อประสิทธิภาพความจำ, ฟุ้งซ่านให้เกิดประโยชน์สร้างจินตนาการเชื่อมโยงความจำ

9.มีความรู้เรื่องการพัฒนาทุนทางจริยธรรมในองค์กร

- แนวความคิดคือ การเกิดขององค์กรเพื่อผลเชิงบวกต่อสังคม มองภาพระดับมหภาคโดยการมองให้กว้าง คิดให้ไกล ใฝ่ให้สูง แสวงจุดสมดุลระหว่าง คน สิ่งแวดล้อม/ทรัพยากร กำไร ความศรัทธา มองโลกและองค์ความรู้เป็นทรัพยากรส่วนรวม ควรแบ่งปัน ช่วยกันรักษา ตั้งบนพื้นฐานคุณธรรม ความเป็นจริง มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม สร้างบรรทัดฐานใหม่ในวงการ

10. มีความรู้เรื่อง Creative Thingking อย่างเป็นระบบ

- การมีข้อมูลถูกต้อง โลกเปลี่ยนแปลงเร็ว ต้องใช้จินตนาการ ต้องใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์, 4C เพื่อประโยชน์สูงสุด Control Communication Command Computer , การวางยุทศาสตร์ ยุทธวิธี โดยมีข้อมูลข่าวสารมาสนับสนุนอย่างเป็นกระบวนการ (MIS Management Information System),การเปลี่ยนจาก Functional เป็นใช้ Emotional การใช้ Original Design การใช้Original Brand(ทุนสูงสุดของชาติคือทุนทางวัฒนธรรม)ทั้งหมดเติม Creative Thingking เป็น New Economy , การขาดจินตนาการคือขาดสิ่งสำคัญในชีวิต, การใช้ความแตกต่างให้เป็นประโยชน์ , เป็น Entrepreneurial Mindset , มีความรู้เรื่อง Trend ของโลก คือ การเงิน เทคโนโลยี โครงสร้างประชากร สิ่งแวดล้อม พฤติกรรมผู้บริโภค , ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันประกอบด้วย รัฐบาล เอกชน การศึกษา , การนำความคิดสร้างสรรค์มาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือTalents - Value Created - Wealth - Constructive Environment , ความคิดสร้างสรรค์มาจาก Expertise – Creative Thingking Skills – Creativity Motivation ,ปัจจุบันศึกษาเป็น Self คือ Ethics, Practice and Technologies of the self

----------------------------------------------------------------------------

ความรู้ที่ได้รับ : High Performance Organization (HPO)

การสร้างองค์กรสู่ความเป็นเลิศ องค์ประกอบคือ

1.ปรับโครงสร้างองค์กร 2.กระบวนการทำงานไม่ยึดกฎระเบียบเกินไป 3.กฎระเบียบ แก้ไขโดยมียุทธศาสตร์ แผนงาน โครงการ 4.คน (สำคัญที่สุดของ HPO) รายบุคคลสำคัญ ,ทีม คือ ร่วมมือ ประสาน สร้างผลงาน

เปลี่ยนวัฒนธรรมคนไทยที่ไม่ชอบเรียนรู้ คือ

เรียนรู้ด้วย Knowing – Understanding - Learning – Passion

1. การรับรู้ 2. คิดเชิงวิเคราะห์ 3. Thingking คือทำ Swot ให้ตัวเอง 4. Learning

- การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่สำเร็จ ต้องเปลี่ยนที่คน คือ เปลี่ยนค่านิยม

High Performance (HP)ในบุคคล ดังนี้

1. เรียนรู้ ไม่ใช่ รับรู้ 2. พร้อมเสนอความคิดเห็นต่างจากคนอื่น

3. สร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับลูกน้อง 4. มี Share Value ในการทำงานร่วมกัน

คือ Share vision และ Strategy 5. ดูแลลูกน้องทำงาน ต้องดูแลชีวิตด้วย

6. Total Quality Management การบริหารคุณภาพทั้งองค์กร ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม

- ถามตัวเองว่าเราเป็น HP แล้วหรือยัง การมี HP หลายคน องค์กรจะเป็น HPO

องค์กรจะเป็นเลิศ คือ

1.สร้างผลตอบแทนสูงกว่ามาตรฐานอย่างต่อเนื่อง

2.กำหนดมาตรฐาน ใน Trend เดียวกัน

การรู้ว่าเป็น HPO คือ

1.โดดเด่นในความเป็น Leadership

2. มีนวัตกรรมเป็นของตัวเอง

3. ต้องมีการจัดการความรู้ โดยปรับเปลี่ยนตัวเอง มีการแบ่งปันความรู้ เช่น หนังสือ 7 Habits

4. การนำเทคโนโลยีมาช่วย เพื่อสร้างความแตกต่าง

5. การนำปฏิบัติการสู่ความเป็นเลิศ

หรือ Thailand Quality Award คือตัวชี้วัดได้

การประยุกต์ใช้เพื่อให้เป็น HOP

1. องค์กรต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน 2.มีพันธกิจต่อ ลูกค้า คู่ค้า สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม

3.ค่านิยม คือความเชื่อที่คิดเหมือนกัน ถ้าทำเป็นลัทธิได้จะดี

ตัวอย่างที่ดี คือ ปตท. (ติดอันดับ 140)

1. ผลการดำเนินงานให้เป็นเลิศ 2.ความรับผิดชอบต่อสังคม 3.จริยธรรม

4.ความเคารพกัน 5.Spirit ทั้งคนเก่ง+ดี

- การสร้าง Capability คือ People Process Technology ในปตท.

- การจะกำหนดความเป็นเลิศ ต้องดูว่าอะไรคือ บุคลิก แรงผลักดัน ต้องดูคน

------------------------------------------

ความรู้ที่ได้รับ:การใช้ IT เพื่อการเรียนรู้ยุคใหม่

- ความสำเร็จขององค์กรเราต้องทราบว่าปัจจุบันเราอยู่ตรงใหน แล้วเราจะไปใหน ไปอย่างไร เพื่อความสำเร็จขององค์กร

การแก้ไขปัญหาเรื่อง IT ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

1. มีคนเก่งมีความรู้แก้ปัญหา 2. มีระบบ IT ไม่เกิน 2 ปี 3. มี Expert มาช่วย มีระบบกลไกพิเศษ

โลกยุคใหม่ คือความรู้ที่เรียนจะมีคุณค่าน้อย ความสามารถในการวิเคราะห์จะเป็นสิ่งสำคัญกว่า เพราะข้อมูลมีมากเกินไป ไม่สามารถแยกแยะได้ จริง/ลวง

ปัจจุบันบุคคลต้องมีคุณสมบัติดังนี้

1. ทักษะการวิเคราะห์ ตัดสินใจ

2. ต้องมีทัศนคติเรียนรู้ตลอดชีวิต ต้องประยุกต์ความรู้ (ไม่ใช่นักจำ)และความรู้ที่ได้รับต้อง Interaction กับของจริง

3. มีทักษะที่เป็น Soft Skill การสื่อสาร การต่อรอง ความร่วมมือ (การต่อรองต้องทำข้ามหลายภาษาได้ ปัจจุบัน ผู้บริโภคและผู้ผลิตเป็นคนเดียวกัน)

ปัจจุบันต้องมีทักษะ IT คือ

ใช้อย่างไร รู้อย่างไร ค้นหาความรู้ที่ใหน ใช้ความรู้อย่างไร เก็บรักษาอย่างไร

Security มี 3 ส่วนที่สำคัญ

1. เทคโนโลยี 2.คนที่เกี่ยวข้อง ผู้ดูแลระบบ 3.กฎ กติกา

- เทคโนโลยีพัฒนาไปถึงใหนแล้ว และเราจะ Protect อย่างไร

เช่น Server คือ หัวใจหลักของ IT ถ้าเอาไวรัสไปปล่อยระบบจะล่ม

- ปัจจุบันมี Virus 2 ตัว 1.Business Virus (เพื่อขาย Anti -Virus)2. Political Virus

------------------------------------------

ขอบคุณพี่busaba

เป็นอย่างมากครับ

ที่ส่งข้อมูลที่พี่busabaรวบรวมใหม่

good idea ดีครับ

และยื่นยันว่าจะ take action ครับ

ถึง ทุกท่าน

เมื่องาน สัมมนาวันที่ 27 ที่ผ่านมา ได้มีสรุป จากผู้เข้ารับการอบรม ว่า "ได้รับอะไรจากสัมมนา" ใส่กระดาษ ครึ่งแผ่น ไม่ทราบอยู่ที่ฝ่ายวิชาการ คนไหน (ขอรบกวนให้พิมพ์ขึ้น Blog ด้วยนะค่ะ) ที่สามารถเผยแพร่ได้ค่ะ อาจารย์จีระ อยากอ่านความคิดเห็นจากการสัมมนาเมือวันก่อนแล้วค่ะ

หรือถ้าไม่สะดวกขึ้น Blog ก็ส่งพิมพ์แล้วส่ง E-mail. มาให้เอขึ้นให้ก็ได้ค่ะ ที่ E-mail: [email protected]

ขอบคุณค่ะ

ปล. วันศุกร์นี้ถ้าการบ้านจากอ.จีระ ส่งมาจะนำขึ้น Blog ให้ทันทีค่ะ (อย่าลืมอ่านความคืบหน้าทาง Blog นะคะ)

ถึง คุณเชษฐ์

ไม่ทราบว่าสรุปเมื่อวันที่ 27 พ.ย.52 เสร็จหรือยังคะ ช่วยกรุณาส่งให้ทาง E-Mail ด้วย อยากอ่านจริง ๆ เห็นเป็นคนขยันนะเนี่ย เลยถามมา ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เรียน คุณศิริลักษณ์

ผมส่งรายละเอียดทั้งหมดที่มีในตัวผมให้คุณศิริลักษณ์ฯ แล้วนะครับ ทาง E-Mail ขออภัยที่ไม่ได้บอกช่องทางส่งตั้งแต่ต้น

หวังว่าศิริลักษณ์ฯ จะนำไปดำเนินการตามที่ร้องขอนะครับ ยิ่งทราบว่าท่านอาจารย์จีระฯ มีการบ้านให้อีก แล้วต้องส่งวันพุธด้วย

ลมแทบจับ ขอตัวไปเสพยาลมตราห้าเจดีย์ ผสมฤษีทรงม้าก่อนนะครับ จะเอาอยู่มั้ยเนี่ย

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

เรียน ท่าน อจ.จีระ และสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

ดีใจมากที่ อจ.จีระ ยังแวะเข้ามาสั่งการบ้านเพิ่มเติมให้เราได้ฝึกสมองประลองปัญญากันอีกหนึ่งยก พวกเราสู้ไม่ถอยอยู่แล้ว เพราะหลังพิงกำแพง หากสมาชิกท่านใดทราบแล้วช่วยบอกต่อเพื่อนๆ ด้วยให้เข้ามาอ่านโจทย์ทาง Blog วันนี้ผมเจอพี่นิศารัตน์ ได้ร้องขอให้เพิ่มช่องทางการติดต่อทาง Intranet อีกทางหนึ่ง

วันนี้ผมมีข่าวดีมาแจ้งให้เพื่อนๆ ทราบว่าในวันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม 2552 เสื้อที่เราสั่งตัดจะมาส่งแล้ว ประมาณบ่ายสองโมงเย็น ขอทุกท่านพร้อมรับโดยทั่วกัน ได้ทั้งเสื้อแจ็กเก็ตและเสื้อกึ่งสูท และอีกข่าวก็คืออ่านป้ายโฆษณาการร่วมร้องเพลงพระราชนิพนธ์ในวันที่ 3 ธ.ค.52 เห็นรายชื่อ "พี่หนูแหม่ม รองประธาน/ฝ่ายวิชาการ คนสวยของพวกเรา" เข้าร่วมกิจกรรมด้วย (ผมกะว่าจะไปร่วมกิจกรรมด้วย ถ้าสมัครทัน เพื่อการมีส่วนร่วม) ขอเชิญทุกคนไปร่วมสมาชิก Talented กันด้วยเด้อครับ..

สำหรับองค์ความรู้ที่จะนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวันนี้ คงเป็นเรื่องที่ผมได้มีโอกาสติดตามคณะผู้อำนวยการสำนัก/กอง ที่เดินทางไปรับฟังการชี้แจงการประเมินผลการปฏิบัติราชการและการกำหนดแนวทางการจัดทำตัวชี้วัด ที่สำนักงาน ก.พ. ขอบอกได้เลยว่าพวกเราสามารถเดินหน้ากันต่อได้แล้วเกือบทุกสำนัก/กอง และสำนักงาน ก.พ. มีความห่วงใยเรื่องที่บรรดาข้าราชการจะได้คะแนนไม่เกิน 3 หรือร้อยละ 60 เพราะมิฉะนั้นจะไม่ได้เลื่อนเงินเดือน

สุดท้ายขออนุญาตขอรับการสนับสนุนข้อมูลเพิ่มเติมทาง Blog นี้เลยนะครับ แยกเป็นข้อๆ ดังนี้ 1) ท่านใดมีภาพถ่ายขอให้ใส่แผ่น CD ส่งมาให้ด้วย 2)ท่านใดรับปากว่าจะสรุปรายงานช่วง Public Seminar 3)ขอเร่งด่วนคือภาพถ่ายของ ดร.พจน์ (ส่งด่วนจ้า) 4)ใครรับจะดำเนินการใดที่จะนำมารวบรวมในเอกสารฉบับสมบูรณ์ ส่งมาได้แล้วจ้า ...เพราะว่าผมต้องรวบรวมทุกอย่างใส่แผ่น DVD ส่งให้พวกท่านทุกคน เพื่อรำลึกและจดจำในสิ่งดีๆๆในวันวานตลอดไป

ู^@^ดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย สนใจตัวเองให้มาก...เพื่ออะไรเหรอครับ...Change ไหงครับพี่น้อง^@^

แจ้งข่าวการจัดการจราจรเนื่องในวันเฉลิมฯ 5 ธันวาคม 2552

การจัดการจราจร กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 82 พรรษา 5 ธันวามหาราช ระหว่างวันที่ 1 - 13 ธ.ค.นี้ ว่า การจัดงานแบ่งเป็น 3 ส่วน

ส่วนที่ 1 จัดที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง วันที่ 1-7 ธ.ค. เวลา 06.00-24.00 น. ไม่ปิดการจราจร

ส่วนที่ 2 จัดบนถนนราชดำเนินกลาง และถนนต่อเนื่อง ปิดการจราจร ถนน 9 สาย

วันที่ 2 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. เพื่อซักซ้อมการจัดงาน

วันที่ 3-7 ธ.ค. เวลา 18.00-24.00 น. ได้แก่

1. ถนนราชดำเนินจากแยก จปร. ถึงแยกผ่านพิภพ

2. ถนนนครสวรรค์ แยกจักรพรรดิ พงษ์ ถึงแยกผ่านฟ้า

3. ถนนหลานหลวง แยกหลานหลวง ถึงแยกผ่านฟ้า

4. ถนนพระสุเมรุ แยกสะพานวันชาติ ถึงแยกป้อมมหากาฬ

5. ถนนมหาชัย แยกป้อมมหากาฬ ถึงแยกสำราญราษฎร์

6. ถนนบริพัตร แยกผ่านฟ้า ถึงแยกถนนดำรงค์รักษ์

7. ถนนดินสอ แยก กทม. ถึงแยกสะพานวันชาติ

8. ถนนตะนาว แยกศาลเจ้าพ่อเสือ ถึงแยกคอกวัว

9. ถนนตานี แยกคอกวัว ถึงแยกสิบสามห้าง

ส่วนที่ 3 งานที่บริเวณ ลานพระบรมรูปทรงม้า วันที่ 5-13 ธ.ค. ปิดการจราจร 4 เส้นทาง เวลา 17.00-21.00 น.

1. ลานพระราชวังดุสิต

2. ถนนอู่ทองใน

3. ถนนราชดำเนิน แยกพระรูปถึงแยกสวนมิสกวัน

4. ถนนศรีอยุธยา แยก พล. 1 ถึงแยกวัดเบญจฯ

สำหรับทางเลี่ยง

1. จากฝั่งธนบุรีมุ่งหน้า ฝั่งพระนคร ใช้ สะพานพระราม 8 เลี้ยวซ้าย เข้า ถนนราชสีมา หรือ ตรงไป ถนนจักรพรรดิพงษ์ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ให้ตรงเข้า ถนนอัษฎางค์ ถนนราชินี

2. จากฝั่งพระนคร มุ่งหน้า ฝั่งธนฯ ใช้ สะพานกรุงธนฯ สะพานพระราม 7 สะพานสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า สะพานพระปกเกล้า

3. ส่วนทางด่วน ควรลงทางด่าน พระราม 6 หรือ อนุสาวรีย์ชัยฯ

อยากบอกว่า คิดถึงพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ Talented ทุกคนนะค่ะ งั้นขอฝากความคิดถึงนี้ไปกับสายลมแห่งฤดูหนาวนี้แล้วกัน รับไว้ด้วยนะ อิ อิ อิ ตอนนี้รูปถ่าย พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่รับประกาศอยู่ที่หนูนะค่ะ เดี๋ยวหนูจะนำไปให้ประธานติ่งจัดการ แล้วส่งไปให้ทุกคนค่ะ

ส่วนเรื่องการบ้านอย่าลืมทำส่งอาจารย์กันด้วยนะค่ะ อาจารย์คงมีมาให้พวกเราทำเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เราลืมการเรียนรู้งัย สู้ สู้

น.ท.หญิง กิติยา เทวะประทีป

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

- การมาฟังบรรยาย/สัมมนาครั้งนี้ได้รับทราบว่าผู้นำไม่ใช่ผู้บริหารสูงสุด แต่เป็นทุกๆ คนในองค์กรสามารถเป็นผู้นำได้ กำลังพลเป็นสินทรัพย์ขององคืกร หากเราพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เป็นประโยชน์ต่อองคืกร - ได้รับทราบว่าวัฒนธรรมองค์กรใฝ่รู้ ---> เพื่อมุ่งไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ต่อไป

- ชอบหลักสูตรนี้เพราะ 1. วิธีการเรียน 2. บรรยากาศเรียน 3.โอกาส 4. communities ทำให้ผู้ผ่านการอบรมสามารถนำความรู้ไปปฏิบัติงานได้จริงกว่าการเรียนแบบรูปแบบเดิม

พ.ท.จริง ทีเกาะ บมจ.การบินไทย

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ คือ หลักการบริหารที่ต้องทำในปัจจุบันของทุกหน่วยงานคือ การบริหารคน ---- ยาก การบริหารความหลากหลาย --- ยากมาก การบริหารความขัดแย้ง---ยากมากมาก

พวงทอง บุญทรง กรมวิชาการเกษตร

ประโยชน์ที่ได้รับจากการสัมมนาครั้งนี้คือ

1. แนวคิดในการพัฒนาตนเอง เพื่อให้อยู่รอดในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างสนุกในการรู้เท่าทันและปรับตนเองให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ

2. ช่วยเสนอแนะฝ่ายฝึกอบรมของกรมวิชาการเกษตรให้เห็นคุณค่าของการพัฒนาทุนมนุษย์ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้นักวิจัยทำงานเป็นทีม

It’s true if you want to develop yourself, but only if you see the world on the bright side and already be cheerful. Some has no confidence and brave’ They cannot do these easily. 

Personal Development

-          Ethic Thinking             

-          Positive Thinking

-          Creative Thinking

-          Organic Thinking

It’s true if you want to develop yourself, but only if you see the world on the bright side and already be cheerful. Some has no confidence and brave’ They cannot do these easily. 

Working as at Team

 “ตั้งใจ เปิดใจ จริงใจ ให้เกียรติ”

-          This will succeed if every member do that

In the case that we all have ego and pride. No one wants to listen. Especially, these elder chiefs, some suggestion from the inferiors seem to be as they are painting their mistake. It would be very rude.    

Suggestion

-          Ego and Pride are the big obstacles of change, and everyone posses them. Though we give them the respect, some may not return the respect to us back, but the arrogance thinking they’re so good so cool.

-          Politic men are those we need this kind of training the most. If you teach them to concern to the people’s feeling, the country would be better.

พรทิพย์ บุญทรง/สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง มีขั้นตอนที่ชัดเจนขึ้น ที่ผ่านมาตนเองจะสนใจใฝ่รู้เฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องกับการทำวิจัยโครงการเท่านั้น และนำมา share กันในกลุ่มงานเดี่ยวกัน แต่ยังขาดการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดทิศทางในการสร้างคุณค่าจากองค์ความรู้เหล่านั้นให้เป็นประโยชน์กับตนเอง และองค์กรด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

จิตรการ กาญจนเลขา

จิตรการ กาญจนเลขา

มหาวิทยาลัยเกริก

เห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ของ สนง.ข่าวกรองแห่งชาติ ที่มีโอกาสได้อบรมจาก อ.จีระ และมีโอกาสที่มีจุดประกายของการหาแนวร่วมจากองค์กรต่างๆ ทั่วประเทศ และเห็นโอกาสขององค์กรอื่นๆ ที่อยากเห็นประเทศเจริญ โดยผ่านช่องทางการเป็นแนวร่วมกับ สนง.ข่าวกรองแห่งชาตินั่นเอง

น.อ.ชูชาติ บุญชัย กรมข่าวทหารอากาศ

-ผมชื่นชมในความริเริ่มและวิสัยทัศน์ของ สขช. เกี่ยวกับเรื่องการสร้างคนให้เป็นทุนขององค์การ นับเป็นเรื่องที่ดีมาก และจากความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับความสำคัญของเครือข่ายด้านการข่าว

-ผมจึงมีข้อเสนอแนะว่า สขช.ในฐานะหน่วยงานหลักและผู้นำด้านการข่าวกรองของประเทศ น่าจะเป็นเจ้าภาพในการจัดหลักสูตรลักษณะนี้เพื่อสร้างผู้นำยุคใหม่ของหน่วยงานด้านการข่าวในลักษณะบูรณาการทุกหน่วยงานของประชาคมข่าวกรอง ซึ่งการทำเช่นนั้นจะทำให้เรามีเครือข่ายที่เข้มแข็งอย่างแท้จริง

พ.อ.กิตติภพ กัณฑศิลป์

พ.อ.กิตติภพ กัณฑศิลป์

กรมข่าวทหารบก

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ทำให้ทราบว่าองค์กรงานด้านการข่าว “สขช” เป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการสร้างผู้นำยุคใหม่ ซึ่งได้เห็นถึงความตั้งใจ ความหวัง และวิสัยทัศน์ของผู้สัมมนา ผมหวังว่า สขช. จะเป็นองค์กรด้านการข่าวที่เป็นหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพต่อไปภายใต้ผู้นำยุคใหม่

พ.อ.หญิง นิตยา มั่นมงคล

พ.อ.หญิง นิตยา มั่นมงคล

กรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ คือ การทำงานได้ดีต้องรู้จักสร้างคนที่มีคุณภาพปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาพงาน คนรุ่นใหม่ต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ความรู้ และมีทักษะ

กมลธรรม แก้วบุญทอง

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

สิ่งที่ได้ – 1. แนวคิดในการพัฒนาตนเอง ให้สำรวจตนเองว่าเหมาะสมกับงานประเภทใด และต้องพร้อมปรับเปลี่ยนตนเอง และให้คิดในเชิงบวกพร้อมทั้งทำงานด้วยความสุข

2. สิ่งที่อยากขอรับทราบคือความสอดคล้องระหว่างการศึกษาของด้านวิชาการกับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ดีฯ ตามแนวพระราชดำริ ทำได้อย่างไร เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

ศศิสุภา สังวริบุตร

ศศิสุภา สังวริบุตร

PHD..เกริก นิเทศนวัตกรรม

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

-โอกาส

-องค์ความรู้ใหม่ๆ อย่างเป็นระบบ

HR , ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง , ความสำคัญของบุคลากร, ทรัพยากรมนุษย์

-การข่าว วิธีการบริหารโดยสังเขป

-แนวคิด 3 T ของการ Trust – เชื่อมั่น ศรัทธา ไปทิศทางเดียวกัน

Team – ความร่วมมือ

Tomorrow – วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีของวันพรุ่งนี้

-Risk เพิ่มขึ้นทุกวัน และปรับตัวให้สับสน ซับซ้อนยากขึ้นเรื่อยๆ

วิธีรับมือกับ Risk -- ใฝ่รู้, เปิดโอกาส วิเคราะห์ ยืดหยุ่นสูง , รู้เท่าทัน เพื่อสกัดและยับยั้ง

-Training กับ Learning / รู้รับฟัง ไม่เพียงแต่ Commnad แล้ว Control

-มีปริญญา ต้องมีปัญญา

-ทฤษฎีไม่ใช่เพียงเพื่อรู้ / ต้องรู้วิธีเอาไปปฏิบัติ

*นวัตกรรม ทางความคิด อย่างเป็นระบบ และนำไปใช่ ปฏิบัติ

สมรรถ พุ่มอ่อน

ฝ่ายความมั่นคงการบิน บมจ.การบินไทย

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา เรื่อง การสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่สำนักข่าวกรองแห่งชาติ คือ

ประเทศมีปัญหาเรื่องการสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติในแต่ละด้านทั้งในระดับประชาชนและราชการ ทำอย่างไรจึงจะสร้างการตระหนักรู้ จนถึงระดับ “วัฒนธรรมความมั่นคงของชาติ” ได้

น.ท.สุรวัฒน์ ธรรมศิริ

น.ท.สุรวัฒน์ ธรรมศิริ

ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนา คือ ความหลากหลายทางแนวความคิดที่จะนำไปสู่การพัฒนาองค์กรและทฤษฎีการพัฒนาองค์กรที่ไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน, ได้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นต่อการเริ่มต้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจากตัวเอง

พล.ต.ต.หญิง สร้อยสุรางค์ ศิริรณรงค์

พล.ต.ต.หญิง สร้อยสุรางค์ ศิริรณรงค์

กองบัญชาการตำรวจสันติบาล

สาระที่ได้จากการรับฟังการสัมมนาคือ การใช้ประโยชน์จากคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดัน/นำองค์กร ด้วยการกระตุ้นการให้มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

(ความจริงมีหลายประเด็น แต่ ศ.จีระ ต้องการเพียงเรื่องเดียว)

I think this blog should there are only positive opinions

and good solutions so that we will help us country reduce

the problem now such as red shirt ,yellow shirt .

Thank you so much

มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

ขอเชิญเข้าร่วมสัมมนา“ปัจจัยท้าทายประเทศไทยปี 2553 อยู่รอดหรือยั่งยืน?”

วันที่ 8 ธันวาคม 2552

ณ มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด แคมปัสพระรามเก้า 

มีรายละเอียดในลิ้งค์นี้

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/317427

    ขอขอบคุณทุก ๆ ท่าน ที่ร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านบล๊อกนี้นะค่ะ

       เที่ยงวันนี้เรากินข้าวด้วยความอร่อยมากขึ้นกว่าทุกวัน เพราะได้ฟังบทเพลงพระราชนิพนธ์ ซึ่งเข้าประกวดกันถึง 18 หมายเลข และที่สำคัญทั้งท่านประธานติ่ง และรองประธานพี่นู๋แหม่ม ก็เข้าร่วมประกวดด้วย (แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบผลคะแนนค่ะ) ช่วยส่งกำลังใจให้กับทั้งสองท่านด้วยนะค่ะ ไม่ว่าผลคะแนนจะออกมาอย่างไร แค่ได้ร้องเพลงพระราชนิพนธ์ให้พวกเราฟังก็ปลื้มแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆ

                

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

ต่อเนื่องจากข้อความที่ 637 ตอนนี้ผลการประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ออกมาแล้วจ้า...ผมได้รางวัลที่ 3 ส่วนพี่หนูแหม่มได้รางวัลชมเชย ตื่นเต้นมากเลยตอนร้องเพลง แต่ไม่เป็นเพื่อการมีส่วนร่วมเราต้องทำได้ทุกอย่าง

ขอบคุณทุกความคิดเห็นของเพื่อนในรุ่นและแขกผู้มีเกียรติทั้งในส่วนที่ได้มาร่วมงาน Public Seminar และที่ได้เข้ามาอ่าน Blog นี้ ถือว่าเป็นชุมชนแห่งความรู้ที่พร้อมจะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ซึ่งกันและกัน

สุดท้ายสมาชิกท่านใดมีภาพถ่ายขอให้ส่งแผ่นซีดีมาให้ผมด้วยนะครับ จะได้จัดเก็บข้อมูลแล้วส่งต่อให้พวกเพื่อนๆ โดยเร็ว และในวันศุกร์นี้จะได้รับเสื้อรุ่นกันแล้วครับ

คิดถึงเพื่อนเสมอ...วีรศักดิ์

ยินดีด้วยกับการผู้ที่ได้รางวัลในการประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ แต่คนที่ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเรามาร่วมสนุกกัน

วันนี้เห็นคุณนวลจันทร์ด้วยแหละดูแจ่มใสดี สวยกว่าทุกวันเลยนะคะเห็นว่ามีงานท้าทายใหม่ ๆ ใช่ไม๊คะ

นับจากจบหลักสูตรและเดินทางกลับถิ่นไกลปืนเที่ยง...มุกดาหาร...ดินแดนแห่ง 8 เผ่าชนพื้นเมือง และโต้ลมหนาว

ที่พัดจาก สควน. เสียหลายคืน พึ่งเปิดรับข่าวสารวันนี้ อย่างน้อยได้ทราบข่าวสารจากเพื่อน NIA-Talented-2009

ขอแสดงความยินดีกับ ปธ.ติ่ง/รอง แหม่ม ด้วย

มีข่าวสารใดๆ ในส่วนกลางขอความอนุเคราะห์เพื่อนพ้องน้องพี่ช่วยส่งข่าวมาเรื่อยๆด้วยครับ จะขอบคุณหลายๆ

มุกดาหาร จะจัดงานกาชาดห้วง 20 ธ.ค.52-2 ม.ค.53 ช่วงนี้เนื่องจากอากาศเย็น จึงพบสีสันของเสื้อผ้ามือสองสลับ

กับสายหมอกเล็กๆ ตอนเช้าพอหอมปากหอมคอ

ข่าวประชาสัมพันธ์ ข้อความที่ 636 น่าหาโอกาสไปฟัง..เน๊าะ

จาก..ผู้ใหญ่

อุไรวรรณ วัฒนาสกุล

ควรพัฒนาความรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อรับกับสิ่งใหม่ๆ เพื่อการพัฒนาตนเองและองค์กร

แนวคิดในการเป็นผู้นำยุคใหม่ที่ดีและมีประสิทธิภาพ

• ทรัพยากรมนุษย์เป็นเรื่องที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในทุกสังคม และสังคมทุกประเภท ความเชื่อมั่นว่าทุกคน (เจ้าหน้าที่) มีศักยภาพในการปฏิบัติงาน และดึงเอาคุณค่าเหล่านั้นออกมารับใช้งานข่าวกรอง (งานข่าวกรองต้องการองค์ความรู้ที่หลากหลาย) จะส่งผลให้งานข่าวกรองมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังทำให้เจ้าหน้าที่สามัคคีกันมากขึ้น ซึ่งจะสามารถหลอมรวมทรัพยากรมนุษย์-เทคโนโลยีและอื่นๆ

• ประทับใจที่อาจารย์กล่าวว่า ปริญญาไม่ใช่ปัญญา ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเอง และดึงเอาศักยภาพเหล่านั้นมาใช้ปฏิบัติงานได้ดียิ่งขึ้น

การทำให้คนมีการเรียนรู้คือการพัฒนาตัวเอง

พุ่งพงษ์ สุวรรณเลิศ

กุญแจสำคัญการเปลี่ยนแปลงพัฒนา HR คือ “ตัวเราเอง” เพื่อนำไปสู่ HR และองค์กร ปัจจัยสำคัญคือ “โอกาส” ที่ จนท.จะได้รับ

วิโรจน์ แก้วบุญทอง

มุ่งเน้นการพัฒนาคนให้เก่ง ให้เป็น Leader แต่หากขาดคุณธรรมแล้ว ย่อมไม่เกิดประโยชน์ อย่าลืมว่า ปัญหาเฉพาะหน้าของชาติในขณะนี้ เกิดจากคนขาดคุณธรรม (ไม่ใช่ขาดคนเก่ง)

การบริหารองค์กรให้ไปสู่เป้าหมาย นอกจากต้องมีแผนงาน/กระบวนการ ยังต้องตระหนักถึงการพัฒนาคน เพราะคนเป็นทรัพยากรอันมีคุณค่า หากไม่มีคนเป็นตัวขับเคลื่อนกระบวนการต่างๆ ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้

การบริหารคนต้องคำนึงถึงความมีส่วนร่วมเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่รู้สึกว่ามีส่วนร่วม การพัฒนาก็จะไม่บรรลุเป้าหมายได้

สิ่งที่ได้ความรู้จากการฟังสัมมนาคือ ประเทศไทยควรสร้างวัฒนธรรมการใฝ่รู้ให้แก่คนในชาติตั้งแต่เด็ก การอ่านหนังสือทำให้เกิดปัญญา เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของชาติในอนาคต แต่ในภาวะปัจจุบันการสร้างหรือปลูกฝั่งให้รักการใฝ่รู้ยังไม่เพียงพอ ต้องสอนให้คนในชาติรู้รักสามัคคีอีกด้วยคะ

• Team

การทำงานเป็นทีม เราต้องเริ่มจากตัวเรา ตั้งใจ มุ่งมั่น ไม่ใช่การปรับผู้อื่น

ทั้งนี้ การทำงานทุกอย่างต้องเริ่มที่ตนเองพัฒนา ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง และต่อเนื่องไปเรื่อยๆ

รัตนา พิมพ์ศักดิ์

- สิ่งที่ได้ในวันนี้คือมุมมองที่เปลี่ยนไปจากเดิม คือ เมื่อก่อนคิดว่าการรู้งานในหน้าที่ ทำให้ถูกต้อง และดีที่สุดก็เพียงพอแล้ว เพราะตัวเองเป็นแค่บุคลากรตัวเล็กๆ ซึ่งไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นอะไรต่อผู้บริหารในการขับเคลื่อนองค์กรหรือพัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไป

- เมื่อได้เข้ารับฟัง การสร้างผู้นำยุคใหม่ จึงรู้ว่าความคิดเดิม มันสมควรได้รับการเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว โดยเริ่มจากการ สำรวจตนเอง โดยเริ่มจากการเปลี่ยนความคิด ซึ่งหลังจากรับฟังการอบรม ก็ทำให้ความคิดเปลี่ยนไปมาก และหลังจากนี้คงต้องรีบกลับไปพัฒนาความคิด/ทักษะ ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับงาน และทุกสิ่งทุกอย่างรอบ ๆ ตัวที่มันเปลี่ยนแปลงไปทุกเวลา เพื่อให้เราอยู่ในสังคมนี้ต่อไปได้

- ขอบคุณที่ให้โอกาสเปิดมุมมองที่กว้างขึ้นและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสเรียนรู้กับอาจารย์จีระและทีมงานที่มีคุณภาพ

พรทิพย์ พุทธมิลินประทีป

- ระบบอุปถัมภ์ก็เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของสังคมไทย ไม่สามารถทำให้หมดไปจากสังคมไทยได้ แต่จะทำอย่างไรให้คนในระบบมีคุณธรรมและจริยธรรม

- คนไทยถ้าใช้ปัญญามากกว่าความรู้ ประเทศไทยจะไม่ล้าหลัง

กัญญา สาธิตพิเคราะห์

แนวความคิดในการพัฒนาบุคลากรในองค์กร ที่ต้องมีการบูรณาการความรู้ความเข้าใจในรูปแบบต่างๆ เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติให้เข้ากับการทำงาน เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีคุณค่า มีความภาคภูมิใจ และถูกกระตุ้นให้มีการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา ถือว่ามนุษย์ทำงานได้ถูกลงทุนอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว

ประดับเกียรติ จินดาลัทธ

จากการสัมมนา Public Seminar เรื่องการสร้างผู้นำยุคใหม่ของสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้มองเห็นภาพของความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้เข้ารับการอบรมหลักสูตรทุกๆ คน ที่จะพัฒนาตนเองและพัฒนาองค์กรให้มีความยั่งยืน อยู่คู่ประเทศไทยตลอดไป และจะนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาการทำงานของตนเอง ของทีม และ coaching เพื่อนร่วมงานต่อไป เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศขององค์กร

เห็นความตั้งใจของผู้เข้ารับการอบรม พบเห็นผู้ที่เป็นวิทยากรที่ดีจากกระทรวงเกษตร สำหรับข้าราชการ สขช.ในชั้น 44 คน เห็นแววที่จะเป็นผู้นำที่ดีในอนาคตได้ มีความตั้งใจดี มีความเสียสละ

จิโรภาส พูลสุวรรณ

สิ่งที่ได้จากการรับฟัง public seminar วันนี้ทำให้ได้องค์ประกอบทางทฤษฎีหลากหลายที่นำมาประมวลกันสำหรับวิเคราะห์ทุนด้านการบริหารอย่างไร อย่างไรก็ตาม การนำเสนอยังขาดความเป็นเรื่องเดียวกันระหว่างทฤษฎีที่นำเสนอกับสภาพที่เป็นอยู่ขององค์กร ขาดตัวอย่างที่ชัดเจน ทำให้ขาดอรรถรสความจริงจังในการวิเคราะห์ เช่น การกล่าวถึงระบบอุปถัมภ์ที่เป็นปัญหาในองค์กร ไม่ทราบว่าสภาพเป็นอย่างไร ขณะที่ผู้นำเสนอบอกว่าผู้บังคับบัญชาต้องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาแบบ “ลูก” – “น้อง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบอุปถัมภ์ ทำไมจึงเห็นว่าดี

เทอดพันธ์ หงษ์สกุล

เรื่องการทำงานเป็นทีม การทำงานแบบบูรณาการกับหน่วยงานรัฐและเอกชน

เรื่องที่ได้จากการสัมมนามีหลายประเด็น แต่ที่เห็นว่าได้ประโยชน์และตรงกับภารกิจคือการทำงานร่วมกันเป็นทีม การมีส่วนร่วมของสมาชิกในสังคม การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ซึ่งจะนำไปสู่การทำงานด้วยความเต็มใจและเสียสละอย่างแท้จริง

ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงทรัพยากรมนุษย์ของทางภาคราชการที่ก้าวหน้ากับโลกภิวัฒน์ แม้จะเป็นเพียงบางส่วนก็ยังทำให้รู้สึกถึงความมั่นคง และความหวังของประเทศชาติ และเห็นถึงศักยภาพที่ภาคราชการและเอกชนหรือหน่วยงานอื่นๆ สามารถร่วมมือกันสร้างประเทศในรูปแบบองค์กรแห่งการเรียนรู้ และ High Performance Country

จันทรชัย ทวินพิพัฒน์กุล

เราเรียนรู้มามากมาย หลายหลักสูตร แล้วตื่นเต้น เห็นว่าดี แต่ทำไมคนเราไม่เปลี่ยน

- อะไรทำให้คนเปลี่ยน เปลี่ยนอย่างยั่งยืน มั่นคง อย่างมีคุณค่า และความหมาย

- อะไรคือหลักการ

สมยุทธ ประดิษฐ์รุ่งวัฒนา

CHANGE -> SWOT ANALYSIS -> SMART OBJECTIVE -> EVALUATION

ความเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม ทั้งในส่วนของบุคคลหรือองค์กรต้องมีการทำ SWOT เพื่อรู้จุดอ่อนจุดแข็ง ที่จะทำการพัฒนาให้ดีขึ้นจากเดิม และมีแนวทางการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีการใดอย่างชัดเจนโดยการกำหนด SMART OBJECTIVE ที่สามารถ EVALUATION ได้ในระยะเวลาที่ชัดเจน

พล.ต.ต.หญิง สร้อยสุรางค์ ศิริรณรงค์

การใช้ประโยชน์จากคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดัน/นำองค์กร ด้วยการกระตุ้นการให้มีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

(ความจริงมีหลายประเด็น แต่ ศ.จีระ ต้องการเพียงเรื่องเดียว)

น.ท.สุรวัฒน์ ธรรมศิริ

ได้ในความหลากหลายทางแนวความคิดที่จะนำไปสู่การพัฒนาองค์กรและทฤษฎีการพัฒนาองค์กรที่ไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน, ได้ความมั่นใจเพิ่มขึ้นต่อการเริ่มต้นที่จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจากตัวเอง

ประเทศมีปัญหาเรื่องการสร้างความตระหนักรู้ถึงภัยคุกคามด้านความมั่นคงของชาติในแต่ละด้านทั้งในระดับประชาชนและราชการ ทำอย่างไรจึงจะสร้างการตระหนักรู้ จนถึงระดับ “วัฒนธรรมความมั่นคงของชาติ” ได้

ศศิสุภา สังวริบุตร

- โอกาส

- องค์ความรู้ใหม่ๆ อย่างเป็นระบบ

HR , ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง , ความสำคัญของบุคลากร, ทรัพยากรมนุษย์

- การข่าว วิธีการบริหารโดยสังเขป

- แนวคิด 3 T ของการ Trust – เชื่อมั่น ศรัทธา ไปทิศทางเดียวกัน

Team – ความร่วมมือ

Tomorrow – วันนี้เพื่ออนาคตที่ดีของวันพรุ่งนี้

- Risk เพิ่มขึ้นทุกวัน และปรับตัวให้สับสน ซับซ้อนยากขึ้นเรื่อยๆ

วิธีรับมือกับ Risk -- ใฝ่รู้, เปิดโอกาส วิเคราะห์ ยืดหยุ่นสูง , รู้เท่าทัน เพื่อสกัดและยับยั้ง

- Training กับ Learning / รู้รับฟัง ไม่เพียงแต่ Commnad แล้ว Control

- มีปริญญา ต้องมีปัญญา

- ทฤษฎีไม่ใช่เพียงเพื่อรู้ / ต้องรู้วิธีเอาไปปฏิบัติ

*นวัตกรรม ทางความคิด อย่างเป็นระบบ และนำไปใช่ ปฏิบัติ

กมลธรรม แก้วบุญทอง

สิ่งที่ได้ – 1. แนวคิดในการพัฒนาตนเอง ให้สำรวจตนเองว่าเหมาะสมกับงานประเภทใด และต้องพร้อมปรับเปลี่ยนตนเอง และให้คิดในเชิงบวกพร้อมทั้งทำงานด้วยความสุข

2. สิ่งที่อยากขอรับทราบคือความสอดคล้องระหว่างการศึกษาของด้านวิชาการกับการอบรมบ่มนิสัยให้เป็นผู้มีจิตใจใฝ่ดีฯ ตามแนวพระราชดำริ ทำได้อย่างไร เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

พ.อ.หญิง นิตยา มั่นมงคล

การทำงานได้ดีต้องรู้จักสร้างคนที่มีคุณภาพปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาพงาน คนรุ่นใหม่ต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ความรู้ และมีทักษะ

ถึง ทุกท่าน

อาจารย์จีระ ได้ส่งการบ้านมาให้แล้วค่ะ แต่เนื่องจากเป็นข้อมูล มาจากหนังสือและเอ cop มา เป็นรูป jpg และนำมาขึ้น Blog แต่เนื่องจาก ภาพ resize แล้วมันเล็ก ทำให้อ่านยาก จึงไม่สามารถขึ้น Blog ได้ เลยขอส่งมาเป็น E- mail. ไปที่ คุณติ่ง ประธานรุ่นฯ และคุณสุพัตตราแล้วค่ะ ถ้าอย่างไร? ฝากส่งต่อด้วยนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

คุณเอคะ

เอกสารได้รับแล้ว แต่ตัว text ไม่ชัดเจนเลย อ่านยากมาก รบกวนว่าคงต้องหาทางอื่นสนับสนุนแล้วคะ เช่น อาจ copy แล้ว scan เป็น pdf น่าจะพอช่วยได้นะคะ ขอบคุณคะ / สุพัตรา

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

ถึง เพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ตอนนี้เสื้อรุ่นมาแล้วพร้อมกับสูทเทียม ให้ไปรับได้ที่คุณสร้อยสน เบอร์ภายใน 246 ต่างจังหวัดจะส่งไปให้พร้อมกับ DVD รอรับได้เลยเพื่อนๆ/ปธ.ติ่ง

ปล.ต้องขอบใจน้องมิตร ที่มาได้เวลาเลยต้องออกแรงขนเสื้อไปด้วย 5555

ดีคับ...มาช้าดีกว่าไม่มานะครับบบบบบบบ

ดีใจด้วยกับท่านประธานติ่ง กับพี่หนูแหม่ม ที่ได้รางวัลในการประกวดขับร้องเพลงพระราชทาน

แหม่ พวกผมอยู่ไกล ไม่ได้มีโอกาสไปฟัง แต่ก็มั่นใจครับว่า ต้องเพราะจับใจท่านคณะกรรมการแน่ ๆ

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทั้งผอง

ก่อนอื่นต้องขออภัยด้วยนะครับที่ไซด์เสื้อบางท่านอาจจะใหญ่ไปบ้าง ผมได้แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบแล้วว่าขอให้เป๊ะๆๆ หน่อย เอาเป็นว่าผมขอรับผิดแต่ผู้เดียว นั่นคือเรื่องแรก

เรื่องที่สองจะบอกว่าตอนนี้ อจ.จีระ ให้การบ้านมาแล้ว แต่มันตัวเล็ก เกรงว่าจะอ่านไม่ออก เลยประสานให้น้องเอราวรรณ ส่งมาให้ใหม่ แล้วจะส่งไฟล์ให้กับพวกเราทุกคน บอกไว้ก่อนว่าเป็นบทความภาษาอังกฤษ สรุปประเด็นสำคัญว่าได้อะไรหลังจากอ่านบทความนี้แล้ว

เรื่องที่สาม หากพวกเราสนใจฟังรายการวิทยุ Human Talk ของ อจ.จีระ ทุกเช้าวันอาทิตย์ ระหว่างเวลา 06.00-07.00 น. ทางคลื่น FM 96.5 MHz หากตื่นไม่ไหวฟังย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์ดังนี้ http://radio.mcot.net/fm965

เรื่องที่สี่ พี่แป๋วแจ้งผมมาว่ายังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ส่งประวัติ ใครรู้ตัวรีบส่งด่วนนะครับ เพราะผมจะได้ให้ทีมงานดำเนินการต่อไป

เรื่องที่ห้า ฝากความรักและห่วงใย ถึงเพื่อนสมาชิกทั้งในส่วนภูมิภาคและส่วนกลางทุกคน วันพ่อให้รีบบึ่งไปกราบตักท่านหรืออยู่ไกลให้รีบยกหูโทรหาท่านแต่เช้านะเพื่อนๆ วันนี้ผมโทรไปหามาแล้วหนึ่งรอบ พรุ่งนี้กะจะโทรหาใหม่

สุดท้ายเรื่องที่หก ใครที่ียังไม่ได้ไปรับเสื้อ รีบไปเลยครับพี่น้อง ต่างจังหวัดอย่ากังวลเดี๋ยวจัดให้

ส่งข่าวกันมาบ้างเด้อพี่น้อง/ปธ.ติ่ง

ปล.น้องกุ้งและน้องศักดิ์ ช่วยส่งไฟล์ภาพถ่ายมาให้พี่ติ่งด่วน

  

ในฐานะ Admin รุ่น ขอแก้ไขบล๊อก 671 หน่อยนะจ๊ะ คุณเต๋อค่ะ เพลงพระราชนิพนธ์ค่ะ ไม่ใช่เพลงพระราชทาน (เปล่าประจานน่ะตัวเอง) 55555

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับบล๊อก 673 (ป่าวร่วมประจานนะค่ะ)

รับทราบครับ...เดียวผมจัดส่งผ่าน ส.3 ให้นะครับ วันที่ 27 พ.ย.52 ผมจำได้ว่าเคยดาวโหลดให้คุณสร้อยสน... แล้ว แต่ก็จะส่งให้ใหม่อีกครั้งครับ ..ผ่าน ส.3 คิดถึงพี่ ๆ เพือน ๆ ทุกคนครับ...อีสานหนาวแล้ว ว่าง ๆ ก็มาเที่ยวงานใหมผูกเสี่ยว ขอนแก่นเด้อ...

มาแล้วครับพี่น้อง

ข้าน้อยยอมรับผิด เพลงพระราชนิพนธ์ ไม่ใช่เพลงพระราชทาน ขออภัยครับ

ขอบคุณครับที่เตือน ดีนะเนี่ยแค่ 2 คน (ขอบคุณนะป้าเอ๋อ, กะน้องเอ๋)

มากกว่านี้อายเค้าแย่เลย

อยู่ไกลก็แบบนี้ละครับ ไม่ค่อยได้เข้าเมือง ยกเว้นเฉพาะวันประชุม

แล้วจะแวะมาใหม่นะครับ

การบ้านใครเสร็จแล้วบอกด้วยนะครับ จะได้ต่อยอด

Life is a struggle.

Life is a challenge.

Don’t give up.

Don’t make the same mistake.

There is no short cut quick fix.

Let it go.

Pursue your dreams.

Actualize your goals.

Do it on purpose.

Enjoy life.

Man is born equal.

Adapt your self to changing circumstance.

I hope…..driving force.

ขอบพระคุณ ประธานติ่งที่กรุณานำเสื้อมาแจกจ่ายด้วยตนเอง ได้ใส่เรียบร้อยแล้ว อยากให้คนอยู่ต่างจังหวัดอิจฉาน่ะ ได้ข่าวว่าหนาวแล้ว อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยนะ

ความรู้ที่ได้รับ: Talanted Capital Development Program (12 วัน)

คนเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร วัตถุสิ่งของจะเสื่อมค่า แต่การลงทุนในคน จะทำให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นผู้นำในองค์กรควรให้ความสำคัญ และพัฒนาให้คนเป็นคนดีและคนเก่ง โดยสร้างเหตุปัจจัยให้เกิดการเรียนรู้ ในคนทุกระดับในองค์กร สร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ ให้เกิดวัฒนธรรมในการเรียนรู้ ไปสู่องค์กรแห่งการเรียนรู้ เพื่อความสำเร็จขององค์กร หากคนในองค์กรส่วนใหญ่เป็นคนดีและคนเก่ง สิ่งที่ยากจะเป็นเรื่องง่าย องค์กรจะเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมสำหรับการแข่งขันในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงสูงและมีความสลับซับซ้อน

ในขณะที่คุณสมบัติของคนในองค์กรที่ควรมีคือ ความเชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์วิจัย เพราะปัจจุบันข้อมูลมีมาก บางครั้งไม่ทราบข้อมูลจริงหรือลวง ความเชี่ยวชาญด้านภาษาต่างประเทศ ปัจจุบันโลกไร้พรมแดนต้องติดต่อกับคนในหลากหลายภาษา รวมถึงความเชี่ยวชาญด้านไอที เนื่องจากโลกปัจจุบันติดต่อสื่อสารกันด้วยไอที อินเตอร์เน็ตเพื่อความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ นอกจากนั้น ในส่วนของผู้นำองค์กรจำเป็นต้องมีคุณสมบัติเพิ่ม คือ มีวิสัยทัศน์ มีเครือข่ายที่ดี ความคิดที่ประสานผลประโยชน์ สร้างความจงรักภักดีในองค์กรได้ กล้าตัดสินใจและท้าทายสิ่งใหม่ เป็นตัวอย่างที่ดี ทั้งด้านสติปัญญา ภาพลักษณ์ ความอดทน มีความคิดสร้างสรรค์ เข้าใจในทรัพยากรมนุษย์

ในส่วนของเทคนิคในการทำงาน คนในองค์กรจำเป็นต้องมีทักษะในการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เช่นการทำ Swot อย่างถูกต้อง รวมถึงอาจใช้ Mind Map เพื่อช่วยให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น เป็นระบบมากขึ้น นำเสนอผลงานอย่างได้ผล และสิ่งที่จำเป็นในการทำงานก็คือ เราต้องการความสำเร็จและมีความสุขในชีวิต ดังนั้น การบริหารอารมณ์ตนเองและเข้าใจผู้อื่น รู้หลักการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยการพัฒนา ทางด้านความเก่ง(IQ),ความสุข(EQ),ความสำเร็จ(AQ),ความดี(MQ),ความแข็งแรง (HQ),อัจฉริยภาพสูงสุด(SQ)

และการปรับตัวเองให้เข้ากับโลกยุคเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจุบันข้อมูลมีมากมาย ทำให้เราต้องกลั่นกรองและลำดับความสำคัญ มีการวิเคราะห์ที่ดี หรือเห็นสัญญาณล่วงหน้า การเรียนจึงต้องฝึกวิเคราะห์โดยตั้งคำถาม ทำไม และในโลกปัจจุบันความสามารถในการแข่งขัน หมายถึง การมีความคิดสร้างสรรค์ด้วย เนื่องจากคู่แข่งขันมีมากมาย จะทำให้มีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่น เช่น บิลเกต ผู้นำด้านไมโครซอพท์ ซึ่งรวยที่สุดในโลก หรือการรู้จักนำสิ่งที่มีอยู่เดิมมาประยุกต์เข้ากับสิ่งใหม่ สามารถสร้างโอกาสใหม่เช่นกัน เช่น สถานที่ท่องเที่ยวเพลินวาน อย่างไรก็ตามองค์กรที่ประสบความสำเร็จ ย่อมต้องให้ประโยชน์กับสังคมที่เราเกี่ยวข้อง คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม กำไร ความศรัทธา ควรมีการแบ่งปัน รักษา มีคุณธรรม และสร้างบรรทัดฐานใหม่ในสังคม

น.ส. บุษบา บรรชาติ

เพื่อน ๆ Talant

รีบส่งการบ้านเรื่องความรู้ 12 วัน ด้วยค่ะ เพราะตอนนี้มีการบ้านใหม่มาอีกแล้ว ต้องส่งวันพุธด้วยนะ เดี๋ยวอาจารย์สงสัยว่าเราทำอะไรกันอยู่ ความจริงคือเราทำงานที่ค้างมาเกือบเดือนใช่มั๊ยคะ ความจริง busaba ก็กลุ้มเหมือนกัน เพราะต้องไปเรียนภาษาตอนเย็น คือเสียดายค่าลงทะเบียนและพลาดเนื้อหาถ้าไม่ได้ไป แต่ต้องจัด Piority ให้ถูกนะ

เอาใจช่วยทุกคนนะ แล้ว Mr. Cummuter เงียบไปเลยนะ

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

ถึง..เืพื่อน NIA-Talented-2009 ทุกคน

วันนี้ผมมีข่าวดีมาแจ้งพวกเราทั้งวันแล้ว เอาข่าวบันเทิงสมองกันต่อในช่วงวันหยุดละกัน ตอนนี้ผมได้รับเอกสารการบ้านจากทีมงาน อจ.จีระ เรียบร้อยแล้ว และได้จัดแปลงเป็นไฟล์ PDF ตัวโต อ่านง่ายๆ เดี๋ยวจะรีบส่งทางเมล์ของทุกคน

รับแล้วดำเนินการด้วย สรุปว่าได้อะไรจากบทความเรื่อง "Leading Change:Why Transformation Efforts Fail" ส่งประมาณวันพุูธที่ 9 ธ.ค.52 สู้ๆๆเพื่อนเอย!!!

รักและคิดถึง จุ๊บๆๆ/ติ่ง

ยังอยู่นะค้าบ...ภูเก็ต ผู้คนมากมาย กลับมาไปปาร์ตี้ เสียสุขภาพเกือบทุกวัน เนื่องจาก ออกจากพื้นที่ไปนาน ก้อเลขต้องตระเวนพบปะผู้คน กันเขาลืมอ่ะครับ..เลยไม่มีเวลาเข้ามาเขียนข่าวสารให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน

เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ขอถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีสุขภาพแข็งแรง ทรงหายจากพระประชวร และเป็นมิ่งขวัญ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทยของเราตลอดชั่วกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

วันนี้เพื่อน ๆ บอกรักพ่อ กราบพ่อหรือยังคะ .....รักทุกคนค่ะ

จากการที่ได้เข้ารับการอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program เป็นเวลา 12 วัน นั้น ดิฉันได้รับความรู้เพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์แก่ตัวดิฉันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ “การรู้จักตนเอง” เพิ่มมากขึ้น

ประการแรก คือ การเข้าใจตัวเอง ว่าตัวเองต้องการอะไร ต้องทำอะไร จากที่เคยท้อแท้ในบ้างเรื่องกลับมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมา พร้อมทั้ง กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ เกี่ยวกับหน้าที่ในการปฏิบัติงานและกล้าที่จะเปลี่ยนตัวเองไปสู่การเรียนรู้ใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือองค์ความรู้ต่างๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มทักษะ ความชำนาญ ความรอบรู้ให้แก่ตัวเอง เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเองและนำมาปรับใช้ให้เข้ากับการทำงานในองค์กรด้วย

ประการที่สอง คือ การรู้จักคิดก่อนทำ มีการวางแผน จัดระบบให้กับตัวเองในเรื่องของการปฏิบัติงานมากขึ้น คือ รู้ว่าอะไรควรทำก่อน ทำหลัง อะไรควรพัฒนา ปรับปรุงแก้ไข และอะไรที่เราต้องเรียนรู้ให้ถ่องแท้ และนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับหน้าที่ๆเราต้องรับผิดชอบ

ประการที่สาม คือ การวางตัวหรือปรับตัวเมื่ออยู่ในสังคมนั้นๆ เราจำเป็นต้องมีความสามัคคี เสียสละ ให้อภัย มีน้ำใจ ให้ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน สามารถให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แบ่งปันความรู้ให้กันและกัน และสามารถนำความรู้ที่ได้รับนั้นถ่ายทอดให้แก่รุ่นต่อๆ ไปได้รับรู้และนำไปปฏิบัติโดยให้เกิดผลประโยชน์ต่อองค์กรมากที่สุด

ประการสุดท้าย คือ การได้เพิ่มทักษะความรู้ให้แก่ตัวเองเพิ่มมากขึ้นจากการอบรมครั้งนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสอันดีที่ดิฉันได้เข้ารับการอบรม ถึงแม้ว่าวิชาบางวิชาดิฉันจะได้เรียนมาบ้างแล้วก็ตาม แต่วิทยากรที่มาให้ความรู้ในการอบรมหลักสูตรนี้ถือได้ว่าเป็นมืออาชีพทุกท่าน สามารถถ่ายทอดความรู้ให้ดิฉันมีความกระจ่างและเห็นภาพชัดขึ้น ดิฉันรู้สึกภูมิใจที่ได้เข้ารับการอบรมครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการอบรมที่ให้ความรู้แก่ผู้เข้ารับการอบรมโดยตรง และยังเป็นการเพิ่มทักษะเพื่อนำไปสู่การพัฒนาคนให้แก่องค์กรและสังคมอย่างแท้จริง

-------------------------------------

หนู..จ้า

กำลังนั่งแปลและทำความเข้าใจกับบทความของ John P. Kotter อยู่ ค่ะ แต่ตอนนี้ที่แปลได้แล้วก็ คือ หัวข้อหลัก 8 ประการนะค่ะ การเปลี่ยนแปลงขององค์กร: ทำไมถึงล้มเหลว ?

ความผิดพลาดประการที่ 1: การปล่อยให้เกิดความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ (ซึ่งนำไปสู่ความประมาท) มากเกินไป

ความผิดพลาดประการที่ 2: การไม่สามารถทำให้เกิดการประสานความร่วมมือกันอย่างมีพลังพอ

ความผิดพลาดประการที่ 3 : การประเมินพลังแห่งวิสัยทัศน์ต่ำเกินไป

ความผิดพลาดประการที่ 4: การสื่อสารวิสัยทัศน์ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นโดยปัจจัย 10

ความผิดพลาดประการที่ 5: การปล่อยให้อุปสรรคมาขวางกั้นวิสัยทัศน์ใหม่

ความผิดพลาดประการที่ 6: การไม่สามารถสร้างความสำเร็จระยะสั้นได้

ความผิดพลาดประการที่ 7: การประกาศความสำเร็จเร็วเกินไป

ความผิดพลาดประการที่ 8: การละเลยที่จะยึดหลักการเปลี่ยนแปลงอย่างเหนียวแน่นในวัฒนธรรมขององค์กร

จริงๆ แล้วแปลได้เกือบหมดแล้วหละค่ะ แต่ขอทำความเข้าใจอีกนิดค่ะ (กลัวผิด) ถ้าเสร็จแล้วจะส่งเข้ามาใน Blog ให้อ่านกันค่ะ

ขอความกรุณาคนที่เอาเสื้อไซด์ผิดไปกรุณามาคืนด้วย ดังรายชื่อต่อไปนี้

คุณนวลจันทร์ เอาเสื้อแจ็คเก็ต สั่งไซต์ M แต่ได้รับเสื้อไซต์ S ไป

คุณสังวรสั่งไซต์ L ทั้ง 2 แบบ แต่รับเสื้อไซต์ M ไปทั้งสองแบบ

กรุณาให้นำมาเปลี่ยนที่คุณติ่ง เบอร์ 271 ด่วน

สำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัด จะส่งเสื้อให้พร้อมกับดีวีดีข้อมูลการฝึกอบรมและภาพถ่ายให้เร็ว ๆ นี้ จ้า

รักนะจุ๊บ ๆ

555 ห้าห้าห้าห้า 5555 ห้าห้าห้าห้า บ้าไปแล่ว

คนที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้วทำตามเป้าหมายไม่ได้ยังไม่น่าสงสารเท่ากับคนที่ตั้งเป้าหมายไว้ต่ำกว่าความสามารถที่แท้จริง

อย่าถามว่าสังคมจะให้อะไรกับคุณ แต่จงถามว่าคุณจะให้อะไรกับสังคม

จอห์น เอฟ. เคเนดี้

คนที่ตั้งเป้าหมายไว้แล้วทำตามเป้าหมายไม่ได้ยังไม่น่าสงสารเท่ากับคนที่ตั้งเป้าหมายไว้ต่ำกว่าความสามารถที่แท้จริง

อย่าถามว่าสังคมจะให้อะไรกับคุณ แต่จงถามว่าคุณจะให้อะไรกับสังคม

จอห์น เอฟ. เคเนดี้

พี่ติ่ง ขา

การบ้านอาจารย์ อันใหม่ ส่งใน Blog ได้มั๊ย เข้า Email ตัวเองไม่ได้น่ะ

สงสัย อัลไซเมอร์ รับประทาน ไปกินยาก่อนนะ ??????

สวัสดีจ้า...

ขอแจ้งรายชื่อผู้ที่ยังไม่ส่งประวัติทำเนียบรุ่น ดังนี้ ขวัญเรือน พิมลพรรณ ประสบโชค สร้อยสน สุพัตรา ศิริรัตน์ กรุณาส่งไฟล์มาที่ [email protected]  รออยู่น๊ะ จะได้คลอดทำเนียบรุ่น Talented ให้เพื่อนๆ ชมกัน 

ขอบคุณ

อบรม 12 วัน ได้อะไรบ้าง

การที่กระผมได้เข้าอบรมจำนวน 12 วัน กับ ดร. จีระฯ และวิทยากรอื่นๆ ด้วย ได้รับความรู้อย่างมากมาย โดยรู้ว่าตัวเองต้องปรับปรุงตัวเองในทุกๆด้าน ก่อนจึงจะเหมาะสม กับงานใน สขช. โดยเฉพราะ " การรู้จักตนเอง " เป็นประการแรก

Concentrate on what you want

ตั้งใจต่อสิ่งที่คุณต้องการ

A friend in need is a friend indeed

เพื่อนในยามที่ต้องการคือเพื่อนแท้

Don't sweath the small stuff

อย่าทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่

ความโกรธไม่สามารถเอาชนะความโกรธได้

ความแค้นไม่สามารถเอาชนะความแค้นได้

ความเมตตาเท่านั้นที่เอาชนะได้

จงยอมรับความจริงที่มันเป็น มิใช่ความจริงที่เราอยากให้เป็นหรือความจริงที่เป็นในอดีต

*****************

การอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program เป็นเวลา 12 วัน ระหว่าง 5-27 พ.ย.52 ได้รับความรู้ที่สำคัญของการเรียนรู้ในยุคที่โลกเปลี่ยน และหลักการและแนวคิดในการพัฒนาวิธีคิด การพัฒนาตน และวิธีการทำงานรูปแบบใหม่ในยุคที่โลกที่เปลี่ยนแปลง ในการนำไปใช้ในการทำงาน รวมถึงการเป็นผู้มีศักยภาพในการเป็นผู้นำที่มีจริยธรรม มีความรู้ความสามารถ และทักษะในการบริหาร สามารถนำเอามูลค่าเพิ่มโอกาส นวัตกรรมทางความคิดอย่างเป็นระบบ และสามารนำไปปฏิบัติได้จริง

ถึง เพื่อน Talent ทุกคน

การบ้านชิ้นแรกหลังอบรม เรื่อง ความรู้ที่ได้รับ 12 วัน Synthesis ให้เป็นแก่นความคิดของเราเอง ส่งมาได้ 4 คนเองนะ

จาก 44 คน อาจารย์ต้องการฝึกเรา เสียเงินแล้วต้องได้ของนะ Fucus! Fucus! Fucus! เรื่องนี้ ต้องคิดบวกอย่าคิดลบ เดี๋ยวจะหมดแรง+++++

Focus ไม่ใช่ Fucus พิมพ์เร็วไปหน่อย โทษที

คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ผลก็เป็นแบบเดิม

ไม่ใช่คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม แล้วหวังว่าผลจะเป็นแบบใหม่ ...จริงมั๊ย

คุณสร้อยสนคะ ดิฉันก็จำได้ว่่าสั่งไซด์ M ไป ทำไมส่งไซด์ S ให้หละคะ ดีนะไม่เอาไปซักเสียก่อน เพราะเมื่ือวันศุกร์ไปธุระกลับมาก็เย็นแล้วเลยไม่ได้โทรไปถาม

การอบรมหลักสูตรทุนความรู้ ทักษะ และทัศนคติ ได้แรงบันดาลใจที่จะทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง กล้าคิดกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ยึดหลักคุณธรรม มองโลกในแง่บวก มีความฉลาดทางอารมณ์ เพื่อเป็นตัวแทนของการเปลี่ยนแปลงในองค์กร

ไม่มีใครส่งอีเมลการบ้านให้กระผมเลยนะค้าบ

กุ้ง

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

ถึงมวลสมาชิก NIA-Talented-2009 ทั้งผอง

ผมมีข่าวด่วนจะแจ้งให้เพื่อนๆทราบในช่วงต้นสัปดาห์หลังวันหยุด ดังนี้

1. กรุณาเขียนชื่อแสดงตนด้วยครับ เพราะผมไม่สามารถเช็ค IP ได้ว่าท่านเป็นใคร (แจ้งความจำนงมาถึงผม แต่ผมไม่รู้ว่าท่านคือใคร)

2. สมาชิกท่านใดที่ยังไม่ได้รับเสื้อให้มารับที่ห้องทำงานของผม หากผมไม่อยู่ติดต่อน้องแจ๋วก็ได้ (ติดชื่อไว้ข้างซองหมดแล้ว)

3. ใครมีภาพถ่ายให้ใส่แผ่นส่งมาให้ผมด่วน

จบข่าวบริการ ขอให้เบิกบานกับการทำงาน เพราะอีกแค่สองวันก็หยุดกันอีกแล้ว/ติ่ง

ปล.การบ้านก็อย่าดองกันนะเพื่อนๆๆ

แก่นสารที่ได้รับจากการอบรม 12 วันอันตราย

ประเด็นสำคัญที่สุดคือการได้รู้จักตัวเอง มีเวลามอง ศึกษา ทบทวนตัวเอง ประมาณตัวเอง โดยมีสิ่งเปรียบเทียบที่ถูกต้องตามทฤษฎีและวิธีปฏิบัติตามหลักสากล รู้ มีสติ คิดและพูดก่อนทำมากขึ้น มองโลกในแง่ดีมากขึ้น เห็นสิ่งบกพร่องของตนเองมากขึ้น รู้จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาส และอุปสรรค พร้อมที่จะปรับปรุงแก้ไข เห็นสิ่งผิดพลาดของคนอื่น อาทิ เพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา เป็นโอกาสที่ได้เรียนรู้ และคิดวิเคราะห์ถึงทางออกที่ดีกว่า

ปล่อยวางมากขึ้น เก็บเอาสิ่งกังวลใจ ไม่พอใจมาใส่ตัวเองน้อยลง และน้อยลง หายใจเอาออกซิเจนเข้าปอดได้มากขึ้นกว่าเดิม ได้เรียนรู้คุณค่าของออกซิเจน ทั้งที่ผ่านมาเห็นเป็นแค่ระบบหายใจ

“คน” ต่างไม่เหมือนกัน ต่างมีความคิด การกระทำ ความต้องการ ทางออกของตนเอง เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ให้เกียรติ เคารพและให้โอกาสคนอื่นมากขึ้น และเห็นแก่ตัวน้อยลง เรียนรู้ที่จะรับฟังความเห็นคนอื่นเห็นคุณค่าของการแบ่งปันอย่างมีเหตุผล รอบคอบ

ใฝ่รู้ ขนขวาย เป็นนักอ่านมากขึ้น ในแขนงความรู้อื่นที่ไม่เคยใส่ใจมาก่อน อาทิ การบริหารงานบุคคล เนื่องจากเห็นว่าเป็นสิ่งไกลตัว และไม่น่าจะมีโอกาสได้บริหารใคร แต่เมื่อได้อ่าน ได้ความรู้จากเนื้อหา จึงได้เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องบริหารหรือพัฒนาคนอื่น แต่ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อน พัฒนาตัวเองก่อน คิดในสิ่งที่ดี ถูกต้อง ให้เกียรติ และเชื่อมั่นตัวเองก่อน

เห็นโลกกว้างมากขึ้น เห็นและยอมรับศักยภาพ ความสามารถของคนในอีกหลายวงการ เห็นความเสียสละ ความมุ่งมั่นทำในสิ่งที่มีศรัทธาร่วมกัน เห็นความสำคัญของผู้อาวุโสที่เป็นคลังสมอง อันยิ่งใหญ่ แต่ขณะเดียวกันพยายามตามให้ทันในระบบ IT ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ท้ายสุด ได้เห็นคนที่มีหัวใจเดียวกัน แตกต่างแต่ไม่แตกแยก มีอุดมการณ์และศรัทธาเดียวกัน ในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่เพียงแต่คนในองค์กร แต่เป็นทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะที่ได้พบในขณะที่เข้ารับการอบรม

---------------------------------------------

จากบทความ Leading Change : Why Transformation Efforts Fail ?

การนำการเปลี่ยนแปลง: ทำไมการเปลี่ยนแปลงถึงล้มเหลว ?

ไม่ว่าจะใช้การวัดผลวัตถุประสงค์อย่างใดก็ตาม จำนวนของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มักจะก่อให้เกิดความรู้สึกเจ็บปวดในองค์กรนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างมากในสองทศวรรษที่ผ่านมา แม้ว่าคนบางคนจะทำนายว่า การปรับโครงสร้างองค์กร การกำหนดกลยุทธ์ใหม่ การควบกิจการ การปรับลดขนาดของกิจการ ความพยายามสร้างคุณภาพ และการฟื้นฟูวัฒนธรรมใหม่ต่างก็จะหายไปในไม่ช้าก็ตาม แต่คอตเตอร์ยังเชื่อว่าขบวนการเหล่านั้นยังคงอยู่ อิทธิพลของเศรษฐกิจยังคงมีอานุภาพมากนั้น ขณะนี้ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในส่วนนี้แล้ว และอิทธิพลเหล่านี้อาจพัฒนาขึ้นและจะมั่นคงยิ่งขึ้นในอีกสองสามทศวรรษ ผลก็คือ องค์กรมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะถูกบีบให้ต้องลดต้นทุน ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ หาโอกาสใหม่เพื่อความเติบโต และเพิ่มความสามารถในการสร้างผลผลิต จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ความพยายามด้านการเปลี่ยนแปลงหลักได้ช่วยให้องค์กรบางแห่งสามารถปรับตัวได้อย่างมากต่อสภาวะของการเปลี่ยนแปลง ได้ปรับปรุงจุดยืนด้านการแข็งขันขององค์กรอื่น ๆ และหาตำแหน่งสองหรือสามจุดเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ในอนาคตที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ในสถานการณ์ต่าง ๆ มากมาย สิ่งที่ปรับปรุงแล้วมักจะสร้างความผิดหวังโดยเกิดความสูญเสียมหาศาล ทำให้ทรัพยากรสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกคับข้องใจ กลัว และเหนื่อยหน่ายในระดับหนึ่งแล้ว ข้อเสียของการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อใดก็ตามที่ชุมชนของมนุษย์ถูกบีบให้ต้องปรับตัวต่อสภาวะการเปลี่ยนแปลงก็จะมีความเจ็บปวดเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ความสูญเสียและความเจ็บปวดจำนวนมากที่เราได้ประจักษ์มาในทศวรรษที่ผ่านมานี้เป็นสิ่งที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เราได้ทำเรื่องผิดพลาดหลายอย่าง แต่เรื่องที่พบได้ทั่วไปมากที่สุดได้แก่ความผิดพลาดดังต่อไปนี้

ความผิดพลาดประการที่ 1: การปล่อยให้เกิดความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมากเกินไปหรือการนิ่งนอนใจหรือใจเย็นเกินไป (ซึ่งนำไปสู่ความประมาท) ข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่สุดที่มีในขณะทำการเปลี่ยนแปลงองค์กรก็คือการมุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันโดยไม่สร้างความรู้สึกถึงความจำเป็นรีบด่วนที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแก่ผู้บริหารจัดการและพนักงาน ความผิดพลาดนี้เป็นสิ่งที่ร้ายกาจมากเนื่องจากว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมักจะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้หากว่าระดับความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ (ซึ่งนำไปสู่ความประมาท) นี้มีสูง แต่ถ้าหากความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ (ซึ่งนำไปสู่ความประมาท) ลดลง: คนมีการป้องกันตัวมากขึ้น เสียขวัญและหลุดจากผลลัพธ์ระยะสั้น หรืออาจแย่กว่านั้น ก็คือพวกเขาจะรู้สึกสับสนถึงความรู้สึกจำเป็นเร่งด่วนกับความรู้สึกกระวนกระวายใจ และเมื่อความรู้สึกกระวนกระวายได้รับการกระตุ้นมากขึ้น ก็ทำให้คนยิ่งเกิดความรู้สึกว่าตนเองตกหลุมพรางอย่างถลำลึกกว่าเดิมและเกิดความรู้สึกต่อต้านการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น ถ้าหากในปัจจุบันความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจนี้ลดต่ำลงในองค์กรส่วนใหญ่แล้ว ปัญหานี้ก็จะมีความสำคัญน้อยลง แต่ในความเป็นจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น ความสำเร็จในอดีตที่มากเกินไป การขาดวิกฤติการณ์ที่ชัดเจน มาตรฐานการทำงานที่ต่ำ การป้อนกลับจากภายนอกไม่มากพอ และทั้งหมดนี้ก็ทำให้เกิดความคิดที่ว่า “ใช่แล้ว เรามีปัญหา แต่ปัญหาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร และฉันก็กำลังทำงานไปได้ดี” หรือ “ใช่แล้ว เรามีปัญหาใหญ่ และปัญหาก็มีอยู่ทั่วไป” การที่ไม่มีความรู้สึกถึงความจำเป็นเร่งด่วนให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว ผู้คนก็จะไม่ทุ่มความพยายามพิเศษซึ่งมักจะเป็นสิ่งที่จำเป็น พวกเขาก็จะไม่เสียสละในสิ่งที่จำเป็น แต่พวกเขากลับยึดติดอยู่กับสถานภาพในปัจจุบันที่เป็นอยู่และต่อต้านสิ่งที่ริเริ่มเข้ามาจากข้างต้น ผลก็คือ การปรับองค์กรต้องหยุดชะงักลง กลยุทธ์ใหม่ล้มเหลวที่จะนำมาใช้ปฏิบัติ การควบกิจการไม่ได้ถูกทำอย่างเหมาะสม การปรับลดขนาดของกิจการไม่ได้ช่วยได้เรื่องค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแม้แต่น้อย และโปรแกรมเพื่อคุณภาพก็กลายเป็นเพียงแค่เรื่องที่นำมาพูดกันอย่างยืดยาวและผิวเผินมากกว่าที่จะเป็นแก่นสารทางธุรกิจอย่างแท้จริง

ความผิดพลาดประการที่ 2 : การไม่สามารถทำให้เกิดการประสานความร่วมมือกันอย่างมีพลังพอ

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมักจะถูกกล่าวกันว่าไม่สามารถเป็นไปได้เลยหากว่าผู้นำองค์กรไม่ให้การสนับสนุน สิ่งที่คอตเตอร์กำลังจะอภิปรายต่อไปนี้มีขอบเขตกว้างกว่านั้นมาก สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จนั้น ประธาน ผู้จัดการทั่วไปของฝ่าย หรือหัวหน้าแผนก บวกกับพนักงานจำนวนห้าคน สิบห้าคน หรือห้าสิบคนซึ่งมีความรู้สึกผูกมัดต่อการปรับปรุงการปฏิบัติงานได้รวมตัวกันเป็นทีม กลุ่มนี้ไม่ค่อยมีพนักงานที่มีอาวุโสส่วนใหญ่เท่าใดนักเนื่องจากพนักงานอาวุโสเหล่านี้ไม่ค่อยเชื่อมั่น อย่างน้อยที่สุดก็ในตอนแรกเลย อย่างไรก็ตาม ในกรณีส่วนใหญ่ที่ประสบความสำเร็จนั้น การประสานความร่วมมือกันนั้นมักจะมีพลังมาก ในแง่ของชื่ออย่างเป็นทางการ ข้อมูลและประสบการณ์ ชื่อเสียงและความสัมพันธ์ รวมทั้งความสามารถสำหรับภาวะผู้นำ บุคคลแต่ละคนเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะเก่งมากเพียงใดหรือมีความสามารถในการเป็นผู้นำมากเพียงใด ก็ไม่ได้มีคุณสมบัติที่จำเป็นในการจัดการกับประเพณีดังเดิมและความเฉื่อยได้ยกเว้นในองค์กรที่มีขนาดเล็กมาก ๆ กรรมการที่อ่อนแอปกติก็จะมีประสิทธิผลน้อยลงไปอีก ความพยายามที่ขาดการประสานความร่วมมือกันอย่างมีการนำทางและมีพลังเพียงพอนั้นอาจทำให้เกิดความก้าวหน้าได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น โครงสร้างขององค์กรอาจถูกเปลี่ยนแปลงไป หรือความพยายามในการปรับโครงสร้างองค์กรอาจได้เริ่มขึ้น แต่ในที่สุดแล้ว แรงผลักดันที่เป็นลบก็จะกัดกร่อนหรือทำลายสิ่งริเริ่มนี้ไปเสีย ในความพยายามเบื้องหลังระหว่างผู้บริหารรายหนึ่งหรือคณะกรรมการที่อ่อนแอและประเพณี ผลประโยชน์ส่วนตัวระยะสั้น และอื่น ๆ นั้น ผลประโยชน์ส่วนตัวระยะสั้นถือเป็นสิ่งที่ครอบงำอยู่บ่อยครั้งมาก มันเป็นสิ่งป้องกันการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างไม่ให้สร้างการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จำเป็น มันทำลายการปรับโครงสร้างในแง่ของความต้านทานทางอ้อมจากพนักงานและผู้จัดการ มันเปลี่ยนโปรแกรมเพื่อคุณภาพเป็นแหล่งของความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นแทนที่จะเป็นความพึงพอใจของลูกค้า ความล้มเหลว ณ ที่นี้ปกติจะมีความสัมพันธ์กับการประเมินปัญหาในการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่ำเกินไป และจึงทำให้ความสำคัญของความร่วมมือกันทำงานอย่างมั่นคงจึงถูกประเมินต่ำไปด้วย แม้เมื่อความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจจะมีค่อนข้างต่ำก็ตามเมื่อเปรียบเทียบแล้ว แต่บริษัทที่มีประวัติการเปลี่ยนน้อยมากหรือแทบจะไม่มีประวัติการทำงานเป็นทีมมักจะประเมินคุณค่าของความจำเป็นสำหรับทีมดังกล่าวไว้ต่ำเกินไป หรือมักจะทึกทักเอาว่ามันสามารถนำได้โดยผู้บริหารฝ่ายพนักงานจากการวางแผนเชิงกลยุทธ์ การวางแผนคุณภาพ หรือการวางแผนทรัพยากรมนุษย์แทนที่จะเป็นผู้จัดการสายหลัก ไม่ว่าหัวหน้าพนักงานจะมีความสามารถหรือจะทุ่มเทในงานมากเพียงใดก็ตาม การนำทางความร่วมมือกันโดยปราศจากภาวะผู้นำสายที่มั่นคงก็ดูเหมือนว่าจะไม่เคยที่จะประสบผลสำเร็จที่ต้องการได้ในการเอาชนะกับสิ่งที่มักจะเป็นที่มาของความเฉื่อยจำนวนมาก

ความผิดพลาดประการที่ 3 : การประมาณค่าของวิสัยทัศน์ต่ำเกินไป

ความรู้สึกจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงและทีมนำที่มีความแข็งแกร่งนั้นเป็นสภาพที่จำเป็นแต่ยังไม่เพียงพอสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในบรรดาองค์ประกอบที่เหลืออยู่ที่มักจะพบในการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จนั้น ไม่มีองค์ประกอบใดที่จะสำคัญมากไปกว่าวิสัยทัศน์ที่มีเหตุผลวิสัยทัศน์มีบทบาทสำหรับในการก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่มีประโยชน์โดยการช่วยเหลือในการกำกับ ปรับ และจูงใจให้เกิดการปฏิบัติการต่าง ๆ ในส่วนของพนักงานจำนวนมาก หากปราศจากวิสัยทัศน์ที่เหมาะสมแล้ว ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงก็อาจกลายเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดความสับสน ไม่สอดคล้อง และยังสิ้นเปลืองเวลาได้อย่างง่ายดายซึ่งดำเนินไปในทิศทางที่ผิดพลาดหรือไม่ได้ไปในทิศทางใดเลย หากปราศจากวิสัยทัศน์ที่เหมาะสมแล้ว โครงการในการปรับปรุงระบบขนานใหญ่ในแผนกบัญชี การประเมินผลแบบ 360 องศา (เป็นการประเมินผลหรือการจัดอันดับพนักงานโดยที่ทุก ๆ คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันเป็นผู้ประเมิน เช่น ลูกค้า ผู้ขาย หัวหน้าโดยตรง เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชา) จากทรัพยากรบุคคล โปรแกรมคุณภาพของโรงงาน และความพยายามในการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมในหน่วยงานขาย (กลุ่มบุคคลตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไปทำหน้าที่รับผิดชอบในการติดต่อ แสวงหาลูกค้าและทำการเสนอขาย รวมทั้งการให้บริการก่อนและหลังการขาย) ก็จะไม่มีความหมายหรือความสำคัญใด ๆ หรือไม่ก็จะไม่สามารถกระตุ้นพลังที่จำเป็นในการนำเอาสิ่งริเริ่มใหม่ๆ นี้มาใช้ได้อย่างเหมาะสม เมื่อได้รู้สึกถึงความยุ่งยากในการสร้างการเปลี่ยนแปลงแล้ว พนักงานบางคนก็พยายามจัดการกับเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ เบื้องหลังและก็จะเจตนาหลีกเลี่ยงการอภิปรายสาธารณะใด ๆ อันเกี่ยวกับทิศทางในอนาคต แต่หากปราศจากวิสัยทัศน์ที่จะนำการตัดสินใจแล้ว ทางเลือกทุก ๆ อย่างที่พนักงานต้องเผชิญนั้นก็จะกลายเป็นข้อโต้แย้งที่ไม่มีวันจบสิ้น การตัดสินใจหน่วยเล็กที่สุดก็อาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่สร้างความชิงชังกันได้ซึ่งเป็นตัวบ่อนทำลายพลังและทำลายขวัญกำลังใจ ทางเลือกเชิงยุทธวิธีที่ไม่มีความสำคัญก็อาจกลายมาเป็นส่วนที่ครอบงำการอภิปรายและทำให้เสียเวลาอันมีค่าไป

ความผิดพลาดประการที่ 4 : การสื่อสารวิสัยทัศน์ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นโดยปัจจัย 10

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ปกติแล้วไม่อาจเป็นไปได้เว้นเสียแต่พนักงานส่วนใหญ่ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ บ่อยครั้งในระดับที่ทำการเสียสละในระยะสั้น ๆ แต่ว่าพนักงานจะไม่ทำการเสียสละ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีความสุขกับสถานภาพในปัจจุบันที่เป็นอยู่ก็ตาม เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะคิดว่าผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นได้ของการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นสิ่งน่าดึงดูดใจและเว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะเชื่อจริง ๆ ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้ หากปราศจากการติดต่อสื่อสารที่น่าเชื่อถือแล้ว หรือหากไม่มีความน่าเชื่อถือที่มากพอแล้ว หัวใจของพนักงานและความรู้สึกก็จะไม่มีความผูกพัน

รูปแบบสามอย่างของการติดต่อสื่อสารที่ไร้ประสิทธิผลนั้นพบได้ทั่วไป ทั้งหมดนี้ได้รับการผลักดันโดยอุปนิสัยที่เกิดในช่วงเวลาที่มีความเสถียรมากกว่า ในประการแรก จริง ๆ แล้วกลุ่มได้พัฒนาวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างดีและจากนั้นก็ได้ดำเนินการต่อไปที่จะขายมันโดยการจัดการประชุมเพียงสองสามครั้งเท่านั้นหรือโดยการส่งบันทึกความจำไปเพียงสองสามอย่างเท่านั้น สมาชิกจึงใช้การติดต่อสื่อสารภายในบริษัทเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีปฏิกิริยาฉงนสนเท่ห์งงงวยเมื่อพนักงานดูเหมือนกับว่าจะไม่เข้าใจวิธีการใหม่ ในรูปแบบที่สองนั้น หัวหน้าขององค์กรใช้เวลามากไปกับการแสดงสุนทรพจน์ให้กับกลุ่มพนักงาน แต่ว่าผู้จัดการส่วนใหญ่แทบจะไม่พูดอะไรเลย ซึ่ง ณ ที่นี้เองที่วิสัยทัศน์ดึงดูดการติดต่อสื่อสารตลอดทั้งปีทั้งหมดได้มากกว่าในกรณีแรก แต่ปริมาณนั้นยังคงไม่เพียงพอเป็นอย่างมาก ในรูปแบบที่สาม ความพยายามที่มากกว่ามากได้หันเข้าสู่จดหมายข่าวและสุนทรพจน์ แต่ว่ามีบุคคลบางคนยังมีพฤติกรรมในลักษณะที่ต่อต้านต่อวิสัยทัศน์ และผลลัพธ์สุทธิก็คือความเยาะเย้ยถากถางเกิดขึ้นในบรรดากลุ่มเพิ่มมากขึ้นขณะที่ความเชื่อในข้อความใหม่ลดต่ำลง

ความผิดพลาดประการที่ 5 : การปล่อยให้อุปสรรคมาขัดขวางวิสัยทัศน์ใหม่

การนำเอาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ประเภทใดก็ตามมาปฏิบัตินั้นจำเป็นต้องมีพนักงานจำนวนมากปฏิบัติด้วย สิ่งที่ริเริ่มเข้ามาใหม่มักจะล้มเหลวเมื่อพนักงานรู้สึกว่าตนเองสูญเสียพลังไปโดยอุปสรรคที่ขวางทางพวกเขาอยู่ บางครั้งแล้ว อุปสรรคนั้นก็คือโครงสร้างขององค์กร บางทีแล้วสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือการที่ผู้บังคับบัญชาไม่ยอมปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่และเรียกร้องในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ผู้ที่เป็นอุปสรรคหรือเป็นผู้ทำลายที่สำคัญเพียงคนเดียวก็สามารถหยุดยั้งความพยายามในการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดได้ เมื่อใดก็ตามที่พนักงานที่ฉลาดและมีความตั้งใจทำงานเป็นอย่างดีหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับอุปสรรคแล้ว พวกเขาก็จะทำลายพลังของพนักงานอื่น ๆ และบ่อนทำลายการเปลี่ยนแปลงลง

ความผิดพลาดประการที่ 6 : ความล้มเหลวในการสร้างความสำเร็จระยะสั้นได้

การเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงนั้นต้องใช้เวลา ความพยายามที่ซับซ้อนในการที่จะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์หรือในการที่จะปรับโครงสร้างนั้นต้องเสี่ยงกับการสูญเสียแรงกระตุ้นไปหากว่าไม่มีเป้าหมายระยะสั้นที่จะให้บรรลุผลสำเร็จและที่จะนำมาซึ่งการเฉลิมฉลองได้ พนักงานส่วนใหญ่จะไม่ร่วมเดินทางที่แสนไกลไปด้วยหากว่าพนักงานเหล่านี้ไม่เห็นถึงความชัดเจนภายใน 6 – 18 เดือนที่ว่าการเดินทางนั้นจะให้ผลลัพธ์ตามต้องการ หากปราศจากชัยชนะระยะสั้น ๆ แล้ว พนักงานจำนวนมากก็จะท้อและล้มเลิกไปหรือไม่ก็จะต่อต้านอย่างแข็งขัน การสร้างผลสำเร็จระยะสั้นนั้นแตกต่างจากความหวังในความสำเร็จระยะสั้น กล่าวคือ ความหวังเพื่อความสำเร็จระยะสั้นนั้นเป็นเรื่องทางอ้อม แต่การสร้างผลสำเร็จเป็นเรื่องทางตรง ในการเปลี่ยนแปลงที่ประสบความสำเร็จนั้น ผู้บริหารจัดการจะมองหาวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่งการปรับปรุงผลการดำเนินงานอย่างชัดเจน สร้างเป้าหมายในระบบการวางแผนประจำปี บรรลุถึงวัตถุประสงค์เหล่านี้ และให้รางวัลพนักงานซึ่งเกี่ยวข้องกับการยกย่อง การเลื่อนตำแหน่งหรือเงินตรา โดยทั่วไปแล้วพนักงานมักจะบ่นแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการที่ตนต้องถูกบังคับให้สร้างผลสำเร็จระยะสั้น แต่ภายใต้สภาพการณ์ที่เหมาะสมแล้ว ความกดดันประเภทดังกล่าวอาจเป็นองค์ประกอบที่มีประโยชน์ในกระบวนการเปลี่ยนแปลง เมื่อเป็นสิ่งชัดเจนว่าโปรแกรมคุณภาพหรือความพยายามในการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมจะต้องใช้เวลายาวนาน ระดับความรู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนก็จะลดต่ำลง ความผูกพันกับผลสำเร็จระยะสั้นก็อาจช่วยทำให้ความรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ (อันนำไปสู่ความประมาท) ลดลงและสนับสนุนให้เกิดการคิดเชิงวิเคราะห์อย่างละเอียดซึ่งสามารถทำให้เกิดความชัดเจนได้หรือแก้ไขวิสัยทัศน์ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนั้น

ความผิดพลาดประการที่ 7: การประกาศความสำเร็จหรือชัยชนะเร็วเกินไป

หลังจากการทำงานอย่างหนักสองสามปี พนักงานก็รู้สึกอยากที่จะประกาศความสำเร็จในความพยายามในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยผลการดำเนินงานที่ปรับปรุงขึ้นครั้งใหญ่ครั้งแรก ขณะที่ทำการเฉลิมฉลองในความสำเร็จอยู่ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่คำแนะนำใด ๆ ที่ว่างานส่วนใหญ่นั้นเสร็จสิ้นแล้วโดยทั่วไปแล้วถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ หากว่าการเปลี่ยนแปลงยังไม่ได้ฝังรากลึกลงในวัฒนธรรมแล้ว แนวทางใหม่ ๆ ก็ยังคงเปราะบางและมีแนวโน้มที่จะถอยหลังกลับไปเป็นเหมือนเดิม เมื่อไม่นานมานี้ คอตเตอร์ได้เฝ้าติดตามความพยายามในการเปลี่ยนแปลงนับสิบ ๆ ครั้งทำมีขึ้นภายในแผนการของการปรับระบบขนานใหญ่ ในกรณีทั้งหมดยกเว้นสองกรณีเท่านั้น ที่ชัยชนะหรือความสำเร็จถูกประกาศออกมาและที่ปรึกษาที่จ้างมาราคาแพงก็ได้รับค่าจ้างและกล่าวขอบคุณเมื่อโครงการใหญ่โครงการแรกเสร็จสิ้นแล้ว ทั้ง ๆ ที่มีหลักฐานน้อยมากที่เป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้นั้นได้บรรลุผลแล้วหรือแนวทางใหม่นั้นได้รับการยอมรับจากพนักงานแล้ว ภายในสองสามปี การเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ที่ได้ถูกนำเข้ามานั้นค่อย ๆ หายไป ส่วนสองในสิบกรณีนั้น เป็นการยากที่จะพบร่องรอยแห่งงานที่ได้มีการปรับระบบครั้งใหญ่ในปัจจุบัน คอตเตอร์ได้ถามผู้นำบริษัทที่ปรึกษาที่อาศัยการปรับระบบขนานใหญ่เป็นหลักว่าสถานการณ์นี้มันผิดปกติหรือไม่ แล้วเขาก็ตอบว่า “ไม่เลย โชคร้ายจริง ๆ สำหรับเราแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าคับข้องใจเป็นอย่างยิ่งที่จะทำงานเป็นเวลาสองสามปี ทำงานบางอย่างสำเร็จ และจากนั้นความพยายามก็ต้องถูกตัดออกไปก่อนถึงเวลาอันควร อย่างไรก็ตาม มันเกิดขึ้นบ่อยมากเกินไป กรอบเวลาในหลาย ๆ บริษัทนั้นสั้นเกินไปที่จะทำงานนี้ให้สำเร็จได้และทำให้มันยึดติดอยู่ตลอดได้” ตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา เขาได้เห็นถึงลักษณะเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นกับโครงการคุณภาพ ความพยายามในการพัฒนาองค์การ และอื่น ๆ ปกติแล้ว ปัญหาจะเริ่มต้นขึ้นเร็วเกินไปในกระบวนการ กล่าวคือ ระดับความรู้สึกถึงความจำเป็นเร่งด่วนนั้นไม่มากพอ ความร่วมมือกันทำงานนั้นยังไม่มีพลังพอ วิสัยทัศน์ยังไม่ชัดเจนพอ แต่การเฉลิมฉลองความสำเร็จก่อนถึงเวลาอันควรเป็นสิ่งที่ทำให้แรงกระตุ้นทั้งหมดต้องหยุดลง และจากนั้น แรงขับดันอันทรงพลังซึ่งเกี่ยวข้องกับรูปแบบวิธีการเดิม ๆ ก็เข้ามาครอบงำแทน หากกล่าวอย่างเย้ยหยันแล้ว ผู้ที่ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงแบบเป็นอุดมคติและผู้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงมักจะเป็นผู้สร้างปัญหาดังกล่าวนี้ ในความกระตือรือร้นของพวกเขาต่อสัญญาณอันชัดเจนถึงความก้าวหน้านั้น ผู้ริเริ่มจะเริ่มแสดงให้เห็นได้ชัดเจนก่อน จากนั้นก็ตามมาด้วยผู้ต่อต้าน ซึ่งสามารถหาโอกาสในการทำลายความพยายามได้อย่างรวดเร็ว หลังจากการเฉลิมฉลองความสำเร็จแล้ว ผู้ต่อต้านก็ชี้ไปที่ชัยชนะหรือความสำเร็จอันเป็นสัญญาณที่ว่าสงครามได้จบสิ้นแล้วและกองทหารควรถูกส่งกลับบ้าน กองทหารที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทำให้ตนเองเชื่อว่าเป็นผู้ชนะแล้ว ทันทีที่ถึงบ้าน พวกทหารก็ไม่ยินดีที่จะกลับไปสู้รบแถวหน้า ในไม่ช้าหลังจากนั้น การเปลี่ยนแปลงก็สะดุดหยุดลงและวิธีการเดิม ๆ ก็เข้ามาคืบคลานแทน การประกาศความสำเร็จเร็วเกินไปเป็นเหมือนกับการสะดุดตกลงไปในหลุมบนถนนที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง และด้วยเหตุผลหลายประการด้วยกัน แม้กระทั่งคนที่ฉลาดก็ไม่ได้สะดุดลงไปในหลุมด้วยเท้าเพียงเท้าเดียวเท่านั้น แต่พนักงานที่ฉลาดเหล่านี้กลับกระโดดลงไปทั้งสองเท้าเลย

ความผิดพลาดประการที่ 8 : การละเลยการสร้างวัฒนธรรมองค์กรภายหลังการเปลี่ยนแปลง

ในการวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย การเปลี่ยนแปลงจะยึดติดอยู่เพียงเมื่อมันได้กลายมาเป็น “วิธีการที่เราทำสิ่งต่าง ๆ แถว ๆ นี้” เมื่อการเปลี่ยนแปลงฝังรากลึกในหน่วยงานหรือองค์กร จนกว่าพฤติกรรมใหม่ ๆ จะได้รับการฝังรากลึกลงไปในบรรทัดฐานทางสังคมและค่านิยมร่วมกันก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วพฤติกรรมใหม่ ๆ ก็มักจะเสื่อมลงทันทีที่ความกดดันที่สัมพันธ์กับความพยายามในการเปลี่ยนแปลงถูกขจัดออกไป ปัจจัยสองประการที่มีความสำคัญเป็นพิเศษในการยึดวิธีการใหม่ในวัฒนธรรมองค์กร ได้แก่ ปัจจัยแรกก็คือความพยายามอย่างมีสติที่จะแสดงให้พนักงานเห็นได้ว่าพฤติกรรมเฉพาะอย่างบางอย่างและทัศนคติบางอย่างช่วยปรับปรุงผลการทำงานได้ เมื่อพนักงานถูกทำให้ต้องทำการเชื่อมโยงความเกี่ยวเนื่องด้วยตนเองแล้ว พวกเขาก็มักจะสร้างสายสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้องอย่างง่ายดาย การยึดติดต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นนอกจากนี้แล้วยังต้องใช้เวลาอย่างเพียงพอเพื่อให้เกิดความมั่นใจได้ว่าฝ่ายบริหารจัดการรุ่นต่อไปจริง ๆ แล้วได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการนี้อย่างชัดเจนออกไป หากว่าเกณฑ์ในการเลื่อนตำแหน่งไม่ได้รับการสร้างรูปแบบขึ้นมาใหม่แล้ว ซึ่งถือเป็นความผิดพลาดที่พบได้ทั่วไปอีกอย่าง การเปลี่ยนแปลงก็แทบจะไม่คงอยู่ต่อไป คนที่ฉลาดจะก้าวพลาดไปหากว่าพวกเขาไม่สนใจต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรม พนักงานที่ทำงานด้านการเงินที่มีความมุ่งหมายไปที่เรื่องทางเศรษฐกิจและวิศวกรที่มุ่งหมายไปที่เรื่องการวิเคราะห์นั้นสามารถพบหัวข้อเกี่ยวกับบรรทัดฐานทางสังคมและค่านิยมว่าเป็นสิ่งที่อ่อนเกินไปสำหรับรสนิยมของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงละเลยไม่สนใจวัฒนธรรม โดยทำให้เกิดอันตรายได้

ผลของความผิดพลาดทั้ง 8 ประการ

ความผิดพลาดทั้ง 8 ประการ ในการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สำหรับการจัดการในโลกแห่งการแข่งขันที่น้อยลงและโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้า ๆ การจัดการกับสิ่งริเริ่มใหม่ๆ อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่องค์ประกอบที่จำเป็นที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ ในสภาพแวดล้อมที่เสถียร ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็คือเสถียรภาพนั้นไม่ใช่บรรทัดฐานหรือตัวกำหนดอีกต่อไป เพราะว่าอีกประมาณ 2 – 3 ศตวรรษข้างหน้าสภาพแวดล้อมทางธุรกิจจะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น การเกิดข้อผิดพลาดที่พบได้ทั่วไปในข้อใดข้อหนึ่งก็ตามใน 8 ประการ จากความพยายามที่จะทำการเปลี่ยนแปลงนั้นจะทำให้มีผลอย่างร้ายแรงเกิดขึ้น การทำให้วิธีการใหม่ ๆ ต้องดำเนินไปอย่างล่าช้าลง จะทำให้เกิดการสร้างความต่อต้านที่ไม่จำเป็น การทำให้พนักงานในบริษัทหรือคนในองค์กรรู้สึกคับข้องใจอย่างไม่รู้จักจบสิ้น และบางครั้งแล้วการขัดขวางการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น อาจส่งผลทำให้องค์กรเกิดความล้มเหลวได้

สรุป

ผู้นำการเปลี่ยนแปลงต้องพึงระลึกไว้เสมอว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำสิ่งใหม่มาสู่องค์กร แต่ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จเสมอไป หลายครั้งที่ผู้นำนำความล้มเหลวมาสู่องค์กรได้เช่นกัน ซึ่งความสำเร็จและความล้มเหลวขององค์กรที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นมีหลายขั้นตอนด้วยกันและต้องใช้เวลา ดังนั้นความผิดพลาดทั้ง 8 ประการนี้ ไม่ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากเรามีความตั้งใจและมีทักษะแล้ว ความผิดพลาดเหล่านี้ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้หรืออย่างน้อยที่สุดก็ลดลงไปมาก กุญแจสำคัญอยู่ที่การทำความเข้าใจว่าทำไมองค์กรจึงได้ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็น

อะไรคือกระบวนการแบบหลายขั้นตอนที่สามารถจัดการกับความเฉื่อยซึ่งเป็นตัวทำลายได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ภาวะความเป็นผู้นำที่จำเป็นต้องมีเพื่อเป็นตัวผลักดันกระบวนการนั้นในลักษณะที่ก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมและองค์กร ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าการบริหารจัดการองค์กรที่ดีอย่างไร

-----------------------

หนูค่ะ..

ส่งภาพถ่ายการอบรมทั้งหมด เป็นแผ่น DVD พร้อมกับวีดิทัศน์วันปิดงาน 27 พ.ย.52 ให้ท่านประธานวีระศักดิ์ฯ ทาง EMS แล้ววันนี้ (8 ธ.ค.52) ขออภัยที่ส่งล่าช้าเนื่องจากติดวันหยุดหลายวันครับ...

ศักดิ์ .. ขอนแก่น

Mr.Commuter รายงานตัวครับ

หยุด3วัน

พี่ๆ NIA-Talented-2009

ทำงานหรือพักผ่อน

หรือทั้งทำงานและพักผ่อน

หรืออื่นๆ อีกมากมาย

แต่กระผมภูมิใจที่ได้ทำงาน

ถวายพ่อของแผ่นดิน

ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย

รักษาสุขภาพกันด้วยน่ะครับ

เสื้อรุ่นได้มาจังหวะดี

พอดีกับอุณหภูมิลมหวน

เอ้ยไม่ใช่!...ลมหนาว

(ได้เสื้อมาทันใช้)

อย่าลืมน่ะครับ

พวกเราจะบ้าคลั่งที่จะเรียนรู้

อยู่ตลอดเวลา

อย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง

ตอนนี้อากาศหนาวเริ่มดูแลสุขภาพกันหน่อยนะเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ตอนนี้เรากำลังอ่านการบ้านภาษาอังกฤษของ อ.จีระอยู่ คาดว่าคงส่งพรุ่งนี้ เพราะว่าต้องส่งพรุ่งนี้น่ะซิ (อิจฉาคุณสวิสตาจังเลยแปลเก่งจริง ๆ )

การบ้านไม่ส่ง

แต่ส่งกลอนมาให้อ่าน

ไม่มีคำว่าแพ้หากว่าเราได้เริ่ม

ไม่มีคำว่าอยู่ที่เดิมหากเราได้ค้นหา

ไม่มีคำว่าเป็นที่หนึ่งหากยังต้องพึ่งพา

ไม่มีคำว่าดีกว่าหากว่าเราไม่ตั้งใจ

คนจะสงสัยในสิ่งที่ท่านพูด

แต่เขาจะเชื่อในสิ่งที่ท่านทำ

ชีวิตในบางครั้ง

ความอยุติธรรมก็คล้ายเป็นเรื่องถูกต้อง

ความเจ็บปวดก็คล้ายเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

ความเสียเปรียบก็อาจถูกยัดเยียดให้

ความพ่ายแพ้ก็อาจเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดฝัน

คนที่เข้มแข็งเท่านั้นจึงจะสามารถทนรับเอาไว้ได้

เพื่อที่จะกอบกำทุกอย่างกลับคืนมา

ดอกไม้สวยอยู่บนต้น

จะหล่นก็ต่อเมื่อ มีใครมาเด็ด

เพื่อนที่ดีมีหนึ่งถึงจะน้อย

ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา

ดุจก้อนเกลือเค็มนิดหน่อยด้อยราคา

ยังมีค่ากว่าน้ำเค็มเต็มทะเล

มีเม็ดทรายนับไม่ถ้วนจำนวนทราย

คนทั้งหลายนับไม่ถ้วนในคุณค่า

ทรายจะแกร่งก็เพราะผ่านกาลเวลา

คนจะกล้าก็เพราะผ่านความอดทน

รอยเท้าที่ยาวไกล

เมื่อมองกลับไป

บ่งบอกได้ในผลงาน

บางรอยอาจมีชำรุด

เพราะสะดุด จุดขวากหนาม

ฟันฝ่าจนรอยงาม

เก็บเป็นนิยามของความภูมิใจ

เงินไม่ได้สร้างมิตรแท้มากเท่าศัตรูจริง

บทความจาก บ้านธรรมะ

สิบสองวันในการอบรม สิ่งที่ได้รับมากที่สุดก็คือ คนคือทรัพยากรสำคัญที่สุดที่จะทำให้กลไกในการทำงานของแต่ละองค์กรสามารถขับเคลื่อนไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ทุนมนุษย์ เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะทุนที่ลงไปนั้นไม่เสื่อมสลายเหมือนสิ่งของ ความรู้ที่ได้จะติดตัวกับผู้เข้ารับการอบรมไปตลอดชีวิต แตกต่างกับการลงทุนอย่างอื่นที่มีวันลดลงหรือจางหายไป องค์กรที่ประสบความสำเร็จต่าง ๆ นั้นเกิดจากการพัฒนาทุนมนุษย์ในองค์กรอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จในด้านทุนมนุษย์ สามารถสร้างบุคลากรที่มีประสิทธิภาพสูงให้เกิดขึ้นในองค์การได้จากรุ่นสู่รุ่น ดังนั้น ทุกคนจึงควรตระหนักถึงการแสวงหาความรู้ให้กับตนเองทั้งการเข้ารับการอบรมในหลักสูตรต่าง ๆ ที่องค์กรจัดขึ้น และสิ่งสำคัญคือ การปลูกฝังนิสัยใฝ่รู้ให้กับตนเอง เพราะความรู้คือคลังสมบัติขนาดใหญ่ที่เรามีติดตัวไปจนหมดลมหายใจ เมื่อมีความรู้ติดตัวแม้จะเข้าวัยเกษียณอายุก็ยังสามารถนำเอาคลังสมบัติของตัวเองนั่นก็คือ ความรู้ที่สะสมมา นำมาต่อยอด ถ่ายทอดให้กับผู้ใฝ่รู้รุ่นน้องได้รับความรู้สืบทอดต่อไปอันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวม ดังเช่นอาจารย์สมศักดิ์ , อาจารย์จีระ , และอาจารย์ท่านอื่น ๆ ที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ ให้ชนรุ่นหลังได้รับสืบทอดในสิ่งที่ดีสืบทอดต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือการอุทิศประโยชน์อย่างมหาศาลให้กับสังคมอันน่าจะยกย่องและถือเป็นแบบอย่างที่ดีต่อไปในอนาคต

สาระที่ได้รับจากบทความเรื่อง Why Transformation Efforts Fail?

องค์กรไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ล้วนต้องเผชิญกับการแข่งขันกับภายนอก จึงจำเป็นต้องปรับตัวเองด้วยรูปแบบ/วิธีการที่ แตกต่างกันไป เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แต่การจะทำให้องค์กรเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นนั้นควรทำให้สำเร็จและเกิดความยั่งยืนด้วย ข้อเสนอแนะในการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความผิดพลาดที่จะทำให้ความพยายามเปลี่ยนแปลงประสบความล้มเหลว มี 8 ประการดังนี้

1. ไม่สร้างความรู้สึกถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรต้องมีการเปลี่ยนแปลง การจะเปลี่ยนแปลงต้องให้ทุกคนรับรู้และ ร่วมมือ โดยอาศัยแรงจูงใจให้คนคิดเห็นตรงกันและตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงนั้น หากคนในองค์กรไม่ช่วยกันสร้าง ความพยายามก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงจึงต้องการผู้นำที่สร้างสรรค์และเล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ไม่เพียงตัวผู้นำสูงสุดเท่านั้น ผู้นำทุกระดับสามารถเข้ามามีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

2. ไม่สร้างทีมงานนำการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ความพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่มีผู้นำที่เป็นผู้สนับสนุนที่ดี การสร้างทีมงานที่ประกอบด้วยคนกลุ่มหนึ่งที่เป็นกำลังสำคัญขององค์กรนับว่าจำเป็นอย่างมาก การรวมกลุ่มคนเหล่านี้เข้าด้วยกันจะมีส่วนผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงกระทำได้สำเร็จ ทำให้เกิดการเข้ามาร่วมกันประเมินปัญหา อุปสรรค โอกาส สร้างความเชื่อมั่น และทำการสื่อสารให้เกิดการนำพาไปสู่การเปลี่ยนแปลง

3. ขาดวิสัยทัศน์ที่มุ่งไปข้างหน้า สัมพันธ์กับข้อ 1 และข้อ 2 คือ หากมีข้อ 1 และ 2 แล้ว แต่ขาดวิสัยทัศน์ ความพยายามในการเปลี่ยนแปลงอาจล้มเหลว เนื่องจากคนในองค์กรจะสับสนไม่รู้ว่าองค์กรจะมุ่งไปทางใดกันแน่ จึงต้องสร้างวิสัยทัศน์ที่ sound และ sense สื่อสารให้คนรับรู้ เข้าใจได้ง่ายและรวดเร็ว และเกิดปฏิกริยาตอบสนองด้วยความเข้าใจและสนใจทันทีพร้อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี ถ้าไม่มีข้อนี้ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

4. ขาดการสื่อสารวิสัยทัศน์ ผู้นำองค์กรต้องทุ่มเทเวลาในการสร้างความเข้าใจ/ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ ดำเนินการโดยอาศัย รูปแบบ/ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและต่อเนื่อง เพื่อให้คนในองค์กรทราบโดยทั่วกัน ให้เกิดความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะอุทิศตนเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรู้ว่าตนมีความสำคัญและมีส่วนสนับสนุนต่อวิสัยทัศน์ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้แค่ไหนและอย่างไร

5.ไม่ขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางวิสัยทัศน์ ในช่วงการพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลง คงไม่มีองค์กรใดมีศักยภาพเพียงพอในการขจัดอุปสรรคต่างๆ ได้ทั้งหมด อุปสรรคที่ขัดขวางความพยายามในการเปลี่ยนแปลงอาจมี อาทิ โครงสร้างขององค์กรที่ไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารบางคนไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง คนในองค์กรกลัวเสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อย องค์กรควรเลือกที่จะปัดเป่าอุปสรรคใหญ่ๆ ออกไปให้ได้ โดยเฉพาะในเรื่องคน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่สุดขององค์กร กลายเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่จะผลักดันให้คนทั้งหลายเกิดความเชื่อมั่น พร้อมที่จะปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ใหม่เพื่อก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ

6.ขาดการวางแผนและตั้งเป้าหมายระยะสั้น แม้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงอาจกินเวลานาน แต่การวางแผนและตั้งเป้าหมายระยะสั้นให้เห็นผลของการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะๆ นับเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นและเป็นประโยชน์ต่อความพยายามสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งหากมีจะทำให้เกิดการพัฒนาไปสู่ความสำเร็จ และหากกระทำสำเร็จตรงตามเป้าหมายระยะสั้นนั้น ควรให้รางวัลแก่คนด้วยการยอมรับ การเลื่อนตำแหน่ง หรือแม้แต่ให้ปัจจัยที่จำเป็น เช่น เงินตอบแทน ที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดกำลังใจและเป็นแรงผลักดันให้มุ่งมั่นที่จะทำต่อไป หากเป้าหมายระยะสั้นทำได้สำเร็จ ก็สร้างความน่าเชื่อถือต่อขั้นตอนที่จะดำเนินการต่อไปในระยะยาวด้วย

7.ประกาศชัยชนะเร็วเกินไป เมื่อผ่านความพยายามอย่างหนักในระยะแรกของการนำพาองค์กรไปสู่ความเปลี่ยนแปลง อาจเห็นการพัฒนาเกิดขึ้นบ้างแล้ว แต่ไม่ควรรีบร้อนหรือสำคัญผิดคิดว่าองค์กรประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลง ยังจำเป็นต้องใช้เวลารอคอยอีกนานหลายปีจนกว่าจะแน่ใจว่า การเปลี่ยนแปลงได้หยั่งรากลึกและดำรงอยู่อย่างถาวรในวัฒนธรรมองค์กรของเราแล้ว มิฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงอาจชะงักงันหรือสูญหายไปในที่สุด

8.ไม่ปลูกฝังการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร การจะนำองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนมีปัจจัยสำคัญสองประการ คือ 1) ต้องพยายามสร้างจิตสำนึกให้คนในองค์กรตระหนักว่าวิถีทาง การประพฤติปฏิบัติ หรือทัศนคติใหม่ๆ มีผลต่อการพัฒนาไปสู่ความเป็นเลิศได้อย่างไร เพื่อให้ฝังรากลึกอยู่ในบรรทัดฐานทางสังคมและค่านิยมขององค์กรที่มีร่วมกัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรต่อไป และ 2) ต้องอาศัยเวลาเนิ่นนานเพียงพอจนกว่าจะแน่ใจว่าคนรุ่นใหม่ที่ก้าวมาสู่ระดับผู้บริหารระดับสูง เข้าถึงแนวทางการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยตัวเองอย่างจริงจัง จึงจะสามารถสืบทอดแนวคิดและนำพาองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต่อไปได้

ทำไมความพยายามเปลี่ยนแปลงองค์กรจึงล้มเหลว

การเปลี่ยนแปลงในองค์กร หรือการปฏิรูประบบการทำงานในแต่ละครั้ง ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน จะเห็นการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงเพื่อการเติบโตอันเป็นประโยชน์ต่อส่วนร่วม ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม และวิวัฒนาการต่างๆ ที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หรือจำกัดความเห็นแต่ประโยชน์ของตัวเอง ที่ผ่านมาข้อผิดพลาดของความพยายามปฏิรูปองค์กร หรือเปลี่ยนแปลงระบบต่างๆ เกิดขึ้นจาก “คน” ในองค์กร ไม่พัฒนาให้เท่าทัน ไม่เกาะติดสถานการณ์ หรือร่วมกันคิดวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ ไม่มีศรัทธาหรือความมุ่งหมายไปในทิศทางเดียวกัน สิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจาก 1. การเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน โดยไม่สร้างความรู้สึกร่วมของคนในองค์กรอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่มีแรงจูงใจ หรือแรงผลักดันร่วมกันของคนในองค์กร ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ แต่กลับแปรเปลี่ยนเป็นกระแสย้อนกลับถึงความไม่เชื่อมั่น ไม่ไว้วางใจ เกิดจากการไม่เรียนรู้อย่างถ่องแท้ถึงสาเหตุของการเปลี่ยนแปลง และอาจทำให้การเปลี่ยนแปลงล้มเหลวได้

2. ไม่สามารถสร้างสรรค์ให้เกิดพลังอำนาจในความร่วมมืออย่างเพียงพอ ผู้นำองค์กรมีบทบาทสำคัญยิ่ง ที่จะสร้างความเข้าใจ กระตุ้นความรู้สึกร่วม สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในองค์กร ให้ทุกคนเกิดความรู้สึกมีส่วนร่วม เกิดความร่วมแรงร่วมใจ ความสามัคคี และเห็นประโยชน์ร่วมกันในการเปลี่ยนแปลง ที่นำไปสู่การพัฒนาอย่างก้าวหน้าขององค์กร อันจะนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จของคนในองค์กรในที่สุด

3. การปราศจากวิสัยทัศน์ ผู้บริหารและบุคลากรในองค์กร เกิดความพึงพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่มีความคิดก้าวหน้า ไม่พัฒนา ไม่คิดริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ไม่กล้าหรือไม่พยายามทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง หรือมีวิสัยทัศน์ต่ำไม่เท่าทันสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกที่เป็นอยู่ ถึงมีความพยายามจะเปลี่ยนแปลงแต่ย่อมไม่เท่าทัน หรือไม่สามารถสื่อสารแสดงความคิดเห็น กระบวนความคิดให้คนอื่นเข้าใจได้

4. การสื่อสารแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในองค์กรน้อย หรือมีรูปแบบไม่เหมาะสม การสื่อสารในองค์กรที่ไม่ดี ไม่มีความผูกพัน ไม่มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์ความผิดพลาด ข้อดี ข้อเสีย จุดอ่อน จุดแข็ง และวิธีการที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกัน ให้เข้าใจร่วมกัน นำมาซึ่งความสับสน ฉงนสนเท่ห์ ท้ายสุดกลายเป็นไม่เชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลง

5. การปล่อยให้อุปสรรคมาขวางกั้นวิสัยทัศน์ใหม่ การเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆ ย่อมมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว หรือมีอุปสรรค ทั้งจากโครงสร้างองค์กรที่ไม่เอื้อ การปรับตัวของคนในองค์กรไม่ยอมรับ ต่อต้าน ตอบโต้ หรือเฉื่อยชาเฉยเมย หรือเรียกร้องในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง ย่อมเป็นอุปสรรคต่อความคิด กระบวนการทางความคิด หรือความต้องการของคนส่วนใหญ่ ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

6. การไม่คิดวางแผนอย่างสร้างสรรค์ ให้การเปลี่ยนแปลงสำเร็จในระยะสั้นเป็นระยะ การเปลี่ยนแปลงปฏิรูปองค์กร หรือแนวคิดการทำงาน ต้องใช้ระยะเวลานานที่จะร่วมแรง ร่วมใจในการฝ่าฟันอุปสรรค แต่หากมีการวางแผนอย่างสร้างสรรค์ให้สามารถประสบผลสำเร็จในระยะสั้นเป็นช่วงเวลาสามารถเห็นผลตามต้องการ จะสร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากรที่จะร่วมท้าทายฝ่าฟันอุปสรรคให้สำเร็จในขั้นต่อๆไป

7. การประกาศความสำเร็จเร็วเกินไป การเปลี่ยนแปลงองค์กร ไม่สามารถรีบเร่งที่จะประกาศผลสำเร็จ เพราะวัฒนธรรม ค่านิยม ความรู้สึกยอมรับในการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาเรียนรู้ ซึมซับให้เกิดความยั่งยืน เพราะหากเกิดความผิดพลาด จะกลับไปสู่จุดเริ่มต้นที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมาก่อน จะทำให้รูปแบบวิธีการเดิมๆกลับเข้ามาครอบงำแทน การประกาศผลสำเร็จเร็วเกินไป จะทำให้การปฏิรูปล้มเหลวหากไม่ได้สำเร็จอย่างแท้จริง

8. ไม่เปลี่ยนแปลงและยึดหลักวัฒนธรรมร่วมขององค์กรอย่างเหนียวแน่น การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดค่านิยมและวัฒนธรรมใหม่ๆเกิดขึ้น ที่จะเป็นบรรทัดฐานร่วมกันของคนในองค์กร แต่หากยังยึดค่านิยมเก่าๆที่ฝังรากอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมรับการพัฒนาหรือสิ่งใหม่ๆที่เกิดขึ้น ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงในองค์รวม

ปัจจัย 8 ประการข้างต้น เป็นเพียงอุปสรรคสำคัญที่ทำให้การเปลี่ยนแปลง หรือการปฏิรูปองค์กรล้มเหลว แต่ยังคงมี ปัญหาอุปสรรคอีกจำนวนมากมายที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงองค์กรไม่ประสบผลสำเร็จได้ อย่างไรก็ตาม “คน” ยังเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นหรือเลวลง ดังนั้น การให้ความสำคัญต่อการพัฒนาคน จึงเป็นสิ่งจำเป็น

------------------------------------

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 และทีมงาน อจ.จีระ

วันนี้ได้ข่าวว่า อจ.เอราวัน จะเข้ามา ทางสมาชิก Talented ขอมอบเสื้อแจ็คเก็ตให้กับ อจ.จีระ และทีมงาน รวม 5 ตัว เป็นของขวัญตอบแทนความรู้ที่ อจ.จีระ และทีมงานมอบให้เราด้วยดีตลอดมาและตลอดไป ผมฝากไว้กับคุณพจนารถ เรียบร้อยแล้ว

สำหรับสมาชิก Talented มีประกาศเพิ่มเติมอีกแล้วจ้า...

1. สมาชิกท่านใดนำนาฬิกามาแลกเสื้อแจ็คเก็ตไปเมื่อวันศุกร์ ให้มารับนาฬิกาคืนที่ห้องทำงาน ปธ.ติ่งด้วย หากผมไม่อยู่สอบถามน้องแจ๋วก็ได้

2. พี่น้องครับ แจ็กเก็ตและเสื้อสูทพร้อมแล้ว ช่วยมารับกันหน่อยเถอะครับ เต็มโต๊ะผมแล้ว..(ติดชื่่อไว้ให้เรียบร้อยแล้วจ้า)

3. การบ้านอย่าลืมส่งด้วยเด้อ

4. เรื่องด่วนสุดท้าย...ขอหารือว่างานเลี้ยงต้อนรับรองโยฯ ในวันศุกร์ที่ 18 ธันวาฯ จะเลือกร้านใกล้ๆ ดีกว่าไหม เพราะทุกคนจะได้เดินทางสะดวก หรือจะแว๊บไปแว๊บมาได้ง่ายกว่า แต่น้ำประสานสัมพันธ์ผมพร้อมสนับสนุนเพียบๆๆๆๆๆ เหมียนเดิม

รักทุกคน/ติ่ง

ปล.ขอผองเราจงอย่าหยุดเรียนรู้ เพราะจะทำให้หยักสมองฝ่อ

เราทุกคนก็เหมือนก้อนดินแค่ก้อนหนึ่ง

เปราะบาง ไร้ค่า ไร้ความหมาย

อ่อนแอเหมือนโคลน ไหลไปตามทางเรื่อยไป

เมื่อน้ำแห้งไป ก็แตกระแหง

มีพลัง เพียงแค่แรงเดียวที่ยึดเรา

เหนี่ยวรั้ง เราไว้ ให้กล้าแข็ง

รวมผู้คนมากมาย ให้ทรงพลังแข็งแรง

รวมเม็ดดินทุกเม็ด ให้เป็นแผ่นดิน

เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน

ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น

เพราะพ่อรู้ พ่อคือ... พลังแห่งแผ่นดิน

ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป

หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง

เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม

บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ

ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา

เราก็รู้ พ่อต้องเหนื่อยสักเพียงไหน

ต้องลำบากใจกาย ไม่เคยสิ้น

เพราะพ่อรู้ พ่อคือ... พลังแห่งแผ่นดิน

ให้เราพออยู่พอกินกันต่อไป

หากจะหา ของขวัญ ให้พ่อสักกล่อง

เราทั้งผอง จะพร้อมกันได้ไหม

บวกกันเป็นดินเดียว ให้พ่อได้สุขใจ

ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่เป็นมา

ช่วยกันทำความดี ให้พ่อได้สุขใจ

ไม่ต้องเหนื่อยเกินไป อย่างที่แล้วมา

ตามที่ ปธ.พี่ติ่งเสนอ ข้อ 4. คือ เรื่องด่วนสุดท้าย...ขอหารือว่างานเลี้ยงต้อนรับรองโยฯ ในวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค. 52 จะเลือกร้านใกล้ๆ ดีกว่าไหม เพราะทุกคนจะได้เดินทางสะดวก หรือจะแว๊บไปแว๊บมา (ซะแว๊บแอบปิ้ง) ได้ง่ายกว่า แต่น้ำประสานสัมพันธ์ผมพร้อมสนับสนุนเพียบๆๆๆๆๆ เหมือนเดิม

สรุปข้อคิดเห็น คือ เห็นชอบด้วย เป็นอย่างยิ่ง อย่างยิ่ง และอย่างยิ่งที่สุด

โดยท่าน ปธ.พี่ติ่งโปรดแจ้งร้านอาหารดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบด้วยน่ะครับ

เราได้อะไรจากการอบรม 12 วัน

การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา มีทั้งสิ่งที่มีคุณค่าและไม่มีคุณค่า เราจะทำอย่างไรในการคัดกรองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด โดยที่ตัวเราต้องมีมาตรฐานที่ดีในการคัดกรองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น ดังนั้นก่อนที่จะคัดกรองสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น เราต้องมาปรับมาตรฐานตัวเราก่อนที่จะคัดกรองสิ่งต่าง ๆ ให้ได้ถูกต้อง และดี

ดังนั้นสิ่งที่ได้รับการการอบรม 12 วัน คือเครื่องมือที่ช่วยชี้แนะแนวทางในการสร้างมาตรฐานที่ดีให้กับตัวเอง โดยการวิเคราะห์ตัวเอง แล้วปรับตัวเอง ต่อจากนั้นลงมือปฏิบัติก่อนเพื่อให้คนอื่นเ็ห็นว่าดีแล้วปฏิบัตตาม

มาตรฐานที่ดีที่ได้รับมา อาทิ การรู้จักตัวเองอย่างท่องแท้ ไม่อคติ มองโลกในแง่บวก เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เปลี่ยนอุปสรรค ให้เป็นการสร้างสรรค์ และที่สำคัญมองเห็นผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นหลัก

สวัสดีครับรายงานตัว คอมฯแฮ้ง พอๆกับ คน มีคติดีๆมาฝากแล้วกัน

ไม่มีใครมาลิขิตชีวิตเราได้นอกจากตัวเราเอง

If you can dream it, you can do it = ถ้าคุณฝันได้ คุณก็ทำได้

ไม่มีอะไรยากเกินไป หากเราคิดว่าเราทำได้

อย่าเพิ่งท้อแท้ในสิ่งที่ยังไม่พยายาม และอย่าเพิ่งหมดหวังในสิ่งที่ยังไม่เริ่มต้น

ไม่มีคำว่าสาย ถ้าคิดจะเริ่มต้น

อย่าพูดว่าทำไม่ได้ ถ้ายังไม่ได้ทำ

อย่ากลัวล้มทั้งๆที่ยังไม่เริ่มต้น

การหนีปัญหาเป็นสิ่งที่ดี แต่การเผชิญหน้ากับมันย่อมดีกว่า

อย่ากลัวที่จะก้าวไปช้าๆ จงกลัวที่จะหยุดอยู่กับที่

อุปสรรคคือความแข็งแกร่ง

ปัญหาคือการฝึกฝน

ความผิดพลาดคือการเรียน

เวลาไม่เคยหวนกลับ เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขวันวานได้

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด (คติคลาสสิกที่สุดและ ^^)

เก็บความผิดพลาดในอดีตมาเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต

อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ แล้วก็อย่าบอกว่าเวลาไม่เคยพอ

ทำวันนี้ให้มีความสุขก็พอ

อดีตไม่สำคัญ..ปัจจุบันทำให้ดีที่สุด

สุดท้ายย '' Nobody Perfect '' ไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์แบบ

ขอคำแนะนำ เกี่ยวกับ Focus ออกมาใหม่ติดแก๊สจะมีปัญหาไม๊ครับ น้องกัสของผมเติม e20 ได้แต่ก็สู้ไม่ไหวน้ำมันแพงเหลือเกิน

ช่วยแนะนำด้วย เรื่องเดียวกันป่าวนี่ ผมหมายถึงฟอร์ดโฟกัสครับ.....ว้อเล่น!

สิ่งที่ได้จากการอบรมหลักสูตร Talented Capital Development Program เป็นเวลา 12 วัน

อยากพัฒนาตนเองให้เป็นคนมีความรู้ความสามารถและมีคุณค่ามากขึ้น จากที่เคยท้อแท้และมองว่ามันไกลตัว ไม่สำคัญ ไม่อยากแก้ไข หรือพัฒนาให้ดีขึ้น การมีโอกาสเข้ารับการอบรมฯ ความคิด/ทัศนคติก็เปลี่ยนไป มีกำลังใจมากขึ้น มองโลกกว้างขึ้น อยากรู้อยากเห็น อยากปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาตนเองและงานให้มีคุณค่าและคุณภาพดียิ่งขึ้น

รู้จักรู้ตนเองมากขึ้น โดยเฉพาะการทำงานเป็นทีม ทำให้เห็นความบกพร่องของตนเองและผู้อื่น การเสียสละ การให้โอกาส การให้อภัย การเคารพและให้เกียรติ ภายใต้สภาวะการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน ทำงานร่วมกัน และอุดมการณ์เดียวกัน

รู้จักคิดอย่างมีเหตุมีผล คิดในเชิงบวกและเป็นระบบ มีสติ คิดก่อนพูด และปล่อยวางมากขึ้น

------------------------------------

ทำไมการเปลี่ยนแปลงในองค์กรจึงล้มเหลว

การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในองค์กรเพื่อไปสู่ความเป็นเลิศ (High and Excellence Performance Organization) ต้องเริ่มที่คนทุกระดับทุกสายงาน ผู้นำมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาองค์กร แต่ก็ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกคนทั้งระดับผู้บังคับบัญชาและระดับปฏิบัติ ที่ต่างเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

ปัจจัยที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงในองค์กรล้มเหลว ประกอบด้วย

1. ขาดความตระหนักร่วมกันถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลง หากทุกคนให้ความสำคัญกับการผลักดันการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน ก็จะทำให้การปรับเปลี่ยนและการพัฒนาองค์กรเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ผู้นำมีความสำคัญในฐานะผู้บุกเบิกหรือ ริเริ่ม แต่ผู้นำคนเดียวไม่สามารถดำเนินการได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากสมาชิกในองค์กร

2. ไม่มีการสร้างการมีส่วนร่วมในฐานะที่เป็นทีมเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงไม่อาจเกิดขึ้นได้ถ้าขาดผู้สนับสนุน ซึ่งทุกคนในองค์กรทุกระดับและทุกสายงานต้องร่วมมือกัน

3. ขาดวิสัยทัศน์ขององค์กร วิสัยทัศน์ช่วยให้มองเห็นทิศทางและภาพขององค์กรในอนาคต ซึ่งอาจมาจากจินตนาการ โดยผ่านการคิดอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การกำหนดยุทธศาสตร์และบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้

4. ไม่ให้ความสำคัญกับการสื่อสารภายในองค์กร ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมาย รวมทั้งเป็นส่งเสริมความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีของสมาชิกทุกคนในองค์กร โดยอาจใช้ช่องทางต่างๆ ทั้งทางวาจา ลายลักษณ์อักษร และการกระทำต่างๆ

5. ไม่มีการแก้ไขอุปสรรคที่ขัดขวางการไปสู่เป้าหมาย ทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมมีอุปสรรค ดังนั้นจึงต้องมีการขจัดอุปสรรคต่างๆ ทั้งที่อยู่นอก และในองค์กร เช่น โครงสร้างหรือทัศนคติ ค่านิยมของแต่ละคน ที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง

6. ไม่รู้จักคิดวางแผนอย่างเป็นระบบ ไม่มีการริเริ่มสร้างสรรค์ และไม่มีการกำหนดเป้าหมายหรือเป้าประสงค์อย่างเป็นขั้นตอน การผลักดันการเปลี่ยนแปลงต้องมีการกำหนดกรอบเวลาหรือขั้นตอนเป็นระยะสั้น (สำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน) และยาว (สำหรับการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่) เพื่อให้เห็นความคืบหน้า รวมทั้งต้องมีการคิดวางแผนอย่างเป็นระบบและชัดเจน และ มีการทบทวน เพื่อปรับแก้ไขได้

7. ประเมินความสำเร็จเร็วเกินไป ในระยะแรกที่เริ่มการเปลี่ยนแปลงและเห็นความคืบหน้าอาจทำให้ประเมินความสำเร็จผิดหรือเร็วเกินไป โดยมองว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นความสำเร็จ แต่จริงๆ แล้วการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ต้องใช้เวลานาน 5-10 ปี การประเมินผิดพลาดดังกล่าวเกิดจากการขาดการปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในองค์กร ซึ่งการกำหนดเป้าหมายระยะสั้นจะช่วยแก้ไขปัญหาการประเมินผิดพลาด และมองความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงได้อย่างแท้จริง

8. ไม่วางรากฐานความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร ต้องมีการปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงเป็นค่านิยมหรือวัฒนธรรม ด้วยการทำให้ทุกคนเห็นว่าแนวทาง ทัศนคติ และพฤติกรรมใหม่ๆ ช่วยปรับปรุงการทำงาน และ ให้เวลาคนรุ่นใหม่ในการริเริ่มแนวทางใหม่ด้วยตัวเอง

สิ่งที่ได้จากการอบรม 12 วัน

ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา สิ่งแรกที่เราต้องทำคือการเปลี่ยนแปลงตัวเองจากที่เรายึดติดกับวัฒนธรรมเก่า ๆ ไปเป็นการเรียนรู้สู่โลกยุคใหม่เพื่อให้ทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเริ่มจากการเปลี่ยนทัศนคติ มองโลกในแง่บวกมากขึ้น การใฝ่รู้ที่จะเพิ่มพูนความรู้ ทักษะให้กับตนเองเพิ่มมากขึ้น การมีคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม เป็นสิ่งสำคัญของผู้นำยุคใหม่

ความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับผู้อื่น เพิ่อสร้างทีมงานนำพาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ

สิ่งที่ได้รับจากการ 12 วันแห่งเรียนรู้

ประการแรกได้รู้จักตัวเอง วิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็งของตัวเองเพื่อเสริมจุดอ่อน พัฒนาจุดแข็ง ได้เรียนรู้ความแตกต่างของคน การยอมรับ ความเชื่อใจ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ได้ฝึกการคิดวิเคราะห์ คิดให้แตกต่าง พัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่เรียนรู้ตลอดเวลา แล้วนำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับงาน กับองค์กร รู้จักการใช้เทคโนโลยีที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ๆ เป็นการสร้างเครือข่ายภายในองค์กร เพื่อให้การทำงานง่ายขึ้น ได้เห็นตัวอย่างที่ดีของบริษัทเอกชนที่มีการพัฒนาคนอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อนำมาปรับใช้ในองค์กร และหวังว่าสักวันเราจะเป็นหน่วยงานที่มีความเป็นเลิศบ้าง

ทำไมความพยายามเปลี่ยนแปลงองค์กรจึงล้มเหลว

การเปลี่ยนแปลงองค์เพื่อนำไปสู่องค์กรแห่งความยั่งยืน เพื่อรองรับกับกระแสโลกที่เปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ผู้นำการเปลี่ยนแปลงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรม โดยสมาชิกภายในองค์กรทุกระดับต้องมีส่วนร่วมในการปรับเปลี่ยนและพัฒนา ซึ่งปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงในองค์กรที่ทำให้การเปลี่ยนเปลงไม่บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ประกอบด้วย

1. สมาชิกภายในองค์กรไม่ตระหนักร่วมกันถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลง และผู้นำในฐานะผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงไม่ได้รับความร่วมจากสมาชิกในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงร่วมกันภายในองค์กร

2. การขาดการมีส่วนร่วม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากขาดความร่วมมือกันภายในองค์กร

3. การขาดวิสัยทัศน์ขององค์กร ในการกำหนดทิศทางขององค์กรในอนาคต เพื่อนำไปสู่การยุทธศาสตร์ และสามารถเบรรลุเป้าหมายขององค์กรได้ตามที่กำหนดไว้

4. การไม่ให้ความสำคัญกับการสื่อสารภายในองค์กร เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกภายในองค์กรทุกระดับ ในการบรรลุถึงความเข้าใจเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมกัน

5. การขาดการแก้ไขอุปสรรคทั้งที่อยู่ภายนอก และภายในองค์กร ที่ขัดขวางการในการนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายขององค์กร

6. การขาดการคิดวางแผนอย่างเป็นระบบ ไม่มีการริเริ่มสร้างสรรค์ และไม่มีการกำหนดเป้าหมายหรือเป้าประสงค์อย่างเป็นขั้นตอน

7. การประเมินความสำเร็จสำหรับการเปลี่ยนแปลงในองค์กรเร็วเกินไป

8. การยึดหลักวัฒนธรรมองค์อย่างเหนียวแน่นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงและไม่ยอมรับการพัฒนา เพื่อให้เกิดค่านิยมและวัฒนธรรมใหม่ ๆ เกิดขึ้นภายในองค์กร

๑๒ วัน สำหรับการไขลานชีวิต ได้มา ๕ ข้อ แต่ต่อท่อยาวกว่า ๑๒ ทศวรรษ

๑. รอบ รู้วิชาการ พื้นฐานชีพ

๒. รู้ แนวคิด สังเคราะห์เหมาะแม่นมั่น

๓. เสริม สติ ศรัทธา อารมณ์พลัน

๔. เติม ความฝัน สร้างสรรค์งาน สมานคน

๕. ไฟ ชีวิต หยัดยืนต่อ ไม่ท้อเอย

คำมา/มุกดาหาร

๑. อยู่ ชปก.หลังเขาเลยไม่ได้การบ้านคือเพิ่น กำลังขยันเลย ใครช่วยอนุเคราะห์ด้วย

๒. งานเลี้ยงรับรอง โย วันที่ ๑๘ ธ.ค. งานเข้าเพรียบเลย อยากไปนะเนี่ย

เมื่อวาน (๘ ธ.ค.) เลี้ยงส่งแล้วที่ จ.นครพนม พึ่งแยกกันตอนตีสาม

ผู้ใหญ่/มุกดาหาร

บทความ John P.Kotter การเปลี่ยนแปลงขององค์กรทำไมจึงล้มเหลว ?

Kotter มองว่า การเปลี่ยนแปลงขององค์กรจะประสบความสำเร็จได้ คนในองค์กรต้องเห็นด้วยและยอมรับ ในทางตรงข้ามถ้าคนในองค์กรต่อต้านและเสียผลประโยชน์ การเปลี่ยนแปลงนั้นย่อมล้มเหลวสาเหตุมาจาก :

1. การเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนโดยไม่สร้างความรู้สึกร่วมให้คนในองค์กร การเปลี่ยนแปลงผู้นำต้องชี้แจงหรือทำความเข้าใจกับคนในองค์กร เพื่อกระตุ้นให้คนในองค์กรมีความรู้สึกร่วม และเห็นประโยชน์ของการเปลี่ยนแปลง จะนำความสำเร็จมาสู่องค์กร แต่ถ้าคนในองค์กรไม่ยอมรับ ต่อต้าน เสียขวัญ สับสน ย่อมส่งผลเสียต่อองค์กรอย่างรุนแรง

2. ขาดการประสานงานและร่วมมือจากคนในองค์กร ความสำเร็จของการเปลี่ยนแปลงต้องมาจากความร่วมมือเป็นทีม ความรักความผูกพัน ศรัทธา ของทุกคนในองค์กร ผู้นำเพียงคนเดียวไม่ว่าจะเก่งหรือมีความสามารถแค่ไหน ถ้าปราศจากภาวะผู้นำ การประสานงาน และความร่วมมือ จากคนในองค์กร ย่อมไม่สามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้

3. การมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ชัดเจน เพราะวิสัยทัศน์ขององค์กรเป็นตัวช่วยในการกำกับ ปรับ และจูงใจ ให้คนในองค์กรปฏิบัติและเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่เหมาะสม ถ้าวิสัยทัศน์ไม่ชัดเจน การปฏิบัติของคนในองค์กรไม่เป็นไปในทิศทางที่กำหนด สับสน ขัดแย้ง ผิดพลาด และทำลายขวัญกำลังใจ การเปลี่ยนแปลงจะล้มเหลว

4. การสื่อสารที่ขาดวิสัยทัศน์ ไม่ชัดเจน ขาดประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ การเปลี่ยนแปลงองค์กรจะล้มเหลว ผู้นำต้องชี้แจงและทำความเข้าใจกับคนในองค์กรให้ถ่องแท้ ชัดเจน อย่าให้มีข้อกังขา เพราะถ้าไม่ชัดเจนจะเกิดการต่อต้าน ขาดความเชื่อถือและขาดศรัทธาในตัวผู้นำ

5. การปล่อยให้อุปสรรคเข้ามาขัดขวางวิสัยทัศน์ใหม่ โดยเฉพาะอุปสรรคจากตัวผู้นำเองที่ไม่ยอมปรับตัวเข้ากับเปลี่ยนแปลง ย่อมหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในองค์กรได้ ผู้นำต้องเป็นแบบอย่างในการเปลี่ยนแปลง

6. ขาดการวางแผนการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน การเปลี่ยนแปลงต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนทั้งระยะสั้นระยะยาวทั้งการเลื่อนตำแหน่ง การยกย่อง การให้รางวัล ซึ่งต้องใช้เวลา กล้าเสี่ยงต่อการสูญเสีย ถ้าการวางแผนเป้าหมายไม่ชัดเจน ความสำเร็จย่อมเกิดได้ยาก

7. การประกาศความสำเร็จเร็วเกินไป ในขณะวัฒนธรรมความสำเร็จยังเปราะบาง ยังไม่มีพลังมากพอ ต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้และปลูกฝังอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ปลูกฝังอย่างต่อเนื่องจะค่อย ๆ เสื่อมลง และกลับไปใช้วัฒนธรรมและจุดเริ่มต้นเดิมที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง

8. การไม่ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรภายหลังการเปลี่ยนแปลง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงต้องสร้างให้คนในองค์กรเชื่อมั่นและเห็นว่าพฤติกรรม/ทัศนคติที่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปนั้นจะช่วยปรับปรุงการทำงานให้มีประสิทธิภาพ แต่ถ้ายังยึดติดวัฒนธรรมเก่า ๆ อย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการเปลี่ยนแปลงขององค์กรในภาพรวม

ผู้นำคือผู้นำพาองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวย่อมขึ้นอยู่กับตัวผู้นำ ถ้าผู้นำไม่ยอมรับหรือไม่ปรับเปลี่ยน ย่อมหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างโดยทันที การเปลี่ยนแปลงที่จะประสบผลสำเร็จได้ ภาวะผู้นำเป็นสิ่งสำคัญ ในการสร้างพลังศรัทธา การยอมรับ เชื่อถือ และความร่วมมือจากคนในองค์กร ให้ปฏิบัติตามวิสัยทัศน์ขององค์กรไปในทิศทางเดียวกัน โดยใช้วัฒนธรรมองค์กรช่วยขับเคลื่อน

------------------------------------------------------

ทำไมการเปลี่ยนแปลงถึงล้มเหลว ?

1. การเปลี่ยนแปลงที่มุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ไม่มีการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ให้คนในองค์กรตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง และเห็นด้วยกับความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลง แล้วนำมาสู่การร่วมมือร่วมใจช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

2. เครื่องมือที่ช่วยในการเปลี่ยนแปลงให้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกัน คือ วิสัยทัศน์ ที่มีเหตุมีผล เหมาะสมและเชื่อถือ และสร้างความภาคภูมิใจได้

3. ในขณะเดียวกัน เครื่องมือที่เป็นตัวเสริมไปสู่การเปลี่ยนแปลง คือ การสนับสนุนของผู้บริหารองค์กรที่ให้ความสำคัญ เห็นความสำคัญ และกระตุ้นให้เกิดความสำคัญอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ในช่วงที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง

4. การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขององค์กร ต้องใช้เวลายาวนาน ในการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ ควรให้การประกาศชัยชนะระยะสั้น ๆ บ้าง เพื่อเป็นแรงผลักดันให้มุ่งมั่นที่จะดำเนินต่อไป จนกลายไปเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่มีบรรทัดฐานทางสังคมและค่านิยมเดียวกัน และดำเนินไปจนกว่าจะแน่ใจว่าคนรุ่นใหม่ที่ก้าวเข้ามาสู่องค์กรจะตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วยตนเองอย่างจริงจัง และสืบทอดแนวคิดที่จะนำพาองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนต่อไป

--------------------------------------------

ความรู้ที่ได้รับจากบทความเรื่อง Why Transformation Efforts Fail?

ปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงเร็ว และเป็นโลกไร้พรมแดน ธุรกิจไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ต่างต้องปรับตัวเองให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ที่ดี เข้าใจธรรมชาติของคน กลุ่ม องค์กร จึงจะสามารถประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลง และมองว่าการเปลี่ยนแปลงคือโอกาสที่ดี นอกจากนั้นต้องมีการสื่อสารกับคนในองค์กรอย่างชัดเจน สร้างความรู้สึกตระหนักร่วมกันว่าองค์กรจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง มีทีมงานที่มีประสิทธิภาพ สร้างการสนับสนุนของทุกฝ่ายเพื่อลดกระแสต่อต้าน รวมถึงปลูกฝังให้เป็นวัฒนธรรมขององค์กร มีการตั้งเป้าหมายความสำเร็จระยะสั้นเพื่อให้เกิดกำลังใจที่ดี อย่างไรก็ดี องค์กรจำเป็นต้องวางนโยบายให้ถูกทิศทาง เพื่อการทำงานอย่างเหมาะสมทั้งภายในและภายนอกองค์การ เพื่อให้องค์กรสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคง

นส.บุษบา บรรชาติ

สิ่งที่ได้รับจากการอบรม 12 วัน

ทำให้ตระหนักรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงว่ามีความสำคัญมากเพียงใด ในทุกการเปลี่ยนแปลงย่อมนำพาไปสู่การเรียนรู้ได้เสมอ คนเราต้องรู้จักเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดเวลา ความรู้นั้นหาได้ในทุกแห่งหนหากเรามีความสนใจใฝ่เรียนรู้และไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่องและตลอดไป ทั้งนี้ เราต้องมีความกล้าที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง รู้จักมองโลกให้กว้างขึ้น มีมุมมองความคิดที่แตกต่างจากเดิม คิดดี คิดสร้างสรรค์ รู้จักปล่อยวาง มีสติเสมอ เมื่อประสบปัญหาใด ๆ ก็ไม่ท้อถอยง่าย ๆ ทุกปัญหาย่อมมีทางออก เพราะอุปสรรคต่าง ๆ มีไว้ท้าทายความสามารถของเรา หากผ่านพ้นไปได้ย่อมทำให้เรามีความกล้าแกร่งขึ้นและมีประสบการณ์มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ ไม่ควรยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางของโลก คนทุกคนย่อมมีความคิดมุมมองที่แตกต่างกันไป ดังนั้น การอยู่ร่วมกันของคนในสังคมจำเป็นต้องรู้จักการเอาใจเขามาใส่ใจเรา รวมถึงการไม่ตัดสินวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นโดยปราศจากความยุติธรรม ควรมองทุกคนบนโลกใบนี้อย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน และควรมีความรักความเมตตาต่อกันอย่างจริงใจ หากทำได้ทุกคนก็จะมีแต่ win-win

บทความ Why Transformation Efforts Fail?

แนวทางที่ช่วยไม่ให้เกิดความล้มเหลวในการเปลี่ยนแปลงขององค์กร

1.การเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องเริ่มจากทุก ๆ คนร่วมแรงร่วมใจกันและผู้นำต้องช่วยกระตุ้นผลักดันให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วนและพัฒนาองค์กรร่วมกัน ผู้นำที่ดีต้องเล็งเห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงและต้องเชื่อมั่นว่าผู้ตามจะสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อไปสู่สิ่งที่ดีกว่าในอนาคตได้

2.ผู้นำต้องเป็นผู้สนับสนุนส่งเสริมที่ดีตลอดจนสร้างความมีส่วนร่วมให้เกิดขึ้นในองค์กรเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนร่วมมือกันและมีความเสียสละเพื่อพัฒนาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ

3.องค์กรที่ขาดวิสัยทัศน์ย่อมนำพาไปสู่ความล้มเหลวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากวิสัยทัศน์เป็นตัวกำหนดทิศทางขององค์กรว่าจะก้าวไปในทิศทางใด ดังนั้น วิสัยทัศน์ที่ดีขององค์กรจะต้องสามารถทำให้ทุกคนเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญในการผลักดันองค์กรให้ก้าวไปสู่จุดหมายที่กำหนดไว้อย่างมั่นคง

4.การสื่อสารในองค์กรจำเป็นต้องใช้วิธีการสื่อสารหลากหลายช่องทาง ทั้งนี้ ผู้นำต้องพร้อมที่จะสื่อสารสร้างความเข้าใจให้ทุกคนในองค์กรรับรู้วิสัยทัศน์อย่างทั่วถึงทุกระดับชั้นและมีความเข้าใจถึงวิสัยทัศน์ขององค์กรในแนวทางเดียวกัน

5.ไม่ควรเพิกเฉยต่ออุปสรรคที่ขัดขวางการพัฒนาไปสู่การเปลี่ยนแปลง อุปสรรคในที่นี้จำแนกออกเป็นอุปสรรคภายในและอุปสรรคภายนอก อาทิ เช่น โครงสร้างระบบบริหารองค์กร ความคิดค่านิยมที่แตกต่างกันของบุคคล การไม่ยอมรับหรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองให้พร้อมออกจากกรอบความคิดเดิม ๆ ที่ฉุดรั้งไม่ให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาตนเองให้ก้าวไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายอยู่ข้างหน้า

6.ควรมีการวางแผนอย่างเป็นระบบแบบแผนและมีการกำหนดเป้าหมายระยะสั้น การเปลี่ยนแปลงที่ดีจำเป็นต้องมีการวางแผนกำหนดเป้าหมายระยะสั้น เพื่อจะได้สังเกตดูความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดว่าดำเนินการไปสู่ความสำเร็จในระดับไหน รวมถึงการศึกษาถึงปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะได้กำหนดแนวทางวางแผนแก้ไขปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน ทั้งนี้ การกำหนดเป้าหมายระยะสั้นจะช่วยให้สามารถปรับปรุง พัฒนาแผนการดำเนินงานในลำดับขั้นต่อไปได้อย่างชัดเจนขึ้น

7.อย่าประกาศความสำเร็จก่อนเวลาอันควร ไม่ควรด่วนสรุปความสำเร็จขององค์กรเร็วเกินไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่การพัฒนาในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ต้องมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ ได้ก่อให้เกิดความสำเร็จในระยะยาวอย่างแน่นอน

8.ไม่ควรยึดติดกับค่านิยมเดิมที่ไม่เปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมองค์กร ควรสร้างค่านิยมวัฒนธรรมองค์กรรูปแบบใหม่ที่สามารถผลักดันให้ทุกคนในองค์กรมีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกัน มีความเข้าใจและตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาองค์กรให้ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศอย่างมั่นคงตลอดไป

เรียนคุณประธานติ่งคะ

เนื่องจากเพื่อน ๆ บางคนที่อยู่ตจว.ได้ร้องขอการบ้านบทความภาษาอังกฤษ ของอาจารย์ บางท่านยังไม่ได้รับเมล์เลย ขอความกรุณาช่วยส่งให้เพื่อน ตจว.ทุกท่านด้วย

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

ถึง..เพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ที่ยังไม่ได้อีเมล์การบ้านทุกท่าน

หากใครยังไม่ได้อีเมล์การบ้าน กรุณาแจ้งกลับมายังผมด่วนทางเมล์ [email protected] มีหลายคนที่ส่งไปให้แล้วแต่มันฟ้องว่าอีเมล์คุณไม่ได้ใช้ ก็มีอยู่สองสามคน มีทั้งชายและหญิงจ้า...

เอาเป็นว่ารีบแจ้งมาละกัน/ติ่ง

Why Transformation Efforts Fail

องค์กรที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงส่วนใหญ่มักจะเผชิญกับความล้มเหลว ซึ่งปัจจัยที่ทำให้การเปลี่ยนแปลงไม่ประสบความสำเร็จ คือ

1. คนในองค์กรยังไม่เห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกคนต้องเข้าใจ และให้ความร่วมมือทุกระดับชั้น ไม่ใช่เฉพาะผู้นำสูงสุด แต่ทุกคนในองค์กรต้องร่วมแรงร่วมใจ

2. ขาดผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ ต้องมีการสร้างทีมงานที่ดี เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงประสบความสำเร็จ มีการสื่อสารทำความเข้าใจให้ทุกคนในองค์กรร่วมมือกัน

3. ขาดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน เพราะวิสัยทัศน์จะช่วยให้ทุกคนเข้าใจเป้าหมายขององค์กร

4. ขาดการสื่อสารที่ดีภายในองค์กร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ต้องให้คนในองค์กรเข้าใจวิสัยทัศน์ เป้าหมายขององค์กร เพื่อให้ทุกคนร่วมมือและสนับสนุนให้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง

5. ไม่มีการแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น ซึ่งจะทำการเปลี่ยนแปลงไม่ประสบความสำเร็จ เช่น โครงสร้างขององค์กร ผู้บริหารที่ไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง หรือผู้ที่กลัวเสียผลประโยชน์ องค์กรต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ที่จะมีส่วนผลักดันให้คนเกิดความเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลง

6. ขาดการวางแผนอย่างเป็นระบบ ควรมีแผนระยะสั้นเพื่อให้เห็นผลของการเปลี่ยนแปลงเป็นระยะ เพื่อสร้างความเชื่อถือ มีการสร้างแรงจูงใจให้รางวัลกับผู้ที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง

7. ประเมินความสำเร็จเร็วเกินไป เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงในองค์กร อย่ารีบสรุปว่าองค์กรประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงแล้ว การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลานาน เพื่อให้เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร

8. ไม่มีการปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมองค์กร การที่จะนำองค์กรไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนได้ ต้องสร้างจิตสำนึกคนในองค์กรให้ยอมรับ สร้างค่านิยม วัฒนธรรม แนวความคิด ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และให้เวลากับคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ ให้เข้าใจการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังเพื่อให้องค์กรเป็นองค์กรแห่งการเปลี่ยนแปลง

ทำไมความพยายามเปลี่ยนแปลงแต่องค์กรล้มเหลว

องค์กรต้องเผชิญกับการแข่งขันกับโลกภายนอกอยู่ตลอดเวลา จึงจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสำเร็จและยั่งยืนด้วย อย่างไรก็ตามการที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรไปสู่จุดมุ่งหมายนั้นควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้ คือ 1) การเปลี่ยนแปลงต้องเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป 2)ผู้นำต้องเห็นความสำคัญมีความคิดสร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์ที่จะสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของการเปลี่ยนแปลงนั้น ๆ 3) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องมีทีมงานที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพที่จะขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ 4) มีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายและต่อเนื่องเพื่อให้บุคคลในองค์กรได้รับรู้และเชื่อมั่นที่เห็นว่าตนเองมีความสำคัญที่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ 5) ต้องขจัดอุปสรรคที่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง อาทิ โครงสร้างองค์กร การไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหาร การกลัวสูญเสียผลประโยชน์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงคือคน ซึ่งถือว่าเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดขององค์กร 6) ต้องมีการวางแผนและเป้าหมายระยะสั้นก่อนเพื่อให้เห็นผลเป็นระยะ ๆซึ่งจะผลักดันไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว 7) การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลานานในการที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงนั้นฝังรากลึกหรือเกิดเป็นวัฒนธรรมในองค์กร 8) การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กรอย่างฝังลึกนั้นต้องมีการปฏิบัติและสร้างทัศนคติใหม่ ๆ ซึ่งคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวสู่ผู้บริหารระดับสูงต้องผลักดันการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความยั่งยืนต่อไป

สิ่งที่ได้รับจากการอบรม 12 วัน แห่งการเรียนรู้

ได้ทราบถึงการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสำคัญ การจะนำพาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศใช่ว่าจะอยู่ที่ผู้บริหารสูงสุดแต่เพียงคนเดียว แต่อยู่ที่พวกเราทุกคนในองค์กรที่จะต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ การปรับเปลี่ยนตนเองเป็นสิ่งที่ทุกคนในองค์กรต้องปฏิบัติ เช่น เปลี่ยนแนวความคิด เปิดโลกทัศน์ของตนเองให้กว้างขึ้น ยอมรับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน ซึ่งระบบ IT มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกคนต้องตามให้ทัน พัฒนาตนเองให้เกิดการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เพื่อให้องค์กรของเราเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ มีความคิดอย่างเป็นระบบ ต้องวิเคราะห์ให้เป็นและรอบด้าน เมื่อกล้าคิดแล้วก็ต้องกล้าตัดสินใจและกล้าแสดงออกด้วย และนำความคิดนั้นมาปรับใช้ในการวางแผนปฏิบัติงาน การแก้ไขปัญหาอย่างมีเหตุและผล การมีมนุษยสัมพันธ์ ความสามัคคี เสียสละ มีน้ำใจ และให้ความไว้วางใจกับเพื่อนรวมงาน มีความรับผิดชอบในงานที่ทำ การถ่ายทอดความรู้ที่ได้รับให้กับรุ่นน้อง ๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าการมีศีลธรรมและจริยธรรม

………ณัฐรำไพ ธารี ............

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

การนำการเปลี่ยนแปลง : ทำไมการเปลี่ยนแปลงถึงล้มเหลว

- ผู้นำการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดๆ ทั้งเปลี่ยนแปลงเรื่องตัวเอง หรือการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับองค์กร ก็ไม่ได้หมายความว่าจะประสบความสำเร็จทุกเรื่อง หรือทุกครั้ง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ มีหลายรูปแบบ หลายขั้นตอน และต้องใช้เวลา ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงต่างๆ บางครั้งไม่สามารถสำเร็จได้ในขณะที่เราเป็นผู้นำ แต่เป็นก้าวแรกของการก้าวไปสู่ความสำเร็จได้เสมอ ซึ่งความผิดพลาดที่ผ่านมา มีหลายแบบ เช่น

1) ไม่มีการเสียสละ, ไม่มีความรู้สึกถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ยึดติดกับสภาพปัจจุบันและต่อต้านสิ่งที่ริเริ่ม

2) ไม่มีความร่วมมือในทุกระดับชั้นในการปฏิบัติงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

3) ผู้นำมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ชัดเจน ทำให้ผู้ปฎิบัติไม่สามารถปฏิบัติตามได้ และสุดท้ายจะนำไปสู่ความขัดแย้ง

4) การสื่อสารที่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีความน่าเชื่อถือ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาให้มีการเปลี่ยนแปลงได้

5) ผู้นำไม่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ แต่กลับเรียกร้องในสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง

6) การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แต่หากใช้เวลานานเกินไปที่จะประสบความสำเร็จ ก็จะเกิดความล้มเหลวได้

7) ประกาศความสำเร็จเร็วเกินไปก่อนเวลาอันควร

8) การละเลยการสร้างวัฒนธรรมขององค์กรภายหลังการเปลี่ยนแปลง

..........................................

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

ความรู้ที่ได้จากการเริ่มเรียนรู้ใน 12 วัน มากกว่าที่คิดและประดิษฐ์เป็นตัวอักษรได้

- ในเบื้องต้น ได้รู้จักตัวเองว่าเป็นคนอย่างไร มีจุดอ่อน/จุดแข็งอะไรบ้าง และเราควรจะหาอะไรมาเสริมจุดอ่อน และมุ่งพัฒนาจุดแข็ง

การสร้างความเชื่อใจหรือสร้างศรัทธา การยอมรับ และการให้เกียรติซึ่งกันและกัน รวมทั้งแสวงหาความรู้ที่แตกต่างของคนอื่น ฝึกฝนคิดวิเคราะห์

คิดให้เป็นและคิดให้แตกต่าง

- นอกจากนี้ นำความรู้ที่ได้มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์กับองค์กร และงานที่ปฏิบัติ

- สุดท้าย จะต้องไม่ลืมที่จะนำสิ่งดีๆ ของผู้อื่นมาต่อยอด และต้องใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง และต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาองค์กรมุ่งสู่ความเป็นเลิศ

.....................................

                         การอบรม 12 วัน แห่งการเรียนรู้

           ได้รับทราบหลักคิดเกี่ยวกับการบริหารองค์กรเชิงเปรียบเทียบเพื่อพัฒนามุ่งไปสู่ความเป็นเลิศของทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ ที่มีการเปลี่ยนแปลงด้วยวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่แตกต่างกัน  แต่จุดเริ่มต้นที่สำคัญ คือ การยกระดับความคิดปรับทัศนะคติคนในองค์กรให้เห็นถึงคุณค่าของตัวเองก่อน มองภาพเดียวกันมีเป้าหมายร่วมกัน (มองเห็นอนาคตร่วมกัน) มีความจริงใจต่อกัน ไว้เนื้อเชื่อใจกัน ส่งเสริมการใช้ศักยภาพของคนในองค์กรให้เต็มความสามารถ การที่จะนำพาองค์กรก้าวผ่านไปสู่เป้าหมายอย่างรวดเร็วผู้บริหารระดับสูงของแต่ละองค์กรล้วนมีบทบาทสำคัญที่จะนำพาองค์กรไปสู่วัฒนธรรมแห่งการเปลี่ยนแปลง เพราะการกำหนดนโยบายองค์กรนั้นมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้กลไกต่าง ๆ ภายในองค์กรเกิดความชัดเจนและขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน  การอบรมทั้ง 12 วัน ผมได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของพี่ ๆ เพื่อน ๆ ชาว TALENTED 2009 ทุกท่านที่มีขีดความสามารถสูงในแต่ละด้านอย่างหลากหลาย  ซึ่งเชื่อว่าจะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนพัฒนาองค์กร สขช.ไปสู่การเปลี่ยนแปลงและมีเป้าหมายร่วมกัน คือ องค์กรมีความเป็นเลิศในด้านการข่าวกรอง ประเทศชาติมั่นคง และประชาชนมีความผาสุก

 

                                              ---------------------

ในทางทฤษฎีทุกปัญหามีทางออก แต่ในทางปฏิบัติทุกทางออกมักมีปัญหา

ที่กล่าวมาไม่ใช่ให้คิด Negative แต่ต้องการให้เตรียมดักปัญหาไว้ล่วงหน้า

***face the fact***

บทความ Why Transformation Efforts Fail?

ได้รับทราบองค์ความรู้ของการเปลี่ยนแปลงที่ทุกองค์กรต้องตระหนักและนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมกับองค์กรของตนเอง

1. การเปลี่ยนแปลงในส่วนของบุคคลในองค์กรต้องมีจิตใจที่จะพัฒนาร่วมกัน โดยมีตัวผู้นำเป็นผู้จุดประกายและเป็นแบบอย่างของการเปลี่ยนแปลง

2. วิสัยทัศน์ วัฒนธรรมองค์กร ต้องถูกกำหนดขึ้นจากความเห็นชอบและการตกผลึกทางความคิดของทุกภาคส่วนตามหลักของการมีส่วนร่วม ตั้งแต่กระบวนการคิด ลงมือทำ ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาต่อยอด เพื่อให้การขับเคลื่อนองค์กรเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

3. การนำระบบการติดต่อสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในหลายวิธีการมาปรับใช้ในองค์กรมีความสำคัญ เพราะจะทำให้ทุกคนรับทราบข้อมูลข่าวสาร ทิศทาง นโยบายขององค์กรพร้อมกัน ที่สำคัญควรมีการเปิดเวทีการสื่อสารสองทางเพื่อผู้บริหารจะได้รับทราบข้อคิดอย่างหลากหลาย และสามารถใช้ข้อมูลปรับความเข้าใจกับพนักงาน แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นภายในองค์ได้อย่างทันท่วงที

4. การวางแผนพัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบทั้งระยะสั้น ระยะยาว และการทบทวนแผนงาน มีความสำคัญเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงมีประสิทธิภาพ และเกิดความยั่งยืนอย่างแท้จริง

---------------------------------

สรุปความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วม Talented Capital Delelopment Program ทั้ง 12 วัน

        12 วัน เป็นระยะเวลาที่มากพอจะได้สาระสำคัญ ๆ มากมาย แต่จะขอสรุปเฉพาะประเด็นที่สามารถนำไปปรับใช้กับตนเองได้ทันที ดังนี้

        1. สิ่งแรกคือหมั่นฝึกฝนและไฝ่หาความรู้ เพราะเมื่อเรารู้จริงจะทำให้เรากล้าที่จะแสดงความคิดเห็น กล้าให้คำปรึกษา/แนะนำ ไม่กลัวจะกลายเป็นตัวตลก ทำให้เรามีความมั่นใจในตนเอง ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่น และได้รับความไว้วางใจจากบุคคลที่ทำงานร่วมทีมกับเรา นอกจากนั้น เมื่อเรามีความรู้หลากหลาย อีกทั้งรู้ลึก/รู้กว้าง จะทำให้เราสามารถแยกแยะ และสรุปประเด็นของข้อมูลเหล่านั้นได้อย่างถูกต้อง

        2. ทุกช่วงของการปฏิบัติงานจะต้องมีสติ มีความอดทน รู้จักปรับตัว และเอาใจใส่ต่อคนรอบข้าง ในการปฏิบัติงานจึงจะประสบผลสำเร็จ จากนั้นจึงนำปัญหา/อุปสรรคที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงานมาพูดคุย ทำความเข้าใจกัน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งจะเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตนเองและทีมงาน

        3. ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่รอบตัวให้ได้มากที่สุด เช่น การที่ประเทศไทยมีศิลปวัฒนธรรมซึ่งเป็นทุนทางปัญญา อันสูงสุดของชาติ เราควรดึงมาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นการนำสิ่งที่เรามีต้นทุนอยู่แล้วมาพัฒนา หรือการค้นข้อมูลที่จำเป็นจาก Internet โดยไม่ต้องเสียเงิน/เวลา ในการรวบรวมข้อมูลใหม่ กรณีมีข้อมูลที่เผยแพร่อยู่แล้ว

        4. คิดอย่างเป็นระบบ และมีคำถามอยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างคุณภาพในการศึกษา ทำให้ตอบโจทย์ได้ตรงประเด็น และทำให้เกิดแนวความคิดใหม่ ๆ

        5. มีการวางแผนการปฏิบัติงานในทุกช่วง ทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว ให้มีความสอดคล้องกัน สามารถนำไปประเมินผลการปฏิบัติได้ นอกจากนั้นการวางแผนที่ดีจะทำให้เราลดการทำงานซ้ำซ้อน ความสิ้นเปลือง ความไม่แน่นอน และเกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานเพราะมีเป้าหมายเดียวกัน

        6. สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดหรือฉลาดที่สุด ไม่สามารถอยู่รอดได้เท่ากับสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง แต่ต้องตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของคุณธรรม และความเป็นเนื้อแท้ โดยมีความคิด พูด เชื่อ ทำ ได้อย่างตรงกัน

----------------------------------------

ปิยฉัตร

สวัสดีทุกท่านค่ะ

ได้รับเสื้อเรียบร้อยแล้วค่ะ ขอขอบคุณที่มอบให้กับอ.จีระและทีมงานทุกท่าน เอได้นำส่งให้ทุกท่านแล้วเรียบร้อยแล้วค่ะ พร้อมทั้งอ.จีระค่ะ อาจาย์จีระฝากขอบคุณมาด้วยค่ะ (และขอขอบคุณประธานติ่งที่ดูแลเป็นอย่างดีค่ะ)

สำหรับการบ้านอาจาร์ย์จีระได้อ่านบ้างแล้ว เดี๊ยวจะ Comment ผ่านมาทาง Blog ค่ะ ใครที่ยังไม่ส่ง ทยอยส่งมาเลยนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

เอ

น่าสนุกดีครับ อาจารย์ มีโอกาสคงต้องขอความรู้ด้าน HR จากอาจารย์บ้างแล้วครับ

จากบทความ “Why Transformation Efforts Fail”

ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น 8 ประการที่ทำให้ความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงองค์กรล้มเหลว เพราะความไม่ทำหน้าที่ของผู้นำ ขาดภาวะผู้นำ จึงต้องมีการสร้างกระบวนการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 8 ขั้น ได้แก่

1. ทำให้เกิดความเร่งด่วน เร่งรีบ รู้สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา ทราบวิกฤติหรือความเสี่ยง และเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส เพื่อให้เกิดประโยชน์และประสบความสำเร็จ

2. สร้างกลุ่มพลังชี้นำ (Change Agent) เพื่อให้เกิดภาวะผู้นำ สามารถทำให้ผู้อื่นรับฟังและปฏิบัติตาม และทำงานร่วมกันเป็นทีม

3. สร้างวิสัยทัศน์ขึ้นมา เพราะวิสัยทัศน์เป็นเครื่องมือช่วยในการพยายามเปลี่ยนแปลงโดยตรง และพัฒนากลยุทธ์เพื่อบรรลุวิสัยทัศน์นั้น

4. สื่อสารวิสัยทัศน์อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ และเป็นตัวอย่าง แบบอย่างที่ดี

5. มอบอำนาจและกระจายอำนาจให้กับกลุ่มพลังชี้นำ (Change Agent) ให้มีอำนาจในการสร้างการเปลี่ยนแปลง สามารถขจัดปัญหาออกไปได้ และเปลี่ยนแปลงระบบหรือโครงสร้างที่จะเป็นบ่อนทำลายวิสัยทัศน์ที่เปลี่ยน เพื่อให้เกิดความคิดใหม่ ๆ ที่เป็นสิ่งจำเป็น ผลงานใหม่ ๆ จึงเกิดขึ้นและสอดคล้องกัน

6. สร้างชัยชนะ,ความสำเร็จขึ้นมาระยะสั้น มีการวางแผนล่วงหน้า ให้เกิดการปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นและเน้นความสำคัญของทรัพยากรบุคคล ยกย่องคนที่ทำงานสำเร็จ

7. รวบรวมความสำเร็จแล้วทำให้เกิดความสำเร็จมากขึ้น ถ้าไม่เหมาะสมต้องแก้ไข คนที่รู้น้อยต้องทำให้รู้มากขึ้น รวมพลังกันสร้างโครงการใหม่และมีตัวแทนการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น

8. เกาะเกี่ยว ยึดเหนี่ยวที่จะสร้างวัฒนธรรม ค่านิยม วิธีการใหม่ให้เข้มแข็งขึ้น ส่งเสริมและบริหารจัดการคนเก่ง มีวิธีการทำให้เกิดภาวะผู้นำสืบทอดตำแหน่งต่าง ๆ หาผู้สืบทอดเจตนารมณ์

นวลจันทร์ค่ะ.....

14 สิ่งที่สุดในชีวิต ได้แก่

1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง

2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี

3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง

4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา

5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง

6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง

7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง

8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ

9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง

10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ์

11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ

12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา

13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล

14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน

ทำไมความพยายามเปลี่ยนแปลงองค์กรถึงล้มเหลว

องค์กรทุกองค์กรต้องเผชิญกับการแข่งขันกัน จึงจำเป็นต้องปรับองค์กรด้วยวิธีที่เปลี่ยนแปลงกันไป เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่องค์กรที่ยั่นยืนนั้น ปัญหาอุปสรรคที่ไม่สามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงประสบผลสำเร็จได้เกิดจากความผิดพลาด 8 ประการ ดังนี้

1. ไม่สร้างความรู้สึกที่ลึกซึ้งถึงความจำเป็นเร่งด่วน ต้องทำให้ทุกคนในองค์กรเกิดการรับรู้ ความคิดเห็นที่ตรงกันและร่วมกันเปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกคนต้องเข้ามามีส่วนร่วมต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น ไม่ใช้เฉพาะผู้นำสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว

2. ไม่สามารถสร้างพลังแห่งความร่วมมือกันอย่างเพียงพอ การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่อยู่ที่ผู้นำให้การสนับสนุน จำเป็นจะต้องสร้างทีมงานให้มีส่วนผลักดันร่วมกันประเมินปัญหาอุปสรรค สร้างความเชื่อมั่น และสื่อสารกับคนในองค์กรเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงให้ประสบผลสำเร็จ

3. การขาดวิสัยทัศน์ หากองค์กรไม่มีวิสัยทัศน์แล้ว การเปลี่ยนแปลงองค์กรจะทำให้เกิดความสับสน ไม่สอดคล้อง ไม่มีแผนในการพัฒนา และไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการริเริ่มใหม่ ๆ ได้อย่างเหมาะสม

4. ขาดการสื่อสารวิสัยทัศน์ ผู้นำองค์กรต้องสร้างความเข้าใจและ

ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ขององค์กรไปสู่คนในองค์กรโดยใช้ช่องทางการสื่อสารหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง ให้ทุกคนในองค์กรได้ทราบอย่างทั่วถึง เพื่อให้มองเห็นความสำคัญและเกิดความเชื่อมั่นที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของแต่ละบุคคล นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงขององค์กร

5. ไม่ขจัดปัญหาอุปสรรคของวิสัยทัศน์ใหม่ การเปลี่ยนแปลงย่อมมีอุปสรรคทั้งภายในและภายนอกองค์กร ดังนั้น ผู้นำองค์กรจะต้องขจัดปัญหาอุปสรรคให้หมดไป เช่น โครงสร้างขององค์กรที่ไม่เอื้อต่อการเปลี่ยนแปลง คนในองค์กรไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง กลัวเสียประโยชน์ เป็นต้น ปัญหาอุปสรรคสำคัญอยู่ที่คนในองค์กร จะต้องทำให้คนเกิดความเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ใหม่ เพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหม่ได้

6. ขาดการวางแผนและตั้งเป้าหมายระยะสั้น การวางแผนและตั้งเป้าหมายระยะสั้นทำให้เห็นผลของการเปลี่ยนแปลงเป็นลำดับ หากกระทำสำเร็จตรงตามเป้าหมายระยะสั้น ควรจะสร้างกำลังใจเพื่อเป็นแรงผลักดันให้คนในองค์กรมุ่งมั่นที่จะทำต่อไป ด้วยการให้รางวัลกับคนที่สำเร็จนั้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดความมุ่งมั่นและพัฒนาไปสู่ความสำเร็จในระยะยาวต่อไป

7. ประกาศชัยชนะเร็วเกินไป ในระยะแรกซึ่งใช้ความพยายามอย่างมากในการเปลี่ยนแปลงองค์กร อาจเห็นการพัฒนาหรือการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นบ้างแล้ว ยังไม่ควรมองว่าความเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นความสำเร็จ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ต้องใช้เวลานานจนกว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นจะเป็นวัฒนธรรมขององค์กรอย่างถาวรแล้ว จึงจะประกาศชัยชนะ มิฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงอาจสะดุดลง หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในที่สุด

8. ไม่ปลูกฝังการเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมขององค์กร ต้องมีการปลูกฝังความคิดเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงโดยสร้างจิตสำนึกให้คนในองค์กรมีค่านิยม ทัศนคติ วัฒนธรรมขององค์กรใหม่ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่จะนำพาองค์กรไปสู่ความยั่งยืนต่อไปได้

……………………………. ณัฐรำไพ ธารี

บทความที่บทความ Mhy

ผมได้รับทราบจากองค์กรความรู้ ของการเปลียนแปลงที่ทุกองค์กรต้องตระหนัก และนำมาวิเคราะห์ให้ดี

- การเปลี่ยนแปลงในส่วนของบุคคล ในองค์กร

- วิสัยทัศน์ วัฒนธรรมขององค์กร ต้องกำหนดขึ้นจากความเห็นชอบตามหลักการมีส่วนร่วม ต้องมีการต่อยอดเพื่อให้ขับเคลื่อนไปในทางทิศทางเดี่ยวกัน

- การนำระบบ IT หรื่อระบบสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพ

- การจะทำอะไรต้องมีการวางแผน เพื่อพัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว

- การสร้างวัฒธรรมในองค์กร เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จต่อไป

พลุเฉลิมพระเกียรติฯ เมื่อคืนที่เมืองทองเสร็จสิ้นไปด้วยความสวยงาม ได้รับรายงานตามที่คาดรถติดมากๆ ใครได้ชมบ้าง ผมดูทางทีวี แม้จะสวยงามเพียงใดก็เป็นเพียงประกายไฟที่สร้างขึ้นแล้วก็มอดดับ ผิดกับการจุดประกายไฟในตัวเอง(ไฟแห่งคุณธรรม จริยธรรม) เมื่อติดแล้วต้องช่วยกันจุดต่อไป อย่างต่อเนื่องๆๆ.....โดยไม่มีที่สิ้นสุด ไฟนั้นจะรุ่งโรจน์สวยงามและคงอยู่ตลอดไปจากรุ่นสู่รุ่น

ได้รับเสื้อ รุ่น TALENTED 2009 เมื่อ 12 ธ.ค.52 ขอบคุณสำหรับพี่ ๆ ส่วนกลางที่ฝากส่งมาให้ครับ.....

ถึง ลูกศิษย์ทุกท่าน

ขอขอบคุณสำหรับการส่ง Blog ของทุกท่านสำหรับการบ้านภาษาอังกฤษ และการใช้ Blog การติดต่อสื่อสารกันอย่างสม่ำเสมอ และมีความต่อเนื่อง

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับท่าน อจ.จีระและทีมงาน รวมถึงเพื่อนสมาชิก NIA-Talente-2009 ทุกท่าน

ก่อนอื่นต้องขอบคุณท่านอาจารย์ที่ยังห่วงใยพวกเราเสมอ รวมถึงขอบคุณที่หาข้อมูลดีๆมีประโยชน์มาให้พวกผมบริหารสมองกันอย่างต่อเนื่อง

ส่วนเพื่อนๆ ต้องขอโทษที่ช่วงนี้ไม่ได้แวะเข้ามาทักทายบ่อยนัก เพราะตอนนี้เดินทางมาหาดใหญ่ เจอสมาชิกที่อยู่ทางนี้ แจ้งไปแล้วว่าอย่าลืมการบ้านนะจ้ะ ผมก็เหมือนกันส่งให้แต่คนอื่นแต่ตัวเองไม่ยอมส่งเสียที จะรีบดำเนินการครับ

สำหรับน้องศักดิ์ พี่ได้รับแผ่นซีดีแล้วครับ โทษทีที่ไม่ได้ตอบทางบล็อก และขอบอกพวกเราว่าผมส่งเล่มให้พี่แหม่มตรวจอยู่ ผมกลับกรุงเทพวันพุธที่ 16 ธ.ค. แล้วจะสานต่อให้แล้วเสร็จโดยไว

เรื่องสำคัญคืองานเลี้ยงวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.52 นั้น สมาชิกแป๋งและ Mr.M ประสงค์ให้ผมลองออกแบบสถานที่ ผมขอเสนอว่าเราจะใช้ห้อง VIP ที่สโมสร ทบ.สี่เสาเทเวศร์ ดีไหมครับ เริ่มกันตั้งแต่ 17.00 น. ใครเห็นชอบหรือเห็นต่าง ช่วยกันแสดงความเห็นด่วนที่สุด และขอเช็คยอดคนที่จะเดินทางไปร่วมงานด้วยครับ เพื่อการมีส่วนร่วมจะขอสนับสนุนเงินทุนกองส่วน 5% เครื่องดื่มผมสนับสนุน น้ำประสานสัมพันธ์ ส่วนที่เหลือพวกเรามาร่วมรับประทาน "อา...หาร" เพราะฉะนั้นพวกอาๆ ทั้งหลาย ช่วยกันหารจะได้ไม่ต้องห่วงใยกันดีไหมจ้ะทุกคน

คิดถึงทุกเสมอ/ติ่ง

ปล.การบ้านแม้จะส่งช้า แต่ส่งชัวร์ครับ

สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ และทีมงาน และเพื่อน ๆ ทุกคน

ใกล้ปีใหม่แล้ว ดูแลสุขภาพกันด้วยนะค่ะ

สำหรับนัดวันที่ 18 นี้ อมรรัตน์ แสดงตนร่วมด้วยค่ะ

ได้รับเสื้อแล้วใส่ได้พอ ขอบคุณ

ปล. คิดถึงเพื่อนเอ๋อมาก ๆ ๆ ๆ ๆ อยู่ไหนเนีย

มีเรื่องมาเล่า...

งานประกวดพลุที่เมืองทอง เป็นไรที่รถติดแบบไม่เคยพบเคยเห็นในชีวิตเลย แท็กซี่ไป 75 บาท ตอนกลับ ต้องนั่งมอไซค์ซ้อน 2 กับแม่ ขอเปลี่ยนนั่งหน้ามอไซด้วย เบาะหลังเทมากต้องจับราวไว้ไม่ให้ไหล เมื่อยมากเลย คิดราคา 400 บาทขาดตัว (กะว่า 300 บาทอึ้งไปเลย!) บางครั้งต้องลงเดินบนฟุตบาทหลายรอบ แถมคนขับฟังผิดให้ไปส่งดอนเมือง ดันพาเราไปส่งเมืองทองที่จัดงานคอนเสริต ซึ่งเป็นที่รถติดมาก ๆ (หัวเราะกันด้วยความผจญภัยที่ไม่เคย)เพราะรถไม่ขยับเลย สงสัยจังว่าคนนำรถส่วนตัวไปออกจากตรงนั้นใช้เวลากี่ชั่วโมง ส่วนเจ้านายที่ไปดูงานเอ็กโปร์ใกล้กันออกมาตอน 5 โมงเย็น ใช้เวลา 5 ชม.ถึงบ้านขึ้นทางด่วนด้วยนะเนี่ย (บอกไม่เคยพบเคยเห็นเหมียนกัน) ส่วนพี่อีกคน เดินกลับเป็นกิโล ซึ่งเราเห็นคนเดินกลับเต็มไปหมด นึกถึงซอมบี้เลยเพราะมืดและดูน่ากลัวจัง เพราะไม่มีรถไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่หรือมอไซ แต่busaba ได้ถ่ายรูปก็คุ้มแล้ว กดจนเมื่อยมือเลย มันมาก ๆ ๆ

มีเรื่องมาเล่าเช่นกัน

งานแสดงพลุเฉลิมพระเกียรติฯ ที่เมืองทองเมื่อ 13 ธ.ค. 52 นั้น เสร็จสิ้นงานประมาณเกือบ 2100 น.

แต่ทั่วทั้งเมืองทองและบริเวณพื้นที่โดยรอบ เสมือนผึ่งแตกรัง การจราจรติดขัดไปทั่ว รถจักรยานยนต์ยังติด/ขยับไปไหนยังลำบาก และรถยนต์น่ะ ไม่ต้องพูดถึงเลย เกือบกว่า 2400 น. จึงจะระบายรถได้หมด

ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจของคนไทย ที่ประชาชนต่างๆ มีส่วนร่วมในการเฉลิมพระเกียรติฯ ในห้วงเวลาดังกล่าวต่างเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความสุข ความสุขมวลรวมประชาชาติสูงมาก ทุกคนต่างซาบซึ้งและปลื้มปิติใจเป็นล้นพ้น

แต่ปวงชนชาวไทยก็ควรน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่มาใส่เกล้าใส่กระหม่อน พร้อมนำไปปฏิบัติด้วย

"ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้า จะเกิดมีขึ้นได้ ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่งคงเป็นปรกติสุข ความเจริญมั่งคนทั้งนั้น จะสำเร็จผลเป็นจริงได้ ก็ด้วยทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง ด้วยสติรู้ตัว ด้วยปัญญารู้คิด และด้วยความสุจริตจริงใจโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น จึงขอให้ท่านทั้งหลายในที่นี้ ซึ่งมีตำแหน่งหน้าที่สำคัญอยู่ในสถาบันหลักของประเทศ แลชาวไทยทุกหมู่เหล่า ทำความเข้าใจในหน้าที่ของตนให้กระจ่างแล้วตั้งจิตตั้งใจให้เที่ยงตรงหนักแน่น ที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ส่วนรวมอันไพบูลย์ คือชาติบ้านเมืองอันเป็นถิ่นที่อยู่ที่ทำกินของเรา มีความเจริญมั่นคงยั่งยืนไป"

ครับ

เรื่องสำคัญคืองานเลี้ยงในวันศุกร์ที่ 18 ธ.ค.52 นั้น ขอลงคะแนนเสียงเห็นควรสนับสนุนการใช้ห้อง VIP ที่สโมสร ทบ.สี่เสาเทเวศร์ 1 คะแนนเสียง แต่ขอความกรุณาเริ่มงานกันตั้งแต่เวลา 12.00 น. ได้หรือไม่ครับ เนื่องจากเห็นว่าบรรดาพี่ๆ ผู้หญิงบางส่วนจำเป็นต้องรีบกลับบ้านเร็ว เพื่อไปสวมบทบาทแม่บ้านที่ดี (บ้านไกลใจร้อน) จึงเห็นว่าควรเริ่มงานสังสรรค์ให้เร็วขึ้นมาหน่อย

คิดถึงทุกเสมอ/Mr.M

ขอสนับสนุนความเห็นของ Mr.M คือ ใช้ห้อง VIP ที่สโมสร ทบ.สี่เสาเทเวศร์ และเริ่มงานกันตั้งแต่เวลา 12.00 น. เพื่อความสะดวกในเวลาเลิกพบปะ

ไม่เห็นด้วยอย่างแรง เพราะมีภารกิจอื่นต้องทำอีกหลายอย่าง รวมทั้งตอนเย็นคุณสวิตตากับศิริลักษณ์มีธุระอีกกว่าจะมาได้ก้อประมาณทุ่มกว่าๆ ขอความกรุณาด้วยถ้าต้องการให้เราไปขอเป็นช่วงเย็นหนะดีแล้ว Mr.M (นพพร ก้อคนๆเดียวกันจะมาสนับสนุนอะไรกันนิ) ถ้าจัดเที่ยงคงไม่ได้ไปจ้า ขอบอกไว้ก่อนนะจ๊ะ

ปธ.ติ่ง งานพบปะฟันธงได้แล้วครับเอาไงเอากัน ที่ไหนก็ได้ ผมอยู่สมาคมร่วมด้วยช่วยกันอยู่แล้ว และถ้าใครมีศักยภาพในการหาสปอนเซอร์ด้วยก็ดีนะครับ ช่วยๆกันทำงานเป็นทีม รวมทั้งถ้าจะเชิญูบุคคลที่พวกเรานับถือด้วยก็ดีนะครับ เช็คความพร้อมในการเปลี่ยนแปลง

ขอแสดงความคิดเห็นครับ ผมว่าสโมสร ทบ.ไม่เหมาะด้วยประการทั้งปวง มีสมาชิกอีกหลายท่านที่อยู่ต่างจังหวัดและอยากมีส่วน

ร่วม ไม่สามารถเดินทางมาร่วมถกแถลงอย่างบ้าคลั่ง ต่อเนื่อง และต่อเนื่องได้ทั้งที่มีข้อคิดที่ผ่านการวิเคราะห์ สังเคราะห์มากมายที่

จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายหลังการอบรม ผมขอเสนอชั้น 18 เซนทรัลเวิลด์ นอกจากจะเป็นที่ลำบากในการค้นหา จับตามองจาก ผบ.

และอื่นๆแล้ว ยังสร้างความลำบากอย่างมากต่อตัวเองอีกด้วย ชั้น 18 นี่จะเปิดฟรีทันที ถ้าพวกเราต้องการ เพราะ คุณสวิตตากับ

คุณศิริลักษณ์ เธอเป็นหุ้นส่วนใหญ่ สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตาม ผมเห็นด้วยที่มีการพบปะสังสรรค์ พูดคุย สื่อสารกันอย่าง

เห็นหน้าเห็นตา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่องอย่างสร้างสรร แล้วช่วยบอกเล่าความสุขวันนั้นให้เพื่อนๆ ต่างจังหวัด

ได้มีโอกาสซึมซับทั้งบรรยากาศ รายละเอียดการพูดคุย หรือสิ่งที่จะมีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมในอนาคต ขอบคุณครับ

ขอให้สนุกสนานและมีความสุข ครับ

เอ้าเอ่าเอา....ป๋าเชษฐ์ท่านเสอนชั้น 18 เซ็นทรัลเวิลด์...

พี่น้องครับ...จัดไปอย่างให้เสีย

แต่เจ้าตัวที่เสนอมานั้นเล่า...จะไม่มาเข้าเสวนาสร้างสรรค์กันหน่อยหรือ

เพื่อร่วมถกแถลงอย่างบ้าคลั่ง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง จากข้อคิดที่ผ่านการวิเคราะห์/สังเคราะห์/ตกผลึกแล้วนั้น

ท่านเชษฐ์ครับ! ผมกลัวความสูง หาชั้นใต้ดินสังสรรค์กันดีกว่าคุยกันไม๊ว่าแต่เมื่อไร จะพักล่ะครับ ไปรำลึกความหลังที่เรือไททานิค ชลบุรีไม๊คร๊าบ

Heineken GreenSpace

รู้แล้วว่า “ชั้น18 เซ็นทรัลเวิลด์” คือ Heineken GreenSpace

อยู่บนดาดฟ้าชั้น18 ของเซ็นทรัลเวิลด์ โดยขึ้นลิฟฟ์มาที่ชั้น 17 แล้วออกแรงเดินขึ้นบันไดอีกชั้น ใช้พื้นที่บนดาดฟ้า สามารถมองได้รอบทุกด้านแบบ 360 องศา ชมวิวทิวทัศน์มุมสูงในยามค่ำคืนของใจกลางกรุงเทพ เมืองฟ้าอมร บรรยากาศโรแมนติก สวีท แบบชิวๆ กับลมหนาว (หนาวหรือเปล่านา)

เรื่องการจัดงานพบปะสังหาร ที่ สโมสร ทบ. ผม นายนิวัตร์ จิ๋วทอง ไม่สามารถเดินทางไปร่วมงานได้ในวันที่ 18 ธ.ค52 เพราะผมต้องเดินทางกลับบ้าน เพื่อทำบุญวันเสียชีวิตของพ่อ ที่จ. สิงห์บุรี และที่ จ.ลพบุรี แม่ของภรรยาก็ไม่ค่อยจะดี หาคนดูแลไม่ได้ เดินเองไม่ได้ คือช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เกี๊ยะ ถึงเป็นอย่างนี้ไงครับ ใจจริงอยากไปร่วมงานด้วย แต่ต้องขออภัยด้วย ขอให้ทุกคนที่เดินทางไปร่วมงานมีความสุข และโชคดีทุกๆคน

ประธานติ่งไปไหนเนี่ยะื! ทำไมยังไม่กลับจากใต้อีกวันนี้ก็ไม่เข้าประชุมตัวชีวัดกพร. ช่วยกลับมาเคลียร์เรื่องสถานที่พบปะสังสรรค์ด่วน

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับพี่น้อง NIA-Talented-2009 ทั้งผอง

ผมกลับมาจากปฏิบัติภารกิจที่หาดใหญ่แล้วครับ ก่อนอื่นเพื่อนๆที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวฝากความระลึกถึงอจ.จีระ กับทีมงาน และเพื่อนๆ ทุกคน วันก่อนพวกเราได้ร่วมกันกระจายตัวชี้วัดในการประเมินผลการปฏิบัติงานกันอย่างสนุกสนานเรียบร้อยไปแล้วในระดับหนึ่ง

วกกลับมาเรื่องสำคัญของพวกเรา ผมขอจำแนกเป็นประเด็นๆๆ เลยนะพี่น้อง

1. ขอความกรุณาเถอะครับ ช่วยแจ้งชื่อด้วยในการนำเสนอข้อความ เพราะผมไม่สามารถเดาได้ว่าท่านคือใคร ไม่แสดงตนกันมาหลายราย กล้าๆๆหน่อยเพื่อน แล้วผมจะตอบกลับไปหาใครกันละ (งอนแล้วนะ)

2. เรื่องสถานที่จัดเลี้ยง ผมขอคำตอบภายในวันนี้นะครับ ว่าจะเลือกร้านไหน (รองโยฯ เสนอว่ามีร้านใกล้ๆอินเลิฟ ใกล้ท่าเรือเทเวศร์ ก็น่าสนใจ แต่เกรงว่าพวกเราไปกันเยอะมันจะแน่นร้าน และร้านนั้นขายเหล้าล้วนๆๆ ไม่ได้ชี้นำนะครับ 55555)

3. สำหรับเรื่องเวลาเอาเป็นว่าพวกเราไม่เบียดบังเวลาการทำงาน เพื่อแสดงถึงความเป็นผู้นำที่ดี ต้องทำให้ผู้ร่วมงานเห็นตัวอย่างที่ดี เราจะนัดเจอกันหลังจากเสร็จงาน คือตั้งแต่ 17.00 เป็นต้นไป (หากใครต้องการเร็วกว่านั้น มาหารือกับผมนอกรอบได้ เดี๋ยวจะพาไปซุ่มดำเนินการในสถานที่เหมาะสม ใช้ทฤษฎี win-win model เป๊ะ เลยไหมครับ)

4. เอกสารทุกอย่างผมและรองแหม่มกับทีมงานฝ่ายวิชาการ จะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ และส่งไปให้พวกท่านก่อนปีใหม่ชัวร์

5. วันนี้ผมจะต้องไปประชุมพิจารณาเงินกู้เพื่อการเคหะฯ ให้กับสมาชิกสหกรณ์ที่ประสงค์จะกู้ซื้อบ้านหรือรีไฟแนนซ์ ใครอยากกู้ให้เตรียมหลักฐานไว้นะครับ

6. วันนี้เวลา 13.00 น. ผมจะปิด Vote เรื่องการเลือกร้านอาหาร เพราะจะได้ดำเนินการจองสถานที่ต่อไป

มีแต่ความรักและความห่วงใยมอบให้แก่พวกเราทุกคนตลอดไป/ปธ.ติ่ง

ปล.รีบตอบกับนะพวกเรา

Vote

ลองถามจำนวนคนไปก่อนมั้ย จะได้เลือกร้านได้เหมาะกับจำนวนคน

ลองถาม ๆ ดู แล้วไม่น่าจะไปเยอะนะ

ขอแก้ตัวหน่อยนะค่ะ ป๋าเชษฐ์ขา! เซ็นทรัลเวิล์ดชั้น 18 นั่น เจ้าของเป็นกิ๊กกับคุณศิริลักษณ์ค่ะ ส่วนสวิตตาเป็นเพียงคนจัดคิวเข้าร้าน (เข้าลิฟท์) ไม่มีเอี่ยวใดๆ แต่อยากแนะนำร้านให้กับเพื่อนๆริมแม่น้ำเจ้าพระยาเลยไม่ไกลด้วย คือ ร้านกินลมชมสะพาน สามเสนซอย 3 บรรยากาศดี (มีที่นั่งแน่นอน) ไม่ต้องรอคิวเหมือนชั้น 18 ค่ะ Confirm ค่ะ ป๋าเชษฐ์ อิอิอิ

นายอัครพล ภิรัชตานนท์

รองโยฯ.คับ

วันนี้ได้เจอกันในห้องประชุม แต่ไม่มีเวลาได้พูดคุยกัน แต่ก็รู้สึกดีๆ ครับ

วันที่ 18 ธ.ค.52 ผมมีภารกิจ ไม่สามารถไปร่วมงานได้ ไว้โอกาสหน้า

เราค่อยพบปะสังสรรนอกรอบนะครับ

ช่วงนี้งานเยอะมาก ๆ ไม่ค่อยมีเวลาว่าง หรือได้เข้ามาคุยกัน

ยังไงก็คิดถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกคน นะครับ

เต๋อเอง.....ครับ

ศรัทธา

ไม่มี ก็คงต้องมีสักวัน

ความฝันเป็นจริงต้องทนสู้ไป

ไม่นาน เราคงจะได้สมใจ

มุ่งมั่น ทุ่มเทเพียงใดกว่าจะได้มา

เส้นชัย ไม่มาต้องไปหามัน

รางวัล มีไว้ให้คนตั้งใจ

ขวากหนาม ทิ่มแทงก็ผ่านพ้นไป

โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา

โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

ที่มา รู้ดีไม่รู้ที่ไป คนเรามันเลือกเกิดเองไม่ได้

แต่เราเลือกได้จะเป็นเช่นไร

เลือกได้จะทำตามใจด้วยตัวของเรา

หลายคน เชื่อในเรื่องโชคชะตา

บางคนเชื่อมั่นในตัวเอง

ชีวิต เรากำหนดของเราเอง

จะแพ้ชนะไม่เกรงจะสักเท่าไร

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา

โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

เรื่องราวมากมายที่ทำ ได้ใจโอบก็หวั่นไหว

แต่ก็มีเหตุผลสำคัญ ให้บางคนยอมถอดใจ เย.......

ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา

โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

เพื่อสะดวกในการตรวจสอบจำนวนผู้ร่วมงาน "ผู้ใหญ่" ขออนุญาตลางานเลี้ยงอีกคนหนึ่งนะครับเพื่อนๆ ใจจริงต้องการ

ไปร่วมมากๆ เนื่องจากลูกน้อง ๒ คน ต้องเข้าอบรมตัวชี้วัดพร้อมกันในวันที่ ๑๙ ธ.ค. เพื่อสับหลีกนำ จนท. ไปร่วมประชุม/

งานเลี้ยงปีใหม่ ส.๓/ศป.ข.ภาค ๓ ในวันที่ ๒๖ ธ.ค.

ขออวยพรให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขโขสโมสร

-รองฯ โย/หน.เต๋อ/นายต็อก คุยหลังไมค์นะไม่ควรแนะนำเพื่อนๆ ไปร้าน "ไร่ส้ม" สมาคม นสพ.นะ เดี๋ยวผิดวัตถุประสงค์

การจัดงานหมด

-(คุณ) ป้า.. ตุ๋ย..ส่งของฝากจากมุกดาหารแล้วไปนะครับ รับแล้วชมและสรรเสริญมาด้วย (ห้ามติเด็ดขาด)

สำหรับข้อความที่ ๗๕๙ ผู้ไม่แสดงตนนั้น ขอเดาอย่างมีหลักการว่าเป็น หน.แป๋ง หรือสตีฟแป๋ง ณแห่งหน่วยพิเศษแน่ๆ

จาก ผู้ใหญ่ ณ.มุกดาหาร

วีรศักดิ์ ทิพย์มณเฑียร

สวัสดีครับพี่น้องผองเพื่อน NIA-Talented-2009 ทุกหมู่เล่า

ขอแจ้งสถานที่นัดพบปะสังสรรค์ในเย็นวันนี้ (18 ธ.ค.52) เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ณ ร้านข้าวต้มวัดบวรนิเวศ ผมได้มอบหมายให้น้องภคิน เป็นส่วนล่วงหน้าไปจัดโต๊ะริมน้ำไว้รองรับพวกเราแล้ว ตอนนี้ได้รับการสนับสนุนน้ำประสานสัมพันธ์จาก ผอ.กัมพุช มาเพิ่มอีก 1 ขวด (ช่วยกันปรบมือแสดงความขอบคุณกันด้วย)

เหตุผลที่เลือกร้านดังกล่าวเพราะสโมสร ทบ.ห้องใหญ่เต็ม เลยมีหลายคนเสนอให้ไปที่ร้านดังกล่าวเพราะอาหารอร่อย คุยเสียงดังได้ ที่สำคัญราคามิตรภาพ (ไม่รู้จริงหรือป่าว) สำหรับร้านอื่นๆ ที่น้องๆ เสนอมาขอรับไว้พิจารณาจัดสรรในโอกาสต่อไปนะจ้ะ

เย็นนี้หากสมาชิกท่านใดพร้อมเดินทางไปโดยพร้อมเพรียงกันเลยนะครับ ผมมีประชุมช่วงบ่ายนิดหน่อย เสร็จแล้วจะรีบตามไปโดยพลัน

สำหรับสมาชิกต่างจังหวัดไม่ต้องกังวล ประมาณปลาย ก.พ.53 พวกเราคงจะได้มาทบทวนกันอีกครั้ง เมื่อวานผมเจอฝ่ายอำนวยการได้สอบถามไปเบื้องต้นแล้วว่าจะจัดช่วงใด ก็ได้คำตอบมาแล้ว ขอให้พวกเราวางแผนการทำงานและแผนการดำเนินชีวิต (เกี่ยวกันไหมเนี่ย!) ให้พร้อมเพื่อมารับการ coaching ก่อให้องค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง แต่มิใช่อย่างบ้าคลั่งหรอกจ้า

ใครมีข้อสงสัยประการใด โทรมาสอบถามได้ตลอดเลยครับ///รักและคิดถึง รวมทั้งห่วงใยอย่างยั่งยืน//ปธ.ติ่ง

อมรรัตน์ แจ้งยอดไปร่วมด้วยจ้า

คาถา6 P เพื่อชีวิตรุ่งโรจน์ในการทำงาน"

คาถาหกพี (6Ps) ให้หมั่นท่องไว้เสมอ แล้วจะเป็นคนทำงานที่มีความสุขมีผู้ชื่นชอบ อยากให้การสนับสนุน มีอย่างนี้

1. Positive Thinking คือการมองโลกในแง่ดีมีทัศนคติที่เป็นบวกอยู่เสมอ จะไม่มองอะไรในแง่ร้ายเลย ใครทำได้อย่างนี้จะ ไม่มีปัญหากับคนอื่นเลย

2. Peaceful Mind การมีจิตใจที่สงบจะสร้างความสุขที่คนอื่นต้องอิจฉา เพราะใจเราจะไม่ดิ้นรน นิ่ง ไม่ตื่นเต้นหวั่นไหวตามกระแสที่ถูกปั่นจากผู้ที่มีจุดมุ่งหมายอื่นแอบแฝง

3. Patient คือการที่มีความอดทน คนเราจะให้ทุกอย่างเป็นตามใจเราคงยาก มันต้องมีช่วงที่เป็นของคนอื่นบ้าง แต่ถ้าเรารู้จักอดกลั้นอดทนรอคอยให้ถึงช่วงของเรา การแก่งแย่งชิงดีย่อมไม่เกิด

4. Punctual คือการตรงต่อเวลาการมีวินัย บ้านเราชอบหาข้อแก้ตัวรออีกหน่อยไว้ให้ลูกหลาน เรามีวินัยก็แล้วกัน ทำไมเราไม่ทำเป็นตัวอย่าง นิ้วก้อยกับนิ้วหัวแม่มือแม้มีขนาดไม่เท่ากัน ก็อยู่ในมือเดียวกันต้องทำหน้าที่พร้อมกันในเวลาหยิบของ จะเกี่ยงว่าตัวเล็กตัวใหญ่ไม่ได้อย่าผิดคำพูด อย่าผิดนัด คนเป็นใหญ่ชอบไปงานช้าเพราะคิดว่าตนสำคัญ คนอื่นต้องรอแสดงถึงความยิ่งใหญ่คิดผิดนะ

5. Polite คือความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนยิ่งใหญ่ยิ่งต้องมีตัวนี้มาก มีมากเท่าใดคนอื่นจะยิ่งเกรงมากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเรื่องรวงข้าวที่มีเมล็ดข้าวมากเท่าใดก็ยิ่งโน้มลงติดดินมากเท่านั้น นั่นจะมีค่ามากเพราะให้ผลผลิตดีกว่าช่อที่ยืนล้อลมได้สูงๆ แต่ไม่มีเมล็ดเกี่ยวไปแล้วก็ทิ้งเป็นฟาง เอาไปสีก็เปล่าประโยชน์

6. Professional หมายถึงความเป็นมืออาชีพในงานของตน ต้องรู้ต้องทำอย่างดีที่สุดต้องมีความรู้ ความสามารถอย่างมืออาชีพทำหน้าที่ให้เหมาะสมหมั่นฝึกปรือ แสวงหาความรู้ให้ทันสมัยทันโลก

คาถาทั้งหกข้อนี้จะทำให้คุณมีจิตใจดี สงบ มุ่งมั่นอยู่กับงาน มองโลกในแง่บวกรู้ตน รู้สถานะ ไม่คิดฟุ้ง ซ่าน พกสูตรนี้ไว้ โตวันโตคืนนะ......

ถึง..พ่อใหญ่คำมา

วันนี้ได้รับของฝากแล้วครับแจกจ่ายทานกันในห้องทำงาน ผอ.กัมพุชก็ได้ลาภปากจากอานิสงของท่านพ่อใหญ่ด้วย ขอบคุณอย่างแฮง..

สวัสดีสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ขอต้อนรับเข้าสู่บรรยากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สัปดาห์นี้มีเรื่องจะมารายงานให้พวกเราทราบดังนี้

1.งานเลี้ยงต้อนรับรองโยฯ เป็นบรรยากาศที่ครื้นเครง ขอแสดงความเสียใจกับสมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วม หรือบอกว่าจะเข้าร่วมแต่หลงทางไปไม่ถูก (ไม่รู้ว่าจะตั้งใจอะป่าว) มีมวลสมาชิกไปร่วมงาน 10 คน ประกอบด้วยรองโย น้องผึ้ง น้องแจ๋ว น้องปุ๊ย น้องเงาะ น้องณา น้องหนู พี่ก้อย พี่ลักษณ์ และผมเอง

2.มติของการหารือในวันดังกล่าว มีเรื่องสำคัญ 2 ประเด็น คือทุกคนเห็นชอบให้จัดเลี้ยงทุกเดือน (ช่วงกลางวัน 11.00-13.00 น.) และเอกสารรูปเล่มกับภาพถ่าย กำหนดวางตลาด 30 ธันวาฯ แน่นอนครับพี่น้อง

3.วันนี้ประชุมเจอพี่แป๋ง พี่เต๋อ และน้องมิตร แก้ตัวกันเป็นพัลวันเลยสำหรับคนหลังสุด แจ้งยืนยันมา 2 ข้อความ สุดท้ายก็ไม่ยอมมา

4.งานเลี้ยงครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนงบกลางจากป้าตุ๋ย 2,000 บาท และอาๆๆทุกท่านช่วยกันอีก 1 ช้างแดง

มีความสุขกับการทำงาน คิดถึงทุกคน/ปธ.ติ่ง

ปล.คุณสุรศักดิ์ ช่วยแสดงตนหน่อยนะครับ รวมถึงน้องป๊อก เงียบกันไปเลย ป้าเอ๋อ ก็เหมือนกัน หายกันไปหมดเลย

เกี๊ยะ อยากทราบผลการประชุมปรึกษาหาลือ กลุ่มฯ วันที่ 18 ธ.ค.52 เพราะ เกี๊ยะไม่มีโอกาศเข้าร่วมด้วยเกี๊ยะมีธุระต้องเดินทางกลับบ้าน รู้ว่าในเดือนหน้าจะมีการเลือกคณะกรรมการสหกรณ์ เลือกเบอร์ใหน...... ใช่หรือไม่ รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว

สวัสดีสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

ตอบคำถามแรกของ หน.เกี๊ยะ ผลการหารือคือต่อไปเราจะเจอกันเดือนละครั้ง เป็นร่วมรับประทานอาหารกลางวัน และข้อสองเอกสารและภาพถ่าย จะแจกจ่ายในวันที่ 30 ธันวาครับ

ข้อสอง ต้องขอบคุณที่ หน.เกี๊ยะ เปิดทางให้หาเสียง สหกรณ์ฯ จะเลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ ในวันที่ 26 ม.ค.53 สำหรับคนที่อยู่กรุงเทพ ระหว่างเวลา 08.00-10.00 น. ส่วนต่างจังหวัดจะส่งใบลงคะแนนไปให้ประมาณปลาย ธ.ค.52 แล้วส่งกลับมา ในวันประชุมใหญ่จะนับคะแนนรวมที่เดียว สรุปว่าทุกคนเลือกได้ 7 หมายเลข จากผู้สมัคร 10 คน สำคัญที่ผมลงสมัครหมายเลข 5 ย้ำถ้าพวกเราต้องการอยากให้สหกรณ์มีการ Change และ Sustainability Development ก็ช่วยๆ กันกาเบอร์ 5 ด้วยนะครับ (รักมากรักน้อย ก็กาแค่ครั้งเดียวพอนะครับพี่น้อง)

ข่าวสุดท้าย วันนี้ได้รับการประสานจาก อจ.เอ ว่าในวันพฤหัสบดีที่ 24 ธ.ค.52 เวลา 09.00 น. ท่าน อจ.จีระ จะเดินทางมาอวยพรปีใหม่ ผขช. หากใครคิดถึงหรืออยากเจอท่านอาจารย์ ก็เชิญเลยนะครับพี่น้อง

รักและห่วงใยทุกคนเสมอ//ปธ.ติ่ง

ปล.เพื่อนๆ ที่แวะเข้ามาอ่าน โดยไม่โพสต์ขอให้ช่วยกันขยับนิ้วทักทายเพื่อนฝูงด้วย

ขอบคุณมาก ป.ธ. ติ่ง ที่ตอบคำถามมาให้นิวัตร์เข้าใจและจะลงคะแนนให้ ในวันที่ 26 ม.ค. 53 จะได้มีการกู้ได้มากก่าวนี้ และอย่าเรื่องมาก เช่นเงินเดือนต้องเหลือเท่านั้นเท่านี้ หน้าเบื้อหน่ายจะถกู้แต่ลละทียุ่งอยาก

สวัสดีครับเพื่อนๆ NIA-Talented-2009

วันนี้ท่านอาจารย์โทรมาหาผม ฝากความคิดถึงและขอบคุณพวกเราที่มีความอุตสาหะในการทำแบบฝึกหัด รวมทั้งยังคงให้ความสนใจต่อการใช้ Blog เพื่อเป็นช่องทางติดต่อสื่อสารระหว่างกัน อจ.จีระ จะมีแบบฝึกหัดมาให้ประลองปัญญากันอีกแล้วละพวกเรา หากใครพร้อมลงมือตอบได้เลย

สำหรับกำหนดการเดินทางมาเยี่ยมเยือนลูกศิษย์ของอาจารย์เช่นเดิมครับ พรุ่งนี้ 24 ธ.ค.52 เวลา 09.00 น. อจ.จะเข้าอวยพร ผขช. ในส่วนของพวกเราผมได้มอบหมายให้น้องแจ๋วและน้องเล็ก ช่วยดำเนินการจัดหาของขวัญปีใหม่ให้กับท่าน อจ.เรียบร้อยแล้ว หากใครมีเวลา ทำตัวว่างๆ เจอกันหน้าองค์พระละกัน ยังไงก็ฝาก หน.เกี๊ยะ เป็นด่านแรกด้วยละกันพรุ่งนี้ ช่วยเป็นตัวแทนในการต้อนรับด้วยนะครับ

เอาเป็นว่าตอนนี้แยกย้ายกันทำงานกันก่อนนะเพื่อนๆ และข้อเสนอของคุณนิวัตร์ ผมจะรับไปสานต่อให้นะครับ ในการลดขั้นตอนและความยุ่งยากของการกู้สหกรณ์ฯ ทราบแล้วเปลี่ยน

โชคดีมีความสุขกันถ้วนหน้า//ปธ.ติ่ง

เรียน ท่านประธาน ครับ

ผมจำได้ว่า ท่านไปรับปากเค้าไว้ว่าจะเป็นผู้นำในภูมิภาคภายในระยะเวลาเท่าไหร่ จำไม่ได้แล้ว ทราบมาว่าท่านนับหนึ่ง จนเกือบจะ

ถึงครึ่งทางแล้ว มีอะไรให้สนับสนุน ยินดีครับ อยากมีส่วนร่วม หรือเรียกใช้บ้างก็ได้ อย่าทำห่างเหินหรือพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่ใกล้ชิด

เท่านั้น บางสถานการณ์หมาจิ้งจอกอาจมีประโยชน์กับพระธุดงค์บ้างก็ได้ ครับ

ไม่มีโอกาสได้ไปสวัสดีปีใหม่ท่าน อ.จีระฯ ด้วยตนเอง จึงขอแสดงความรู้สึกด้วยความเคารพผ่านทางบล็อก

ถึงท่านอาจารย์นะครับ Season’s Greetings – May love and laughter fill your life at Christmas and throughout the New Year , I wish you happy good luck and to have avictory.

ภาษากระท่อนกระแท่นนะครับ ผิดพาดประการใดขออภัยด้วยครับ แต่เป็นคำอวยพรด้วยจิตคาราวะ รวมถึงพี่เพื่อนน้องด้วยนะครับ

Nowadays pung and pok face the difficulty about some people the same.

I mean that he is the same person

We have just talked to our problem and find out a solution.

So I begin to understand that

the higher you are the cooler you are.

I am borred but I also effort to think positively to him

สวัสดีเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทั้งประเทศไทยทุกหมู่เหล่า

ผมอยากจะบอกพวกเราว่าทุกถ้อยแถลงที่สื่อสารผ่าน Blog ประสงค์ให้พวกเราทั้งรุ่นได้มีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน หากใครมีภารกิจหรือไม่มีเวลา ก็ให้แวะมาอ่าน แต่ถ้าว่างเว้นหรือมีเวลาสักนิด ช่วยกันเ้ข้ามาโพสต์ข้อความให้ผมชื่นใจบ้างนะจ้ะ ที่สำคัญดีใจมากที่น้องเชษฐ์แวะเข้ามาทักทาย พี่ไม่ลืมน้องหรอกครับ และประเด็นสำคัญที่นำเสนอว่าภายในปี 2015 เราต้องเป็นเบอร์หนึ่งในภูมิภาคฯ นั้นไ่ม่ลืมครับ

เมื่อวาน (24 ธ.ค.52) เวลา 09.15 น. ผมและเพื่อนๆ สาวๆ ในรุ่นที่ระดมผ่าน Blog เกือบ 10 คน ได้มีโอกาสสวัสดีปีใหม่ท่านอาจารย์แทนเพื่อนๆๆ ทั้งรุ่นไปเรียบร้อยแ้ล้ว และอาจารย์ได้ฝากอวยพรให้พวกเรามีความสุขตลอดปี รวมทั้งสุขภาพแข็งแรง แต่ที่แน่ๆ ต้องไม่ลืมใฝ่หาความรู้อย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง จากนั้นอาจารย์ได้ไปอวยพรปีใหม่ ผขช.และ ผอ.สข.

สำหรับการฝึกทบทวนของรุ่นเรานั้น อจ.เปรยๆๆ ออกมาแล้วว่าน่าจะมี Hot Issues ที่อยู่ในความสนใจของประชาคมโลก และเป็นประเด็นร้อนในบ้านเรา ได้ระดมสมองกันอย่างบ้าคลั่งแน่ละพี่น้อง สู้ๆๆๆ นะพวกเรา

ส่วนการบ้านที่อาจารย์จะส่งมาให้เป็นเรื่องภาวะโลกร้อน (Global Warming) คงอีกไม่กี่วันจะส่งมาให้เราฝึกสมองประลองปัญหา ขอกระซิบบอกพวกเราดังๆๆว่า อจ.ชมเสียงดังฟังชัดเลยว่า พวกเราจับประเด็นและถ่ายทอดความคิดเห็นกันได้ดีสำหรับการบ้านฉบับที่ผ่านมา ขอให้พวกเรารักษาความดีอันนี้เอาไว้นะครับ

สุดท้ายขอแจ้งความคืบหน้าการจัดเตรียมเอกสารและรูปภาพ ตอนนี้รองแหม่มฯ ตรวจเล่มเสร็จแล้ว น้องแจ๋วได้ล้างอัดรูปพวกเรามาจัดทำเป็นปก DVD สวย หล่อ เท่ห์ คิกขุ น่ารักโคตรๆๆ เลยวะพวกเอย! ส่วนทำเนียบผมบอกพี่แป๋วแล้วว่าวันนี้ปิดเล่ม ส่งไฟล์ให้ผมเลย สัปดาห์หน้าสมาชิกท่านใดที่อยู่กรุงเทพ (ต้องขออนุญาตพี่เชษฐ์ หน่อยนะครับ เพราะไม่สามารถให้พี่ช่วย write DVD ทางเมล์ได้ เอาไว้มีภารกิจแหล่มๆๆ โดนๆๆ กับพี่แล้วผมจะส่งให้อย่างไว รอไว้เลยนะน้อง) ขออาสาสมัครรับแผ่น DVD ไปช่วยดำเนินการกันหน่อยจ้า เพราะต้องทำถึง 50 แผ่น

คิดถึงและห่วงใยทุกคนตลอดไป//ปธ.ติ่ง

ปล.หากสมาชิกท่านใดประสงค์จะสั่งเสื้อสูทเพิ่มรีบแจ้งนะครับ เพราะผมจะสั่งออเดอร์ในวันจันทร์ที่ 28 ธ.ค.52

อยากทราบหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ ปธ.ติ่ง จาก เพื่อนเก่า 6/9

สวัดดีปีใหม่ 2553 ดร.จีระฯ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน ขอให้ทุกคนมีความสุข ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และ ร่ำรวยทุกๆ คน ในปีใหม่ 2553 นี้

จาก เกี๊ยะ สิงห์บุรี

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๓ สุขสมหวัง...ดั่งใจปรารถนา...ทั้งหน้าที่การงานและครอบครัวทุก ๆ คนนะครับ....

สวัสดีเมอรี่คริสต์มาส 2552 พร้อมกันนี้ ก็สวัสดีปีใหม่ 2553 ด้วยนะครับ

ปีใหม่นี้ กระผมขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ที่อยู่ในโลกนี้ จงบันดาลความสุขให้ เพื่อน พ้อง น้อง พี่

ที่เปิด Blog ทุกคน (รวมทั้งคณะของอาจารย์จิระฯ ) มีความสุขกาย สุขใจ เจริญก้าวหน้าในการงานและครอบครัว

สุขภาพแข็งแรง ปลอดจากโรคภัย และขอให้รวย..รวย... รวย... อย่างต่อเนื่อง และต่อเนื่องทุกคนนะครับ..........

เต๋อ..เองครับ

สวัสดีครับคุณลี่ กระทู้ 782

ดีใจครับที่หาผมจนเจอ ส่งเมล์มาที่ [email protected] เลยครับ หมายเลขโทรศํพท์ของผม 081-3379299 โชคดีครับ/ปธ.ติ่ง

In this new year, pung hopes that talented group friends will change ourself for the better life

and work . As we are the new generation of organization that needs highly performance worker.

It is true that we will get more position if we hold good idea and also have good behavior as well.

***HAPPY NEW YEAR FOR EVERY TALENTED FRIENDS***

Happy new year for the teacher dr. jira and every staff

busaba

สวัสดีปีใหม่ อจ.จีระและทีมงาน รวมถึงเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกคน

ขอให้ท่านจงมีความสุขกาย สุขใจ สุขภาพแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง พร้อมต่อสู้กับทุกสิ่งตลอดปี 2553 และตลอดไป ขอให้มีพลังและจินตนาการเชิงสร้างสรรค์ตลอดไป คิดสิ่งใดขอให้ได้สมปราถนา ขอพวกเรารวมพลังกันฟันฝ่าทุกสรรพสิ่งเพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้มีพัฒนาการที่ดีและเป็นระบบ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการมุ่งไปสู่ High Performance Organization พวกเราพึงตระหนักว่าทุกคนมีส่วนร่วมและมีส่วนได้ส่วนเสียกับการขับเคลื่อนองค์กรทุกมิติ สู้ๆๆ เพื่อนเอย//ปธ.ติ่ง

สวัสดีเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกคน

ผมมีเรื่อง "ด่วนที่สุด" ที่จะการสนับสนุนจากพวกเราในวันพรุ่งนี้ (29 ธ.ค.52) กล่าวคือบัดนี้ผมได้รวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่จะแจกจ่ายให้กับพวกเราเรียบร้อยแล้ว ขอให้เพื่อนๆๆที่มีเวลาว่างในการนำข้อมูล Write ลง DVD ให้กับเพื่อนสมาชิก หากท่านใดว่างให้รีบตอบผ่าน Blog หรือขึ้นมาหาผมได้เลย (ผมประชุมสหกรณ์ 10.00-12.00 น.) สอบถามน้องแจ๋วได้เพราะผม Copy วางในเครื่องคอมแล้ว ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับน้ำใจของเพื่อนสมาชิก//ปธ.ติ่ง

ปล.หากช่วยกันหลายคนจะเสร็จไว เพราะต้องจัดทำ 50 แผ่น

ปธ.ติ่ง คับ

พวกกระผม เต๋อ...แป๋ง...Mr.m... อยากช่วยอะคับ แต่อยู่ไกลลำบากจัง

ยังไงก็ให้กำลังใจท่าน ปธ.ติ่ง และผู้ใกล้ชิดทั้งหลายอะคับ ที่ร่วมมือร่วมใจกันทำงาน

คิดถึงทุกคนครับ...

Hello! every talented friends

Before we are how we are not worried because we will forget every things in the past and have only the power of now. Especialy, I expect that all friends will practice more english language skill as we always need to read english texts. Morever, we will gain considerable knowledge if we can read it.

This is important reasons that write in form of english language to friends

Don't be confused. are you ok?

สวัสดีครับพี่พ้องน้องเพื่อน NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ผมมีข่าวดีจะมาแจ้งให้กับเพื่อนๆ ทราบ 2-3 เรื่อง ดังนี้

1.ตอนนี้น้องแจ๋วสุดสวยได้ดำเนินการ Write ข้อมูลทุกอย่างที่พวกเราอยากได้ เสร็จเรียบร้อยแล้วชุดแรกของ จนท.ส่วนกลาง ให้มารับได้เลย (ช่วยกันปรบมือแสดงความขอบคุณน้องแจ๋วกันด้วย ที่ต้องทรมานทำงานจนค่ำของวันนี้ 29 ธ.ค.52 เพราะน้องเขาเกรงว่าผมจะเสียคนที่ไปรับปากแล้วว่าวันที่ 30 ธ.ค.52 รับแผ่นกันได้เลย) สำหรับส่วนภูมิภาคปีหน้าจะส่งให้นะครับ (เพราะไปรษณีย์ปิดทำการช่วงปีใหม่ 5555)

2.พรุ่งนี้ขอเชิญทุกคนเข้าร่วมงานเลี้ยงสถาปนากรมฯ โดยพร้อมหน้ากัน ผมต้องรับหน้าที่ผู้ดำเนินรายการช่วงบันเทิงคู่กับ ผอ.สข. และจะต้องร่วมร้องเพลงกันทีมนักร้องที่เข้าประกวดร้องเพลงพระราชนิพนธ์ ใครสนใจเข้าร่วมรับฟังและเป็นกำลังใจได้เลยพวกเรา เพลงจะเริ่มบรรเลงระหว่างเวลา 11.30-14.00 น.

3.ช่วงปีใหม่ขอแสดงความยินดีกับคนที่มีโอกาสได้พักผ่อน แต่ผมและเพื่อนๆ อีกหลายคน จะต้องร่วมปฏิบัติงานเฝ้าระวังพื้นที่รับผิดชอบ ไม่เป็นไรยังมีเวลาพักผ่อนอีกแยะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ต้องทำงานเหมือนผม เอ้าเชียร์กันหน่อย!

จบข่าวเพราะต้องไปร่วมงานเลี้ยง ส.1 แล้วละเพื่อน//รักเพื่อนเสมอ//ปธ.ติ่ง

ปล.เชิญรับแผ่น DVD ได้บนโต๊ะทำงานผมเลยนะครับ เพราะพรุ่งนี้ผมอาจจะอยู่ในห้องประชุมใหญ่ เชิญหยิบเฉพาะของตัวเองไปนะจ้ะ รักนะจุ๊บๆๆ

สวัสดีพี่น้องและผองเพื่อนทั้งหลาย

เนื่องในวาระอำลาปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ก่อนอื่นต้องขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยจงดลบันดาลให้ท่านอาจารย์จิระและทีมงานประสบกับความสุข สมหวังในชีวิต ก้าวหน้าเรื่องหน้าที่การงานโดยเฉพาะในเรื่องของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเป็นพลังขับเคลื่อนให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคงและยั่งยืนสืบไป ส่วนพี่น้องชาว "ยังทะเล้น" ก็ขอให้ประสบแต่ความสุขความเจริญ คิดเชิงบวก มองโลกในแง่ดี มีจิตสาธารณะจะทำให้อยู่ร่วมในสังคมได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญขออัญเชิญพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งของพ่อหลวงที่ว่า "สติรู้ตัว ปัญญารู้คิด สุจริตจริงใจ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนอื่น" ให้พวกเราใส่เกล้าน้อมนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต คิดถึงทุกคนนะ Till we meet again.

พี่หนูแหม่ม

ชื่นชมในความร่วมมือร่วมใจทำงานเพื่อเราชาวNIA-Talented-2009 ขอบคุณกำลังสำคัญทุกท่าน

ที่สามารถทำงานจนสำเร็จ ขอจงได้รับแรงใจจากพวกเราที่อยู่ห่างไกล (ทีมงานเสียงอีสาน) อย่างเต็มที่

ภูมิใจครับที่เป็นส่วหนึ่งของ NIA-Talented-2009

ปีใหม่ ๕๓ ขออำนวยพรให้เพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่าน

.........จงมีโอกาสใช้พลังแห่งอัจริยภาพที่มีอยู่ในตัวเต็มเปี่ยมอย่างเต็มศักยภาพ

.................และขอให้ผลแห่งความพยายามนั้นบังเกิดผลเป็น

...................................ความสงบสุขของบ้านเมือง และความร่มเย็นของจิตใจ...และ.......

.............................................เป็นผู้ชะตนเอง.....ชนะชีวิต...ด้วยเทอญ

ผู้ใหญ่/////////////มุกดาหาร

สวัสดีปี 2010

ท่าน อจ.จีระ และทีมงาน เพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกคน

ขอให้ทุกท่านมีความสุข ในเรื่องเงิน เรื่องงาน การดำเนินชีวิต

สวัสดีปีใหม่ 2553 ถึง อจ.จีระ และทีมงาน รวมทั้งเพื่อนๆ NIA-Talented-2009

ก่อนอื่นขอแจ้งให้เพื่อนๆ ทราบว่าวันนี้ อจ.จีระ โทรมาอวยพรปีใหม่ให้กับพวกเราทุกคน ท่าน อจ.ขอให้พวกเราจงมีสุขภาพ พลานามัยแข็งแรง และพร้อมที่จะเป็นบุคลากรที่ดีขององค์กรต่อไปในอนาคต

สำหรับพี่พ้องน้องเพื่อนชาว Talented ทุกคน ขอให้คิดสิ่งใดให้สมปราถนา อยากจะได้อะไรก็ขอให้สำเร็จ ประสงค์จะทำการใดให้มีความคิดสร้างสรรค์ที่จะฝ่าฟันให้ภารกิจนั้นๆลุล่วงไปได้ด้วยดี จงลุกขึ้นมายืนหยัดด้วยตัวของท่านเพื่อวันข้างหน้าที่ดีและมีคุณค่า พึงมีสติ สมาธิ ปัญญา เพื่อสร้างสรรค์สิ่งที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนตลอดไป ขอย้ำว่าผมจะยืนเคียงข้างพวกเราตลอดไป จงมองไปข้างหน้าอย่างมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ โดยมิลืมวางแผนการดำเนินชีวิตและการงานอย่างเป็นระบบ รวมทั้งไม่ประมาท สำคัญที่สุดต้องมั่นเติมเต็มความรู้ทั้งในหน้าที่หรือสิ่งที่เกี่ยวข้อง จงอย่าหนีมันเลยเพื่อนเอย "การเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด ให้มันรู้ไปเลยว่าจะมีใครแก่เกินเรียน" ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน "ท้อได้ แต่อย่าถอย"

สุดท้ายขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงบารมีของกรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ จงคุ้มครองท่านและครอบครัวให้มีความสุขตลอดปีและตลอดไป ขอมิตรภาพที่พวกเรามีให้ต่อกันและกัน จงยั่งยืนและพัฒนายิ่งๆ ขึ้น//ปธ.ติ่ง

ปล.หมั่นดูแลสุขภาพกันด้วยนะเพื่อนๆ "เก็บพลังไว้ต่อสู้กับวันข้างหน้า อย่าใช้พลังงานจนเกินกำลัง ร่างกายคนมิใช่เครื่องจักร"

สวัสดีปีใหม่ & ส่งความสุข 2553 แด่ อจ.จีระ พร้อมทีมงาน และน้องๆ NIA-Talented-2009

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โปรดดลบันดาลให้ท่าน อจ./ทีมงาน/ NIA-Talented

สุขกาย สุขใจ และขอขอบพระคุณที่ อจ.ย้ำเสมอ...ต่อเนื่อง....ต่อเนื่อง.....และต่อเนื่อง รวมทั้งมีกิจกรรมดี ๆให้ สขช.

ดีใจที่พวกเราชาว Talented มีความพยายาม และ ตั้งใจ ซึ่งการเป็น change agent ของ สขช. ไม่ใช่แค่ความหวัง แต่ พวกเราทำให้เป็นจริงได้ ขอเป็นกำลังใจให้..... สู้...สู้

สวัสดีปีใหม่ค่ะ

งานเคาท์ดาวน์ 2010 ที่เซ็นทรัลเวิลด์ พื้นที่ต่างๆ และในส่วนภูมิภาค ของประเทศไทย ได้ผ่านไปด้วยความเรียบร้อย โดยบรรยากาศเมื่อเวลา 2400น.ทุกคนต่างพากันเปล่งเสียง “แฮปปี้นิวเยียร์” และส่งคำอวยพรปีใหม่ให้กันและกัน ด้วยความสุขปิติ

ขณะที่หน่วยงานด้านการรักษาความปลอดภัย ก็ทำงานกันอย่างขมักเขม้น เพื่อให้งานผ่านพ้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รอดพ้นจากเหตุการณ์ร้ายๆที่ไม่อาจคาดคิด

และเมื่อมีการเปิดศักราชใหม่ ก็คงหลีกไม่พ้นที่จะต้องเผชิญกับเหตุต่างๆในปี 2553 อีกมากมายที่รออยู่ ซึ่งพวกเราคงต้องร่วมกันต่อสู้กับสิ่งไม่ดีทำร้ายประเทศชาติกันต่อไป เพื่อช่วยกันนำความสงบสุข สนุกอย่างยั่งยืน และยึดตามแนวทางทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ด้วยความภาคภูมิใจแบบผู้ปิดทองหลังพระ

ปล. คิดถึงทุกๆท่านครับ ท่านใดว่างๆลิขิตผ่านเมล์บล็อคซึ่งเป็นช่องทางสื่อสารที่ท่าน อ.จีระฯกรุณาให้กับพวกเรานะครับ

สวัสดีปีใหม่ 2553

พรใดอันประเสริฐในโลกหล้า

จงดลบันดาลให้ท่านทั้งหลาย

สมปรารถนา ทุกประการเทอญ...

สวัสดีเพื่อน NIA-Talented-2009

ยินดีต้อนรับกลับกรุงเทพฯ สำหรับเพื่อนที่เดินทางไปต่างจังหวัด ไม่ว่าไปกราบบุพการีหรือนำครอบครัวไปพักผ่อน รวมถึงขอบคุณสมาชิกที่เฝ้านาคร (กรุงเทพ) ในช่วงวันหยุด วันนี้เริ่มต้นการทำงานของปี 2553 แล้วนะเพื่อนเอย จงน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่อวยพรปีใหม่มาปฏิบัติโดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อพระองค์ท่าน

สมาชิกที่อยู่ในกรุงเทพ กรุณามารับแผ่น DVD ที่โต๊ะทำงานผม "ด่วน" ตอนนี้ยังมีอีกเพียบ ส่วนเพื่อนๆที่อยู่ ตจว. เดี๋ยวจัดให้ สำหรับข้อมูลทุกอย่างในแผ่น แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ 1.สรุปองค์ความรู้ รวบรวมโดยคุณสร้อยสน พี่นู๋แหม่ม ช่วยตรวจทาน 2.เอกสารนำเสนอ คนพูดทำและป้าเอ๋อช่วยตบแต่ง เพิ่มสีสัน 3.ทำเนียบ รวบรวม/ถ่ายภาพโดยน้องป๊อก ติดตาม/จัดส่งให้ผมโดยพี่แป๋ว 4.ภาพถ่าย มาจากกล้องของทั้งรุ่น อาิิทิ น้องกุ้ง น้องปู น้องแจ๋ว น้องหนู ป้าเอ๋อ พี่ิติ่ง และอีกหลายคนเอ่ยชื่อไม่หมด (ปรบมือให้ตัวเองด้วย)

สุดท้ายขอบอกพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ โดยเฉพาะต่างจังหวัดและในกรุงเทพ ว่าผมคิดถึงและห่วงใยพวกเราเสมอ และจะยิ่งห่วงมาก หากท่านไม่มีการตอบกลับหรือเข้ามาโต้ตอบใน Blog กันเลย โดยเฉพาะขุนพลภาคอีสานและสาวเหนือ เงียบกันไปเลยนะน้อง ตลอดจนสองหนุ่มหล่อแถบอันดามัน หลงคลื่นลมทะเลจนลืมพี่แล้วหรือก๊าบ... ส่วนหนุ่มสาว จชต. เจอกันเป็นระยะๆ อีกไม่กี่วันก็คงจะเจอกันอีกไม่ีค่อยห่วงเท่าไร

"สนุกกับงาน...สำราญกับภารกิจ...คิดก่อนพูดและทำ...นำไปสู่ความสำเร็จเพื่อนเอย" รักเพื่อนมั่กๆๆ//ปธ.ติ่ง

เกี๊ยะ ขอขอบคุณมากที่อุส่าห์นำเอาแผ่น มาให้ถึงห้องที่ทำงานเลย ขอบคุณมากๆ เลย จะเป็นท่าน ปธ. หรือใครก็ไม่รู้ นำมาวางไว้ที่โต๊ะ แล้วผมจะนำไปเปิดดูที่บ้าน ดูว่าพวกเรามีใครบ้าง และขอให้ทุกคนมีความสุข ขอให้มีความแข็ง ความใหญ่ ความยาวทุกๆคน ในรุ่น

เกี๊ยะ สิงห์บุรี

ว๊าว ว๊าว ว๊าว เป็นพรอันประเสริฐ ถูกใจมั๊กๆ ที่ให้มีร่างกายแข็งแรง จิตใจกว้างใหญ่ดั่งแม่น้ำ และอายุยืนยาว ว๊าว ว๊าว ว๊าว

ดุแล้วคงเข้าท่านประธาน ซะส่วนใหญ่ ขอให้ท่านประธาน และเพื่อนๆ ทุกคนสำราญกับภารกิจ เช่นกัลครับ

สวัสดีปีใหม่ ทุกท่านนะครับ (มาแย้ว มาข้าดีกว่าไม่มา)

พอดีช่วงปีใหม่ มีภารกิจพิเศษ ทั้งเฝ้าเกาะและต้องเข้าป่า บนเกาะห่างไกลความเจริญ,น้ำไม่ได้อาบสามวัน

ตอนนี้กลับมาแล้วครับ,ขอให้ทุกท่านมีความสุข ความเจริญ สืบไป

สวัสดี วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ.2553 มุ่งมั่นทำงานกันต่อไปนะพวกเราชาว NIA - Talented - 2009 สู้ๆ.......เพื่อ.......?

จาก แป๋ง/มิตร(Mr.m)

สวัสดีเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

ผมได้รับแจ้งจาก สข.ว่าจะมีการอบรมติดตามผล Talented ช่วงกลาง มี.ค.53 (15-19 มี.ค.53) ที่มวกเหล็ก ขอให้พวกเราเคลียร์คิวให้ว่างเอาไว้ด้วยแล้วกัน มีอะไรคืบหน้าผมจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ขอบคุณพี่แป๋งและน้องมิตร ที่แวะเข้ามาเยือนแบบแท็กทีมเลยนะก๊าบ

โชคดีมีความสุขโดยทั่วกัน/ปธ.ติ่ง

ขอลอกการบ้านค่ะ มาช้า ...ยังดีกว่าไม่มา

สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุข แข็งแรง สดใส ใจเบิกบานกันถ้วนหน้า

แล้วก็ขอขอบคุณ พี่ ปธ. ติ่งและทีมงาน เป็นอย่างสูง ที่ช่วยจัดแจงต่างๆ นานา ทั้งเสื้อ จนมาถึง write แผ่นให้

ตอนแรกเห็นแค่หน้าปก ก็ปลื้มแล้ว หน้าเรา(บาน)เต็มๆ เลย พี่เค้าสามารถมาก พอเปิดดู อึ้งกว่าอีก..ยกนิ้วให้เลย

..ขอบคุณมากค่ะ สัญญาว่าจะเป็นเด็กดี ค่ะ ( ตอนนี้ขอตามเก็บการบ้านให้ครบก่อนนะ ค้าบ)

ถึงลูกศิษย์ทุกท่าน

ข่าวดีครับ ทางสำนักงานฯ จะมีให้พบกันอีกครั้งประมาณเดือนมีนาคม นี้ ซึ่งผมจะมีการทำวิจัยส่งข้อมูลในการทำ Survey ไปให้ทุกคนก่อนเริ่มโครงการฯ

แต่ช่วงนี้ผมขอส่งบทความจากหนังสือ Time Magazine มาให้อ่านและวิเคราะห์ มาว่า อ่านแล้วมีผลต่อภาคใต้อย่างไร? เป็นบทความเกี่ยวกับเรื่อง โอบามา กับอัฟกานิสถาน ซึ่งมีผลต่อความมั่นคงของโลก ซึ่งผมขอส่งให้ทุกคนผ่าน Blog และ ฝากมาทางคุณวีรศักดิ์นะครับ

จีระ หงส์ลดารมภ์

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ 7 มกราคม พ.ศ.2553 พวกเราจะมุ่งมั่นทำงานอย่างมีคุณธรรม จริยธรรม ด้วยจิตวิญญาณเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์ อันเป็นที่รักของพวกเรา

จาก แป๋ง/มิตร(Mr.m)

สวัสดีสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ผมขอแจ้งให้กับทุกคนทราบว่า อจ.จีระ คิดถึงพวกเรามั่กๆ และเกรงว่าต่อมความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการจะสะดุดหรือชะลอการทำงาน จึงได้ส่งบทความมาให้พวกเราช่วยกันสรุปว่าเรื่องดังกล่าวมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะต่อกรณีจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไร และผมได้เข้าไปสืบค้นบทความดังกล่าวจาก Time Magazine แล้ว น่าจะเป็นบทความนี้หรือป่าวก็ไม่รู้ ลองเข้าไปดูละกัน "http://www.time.com/time/nation/article/0,8599,1951882,00.html"

หากใครเข้าไม่ได้แจ้งเมล์มาหาผมก็ได้ จะได้ฟอร์เวิร์ดไปให้ เบื้องต้นสมาชิกที่ตอบรับใน [email protected] ก่อนละกัน

ก่อนที่พวกเราจะไปอบรมกันที่มวกเหล็ก ผมมีภารกิจสำคัญอีกประการคือต้องเข้ารับพระราชทานปริญญารัฐศาสตรมหาบัณฑิต ม.รามคำแหง (Master of Arts : major in Political Science/Institute of International Study-Ramkhamheang University) ในวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2553 ช่วงบ่าย เพื่อนๆท่านใดว่าง วันที่ 9 มีนาคม 2553 ถ่ายรูปกันหน่อยที่กรมช่วงเช้าละกัน ส่วนงานเลี้ยงรอสปอนเซอร์อนุมัติก่อน 5555 เพราะอาจจะต้องนำเข้ากุ๊กใหญ่จากแดนใต้มาร่วมทำอาหารเลี้ยงเพื่อนๆ ที่บ้านสายสองละกัน เดี๋ยวท้องกันไว้ละกัน

สำหรับความคืบหน้าเรื่องอื่นๆ จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆๆ//คิดถึงเพื่อนๆๆ ตาหลอด!!//ปธ.ติ่ง

     กลับมาแล้วจ้า คิดถึงกันบ้างรึป่าว ก่อนอื่นต้องทักว่าสวัสดีปีใหม่ก่อนจะได้ไม่เชย 55555... เพิ่งเริ่มทำงานวันนี้เป็นวันแรกหลังจากหยุดไปเที่ยวปีใหม่ซะนาน แล้วจะเอารูปไปเที่ยวมาอวดเพื่อน ๆ ใน Facebook

     ไปชาร์จแบตให้ตัวเองจนเต็มแล้ว ต่อไปนี้ก็ต้องขยันกันเต็มที่ เอ้า! ลุย 

สวัสดี วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ.2553 ขอแสดงความยินดีกับ ปธ.ติ่ง ด้วยครับ โทใบที่เท่าไรแล้วเนี่ยขยันจริงๆ ขอแบ่งสักใบก็ไม่ได้ด้วย ทำปริญญาเอกต่อไปเลย พวกเราขอสนับสนุนคนดีคนเก่ง ที่นำความรู้มาช่วยสังคม ชาติบ้านเมือง (ชอบคนเก่งและดี) สำหรับข้อมูลบทความ จะเข้าไปดู "พวกเราผู้รับใช้แผ่นดิน" ขอแสดงเจตจำนงจะทดแทนบุญคุณต่อผู้มีพระคุณของพวกเรา

สวัสดีคับ....ทุก ๆ คน

ไม่ได้เข้ามาตั้งหลายวัน คิดถึงทุกคนคับ ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีคับท่าน ปธ.ติ่ง ที่ต่อสู้กับอุปสรรค จนสำเร็จกับ ป.โท ใบที่เท่าไรคับ ผมหนับหนุนให้ทำ เอก ซักใบดีกว่านะ ในรุ่นเราจะได้มี ดร.ซักคน และขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน ต่อสู้อุปสรรคกับงานที่เพิ่มขึ้นนะครับ

ปล. งานเลี้ยงท่าน ปธ.ติ่ง รีบกำหนดด้วยนะ จะได้เคลียร์คิวให้ว่างอะครับ

ตามที่ประธานติ่ง แจ้งไว้ว่า วันที่ 15 - 19 มีนาคม 2553 มีการจัดอบรมติดตามผล ขอเรียนว่าอาจต้องเลื่อนวันไปก่อนค่ะ เพราะทางอาจารย์มีติดภาระกิจค่ะ ถ้าอย่างไรกำลังประสานงานเรื่องวันกับพี่ตู๋อีกครั้ง ได้วันที่แน่น่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบค่ะ

ขอบคุณค่ะ

เอ

สวัสดีค่ะ......เพื่อน ๆ ทุกคน

ยังคิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ ยินดีกับท่าน ปธ.ติ่งด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนคงสบายดีหลังจากได้พักผ่อนกันในวันปีใหม่ที่ผ่านมา

ขอแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตปธ.ติ่่งด้วยอีกคน สวัสดีปีใหม่จ้า..................

ขอแสดงความยินดีกับ ปธ.ติ่งด้วยค่ะ

สวัสดี วันเสาร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ.2553 วันนี้วันเด็กแห่งชาติ คำขวัญวันเด็กของ นรม.มาร์ค "คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม" พวกเราจะคิดแบบเด็ก แต่ทำแบบผู้ใหญ่ พาเด็กๆไปเที่ยวไหนกันบ้างมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะครับ ส่วนพวกกระผมกำลังเร่งหากันอยู่ วันนี้ให้เด็กมีอำนาจสุดๆ วันของพวกเค้า และถ้าวันนี้จะมีใครพาเด็กมาเที่ยวแถวชลบุรี ยินดีต้อนรับครับผม

แป๋ง/Mr.m

ขอแสดงความยินดีกับพี่ติ่งด้วยคน งานนี้ต้องเลี้ยงใหญ่แน่ ๆ เพราะเดี๋ยวพี่ติ่งก็ได้รับโบนัสจากสหกรณ์ฯ ในสองอาทิตย์นี้แล้ว เย้ !

สวัสดีปีใหม่ชาว Talented 2009 ทุกคน ขอแสดงความยินดีกับท่านประธานด้วยนะครับ...จะติดตามความคืบหน้าสัมมนาติดตามผลรอบ 2 ที่มวกเหล็กอย่างใกล้ชิดครับ....

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีปีใหม่ เพื่อนๆ Taleant ทุกคน และก้อของแสดงความยินดีกับประธานติ่ง พี่ตุ๋ย และตัวหนูเองด้วย เพราะรับปริญญาจากมหาลัยเดียวกันแต่คงจะเป็นคนละวันค่ะ ของหนูรับวันที่ 9 มีนา ถ้ามีการเลี้ยงหรือการถ่ายรูปจะเข้ามาบอกทาง Blog นะค่ะ คิดถึงทุกคนนะค่ะ อย่าลืมทำการบ้านกันด้วยนะค่ะ

สวัสดี วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ.2553 วันนี้เป็นวันครอบครัว ขอให้พวกเรามีความสุขกับครอบครัวกันทุกคนนะครับ และขอแสดงความยินดี กับคนเก่งและดีทุกคน ที่ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษา ซึ่งสามารถผ่านกำแพงได้เป็นระดับๆไป เราจะได้ขอลอกเรียนแบบบ้าง

แป๋ง/Mr.m(มิตร)

สวัสดีหลังปีใหม่ และหลังวันเด็ก ครับพี่น้อง,มีอีกบทความหนึ่งทีอยากให้ได้อ่านกันครับ เป็นข่าวเล็กๆในบ้านเราแต่ข่าวใหญ่ในต่างประเทศ เผื่อจะได้เป็นภูมิปัญญาสำหรับ NIA ทุกท่านครับ,

CIA bomber 'was a double agent'

The suicide bomber who killed seven CIA agents in Afghanistan was an al-Qaeda double agent, US media reports say.

He is said to have been a doctor from Jordan, arrested there a year ago.

He was then reportedly recruited by the Jordanians and CIA, who wrongly thought they had turned him, and given a mission to find al-Qaeda leaders.

The reports came as the top US military intelligence officer in Afghanistan issued a scathing assessment of the state of the intelligence effort there.

In a report, Maj Gen Michael Flynn said that US intelligence in Afghanistan was still "unable to answer fundamental questions about the environment in which US and allied forces operate and the people they are trying to protect and persuade".

MARDELL'S AMERICA

“ Many operatives in the field may choke on their rations when they see what Major General Flynn has to say ”

The study, published by the think tank Center for a New American Security, cites one officer's remarks that the US was "clueless" due to its lack of useful intelligence about the country.

However the report's findings were rejected by Mike Hurley, a former member of the US 9/11 commission and a former CIA chief in Afghanistan.

He told the BBC: "Nowhere in the report does the group... suggest that there is not a significant role for intelligence to play in finding and fixing and finishing off enemy leaders in Afghanistan. That's precisely their job, that's what they're trying to do."

Changing sides

The attack at Forward Operating Base Chapman was the worst against US intelligence officials since the US embassy in Beirut was bombed in 1983.

The Washington Post quoted two former US government officials as saying that the alleged attacker had lured the CIA officers into a meeting with a promise of new information on al-Qaeda's top leadership.

The reports named him as Humam Khalil Abu-Mulal al-Balawi, a 36-year-old al-Qaeda sympathiser from Zarqa, Jordan, arrested by Jordanian intelligence over a year ago.

ANALYSIS

Frank Gardner, BBC Security Correspondent

The revelation that the man who blew up himself, four CIA officers, three security guards and a Jordanian intelligence officer in Khost, Afghanistan, was a double-agent is embarrassing for both the US and Jordan.

For Washington it risks making a mockery of the CIA's attempts to track down and infiltrate the intimate circle of al-Qaeda's leadership. One can only imagine how much false intelligence this al-Qaeda double agent had been feeding his handlers, before he killed them.

For Jordan, this is a clandestine relationship it would much prefer to have kept secret. The idea that Jordanian intelligence officers are working hand-in-glove with the CIA will be deeply resented by many in Jordan.

His specific mission was thought to be tracking down al-Qaeda's number two, Ayman al-Zawahiri.

The CIA has declined to comment on the reports.

Jordanian intelligence believed they had brought Humam al-Balawi over to their side and sent him to Afghanistan to infiltrate al-Qaeda, US network NBC says.

According to Western intelligence officials quoted in the reports, Humam al-Balawi called his handlers last week to arrange a meeting at Forward Operating Base Chapman in Khost, where he said he would relay urgent information about Zawahiri.

Once inside the base, the reports say, he blew himself up killing seven CIA employees and his handler, whom Jordanian media have named as Ali bin Zeid.

Questions were raised after the bomb was detonated in the base's gym last week about how the attacker could have managed to pass through security.

The Washington Post says he was picked up in a car outside the base and driven in without being thoroughly searched.

A US official, also a former CIA employee, told the Associated Press news agency that such people were often not required to go through full security checks, in order to help gain their trust.

"When you're trying to build a rapport and literally ask them to risk [their lives] for you, you've got a lot to do to build their trust," he said.

Drone base

A Taliban spokesman quoted on al-Jazeera's website said Humam al-Balawi was a double agent who had misled Jordanian and US intelligence services for a year.

Forward Operating Base Chapman, a former Soviet military base, is used not only by the CIA but also by provincial reconstruction teams, which include both soldiers and civilians.

The airfield is reportedly used for US drone attacks on suspected militants in neighbouring Pakistan.

The CIA has not released the names of the officials killed nor details of their work because of the sensitivity of US operations.

But the head of the base, reported to be a mother-of-three, was among those killed.

The BBC's Mark Mardell in Washington says the CIA will be deeply embarrassed that the bomber was able to work so closely with the agency and with such high level officials.

Congressman Dutch Ruppersberger, a Democratic member of the House Intelligence Committee, told the BBC it was important to find out why the CIA had not discovered the bomber was an al-Qaeda agent.

He said there was "clearly a breakdown" in security, but added: "I think more and more though when you're dealing with Afghanistan and even Iraq you have double agents and people working both sides."

Story from BBC NEWS:

http://news.bbc.co.uk/go/pr/fr/-/2/hi/americas/8440535.stm

Published: 2010/01/05 16:57:50 GMT

© BBC MMX

ใครดาวน์โหลดการบ้านที่ป้าเอ๋อ ส่งให้ แล้วมันช้า คลิกตามลิ้งค์ข้างล่างนะครับ,เรื่องเดียวกันอ่ะ...ช่วยกันๆๆๆ

http://www.time.com/time/politics/article/0,8599,1945232,00.html

สวัสดีครับพี่น้องผองเพื่อนชาว NIA-Talented-2009 ทุกคน

ผมมีข่าวดีมาแจ้งให้เพื่อนๆ ทราบ 2 เรื่อง ขอความร่วมมือ 1 เรื่อง และขอความเห็นใจอีก 1 เรื่อง ดังนี้

1. วันนี้ท่าน ผขช.ได้กระจายกระเป๋า "Triple T's Excellent : Trust Team & Tomorrow" ให้กับ จนท.ต่างจังหวัดเป็นลำัดับแรก จนท.ส่วนกลาง และจะทยอยจัดส่งให้กับทุกคนในองค์กร ผมเจอท่านตอนห้าโมงเย็น เลยขอซึ่งๆหน้าเลย จึงได้รับมา 1 ใบ เพื่อนๆรอรับกันด้วยนะจ้ะ

2. ช่วงบ่ายพี่นิศารัตน์ แจ้งว่าได้รับการยืนยันจากทีมงานของ อจ.จีระ แล้วว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกครั้ง เพื่อทบทวนองค์ความรู้ว่ามันจะไหลผ่านไปเหมือนสายน้ำ หรือจะย้อนกลับมาเหมือนกับบูมเมอแรง แน่นอนแล้วครับพี่น้อง!! วันจันทร์ที่ 22 มี.ค.53 บ่ายๆ เดินทางไปศูนย์ฝึกอบรมประชานาถ มวกเหล็ก อบรมอังคาร-พฤหัส 3 วัน (23-25 มี.ค.) วันศุึกร์ที่ 26 มี.ค.53 เดินทางกลับ ก่อนที่จะเจอกัน ท่าน อจ.จีระ จะมีแบบสอบถามมาให้พวกเราตอบกันก่อนเด้อ หัวข้อการทบทวนคงเป็นเรื่องเบาๆ ที่มิใช่นุ่นหรือสำลี 55555

3. การบ้านป้าเอ๋อ สุดสุด Admin คนงามได้ส่งต่อให้กับทุำกคนเรียบร้อยแล้วนะครับ ใครเปิดเมล์ไม่ได้ ช่วยมารับที่ห้องทำงานผมก็ได้นะครับ ผมไม่อยู่จะวางไว้บนโต๊ะ พี่ช่วย Zerox นะจ้ะ อย่าเอาตัวจริงผมไปละกัน ช่วยกันแสดงพลังหน่อยเพื่อนรัก คงไม่เกินฟาร์มสามาดของพวกท่านแน่นอน ผมมั่นใจว่ะ++ ไม่มีกำหนดส่ง แต่ไม่น่าจะเกินพุธหน้านะก๊าบ มิฉะนั้นท่าน อจ.จีระ อาจจะจัดหามาให้อีกประเด็นแน่เลยพี่้้น้อง

4. เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสมาชิกสหกรณ์ หากเพื่อนๆ เห็นใจและประสงค์ที่จะให้ผมเข้าไป "สานต่องานเดิม เพิ่มบริการใหม่ โดยเน้นหลักโปร่งใส ตรวจสอบได้" ก็ขอความร่วมมือกันนะเพื่อนนะ "ช่วยกาเบอร์ 5" ด้วยละกัน คนที่อยู่ต่างจังหวัด จะมีใบลงคะแนนส่งไปให้ และคนที่อยู่กรุงเทพ มีการเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้งนะครับ เป็นวันศุกร์ที่ 22 มกราคม 2553 เวลา 08.30-11.00 น. ช่วยมาร่วมประชุมและลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกันด้วยนะครับพี่น้อง ผมหวังว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทั้งรุ่นคงจะช่วยกันมอบคะแนนให้ผมคนละเสียงก็เพียงพอแล้วครับ และช่วยกันบอกต่อๆ กันด้วยนะครับ คนที่อยู่รอบข้าง ช่วยๆๆกันกา เบอร์ 5 ด้วยละกัน เพราะว่าช่วงก่อนเลือกตั้ง 3 วัน (19-21 ม.ค.53) ผมต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่หาดใหญ่ คงจะไม่สามารถเดินทางสายไปพบกับพี่ๆน้องๆได้ อาทิตย์นี้ก็งานเข้าๆ ซะ แน่ๆ วันศุกร์ต้องประชุมการประเมินผลปฏิบัติราชการ (เพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลหรือตกใจนะ้จ้ะ ไหงๆ ท่านก็คงจะได้เลื่อนขั้นเงินเดือน เว้นเสียแต่ท่านออกฤทธิ์เกินพิกัด ตัวใครตัวมันละพวก งานนี้เรียกว่า "หมอไม่รับเย็บ" จ้า

สรุปได้ว่า ข้อ 1-2 เป็นข่าวดี ข้อ 3 เป็นการขอความร่วมมือ และข้อ 4 เป็นการหาเสียงของผมเอง 5555 เอ๊ย ไม่ใช่ กาเบอร์ 5 ครั้งเีดียวก็พอจ้า "ด้วยรักและห่วงใย จงจำไว้ว่าผมชอบเพลง "เราและนาย" มั่กๆๆ และผมชอบที่จะทำตามเนื้อร้องของเพลงนั้นด้วยวะเพื่อน"//ปธ.ติ่ง

ปล.ขอบคุณสำหรับคำอวยพรปีใหม่ และขอโทษป้าตุ๋ยและน้องหนูด้วย ที่ลืม ปชส.ให้ว่าเธอทั้งสองก็เข้าพิธีพระราชทานปริญญาบัตรเช่นเดียวกันกับผม ถ้าจำไม่ผิด ผมรับวันแรกที่ 8 มี.ค. น้องหนูวันที่ 9 มี.ค. และป้าตุ๋ย น่าจะเป็น 11 มี.ค. ไหงๆๆ ก็ขอนัดถ่ายภาพหมู่ร่วมกันเลยนะจ้ะ เป็นวันที่ 12 มี.ค.53 และถือเป็นการเลี้ยงรุ่นเราด้วยละกัน งานนี้มั่วนิ่มเลยพี่น้อง สถานที่ขอให้โพสต์เลือกร้านมาเลย จุ๊ๆๆ รีบเสนอนะ มิฉะนั้นพี่แป๋งจะบอกว่า "ประธานเลือกไปเลยร้านไหน แล้วบอกผมด้วยอีกนะจ้ะ ส่วนตามิตรหวังว่าเที่ยวนี้คงไม่หลงแล้วก๊าบ" บายๆๆ เจอกันข้อความหน้า

สวัสดีวันอังคารที่ 12 มกราคม พ.ศ.2553 (เที่ยงสวัสดี)

ต่อจากบทความที่827

ข้อที่1-2เห็นจริงดังว่า ว่า "เป็นข่าวดี" ข้อที่3แบบบีบคอขอความร่วมมือให้ส่ง....ไม่ส่งต๊ายยยยย (ไม่ใช่! แต่เป็นการขอความร่วมมือแบบหนักแน่น) ข้อที่4หาเสียงน่ะถูกแล้วครับ......แต่ถ้าพี่เขาได้ก็ดี๊ดีดีดีดีดีอยู่แล้ว ฉะนั้นควรกาบาทเบอร์5ครับ จำไว้...

สุดท้ายประธานฯ ชอบ "เราและนาย" แต่พวกเราชอบ "15ค่ำเดือน11"

บล็อกของกล่มคนนี้สร้างสรรค์ขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะคะ มีแต่ให้สิ่งดีต่อกันและกันรวมทั้งกระตุ้นความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง ดูแล้วทำงานเริ่มเป็นทีมงานแล้ว ผู้ใดผ่านเข้ามาอย่าผ่านเลยไปหยุดเม้นสักนิดจิตจะแจ่มใส

ปล.ไม่ขอแสดงตน แต่แสดงจิตใจของการมีส่วนร่วม ไม่ได้กลัวนะคะ

ยินดีด้วยครับกับความสำเร็จอีกขั้นของป้าตุ๋ย แมลงทับตัวแม่ พี่ติ่ง ปธ.รุ่นสุดหล่อพุงย้วย น้องหนูสาวสวยของรุ่น และเพื่อนๆพี่ๆคนอื่นๆ ที่เก็บตัวไม่ยอมแจ้งข่าวดี เพราะเกรงว่าจะต้องเป็นเจ้ามือเลี้ยงความสำเร็จให้กับตัวเอง เพราะเชื่อว่าป่านนี้พ่อกับแม่คงไม่เลี้ยงให้แน่ เป็นสัจธรรมจริงๆที่ว่าการเรียนรู้ไม่มีคำว่าสายไป วาดหวังว่าพี่ๆ เพื่อนๆจะประสบความสำเร็จ ก้าวหน้าตลอดไป ผมเห็นเรียนกันแล้วอยากถีบตัวเองให้ได้รับการศึกษาสูงขึ้นบ้าง ติดแต่หยักในสมองมันลบเลือน ไม่รักดี ตอนนี้ได้แต่ติดต่อกับพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะจังหวัดขอเรียนนักธรรมโทจะได้หรือไม่ เผื่อจะเท่าทันคนอื่นกับเค้าบ้าง เพื่อจะได้ชื่อว่าเกาะชายผ้าเหลืองอย่างแท้จริง

ขอบคุณพี่ตุ๋ย ที่กรุณาช่วยเหลืออนุมัติเงินไถ่ควายกับที่นาและมอบทุนทรัพย์ซ่อมเขียงนาน้อย กับขนำให้ผม จะไม่ลืมความกรุณาของพี่ ถ้ามีโอกาสจะให้ควายพาไปขอบคุณด้วยตัวเอง ที่มอบชีวิตใหม่และกำลังใจให้กับเรา คิดถึงทุกๆคนครับ

ทะเลอันดามันตอนนี้ ดูสงบราบเรียบไร้คลื่นลม แต่ในความสงบแฝงไว้ด้วยความน่ากลัวมากมาย ที่มาจากธรรมชาติ และบุคคลที่ไม่พึงประสงค์ เชื่อว่าพื้นที่อื่นๆ คงไม่แตกต่าง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน รวมทั้งตัวเองที่จะฟันฝ่าปัญหาอุปสรรค อย่างน้อยยังมีบางเวลาที่ว่างเว้น นึกย้อนทบทวนสิ่งที่ผ่านมา แม้ว่าไม่มีใครเห็น แต่ก็แอบภูมิใจเล็กๆถึงสิ่งที่กระทำ พอให้บรรเทาความเหนื่อยล้า ท้อทอย และมีกำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และอีกครั้ง

ตั้งใจจะแสดงความยินดีที่พี่ๆสำเร็จการศึกษา แต่ไปๆมาๆ พาออกทะเล สงสัยเป็นเพราะเทาเวอร์ เทาเวอร์ และทาวเวอร์เมื่อคืน

ที่พยายามจะเอาชนะมัน แต่สุดท้ายต้องกลับมาเลียแผล เมื่อเรียกเช็คบิล 55555

ทะเลอันดามันที่บ้านผม,ฝรั่งตรึม ถ้าพี่แป๋ง และน้องมิซซี่ สนใจก้อมาเที่ยวได้นะ,เผื่อจะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การสร้างสรรค์ในเชิงนวัตกรรมใหม่ๆ และการบริหารอารมณ์ แต่อากาศในโลกช่วงนี้มันแปรปวนยังไงชอบกลนัก กลางวันร้อนแทบบ้า กลางคืนฝนตก อากาศเย็น ใจคนก็รุ่มร้อน....ตื่นเช้ามา เจอข่าว แผ่นดินไหวที่เฮติ 7 ริคเตอร์,แจ้งเตือนสึนามิ...ซักหวั่นๆ กับอันดามันบ้านเรา..เฮ้อ...สาธุ ขอให้โลกสงบสุข

สวัสดีวันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ.2553 (พุธสวัสดีครับ)

ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่งด้วยจิตคารวะน้อมวันทาแด่เจ้าของบทความที่830และ831ขอรับพี่ขอรับ

ที่มีแต่สิ่งดี้ดีให้กับพวกกระผมและจากการตรวจสอบข่าวสารในทุกมิติแล้ว พวกกระผมจึงมีสิ่งที่ดี้ดีมาบอกกกกกกกเช่นกัน คือ

เมื่อ 121400 ม.ค. 53 มีการจัดงานแถลงข่าวเทศกาลประจำปีเพื่อคนรักมอเตอร์ไซค์ "The 2ND Bangkok Motorbike Festival 2010" ที่บริเวณชั้น 1 เซ็นทรัลคอร์ท ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชดำริ ซึ่งการแถลงข่าวดังกล่าวไม่มีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจเท่าใดนัก เนื่องจากมิได้อยู่ในสายงานวิเคราะห์ข่าวดังกล่าว (พวกกระผมอยู่โต๊ะข่าวบันเทิงครับ) แต่ประเด็นอยู่ที่น้อง "เป้ย-ปานวาด" โดยอยากให้ติดตามเองน่ะค่ะ เป็นประเด็นข่าวใหญ่ม้ากมากกกกของวันนี้ ใครตกข่าวนี้.......เชยยย.

ขอแสดงความคิดเห็นสนับสนุนข้อความที่ 830-831 ในเรื่องการเรียนรู้ คือ พวกเราก็ต้องการข้ามกำแพงความรู้ ที่วัฒนธรรม/สังคมได้กำหนดไว้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นกรอบมาตรฐานในการชี้วัดตัวบุคคล และเชื่อว่าทุกคนก็ต้องการข้ามกำแพงนั้นให้ได้ ขึ้นอยู่กับโอกาสวาสนาความมุ่งมั่นของแต่ละชีวิตที่ดำเนินไป แต่ยังมีความรู้นอกกรอบอีกมากมายอย่างไม่มีข้อจำกัด ซึ่งพวกเราต้องไปคิดนำเอามาเข้ากรอบสิเป็นสิ่งยากกว่า

-การมีศาสนาต่างๆ ในโลกนี้เพื่ออะไร พวกเราเขาใจว่าเพื่อการหลุดพ้นจากความทุกข์หรือเปล่า ?

- สงฆ์สายป่า ก็ยังมีนะครับ ไม่ต้องยึดติดกับสมมุติที่ทางวัฒนธรรมมอบให้ หลุดพ้นได้ง่ายด้วย (คิดอย่างนั้นนะแต่ทำอยากครับ!คือเป็นการให้กำลังใจตัวเองอ่ะ....อยู่กับตัวเองให้เวลากับตัวเองบ้าง เผื่อคิดอะไรออกแบบสร้างสรรค์)

- อะไรที่ดูสงบ นิ่ง นั่นแหละเชื่อว่ามันมีพลังแอบแฝงอยู่

- ถึงเพื่อนฝั่งอันดามัน ทะเลฝั่งอ่าวไทยก็สงบนะครับ แต่บริเวณชายฝั่งใกล้เมืองน้ำทะเลคงใสสะอาดสู้ฝั่งอันดามันไม่ได้หรอกครับ คงเป็นเพราะความสะดวกสบาย ไม่ช่วยกันรักษาดูแล ความเสื่อมก็ย่อยเข้ามาเป็นธรรมชาติ

ได้รับแผ่น DVD ทำเนียบรุ่น แว้วคับ...ขอบคุณทีมงานผู้จัดทำมากมาย....ดูภาพแล้วบอกได้เลยว่าทำเพื่อสมาชิกด้วยใจจริง ๆ แอบเห็นสมาชิก TALENTED 2009 หลายคนที่มีโอกาสถ่ายภาพร่วมกับท่านนายกอภิสิทธิ์ฯ ในวันสถาปนากรมฯ แล้วมีแววเป็นผู้นำครับ...ผู้ใหญ่มุกดา..เงียบจัง....

sawitta หายไปไหนแล้วนะ

How can you trust a double agent?

By Kathryn Westcott

BBC News

The CIA has been reminded of the complexities of operating double agents after a Jordanian doctor, killed himself, seven CIA operatives and his Jordanian handler at a CIA outpost in Afghanistan. How do you know when to trust a double-agent?

The CIA has described a double-agent operation as a "wilderness of mirrors".

Guidelines written by the agency in the 1960s say running such an operation is "one of the most demanding and complex counterintelligence activities in which an intelligence service can engage."

But it is also, potentially, one of the most valuable.

Humam Khalil Abu-Mulal al-Balawi was reportedly recruited by Jordanian intelligence officers after they arrested and imprisoned him last year.

According to reports, he was assigned a Jordanian handler who had a close working relationship with the CIA, and subsequently sent to Afghanistan to help locate top al-Qaeda leaders.

He was not searched when he entered the agency's remote Afghan outpost on 31 December, partly - it has been suggested - because they wanted him to feel trusted.

Establishing mutual trust is key in the world of the double agent, experts say.

DOUBLE CROSS

A double agent is a person who engages in clandestine activity for two intelligence of security services (or more in joint operations), who provides information about one or about each to the other, and who wittingly withholds significant information from one on the instructions of the other or it unwittingly manipulated by one so that significant facts are withheld from the adversary. From: Observations on the Double Agent - CIA

"It can take forever," says Robert Baer, a CIA field officer during the 1980s and 1990s.

"They are willing to give up a few pieces of information to appear credible, but there is usually a promise of better information."

He acknowledged that CIA operatives may have acted in haste because of the enormous pressure they were under to get results.

"It's down to experience," says Mr Baer. "Could I see myself getting caught out like that? It was certainly a tough call."

Mistakes

Colonel John Hughes-Wilson, a former British intelligence official said double-agents need to be controlled and monitored "like a hawk".

It was the Jordanians who made the first mistake, in his view.

"What appears to have happened is that the Jordanians got it badly wrong. They seem to have recruited a man who was a jihadist and they thought they had turned him in prison," he said.

But the CIA, perhaps, put too much trust in their Jordanian partners.

According to the agency's "Observations on a Double Agent," written in 1962:

"Sometimes a double agent operation is turned over by a liaison service to a US service or by one US service to another. When such a transfer is to be made, the inheriting service ought to delve into the true origins of the case and acquire as much information as possible about its earlier history."

The manual also states that the "way a double agent case starts, deeply affects the operation throughout its life."

Almost all, it says, begin in one of the three following ways:

• The Walk-In or Talk-In: The agent... [declares] that he works for a hostile service and to make an offer to turn against it. Although the danger of provocation is always present, some walk-ins and talk-ins have proved not only reliable but also very valuable.

• The Agent Detected and Doubled: A service discovering an adversary agent may offer him employment as a double. His agreement, obtained under open or implied duress, is unlikely, however, to be accompanied by a genuine switch of loyalties.

• The Provocation Agent: The active provocateur is sent by Service A to Service B to tell B that he works for A but wants to switch sides.

The manual also stipulates that one of the requirements for a case officer directing a double-agent is, "a thorough knowledge of the area and language."

So what does the Balawi case say about the CIA's ability to recruit al-Qaeda operatives as agents?

"What this indicates is that we haven't really advanced much since 9/11," says Mr Baer. "Afghanistan is an intelligence nightmare and we don't have any Arabic or Pashto speakers on the ground."

This, he said, led to an over-reliance on the Jordanians.

Intelligence experts say that the Americans have also tended to rely on technical intelligence (techint) at the expense of human intelligence (humint).

"Human intelligence can be dodgy, but you really do need a well-placed spy or agent," says Col Hughes-Wilson. "And the best way to succeed is to embed yourself at local level, understand the situation - win the hearts and the minds."

And even with the best intelligence gathering operation, things can still go wrong.

In the 1980s, for example, the CIA ran a successful network of double agents who passed on information from their KGB masters. However, it was later revealed that some of these agents were used by the KGB to funnel misleading information into the CIA.

"Double-agent operations can be incredibly successful as long as you get it right," says Col Hughes-Wilson.

They famously played a critical role in the run-up to World War II's D-Day, convincing German military leaders the Allies were planning an invasion through the Pas-de-Calais.

"But you can't win every battle," says Col Hughes-Wilson. "Sometimes in a messy situation, things will go dreadfully wrong."

ข้อความ 830 แถวฝั่งทะเลอันดามัน เป็นใครกันเนี่ย! ช่่วยเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงด่วน แต่ก็ขอขอบคุณสำหรับคำชม และยกย่องให้เป็นแมลงทับตัวแม่ (แอบปลื้มอยู่นะ)

สวัสดีปีใหม่ครับเพื่อนพ่องน้องพี่ คงไม่สายเกินไปที่จะเอ่ยวลีนี้นะ

น้องศักดิ์ กระทู้ ๘๓๔ ผู้ใหญ่ไม่ได้หายไปหนายหรอก ไปนั่งสมาธิฝึกจิตที่หมู่บ้านสองมาตรฐาน ที่เขายายเที่ยง

...กับพี่น้องเสื้อแดงมา...แต่เราใส่เสื้อขาวในจิตใจอยู่เสมอนั่นแหละ

......ยินดีอย่างยิ่งกับผู้สำเร็จการศึกษาทุกท่าน....กล้วยไม้มีดอกช้าฉันท์ใด...การศึกษาเป็นไปเช่นนั้น...แล

..........คุณป้าตุ๋ย....ไปแอ่วเหนือมาในช่วงปี๋ใหม่ ไม่เห็นจาระไนสู่ฟังบ้างเลย...ม่วนแต้ม่วนว่า...ก่อขะเจ้า

.......ขอชมว่าทุกลายลิขิตของเพื่อนพ้องน้องพี่ชาว TALENTED 2009

.....บอกความหมายถึงประวัติศาสตร์...และพัฒนาการที่มีคุณค่า

...ยังไงเพื่อนพ้องน้องพี่ช่วยเตรียมยินดีกับทีมงานขุนพลอีสานอีกท่านคือ...ท่านไฝ (สุทธิพงษ์ ณ สุรินทร์) ด้วยนะ

ที่กำลังเตรียมจะขึ้นทำหน้าที่ผู้บริหาร ชปก. ในเร็ววัน ไม่อยากบอกว่าเป็นผลจาก TALENTED 2009 นะเนี่ย

ผู้ใหญ่....มุกดาหาร

ดีใจที่เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ เข้ามาทักทายกัน มันทำให้คิดถึงวันเก่า ๆ

.....................ที่ได้กินนอนด้วยกัน สานสัมพันธ์ที่ดี

.........พ่อใหญ่ มุกดาหาร ไปนั่งสมาธิ เขายายเที่ยง เจอสหายมิตร กับสหายแป๋ง ป่ะ

เค้าไปทำภารกิจกันที่นั้นเมื่อ 11 ม.ค.53 ว่าแต่ว่า พ่อใหญ่ไปจิงมั้ยเนี่ย

.............. แล้วนี่พี่ไฝเราจะได้เป็นใหญ่เป็นโตที่ต่างจังหวัดแล้วหรอครับ

ขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะครับ

.....................แล้วตอนนี้เพื่อนๆในรุ่นเรา มีใครเป็นใหญ่เป็นโตมากว่าเดิมแจ้งล่วงหน้าด้วยคับ

..................ส่วน ปธ.ติ่ง ป้าตุ๋ย น้องหนู อนาคตผู้บริหารรุ่นใหม่ แสดงความยินดีอีกครั้งครับ

................สุดท้าย ให้กำลังใจรองโย ด้วยนะครับ ได้ข่าวสารเข้าร่วมประชุมกับนายๆ

โดนทุบบ้างในบางครั้ง แต่ไม่เป็นไรคับ มันทำให้เราแกร่งครับ

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ท่าน..เต๋อ..ครับ

เขายายเที่ยงไปจริงครับ แต่กลัวลูกหลงเลยอยู่ห่างไปหน่อย แค่ อ.ปากช่อง...เอง..อ่ะ ไม่ไกลมากไป...จริงนะ

เที่ยวหน้า..เขาสอยดาว..ผมขออนุญาตไม่ไปนะครับ ตีกอล์ฟไม่เป็น ฝากท่านเต๋อ..ท่านแป๋ง/มิสเตอร์เอ็ม

ดูแลด้วยละกัน

สำหรับ..รองโย อะไรก็กำลังจะเข้าที่ เหลืออยู่อย่างเดียวหาคู่ต่อกรเวลาต่อรองกับน้ำประสานสัมพันธ์ในเขตนครบาล

ยังไม่ลงตัว

บอกแล้ว..คอภูธร กับนครบาลมันต้องใช้เวลาจูนอีกสักระยะ

คารวะเพื่อน TALENTED 2009 ทุกท่าน

หากใครเข้ามาก่อนเวลา ๑๔๐๐ น. ฝากตัวเลขมงคลไว้ ๖๐๐ เด้อ

ขอขอบคุณน้อง ๆ ที่แสดงความยินดีให้ป้าตุ๋ยค่ะ (แมลงทับตัวแม่) รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเองอีกขั้นหนึ่ง แต่ยังไงก็ยังเป็นป้าตุ๋ย (ใจดี) คนเดิม และยินดีรับใช้เพื่อนพี่น้อง Talented 2009 ทุกคนค่ะ ....

ขอส่งข่าวน้องมิสเตอร์เอ็ม ป้าตุ๋ยรับพระราชทานปริญญาวันที่ 11 มี.ค. สะดวกที่จะถ่ายรูปให้ป้าหรือเปล่า ส่งข่าวด้วย

ผู้ใหญ่คำมาแห่งเมืองมุกดาหาร ป้าตุ๋ยรายงานข่าวที่ไปเหนือ สรุปว่าไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย พอดีว่าที่หลายเขยบวช งานเสร็จก็กลับกรุงเทพฯ วันกลับรถติดมากที่นครสวรรค์จนถึงสิงห์บุรี เหนื่อยมากเลยหนีงาน 1 วัน ขอโทษด้วยค่่ะที่ตอบพ่อใหญ่ช้าไปหน่อย ช่วงนี้งานชุก

สวัสดี วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ.2553 ไม่ได้สวัสดีชาว Talented 2009 หลายวันเนื่องจากเน็ตล่ม เทคโนฯถึงจะดีทันสมัยอย่างไรก็ย่อมมีทั้งจุดแข็ง/จุดอ่อน จุดดี/จุดเสีย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการผสมผสานเพื่อพัฒนาไปสู่ระบบ “วัฏจักรพัฒนาการเรียนรู้ที่ยั่งยืน” พวกเราเป็นผู้กล้าที่จะเลือกข้าง ระหว่างความดีกับความชั่ว หรือธรรมะกับอธรรม แต่คงมีผู้ชอบอยู่ตรงกลาง แต่เส้นแบ่งอยู่ตรงไหนนี่สิผู้ใดจะมองเห็นและหาเจอ

*****สายลับเสียหน้าอีกแว้ว! โดนกี้จับได้สารภาพฉับพลัน อะไรของมันว่ะ! บูรณาการเถอะ.... เมื่อประสบผลสำเร็จได้บำเหน็จรางวัล เมื่อล้มเหลวขออภัยในความผิดพาด เฮ้อ.......***** ขอเปิดประเด็นไว้ครับ จาก 007 พันธุ์แท้ พวกรุ่นพี่ที่เก๋าๆ ฝั่งอันดามัน แสดงความเห็นด้วย

-พ่อใหญ่มุกดาหาร เค้าไม่ได้ห้าม ไม่ให้ไปสอยดาวไม่ใช่เหรอ อยู่ที่ว่าสายของท่านไปป่าวเกาะติดไปเลย ได้ติดต่อสหายที่จันทบุรีไว้แล้ว

..............สวัสดีคับ ทุก ๆ คน ................

พ่อใหญ่ครับ.....เลขมงคลนะให้บูชา หรือเสี่ยงโชค สงสัยผมเข้าใจผิด เจอไปหลายอัฐ

............เพื่อนๆ เราหายไปไหนหมดแล้วละเนี่ย..........

ระวังอาจารย์จิระ ยึดบล๊อกคืนนะ ........... บายก่อนคับ

สวัสดีเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทั้งมวล

ตอบคำถามพี่เต๋อ ก่อนนะครับว่าทุกคนไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ ตอนนี้กำลังเร่งแปลเอกสารการบ้านของ อจ.จีระ กันอยู่ แล้วพี่เต๋อ พี่แป๋ง/น้องมิตร อย่าลืมนะก๊าบ

ข่าวด่วน แจ้งสมาชิกสหกรณ์ฯ ทุกท่าน ที่ต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในวันเลือกตั้งกรรมการ (22 ม.ค.53) ผมได้เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการครั้งที่ผ่านมาว่า ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาอนุญาตให้สมาชิกที่ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติงานในวันดังกล่าว สามารถใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าได้ ซึ่งจากการประชุมของกรรมการเลือกตั้งเห็นชอบให้ใช้สิทธิ์ได้ โดยขอให้รวบรวมรายชื่อผู้ที่มีความประสงค์ขอใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า พร้อมสำเนาคำสั่งให้ปฏิบัติภารกิจในวันดังกล่าว ส่งให้ "พี่บำเพ็ญ" ประธาน กกต. เพื่อรับบัตรลงคะแนนและส่งกลับให้พี่บำเพ็ญแต่ผู้เดียวนะครับ จะได้นำไปนับคะแนนวันที่ 22 จ้า...ป้าเอ๋อ สุดๆๆ คงจะสบายใจแล้วนะจ้า ยังไงๆ ก็อย่าลืมออกมาใช้สิทธิ์กันนะครับ ตั้่งแต่ 08.30-11.00 น. งานนี้มีแจกของรางวัลให้กับสมาชิกทั้งที่เข้าประชุมและไม่ได้เข้าประชุมเพียบเหมือนเดิมจ้า....ขอบอก ท้ายสุด "จุ๊ๆๆๆ อย่าเอ็ดไปนะพวก กาเบอร์ 5 ด้วยนะ รักนะจุ๊บๆๆ"

ตอบปัญหา/แจ้งข่าว ก็หมดไปแล้ว ต่อไปเป็นเรื่องแจ้งเพื่อทราบละกัน ระหว่าง 19-21 ม.ค.53 ผมจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนสมาชิก Talented ใน จชต. ใครจะฝากความคิดถึงหรือฝากอะไร แต่ห้ามหนักมากนะจ้ะ เพราะน้ำหนักกระเป๋าผมเกือบเกินแล้ว ให้รีบแจ้งเด้อ ผมเดินทางพรุ่งนี้ 10.00 น. ถ้าไม่ฝาก ก็ยกรับคำฝากมาจากแดนใต้แทนละกัน แว่วๆๆๆมาว่าสมาชิก Talented จากแผ่นดินด้ามขวาน จะได้รับการพิจารณาให้เป็นข้าราชการดีเด่นของสำนัก เช่นเดียวกับที่ผมได้รับเมื่อปีที่ผ่านมา ขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะน้องๆๆ มีสมาชิก 4 คน ทายกันเอาเอง 5555

เรื่องสุดท้าย..สมาชิกในส่วนของฝ่าย ปก. หากท่านใดมีข้อสงสัยเรื่อง"การจัดทำแบบสรุปผลสัมฤทธิ์ของงานรายบุคคล (Individual Scorecard) สามารถโทรมาผมได้ทันที เพราะวันที่ 28 ม.ค. ท่านรองฯ นัน จะเชิญ ผอ.สำนักของพวกท่าน มาชี้แจงความคืบหน้าและปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ ที่สำคัญเรามีเวลาอีกแค่ 2 เดือนแล้วนะเพื่อน รีบจัดทำกันด่วน ยังงงหรือติดขัดอะไร ให้โทรมาผมได้เลย หรือเมล์มาก็ได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ (เท่านั้น) จะทำให้ สำหรับสำนัก/กองอื่นๆ ยินดีให้คำปรึกษาจ้า ที่แน่ๆๆ ต้องรอกรรมการบริหาร "แคะอัตราว่าจะมีเรตใดบ้างระหว่าง 0.1-6.0 %

สุดท้ายจริงๆๆแล้วจ้ะ มีสมาชิกสอบถามมาว่าที่เคยตกลงว่าจะจัดเลี้ยงกันทุกเดือนว่าไง ผมถูกรองโยสอบถามอีกแล้วตอนงานเลี้ยงสำนักผมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จึงขอเรียนปรึกษาหารือสมาชิกทุกท่านว่า "วันศุกร์ที่ 29 ม.ค.53 ระหว่างเวลา 11.00-14.00 น. ดีหรือป่าว รัศมีไม่เกิน 1 กม.จากที่ตั้ง เพื่อให้สาวๆ มาร่วมแจมด้วย ส่วนหนุ่มๆ นั่งได้เท่าไรนั่งไป แต่เย็นวันนั้นผมต้องเดินทางไปบรรยายที่หาดใหญ่อีกแว้ว หากเพื่อนๆไม่สะดวกวันนั้นและเวลานั้นก็สามารถเลื่อนได้ แต่ผมเหลือวันนั้นวันเดียวจริงๆๆจ้า ขอโทษด้วยก๊าบ ฮึๆๆๆๆ รู้สึกผิดมั่กๆๆๆ"

คิดถึงเพื่อนเสมอ//ปธ.ติ่ง

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ท่านแป๋ง/มิตร...ขอบคุณครับที่เตือน ผมอยากไปสอยดาวเหมือนกัน แต่กลัวพรรคพวกแถวตะวันออกเปลืองน้ำ

ประสานสัมพันธ์ เสร็จภารกิจท่านแป๋ง/มิตร อย่าลืม ของฝากจำพวกเงาะ/ทุเรียนไม่ต้องนะหนักรถ ขอเป็นพลอยเม็ดงามๆ

ก็พอ และช่วยแจ้งโย่งเมืองจันท์ด้วยนะคิดฮอดหลายๆ

....ท่านเต๋อ...เสียใจด้วยนะเลขมงคลที่ให้เป็นอันตรายต่อสุขภาพกระเป๋าตังค์ งวดหน้าเอาใหม่..เอ๊ะยังไง

........ขอบคุณป้าตุ๋ยครับ ที่แจ้งข่าว ช่วงนี้อย่างอื่นไม่ต้องขอความกรุณาดูค่ารักษาพยายาม (พยาบาล) บุพการี

ให้ด้วยเด้อ ขอบคุงหลาย ขออภัยทำจ่ายตรงช้าไปนิด (ม๊าก)

...........คิดถึงเพื่อทุกคน....ยังไงใครแปลการบ้านเสร็จ ขอความอนุเคราะห์ผู้ที่เก่งแต่ภาษาเพื่อนบ้านหน่อยนะ

ผู้ใหญ่..มุกดาหาร

สวัสดี วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ.2553

พวกเราจะทำงานด้วยความมุ่งมั่น โดยยึดแนวทาง หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง

รายงานตัวค่ะ ไม่ได้หายไปไหน ก็แวะเข้ามาดูอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นใด ๆ แต่ตอนนี้ต้องขอแสดงความเห็นบ้างแล้วหละว่า

"ใครก็ได้ ช่วยแปลการบ้านให้หน่อย อยากทำการบ้านมาก ๆ ๆ ๆ (ฮิ ๆ ๆ ดูดี้ ดูดี นะ)"

สวัสดี วันอังคารที่ 19 มกราคา พ.ศ.2553

พวกเราจะทำงานอย่าง Hapiness Focus

แต่พวกเราไม่ชอบทำการบ้านอ่ะ! พวกเราชอบลอกแล้วนำมาต่อยอด เพื่อ Change ทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องๆ

ไม่เห็นมีใครส่งการบ้านเลยน่ะ

สวัสดี วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ.2553

พวกเรายึดมั่นในอุดมการณ์ ที่ถูกปลูกฝังจากวัฒนธรรมองค์กรมาเป็นระยะเวลาพอควร แต่พวกเราก็พร้อมที่จะรับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดนิ่ง จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อันหลากหลายของกันและกัน เพื่อสั่งสมความรู้ที่ยั่งยืน จนมีพลังเพียงพอและกล้าหาญที่จะ Chang นำมาซึ่งสิ่งดีๆ เพื่อช่วยกันถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นด้วยการสร้างสรรค์

ปล.จะรอฟังคำตอบจากผู้รู้ทั้งหลาย อาทิ ฝั่งทะเลอันดามัน พ่อใหญ่ที่ราบสูง นักรบสิงห์บุรี รวมถึงนักจิตนาการอันหลากหลายของกลุ่มสังคมเมือง

หมายเหตุ มาช่วยกันกระตุ้นๆๆๆๆๆๆๆ

ความคิดเห็น กรณี Afghanistan: Can Obama Sell America on This War?

การประกาศแผนส่งทหารอเมริกันไปปฎิบัติภารกิจในอัฟกานิสถานเพิ่มอีก 30,000 นาย ของประธานาธิบดีโอบามา เพื่อควบคุมกลุ่มติดอาวุธตอลีบัน ปราบปรามเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และปกป้องประชากร เมื่อ 2 ธ.ค. 52 ที่ผ่านมา คาดว่าจะเป็นแผนการที่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เนื่องจากสถานการณ์ในประเทศอัฟกานิสถานยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ถึงแม้ว่า ประชาชนชาวอเมริกันเริ่มคัดค้านการส่งทหารไปอัฟกานิสถาน จากการที่ทหารสหรัฐเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นซึ่งก่อนหน้านี้ได้ให้การสนับสนุน อาจส่งผลต่อความนิยมในตัวประธานาธิบดี โอบามา และพรรคของเขา แต่หากมองจากความเจ็บปวด ของสหรัฐที่เคยประสบกับความสูญเสียจากการกระทำของกลุ่มอัลไคดาในเหตุการณ์ 11 กันยา 49 ทำให้สหรัฐต้องเป็นแกนนำในการต่อต้านการก่อการร้ายให้หมดสิ้นไปจากโลกของเรา ซึ่งมันไม่ง่าย แต่การได้รับความร่วมมือจากประเทศในกลุ่มนาโตซึ่งมีความร่วมมือด้านการทหารต่อกันและมีความเข้มแข็งทางทหาร จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ภารกิจนี้สำเร็จได้ เนื่องจากปัญหาการก่อการร้ายเป็นปัญหาของโลกไม่ใช่ของประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงและสร้างความเสียหายได้มากกว่าเดิม จึงมีความจำเป็นที่ทุกประเทศและประชาชนน่าจะให้การสนับสนุนมากกว่าจะคัดค้าน หากมองในสถานการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลของประเทศอัฟกานิสถานที่นำโดย ประธานาธิบดี Karzai ก็ยังไม่มีความแข้มแข็งเพียงพอ ที่จะจัดการกับปัญหาภายในประเทศได้ด้วยตัวเอง ทั้งเรื่องการเมืองภายในประเทศ และการควบคุมปัญหาการก่อการร้าย อย่างไรก็ตามแผนการถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานใน ก.ค. 2011 ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการให้เกิดเช่นกัน นั่นหมายความว่ารัฐบาลและประเทศอัฟกานิสถานมีความเข้มแข็งเพียงพอ ที่จะจัดการกับปัญหาดังกล่าวข้างต้น หรือปัญหาดังกล่าวได้ถูกจัดการให้น้อยลงจนรัฐบาลอัฟกานิสถานสามารถควบคุมได้ หรืออย่างดีที่สุดคือกลุ่มก่อการร้ายได้ถูกกำจัดจนหมดสิ้น

นส.บุษบา บรรชาติ

สวัสดีสมาชิก NIA-Talented-2009

รายงานสดจากหาดใหญ่ เมื่อคืนท่าน อจ.จีระ โทรมาสอบถาม/แสดงความคิดถึงสมาชิกทุกคน ท่านสอบถามว่าเป็นไงบ้างเอกสารฉบับล่าสุดที่ส่งมาให้ สนุกไหม! เรื่องอัฟกานิสถาน และแจ้งเพิ่มเติมว่าตอนนี้ท่านออกอากาศสถานีโทรทัศน์ TNN เรื่องนี้ด้วย

เรื่องที่สอง สมาชิก Talented แดนด้ามขวานฝากสวัสดีพวกเราด้วย ทุกคนมีความสุขและพร้อมสู้ทุกสถานการณ์ รวมท้้งขอขอบคุณพี่แป๋ง/น้องมิตร ที่นับว่าสมาชิกที่เข้ามาทักทายทุกวัน ขอบคุณมาก

พ่อใหญ่ก๊าบ แล้วท่านไฝ และพี่สำราญ ผมหายเงียบไปไหนละครับ ฝั่งอันดามันแวะมาตลอดก็ขอบคุณครับ

มีความสุขกับการทำงานนะเพื่อนๆๆๆ/ปธ.ติ่ง

ตอบ "ขอเปิดประเด็นไว้ครับ จาก 007 พันธุ์แท้ พวกรุ่นพี่ที่เก๋าๆ ฝั่งอันดามัน แสดงความเห็นด้วย เป็นประเด็นของ 842 มิตร/แป๋ง"

ก่อนอื่นของทำความเข้าใจก่อนรุ่นพี่น่ะใช่ แต่เก๋า หรือเก๋าเจ๊งไม่แน่ใจ แต่ไม่เห็นต้องซีเรียสกับสิ่งที่เป็นไป เป็นอยู่ ถ้าไม่

ยึดติดกับตรรกะความสำเร็จ ก้อจะไม่รู้สึกผิดหวัง ท้อแท้เหนื่อยหน่าย หรือต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ได้กระทำเต็มความสามารถแล้ว

การให้โอกาสคน ให้โอกาสน้องๆ เป็นสิ่งที่ดีงาม ทุกคนย่อมผิดพลาดกันได้ ผมมองว่า หากเราหวังดีต่อประเทศชาติ ตั้งใจจริง และ

ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำเต็มที่ ทำดีที่สุดแล้ว จะผิดพลาดบ้าง ถูกเปิดโปงบ้าง จะเป็นไรไป เอาเงินภาษีใช้อย่างถูกต้องและทุ่มเท

ก้อแล้วกัน

หากมองในมุมบวก ดีซะอีก ถ้าใช้โอกาสที่ถูกกระแสวิพากษ์ ชี้ให้เห็นว่า เราไม่ได้ใส่เสื้อสีอะไร อะไรที่เป็นภัยต่อความ

มั่นคงเป็นหน้าที่เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง สังคมก้อจะได้รู้ว่าเราก้อทำงาน บางคนบอกมืออาชีพ พลาดได้ไง บางคนบอกคนทำงาน

ย่อมผิดพลาดได้ ถ้าไม่ทำงานเลย ก้อจะไม่มีความผิด ต่างคนก้อต่างความคิด จะไปยึดติดมันทำไม อย่างน้อยบรรดาเสื้อสีก้อจะ

ได้รู้ว่าเราทำงาน รัฐบาลก้อจะได้รู้ ฝ่ายค้านก้อรู้ แล้วจะเป็นไรไปกับความผิดพลาดอันน้อยนิด กำลังใจสิ่ สำคัญกว่า ถ้าคนของเรา

เอง ตั้งข้อสังเกต เหยียดหยามกันเอง มันน่าเจ็บปวดกว่าที่คนข้างนอกเค้าพูดถึง ไม่มีใครอยากให้เกิด ผมพูดเหมือนปลง แต่คิด

และเข้าใจโลกมากขึ้น สุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างก้อเป็นสิ่งสมมติ ทุกคนย่อมหนีความจริงไม่พ้น ทุกชีวิตย่อมพบกับอนิจจัง ทุกขัง

อนัตตา หันมาให้กำลังใจกันดีกว่า ยิ่งเป็นส่วนน้อยของสังคมใหญ่ อย่ากีดกันกั้นขวางให้เราต้องแยกสลายกันให้เป็นคนส่วนน้อย

ของสังคมที่น้อยนิด อยู่แล้วอีกเลยครับ

ความเห็นเพิ่มเติมจากเรื่อง Afghanistan

หากสหรัฐและกลุ่มประเทศนาโตรวมถึงสหประชาชาติไม่สามารถจัดการกับกลุ่มก่อการร้ายสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีนายบินลาเดน

เป็นแกนนำทีเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐและของโลกอยู่ขณะนี้ได้ เชื่อว่า โลกของเรารวมถึงประเทศไทยโดยเฉพาะภาคใต้จะเสี่ยงที่การก่อการร้ายจะแผ่ขยายอิทธิพลมาถึง ทั้งจากการให้การฝึกสอนผู้ก่อความไม่สงบในสามจังหวัดภาคใต้ของเราให้เข้มแข็งเพิ่มขึ้น ให้เงินทุนช่วยเหลือ ซึ่งในอนาคตสามารถที่จะเกิดขึ้นได้หรืออาจเกิดอยู่แล้วแต่อาจยังไม่มีความชัดเจน สิ่งสำคัญไทยก็เป็นพันธมิตรทางทหารนอกนาโตของสหรัฐอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ไทยถูกจัดอยู่ในฝ่ายตรงข้ามของกลุ่มก่อการร้ายได้ อีกทั้งไทยเริ่มจับกุมผู้ก่อการร้ายระดับสำคัญของกลุ่ม อัล ไคดา (แกนนำระดับ 3)ในไทยเมื่อปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าไทยอยู่ในสายตาของกลุ่มก่อการร้ายของโลกในระดับที่มีความสำคัญ ทั้งการเป็นที่หลบซ่อนตัว การใช้ไทยเป็นสถานที่โจมตีศัตรูของตัวเอง หรือการมาช่วยยกระดับความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังเป็นสิ่งที่ทางการไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

นส.บุษบา บรรชาติ

to...talented friends and president

ตอนแรก busaba เข้าใจว่า ให้วิเคราะห์ในเนื้อเรื่องแต่ย้อนกลับไปอ่านการบ้านที่ประธานบอกไว้ว่าเชื่อมโยงกับไทยและสามจังหวัดภาคใต้ เลยขอเพิ่มในคห. 851 แล้วมาที่คห. 854... ตอนแรก ตอบไปแล้วก็ยังไม่แน่ใจว่าใช่เรื่องนี้หรือเปล่าด้วยนะเนี่ย

พี่ ๆ ที่เชียวชาญภาษาเงียบกันไปเลยนะจ๊ะ ตอบคนแรกอีกละ งอนแล้วนะ ....!!!!

to..talented friends

According to the teacher dr.Jira, we are able to be the better leader if there aer reaction with our teacher about his homework that may be difficult for each people .Today, I concern that what it happen with our talend group that many people have no answer at all. From my perspective ,this may be general nature of persons that feel that language and analysis being what they have no expertise but I am also doubtful that why some person can have done it that they can help other friends to do it more easily but they lack of interest. I hope that we will immediately motivate ourself so that we still can tap potential again.

สวัสดีเช้าวันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2553 พฤหัสสวัสดี

ขอขอบพระคุณคุณพี่วิศรุตเป็นอย่างสูงที่ให้กำลังใจ ให้ข้อคิดที่ดีดี

"อะไรที่เป็นภัยต่อความมั่นคงเป็นหน้าที่ ที่เราต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง" "เอาเงินภาษีใช้อย่างถูกต้องและทุ่มเท" "ทุกชีวิตย่อมพบกับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หันมาให้กำลังใจกันดีกว่า ยิ่งเป็นส่วนน้อยของสังคมใหญ่ อย่ากีดกันกั้นขวางให้เราต้องแยกสลายกันให้เป็นคนส่วนน้อยของสังคมที่น้อยนิด"

เราทำงาน ทำงาน เราปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติหน้าที่ จนลืมที่จะกระตุ้น/ย้ำหลักการ จุดยืน อุดมการณ์ ของเรา ที่มีอยู่ ยังเป็นอยู่ และคงอยู่ ให้ฟูฟ่องเต็มเปี่ยมในหัวใจอยู่ตลอดเวลา เรารู้ว่าเราทำอะไร เรารู้ "เราจะปิดทองที่ฐานพระ จนพระนั้นสูง ลอยขึ้นเห็นเป็น ฐานทองที่มั่นคง ค้ำชูองค์พระนั้นได้"

อย่าท้อถอยน้อยใจในความผิดพลาด หากเราคิดว่าทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ถึงแม้จะพบกับอุปสรรคที่ไม่อาจควบคุม/คาดเดาได้ เป็นข้าราชการภายใต้เบื้องยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห้ว ต้องอดทน อดกั้น เอาชนะอุปสรรคให้ได้

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ปธ.ติ่ง/กระทู้ 852

ฟากฝั่งชายแดนแม่น้ำโขง กำลังวิตกกับฝนที่ตกลงมาผิดฤดู...เช่นเดียวกับฝั่งอันดามัน

ก็เลยพาลทึกทักเอาว่าจะเกิดสั่งไม่คาดฝันหรือไม่ โดยเฉพาะรายชื่อที่ลงตามโครงสร้างใหม่ยังไม่ลงตัว

อาจมีกรณีแพ็คกระเป๋าย้ายถิ่นนอกฤดูกาล เลยนั่งลุ้นกันเล็กๆ รวมทั้งท่านสำราญศักดิ์ ณ อุบลราชธานี ที่ท่านถามถึง

ส่วนท่านไฝ ณ สุรินทร์ ข่าวดีค่อนข้างสูงว่าจะขยับเก้าอี้ขึ้น (รอแสดงความยินดีด้วยเด้อ พี่น้อง Talented-2009)

แต่ไม่มีข้อมูลว่าจะขยับข้ามถิ่นไปไหน ยังอยู่ ณ สุรินทร์ ถ้าไม่เกิดอาเพทเนื่องจากฝนลงผิดฤดูตามข้างต้น

ส่วนพ่อใหญ่...เอง กำลังเตรียมจะสร้างบ้านใหม่ (สนง.ถาวร) ไม่รู้จะเป็นข้ออ้างเพื่อจะได้ไม่ต้องขยับเก้าอี้ได้หรือไม่

สรุปยังต้องลุ้นต่อ..อีกตามเคย

คิดถึงเพื่อนๆ ทุกท่านซำเหมอ

ขอบคุณพี่น้องแดนด้ามขวานทอง ระลึกถึงเช่นกัน

ท่านเต๋อ...ฝากตำจอก รองโยด้วยเด้อ ป่านนี้คงปรับตัวได้แล้ว วันก่อนโทรมาแจ้งข่าวเห็นแฮปปี้ดี

โชคดีถ้วนหน้า

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ท่านลืม แป๋ง/มิตร ไปได้อย่างไร พวกผมก็คิดฮอดท่านเหมือนกันเด้อ สิบอกให้ ถ้าแพ็คกระเป๋ามื้อใด ช่วยแจ้งแถลงไขด้วยเด้อ รอลมพัดหวน

ขอประทานโทษ ลืม!...ขอบคุณบทความที่ 858 ให้กำลังในการปฏิบัติราชการ รับใช้ประเทศชาติประชาชน และเป็นข้าราชการที่ดี รับใช้เบื้องพระยุคลบาทฯ ข้าขององค์ราชัน (ครองตน ครองคน ครองงาน)

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ท่านแป๋ง/มิตร

ขออภัยที่ลืมทักทายเมื่อวันวาน อย่างไรเสียท่านก็อยู่ในใจเราเสมอนั่นแหละ

จริงใจนะเนี่ย

ขอบคุณ...คุณ บุษบา บรรชาติ ที่มีอะไรดีๆ มาฝากสม่ำเสมอ บทความ/ความเห็นเกี่ยวกับภาษา

เป็นการกระตุ้นต่อมเรียนรู้ด้านภาษาทางอ้อม ผู้ใหญ่เพิ่งรู้ตัวว่าทักษะด้านนี้มันสาละวันเตี้ยลงจริง

กระทู้ 851 และ 854 ใช่กาบ้านไหมนั่น..จะได้ลอก

อ้อ ท่านแป๋ง/มิตร เขาสอยดาว พรุ่งนี้ไม่ได้ไปแล้วนะ จะไปดู เอ็ม 79 แทน

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

สวัสดีวันศุกร์ที่22ม.ค.53...สุขสวัสดีครับ

เสียดายจริงจริง.....ผู้ใหญ่ไม่ไปเขาสอยดาว....พวกเราว่าจะเอาเอ็ม-79ไปสอยดาวสะหน่อย เผื่อจะล่วงลงมาบ้าง....จะได้ช่วยกับเก็บติดบ่าสักดวงสองดวง

วันนี้ เบอร์ 5 สหกรณ์ฯ ได้แน่นอน แต่อย่าประมาท เอ็กซิทโพล ด้วย ถ้าไม่แน่ใจจะได้ส่งกองกำลังคะแนนจัดตั้งไปช่วยด่วน ก็การเมืองย่อมมีทุกระดับ เป็นเรื่องของกลุ่มผลประโยชน์ในระบอบประชาธิปไตย เราสนับสนุนผู้ที่เสียสละทำประโยชน์ให้แก่สังคม ขอแสดงความยินดีล่วงหน้านะครับ เบอร์ 5

ถึงท่านผู้ใหญ่บ้านมุกดาหาร

ที่ผู้ใหญ่บอกว่าบทความภาษาเป็นการกระตุ้นต่อมการเรียนรู้ พี่โยฝากบอกว่ากระตุ้นยังงัยพี่โยก็ไม่ทำอะไรสักอย่างอยู่ดี (พี่โยให้บอกแบบนี้นะ ไม่ได้เขียนเอง) บทความภาษาอังกฤษก้อให้ไปหมดแล้วนะ พี่โยไม่มีเวลาโดนนายทุบ ถองในที่ประชุมบ่อยมึนไปหมดแล้ว

ปล.คห.851 854 เป็นการบ้าน แต่ไม่ควรลอกนะ แต่ให้ต่อยอดได้ แต่สงสัยว่าจะทำให้เก่งขึ้นกว่าเดิมได้งัยถ้าไม่ใช้ brain ของตัวเอง ของที่อยู่สูง ต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติอยู่แล้วว จริงปะ ! ล้อเล่นนะ นะ ...

วันนี้คุณแป้ง/Mr.M ทักทายตอนเช้าไปแล้ว เราขอทักทายตอนเย็นก็แล้วกัน ยินดีกับเบอร์ 5 ด้วยนะค่ะที่ได้รับเลือกอีกสมัย ใครคิดจะสร้างบ้างแปลงเมืองก็ไปติดต่อขอใช้บริการเคหะสงเคราะห์ ของสหกรณ์เขาได้แล้วนะ เพราะตอนนี้มีผู้ยื่นความจำนงและผ่านการพิจารณาไป 4 - 5 รายแล้ว ขอบอกดอกเบี้ยถูกกว่าท้องตลาด 3 กว่า ๆ เท่านั้นเอง

ผู้ใหญ่..มุกดาหาร เราก็คิดถึงตัวนะ ๆ ๆ

I still stay here alone. Something are abruptly happening in my mind both how to see my world and what are significant such as education and working. some people's life may be too easy untill they forget to stop thinking or action that may be not productive enough to make their life more succesful. However, we should set our goal at least 3 things in order that one day when we attemp to do these we may be the winner finally. For this reason, every persons will still fight continously and don't give up easily.

I know...

You know...

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009

อันดับแรกผมต้องขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงของเพื่อนสมาชิกทั้งประเทศที่ช่วยกันสนับสนุน จนทำให้ผมได้รับการเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการดำเนินงานสหกรณ์อีกสมัยหนึ่งนะครับ สำหรับบริการใหม่ๆ ตามที่น้องปุ๊ยบอกกล่าวไปแล้วนั้นคือ บริการเงินกู้พิเศษเพื่อการเคหะสงเคราะห์ ใช้หลักทรัพย์ (บ้านหรือที่ดิน) ค้ำประกัน สามารถกู้ได้ 100 เท่าของเงินเดือนไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยพิจารณาให้กู้ 100% จากราคาประเมินหลักทรัพย์ที่บริษัทประเมินราคาฯเสนอมา ผ่อนชำระ 360 งวด แต่ต้องไม่เกินอายุตัว 65 ปี ดอกเบี้ยร้อยละ 3.60 (ต่ำกว่า MLR 2.25) สิ้นปีสามารถนำดอกเบี้ยไปหักภาษี และมีการปันผลเฉลี่ยคืนในส่วนของดอกเบี้ยเงินกู้อีกด้วย ปีแรกโครงการเริ่มเฉพาะกรุงเทพและปริมณฑล สำหรับปี 2553 ได้สำรองเงินไว้สำหรับภารกิจนี้แล้วประมาณ 60 ล้านบาท ซึ่งผมจะพยายามเสนอให้มีการเปิดโอกาสให้สมาชิกต่างจังหวัดสามารถใช้บริการดังกล่าวได้ด้วย (ปีที่แล้วเคยเสนอไปแล้ว ปีนี้จะเสนอใหม่) หากมีข้อสงสัยใด โทรหาโดยตรงหรือเมล์มาหาก็ได้ แต่ถ้าด่วนมากๆๆ โทรเข้ามือถือเลยจ้า เพราะผมเดินทางบ่อย ไม่ค่อยอยู่ที่ห้องทำงานซักเท่าไร

เรื่องที่สอง ผมได้หารือกับแมลงทับตัวแม่ (ป้าตุ๋ย) แล้วว่าจะสั่งซื้อน้ำประสานสัมพันธ์ของรุ่นเพื่อใช้ในกิจการมวลชนสัมพันธ์ช่วงไดรมาสที่สองของปีงบประมาณ 2553 โดยจะให้น้องสุวิมลเป็นธุระจัดหา ซึ่งป้าตุ๋ยก็เซย์เยส สำหรับอุปกรณ์ดังกล่าวจะใช้ในงานเลี้ยงสังสรรค์ของพวกเราที่จะมีทุกเดือน (ถ้าผมไม่ว่าง ฝากท่านรองโย และรองแหม่ม ช่วยดูแลเพื่อนๆแทนด้วยนะจ้ะ) สำคัญที่สุด ผมได้ตั้งคำถามไปหลายวัน ก็ไม่มีใครยอมตอบชื่อร้าน ผมขอใช้แนวทางเดิมนะครับ "เจอกันวันพุธที่ 27 มกราคม ที่ร้านครัวมงกุฎ เวลา 11.00-14.00" เชิญเพื่อนพ้องน้องพี่ มาร่วมรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน (หมายเหตุที่ย้ายจากวันศุกร์ 29 มาเป็นวันพุธ 27 เพราะน้องสุวิมลและพี่นนท์ธนา เดินทางมาประชุมที่กรุงเทพในวันนั้น เลยขอเลื่อนเพื่อให้เพื่อนส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้เจอกันจ้า)

เรื่องที่สาม วันจันทร์นี้ ท่านอาจารย์จีระ โทรมาแจ้งผมว่าในวันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2553 ได้เชิญ นรม.ไปเป็นประธานพิธีเปิดการสัมมนาที่หัวหิน ช่วยกันติดตามทางสื่อต่างๆ กันด้วย เป็นงานที่ อจ.เข้าไปดำเนินการในภูมิภาคอาเซียน

ท้ายสุดของวันนี้ ก่อนที่ผมจะต้องเดินทางไปปฏิบัติภารกิจสำคัญในการเป็น "พี่เลี้ยง" ที่โรงแรมเดอะทวิน ช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้ ขอพวกเราจงสละเวลาทำการบ้านส่งเข้ามาในบล็อกด้วย น้องบุษบา เปิดเกมแล้วคนอื่นๆไม่รับมุกเลย ผมเสร็จธุระแล้วก็จะดำเนินการด้วจ้า แต่ช่วงนี้งานเข้าจนถึงกลาง ก.พ.เลย อิๆๆๆๆ ข้ออ้างล้วนๆๆๆ//รักทุกคนมั่กๆๆ//ปธ.ติ่ง

ปล.ขอบคุณพี่แป๋งและ Mr.M รวมถึงผู้ใหญ่ และคนอื่นๆ ที่เ้ข้ามาทักทายกันอย่างต่อเนื่อง ผมขอให้พวกเราจงสานต่อความต่อเนื่อง ต่อเนื่องและต่อเนื่อง อันนี้ไว้ต่อไป

สวัสดีคับ....

ขอเป็นวาระนะครับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคน

1. วันพุธ 27 ม.ค.53 ร้านครัวมงกุฎ ถ้าผมไม่ติดประชุมหรือภารกิจเร่งด่วน กระผมรับข้อเสนอนี้คับ

2. แสดงความยินดีกับ ปธ.ติ่งด้วยนะครับ ที่ได้ร้บเลือกอีกสมัย

3. สำหรับกู้ 100% น้องเต๋อ คงต้องเรียกใช้บริการท่าน ปธ.ติ่งแน่ ๆ เพราะต้องนี้ดอกเบี้ยกินเยอะจัง แล้วจะรีบติดต่อไปขอความช่วยเหลือนะ

4. ส่วนการบ้านนั้น อยากจะรีบทำจัง แต่ยังไม่ค่อยมีใครให้ต่อยอดเลย ต้องรอนิดนะ จะรีบๆ ดำเนินการ ไม่ได้ลืมคับ

5. คิดถึงทุกคนนะคับ...........

สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคน

หลังจากห่างหายจากวงการไปนาน วันนี้ได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนเชษฐ์ ณ ระนอง แนะนำให้เข้ามาคุยกับเพื่อน ๆ บ้าง ก็เลยเข้ามาทักทายเพื่อน ๆ หน่อย ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับพี่ติ่งด้วยที่ได้รับเลือกอีกสมัย แสดงความยินดีกับป้าตุ๋ยเพื่อนรักที่จะรับปริญญาเร็ว ๆ นี้ รวมทั้ง น้องปลา และน้องหนูคนสวยด้วย

มีเรื่องสงสัยอีกเรื่องหนึ่ง อยากรู้ว่าพ่อใหญ่แห่งมุกดาหาร มีอะไรพิเศษกับป้าตุ๋ยหรือเปล่าเนี่ย ?ทักทายกันอยู่สองคน มีฝากขนมมาให้กันด้วยนะ ชักสงสัยซะแล้ว

คิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ.2553 อาทิตย์สวัสดี ขอมือขวาหน่อย!.....

คุณพี่อารมณ์หายจากวงการไปนานแสนนาน แต่กลับมาทีเดียว...สร้างประเด็นเลยน่ะขอรับพี่ท่าน ซึ่งเป็นประเด็นที่ดีมากกกกก... ทำให้เกิดกระบวนการคิดวิเคราะห์/และแสวงหาคำตอบ

สำหรับประเด็นพุธหรรษา....พวกเรายังไม่สามารถหาข้อยุติได้ ขอตั้งคณะกรรมการ(แป๋ง/Mr.M)พิจารณาเรื่องดังกล่าวก่อน หากหาข้อสรุปได้ จะแจ้งให้ทราบทันที ขอรับ......

สวัสดีเข่นกันพี่น้อง

เรานะยกมือขวาให้แล้วนะ

ขอแจ้งว่าเรื่องนัดหมายไม่มีปัญหา รับทราบ แล้วเจอกัน

ส่วนเรื่องการบ้าน ก็อย่างที่หัวหน้าเต๋อเสนอนั่นแหละ ไม่มีใครให้ต่อยอดเลย อยากทำนะการบ้าน ขอบอก

สวัสดี วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ.2553

พวกเราจะทำงานด้วยความมุ่งมั่น สร้างสรรค์สิ่งดีให้แก่สังคม และประเทศชาติ โดยกล้าที่ ทำหน้าที่....ตามหน้าที่....ปฏิบัติหน้าที่.... ตามขอบเขตสูงสุดที่พวกเราสามารถทำได้ในหน้าที่

ส่วนวันพุธสังสรรค์ ไปแน่นอนอยู่แล้วครับผม(ถ้าไม่ติดภารกิจใดๆ )

to..talented friends

this world may has space only strong species or adaptable persons more than vulnerable people.It is posible to be successful if we effort to find out the best ways that will enhance what we are lack both language and analysis. Because, it seem to be very big plobems when, we need to tanslate foreign language papers. Additionally, if we have also to analyse it. we will be more hard. Finally, this problem make us know that we should go to fine wherever to want learn it.

สวัสดีวันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ.2553 วันประชุม ครม.สวัสดี ขอมือขวาหน่อย!.....

คำถาม.....สามารถระดมมวลชนเพื่อไปชุมนุมในพุธหรรษาได้เท่าไหร่แล้วขอรับ?....เช็คยอดและตรวจสอบแกนนำด้วย.....รวมถึงตรวจสอบแนวร่วมมีใครบ้าง.....แนวทางการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร เช่น ยำกุ้งฟู ทอดมันกุ้งทอด แกงส้มไข่ชะอมกุ้งสด หมูทอดซอสเกาหลี และโซโค้กสำหรับเด็กน้อย

คำตอบ....รอฟังคำตอบอยู่!...น่ะขอรับ

สุดท้าย!....นัดรวมตัวกันในเวลาใด....เตรียมสับขาหลอกอยู่น่ะขอรับ

ขอให้ความเห็นหน่อยละกัน

วันนี้ ถ้ายังไม่มีใครส่งการบ้าน pung ขอถอนตัวไม่ไปเลี้ยงวันพรุ่งนี้นะ ยืนยัน คือมันอาจไม่มีอารมณ์ด้วยน่ะ!

เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย?

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

สวัสดีตอนเย็นครับ พี่น้องและผองเพื่อนที่คิดฮอด วันนี้ตั้งใจแล้วจะไม่พูดถึงเรื่องการบ้าน

หายไป ๒ วัน กลับมาเจอกระทู้ร้อนของ คุณ อา..รมณ์เข้า (๘๗๐) ต้องรีบตอบด่วนจี๋

กรณีคำถามมีอะไรกับป้าตุ๋ยหรือเปล่า...มีแน่นอน คือกำลังติดสินบนให้ป้าเขาช่วยพิจารณา

ผ่านเรื่องเบิกเงินอยู่..น่ะ..ล้อเล่นแต่เอาจริงนะ ส่วนเรื่องซื้อขนมฝากเป็นสัญญาปากเปล่าเมื่อคราว

อยู่ใน Class แล้ว รับรองฝากคราวหน้าจะให้รองโยช่วยกระจายให้ครบด้วยเอ๊า..เชื่อเถ้อะ

แป๋ง/มิตร..ท่านเต๋อ เลี้ยงพุธหรรษาพรุ่งนี้ ขอเพียวๆ ซักจอกเถอะ น้ำแข็ง/ โซโค๊ก ไม่ต้อง

เป็นมลภาวะในการดื่ม เสร็จแล้วตอนเย็นไปเจอกันที่ครัวไร่ส้ม ใกล้ราชภัฏสวนดุสิตนะ ชวน

รองโยไปด้วยก่อนที่พี่ท่านจะไปต่อที่อื่น ยิ่งหาตัวยากอยู่ด้วย

คุณปุ้ย ขอบคุณที่คิดถึง เราก็คิดถึงตัวเองนะ (จริงๆ)

ขอแสดงความยินดีกับ ปธ.ติ่ง ที่สมหวังหลายต่อหลายเรื่องแถมมีงานเข้าให้ขยับแข้งขยับขาตาหลอด

เลี้ยงพรุ่งนี้ผู้ใหญ่ขอลา (อีกแล้ว) ครับท่าน

สุขสมหวังทุกท่าน...ขออภัยที่ทักทาย/เอ่ยชื่อไม่ครบ

ทีมงานบริษัทกำจัด MOB (ม็อบ) ขอแจ้งข่าวสารค่อนข้างเกือบ 100% นะครับอดไปงานพุธหรรษาแน่ๆ(งานถนัดของพวกเราแท้ๆ) เป็นเพราะงานเข้าคร๊าบและไม่อาจปฏิเสธได้ด้วยสิ

พวกเรามีข้ออ้างนะ....... ม็อบเป็นคำในภาษาอินเดียนแดง พวกฝรั่งผิวขาวเอาไปเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่า"MOB" ซึ่งพวกอินเดียนแดงเขาชอบกินเหล้า เมาแล้วก็จับกลุ่มทำเสียงเอะอะมะเทิง ขาดสติ อาจสติแตกถึงขั้นก้าวร้าว (แบบสร้างสรรค์)

ฉะนั้นพวกเราเผ่าคนดอย ได้ประชุมไตร่ตรองกันแล้วประเมินในระดับ 2 อยากไปร่วมก่อม็อบด้วยแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ท่านใดมีข้อเสนอแนะดีๆ ช่วยด่วน!

ปล.ไม่มีข้ออ้างใดเลยที่เป็นเหตุเป็นผลได้มากขนาดนี้เลย ผู้ใหญ่มุกดาหารหาทางออกให้หน่อยดิ

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ตอบแป๋ง/มิตร กระทู้ ๘๗๘ เราเป็นพวกบูรณาการในเชิงสร้างสรรค์ (แบบเข้าข้างกันเอง)

ว่า จะผนวก...ผสมผสาน...หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ให้ "ม็อบ" เข้ากันได้กับคำว่า "เมา"

(สะกดใก้เคียงกัน) จะเมาม็อบ เมากับม็อบ หรือม็อบเมาหรือมีม็อบแล้วค่อยเมาก็ได้

สรุปเมากลางอากาศกับคณะทีมงานเพื่อนพ้องน้องพี่เช่นเดียวกับผู้ใหญ่อีก ๒ พระหน่อ...ฮา

บอกแล้ว มิเห็นโลงศพมิหลั่งน้ำตา.....มิเห็นสุรามิสั่งกับแกล้ม

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

ดีคับ...

แล้วพุธหรรษา ตกลงมีใครออกเสียงแล้วบ้างครับ

พวกผมคนบ้านไกล จะได้เตรียมตัว อาจจะไปเร็วซักหน่อย

เพราะบ่าย มีประชุม ไม่รู้ว่าจะปลีกตัวได้อะเปล่า

อยากไปใจจะขาด...... คิดถึงเพื่อนๆทุกคน

สวัสดี วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ.2553 พุธหรรษาสวัสดี

วันนี้ขอให้ชาวคณะมีความสุขกับพุธหรรษาด้วยน่ะครับ และอย่าลืมเอาความสุขมาฝากด้วย พวกเรารอให้ชาวคณะที่ไปพุธหรรษาแบ่งปันความสุขให้อยู่น่ะครับ สำหรับการบ้านไม่เห็นมีใครส่งมาให้ต่อยอดเลย รีบทำกันหน่อยสิครับ รอต่อยอดอยู่

สุดท้ายและท้ายสุด ชาวคณะเข้ามาอ่านแล้วขอมือขวากันหน่อยยยยยย ขอเสียงหน่อยครับบบบบบ

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ.2553

พุธหรรษา ที่ครัวมงกุฎผ่านไปแล้ว สมาชิกเบาบาง ถึงแม้จะมีพวกเราเพียงไม่กี่คน แต่ด้วยเจตนารมภ์ที่พวกเราเป็นผู้ที่ได้ร่วมกันริเริ่มสร้างสรรค์ขึ้นมาก็เพื่ออะไร....? พวกเราจะร่วมอุดมการณ์กันต่อไป..ต่อไป..และต่อไป.....

พวกเรายังต้องการสติปัญญาอันหลากหลายมาร่วมกันสร้างสรรค์ พัฒนาองค์ความรู้อย่างต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง...และต่อเนื่อง ได้โปรดอย่าปล่อยทิ้งให้พวกเราเปลี่ยวเหงาโดดเดี่ยวเลย

ปธ.ติ่ง รับทราบปัญหา อยู่ระหว่างคิดดำเนินการ พวกเราพร้อมให้การสนับสนุนด้วยความเคารพรัก

ปล.คิดถึงท่าน วิศรุต ที่เคยแสดงความคิดเห็นไว้ในข้อความที่ 853

สวัสดีเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทั้งผอง

งานเลี้ยงสังสรรค์ตามวงรอบทุกเดือนเป็นไปด้วยดี แม้ว่าสมาชิกจะบางตา แต่ได้มีข้อยุติสำคัญๆ หลายประการ ก่อนอื่นขอแจ้งรายชื่อผู้ก่อการ (ดีหรือร้าย...แล้วแต่จะคิด) ประกอบด้วย รองโย แป๋ง เต๋อ มิตร เล็ก (รำพึง) เล็ก (สร้อยสน) และตัวผมเอง งานเลี้ยงเริ่มตั้งแต่ 11 โมง ทีมหนุ่มเมืองทอง กลับไปประชุมก่อนบ่ายโมง ที่เหลือบ่ายนิดๆๆ กลับไปทำงาน สรุปทุกอย่างลงตัว 55555

สำหรับข้อยุติสำคัญจากการหารือครั้งนี้ สรุปได้ว่า 1)เพื่อให้การรวมตัวของพวกเรามีความเหนียวแน่นและมิตรภาพดำรงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน จึงกำหนดให้แต่ละกลุ่มที่อบรม ตั้งแต่กลุ่ม 1-6 คัดเลือกผู้ประสานงานประจำกลุ่ม เพื่อรับผิดชอบในการติดต่อประสานงานไม่ว่างานเลี้ยงสังสรรค์หรือกิจการอื่นๆ 2)สมาชิกหลายคนเห็นด้วยว่าในช่วงที่พวกเราจะไปรวมตัวกันอีกครั้งที่ศูนย์ฝึกประชานาถ เราจะต้องมีการลงนามใน "สัตยาบันประชานาถ 2010" ว่าหากสมาชิกท่านใดไม่เข้าร่วมกิจกรรมของรุ่น โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร จะต้องเสียค่าปรับครั้งละ 20 บาท (หากว่ามีเหตุผลว่าต้องปฏิบัติภารกิจจะอนุโลม แต่ถ้ารู้แล้วกลับทำเมิน แล้วน่าดู เช่นบางคนเข้ามาในบล็อกแล้วรู้ว่างานวันไหน กลับไม่ยอมมาร่วม แต่บางคนก็ดีที่ยังโทรไปแจ้งว่าติดภารกิจเร่งด่วน ให้อภัยจ้า) แต่หากว่าท่านใดเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง อย่างบ้าคลั่ง จะมีโบนัสให้ช่วงปลายปี อิๆๆๆๆ 3)การรวมตัวกันอีกครั้งที่มวกเหล็ก ฝ่ายก่อการ (ไม่น่าจะดี) มีการวางแผนแล้วว่าจะมีการจัดแคมป์ไฟ บริเวณลานกิจกรรมทั้ง 3 คืน เพราะการเคลื่อนย้ายกำลังพลออกนอกสถานที่ทำได้ยาก บอกไว้แต่เนิ่นๆๆ เลยใครมีอุปกรณ์ประกอบการประสานสัมพันธ์ ติดไม้ติดมือกันมาได้เลยจ้า 4)เรื่องสำคัญคือการรวมตัวครั้งต่อไปคงเป็นวันใดวันหนึ่งก่อนวันวาเลนไทน์ ระหว่าง 8-11 ก.พ.53 เหตุผลที่ไม่เสนอวันที่ 12 เพราะผมเข้าเวร สอ ปอ ขอ ช่วยกันโหวตว่าวันไหน ร้านไหน เวลาเที่ยงเช่นเดิม เพื่อให้สาวๆ ได้มาร่วมกิจกรรมกัน

อย่าลืมส่งการบ้านกันด้วยเน้อ พรุ่งนี้ผมจะต้องเดินทางไปร่วมอบรมภาคประชาชนกับสมาชิก Talented จชต. มีใครจะฝากฟามคิดถึงไปหาน้องๆ กันบ้าง บอกมาได้เลย เจอกันใหม่นะเพื่อน//รักเธอเสมอ//ปธ.ติ่ง

ตอบ "ปล.คิดถึงท่าน วิศรุต ที่เคยแสดงความคิดเห็นไว้ในข้อความที่ 853" ของแป๋ง/Mr.M กระทู้ที่ 882

ได้แต่เฝ้ามองคนกรุง แลกเปลี่ยนความคิด ถกแถลงหาเหตุผลผ่านวงน้ำประสานมิตร ได้แต่กล้ำกลืนเฝ้าทน รอคอยโอกาสที่

จะได้ไปร่วมพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเมามันด้วยคน ขอบคุณที่ยังระลึกถึง แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาอันสั้นแล้วผ่านเลย

เข้ามาอ่านทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ไม่อาจแลกเปลี่ยน เนื่องจากด้อยปัญญา ไม่หาญกล้าแสดงความเห็น ส่วนการบ้านคิดออกนานแล้ว

อยู่ระหว่างตัดสินใจว่าจะทำดีหรือไม่ เพราะสิ่งที่คิดออกเป็นสิ่งที่คิดผิด หากทำไปก็ทำแต่สิ่งผิดๆ สู้ไม่ทำซะดีกว่า เพราะทำก็ผิด

แต่ก็เป็นได้แค่คิด เพราะขณะจรดลายนิ้วมือลงบนแป้นพิมพ์แต่ละตัวอักษร ก้เริ่มที่จะทำไปแล้วบางส่วน โปรดอย่าติดตาม แต่จงรอ

คอยด้วยความระทึก

วันนี้เห็นหนังสือเวียน เขาจะมี talented รุ่น 2 แล้วนะค้าบ,

สวัสดี วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ.2553 (สบายๆวันครอบครัว)

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของเดือน ปีใหม่ที่ผ่านมาก็กลายเป็นเก่า หมุนเวียนเปลี่ยนไปเป็นวัฏจักร เพื่อรอคอยสิ่งใหม่ๆเข้ามาทดแทนเสมือนเกลียวคลื่น ที่ทยอยเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งแล้วมลายหายไป ลูกแล้วลูกเล่าทั้งคลื่นเล็กคลื่นใหญ่ ล้วนโหยหากระแสลม ที่คอยพยุงขับเคลื่อนให้ซัดสาดอย่างต่อเนื่อง มิเสื่อมคลาย

**ขอแสดงความคิดเห็นกระทู้ที่ 884 วิศรุต**

การตัดสินใจและเมื่อทำแล้วคือสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเรา

หากชีวิตคือการดิ้นรน คนหนึ่งคนต้องเดินก้าวไป ให้เรารู้เส้นทางแห่งใจ แล้วก็ไปให้ถึงที่นั่น

เพราะชีวิตคือการต่อสู้ ให้เรียนรู้ด้วยใจตั้งมั่น เส้นทางไกลแค่ไหนช่างมัน คนช่างฝันเท่านั้นทำได้

*******ฉันคือหนึ่งคน ที่ทนฟันฝ่า พลังศรัทราคือสิ่งดี ได้มาเท่ากัน เหมือนกันทุกที่ เตรียมใจที่มีให้มั่นคงเข้าไว้

******* ขอเพียงแค่ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่จุดหมาย โปรดจงมั่นใจ ที่ทำลงไปนะถูกแล้ว

อย่าฟังคำคน อย่าสนใจใคร อย่าเปลี่ยนแนว คนแน่แน่วเท่านั้น ..........ผู้ชนะ..........

หากปัญหาเข้ามาถ่างโถม อย่าไปโหมให้จงผ่อนคลาย ค่อยๆคิดสบายๆ ปล่อยมันไปตามเรื่องสักวัน

เพราะชีวิตคือการต่อสู้ ให้เรียนรู้ด้วยใจตั้งมั่น เส้นทางไกลแค่ไหนช่างมัน คนช่างฝันเท่านั้นทำได้..........

เมื่อวานได้ไปเที่ยวงานอนุสรณ์ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี มีของฝากมาเล่าสู่กันฟังได้ชมการแสดงประกอบแสงสี “ยกพลตามรอยพยุหยาตรากรีฑาทัพสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ซึ่งเป็นวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ ทำให้รำลึกถึงเรื่องราวต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ชาติไทย ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ สามารถกอบกู้เอกราชให้ชาติไทยมีความเป็นอิสระมาจวบจนทุกวันนี้ ดูแล้วเกิดความหึกเหิมในจิตใจครับ ท่านใดไม่เคยไปชมขอแนะนำมีเพียงปีละ1ครั้งช่วงเดือนมกราคม ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วบัตรค่าเข้าชม 100บาท หากท่านใดต้องการแบบ VIP. ปรึกษาได้ครับ

สวัสดี วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553

เข้าสู่เดือนแห่งความรัก "รักกันไว้เถิดเราเกิดร่วมแดนไทย........."

สมาชิกหายไปไหนหมดเนียะ ไม่ได้อ่านลิขิต ที่ผ่านความคิดทางบล็อกของสมาชิก Talented 2009 เลย เหมือนขาดอะไรไป

พวกเรายังคงมั่นคงอยู่ครับ

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

กลับมารายงานตัวแล้วครับหลังจากเดินทางไปหาดใหญ่มาเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อนๆจากทางใต้ฝากความคิดถึงมาด้วยจ้า ขอบคุณพี่แป๋ง/น้องมิตร ที่เอาใจใส่ในการเข้ามาทักทายทุกวัน ขอบคุณจริงๆๆ วันนี้เจอกับพี่เต๋อที่ห้องประชุมด้วย เอ้าเข้าเรื่องซะที

ต้องขอโทษอย่างแรงที่งานเลี้ยงครั้งที่แล้วไม่ได้กระจายข่าวกันให้ถ้วนหน้า ผมขอรับผิดแต่ผู้เดียว สำหรับงานเลี้ยงในช่วง ก.พ.53 ขอความเห็นจากเพื่อนๆ ด้วยนะจ้ะ ระหว่าง 8-11 ก.พ.53 ช่วงเวลา 11.00-14.00 น. จะเลือกวันไหนดีช่วยกันแสดงความเห็นมาเร็ว เพราะหลังวาเลนไทน์ อาจจะมีงานเข้ายาวววววๆๆๆๆ และผมจะมอบหมายให้ตัวแทนแต่ละสำนัก กระจายข่าวด้วยงานนี้ มิให้พลาดอีกแล้ว

ส่วนคนที่มิได้แวะเข้ามาเยี่ยมเยือนใน blog ก็ต้องยอมรับกติกานะจ้ะ โทษใครไม่ได้ ยกเว้นตัวเองที่ไม่ยอมเข้ามาเปิดเอง อิๆๆๆๆ ล้อเล่นนะจ้ะ เข้ามากันแล้วอย่าลืมทำการบ้านด้วยละ วันก่อนท่านรองแหม่ม มาขอสำเนาการบ้านไปแล้ว

อีกเรื่องคือพวกเรากำลังจะมี Talented รุ่นสองกันแล้ว จะเริ่มอบรมตั้งแต่ 15 ก.พ.-15 มี.ค.53 พิธีเปิดที่ห้องประชุมในวันที่ 15 ก.พ. ใครว่างช่วยมารับน้องกันหน่อยนะครับ ผมต้องเดินทางไปทำงานที่หาดใหญ่ ส่วนวันที่ 15 มี.ค.53 เวลา 09.00-12.00 น. รุ่นน้องมี Public Seminar มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับน้องๆ ด้วยเน้อ

สรุปว่า ช่วยกันแสดงความเห็นและแวะเข้ามาเยี่ยมกันบ้าง ตอนนี้แยกย้ายกันทำงานเลยนะพวก//ปธ.ติ่ง

สวัสดีครับพี่น้อง NIA-Talented-2009 รุ่นที่ ๑

ขอส่งข่าวจาก จ.มุกดาหาร ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (๓๑ ม.ค.๕๓) ปรากฏการณ์แตกตื่นพญานาค

ผุดขึ้นเล่นน้ำโขงทักทายกับประชาชนบริเวณเสาตอม่อสะพานมิตรภาพ ๒ ผู้ใหญ่ไปสังเกตการณ์

อยู่ ๒ วัน ยังไม่มีบุญตาได้ทัศนา อย่างไรก็ตามชาวบ้านทั้งใน จ.มุกดาหาร และใกล้เคียง ยังคงหลั่งไหล

เข้าพื้นที่เพื่อรอชมเป็นหลักพันคน/วัน

ยังงี้ออกพรรษาปี ๕๓ มีหวังได้ลุ้นชมบั้งไฟพญานาคที่ จ.มุกดาหาร....แฮ่ม

โชคดีครับทุกท่าน...มีความสุขในการทำงาน

ผู้ใหญ่มุกดา

สวัสดี วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 (วันตรวจหวยเชื่อว่าถูกกันทุกราย)

ปรากฏข่าว พญานาค ปรากฏตนที่ มุกดาหาร แล้วตื่นเต้น พ่อใหญ่เฝ้าสังเกตการณ์ให้ดีนะครับ บางทีอาจเห็นกำลังพ่นน้ำ พวกเราหลายคนมีความเชื่อมิใช่งมงายนะ เมื่อออกพรรษาปีที่แล้วก็ไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาค ที่โพนพิสัยมาครับ ขึ้นเป็นหมื่นๆ ทั้งที่รู้ว่าเป็นบั้งไฟมนุษย์แต่ก็ไม่แอนตี้ ดีเสียอีกที่พวกเค้ามีส่วนร่วมกันสร้างทำให้บรรยากาศสนุกสนานไม่เป็นพิษภัย จะอะไรกับเครื่อง GT 200 ยังกลายเป็นไม้ตรวจศพได้เลย นี่สิน่าห่วงต้องหาความจริง ในโลกนี้มีอะไรมากมายที่มองไม่เห็นพิสูจน์ไม่ได้ อย่ากลัวในสิ่งที่ไม่เห็น และไม่กล้าในสิ่งที่ไม่รู้ มาร่วมกันแสวงหาสิ่งดีๆกันดีกว่า

ปล. ไม่ทราบว่าพวกเราทำให้บล็อกนี้ไร้สาระ หรือป่าว แต่พวกเราก็จะแสวงหาสิ่งดีๆ กันต่อไปนะ พ่อใหญ่ และ ปธ.ติ่ง

to..talented friends

there are many reason that make me hardly come into here to talk with friends because I think that many other people have disappeared more a long time. However, I need to communicate to keep our relationship so that we will do as taught us in term of creating network and sharing knowlege. It may be inconvenient for some people to talk about another things in sensational issues or may never make opinions or may not like to do these things but at above all, I expect that very body still awalys have good feeling each other because, we have faith and vision the same

**pung**

reason = เหตุผล hardly=ด้วยความยากลำบาก disappeared= หายไป,สูญไป creating=แต่งตั้ง inconvenient=ซึ่งไม่สะดวก sensational=ความรู้สึก issues=การแจกจ่าย faith=ความเชื่อมั่น,ศรัทธา

ขอบคุณที่ช่วยแปล แต่ขอแก้ไขบางคำ

creating คือการสร้าง มาจาก create เติม ing คือ gerund คือการหรือความในภาษาไทย

Issues คือ ประเด็น หรือ เรื่อง เติม s คือเป็นพหูพจน์

นอกนั้นถูกแล้ว

Hardly แปลว่าไม่ค่อย ในความหมายประโยคนี้คือไม่ค่อยได้เข้ามา

เออ ลำบากเหมือนกันนะเนี่ย ถ้าแปลผิดความหมาย

มีอีกนะ

sensational ขอแก้ไขเป็น sensitive issues ลืมจริง ๆ เลย

ละก้อเปลี่ยนเป็น There are จาก there are เพราะขึ้นต้นประโยค ส่วนประโยคสุดท้ายลืมเติมฟูลสต็อบด้วย ซีเรียส ๆ

pung**

ไม่เก่งแต่ก็มีความพยายามเสียอย่าง ยิ่งได้ผู้รู้จริงให้การแนะนำก็ยิ่งดี เรียนอังกฤษทางบล็อกกันไม๊ช่วยๆกันหน่อย สมาชิก talented 2009

สวัสดีเพื่อนสมาิชิก NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ผมคิดว่าเราคงอาจจะต้องตั้งชื่อรุ่นใหม่แล้วละ เพราะจะรุ่นสองติดตามเรามาแล้ว ระหว่าง 15 ก.พ.-15 มี.ค.53 เอ้าพวกเรา!! ช่วยกันเสนอชื่อมาเร็ว หากว่าชื่อที่ใครตั้งได้รับคะแนนโหวดสูงสุดซึ่งจะมีการลงมติกันระหว่างงานเลี้ยง รวมทั้งรับคะแนนทาง Blog สำหรับเพื่อนๆ ที่อยู่ต่างจังหวัด ผมขอเปิดเกมส์เลยนะ "ปธ.ติ่ง ขอเสนอเป็น NIA-Talented รุ่นหนึ่ง" เหตุผลหากว่าไม่เติม NIA ก็อาจจะเรียกว่าทะเ้ล้นอย่างเดียว และที่ไม่ใช้รุ่นแรก เพราะเกรงว่าบางคนจะตีความว่าพวกเราเป็นยุวชนแรกแย้ม อันจะทำให้ดูโสเกินไป สรุป พวกเราเป็น "รุ่นหนึ่ง" ได้เพราะำกำัลังมีรุ่นสองตามมาไหง ท่านอื่นๆ ว่าอย่างไร รีบๆๆเลย เชิญเลยเพ้!

ประการที่สองก็ยินดีที่พี่แป๋ง/น้องมิตร ผู้ใหญ่มุกดา and pung อุ๊ยลืมตัวแจมภาษาปะกิต ไปด้วยเลย ขอบคุณที่ทุกคนยังแวะมาทักทายกันทุกวัน ผมสัญญาว่าจะพยายามเข้ามาทักทายทุกวัน แต่ถ้าวันต้องเดินสายบรรยายหรือไปภารกิจต่างจังหวัด ก็ต้องขออภัยล่วงหน้า วันนี้ผมก็มีโอกาสได้ใช้ภาษาปะกิตเช่นกัน เจอน้องนก (ดวงพร) ด้วย เป็นรายการนำเสนอข้อมูลพื้นที่รับผิดชอบของผมให้เพื่อนสมาชิกจากแดนจิงโจ้ฟัง เรื่องนี้สำคัญนะเพื่อนๆ อย่าทิ้งมันเสียหละภาษาปะกิตเนี่ยอะ

เรื่องที่สามพรุ่งนี้ กพร.และบริษัท TRIS จะมา Site Visit เพื่อนๆ ท่านใดเข้าร่วมบ้าง เจอกันพรุ่งนี้ สำหรับต้องชี้แจงสองเรื่อง กำลังปั่นเลยวะ KM กะ โครงการภาคประชาชน เ้พลินเลยเพื่อนเอย อย่านำไปเป็นเยี่ยงอย่างนะเฟ้ย ประเภทหางจุำกตูด แต่ไม่เป็นสู้ๆๆอยู่แล้ว ใจเกินร้อย โดยไม่จำเป็นต้องดื่ม M-150 อิๆๆๆๆ

เจอกันใหม่นะเพื่อนรักทุกท่าน//ปธ.ติ่ง

ปล.วันที่ 15 ก.พ.53 ผมติดภารกิจที่หาดใหญ่ ผมได้ฝากให้รองแหม่มและน้องหนู ช่วยต้อนรับ อจ.จีระ ที่จะมาบรรยายให้กับสมาชิกรุ่นสอง หากเพื่อนท่านใดว่างเว้นจากภารกิจ เชิญเลยนะ้จ้ะ อจ.น่าจะเดินทางมาถึงประมาณ 8 โมงต้นๆๆ เพราะงานจะเริ่ม 09.00 น. ส่วนเรื่องสำคัญอีกประการ ยังไม่มีใครเลือกวันงานเลี้ยงเดือนกุมภาฯ กันเลย อย่าหาว่าผมเผด็จการละกัน ให้เวลาภายในเช้าวันศุกร์ เพราะศุกร์นี้เทียงผมไปบรรยายให้กรมการปกครองเสร็จ บ่ายจะกลับมาเปิด Blog แล้วเย็นจะเดินทางไปหาดใหญ่อีกแร้น....

สวัสดี วันที ๓ ก.พ.๕๓ ครับเพื่อนพ้องน้องพี่ NIA-Talented รุ่นที่ ๑

ตอบกระทู้ ๘๙๐ประเด็นที่ ๑ เกี่ยวกับพญานาค มีหลากความเห็นทั้งเชิงบวกและลบ

ที่แน่ๆ สามารถโปรโมทการท่องเที่ยวดีนักแล จนบริเวณดังกล่าวแปรสภาพเป็นตลาดชั่วคราวเรียบร้อยแล้ว

สินค้ามีหลายชนิดรวมทั้งแผ่น CD ที่เกี่ยวกับพญนาคหลายเวอร์ชั่น สรุปเป็นผลดีต่อผลิตภัณฑ์มวลรวม

ของจังหวัดครับ ประเด็นที่ ๒ (ปล.) เราตั้งใจจะให้บล็อคนี้มีชีวิตเป็น..สื่อกลาง...ช่องทางเรียนรู้...สู่อนาคตที่ดีกว่า

กระทู้ที่ ๘๙๑-๘๙๖ เป็นสิ่งยืนยันช่องทางการเรียนรู้ ผมได้เรียนรู้ไวยากรณ์เยอะเลยนะนั่น ยังไงขอข้อความสั้นๆ

ประมาณนี้นะดีแล้วครับถ้ายาวไปผมอาจหมดความพยายามในการอ่าน ขอบอกว่าขอบคุณมากๆ ยก ๒ มืเชียร์เต็มที่

ท่าน ปธ.ติ่ง ขอความเห็นชื่อรุ่นใหม่ ผมขอเสนอชื่อตามประโยคแรก/ข้างบนนะแหละ อ้าว..ขอเสียงผู้สนับสนุนด้วย

ส่วนประเด็นวันจัดงานเลี้ยงรุ่น ประจำเดือน ก.พ. นำเสนอวันศุกร์ที่ ๑๒ ส่วนผู้ใหญ่จะไปหรือไม่ขอตรวจสอบนัดหมาย

กับตนเองก่อน

โชคดีทุกท่าน

ผู้ใหญ่มุกดา

สวัสดีเช้าวันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 พุธสวัสดีครับ

เสนอชื่อรุ่นให้พี่ๆพิจารณา "5342" 53=ปีที่เรียน/ 42=จำนวนเพื่อนร่วมรุ่นครับ หรือเป็น "0942" 09=ปีที่เรียน/42=จำนวนเพื่อนร่วมรุ่น

หรือ "531" 53=ปีที่เรียน/1=รุ่นที่1 หรือ "091" 09ช ปีที่เรียน/1=รุ่นที่1

เสนอร้านอาหารและไม่ขอลงคะแนนวันที่ไปรับประทานอาหารแล้วแต่พรรคพวกพี่ๆ จะเห็นควรครับ

ร้านอาหาร "กินข้าวบ้านเพื่อน" ไม่ได้จะชวนไปบ้านเพื่อนใครหรอกนะคะ แต่นี่คือชื่อร้านน้องใหม่ ตั้งอยู่บนถนนพิชัย ใกล้ตลาดศรีย่าน ตัวร้านเป็นบ้านไม้หลังเก่าสมัยปี 70 ดัดแปลงให้เป็นร้านอาหารเล็กๆ ตกแต่งเรียบง่าย เน้นบรรยากาศเป็นกันเอง โดยบนชั้น 2 เป็นเหมือนชานบ้านรอคุณมานั่งเพลินๆ ในยามเย็น ให้อารมณ์เหมือนได้มานั่งเล่นอยู่บ้านเพื่อนยังไงยังงั้นเลยค่ะ

ที่สำคัญคือได้ชวนมิตรสหาย มาอร่อยกับหลากหลายเมนูในรูปแบบโฮมเมดทั้งปอเปี๊ยะพระจันทร์ (90 บาท) ของทานเล่นแต่รับประกันความอร่อยไม่ใช่เล่นส่วนผสมทำจากเนื้อกุ้งกับเนื้อหมูบดปรุงรส ทอดร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน จิ้มทานกับน้ำจิ้มบ๊วยรสหวาน ต่อจานที่ 2 คือ ยำถั่วพู (80 บาท) ถั่วพูสดกับเนื้อซีฟู้ดคลุกเคล้ากับน้ำยำรสเผ็ดพอดีๆ โรยหอมเจียวทานเคียงกับไข่ต้ม เสิร์ฟต่อด้วย ปลากะพงสองใจ (150 บาท) ปลาไซส์ใหญ่คับจาน ที่ปรุงออกมาให้เราได้ชิมถึง 2 แบบ คือ หั่นชิ้นทอดกระเทียมหอมกรุ่น และอีกซีกผัดพริกไทยดำรสเข้ม

เปลี่ยนมาชิมเมนูอินเตอร์บ้างค่ะ ออกสตาร์ทด้วยเมนู Mixed & Match อย่างเช่นสปาเก็ตตี้ปลาสลิด (80 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้ผัดออกรสจัดจ้านด้วยพริกแห้งและพริกไทดำสด พร้อมกับชิ้นปลาสลิดทอดกรอบ โรยออริกาโน่ และชีสขูดมาด้วย,หมูม้วนเบคอนย่าง (100 บาท) ใช้เนื้อหมูสันใน ม้วนด้วยเบคอนแล้วกริลล์จนสุกหอมนุ่มน่าทานราดไวท์ครีมซอส,เสต็กหมูพริกไทดำ (80 บาท) ชิ้นเนื้อหมูเกรดดีกริลล์พอสุก ราดซอสพริกไทดำสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมขนมปังและเฟรนช์ฟราย ถ้ามาเป็นหมู่คณะอยากให้ลอง พิซซ่าซุปเปอร์ซุพรีม (120 บาท) แป้งบางหน้าเบคอน ไส้กรอก เห็ดแชมปิญอง ฯ อบใหม่จากเตาร้อนๆ หอมชีสสไตล์อิตาเลียนดีแท้ๆ

ของหวานแนะนำ Banoffee (50 บาท) บิสกิตกรุบกรอบกับกล้อยหอม คั่นด้วยคาราเมล และวิปครีมหวานมัน, Honey French Toast (60 บาท) ขนมปังฝรั่งเศสทาเนยอบร้อนๆ โรยไซรัปหอมหวาน เข้ากันดีกับวิปครีมและไอศครีมวานิลลานอกจากรายการที่แนะนำมา พ่อครัวที่นี่เค้ามีเมนูเด็ด รอให้คุณมาลองด้วยตัวเองอีกเพียบ อาทิเช่น ผักโขมอบชีส, หอยเชลล์อบเนย, ซุปครีมข้นหอยลาย, ซีซาร์สลัด, ทะเลผัดฉ่ากระทะร้อน, ไข่ลูกระเบิด, ข้าวหมูทงคัทซึ, ข้าวไข่ข้นกุ้ง, ราดหน้าเส้นกรอบ ฯลฯ ให้ได้เลือกชิมกัน

ที่ตั้ง : 201 ถนนพิชัย นครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพ10300

โทร : 0-2241-8531, 08-6331-2955

เปิดบริการ : 11.00 - 21.00 น. ทุกวัน

ราคาต่อท่าน (โดยประมาณ) : 100 - 200 บาท

ขอให้ข้อมูลเรื่องภาษานิดนึง

มีพวกพี่ ๆ หลายคน ต้องการไปโพส ลืมถามว่าโพสต์ใหน ไม่ใช่โพสต์ทูเดย์นะ อิอิ เลยทราบว่า พี่เขามีปัญหาภาษาอังกฤษอ่อนแอมาก ดูแล้วยากนะภาษาเนี่ย ถึงสอบผ่านแต่ในความเป็นจริงอาจพูดอ่านเขียนไม่ได้อยู่ดี ส่วนใหญ่ชอบเน้นสอบเอาคะแนนซึ่งความจริงมันผิดอ่ะนะ ต้องพูดอ่านเขียนฟังได้จริงๆ จะดีกว่าสอบก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะมีคนบอกมา พี่ที่ไปบางคนก็ไม่ใช้ภาษามากอ่านแต่หัวข้อแล้วส่งมา ซึ่งความจริงถ้าได้ภาษาจริง ๆ ก้อจะทำให้อยากอ่านเหมือนภาษาไทย แต่ถ้าไม่ค่อยได้จะอยากหลีกเลี่ยง อาจทำให้พลาดข้อมูลที่สำคัญไปก็ได้นะ ทั้งการcontactด้วยก้อให้ข้อมูลบางอย่างที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเขาไปซึ่งเขาดีใจมาก เราก็ไม่รู้ว่าเขากังวลเรื่องนี้อยู่ถ้าเขาไม่บอกก็คงไม่ได้ช่วยอะไร การพูดอะไรบ้างก็จะเป็นประโยชน์กับตัวเองเหมือนกันนะ เราเห็นว่ายังงัยมันจะเป็นประโยชน์กับองค์กร ฟังดูดีเนอะและก้อเกรงว่าคนที่มีคุณสมบัติแต่กลับไม่ได้ไปมันน่าเสียดาย เลยอยาก support ไม่ว่าใครก็ตามเห็นว่าน่าจะช่วยทั้งนั้นจะทำตามหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คิดว่ายังงัยก็ต้องมีคนไปสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันอยู่แล้วนะ องค์กรจำเหป็นต้องเก่งภาษาเพราะต้องไปโพส แต่คงไม่ใช่แค่สอบผ่าน

pung..

เฮ้อ ข้อความที่ 901 ริมแดง เฮ้อ

ต่างจิตต่างใจ พี่ๆหลายคนอยากไปโพส แต่ไม่ได้ภาษา พี่ๆ หลายคนที่อยากไปโพส แต่ไม่เป็นภาษา พี่ๆ หลายคนที่

อยากไปโพสแต่ไม่มีน้ำยา พี่ๆหลายคนอยากไปโพส และก็ไปด้วยความสามารถ พี่ๆ หลายคนอยากไปโพส แต่ไปได้ด้วยความ

บังเอิญ ต่างจิต ต่างใจ ต่างมุมมอง ยังไงก็ตามเชื่อเกินร้อยเปอร์เซนต์ว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งหน้าที่การงานและชีวิต

ประจำวัน แต่มีหลายคนไม่ให้ความสนใจ นอกจากไม่สนใจแล้ว ยังขี้เกียจหลังยาวไม่เอาใจใส่ ไม่กระตือรือร้น จนแสดงออกมาถึง

อาการไม่ยี่หระของตนเอง ไม่ให้ความสำคัญ ที่ไม่ได้เรื่องในด้านภาษาต่างประเทศ เพื่อลบปมด้อย แต่ความจริงมันน่ะอยาก

ไป (ผมพูดเปรียบเปรยที่อาจดูแล้วเหมือนตัวผม) ไม่มีใครที่ไม่อยากเติบโต มีเกียรติ ทั้งของตัวเองและวงศ์ตระกูล แต่มันขี้เกียจจะ

ให้ทำยังไง ขนาดเงินเดือนทุกเดือนยังไม่เคยกดใช้เองเลย ขี้เกียจขนาดไหน (YLเอาไปหมด)

ในมุมมองผม การไปโพส ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เพื่อหน้าที่การงาน ตำแหน่งการเจริญเติบโต แต่ควรจะมองว่าเราจะไปทำ

ประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติในประเทศนั้นๆ ได้บ้าง ประเทศหรือฝ่ายบริหารขาดอะไร จะสนองตอบความต้องการของหน่วยงาน

ได้อย่างไร ป้องกันหรือระงับยับยั้งปัญหาที่จะเกิด หรือร่วมหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่จะเกิดได้อย่างไร มีวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า และวาง

แนวทางที่จะดำเนินต่อประเทศนั้นๆในระยะยาว เพื่อส่งไม้ให้น้องๆรุ่นต่อไป ที่ไม่ต้องเริ่มต้นใหม่เมื่อรับหน้าที่แทน มากกว่าที่จะไป

เพราะสอบภาษาอังกฤษได้ สอบได้แล้วเป็นไง ไปแล้วอาจเอาตัวไม่รอดก็ได้ จะไปทำอะไรอย่างใจนึกก็ไม่ได้เพราะภาษาอังกฤษ

ไม่เป็นใจ ผมชักงงตัวเอง ทำไมมามีอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องภาษา ทั้งที่ตัวเองไม่เป็นภาษา ปล่อยให้คนอื่นเค้าว่ากันไปดีกว่า 5555

ขอแสดงความเห็น ข้อความที่ 902 ให้รอลุ้นระทึกอยู่หลายวันโผ่มาทีผวาในคารมภ์ เรื่องไปโพสพวกเราต้องกล้าคิดและก็ต้องกล้าไป ถูกต้องเลยครับเป็นตัวแทนที่ไปทำงานเพื่อประเทศชาติ เป็นอันดับแรก ผู้ที่ถูกคัดเลือกแล้วย่อมมีความเหมาะสมทุกประการ แต่พวกเราส่วนใหญ่ดูแล้วยังอยู่ในวัยเยาว์ มาร่วมกันสั่งสมประการให้แก่กล้า เมื่อถึงเวลาได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมั่นใจและอย่างเต็มความสามารถ

แต่ตอนนี้ ช่วยกันมาโพสก่อนนะ ชอบอ่านความคิดอันหลากหลายเพื่อเสริมปัญญาอันต่ำต้อย(ของผมคนเดียว) อักษรแต่ละตัวที่สมาชิกลิขิตออกมา ได้มีการกลั่นกรองจากรอยหยักในสมองแล้วระดับหนึ่ง สามารถบ่งบอกนัยยะ ที่ร่วมกันช่วยสร้างสรรค์ ตามระบอบประชาธิปไตยเชิงสร้างสรรค์ “ประชาธิปไตยคิดเห็นต่างได้” การเมืองจนได้ก็ทำไงได้อยู่เมืองก็ต้องการเมือง จะหลีกหนีได้อย่างไร

ดีคับ เพื่อนๆ พี่ ๆ น้อง

ขอความกรุณาแจ้งผลการรับ SMS ประจำรุ่นด้วย ว่า ได้รับข้อความครบถ้วนทุกคนหรือไม่ หากใครเปลี่ยนเบอร์

กรุณาแจ้งครับ จะได้ปรับปรุงให้ทันสมัย

ใครมีข้อความให้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับในรุ่นแจ้งให้ทราบด้วย จะได้เวียนทราบต่อไป

ขอบคุณครับ

to..pee ter and member

Pung recieved SMS yesterday. If there is new or interesting information also sends a massage to me all time.

Besids, all of us also can contact with each other in blog of professor dr.Jira as well. While, persons who are usually busy with their own work may try to talk with friends in order to share common idea.

**pung**

According to my writting, I used error grammar so I will change some sentense. That is, I will add word that you behind information and cancell full stop and while then chang being and.

**pung**

สวัสดีครับเพื่อนพ้องน้องพี่ทุกท่าน

ขอบคุณมากเลยน้องเต๋อ พี่แป๋ง และน้องมิตร ระบบ SMS ได้รับเรียบร้อยตั้่งแต่การทดสอบครั้งแรก ขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันคิดค้นนวัตกรรมในการสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเราให้มิตรภาพยั่งยืนตลอดกาล คงเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสื่อสารกันนะจ้ะ

ใครที่ยังไม่ได้แจ้งเบอร์มือถือ รีบแจ้ง 3 หนุ่มเมืองทองด่วน

คิดถึงทุกคนตลอดเวลา/ปธ.ติ่ง

ปล.เพิ่งกลับจากบรรยายปลัดอำเภอ 128 อำเภอตามแนวชายแดนและกำลังจะเดินทางไปหาดใหญ่จ้าๆๆๆๆ รีบบอกเรื่องสำคัญเมื่อวานผมมีโอกาสได้พบท่าน อจ.จีระ ซึ่งท่านฝากคิดถึงทุกคน ช่วยกันบอกต่อด้วย อจ.บอกว่าเจอกันที่มวกเหล็ก ปลาย มี.ค.53 เตรียมตัวกันให้พร้อมนะพวก

สวัสดีครับ พี่เพื่อนน้อง

หลังปั่นรายงาน ๔ กระเบื้อง มีเวลาช่วงบ่ายเล็กน้อยก่อนออกไปจ่ายค่าผ่อนรถ...เฮ้อ

ท่านสตีฟแป๋ง/มิตร (กระทู้ ๙๐๐) ทราบข้อมูลอาหารละเอียดยิบจนผมจำสูตรไปทำเองได้แล้ว

ห่อฝากรถทัวร์ ๙๙๙ ฝากผู้ใหญ่ที่มุกดาด้วยเด้อ หากวันที่ ๑๐ ข้อยไปบ่ได้

ท่านเต๋อ...หนุ่มเมืองทองเจ้าของนวัตกรรม เอส.เอ็ม.เอส ได้รับข่าวสารแล้วจ้าตั้งแต่ช่วงทดลอง

แล้วล่ะ ขอบคุณและสนับสนุน แต่อย่าลืมแวะเข้ามาบล็อคนี้ด้วยละ

คุณ "PUNG" (๙๐๕) ช่วยแปลศัพท์ยากเช่นเดิมด้วยหน๊อย เผื่อบุญพาวาสนาส่งอาจได้ไปโพส

ทูมอโรว์ตามที่หลายท่านแสดงความเห็นไว้มั่ง (กำลังพยายามอยู่)

มีความสุขในการทำงานวันศุกร์หรรษาทุกท่านเช่นเคย

ผู้ใหญ่มุกดา

สวัสดี วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 (สุดสัปดาห์ได้พักผ่อนกันบ้าง) ได้ข่าวมีเพื่อนจากอันดามันกำลังเดินทางเข้ามาทำภาระกิจที่ส่วนกลางไม่มีโอกาสไปตอนรับ ฝากเพื่อนๆดูแลด้วยครับ

พ่อใหญ่ ภาษาอังกฤษ ช่วยๆกันแปลดิ เปิดดิกกันหน่อย อ.ผึ้ง อุตสาห์ให้ฝึกตามที่ขอแล้ว ไม่กี่ประโยคเองนะท่านนะ

ตอบผู้ใหญ่มุกดา

pungถามหน่อยว่าที่มุกดาหารมีร.ร.เซนโยหรือ เซนคาเบรียลระดับปฐมวัยมั้ยจาแนะนำให้ผู้ใหญ่มุกดาไปสอบเข้า

ดูแล้วน่าจะอยู่ในเรเว่วนี้นะภาษาน่ะเริ่มท่องตั้งแต่ abcdef เลยพื้นฐานจะด้ายแน่นปื้ก

ส่วนเรื่องไปโพส..ทูแดย์ (หรือเปล่า?) พี่โยฝากบอกว่าข้ามศพพี่โยไปก่อนนะถ้าอย่ากไปน่ะ

ส่วนเรื่องให้แปล ไม่ทราบว่าคำใหนเพราะไม่มีคำยากส์เลยยนะ

ทั้งหมดนี้ล่อเล่นนะจ๊ะ

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน

        ยังจำเพื่อนร่วมรุ่นคนนี้ได้หรือเปล่าจ๊ะ ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้เข้ามาคุยใน blog นี้เลยตั้งแต่จบหลักสูตร แต่ก็เคยเปิดเข้ามาอ่านข้อความของเพื่อนๆ บ้าง เนื่องด้วยมีภารกิจหลายอย่างที่ต้องจัดการ ตอนนี้เริ่มเบาบางลงแล้ว  และเมื่อวันก่อนโดน ปธ.ติ่ง ต่อว่าเรื่องที่ไม่ได้เข้ามาใน blog  วันนี้เข้ามาแล้ว ฝากถึง ปธ.ติ่ง ทราบด้วย 

        ได้รับ sms ของรุ่นแล้วตั้งแต่วันทดสอบ  ขอบคุณมากที่เพื่อนๆ ช่วยกันทำช่องทางนี้ ดีมาก รวดเร็ว สะดวก ยอดเยี่ยม ต่อไปนี้พวกเราจะไม่ตกข่าวกันแล้วน๊ะ

         คิดถึงทุกคน  แล้วจะพยายามเข้ามาคุยอีกน๊ะ...แป๋ว

ได้รับ sms แล้วค่ะ ขอบคุณผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ทำให้เราไม่ขาดการติดต่อกัน รับทราบการนัดหมายทานข้าวกลางวันเรียบร้อย แล้วพบกัน คิดถึงทุกคนเช่นกัน

อารมณ์

สวัสดี วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 วันนี้เมื่อ 40 ทศวรรษ กับอีก 5 ปี ที่แล้วมาเป็นวันที่ผมได้ออกมาเปล่งเสียงเป็นครั้งแรกในชีวิต มีความภาคภูมิใจครับที่เป็นคนไทย และยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะ.........

ปล. This is a book.

.........ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่

เว้นไว้แต่ ต้นทุน บุญกุศล

ทรัพย์สมบัติ คงทิ้งไว้ ให้หมู่ชน

แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ

.........เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า

ใยมัวเมา เอาแต่สุข สนุกไฉน

มาตัวเปล่า แล้วเจ้า จะเอาอะไร

เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา

.........ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่

เว้นไว้แต่ ต้นทุน บุญกุศล

ทรัพย์สมบัติ คงทิ้งไว้ ให้หมู่ชน

แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ

.........เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า

ใยมัวเมา เอาแต่สุข สนุกไฉน

มาตัวเปล่า แล้วเจ้า จะเอาอะไร

เจ้าก็ไป ตัวเปล่า เหมือนเจ้ามา/.

หัวข้อนี้โพสจากกระดาน สนธยาวาไรตี้ http://www.sonthayaonline.com/forums/, ลิงค์ URL:http://www.sonthayaonline.com/forums/viewthread.php?tid=1274

หวัดดีจ๊ะเพื่อน ๆ ป้าตุ๋ยขอยืนยันว่าได้รับ sms เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณน้อง ๆ และเพื่อน ๆ ที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ที่ดีขึ้นอีกก้าวหนึ่ง ฝากข่าวถึงพ่อใหญ่คำมาแห่งมุกดาหาร สบายดีนะ ฝากถามอีกข้อหนึ่งนะข้อความที่ 913 คือผู้ใดคะ ดูท่าทางจะรักชาติมากแต่ไม่ยอมแสดงตน เพื่อน ๆ จะรู้ไหมเนี่ย ส่วนวันที่นัดหมายทานข้าวกัน ถ้าว่างจะตามไปร่วมแจมด้วยจ๊ะ

Hello.... Sunday 7, Fabary 2010

There are seven days in a week, and in blog there is the innovation.

หวัดดีเพื่อน ๆ ทุกคน

1. ได้รับ SMS เรียบร้อยแล้ว ขอบคุณ CALL CENTER ประจำรุ่น ที่ให้บริการส่งข้อความให้กับเพื่อน ๆ ในรุ่น เห็นเมนูที่เสนอมาแล้ว รู้สึกหิวขึ้นมาทันที วันพุธนี้ขอได้ด้วยคน และยังมีผู้ติดตามอีก 2 คน คือ น้องจู่ม และพี่ลักษณ์ อ้อ...เราขอแจ้งเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ด้วย เป็นเบอร์ 086 - 980 - 8111 โอกาสต่อไปให้ส่ง SMS ที่เบอร์ใหม่ได้เลยนะจ๊ะ

2. สำหรับเรื่องที่ สข. เปิดอบรม Talents รุ่น 2 ในวันที่ 15 ก.พ.53 นั้น ได้รับแจ้งว่า เลื่อนการเปิดอบรมหลักสูตรไปก่อน เนื่องจากเป็นเพราะผู้สมัครเขารับการอบรมมีน้อย คงจะเป็นประมาณเดือน พ.ค.53

คิดถึงเพื่อน ๆ ทุกคน

.... ณา ....

แก้ไข ข้อความ 917 ผู้ติดตามคือ น้องจุ๋ม นะคะ

สวัสดีสมาชิกทุกคน

ก่อนอื่นต้องขอ Happy Birthday ย้อนหลังให้กับพี่แป๋ง ด้วยเด้อ!! มีความสุข ร่างกายแข็งแรง และมีพลังในการสั่งสมองค์ความรู้ตลอดกาล ผมเพิ่งเดินทางกลับมาจากหาดใหญ่เพิ่งถึงบ้านตอนทุ่มหนึ่ง พอว่างก็เลยเปิด blog ดูเผื่อเพื่อนๆ จะแอบเม้าท์ตอนเราไม่ว่าง อิๆๆๆ ล้อเล่น

เสาร์-อาิทิตย์นี้ไปติดอาุวุธทางปัญญาให้กับพี่น้องไทยพุทธจากปัตตาีนี ได้ร่วมงานกับ Talented สาย จชต. ครบทั้ง 4 คน งานนี้น้องก้อยฝากคิดถึงผู้ใหญ่..มุกดาฯ ด้วยเด้ออ้าย น้องก้อยบอกว่าเป็นโฆษกงานเลี้ยงคนเดียวเหงา คิดถึงท่าน ส่วนน้องสตีเว่น ซีกัล (งงกันละซิ น้องภคินไหง นับว่าแกจะเหมือนพ่อดาราเมืองนอกไปแล้ว ตอนนี้กำลัง Change Place&Position งานนี้น้องชายเราใช้ความรู้ที่สั่งสมมาไปใช้เต็มที่แน่นอน) ส่วนน้องพงษ์สิทธิ์ หนุ่มน้อยหน้ามลลำเพยมาว่าเสียดายวันพุธ ไม่ได้ขึ้นมาแจม แต่ผมพร้อมเดินทางไปรีเฟรช ช่วงปลาย มี.ค.แน่ครับเพ้!

ขอบคุณเพื่อนๆ หลายๆคน ที่เริ่มแวะกลับมา ทั้งประเภทที่มาเองและต้องคุกคามให้มา อ๋อ! ล้อเล่นจ้า ไม่ต้องกังวลน่ะจ้ะ มีเวลาก็เข้ามาเลย ไม่มีเวลา แวะมาเปิดอ่านที่พวกเราโพสต์กัน ก็ดีใจแล้วจ้า ตอนนี้ทะลุ 5,000 แล้วจ้าพี่น้อง

!!เจอกันข้อความหน้าเด้อพี่น้อง!!//ปธ.ติ่ง

ปล.วันพุธนี้หากใครว่างช่วยกันกระจายข่าวด้วย แล้วแจ้งมาด้วย จะได้สำรองที่นั่งจ้า ผมไม่อยู่ฝากข้อความไว้ก็ได้ เพราะจันทร์-อังคารที่จะถึง ผมมีคิวรอประชุมพอท้วมๆๆๆ ทั้งสรุปบทเรียนจากการ Site Visit เอ้ย และอื่นๆอีกมากมาย (เป็นเพลงเฉลียงไปซะได้)

ตอนนี้ชายฝั่งทะเลอันดามัน อากาศร้อนมั่กๆ,เลยไม่ได้เข้ามาแจมกับ ชาว talented # 1 และเป็นห่วงสถานการณ์หิมะถล่มที่กรุงวอชิงตัน ดีซี...กลัวคนแถวนั้นหนาวตาย สาธุ...ขอให้อยู่รอดปลอดภัย...เข้ามารายงานตัวน่ะครับ,,,

ตอบป้าตุ๋ยขอรับ ขอความที่913ผู้ไม่แสดงตนนั้น คือ ท่านพี่ของMr.Mขอรับป้าตุ๋ย ทราบแล้วเปลี่ยนZZZZZZZZZZ

สวัสดีเช้าวันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 จันทร์สวัสดีขอรับ สบายดีกันทุกคนน่ะขอรับ ขอมือขวาหน่อย!....

สวัสดีสมาชิกทุกท่าน

ขออนุญาติรายงานตัวล่าสุดครับ และเรียนเชิญทุกท่านเยี่ยมชมที่ทำงานใหม่ของ ศป.ข.ภาค 1

Hello.......Monday February 8, 2010

I am thank you President of Talented – 2009 (ติ่ง) and my friend for wish well word.

เพื่อน ๆ หากเป็น talent กรุณาแสดงตัวด้วยนะ

for communication, whic is effective within our group

**pung**

ช่วยๆกันมาโพส สเน็ก ฟิชๆ

I must applogize(ขอโทษ) for member at not body , If your give precedence(เห็นว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญ) , I think must search for(ค้นหา) and try to understand(ทำความเข้าใจ)

in body and important(สำคัญ) your also discover, be who.

Where there is a will, there is a way = ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

คอนนิจิวะ เพื่อนพ้องน้องพี่

ไม่ทราบช่วงนี้รุ่นพี่เราเรียน "พัฒนาภาวะผู้นำ" กับ อจ.จีระ จบหรือยังนะ คนบ้านไกลก็งี้แหละตกข่าวตาหลอด

-ท่านแป๋ง..เจริญธรรม..โชคดีไม่เจ็บไม่จนนะ อวยพรวันคล้ายวันเกิดย้อนหลังไป ๓ วัน ไม่ว่ากันนะ..เพราะผู้ใหญ่

เดินทางล่วงไปปีหนึ่งแล้วอาจหลงลืมไปบ้าง

-คุณผึ้ง สอนภาษาผู้ใหญ่นะแปลแบบข้อความที่ ๙๒๖ นะถูกต้องแล้ว เออว่าแต่คำว่า "I Must" นี่แปลว่าอะไรหล่ะ

ส่วนที่รองโยให้ข้ามศพหากจะไปโพสต์ทูเดย์ ผู้ใหญ่ข้ามยากน้ำหนักเกิน ๒ คนรวมกันเกือบ ๒๐๐ โล หาวิธีอื่นได้ไหม

-ขอบคุณก้อยที่อุตส่าห์ฝากความคิดถึงมากับ ปธ.ติ่ง ผู้ใหญ่ระลึกถึงเช่นกัน ช่วยรักษาด้ามขวานไว้ให้ดีนะจ้ะ

-สำหรับป้าตุ๋ย อยู่ในใจเสมอฮู้บ่ (ต่าย อรทัย) ไปดูพญานาคเผื่อแล้วไม่เจอ รอดูบั้งไฟพญานาคออกพรรษาแล้วกัน

-คิดถึงเพื่อนรุ่น "ขอไปที ๑" ทุกคน เชษฐ์/นาวิน/ปู/เกี๊ยะ/ลักษญ์"

และทุกๆท่านที่เอ่ยนามไม่หมด

งานเลี้ยงพรุ่งนี้ผู้ใหญ่มุกดาขอตำจอกกลางอากาศ..รอไประบายที่มวกเหล็กเดือนหน้า...แฮ่ม

ผู้ใหญ่มุกดา

ปล.ข้อความอื่นมีสลับความรู้/วิชาการบ้าง แต่ผู้ใหญ่หนักไปทางแซวชาวบ้านขออภัยด้วยเด้อ

Hello….Tuesday February 9, 2010

Brave actiuons never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้

Man has gregarious habits. = มนุษย์ชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเป็นหมู่คณะ

Absence makes the heart grow fonder = ตัวไกลใจอยู่ยิ่งไกลก็ยิ่งรักกัน

ปล.ลอกเค้ามาผิดถูกอย่างไรช่วยกัน

ดีคับ.........พี่ๆ น้อง ๆ ดีใจคับที่เราได้กลับมาติดต่อกันได้เยอะขึ้นครับ

ยังไงว่างๆ ช่วยตอบกันบ้างนะ เข้าใจว่าแวะมาอ่านอย่างเดียวนะเยอะมาก

คิดถึงนะครับ

ขอบคุณ......นวัตกรรมใหม่ที่ทำให้พวกเราไม่หลุดข่าวสารสำคัญ ๆ

เต๋อ..เอง

หวัดดีจ้า

       พรุ่งนี้แป๋วและอุ๋ยไป "กินข้าวบ้านเพื่อน" ด้วยน๊ะ  วันนี้เห็นร้านแล้ว โธ่เอ๊ยผ่านอยู่ทุกวันนี่เอง  อ้อ..ณาแจ้งว่า นัดรวมตัวกันหน้าประชาสัมพันธ์ 11.00 น. ไปกันเยอะๆ น๊ะ

หวัดดีเพื่อนทุกคน

ดีใจมากๆๆ ที่ได้รับการตอบรับด้วยดีกับการฉลองวาเลนไทน์ของพวกเรา 5555 วันนี้น้องมิตรโทรมาสอบถามว่ามีสมาชิกเท่าใด จะได้สำรองที่นั่งไว้ล่วงหน้า ผมเลยแจ้งไป 20 คน พรุ่งนี้กะให้สั่งอาหารเด็ดๆ ไว้รอสักสองหรือสามอย่าง จะได้ไม่เสียเวลา เอาแบบคนสวยหรือคนหล่อกินได้ คนไม่สวยไม่หล่อกินดี อ๋อ! ล้อเล่น

เจอกันพรุ่งนี้ทุกคน//ขอบใจจริงๆ//ปธ.ติ่ง

ปล.ขอบคุณมิตรรักแฟนเพลงที่อยู่ต่างจังหวัดที่ส่งกำลังใจมาร่วมงานพรุ่งนี้ โดยเฉพาะท่านผู้ใหญ่

สวัสดีวันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 พุธสวัสดีครับ

อย่าลืมTalenTพุธหรรษากับ "กินข้าวบ้านเพื่อน" ครับผม

Hello…..Wednesday February 10, 2010

Every obstacle is surmountable. = อุปสรรคทุกอย่าง ย่อมผ่านพ้นไปได้เสมอ

ตอบผู้ใหญ่มุกดา

I must แปลว่า ฉันต้อง (เป็นverbช่วย จะใช้ตัวนี้ต้องเป็นการบังคับที่แรงกว่า have to)

ปล.ยังไม่ได้ตอบเลยว่าจะเรียนภาษาอังกฤษเรเว่วใหน check แล้วผู้ใหญ่อ่อนภาษามาก อย่าควันออกหูนะจ๊ะ..

ตอนนี้ I still have to keep practicing all time as It is too difficult to ignore.

ส่วนข้อความที่ 928 If you do not want to show yourself I also do not worry but, I will not seek and hide with you because I really has no time.

**pung**

สวัสดีครับเพื่อนพ้องน้องพี่ ทาเล้นเต็ด สองศูนย์ศูนย์เก้า รุ่นแรกพิมพ์นิยม

-ปธ.ติ่ง รอสรุปผลงานเลี้ยงพุธหรรษาเมื่อวาน...ขอบคุณทุกท่านที่ระลึกถึงผู้ใหญ่

มีป้าตุ๋ยไปร่วมด้วยอุ่นใจแน่ๆ (เดี๋ยวโดนแซวกลับอีก)

-คุณผึ้ง จริงๆ แซวกันเล่นนะ แต่ขอบคุณคำตอบ เก้าสามสี่ อย่างไรก็ตามอย่าลืมสรรหาเกร็ดความรู้

มาเป็นยาขนานเอกประเทืองปัญญาพี่น้องเรื่อยๆ นะครับ ขอบคุณล่วงหน้า

ผู้ใหญ่มุกดา

Hello….Thursday February 11, 2010

Guardianship has many responsibillitie. = การเป็นผู้ปกครองนั้นต้องมีความรับผิดชอบมาก

รออ่านความคิดเห็นอันหลากหลายของมวลสมาชิก อยู่นะคะ

to..pee ter and pang

Pung has bought an english book and we all help me to find how to give us this book quickly or will contact 484 number (pung,within) In addition, mugdahan's poyai should be interested in it as, it is important for person who lack of english knowlege a lot because it has 514 basic grammar's rule

ปล.คห.934 I have ,not I has because it is exception in english such as I have you have

**pung**

Hello…..Friday February 12, 2010

All men naturally desire to know. = มนุษย์ทุกคนย่อมอยากรู้โดยธรรมชาติ

สวัสดีสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

วันนี้ผมได้รับการติดต่อจากท่าน อจ.จีระ ว่าปลาย มี.ค.53 เจอกันแน่ๆๆ ท่านฝากแจ้งล่วงหน้าว่าจะให้พวกเราช่วยกันตอบแบบสอบถาม ซึ่งทีมงานของ อจ.จะส่งมาให้เร็วๆนี้ และจะมีการ Coaching เพิ่มเติมในบางประเด็น ขอให้พวกเราเตรียมพร้อมไว้ได้แล้ว เพื่อให้เกิดความรู้อย่างต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง แต่ไม่รู้จะบ้าคลั่งหรือไม่ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละคน ไม่ว่ากัน

มีความคืบหน้าประการใดผมจะแจ้งให้กับทุกคนทราบจ้าๆๆๆ รักนะจุ๊บๆๆ/ปธ.ติ่ง

Today, poyai of mogdahan seem to be so quiet that I think that he may busy with his own work. In fact, he may be planing to do what he want. Howover, other friends are likely to be like him. that is, they are thinking about themselves or not only personal life that is under pressure in something bus also other life that is sounding people.

In other word,why do not other friends react to enjoy in their life at all? Bus, I know that they have frequently read in a blog.

พ่อใหญ่ I พูดถึงอยู่นะจ๊ะ ฮิ ฮิ

** pung**

จะบอกว่า Surrounding people แปลว่าคนรอบข้าง

วันนี้เงียบจังแฮะ ไปก่อนนะจาไป buy ของกิน

**pung**

สวัสดีวันเสาร์ (วันไหว้เจ้า)

น้องผึ้งคะ ขอบคุณมากที่เพิ่มพูนภาษาอังกฤษวันละคำและหลายคำให้กับพี่ ๆ ทะเล้น เอ้ย! talented 2009 ทุกคนที่เข้ามาเปิดอ่าน รวมถึงป้าตุ๋ยด้วย thank you very much.......

Happy valentine's day เพื่อน ๆ Talented ทุกคน ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรักนะจ๊ะ

หลังจากได้พบปะ ทานข้าวกันเมื่อวันพุธ ทุกคน Happy มาก ขอบคุณผู้ดำเนินการส่งข้อความ จัดหาร้านอาหาร

และสั่งอาหารให้พวกเราทาน อาหารอร่อย แล้วพบกันเดือนหน้า

Hello…..Sunday February 14, 2010

ซินเจีย หยู่อี่ ซินลี้ ฮวดไช้ and Happy valentine's day

Happyness belong to the contented. =บุคคลจะมีความสุขหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพอใจ

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 ตรุษจีนสวัสดี/วาเลนไทน์สวัสดี

ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้ ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ ปีใหม่ขอให้ทุกอย่างสมหวัง ปีใหม่ขอให้ร่ำรวย

การได้รักเป็นเรื่องขี้ผง การถูกรักเป็นเรื่องของอะไรบางอย่าง ส่วนการได้รักและการถูกรักเป็นทุกอย่าง

ความรักก็เหมือนปูนเปียกๆ ยิ่งคุณอยู่นานเท่าไหร่ก็ยิ่งติดหนึบ จากไปไม่ได้เท่านั้น และคุณจะไม่มีวันจากมาได้เลย โดยที่ไม่ได้ทิ้งรองเท้าไว้ข้างหลัง

การที่ได้รักคือการเสี่ยงว่าจะไม่ได้รับความรักเป็นการตอบแทน การตั้งความหวังคือการเสี่ยงกับความเจ็บปวด การพยายามคือการเสี่ยงกับความล้มเหลว แต่ยังไงก็ต้องเสี่ยง เพราะสิ่งที่อันตรายที่สุดในชีวิตก็คือการไม่เสี่ยงอะไรเลย

It is surprising more than every day only because I do not find who here all of whom, cannot spend time talking what we like but, most of talented friends may be used to speaking in face to face more. On the other hand, I observ that they seem to have happy especially when, they take many kinds of foods that are delicious. Naturally,it should help them forget anything in life temporary.

Actually, writing of me with english language because of geting 600 score Toefl in the future but, it is hard to do this thing. However, I will not regret if it is not successful as, I need to set higher goal so that I will attemt completly.

**pung**

Hello……Tuesday February 16, 2010

Make hay while the sun shines = น้ำขึ้นให้รีบตัก

10 วันอันตราย เชื่อว่าพวกเราเลือกข้างแล้ว ขออยู่ข้างความถูกต้อง ผู้ใดทำร้ายประเทศชาติ ขอให้วิบัติ

สวัสดีวันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 ครม.สวัสดี (คตม.=คณะติดตามสถานการณ์ความมั่นคงสวัสดี)

การทำงานด้วยน้ำใจรักต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ใครเห็น

ก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้นจะเป็นประจักพยานที่มั่นคง ที่พูดเช่นนี้ เหมือนกับ

สอนให้ปิดทองหลังพระ การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด

ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่า

ไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย

พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตร

ของจุฬาลงกรณ์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วันที่ 25 กรกฎาคม 2506

วันนี้หวยออกหายไปไหนกันหมดคะ

Hello…..Wednesday February 17, 2010

Actions speak louder than words = ทำดีกว่าพูด

เข้ามาก็มีแต่ความว่างเปล่า ไม่ทำให้พวกเราเกิดจิตนาการในการคิดสร้างสรรค์เลยอ่ะ คิดนะคิด....หรือจะแบบว่า

To take something with a pinch of salt = ฟังหูไว้หู ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ

พญานาค (King of Nagas)ที่มุกดาหารก็เงียบหาย / เทพวิศรุต ก็ไม่มาเหลียวมอง

Do as Romans do when you are in Rome = จงทำตัวให้เหมือนคนโรมันเมื่ออยู่ในกรุงโรม....หรือ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม

to.. talented group's president

Before, we always speak only Thai language without practicing foreinge language. I think that we may have to begin doing new different thing . Therefore, Aploximately 1 month I will start speaking english language with the president who should be the first person becuase there are major two reasons that is the president has just congradulated inter section and you are the leader.Lastly, this is one of good changing that we really desire.

**pung*

รู้สึกperiod timeนี้จะมีแต่ขาประจำนะพี่pang อย่าเพิ่งน้อยใจ (คห.952)

เพราะสิ่งที่พี่ทำมันดีอยู่แล้ว grammarเป็นงัยมั่งไม่เห็นdepictsให้ฟังมั่งเลย พี่terด้วยนิ เงียบเลยส่งสัยหมกหมุ่นกับการอ่านnovelหนังสือ (ที่อาจทำให้ปวดheadได้ทุกเวลา ฮิ ฮิ)

pung

Dear All & answer to pung

Good afternoon my classmate,i accepted pung's requirement about english practice program for 1 month but i'm not sure that you may be confuse about my english style. Hence,i think we should practice it forever and then we ought to practice in speaking too.

I just recieved Prof.Dr.Chira that he told me about our Talented 2009 program at Prachanarch Training Center on March 22-26,2010 after that their teamwork will send us about questionnaire.

At the end,i wish we are happy and ready for it. Please keep in mine that everything we can do and we will reach the successful if we have sustainability relationship together.

Best regard,Mr.Ting

to..President

I agree with what you make an opinion above all and are also delighted so much that I will not express it alone. Althouth,I or you may always make grammartical errors It is usual for people who do not is native speaker.

However,it indicate english language skill start to be used by some persons of talented group unavoidably. At the same time, other persons who, may have been forcing themselves continuosly ,will do like us after that because there are many people are interested and must use it in the future.

thank you so much

**pung**

เออ pee ting คะ pung หมายถึงว่าอีกประมาณ 1 เดือน จะเริ่มพูด ไม่ใช่อยู่ในโปรแกรม 1 เดือนนะ แต่จะพยายามพูดตลอดไป(บางเวลาก็หลบเลี่ยง ฮิ ฮิ)

may be confuse about my english style หมายถึงภาษาอังกฤษของ pung หรือ ของ peeting ?

อีกข้อก็คือ ถ้าpee tingจะกรุณา เขียนเป็นภาษาอังกฤษไปตลอด จะดีก่วานะ จะยินดีเป็นอย่างยิ่ง

รวมถึงเพื่อนคนอื่นด้วย (pee pangพยายามอยู่นิดห่ยอน pee ter ได้ข่าวว่าซุ่มซ้อมฟุตฟิตฟอไฟทุกวัน )

เป็นแบบอย่างที่ดี ..แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงหาใครเสมอเหมือน??? รู้สึด Motivate เรื่องนี้โดยเฉพาะ เพราะเป็นการ think out of the block (เพราะต่อไปจะมีอีกหลายรุ่น) จะเกิด relative with กลุ่มอื่น อีกข้อเราเป็นกลุ่มแรก น่าจะเป็นแบบอย่างให้ next generation (for my idea เมื่อเรามองย้อนกลับมา จึงรู้ว่าทุกอย่างจะถูกrecordจนเกษียน)

แต่สงสัยว่า หายไปหนายกันหมดก็ไม่รุ poyai ก็หายด้วย ใต้ อีสาน และในกรรมหายเข้ากลีบเมฆไปเลย ปกติชอยแสดงความเห็นกันนีน่า หรือจะเป็นเพียง observer อย่างเดียว (แจ้งข่าวนู๋pog เหนือก่อนนี้ติดธุระ her fatherบางประการเลยเข้าใจ ยัง contact กันเป็นระยะ) (แต่ยังงัยเราสองสามคนจะกลายเป็นหน้าม้าอยู่แล้ววเพื่อนๆ รีบติดต่อด่วน (เสียงในฟิล์มเอ้ยภาษาไทยก็ได้)

We will survive ...

ขอแก้ไข grammar คือ เปลี่ยนเป็น does not is และ may has been forcing เพราะsunject เป็นเอกพจน์ ส่วนของpee ting ยังงัย I ต้องเป็นตัวใหญ่หมด เท่าที่เห็นของpee ting ก็ errorเยอะ (ห้ามโกรธกันนะ เพราะเราต้องไม่มี egotism คือของpung รู้ตัวเองได้เท่านี้ แต่ของpeetingรู้ว่าอะไรบ้าง)

ขอบคุณ Khun PUNG ที่ยังระลึกถึง POYAI แห่ง King of Nagas

ยังติดตามข่าวสารอยู่ทุกครั้งที่มีโอกาส ตามความเห็นของคุณผึ้งเกี่ยวกับ practicing foreinge language

นั่นแหละ แต่ค่อยปรับเปลี่ยนนะดีแล้ว ถ้าเปลี่ยนทีเดียว POYAI มีหวังข้ามไปอยู่เมืองสุวันนะเขด

(สะหวันนะเขต) แน่

มีความสุขกับ ๑๐ วันอันตรายทุกท่าน

ผู้ใหญ่..มุกดา

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 /Hello...Thursday February 18, 2010

ลีดดิ้ง ทุก แมสเซท ที่ โพสในบล็อก ชอบม๊าก..มาก Navin แห่ง ศป.ข.ภาค 1 ตอนนี้ถูกอบรม ก.พ.อยู่ที่เมืองกาญฯยังคอนเน็คเข้ามาขอทราบสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ห้องสมุดที่เคยอยู่ไกล ก็ไม่ไกลอีกแล้ว พวกเราเยี่ยมจริงๆ ถ้าเปิดเวลาเปิดโอกาสการเรียนรู้ซึ่งกันให้มากขึ้น และมากขึ้น เชื่อว่าสังคมของพวกเรามีความสุขอย่างยั่งยืนแน่ๆ ขอสนับสนุนผู้นำทุกท่าน

It is never too late to mend = ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น

เรียนpoyai และเพื่อนtalant

ช่วยcover ชื่อ pung เป็น english อย่างเดียวได้มั้ย ก็ cover ให้คนอื้นแบบนี้เหมือนกัน

According to trainers,I consider that it may impact on myself in something and protect myself in advance that is one of the best means on the time.

At for pee Ting may become upset more than other friends owing to my passege...just creeding..

**pung**

มีอะไรมาฝาก...ชาว talent

การปลุกพลังสร้างสรรค์ในตัวคุณ

1. ข้อคิดในการดำรงชีวิต

1) คนที่ร่ำรวย มีอำนาจ และประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เกิดจากพรสวรรค์ การศึกษา ความมีเสน่ห์ หรือเพราะมีโชคช่วย แต่เกิดจากการที่เขาเหล่านั้นตั้งใจ และเลือกที่จะมีฐานะร่ำรวย มีอำนาจ และประสบความสำเร็จ พวกเขาไม่ยอมให้พื้นฐานครอบครัว สรีระร่างกาย สภาวะแวดล้อม และบุคคลรอบข้างมากำหนดชะตาชีวิตให้พวกเขาโดยเด็ดขาด เขาเลือกที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นมากกว่ายอมทนรับกับสภาพที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่คนที่ดื้อรั้น หลอกตัวเอง หรือขวางโลกแต่อย่างใด แต่พวกเขารู้จักตนเองอย่างถ่องแท้ ยอมรับกับสภาพทั้งหมด และพยายามปรับแก้และพัฒนาสิ่งที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้น ปัจจัยที่ทำให้พวกเขาเหล่านั้นทำได้ก็คือ พวกเขาเหล่านั้นมองโลกในแง่ดี มีทัศนคติที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น และรู้ดีว่าตนเองการอะไร มีเป้าหมายในชีวิต มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และกว้างไกลว่าในอีก 5-10 ปี เขาอยากเป็นอะไร อยู่ที่ไหน มีสถานภาพอย่างไร คบคนประเภทไหน และมีความรู้สึกอย่างไรในสถานการณ์นั้น เป็นต้น

2) กล้าทำในสิ่งที่คนทั่วไปคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้และไม่กลัวความผิดพลาด

- ถ้าคุณคิดว่ามันไม่น่าจะทำได้แล้วล่ะก็ ให้ลองทำดูเลย เพราะถ้ายังไม่ลองแล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่า มันทำไม่ได้จริง ๆ

- คนที่ไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยลงมือทำ

- ทุกครั้งที่เราพลาดมันไม่ใช่ความล้มเหลว เพียงแต่มันยังไม่บรรลุผลเท่านั้นเอง

- ถ้าคุณไม่เคยหลงทาง คุณก็จะไม่มีวันไดัเรียนรู้เส้นทางใหม่ ๆ

ผู้แต่งเชื่อว่า การลงทุนกับชีวิตก็ต้องลองเสี่ยงดูบ้าง ของดีนั้นมันไม่ได้หามาได้โดยง่าย มันจะต้องอาศัยความอุตสาหะบากบั่น และความล้มเหลวก็เป็นหนึ่งในเงื่อนไขที่จะนำท่านไปสู่ความสำเร็จ คนเราจะไม่มีทางเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างถ่องแท้หากปราศจากการลองผิดลองถูก แต่เพื่อป้องกันการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ผู้แต่งแนะนำว่า เราควรเลือกทดลองทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น

2. ข้อคิดในการทำงาน

1) อย่ามัวแสวงหาและรอคอยคำชื่นชมแต่ให้เปิดใจรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ด้วยคำชื่นชมอาจทำให้เราดีใจได้เพียงชั่วครู่แต่มันก็แค่นั้น คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างหากจะช่วยให้เราพัฒนาสิ่งต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

2) เลิกโยนความผิดให้คนอื่น แต่จงยืดอกยอมรับทุกอย่างด้วยความเต็มใจส่วนคนที่ขี้ขลาดก็ดีแต่หาข้ออ้างและคำแก้ตัวเท่านั้น

การพยายามหาข้อแก้ตัว เช่น ผมน่าจะมีเพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง หรือเจ้านายที่ดีกว่านี้ หรือถ้าฉันมีเงินหรือเวลามากกว่านี้ งานก็คงจะไม่ออกมาเป็นแบบนี้หรอก เป็นต้น การแก้ตัวนอกจากจะไม่ช่วยให้สถานการณ์มันดีขึ้นมา มันยังจะเป็นการฝังความเชื่อที่ผิด ๆ เข้าไปในหัวว่า เราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้หากปราศจากผู้อื่น นอกจากนั้น การแก้ตัวและการโยนความผิดให้ผู้อื่นเป็นการแสดงออกถึงความไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีความรับผิดชอบ และไม่มีความเป็นผู้นำอยู่เลยเพราะยังคงทำตัวเหมือนเด็กที่คอยแต่จะโทษผู้อื่นอยู่ร่ำไป

3) อย่าหวงความรู้เพียงเพื่อต้องการจะยกตนเองให้เก่งกว่า ฉลาดกว่า หรือเหนือกว่าผู้อื่น จงรู้จักแบ่งปันความรู้ให้แก่ผู้อื่น ความรู้ยิ่งให้ไปจะยิ่งได้กลับมาเป็นทวีคูณเพราะอย่างน้อยมันก็เป็นตัวผลักดันให้เราค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติม หากเราหวงแหนความรู้กลัวคนอื่นจะเก่งกว่าจะยิ่งทำให้เรามีความรู้มุมมองอยู่ด้านเดียว ซึ่งเกิดจากการตีความของเราเองซึ่งอาจจะผิดก็ได้ นอกจากนี้ การมีความรู้มากกว่าคนอื่นไม่ได้เป็นตัวแสดงว่าเราเก่งหรือฉลาดแต่อย่างใดเพราะในความเป็นจริงแล้ว ความรู้ใด ๆ ก็ตามที่เรามี เราก็จดจำเขามาอีกทีเช่นเดียวกัน

4) อย่าหวังน้ำบ่อหน้า

คุณรู้ได้อย่างไรว่ามันจะมีบ่อน้ำบ่อต่อไป และคุณแน่ใจได้อย่างไรว่าน้ำในบ่อข้างหน้าจะดีอย่างที่คุณคาดหวังไว้ จงใช้ประโยชน์จากน้ำในบ่อนี้ที่คุณมีให้เกิดประโยชน์สูงสุดประหนึ่งว่า มันเป็นน้ำจากบ่อที่คุณต้องการและเป็นน้ำบ่อสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ เมื่อได้รับมอบหมายงานชิ้นใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ จะถูกใจหรือไม่ถูกใจก็ตาม จงทำสิ่งนั้นอย่างเต็มความสามารถ ประหนึ่งว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่คุณจะได้แสดงฝีมือ

5) เน้นจุดเด่น

จงเลือกนำเสนอจุดที่ดีและมีประโยชน์มากกว่าจะคอยวิตกกังวลกับจุดด้อยที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ เราควรให้ความสำคัญกับจุดเด่นที่เรามีมาก ๆ จนสามารถบดบังข้อด้อยที่เรามี แต่ทั้งหมดนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงและไม่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้อื่น

6) กำจัดมุมมองในแง่ลบทิ้งไป

อย่ามองคู่แข่งในแง่ร้ายแต่ให้ศึกษาว่า เขามีจุดเด่นตรงไหน เขามีอะไรบ้างที่เราไม่มี เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาตัวเราต่อไป

7) อย่าให้สัญญาในสิ่งที่คุณยังไม่มั่นใจว่าคุณจะทำได้

8) อย่ากลัวที่จะทำงานร่วมกับหัวหน้าที่เก่ง

คนที่เก่งมักจะมีจุดยืน มีความมั่นใจ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และเข้าถึงได้ยาก บางครั้งจึงดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ใส่ใจใครและถือเอาตัวเองเป็นใหญ่ คนจำพวกนี้ชอบคนที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และกล้าที่จะพัฒนาตนเอง ผู้แต่งเชื่อว่า มันเป็นการดีกว่าที่จะทำงานกับคนเก่งแม้จะยากและเหนื่อยหน่อย แต่เราจะได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวและเพิ่มขีดความสามารถของตนเอง จงเปิดใจที่จะเรียนรู้ทั้งมุมมอง แนวคิด และทัศนคติจากคนที่มีความสามารถ อย่าคิดว่าทำไมเขาถึงไม่เข้าใจเราหรือทำไมเขาถึงไม่คิดเหมือนเรา มันแน่ชัดอยู่แล้วว่าถ้าเขาคิดแบบเดียวกับเรา เราก็คงได้เป็นหัวหน้าแบบเดียวกับเขาไปแล้ว

9) คนที่ไม่ชอบความลำบากก็เป็นได้แค่ชาวบ้านทั่วไป

10) อย่าทำงานเพื่อหวังผลรางวัล คำชม หรือการยอมรับ และอย่ากลัวที่จะล้มเหลว การล้มเหลวจากการพยายามสร้างสิ่งใหม่ ๆ ยังดีเสียกว่าการประสบความสำเร็จจากการเลียนแบบผู้อื่น รางวัลและคำชมก็เป็นเพียงสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงกระแสสังคมในช่วงเวลานั้นเท่านั้น จงสร้างสรรค์ผลงานที่ยอดเยี่ยมและมีเอกลักษณ์โดยไม่จำเป็นต้องทำตามกระแสสังคมหรือลอกเลียนแบบใคร

11) จงใช้เวลาและสมองเพื่อพัฒนาองค์กร

หยุดพูดถึงองค์กรในทางที่ไม่ดี หยุดคบหาสมาคมกับคนที่คอยด่าว่าองค์กร และให้ย้อนถามตนเองว่า วันนี้เราได้ทำอะไรที่ช่วยพัฒนาองค์กรแล้วหรือยัง

12) ก่อนไปเจรจา เราจะต้องอ่านใจของอีกฝ่ายได้อย่างทะลุทะลวงแล้วว่า เขาจะตอบรับหรือปฏิเสธเรื่องอะไรบ้างและเราจะต้องรับมืออย่างไร

13) ถ้าทุกอย่างดูเหมือนราบรื่นอยู่ตลอดเวลา ให้รู้ได้เลยว่าเรากำลังวิ่งตามหลังคู่แข่งแล้ว

14) ในการสั่งงานหรือสั่งสอนลูกน้องเราจะต้องใช้เทคนิคในการเล่าเรื่องมาช่วย ลูกน้องจะจดจำได้ง่ายและสามารถเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

3. ข้อคิดในการมองโลกและการพัฒนาจิตวิญญาณ

1) ผลการเรียนดีไม่ได้รับประกันว่าเราจะต้องประสบความสำเร็จ คนที่ได้เกรดเฉลี่ยดีก็คือ เด็กที่จำได้แม่นและตอบข้อสอบได้ถูกมากกว่า เด็กที่จำไม่ได้และเกรดไม่ดีก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะไม่เก่ง การที่เขาจำไม่ได้อาจเป็นเพราะการเรียนการสอนน่าเบื่อ คนถ่ายทอดไม่เก่งเรียนแล้วไม่เข้าใจ หรือมันอาจเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ ฉะนั้น ปัจจัยแห่งความสำเร็จที่แท้จริงนอกเหนือจากความเก่งก็คือ ความมีใจรักในการทำงาน แรงจูงใจ และความมุ่งมั่นเอาจริง

2) ไม่มีทางลัดหรือไม่มีสิ่งใด ๆ ที่ได้มาง่าย และไม่มีสิ่งใดเกิดจากสุญญากาศ

3) คนเหนือคนจะพยายามต่อสู้เพื่อพัฒนาตนเองมากกว่าพยายามที่จะต่อสู้เพื่ออยู่เหนือผู้อื่น

4) คนที่เชื่อในสิ่งที่ฟังและสิ่งที่เห็นโดยทันที คนจำพวกนี้ขี้เกียจแม้แต่จะคิด ชอบด่วนสรุปและคอยแต่จะตัดสินผู้อื่นอยู่ร่ำไป

5) คนส่วนใหญ่เลือกที่จะมองและฟังแต่ในสิ่งที่ตนเองต้องการ พวกเขาจึงไม่สามารถมองความเป็นจริงตรงตามความเป็นจริงได้

6) การไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ไม่ได้รับประกันว่า คนที่ไปจะต้องเป็นคนดี หรือคนที่ทำงานอยู่ในอู่ซ่อมรถก็ไม่จำเป็นว่าเขาจะต้องซ่อมรถเป็น ฉะนั้น อย่าตัดสินคนจากภายนอก

******************************

Hello…..Sunday February 21, 2010

ขอบคุณบล็อกที่ 963 ที่นำสาระมุมมองด้านการบริหารโดยการครองตน ครองคน ครองงาน มาเพื่อเป็นแนวทางเสริมสร้างความรู้ ดีนะเป็นเวิล์ดไทยถ้าเป็นอิงลิชคงอ่านกันเหนื่อย

To take something with a pinch of salt = ฟังหูไว้หู ฟังแล้วคิดพิจารณาก่อนจะเชื่อ

Hello…..Monday February 22, 2010

As you sow, so you reap = ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว

เรียน เพื่อนแป๋ง

ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนนานพอสมควร กำลังทำความเข้าใจกับคำจำกัดความว่า คุณธรรมในการปฏิบัติงาน คุณธรรม

ในการบริหาร คุณธรรมในการดำรงชีพ อยู่ว่า ระบบคุณธรรมที่กล่าวอ้าง เป็นสิ่งที่สามารถปฏิบัติให้เห็นได้ จับต้องได้ หรือเพียงแค่

คำบอกเล่าที่สวยงาม แต่ไม่พบเจอในชีวิตจริง ไม่แปลกใจที่ส่วนราชการหลายๆที่ ถึงมีคนดีๆสมองไหล ไปอยู่ที่อื่น ประเภทคับที่อยู่

ได้คับใจอยู่ยาก และผู้บริหารของเราก็ต้องการให้ระบบคุณธรรมเกิดขึ้นอย่างจริงจัง เพื่อพัฒนาองค์กร ให้ทุกคนได้รับโอกาส เท่า

เทียมอย่างยุติธรรม ตายละวา ต้องหาคำจำกัดความของคำว่า "ยุติธรรม" อีกว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครบัญญัติคำ

ว่ายุติธรรม แต่ผมหาเจอแล้ว ยุติธรรม อยู่ที่ถนนรัชดาภิเษก ไม่ต้องไปหาที่ไหน เจอได้ที่เดียว

พูด/อภิปรายกันมาตลอดระหว่างเรียนรู้เรื่องการพัฒนาคน เพื่อพัฒนาองค์กร ถึงคุณธรรมของคนเป็นผู้บริหาร คุณธรรม

ระหว่างเพื่อนร่วมงาน แต่เอาเข้าจริงมันก้แค่การเรียนรู้ว่าต้องการให้เกิดขึ้นจริง แต่เมื่อไหร่ ยังไม่ได้กำหนด 5555 คุณน่ะทำ ผมป่าว

สนับสนุนกระทู้ 966

มุตโตทัย แนวทางปฏิบัตให้ถึงความหลุดพ้น พระธรรมเทศนา ขององค์หลวงปู่

ขันธะวิมุติ บทประพันธ์ขององค์หลวงปู่ โอวาทครั้งสุดท้าย บันทึกโดยหลวงปู่หล้า

โอวาทธรรม บันทึกโดยหลวงปู่หลุย จันทสาโร พระธรรเทศนา ที่แสดงแด่หลวงปู่ฝั้นเป็นครั้งแรก

หลวงปู่มั่นตอบปํญหาธรรมะ

ตอบปัญหาชาวโคราช ตอบปัญหาพระมหาเถร ตอบปัญหาชาวกรุงเทพ

" ....ท่านทั้งหลายจงอย่าทำตัวเป็นตัวบุ้งตัวหนอนคอยกัดแทะกระดาษแห่งคัมภีร์ใบลานเปล่าๆ

โดยไม่สนใจพิจารณาสัจธรรมอันประเสริฐที่มีอยู่กับตัว แต่มัวไปยึดธรรมที่ศึกษามาถ่ายเดียว

ซึ่งเป็นสมบัติของพระะพุทธเจ้า มาเป็นสมบัติของตน ด้วยความเข้าใจผิด

ว่าตนเรียนรู้และฉลาดพอตัวแล้ว ทั้งที่กิเลสยังกองเต็มหัวใจยิ่งกว่าภูเขาไฟ มิได้ลดน้อยลงบ้างเลย

จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่าๆ เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า

ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย"

....นี่คือคำสอนที่องค์หลวงปู่มั่นเคยพูดอยู่เสมอๆ

If we are interested to read good books, we can borrow at our library. This library has several books including economist, foreign affairs and many types of how to.these books will help us have more knowlege. At present, staff of library will provide us books more easily.that is we can call on telephone at 870 to 883,884 and then order wanted book. If we have another problem we are able to ask library's staff directly.

**pung**

ขอสนับสนุนความเห้น 966

"ทุกสิ่งทุกอย่างดูสวยหรู แต่พอดูให้ดี ก็มีรูเต็มไปหมด"

ระบบคุณธรรมจะเกิดขึ้นได้จริงรึ !

ให้ทุกคนได้รับโอกาส เท่าเทียมกัน .. เป็นอย่างไร ?

แต่...ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร เราก็ยังต้องทำหน้าที่ของเราต่อไป

ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น แต่เพื่อตัวเราเอง...จ้า

ไม่ได้เข้ามาแสดงความเห็นเสียตั้งนาน

แต่ได้ติดตามข่าวสารมาโดยตลอดนะจ๊ะ

ต้องขอบคุณ**pung**นะจ๊ะ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

อย่างน้อยก็มีการเปลี่ยนคำทักทายประจำวันเป็น English แล้ว

Thank you very much

สวัสดี วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 and Hello...Wednesday February 24, 2010

มีสิ่งดี ๆ มาฝากชาวTalent อีกแล้ว

เพื่อให้เกิดความสุข กำลังใจ และเข้าใจ (เป็นเรื่องที่สองแล้วช่วยทำความเข้าใจให้มาก ๆ เพราะหาข้อมูลนี้ที่ใหนไม่มีนะขอบอกนะตัวเอ๊ง)

สู่ความยิ่งใหญ่ขององค์กร

โดยกล่าวถึงเรื่องปัจจัยแห่งความสำเร็จในจัดตั้งและบริหารองค์กรให้มีความเจริญรุ่งเรือง มีประเด็นหลัก 6 ประการ ดังนี้

1. การสร้างวัฒนธรรมองค์กร

วัฒนธรรมองค์กรที่ดีเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่สามารถช่วยชักจูงบุคลากรที่มีความสามารถมาร่วมงานในองค ์กรได้ วัฒนธรรมองค์กรที่ดีมีลักษณะดังนี้

1) พนักงานทุกคนมีความสุขในการทำงาน และได้ท้าทายความสามารถของตนเอง

2) มีการปฏิบัติแก่พนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกันทุกคน ไม่มีระบบเส้นสายภายในองค์กร

3) มีการเปิดโอกาสให้แก่พนักงานมีส่วนร่วมในการวางแผนและการตัดสินใจ

4) ในการบริหารมีความยืดหยุ่นโดยการให้อำนาจแก่พนักงานในระดับหนึ่ง เพื่อให้พนักงานรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของบริษัท

สิ่งที่สำคัญที่สุด นอกจากการมีวัฒนธรรมองค์ที่ดี คือผู้นำต้องทำตามกฎเกณฑ์และวัฒนธรรมที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด เท่าเทียมกับพนักงานทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น

2. การมีบุคลากรชั้นเยี่ยม

การเลือกบุคลากรที่ดีมีความสามารถมาช่วยกันพัฒนาองค์กร บุคลากรชั้นเยี่ยมมีลักษณะดังต่อไปนี้

1) เป็นคนที่มีความกระตือรือร้นในการทำงาน มีชีวิตชีวา มีเป้าหมายในชีวิต มีความใฝ่รู้และเอาใจใส่ใจในการพัฒนาและปรับปรุงตนเองอยู่ตลอดเวลา

2) มีความน่าเชื่อถือ น่าเคารพ ให้เกียรติและรับฟังความเห็นของคนอื่น

3) ชอบแก้ปัญหา

4) ชอบที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา

- ในฐานะผู้นำในองค์กร ต้องสามารถแจกแจงคุณสมบัติของพนักงานในแต่ละตำแหน่งได้อย่างละเอียด และในใบประกาศรับสมัคร ควรมีคุณสมบัติของผู้สมัครในแบบที่องค์กรต้องการและควรมีวัฒนธรรมองค์กรระบุอยู่ด้วย วิธีการนี้สามารถตัดบุคลากรที่มีคุณสมบัติไม่ตรงกับตำแหน่งที่เราต้องการ หรือมีแนวทางที่ไม่ตรงกับองค์กร เพื่อเป็นการลดเวลาและขั้นตอนได้ในระดับหนึ่ง

- การเลือกบุคลากรควรเลือกคนที่มีแวว คนที่จะสามารถพัฒนาขีดความสามารถขึ้นไปได้อีก ในฐานะผู้นำควรมองว่า บุคคลนี้หากได้รับการเลื่อนขั้นไป 2 ระดับจะมีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ หากพบว่าไม่ไหวก็ไม่ควรรับ เพราะองค์กรจะต้องรับคนเพิ่มอีกคนโดยไม่จำเป็นเพื่อทำงานในตำแหน่งที่สูงกว่า และการทำงานที่ไม่ก้าวหน้ายิ่งจะทำให้เสียเวลาทั้งสองฝ่าย

- ในการรับสมัครพนักงานเปรียบได้กับการซื้อขายสินค้า การซื้อคือการรับเข้าทำงาน และการขายคือการแจกแจงว่าองค์กรของเรานั้นมีดีอะไรบ้าง เพื่อชักจูงให้พนักงานมีความรักและภูมิใจในองค์กร

- การสัมภาษณ์เพื่อคัดเลือกบุคลากร ควรพิจารณาถึงบุคลิก นิสัย พฤติกรรม และไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าด้วย โดยผู้สัมภาษณ์อาจจะต้องตั้งสถานการณ์ขึ้นมาแล้วให้ผู้สมัครตอบ

เช่น หากเกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันระหว่างผู้ร่วมงาน จะจัดการอย่างไร ดังนั้นในการสัมภาษณ์ควรมีผู้สัมภาษณ์

มากกว่าหนึ่งคนเพื่อช่วยกันพิจารณาในหลาย ๆ ด้าน

- ก่อนจะรับควรตรวจสอบเอกสารข้อมูลต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วนด้วย และเมื่อตัดสินใจที่จะรับแล้ว แต่ยังมีข้อเคลือบแคลงสงสัยในบางประการควรสอบถามข้อมูลจากเจ้านายและเพื่อนร่วมงานเก่าของคน ๆ นั้นด้วย

3. การรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ และสร้างทีม

การรักษาบุคลากรชั้นเยี่ยม ทำได้โดย

1) ต้องมีการฝึกอบรมบุคลากรให้ทราบถึงจุดมุ่งหมายขององค์กรและทราบถึงการบริหารจัดการในด้านอื่น นอกเหนือจากสายงานของตนเพื่อสร้างระบบการทำงานเป็นทีม

2) ต้องรับฟังความเห็นของลูกน้องอย่างต่อเนื่อง และนำมาปรับปรุงแก้ไข

3) ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม โดยให้รางวัลแก่พนักงานที่ทำงานดีและประสานงานเยี่ยม

- พนักงานที่มีความรักในองค์กร และคุณสมบัติครบถ้วนเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กร แต่ทำงานไม่ค่อยเก่งมากนักเป็นบุคลากรที่ควรเก็บไว้เพราะความเก่งนั้นสามารถฝึกกันได้ ในขณะที่พนักงานที่มีความสามารถมากแต่ขาดคุณธรรม เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นจำพวกที่ควรขจัดออกออกจากองค์กร เพราะจะเป็นหอกข้างแคร่และจะบ่อนทำลายองค์กรในที่สุด ในฐานะผู้นำต้องมองให้ออกและอย่าหวังแก่ผลประโยชน์ระยะสั้นที่จะได้จากพนักงานจำพวกนี้ เพราะผลที่ได้ไม่คุ้มเสีย

- พนักงานที่ต้องการลาออก รั้งอย่างไรก็ไม่อยู่ก็ต้องปล่อยไป แต่ต้องสอบสวนถึงเหตุผลที่จะออกก่อนเพื่อจะได้เป็นข้อมูล และทราบถึงความเคลื่อนไหวภายในองค์กรหรือข้อผิดพลาดที่อาจจะมองข้ามไป และนำมาแก้ไขปรับปรุงเพื่อรักษาพนักงานที่ดี ๆ ให้อยู่กับองค์กรไปนาน ๆ

- การมอบหมายอำนาจในการตัดสินใจบางส่วนให้กับพนักงาน จะทำให้พนักงานภูมิใจและรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า และมีความสุขเมื่อทำงาน การให้อำนาจมีหลายระดับ เช่น

1) มอบหมายงานในระดับต่ำ คือการให้ลูกน้องไปคิดหนทางแก้ไขปัญหาหนึ่ง ๆ ว่ามีกี่หนทาง อะไรบ้างพร้อมข้อดีข้อเสีย แต่อำนาจการตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่หัวหน้า

2) มอบหมายงานในระดับปานกลาง คือการให้ลูกน้องไปคิดหนทาง และตัดสินใจได้ตามที่เห็นสมควร และเมื่อเห็นแนวโน้มว่าจะเกิดปัญหาให้มารายงาน

4. มีการวางแผนและจัดการที่ดี ทำได้โดย

1) ต้องให้พนักงานทุกคนในองค์กรรู้ถึงเป้าหมาย และกลวิธีต่าง ๆ ที่จะได้มาซึ่งเป้าหมายนั้น ๆ

2) ให้พนักงานมีส่วนร่วมในการคิดค้นกลวิธีต่าง ๆ ด้วย เพราะพนักงานคือผู้ที่ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง ย่อมมองเห็นต้นเหตุของปัญหาได้อย่างชัดเจน

3) การเลือกบุคคลมาอยู่ในทีมผู้บริหารควรเลือกคนที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีปณิธานอย่างแรงกล้าที่จะทำงา นเพื่อองค์กร และต้องสนับสนุนและให้กำลังใจหัวหน้าเมื่อประสบปัญหา และที่สำคัญควรมีบุคลากรในหลาย ๆ จริตเพื่อจะเกิดความหลากหลายในการมองในแต่ละมุม ทำให้แผนการต่าง ๆ รอบคอบและรัดกุมมากยิ่งขึ้น

4) ในการตัดสินใจ ควรขอความเห็นจากคณะผู้บริหารเพราะผู้นำเพียงคนเดียวอาจมองไม่ครบทุกด้าน อาจทำให้การตัดสินใจผิดพลาดได้

5) ในฐานะผู้นำ ในการประชุมแต่ละครั้งตำถามสำคัญ 3 ประการ ที่ควรถามในที่ประชุม คือ

o แผนงานที่มีอยู่นี้ดีที่สุดแล้วหรือยัง

o วิธีการที่ทำให้จะบรรลุความสำเร็จนั้นคืออะไรและได้ลงมือทำแล้วหรือยัง

o ยังมีวิธีการอื่นที่ดีกว่านี้อีกหรือไม่

-หากเกิดความขัดแย้งกันในองค์กรให้มองเป็นเรื่องธรรมดา และหากมอบหมายงานให้ทีมงานไปจัดการแล้วตัดสินใจ หรือหาทางแก้ไขไม่ได้ ควรให้โอกาสในการแก้ปัญหาอีกครั้ง อย่าใจร้อนและรับงานทำเสียเอง เพราะจะทำให้ระบบการทำงานเป็นทีมนั้นเสียไป

5. มีโครงสร้างภายในองค์กรที่ดี ทำได้โดย

1) การรายงานผลการทำงาน ควรขึ้นตรงต่อหัวหน้า เพียงหนึ่งหรือสองคน เพื่อลดขั้นตอนในการคุมลูกน้อง

2) ควรให้อำนาจในการตัดสินใจในระดับหนึ่งกับคนที่ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง เพื่อความสะดวกของลูกค้าและสามารถดูแลติดตามผลได้ง่าย

3) หากเกิดความผิดพลาดในการบริหารในองค์กรจะรู้ได้จากการทำงานที่เปลี่ยนไปของพนักงาน เช่นทำงานช้าลง มีลูกค้าตำหนิเรื่องการให้บริการมากขึ้น ลูกน้องไม่เข้าใจในแผนงานและมาถามมากผิดปกติ เมื่อสังเกตเห็นข้อผิดพลาดเหล่านี้ ผู้บริหารต้องเริ่มเก็บข้อมูลละหาต้นตอของปัญหาและแก้ไขให้เร็วที่สุด

4) องค์กรที่ดีต้องมี 3 ฝ่ายหลัก ๆ คือ ฝ่ายบริหารจัดการ ฝ่ายวางแผน และฝ่ายประเมินผล

6. มีผู้นำที่ดี

องค์กรจะมีระบบดีแค่ไหน แต่หากผู้นำไม่ดีก็คงไปไม่รอด ดังนั้น หากเกิดปัญหาผู้นำควรหันมามองตนเองและไม่ควรโทษผู้อื่น เพราะผู้นำที่ดีต้องมองเห็นปัญหาเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเผชิญ และมีความสุขุม รอบคอบในการแก้ปัญหา และมีความเชื่อมั่นในตนเองว่าจะเป็นผู้ที่นำพาองค์ไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

*****************************************************

สวัสดีครับสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

ใกล้ถึงเวลาที่เราจะได้หวนกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ อย่างต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง..ต่อเนื่อง จะบ้าคลั่งหรือไม่บ้าคลั่ง เป็นลักษณะเฉพาะตัวของแต่ละบุคคลไม่ว่ากัน เมื่อวานผมได้รับการติดต่อจากท่าน อจ.จีระ ซึ่งก็มีความห่วงใยบ้านเมือง ในช่วงวันศุกร์ที่จะถึง อจ.ฝากกำลังใจให้กับพวกเราทุกคนที่จะต้องทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม แต่พวกเราก็พร้อมเต็มร้อยอยู่แล้ว

เรื่องที่สอง..ผมเจอพี่จ๋าว สข. ทราบมาว่าทางทีมงาน อจ.จีระ ส่งแบบสอบถามเพื่อประเมินผลก่อนการฝึกอบรมทบทวน ขอให้พวกเราช่วยกันตอบตามความเป็นจริง เพื่อทาง อจ.จีระและทีมงาน จะได้ไปวิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง เพื่อจะได้นำผลการศึกษามาจัดองค์ความรู้เพิ่มเติมให้กับพวกเราไง..ไม่ต้องงงกันเลยนะเพื่อนๆ..ขอบอกไว้เลยแบบสอบถามน้อยมาก 2 หน้า ไม่เกิน 10 นาที เรียบร้อย ซาบายๆๆๆๆ แต่ขอร้องให้ตั้งใจตอบแล้วกัน...รักนะขอบอก!!

มาเรื่องที่สาม..ต้องขอบคุณทีมงานเมืองทอง ที่มิใช่กองเชียร์เมืองทองยูไนเต็ด ซึ่งโดนกองเชียร์สิงห์เจ้าท่า เล่นซะพอท้วมๆๆ ซึ่งยังคงมุ่งมั่นในการเป็นสื่อกลางระหว่างพวกเราทั้งผอง ทั้งการเข้ามาโพสทักทายเพื่อนฝูง ไทยบ้างปะกิตบ้างไม่ว่่ากัน และยังส่ง SMS ทุกวัน ขอบคุณมากเลย..เพ้ นอกจากนั้นต้องขอบใจน้อง pung ที่ให้คำแนะนำพวกเราในหลากหลายมิติและช่วยเสาะแสวงหาความรู้ด้านการบริหารมาให้พวกพี่ๆ เพื่อนๆ ได้อ่าน ขอบใจจริงน้องจ้า...ยังมีอีกเรืองที่น่าสนใจคือ ..ผู้บริหารเชิงรุก..ลองไปหาอ่านดู เพิ่งวางแผงในกรมไปเมื่อไม่นาน ใครรู้ว่าวางแผนช่วงไหน ตอบคำถามถูก ผมมีรางวัล!!!

เรื่องที่สี...วันนี้เจอแมลงทับตัวแม่ (ป้าตุ๋ย เหรัญญิกประจำรุ่น) พรุ่งนี้เธอจะซ้อมย่อยรับปริญญากระมั่ง แต่ที่แน่ๆๆ ผมรับวันที่ 8 มี.ค. น้องหนูรับวันที่ 9 มี.ค. และป้าตุ๋ย รับวันที่ 11 มี.ค. เอาเป็นว่าพวกเราสามคน ขอเชิญเพื่อนๆ น้องๆ มาร่วมถ่ายภาพร่วมกันหน้าตึกวังช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 12 มี.ค. พอเที่ยงเราก็เลี้ยงรุ่นกันต่อ และเย็นวันนั้น ที่ปรึกษารุ่น (ผอ.กัมพุช) จะจัดเลี้ยงให้ที่ร้านข้าวต้มวัดบวรนิเวศ ใครว่างเรียนเชิญนะครับพี่น้อง กรุณาแจ้งชื่อผมก่อนนะครับว่าใครจะไปบ้าง จะได้สำรองโต๊ะได้เพียงพอ ประเภทหาร้านไม่เจอ ขออย่าปรากฏอีกนะจ้ะน้องมิตร เที่ยวนี้ห้ามแก้ตัว..

เรืองที่ห้า...สำหรับสมาชิกที่ไม่ได้มาแจมช่วงงานเลี้ยงประจำเดือนของพวกเราไม่ต้องกังวล หากทีมงานทราบว่าท่านเ้ข้ากรุงเทพแบบสง่าผ่าเผยเมื่อใด เราจะจัดให้เลี้ยงกันอาหาร ย้ำอาหาร กันเลย สบายใจไม่เดือดร้อนใครและเป็นหนี้บุญคุณกัน ขี้เกียจตามไปชดใช้ แว่วมาว่าเจอกันที่มวกเหล็ก 22-26 มี.ค.53 จะมีการลงนาม "ปฏิญญาประชานาถ 2010" รายละเอียดกำลังยกร่างอยู่จ้าๆ ไม่เครียด ไม่ขำ แต่เน้นเสริมสร้างความผูกพันระหว่างพวกเราอย่างยั่งยืน ครอบคลุมทุกมิติที่เราจะทำได้

อยากให้ถึง 22-26 มี.ค. ไวๆๆ จะได้เจอกันนะทุกคน/ปธ.ติ่ง

สวัสดี 23/02/53

เหนื่อยใจเหลือเกิน ยิ่งไขว่ขว้ายิ่งไกลยิ่งห่าง ยอมแล้วทุกทางไม่เดินต่อไป

หมดสิ้นแรงพลัง หมดความหวังแม้เริ่มต้นใหม่ ท้อแท้เสียใจยับเยินกลับมา

ความดีสั่งสมมานานไม่เคยเพียงพอสักอย่าง ทำดีกี่ครั้งไม่เคยพอใจ

ทำผิดเพียงครั้งก็ซ้ำให้กลายไปเป็นเรื่องใหญ่ นี่ใช่ไหมผลของการทุ่มเท

ทำดีที่สุดแล้ว ไม่เห็นมีใครเข้าใจ ทำดีที่สุดแล้วชีวิตยังพังทลาย

ต้องอยู่สู้ทน ผ่านคืนวันอันโหดร้าย ขอได้โปรดเห็นใจ

อยากให้เธอเข้ามา จบปัญหาชี้ทางสว่าง มองเห็นหนทางก้าวเดินต่อไป

จุดประกายพลัง จุดไฟหวังให้เริ่มต้นใหม่ คอยพลิกฟื้นหัวใจให้คืนกลับมา

เพียงเธอปลอบโยนเบาๆเข้าใจตัวเราก็พอ มีเธอความท้อก็คงมลาย

เพียงเธอห่วงใยดูแลมั่นใจในชีวิตใหม่ แต่สุดท้ายไม่มีแม้เธอ

ทำดีที่สุดแล้วไม่เห็นมีใครเข้าใจ ทำดีที่สุดแล้วชีวิตยังพังทลาย

ต้องอยู่สู้ทน ผ่านคืนวันอันโหดร้าย ขอได้โปรดเห็นใจ

ความดีสั่งสมมานานไม่เคยเพียงพอสักอย่าง ทำดีกี่ครั้งไม่เคยพอใจ

ทำผิดเพียงครั้งก็ซ้ำให้กลายไปเป็นเรื่องใหญ่ นี่ใช่ไหมผลของการทุ่มเท

ทำดีที่สุดแล้วไม่เห็นมีใครเข้าใจ ทำดีที่สุดแล้วชีวิตยังพังทลาย

ต้องอยู่สู้ทน หมั่นทำดีกันต่อไป ซักวันหนึ่ง...... เฮ้อ

ตอบ กระทู้ 975 ครับ

หากวันนี้...เราล้มลง ยังคงลุกขึ้นได้ใหม่ หากยังคงมีหนทาง ถ้ายังมียิ้มสดใส

...ก้าวไป..อย่าหวั่นไหวหวาดกลัว... พร้อมทนทุกข์หมองหม่น ผจญความมืดหมองมัว

...ไม่กลัวจะฝันถึงวันใหม่...

หากวันใดอ่อนแอ...ท้อแท้อย่าหวั่นไหว ขอให้ใจ...ไม่สิ้นหวัง

ปัญหาแม้จะหนัก ก็คงไม่เกินกำลัง อย่าหยุดยั้ง...ก้าวไป

ขอ...อย่ายอมแพ้ อย่าอ่อนแอ...แม้จะร้องไห้

...จงลุกขี้นสู้ไป จุดหมาย...ไม่ไกลเกินจริง......

เอาใจช่วยครับผม

to...Talent

มีอะไรมาฝาก...คาดว่าจะเป็นเรื่องสุดท้ายเพราะดูแล้วก็ครอบคลุมหมดแล้วนะอยู่ที่จะนำไปใช้ประโยชน์หรือไม่มากกว่า

โดยเฉพาะ คห.975 อยากบอกว่าทุกคนล้วนมีปัญหาแตกต่างกันนะ ไม่ใช่เราคนเดียวในโลกที่มีปัญหา แต่ปัญหานั้นคงไม่อยู่ถาวรตลอดไปหรอกนะ...เคยได้ยินมั๊ยเวลาที่มืดที่สุดคือเวลาที่ใกล้สว่าง หรือการเปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส

ประมาณว่าถ้าไม่มีปัญหาก็คงไม่เก่งเท่านี้หรอก คนที่ถูกโอบอุ้มตลอดเวลาไม่มีวันเก่งหรอก มันต้องเจอแรงเสียดทานเยอะ ๆ ถึงจะเก่ง (แต่เบา ๆ หน่อยก็ดีนะ ฮิฮิ) เหมือนคนที่ดูไบงัย ได้ใช้สมองคิดว่าจะทำยังไงถึงจะได้กลับประเทศ ได้ทรัพย์สินคืน..คนนี้แหละความอึดสูงมาก และใช้สมองคุ้ม...แต่ในทางที่ถูกหรือผิดคิดกันเองแล้วกัน

ประเภทของเจ้านาย 7 ประเภท

1) Mentor เป็นเจ้านายที่ดี ชอบสอนงาน มีความคาดหวังที่ดีต่อเรา อยากให้เรามีความก้าวหน้าในชีวิตและหน้าที่การงาน เห็นอกเห็นใจลูกน้อง เมื่อถึงขั้นวิกฤติจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มใจ

2) เจ้านายที่ใช้ลูกน้องเป็นทางผ่าน ใช้ลูกน้องเป็นเครื่องมือ เพื่อแสวงหาความก้าวหน้าในหน้าที่การงานซึ่งเมื่อก้าวถึงจุดที่ต้องการแล้ว ก็ทิ้งลูกน้องอย่างไม่สนใจใยดี

3) เจ้านายที่ไม่ยอมทำอะไรด้วยตนเองเลย ใช้ลูกน้องเป็นอย่างเดียว

4) เจ้านายที่คิดจะใช้เราเพียงครั้งเดียว เช่นเป็นงานโครงการหนึ่งๆ ที่ต้องมาร่วมงานกัน แล้วก็ผ่านไป

5) เจ้านายที่ชอบจับผิดลูกน้องอยู่ตลอดเวลา

6) เจ้านายที่คอยจะกำจัดเราอยู่ตลอดเวลา ทุกสถานที่ ทุกสถานการณ์ คอยสบประมาท ฉีกหน้า และต้องการจะกดดันให้เราออกจากองค์กร หรือแผนกนั้นๆ ไป

7) เจ้านายที่คิดว่าตนเองนั้นเก่งที่สุดแล้ว และคิดว่าลูกน้องนั้น ยังอ่อนหัด อ่อนซ้อมยิ่งนักและไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใดได้เลย ยังไม่เก่ง และจะไม่มีวันเก่งเท่าเขาได้โดยเด็ดขาด

จากที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า มีเพียงประเภทเดียวที่เป็นเจ้านายที่ดี และอีก 6 ประเภทเป็นเจ้านายที่ร้ายๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่ให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ ไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมงาน หากเราจำเป็นต้องเจอเราจะมีวิธีรับมืออย่างไร ซึ่งจะกล่าวต่อไป

วิธีการรับมือกับเจ้านาย

1) ก่อนเข้าไปทำงาน ให้ศึกษาข้อมูลเจ้านายคนนั้นให้ถ่องแท้เสียก่อน หรือเมื่อเข้าไปทำงานในระยะแรกลองพิจารณาดูพฤติกรรมของเจ้านาย หากเห็นท่าไม่ดี เข้าข่าย 6 ประเภท พิจารณาแล้วว่าอยู่ไปคงไม่ก้าวหน้า ต้องรีบเปลี่ยนเจ้านาย หรือเปลี่ยนงาน และการจะเลือกเจ้านายที่ดีนั้นจะต้องไม่โลภ ยกตัวอย่างเช่นหากมีข้อเสนอให้เลือกระหว่าง เงินเดือนที่ดี กับเจ้านายที่ดี ควรเลือกเจ้านายที่ดีมากกว่าเพราะจะทำให้เราได้ เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ ที่หาไม่ได้จากในตำรา และเราจะมีความสุขในการทำงาน

นอกเหนือจากการเลือกหาเจ้านายที่ดีแล้วนั้น ต้องมองว่าเรา เข้ากันได้ มี Chemistry ที่ตรงกันกับเจ้านายหรือไม่ มีแนวความคิดไปในทางเดียวกันหรือไม่

2) หากจำเป็นต้องทำงานกับเจ้านายที่เข้ากันไม่ได้ จะต้องรับมืออย่างไร

โดยให้ชั่งน้ำหนักดูว่า ประโยชน์ที่เราจะได้รับจากองค์กรนั้น คุ้มหรือไม่กับการที่เราจะต้องทนทรมานกับการทำงานและต้องดูประกอบกับระยะเวลาที่เราตั้งใจไว้ว่าจะอยู่นานแค่ไหน เพราะที่สุดแล้วเราคงไม่ทำกับองค์กรนั้นๆ ตลอดทั้งชีวิตแต่ถ้าจำเป็นต้องย้ายงาน ให้ย้ายด้วยเหตุผลทางการงาน ไม่ใช่เหตุผลส่วนตัว

3) จะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้านายของเรานั้นดีจริง ให้สังเกตตอนสภาวะวิกฤต ตอนเราลำบากจริงๆ นั้นเจ้านายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเราบ้างหรือไม่

----------------------------------------

สวัสดีวันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 บ่ายพฤหัสสวัสดี

ข้อความที่ 975และ976

Who R U? ครับ โปรดแสดงตนด้วยขอครับ เพื่อมิให้เกิดความสับสน ยินดีที่เข้ามาพูดคุยครับ แต่พวกผมยังมีความสุขสนุกกับการทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองและราชบัลลังก์ อย่างไม่ย่อท้อ-ท้อถอยแต่อย่างใด จะบ้าคลั่งรับใช้ชาติตราบจนชีวิตหาไม่ ถ้าคัดลอกเนื้อเพลงมา โปรดใส่คอร์ดมาด้วย จะได้บรรเลงให้ฟัง

ปล.ขอบคุณ คุณ Pung ที่เสนอบทความ "ความรู้ด้านการบริหารอย่างต่อเนื่อง" (ข้อความที่973)

สวัสดี วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 และ Hello....Friday February 26, 2010

วันนี้ จะได้เห็นความยุติธรรม ของวัฒนธรรมทางการเมือง ที่กำลังจะดำเนินไป ทำใจให้นิ่ง Whatever will be will be

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกคน

พวกเราคงได้รับแบบสอบถามเพื่อติดตามผลการเรียนรู้จากหลักสูตร Talented กันแล้วนะครับ อย่าลืมดำเนินการและส่งกลับให้ สข.ภาย 2 มี.ค.53 ด้วยเด้อ

อะไรจะเป็นไปในวันนี้โปรดติดตามกันต่อไปแล้วกันนะพวก ขอบคุณทีมงานเมืองทองที่เรียงร้อยถ้อยคำทั้ง blog & SMS อย่างต่อเนื่อง ขอบคุณจริงๆๆๆ

ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการทำงาน/ปธ.ติ่ง

We should tell the truth with the professor that provide our questions about developing ourselves or trouble of job. both proposal and difficulty in our work place are good infomation that the teacher should know so that he will help find out a solution the problem from his perspective perhaps, each public organization also need to adjust themselves continuously. It is queer for me to meet faults in work place but it may be wrong if organization will be distorted.

**pung**

สวัสดี วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 and Hello….Saturday February 27, 2010

ไม่เครียดนะครับ แต่ไม่รู้จะเปิดประเด็นอะไร

เมื่อวานพวกเราคงได้เห็นกฎแห่งกรรมกันไปแล้ว และเชื่อว่ายังคงเฮี้ยนหลอกหลอนประเทศไทยไปอีก เหนื่อยกันต่อไปพวกเรา

มีความเชื่อโดยไม่ต้องสงสัย “กรรมขึ้นอยู่ที่การกระทำ”

ถ้าดวงวิญาณของ ศรีปราชญ์ ได้รับรู้คงเศร้า คนละเรื่องเดียวกันเลย....ธรณีนี่นี้เป็นพยาน........

Kill not the goose that lays the golden eggs. = โลภมากลาภหาย.

"ศรีปราชญ์" ท่านสอนให้ลูก..หลาน...เหลน...โหลน..ภายหน้า ได้รับรู้ถึงความไม่เป็นธรรมที่ถูกกลั่นแกล้ง โดยยอมรับโทษอย่างผู้กล้าหาญ จนเป็นที่เล่าลือสืบต่อกันมา บ่งบอกให้รู้ว่าความจริง ความถูกต้อง สามารถยืนหยัดอยู่ได้ แม้ตัวตนจากไป ชื่อเสียงก็ยังคงอยู่ ไม่ใช่การหลบหนีความจริง หลบหนีความผิด ที่เห็นๆก้นอยู่ แล้วจะให้ยอมรับได้อย่างไรว่านี่คือ ......"ผู้นำ".........

สวัสดี วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 and Hello….Sunday February 28, 2010 วันนี้มาฆบูชา ไปทำบุญกันไม๊

ความสำคัญและประวัติของวันมาฆบูชา

ความสำคัญของวันมาฆบูชา คือเป็นวันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง "โอวาทปาติโมกข์" แก่พระสงฆ์เป็นครั้งแรก หลังจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน ซึ่งหลักคำสอนนี้เป็นหลักการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ หากสรุปเป็นใจความสำคัญ จะมีเนื้อหาว่า "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์"

ทั้งนี้ในวันมาฆบูชาได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นพร้อมๆ กันถึง 4 ประการ อันได้แก่

1.วันนั้นตรงกับวันเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งพระจันทร์เสวยมาฆฤกษ์

2.มีพระสงฆ์จำนวน 1,250 รูป มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ณ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อสักการะพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

3.พระสงฆ์ที่มาประชุมทั้งหมดล้วนแต่เป็นพระอรหันต์ ผู้ได้อภิญญา 6

4.พระสงฆ์ทั้งหมดได้รับการอุปสมบทโดยตรงจากพระพุทธเจ้า หรือ "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"

และเพราะเกิดเหตุอัศจรรย์ 4 ประการข้างต้น ทำให้วันมาฆบูชา เรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "วันจาตุรงคสันนิบาต" ซึ่งคำว่า "จาตุรงคสันนิบาต" นี้ มีความหมายตามการแยกศัพท์คือ

จาตุร แปลว่า 4

องค์ แปลว่า ส่วน

สันนิบาต แปลว่า ประชุม

ดังนั้น "จาตุรงคสันนิบาต" จึงหมายความว่า "การประชุมด้วยองค์ 4" นั่นเอง

ทั้งนี้วันมาฆบูชาถือว่าเป็นวันพระธรรม ขณะที่วันวิสาขบูชาถือว่าเป็นวันพระพุทธ ส่วนวันอาสาฬหบูชา เป็นวันพระสงฆ์

to..Talentและผู้ที่เข้ามาอ่าน passage ทุกคน (ขอโพสเป็นไทยนะจ้ะเดี่ยวความหมายเปลี่ยน)

ขอออกความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้นำ 7 ประเภทหน่อยนะ

pung อยากนำเสนอในมุมมองดังนี้นะคือ(เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้อ่าน)

1. เพื่อให้ทุกคนรู้สืกหัวหน้ามีหลายประเภทมีทั้งดีและดีน้อย ดีและไม่ดีปนกันไปในคนคนเดียว ในคนหนึ่งอาจมีหลายประเภทรวมกัน ประเภท ที่ 1 ก็อาจไม่มีใครทำได้อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ประเภทอี่นก็อาจไม่มีใครเลวอย่างสมบูรณ์เช่นกัน อยากให้มองเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์มากกว่า จะได้ไม่ปวดหัวกับสิ่งที่ประสบพบเจอมากนัก จะได้ไม่surprise มากนัก

2.เพื่อให้เราหลีกเลี่ยงการเป็นหัวหน้าในประเภทที่ไม่ดีหากเราต้องเป็นหัวหน้าใครในอนาคต เราจะได้ระมัดระวังว่า เราไม่ต้องการเจอแบบใหนเราก็ไม่ควรจะเป็นแบบนั้นเมื่อเราเป็นหัวหน้าเหมือนกัน

3.ผู้นำ (ทุกระดับ)มีความสำคัญในการสร้างผลงานของค์กร มีimpact ต่อการทำงานของลูกน้องทั้งด้านขวัญกำลังใจ หากได้ผู้นำดี เก่ง เข้าใจโลก ยอมรับความจริงให้มากถึงแม้จะเจ็บปวดแต่อนาคตเราจะ successful มากกว่า

จึงจำเป็นต้อง stress ผู้นำเป็นหลัก ต้องคิดล่วงหน้าได้ว่าถ้าทำอย่างนี้แล้วจะมีผลอย่างไร มีอุปสรรคอย่างไรบ้าง (เพราะจากexperience หัวหน้าเมื่อสั่งการใด มักเกิดปัญหาตามมาเสมอ เนื่องจากเมื่อสั่งการใด มักเกิดผลต่ออีกสิ่งเสมอโดยที่ไม่ได้หาแนวป้องกันไว้ คาดว่าอาจเกิดจากต้องคิดmany matters ตามsituationที่เข้ามา หรือติดด้วยไม่อยากรับความจริงเพราะมัน torture ขณะที่ลูกน้องเองก็ไม่กล้าให้ข้อมูลด้วยติดวัฒนธรรมองค์กรแต่ปัจจุบันจำเป็นต้องคิดนอกกรอบแล้ว มิฉะนั้นองค์กรเราอาจไม่ทัน change ของโลก

ที่กล่าวมาเป็นการมองตัวเองและพัฒนาตัวเองนะ ไม่ได้ให้ Blame คนอืน เพราะผู้นำมีผลต่อ subordinate และผลงานขององค์กรจริง ๆ ...

ดังนั้นการให้ข้อมูลเรื่องผู้นำ เป็นการยอมรับความจริงว่า คนก็มีหลายประเภท ผู้นำก็มีหลายประเภท แล้วเราจะทำอย่างไรให้ผู้นำเป็นคนประเภทที่ 1 ให้มากที่สุด หากเราเป็น the leader of the supervisor

สวัสดีวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2553 วันมาฆบูชาสวัสดี

ข้อความที่ 988 ผมขอน่ะครับ

ได้แว้วข้อความที่ 988

วันนี้อย่าลืมไปทำบุญใส่บาตร/ไหว้พระ/ฝังธรรมและเวียนเทียนกันน่ะครับ ถือเป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชนอันพึงกระทำเพื่อสืบสานต่อยอดให้พระพุทธศาสนาดำรงคงอยู่ เฉกเช่นพวกเราที่มีหน้าที่เพื่อธำรงค์รักษาไว้ซึ่งชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชนมีความอยู่ดีมีสุข ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตรย์ทรงเป็นประมุข (อยู่ซำบาย-นอนซำบาย-กินซำบาย) ภายใต้ความมั่นคงของอำนาจอธิปไตย

ขอแก้ไขข้อความ (วันนั้นรีบกลับบ้าน)

change from It is queer for me to It is not queer for me (ไม่แปลก)

pung

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

สวัสดีตอนเช้าวันจันทร์ที่ ๑ มี.ค.๕๓ ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชย แต่ผู้ใหญ่ยังมีภารกิจอยู่

ห่างหายจากหน้ากระดานไปหลายเพลา มารายงานตัวอีกรอบหลังไปท่องบอร์เดอร์

เยี่ยมพี่น้อง ๒ ฝั่งโขง อย่างไรก็ตามได้ติดตามอ่านทุกกระทู้ที่โพส

เมื่อวานวันมาฆะ...พ่อใหญ่ได้มีโอกาสไปไหวะพระทำบุญ ๒ ประเทศ อธิษฐานให้

ชาวทาเล้นมีความสุขทุกสถาน ทุกกาล ทุกเมื่อ

ขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ ขอให้มีความสุขในวันหยุดพักผ่อนและวันทำงานของใตรอีกหลายคน

ผู้ใหญ่..มุกดา

สวัสดี วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2553 and Monday March 1, 2010 ยังอินกับวันสำคัญทางพุทธศาสนา

ประเทศไทย ภายใต้ร่มพระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือ เป็นประเทศที่ดีที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง ผู้ใดที่คิดร้ายต่อประเทศชาติย่อมมีอันเป็นไป กัมมุนา วุตตตี โลโก = สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

ความหมายของพรหมวิหาร 4

- พรหมวิหาร แปลว่า ธรรมของพรหมหรือของท่านผู้เป็นใหญ่ พรหมวิหารเป็นหลักธรรมสำหรับทุกคน เป็นหลักธรรมประจำใจที่จะช่วยให้เราดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างประเสริฐและบริสุทธิ์ หลักธรรมนี้ได้แก่

เมตตา ความปรารถนาให้ผู้อื่นได้รับสุข

กรุณา ความปราถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์

มุทิตา ความยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี

อุเบกขา การรู้จักวางเฉย

ปล.Mr.M ฉายเดี่ยว ได้นานแล้ว สู้ต่อไปนะน้อง อย่ากลัวในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง "ทำแต่ความดีมีแต่ความสบายใจ" ว่าแต่ความเห็นที่ 999 จะเป็นความเห็นของผู้ใด ไม่มีอะไรที่พวกเราทำไม่ได้ ข้าพเจ้าขอสละสิทธิ์ บล๊อกช่องความเห็นนี้ เพราะยากเห็นสาระของผู้นำ

สวัสดีเพื่อนสมาชิก NIA-Talented-2009 ทุกท่าน

ต้องขอโทษด้วยที่เงียบหายไปนาน ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ แวะเข้าเรื่อยๆ แต่ไม่ค่อยว่างเลยไม่ได้โพสต์ข้อความ ย้ำนะครับแบบสอบถามต้องส่งเมื่อวาน 2 มีนา แล้วเคลียร์คิวกันให้ว่างไว้ระหว่าง 22-26 มี.ค.53

ขอแจ้งนัดหมายงาน Meeting ประจำเดือน มี.ค.53 เลยละกัน เป็นการวอร์มอัพก่อนไปลงสนามที่มวกเหล็ก วันศุกร์ที่ 12 มี.ค.53 เวลา 09.09 น. ฤกษ์งามยามดี นัดรวมตัวหน้าองค์พระถ่ายภาพ และย้ายไปถ่ายกันต่อที่หน้าตึกวัง แต่ว่าใครอาสาจะเป็นตากล้องละครับพี่น้อง งานนี้สงสัยต้องขอแรงลูกน้องพี่ประพจน์แหงๆๆๆ ใครรับอาสาติดต่อแจ้งผมด่วน...เที่ยงไปหาอะไรกินกัน ขอให้พวกเราช่วยกันค้นหาร้านที่มีบรรยากาศแหล่มๆๆ ขอให้ที่นั่งกว้างๆ เก้าอี้ใหญ่ๆ เพราะบางคนตัวโต โดยเฉพาะผมเอง 55555 งานเลี้ยงครั้งนี้จะกำหนดเวลาเริ่มต้น 11.30-14.00 น. รอบเย็นหากท่านที่ปรึกษารุ่นว่าง (ผอ.กัมพุช) ท่านขอเรียนเชิญไปต่อกันที่ร้านข้าวต้มหน้าวัดบวรนิเวศเหมือนเดิม งานเริ่ม 18.00-21.00 น.

ตอนนี้อย่าลืมเตรียมความพร้อมเรื่องเอกสารนะจ้ะพี่น้อง แล้วเจอกัน//คิดถึงพวกเราเสมอ//ปธ.ติ่ง

สวัสดีตอนค่ำ วันพุธที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2553 and Good Evening Wednesday March 3, 2010

เรียนประธานและเพื่อน Talent

ขอแจ้งข่าว...วันศุกร์ที่ 12 มีนาคม pung ไม่ว่างทั้งวันนะจ๊ะ ต้องขอโทษด้วย เพราะติดภารกิจไป border 9 - 12 มี.ค. 53 นี้ (ไปพร้อม pog Talent อีกคนของเรา) ก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคนที่พยายามมุ่งมั่นเรียนจนสำเร็จการศึกษาป.โทมาด้วยความภาคภูมิใจ ถึงแม้ว่าจะมีภารกิจมากมายแต่ ชาว Talent ก็ทำได้ ดีใจด้วยจริง ๆเลย ว่าปีหน้าจะstudy บ้างละ (ต้องขอ suggestion จาก leader แล้วละเพราะeducate คล้ายกัน) มีใคร plans the same period บ้างอยากทราบ

pung

ดีคับ....

งานเข้าอีกแล้ว ผองเพื่อน

12 มี.ค.53 ไม่รู้จะจบเมื่อไร

สำหรับที่นัดหมายอะไรไว้

คงต้องยกเลิกหมดละคราวนี้

มีแค่ 2 มือ กับ 1 สมอง

และน้อง ๆ อีกหลายคน

มันรู้สึก...ไม่ค่อยซะบาย - มันต้อแต้

แต่ไม่เป็นไร เพื่อชาติ และแผ่นดิน สู้ต่อไป ไดอิชิ....

สวัสดี วันเสาร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2553 and Hello...Saturday March 6, 2010

สอ. : นวลจันทร์/อารมณ์/พิมลพรรณ/สุวลี/วรรณวลัย/ช่อทิพย์

ส.1 : สร้อยสน/สังวร

ส.2 : ปรานี/บุษบา

ส.3 : รัชภูมิ/สุรศุกดิ์/คำมา/สุทธิพงษ์/ศักดิ์/รำพึง

ส.4 : เชษฐ์/สุเทพ

ส.5 : วีรศักดิ์/ฉัตรดนัย/สุวิมล/นนท์ธนา/สุภัทรา/ภคิน/ศิริรัตน์

ส.6 : ผกาพรรณ/ณัฐรำไพ/ศิริลักษณ์/สวิตตา

ส.7 : สุพัตรา

ส.8 : ดวงพร

ส.9 : นันทนา

ส.10 : นิวัตร์/ศิริพร/ปิยฉัตร/กาญจนา

ส.11 : อมรรัตน์

ศทส. : อัญชลี

ก.1 : อัครพล/ธาราเพ็ชร/ธนิต/ประสพโชค/นพพร

กตส. : ขวัญเรือน

โอ้โห้!...... ข้อความที่ 999 เป็นรายชื่อของผู้นำทั้งนั้นนี้นา........มาได้ไงนี่...

โอ้ไม่...... เพียงแค่คุณเข้ามาอ่านภายในห้วงเวลานี้...คุณจะเห็นเหล่าผู้นำทั้งนี้เลย จริงนะจ๊อด

กระทู้นี้ ป้าตุ๋ยขอขอบคุณน้องมิตรเป็นอย่างสูงที่ไม่ยอมไปถ่ายรูปวันซ้อมรับปริญญาให้ป้าตุ๋ย แต่ได้แก้ตัวโดยส่งน้องชายที่น่ารักไปให้ป้า ป้าได้กระชุ่มกระชวยลืมแก่ได้ เด็ก ๆ ของพี่มิตรน่ารักอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่า ไม่ยอมบ่นเหนื่อยหรือร้อนให้ฟังเลย ทั้งที่วันนั้นอากาศร้อนสุดยอด ขนาดป้าตุ่ยยังเดี้ยงเลย ขอบคุณจ๊ะ (ทีหลังฉันไม่ขอความช่วยเหลือแกแล้ว จะสายตรงถึงน้องนัทเอง)

เรียน สมาชิก Talented ทุกคน

ผมนึกไว้แล้วเชียวว่าข้อความที่ 999 ต้องเสร็จ Mr.M แหงๆๆๆ เพราะพี่แกเล่นเข้ามาคนเดียวเปลี่ยนชื่อตัวเองซะบ้างรู้นะ ดีจ้าที่ช่วยเข้ามาขยับบล็อกแทนพวกพี่ๆๆ ขอเป็นกำลังใจทำต่อไป สู้ๆๆน้องเอย ไม่มีอะไรเหลือบ่ากว่าแรงของพวกเรา ถ้าตั้งสติ เตรียมปัญญาสู้กับทุกสถานการณ์ แล้วจะฟันฝ่าอุปสรรคไปได้ อย่าลืมบริหารเวลาดูแลสุขภาพด้วยละกัน เพื่อเกมส์อาจยืดเยื้อ

วันนี้ท่าน อจ.จีระ โทรมาหาผม ฝากความคิดถึงทุกคนมาด้วย ใครยังไม่ตอบแบบสอบถามเร่งหน่อยเด้อ ยังไงก็ขอเม้าท์ป้าตุ๋ย ซะหน่อย แหม! วันซ้อมต้องมีการถ่ายรูปด้วยเหรอ อิจฉาวะ ไอ้เราคงจะไม่อินเทรน ซ้อมเสร็จรีบกล้บบ้านเลย เพราะหิวมากๆๆๆๆ

ยังไงวันที่พวกเรานัดถ่ายรูปกัน หากว่าสถานการณ์วันที่ 12 ไม่ดี ก็อาจจะมีการปรับเปลี่ยนมาถ่ายช่วงเย็นวันที่ 11 มี.ค. ก็ได้ เอาไว้ตัดสินใจวันที่ 9 ละกัน หากใครมีข้อมูลสนับสนุนแจ้งผมทางมือถือก็ได้ จะได้ปรับเปลี่ยนแผนได้ทัน อาทิตย์หน้าคิวผมยังพอเหลืออยู่บ้าง จันทร์รับปริญญา อังคารประชุม PMQA ทั้งวัน พุธเข้าเวรสอปอขอสลับกับประชุมและประชุมแบบประเมิน พฤหัสประชุมยุทธศาสตร์ ศุกร์ประชุมสหกรณ์และนัดถ่ายรูปกับพวกเรา รวมทั้งกินเลี้ยงกันไหง สบายๆๆๆๆ ทุกอย่างปรับเปลียนได้ครับ ไม่ต้องกังวล

เจอกันในเร็ววันนะพวกเรา//ปธ.ติ่ง

ขอแสดงความยินดีกับมหาบัณฑิตใหม่ ทั้ง 3 ด้วยนะคะ (พี่ตุ๋ย, พี่ติ่ง, และน้องหนูสุดสวย) แล้วเจอกันวันถ่ายรูป

สวัสดีตอนเย็นๆ ของวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2553 and Good Evening Sunday March 7, 2010

อากาศร้อน อีกไม่นานฝนก็ตก แล้วก็หนาว หมุนเวียนเป็นวัฏจักร จะกลัวอะไรพวกเราโชคดีที่เกิดเป็นคนไทยอยู่ในเมืองไทย ภายใต้ร่มบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายที่คอยปกปักษ์รักษาให้ประเทศของพวกเรารอดพ้นจากพยันอันตรายต่างๆ จนมาถึงทุกวันนี้

อุณหภูมิทางการเมืองถึงจะร้อนระอุอย่างไร เชื่อว่าใกล้ถึงจุดสมดุลย์แล้ว รอกันอีกหน่อยมุ่งมั่นทำงานตามหน้าที่กันต่อไปนะพวกเรา

ปล.ติดตามกิจกรรมอยู่ตลอด

อยากรับบ้างจัง ปริญญา นิ,จาได้ถ่ายรูปกะพี่ๆเขาบ้าง อ่ะ

สวัสดีวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ.2553 วันสตรีสากล-ให้สตรีเป็นใหญ่วันเดียวเท่านั้นเด่อ นอกนั้นทั้งปีก็แค่ขอไม่เถียงภรรยาเท่านั้นแหล่ะ พูดกับท่านว่า "ครับครับครับผม! โอ.เซ.ครับ"

สำหรับกระทู้ป้าตุ๋ย Mr.M รับทราบ ต้องกราบขอประทานโทษท่านพี่ตุ๋ยเป็นอย่างสูงยิ่ง ที่คุณน้องมิตรไม่สามารถไปถ่ายรูปวันซ้อมรับปริญญาให้ป้าตุ๋ยได้ด้วยตนเอง แต่ได้ส่งยาสร้างความกระชุ่มกระชวยลืมแก่ให้ป้าไปนั้น ก็หวังใจเป็นอย่างยิ่งที่คุณป้าตุ๋ย โอ.เซ. และอยากจะบอกว่า กองกำลังของพวกเรา (น้องๆ ทุกคน) ยังพร้อมที่จะรับใช้พวกพี่ๆ อยู่ตลอดเวลา หากกระทำไปด้วยความเต็มใจยิ่ง แต่พี่จะสายตรงถึงน้องนัทเองนั้น น้องมิตรไม่ยอมน่ะจ๊ะว้ายว้ายว้าย.....

To day is tuesday 9 march 2010 .

I hope every one happy.

ฝากถึงพี่ๆ ใน จชต.ด้วยครับ

วันนี้ฉันมีนิทาน อยากเล่าให้เธอฟัง นิทานเรื่อง ท ทหาร อดทน เวลาเขายืน เขาแนบปืนกลไว้ข้างกาย ทั้งที่เขาไม่เคยใจร้ายและไม่เคยคิดฆ่าคน

แต่เป็นอีกคืนที่เขาต้องออกลาดตระเวน เป็นหน้าที่ของกองพันทหารราบ ผู้รักตัวเองน้อยกว่าชนในชาติไทย เพราะรู้ว่าเลือดเนื้อ เขาจะสละไม่ให้เราเป็นทาสใคร

ในขณะนั้น ผู้ก่อการร้ายซุ่มโจมตี เสียงปืนดังสนั่น ตอนเวลาในเที่ยงคืนกว่า เสียงระเบิดดังก้องกึกไปทั่วทั้งป่า พร้อมเสียงกระสุนปืนทะลุตัวจ่า

เขารีบยกปืนกลข้างกายประทับบ่า ในขณะที่ยิงสวนไปเขาคิดแต่ว่า ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของชีวิต เขาก็ยินดีที่จะสละทุกอย่างด้วยยศอันน้อยนิด

ขอเพียงคนในชาติได้หลับสบาย เขาจะยืนหยัดปกป้องแผ่นดินแม้ชีพมลาย ในราตรีที่ด้ามขวานลุกเป็นไฟ ประเทศไทยเจ้าเอ๋ย มีคนฝากเพลงนี้มาให้

หลับตาเถอะนะ ขอให้เธอหลับฝันดี คืนนี้ไม่ต้องห่วง ตรงนี้ฉันจะดูแลด้วยชีวิตของฉัน

ในคืนที่ผมกินเหล้าอยู่นั่งเล่น ในคืนที่ป้าข้างห้องยังตั้งวงป๊อกเด้ง คืนที่เด็กมัธยมนั่งท่องตำราเอนท์จุฬาฯ คืนที่ใครหลายคนลืมชื่อคนเดือนตุลา

คืนที่คุณนอนหลับอยู่บนเตียง ทั้งหมดคือคืนเดียวกันกับเสียงปืนที่ดังเปรี้ยง ของทหารต่อต้าน ข.จ.ก. ผู้ไม่ยอมให้ใครมาเผาโรงเรียน เผาตำรา ส.ป.ช. และยังไม่มีตอนจบของนิทาน มีเพียงแต่ตอนรุ่งสางไม่เป็นศพก็พิการ เพราะในทุกเช้าที่เราตื่นมาเมาขี้ตา มันคือเช้าแห่งการสูญเสียที่ 5 องศา 37 ลิปดา

เขาตายเพื่อคนในชาติจนหลับสบาย เขาจะยืนหยัดปกป้องแผ่นดินแม้ชีพมลาย ในราตรีที่ด้ามขวานลุกเป็นไฟ ประเทศไทยเจ้าเอ๋ย มีคนฝากเพลงนี้มาให้

หลับตาเถอะนะ ขอให้เธอหลับฝันดี คืนนี้ไม่ต้องห่วง ตรงนี้ฉันจะดูแลด้วยชีวิตของฉัน ฝากดาวบนฟ้า ร้องเพลงนี้ให้เธอฟัง หากฉันไม่ได้กลับ อย่างน้อยให้เธอหลับสบายก็พอแล้ว

ไม่ประสงค์ออกนาม

น้องมิตร ครับ

งานซ้อมรับปริญญา พลาดท่าไม่ได้ไปถ่ายรูปให้ป้าแก่ เอ๊ยป้าแก ก็ขอยกยอดไปเป็นคราวหน้า งานวิวาห์ป้าตุ๋ย

ซะทีเดียวเลย ถ่ายมันทุกซอกทุกมุมเลย จัดให้ป้าอย่าได้เสีย

ยินดีกับป้าตุ๋ยด้วยครับ เป็นความสำเร็จที่ได้มาด้วยความมานะบากบั่นอย่างแท้จริง เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ จะได้รู้ว่า

เข็นครกขึ้นภูเขามันลำบากยังไง ดีกว่าพวกผมที่มัวแต่พายเรือในอ่าง จนไม่มีเวลาตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาหัวตัวเอง เป็นกบอยู่

ในกะลาตั้งนาน สักวันพวกผมจะเป็นอย่างป้าให้ได้ ไม่ใช่เป็นผู้หญิงอย่างป้านะ แต่จะหาความรู้ใส่ตัวให้มากขึ้นครับ

สวัสดีเพื่อนสมาิชิก Talented ทุกคน

ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ ในรุ่นที่ได้เ้ป็น หนฝ.คนใหม่ ส่วนที่ยังไม่ได้ไม่เป็นไร สักวันก็มาถึง ทำงานต่อไป สู้ๆๆนะเพื่อนเอ๋ย!

ข่าวล่ามาไว ขอแจ้งเปลี่ยนแปลงกำหนดการถ่ายภาพ เนื่องจากพวกเราจะเริ่มยุ่งกันแล้ว และวันศุกร์ที่ 12 คงไม่สะดวกที่จะมาถ่ายรูปกัน จึงขอเลื่อนเร็วขึ้นมาเป็นเย็นวันพฤหัสบดีที่ 11 ก็แล้วกันนะ ผมเจอป้าตุ๋ยแล้ววันนี้ และน้องหนูก็โทรมาหาแล้ว ผมเลยนัดหมายกับมหาบัณฑิตสาวสวยกับเคยสวยไปแล้ว เอาเป็นว่าใครไม่สะดวกก็ให้โอกาสถ่ายซ่อมตอนไปอบรมทบทวนที่มวกเหล็กละกัน

สำหรับงานเลี้ยงกลางวันของวันศุกร์ที่ 12 มีนา ขอยกเลิกไปก่อนนะครับ เพราะเกรงว่าจะหาร้านลำบากและไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ขอควบกิจการไปที่มวกเหล็กเลย ลานปูนกลางแจ้งใต้แสงจันทร์ (จะโรมานซ์อะไรซะงั้น)

ผมขอฝากทฤษฎี 5 ม.เพื่อเป็นกำลังใจให้กับทุกคน : มุ่งมั่น แม่นยำ มั่นคง มีน้ำใจ ไม่ท้อถอย//ปธ.ติ่ง

ขออัพเดทข้อความที่ 999 หน่อยนะค่ะ เผอิญว่า สวิตตา ได้ย้ายมาอยู่สำนัก 4 ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2553 แล้วนะค่ะ

คิดถึงเพื่อนๆ ทุกคนมากค่ะ ช่วงนี้ก้อเตรียมตัวกันไว้นะค่ะ ทั้งสุขภาพและความพร้อมเพื่อไปเพิ่มทักษะกันต่อที่มวกเหล็ก

ปลายเดือนนี้ค่ะ บาย จุ๊บ จุ๊บ

สวัสดียามเช้า 12 มี.ค.53 วันนี้ขอให้เพื่อนแป้ง & น้องมิตร และผองเพื่อนที่มีกิจกรรมพิเศษทั้งหลาย สู้ สู้ นะ

วันนี้ขอแย้งซีนแต่เข้าหน่อยแล้วกัน คิดถึงและเป็นห่วงจ้า....ดูแลตัวเองให้ดีนะ

ไม่ต้องห่วงคนข้างหลัง เพราะเขายังนอนหลับสบายดีอยู่ แฮ่..ล้อเล่น

หวัดดีเพื่อนสมาชิก Talented ทุกคน

เมื่อเช้าท่าน อจ.จีระ โทรมาฝากกำลังใจให้พวกเราร่วมกันปฏิบัติงานในช่วงสำคัญของบ้านเมือง และผมหวังว่าพวกเราคงมีกำลังใจเหลือล้นฝ่าฟันกับเรื่องจิ๊บๆๆ เหล่านี้ไป ไหงๆๆๆเก็บแรงไว้ลุยกันช่วงปลายเดือนที่มวกเหล็กนะพวก

ย้ำป้าตุ๋ย และน้องหนู ช่วงอบรมอย่าลืมนำชุดครุยไปถ่ายรูปที่มวกเหล็กด้วยเด้อ วิวสวยๆๆ มีอีกเยอะ//ปธ.ติ่ง

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

สวัสดีครับเพื่อนพ้องน้องพี่

ให้กำลังใจทุกท่านทั้งแนวหน้าแนวหลังในการทำงานหนักช่วงนี้

รักษาสุขภาพและมีความสุขในการทำงานถ้วนหน้า

ผู้ใหญ่

ส่งกำลังใจ ไปยังเพื่อน ๆ ที่ประจำหน้าที่ทุกคนนะ

สวัสดีครับเพื่อนสมาชิก Talented ทุกท่าน วันที่ 22 - 26 มี.ค.53 จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือเปล่าครับ เพราะเอกสารที่เป็นทางการยังไม่เห็นเลยครับ... ฝากพี่ส่วนกลางด้วยนะครับจะได้วางแผนการเดินทางได้ล่วงหน้า ขอบคุณครับ..

เรียน หน.ศักดิ์ ครับ

ผมเห็นท่าน ตั้งประทู้ ตั้งแต่ตีสิบ ยังไม่มีผู้ให้ความกระจ่าง น่าจะยุ่งๆกับงานในกรุงฯ ที่กำลังร้อนแรง ทั้งอารมณ์ และสภาพ

อากาศ ที่วิปริตแปรปรวน ร้อน ฝนตกหนัก เหมือนกลั่นแกล้ง และชำระล้างสิ่งสกปรกโสโครกให้ออกจากแผ่นดิน เลยไม่มีใครตอบ

คำถามท่าน

ขออนุญาตออกนอกเรื่องไปบ้าง เผอิญ ผมทราบจากน้องสวิตา หรือน้องหนู สุดสวย ส.4 บอกกล่าวว่า ได้สอบถาม

แม่อ๋อย ให้แล้ว แม่อ่อย ยืนยันว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ให้ยึดถือกำหนดการเดิมไปก่อน และให้ตระเตรียมร่างกายให้พร้อมต่อ

การเข้ารับการอบรม เพราะอากาศร้อน แดดจัด ไม่สามารถกักตุนแอลกอฮอร์ไว้ในร่างกายในเวลากลางวันได้ในปริมาณมาก ได้แค่

พอท้วมๆ เป็นกระสัย

หน.ศักดิ์ อาจจะคิดมากว่า ไม่คุ้นเคยกับผมสักเท่าไหร่ จะเชื่อได้หรือไม่ แต่ถ้าลองคิดดู ใครที่ไม่ค่อยได้ทำงาน

มีเวลาว่างมาก คิดแต่เรื่องไร้สาระ ยุ่งแต่เรื่องคนอื่น เป็นโรคจิต นั่นแหล่ะ ท่านจะรู้ว่า ข้อมูลผม เชื่อถือได้ 555555

ได้รับแจ้งจากพี่อ๋อย สข.ล่าสุด ๆๆ เมื่อ 181141 มี.ค.53 ว่า ผบ.สั่งเลื่อนการสัมมนาไปก่อน (ไม่มีกำหนด) ครับ...เป็นกำลังใจให้ชาว Talented ทุกท่านนะครับที่รับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ในปัจจุบัน ขอสันติสุขจงเกิดขึ้นโดยเร็ว.....

สวัสดีเพื่อนสมาชิก Talented ทุกคน

การฝึกทบทวนระหว่าง 22-26 มี.ค.53 เลื่อนออกไปไม่มีกำหนด เนื่องจากเพื่อนๆของเราเกือบครึ่งรุ่นติดภารกิจทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ไม่เป็นไรนะจ้ะ รอให้บ้านเมืองดีขึ้นเราค่อยมาเจอกัน ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้แวะเข้ามาต้องขอโทษด้วย เพราะตั้งแต่วันเสาร์นี้เป็นต้นไปโปรแกรมของทีมด้ามขวานค่อนข้างเพียบ เก็บแรงไว้เยอะๆๆ นะพี่เต๋อ พี่แป๋ง น้องมิตร น้องปุ๊ย รวมถึงเพื่อนๆ ร่วมรุ่นทุกคนที่ไม่ได้เอ่ยนาม ทีี่่มักเจอกันบ่อยมั่กๆๆ ที่อาคารบี

พึงระลึกว่าสุขภาพต้องแข็งแรง พร้อมลุยงานอย่างยั่งยืนนะเพื่อน//ปธ.ติ่ง

5555 เรียน หน.ศักดิ์ฯ ครับ

ผมผิดไปแล้วครับ กะว่าชัวร์แล้ว เก็บเสื้อผ้า มารออยู่มวกเหล็กได้ 3 วันแล้ว 5555 ความซวยมาเยือนละ เอาแน่เอานอนไม่

ได้เลย เหมือนความมั่นคงของชาติเลย เดี๋ยวก็มั่นคง เดี๋ยวก็ไม่มั่นคง ไม่ว่ากัน เอาประเทศชาติไว้ก่อน แล้วที่นี้ ผมจะกลับหน่วย

ยังไง อุส่าห์ บอกหัวหน้าไปทำงานหลายวัน แล้วจะเลยไปอบรมเลย 555555 อายจัง

ไม่รุ่ว่าโปรแกรม ด้ามขวานที่จัดเตรียมการมาหลาย เพลา จะเลื่อนไปด้วยรึป่าว ขอท่านประธาน ช่วยแจ้งล่วงหน้าด้วย เพราะ

ผมจะได้ออกจากมวกเหล็ก ไปรอที่หาดใหญ่เลย อายหัวหน้าเค้า 55555

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ 18 มีนาคม พ.ศ.2553 and Hello Thursday March 18, 2010

เรียนท่านวิศรุต ช่วงนี้เข้ามาโพสบ่อยนะขอรับ กระผมไม่ค่อยมีเวลาขอวิเคราะห์การเมืองไทยสั้นๆแล้วกัน คนเป็นอย่างไร ก็ได้นักการเมืองเช่นนั้นแล

ขอเป็นกำลังใจให้แนวหน้าด้วยคนค่ะ มีอะไรให้รับใช้อย่าลืมแจ้งแนวหลังนะ ยินดีให้บริการ ช่วงนี้อยู่ที่อาคารเบญจมาศ

สวัสดีครับพี่น้อง ทุกคนสบายดีกันมั๊ย

อากาศมันร้อนมากนะ รักษาสุขภาพกันด้วยหละ ตอนนี้ปุ้ยยังนั่งประจำอยู่ที่เดิมนะ ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน

สถานการณ์ภายในโดยทั่วไปเรียบร้อยดี สถานการณ์ภายนอก ก็เรียบร้อยดี จนท.ศธ.ยังมาทำงานประจำทุกวัน ตลาดนัดก็ยังมีขายของเหมือนเดิม เพียงแต่เขาเปิดประตูให้เข้าด้านครุสภา กับด้านหน้าแบงค์กรุงไทย

รถยนต์สามารถเข้ากรมได้ แต่ออกไม่ได้ ต้องไปออกด้านหน้าทำเนียบ นางเลิ้ง

สำหรับรถประจำทาง สาย 12, 56 วิ่งถึงแค่บางลำภูแล้ววนกลับ สาย 70 วิ่งผ่านแยกวังแดง ไปเทเวศน์ สนามหลวง

ส่วนเส้นสามเสน ตลาดเทเวศน์ เหมือนเดิม

นอกจากนี้รอบรั้วริมวังของเรา ข้างกำแพงด้านนอกมีการตั้งเต้นท็ทั้งสองข้างถนน จากแยกไฟแดงมาถึงหน้าประตูทางเข้า สำหรับพักผ่อน และแจกอาหาร (ยังไม่ได้ไปชิมเลย) ส่วน จนท.ผสม มีผอสมควร ตั้งกำแพง 2 จุด แยกวังแดง กับ หน้าประตู บชน.

ทั้งหมดนี้คือสถานการณ์โดยรวมที่่ผ่านมา / ใครมีอะไรให้ช่วยแจ้งได้นะครับ

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

สวัสดีครับ เพื่อนพ้องน้องพี่

ขอบคุณครับคุณปุ้ยที่รายงานบรรยากาศให้รับทราบ ว่ามาเรื่อยๆนะครับจะได้เป็นข้อมูลให้ผู้อยู่ไกล

ตอนนี้ส่วนภูมิภาคอยู่ระหว่างว่งผลัดส่งไม้ต่อให้ หน.ปุ๋ย/แป๋ง/มิตร/ท่านเต๋อและอีกหลายๆท่าน

อึดเข้าไว้เป็นกะลังจายให้

ผู้ใหญ่

To..talent

I do not talk with friends many days, because moving work place causes the difficulty to do everything. However, I also make an effort to keep relationship all of us I therefore find way to communicate as well as possible.

This political situation, I hope friends will can take care themselves and aroud people every good.

*pung*

สวัสดี วันจันทร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ.2553 and Hello Monday March 22, 2010

เมืองไทยใกล้ถึงจุดสมดุลย์แล้วอดทนกันเข้าไว้ ถ้าก้าวผ่านจุดนี้ไปได้ โดยไม่มีเหตุรุนแรง จะถือเป็นเอกลักษณ์ของประชาธิปไตยแบบไทยๆ

Nowadays,our country has encountered political promblem a lot. Many sides demonstrate that it may result from politicians or someone's interest.In my view, developing country has usually such promblem and lead to changing democracy in Thai unavoidable. Last, corruption and unfairness may still remain our society continuously as long as Thai politicians do not aware of their reponsibility.

วันพฤหัสบดีที่ 25 มีนาคม 2553

ภายในรั้วมีการเข้า-ออก มากขึ้น เนื่องจากประสบปัญหาไม่สามารถทำงานได้เต็มที่ในตึกบีได้เต็มที่ ก็เลยไม่เหงาเหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนด้านนอก มีกำลังมากขึ้น ช่วงเช้าเข้มมาก ช่วงเย็นแดดร้อนเลยผ่อนคลาย รถไม่สามารถผ่านเข้า-ออกทางด้านตลาดนัดได้ เพราะมีรถมาจอดปิดถนนไว้ 2 จุด คือที่แยกวังแดง กับป้ายรถเมล์ข้างกระทรวง

ส่วนรอบรั้วริมวัง มีเต้นท์มาตั้งยาวทั้งสองฝั่งหน้าวังด้านถนนพิษณุโลก บรรยกาศสบาย ๆ เพราะส่วนใหญ่ก็พักผ่อน และประกอบอาหาร หน้าวังด้านถนนราชดำเนินกำลังตั้งเต้นท์งานกาชาด

สำหรับพื้นที่ใกล้เคียง หน้า ศธ. ถนนราชดำเนิน ตั้งเต้นเต็มพื้นที่ เท่าที่สังเกตเห็นยาวไปถึงสะพานผ่านฟ้า ด้านหลังริมคลอง ช่วงต้น ๆ มีการรวมกันอยู่เป็นกลุ่ม ๆ ช่วงกลาง ๆ เป็นห้องอาบน้ำและสุขา ยาวมาถึงหน้าสถานพยาบาล ประตู ศธ. เปิดใหญ่ด้านหน้าครุสภา ส่วนหน้าแบงค์เปิดแต่ประตูเล็ก

พื้นที่ทั้งหมดสามารถเดินผ่านไป-มาได้ บรรยากาศสบาย ๆ ไม่อึดอัด ไม่เครียด ตลาดนั้นก็ค้าขายตามปกติ แม้จะมีจำนวนไม่มาก แต่ก็สู้ตายค่ะ ไม่ถอย /..ปุ้ยครับ

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

เพื่อนพ้องน้องพี่

หลายท่านคงเคร่งในการปฏิบัติภารกิจเอาใจช่วยแต่อย่าเครียดนะท่านทั้งหลาย

ขอบคุณคุณปุ้ยที่รายงานบรยากาศจนเห็นภาพ

ขอรายงานสถานการณ์ด้าน ส.๓ เมื่อวันที่ ๒๔ มี.ค.๕๓ มีโอกาสได้เป็นเจ้าภาพร่วมในการต้อนรับคณะจาก สอ. ที่ขอนแก่นซิตี้

ที่มีเพื่อนเราได้แก่ คุณอารมณ์ คุณต่ายวรรณวลัย คุณปลาช่อทิพย์ นำทีมโดยป้าตุ้มอัจฉรา ส่วนคณะเจ้าบ้านได้แก่

ท่านไฝณสุรินทร์ สำราญศักดิ์ณอุบล ศักดิ์ขอนแก่น ผู้ใหญ่มุกดาหาร ส่วนคุณเล็กรำพึงตามมาภายหลัง (วันที่๒๕) เลยไม่ได้

พบกับคณะ มีรายละเอียดคือวันที่ ๒๔ คณะผู้มาเยือนร่วมกันบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของ ขรก. ได้อยางเคลิบเคลิ้มเอ้ยครอบคลุมทุกด้าน แต่ที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือสิทธิหลังเกษียณ สงสัย ส.๓ อยู่ในวัยใกล้ได้ใช้สิทธินั้นแล้ว ช่วงเย็นในงานเลี้ยงได้ฟังคุณปลา คุณต่ายเขย่าลูกคอเกทับคณะเสียงอีสานน่าดู จำไว้เราจะไปท้ารบที่มวกเหล็ก งานนี้ภูธรปะทะนครบาลบรรยากาศชื่นมื่น ช่วงดึกท่านไฝกับผู้ใหญ่ได้พาคณะสาวน้อยและสาวมากไปขยับขาที่ RAD PUB (ออกเสียงตามสบาย)

เพื่อเขย่าข้าวให้เรียงเม็ดก่อนนอน ส่วนวันที่ ๒๕ คณะแขกบ้านไกลได้เดินทางต่อไปหนองคาย ส่วนคณะคนบ้านใกล้เข้าประชุม

สอปอขอต่อก่อนแยกย้ายในช่วงหัวค่ำ ส่วนคณะแขกเห็นว่ากลับมานอนที่ขอนแก่นและเดินทางกลับช่วงสายวันนี้ (๒๖ มี.ค.)

ส่วนผู้ใหญ่กลับมาท้ารบ/ตำจอกกับเสื้อแดงต่อไป...ขอบคุณครับ

ไม่มีคำแก้ตัวที่หายไปจากบล๊อกซะนาน แต่อยากจะบอกว่าคิดถึงทุก ๆ คนเลยค่ะ (อย่าเพิ่งเลี่ยน) และฝากเปลี่ยนเบอร์โทร.ที่ใช้ส่ง SMS กระจายข่าวด้วยจร้า เบอร์เก่าไม่เคยได้รับข้อความกับคนอื่นเค้าบ้างเลยอ่ะ ขอเปลี่ยนเป็นเบอร์ 08 - 5256 - 8456 นี้แทนจะเป็นความกรุณาอย่างสูง

ขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่ ส.3 ที่ให้การต้อนรับส่วนบริหารงานบุคคล สอ. อย่างอบอุ่น โดยเฉพาะเพื่อน ๆ ในกลุ่ม Talent ที่ ส.3 (ผู้ใหญ่ มุกดาหาร พี่ไฝ ณ สุรินทร์ คุณศักดิ์ ทั้ง 2 ท่าน) ถึงแม้จะไม่ได้ไปพบกันที่มวกเหล็ก แต่ก็ได้ไปพบกันที ขอนแก่นแทน บรรยากาศชื่นมื่นจริง ๆ โดยเฉพาะ พี่หมง กับพี่ไฝ ที่พาน้อง ๆ สบค.ไปสัมผัสบรรยากาศที่ตื่นเต้น เร้าใจ ไม่รู้ลืม น้อง ๆ ยังประทับใจไม่หาย ขอบคุณจริง ๆ ขอให้กำลังใจเพื่อน ๆ ที่ทำงานแนวหน้าทุกคน ตอนนี้ สบค.อยู่ตึก B ชั้น 8 ที่เดียวกับป้าตุ๋ย การติดต่อช่วงนี้คงต้องใช้มือถือไปก่อนนะคะ

ขอบคุณป้าตุ๋ย จังเลย มีคุณพี่สาวที่น่ารักก้อดีอย่างนี้แหละ,อย่าลืมแวะไปเที่ยว ชปก. ริมฝั่งอันดามันบ้างนะค้าบบบ...

งานกาชาดเริ่มแล้วนะจ๊ะ ยังงัย ๆ ก็มาช่วยกันเดินให้ดูอบอุ่นหน่อยดิ สงสารคนจัดงาน เดี๋ยวจะมีแต่คนเสื้อแดงเดิน ถ้าร้านในกาชาดมีเสื้อเหลืองรวมอยู่ด้วยล่ะก็ยุ่งแน่เลย

To.. Talent

In my political perspective,Thai's political situation will become a violence whether or not I belive that it depend on both sides who will negotiate each other. If everybody hold only their benefit it will not be peaceful. In fact, Thai people can always adapt themselves because we have passed on such political crisises. However,I hope that thai people will learn about such the problem untill we can develop the same our country or democracy as developed countries.

*pung*

ช่วงเดือน พ.ค. ป้าตุ๋ยมีโปรแกรมส่วนตัวจะไปเที่ยวแถวฝั่งทะเลอันดามันกับน้องซะและเพื่อนอีกสองสามคน จะมีหน.ชปก (เพื่อน Talented) ไหนบ้างเน้อแถว ๆนั้น จะช่วยสงเคราะห์เป็นไกด์พาเที่ยวได้บ้าง ขอขอบคุณล่วงหน้าไว้นะที่นี้จ๊ะ

สวัสดี สมาชิกชาวTalented 2009 ขอร่วมเป็นกำลังใจให้กันและกัน เพื่อช่วยกันนำพาประเทศชาติกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว

ขอสนับสนุน การแสดงออกของผู้กล้า ในการกระทำสิ่งที่พิจารณาแล้วเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง (จากการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด

ถึงแม้ไม่ได้ไปร่วมด้วยตนเองขอส่งแรงใจช่วยเต็มที่) แล้วพวกเราล่ะมีความคิดอย่างไรกับคอลัมข้างล่างนี้

อาจารย์พิเศษคณะอักษรศาสตร์จุฬา ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อสีชมพู กล่าวว่า การรวมตัวครั้งนี้เพื่อบอกกับคนไทย ให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและไม่ต้องการเห็นความแบ่งแยกในประเทศ ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า คนเสื้อสีชมพูเป็นอดีตเสื้อเหลืองนั้น วันนี้อย่าพูดถึงเสื้อสีอะไร เพราะคนรักในหลวงเป็นเสื้อสีชมพูทั้งหมด นอกจากนี้ อยากฝากบอกไปยังคนกรุงเทพให้ช่วยกันปกป้องประเทศด้วยสันติ และสร้างสรรค์ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ขอให้ใช้ความอดกลั้นให้ได้มากที่สุด

สีเหลืองก็ไม่ได้ สีแดงก็ไม่ดี สีน้ำเงินก็ไม่เอา สีชมพูเขาก็ว่าของเขาแบบนี้

ในตู้เสื้อผ้าตอนนี้คงต้องแขวนแต่สีขาวกับดำซะแล้วมั้ง

To..talent

I believe that, Thai people have differrent oppinions on political problems now. In fact, most of Thai people still always respect to The King of them, but some of the political group have wildly distorted information untill a number of people begin to believe according to such information. However, it is impossible to change Thai society and Trust that have a long time without enough good reason especially, changing from leader has made a corruption a lot.

**pung**

เรียนมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นปรากฏการของธรรมชาติ ที่มนุษย์ค้นพบ

รังสีอุนตร้าไวโอเล็ต เป็นที่รวมของแสงสีต่างๆ โดยต้องผ่านตัวกลางใสๆ เช่น ปริซึม ละอองน้ำ ละอองฝน จะทำให้เกิดการหักเหของแสง แล้วสะท้อนให้มองเห็นแสงสีต่างๆ อย่างน้อย 7 สี (ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง)

อากาศมันร้อนมาก ๆ ดูและตัวเองกันด้วยนะพี่น้อง ที่ออกไปตากแดด

To..talent

This time period, we all begin to consider that problems, which have been occured in our country will have the best ways how to slove. I strongly believe that, the Government should has more audacity in obstructing red shirt groups's movement, because they have extremely breaken a law. For example, many people of red shirt may are so important parts of several violations in many area last weekss and they also have potested out of control. Finally, Thai people still expect that the Government may be able to bring about many measure to manage red shirtg coming soon.

pung

พูดไม่ออกบอกไม่ถูก คงซีเรียสไปตามๆกัน วังวนของประเทศไทย เรียนรู้กันต่อไป

I think that Thai politic will be better in the future. There are many reason that support this idea that is, the most of Thai people have a tendency to protect their country, begin to learn about more Thai politic and try to get rich of bad politicians. The present,I see Thai people start to oppose abnormal things of society and give considerable knowlege about democracy with Thai people as well. Last,saying that it is important for Thai society to should really foster merely a good and competent person to be leader our country also become developed country.

ขอแก้นี้ด get rid of แปลว่า กำจัด

pung

ว้า! ม่ายมีครายออกความเห็นเลยยยย มีแต่คนอ่านเท่าน้านนน

งั้นขอเป็นหน้าม้าไปก่อนน๊า

จบเทศกาลสงกรานต์แล้ว คงจะได้เห็นอะไรๆ ที่แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของเหล่าเทพ ใครทำอะไรไว้ เตรียมรอรับผล รอรับฟังรับชมกันต่อไป

ยังไม่มีใครสวัสดีปีใหม่ไทยกันเลยนะจ๊ะ

สวัสดีปีใหม่ไทยจ้า....

จะยังไงก็ช่าง เตรียมตัวกลับเข้าที่ตั้งกันได้แล้วนะจ๊ะ

มูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ

ขอเชิญร่วมสัมมนา โปรดคลิกที่นี่เพื่อดูรายละเอียด

 

http://gotoknow.org/blog/chiraacademy/352750

 

ผู้ใหญ่...มุกดาหาร

เพื่อนพ้องน้องพี่.....

เป็นช่วงเวลาแห่งการฝึกสุขภาพกาย..สุขภาพจิตที่แท้จริง

ให้มี...ความอดทน..ต่อการยุ่วยุ. ความกดดัน.สภาพไม่พึงประสงค์

.......... แยกแยะ..ความถูกผิด..ผิดชอบชั่วดี..ถูกต้อง/ถูกใจ .มีเหตุผมีผล...

.............. การควบคุม...สภาวะจิต..อารมณ์รัก...ชอบ...โกรธ..ชิงขัง...

................สุดท้ายมองหาเหตุผลที่เห็นและเป็นไป...พร้อมจะให้อภัย....จิตใจที่ว่างเปล่า

..........ปล่อยวาง.....และมีเหตุมีผล....และกฎแปห่งกรรม.. (การกระทำ............

มีความสุขกับการทำงานในสภาะที่ไม่ปกติทุกท่าน..เอาใจช่วยทุกคน

...ผู้ใหญ่....

เงียบสงบเลย สมาชิกชาวTalented 2009

I expect that our country has enough good persons to protect bad persons, who are politicians want to damage our country. We make use of democracy ,that now several groups are moving for different goals. Fore xample, many color shirt group seem to move creatively while red shirt group move for someone. However, all people ,who

live in Thai country should take consideration into account the fact that how they should develop thinking to benefit on Thai democracy.

**pung**

หวัดดีเพื่อนๆ NIA-Talented-2009 ทุกคน

ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับ เนื่องจากห้วงเ้ดือนเศษที่ผ่านมา เกรงว่าพวกเราจะคงวุ่นวายและสับสนกันอยู่เลยไม่อยากจะโพสต์ข้อความรบกวนสมาธิ ตอนนี้คงคุ้นชินกันแล้วนะ อีกอย่างเดี๋ยวจะสาวๆบางคนหาว่า blog ของพวกเราจะเงียบไป

10 วันก่อนผมลงไปทำงานที่หาดใหญ่ เจอน้องๆ Talented สายใต้ตอนล่าง ได้มีโอกาสนั่งสนทนากันว่าเราต้องแนบแน่นกันเริ่มตั้งแต่คนใกล้ตัวหรือสำนักเดียวกันก่อน แล้วค่อยขยายวงไปให้ครอบคลุมเพราะตอนนี้ทุกคนโคตรยุ่งเลย ผมทราบดี แต่เราต้องไม่ละเลยการดำรงสภาพความสัมพันธ์อันดีระหว่างพวกเรา เอาเป็นว่าบ้านเมืองสงบแล้วเราเจอกัน

ก่อนผมกลับกรุงเทพเจอทั่นแป๋ง ยังไม่ทันจะได้คุยอะไรกันมาก แบบว่าทั่นเข้าพื้นที่ผมกลับกรุงเทพ กินข้าวเย็นกันนิดหน่อย แต่ยังไม่ได้ใช้น้ำประสานสัมพันธ์ เนื่องจากเกรงหูดับจากการเดินทาง 555555

สรุปว่าผมจะพยายามเข้ามาทักทายและส่งข่าวเพื่อนๆ ทุกๆสัปดาห์

ปล.เดือนหน้าระหว่าง 8-9 พ.ค.53 สหกรณ์ฯ กำหนดจัดสัมมนา เพื่อนๆ ท่านใดมีข้อสงสัยหรือประเด็นร้องเรียน รวมถึงข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงบริการหรืออื่นๆ แจ้งมาได้เลย ทางนี้ หรือทางโทร. ได้เลยเพื่อน

บายๆๆๆๆ//ปธ.ติ่ง

What the best way of solving political crisis is. It is difficult to decide under pressure and are expected from all sides ,while red shirt army‘s candestine operation have loses to important places of public and private sector continuosly. In my view, the Government should actualize their policy more clearly and focus on problems of what they feel right or positively.In sum, our country will be pleacful if Thai people aware of democracy as well as the US. or English country.

**pung**

สวัส ดีค่ะ ยินดีต้อนรับสู่ เว็บไซด์ Chiraacademy รูปแบบใหม่ เพื่อน ๆ ทะเล้น เอ้ย! talented 2009 เข้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กันเยอะ ๆ นะจ๊ะ

Both parties are Thai people but why their oppinion is also extremely different. Major factors ,that may cause such difficult situations are personal benefits ,political knowelege and other biases. However, we may learn about changing of world in many aspects, acting of many kinds of persons as well as developing of democracy in the future.

As for different oppinions, we will accept them as much as they are right and reasonable enough to help us further develop society or country.

**pung**

ขออภัย ณ ที่นี้ถ้าแปลลำบาก แต่เพื่อ enhance english skill ต้อง patient

เพื่อนพ้องน้องพี่

ผู้ใหญ่แวะเข้ามาเป็ช่วงๆ เห็นพี่น้องทั้งแนวหน้าแนวหลังขมักเขม้นกันปฏิบัติภารกิจแล้วชื่นใจ

คุณผึ้งก็ใจดีแวะมาเติมความรู้ต่อเนื่อง

เอาใจช่วยน่าจะโค้งสุดท้ายแล้วนะ

มีความสุขกันถ้วนหน้า

ผู้ใหญ่

เราจะได้เจอกันอีกในเร็ววันนี้..

ไอ้มดแดง แรงฤทธิ์

อยากเจอ อุลตร้าแมน ซุปเปอร์แมน แบ๊คแมน ไอ้แดง ไม่อยากเจอ กลัว M79 M67

แวะเข้ามาทักทายจ้า ไม่มีความเห็นใด ๆ

ยังคิดถึงทุกคนเสมอ

โฆษณา ฮาฮาฮา

เหนื่อยล้า อ่อนแรง มีเครื่องดื่มชูกำลังให้เลือกดื่ม 3 ยี่ห้อ ,,, M 100,,,,M150 หรือ M79,, ดีล่ะ

แก้เครียด.....

เฮ้..พี่น้องไปไหนกันหมด

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน

ผมไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแค่ขึ้นลงกรุงเทพ-สงขลา เป็นระยะๆๆ เดือนเพิ่มเส้นทางไปเมืองชลฯ เจอท่านนาวิน ต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี วันนี้ยังอยู่กรุงเทพจ้า แต่วันศุกร์นี้ต้องลงไปหาดใหญ่อีกแล้ว ตั้งแต่ย่ำรุ่ง มีงานเล็กน้อยๆ กลับวันอังคารหน้าเลย

จงตั้งสติ ยึดมั่นอุดมการณ์ ดำเนินงานด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม ตรวจสอบได้ (Organizational Governance) โปรดฟังอีกครั้ง

จงเก็บพลังไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ด้วย อย่าทุ่มเทพลังจนหมดแค่วันนี้ เิพราะยังไม่สามารถประเมินได้ว่างานจะเลิกวันไหน

รักและคิดถึงทุกคนเสมอ/ปธ.ติ่ง

ปล.หน้าตาเว๊บของ อจ.จีระ รูปแบบใหม่ จ๊าบๆๆมากๆๆ

สวัสดี

เคอร์ฟิว หมายถึง การห้ามออกจากเคหสถาน หรือ เคอร์ฟิว (ฝรั่งเศส: couvre feu, อังกฤษ: curfew) หมายถึง คำสั่งของรัฐบาลให้ประชาชนกลับเคหสถานก่อนเวลาที่กำหนด อีกนัยหนึ่งคือการห้ามประชาชนออกจากเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด (มักเป็นเวลากลางคืน) ซึ่งเป็นการกำหนดขึ้นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย หรือให้ความสะดวกต่อการปราบปรามกลุ่มเป้าหมาย

คำว่า "เคอร์ฟิว" มาจากภาษาฝรั่งเศสว่า couvre feu แปลว่า ดับไฟ (couvre = ดับ, feu = ไฟ) ซึ่งคำนี้ถูกนำมาใช้ในภาษาอังกฤษโดยสะกดว่า curfew[1]

พี่น้องชาวอิสานเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะขอนแก่น ศป.ข.โดนเผาด้วยหรือเปล่า ฟังข่าวแล้วเป็นห่วงทุกคน ยังไงก็รักษาเนื้อรักษาตัว พักผ่อนเติมแรง ร่วมกันทำงานเพื่อฟื้นฟูชาติไทยเราให้ยั่งยืนต่อไป ขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวอิสานทุกคนจ๊ะ....ป้าตุ๋ยเอง

In my view, red shirt army are likely to changes peacful rally to violent undergroud operation, but soldier may be able to manage them more easily. Thai people all need to keep good persons and prevent bad persons don't rule our country.

*pung*

เพื่อนพ้องน้องพี่

ผู้ใหญ่แวะเวียนเข้ามาเป็นระยะ สัปดาห์ที่ผ่านมา (โดยเฉพาะวันที่ ๑๙ พ.ค.) ถือเป็นฝันร้ายคืนหนึ่ง

ของพวกเราหลายคนชาวเสียงอีสาน ไม่เว้นแม่แต่ประตูสู่อินโดจีนอย่างมุกดาหาร ที่จนถึงวันนี้ยัง

ต้องสะกดและทำความเข้าใจคำศัพท์คำเดียวกับท่านกระทู้ที่ ๑๐๖๖

ส่วนคำตอบของคำถามป้าตุ๋ยกระทู้ ๑๐๖๗ คือ สอ.ปอ.ขอ.ภาค ๓ อยู่จุดศูนย์กลางของเหตุการณ์

พอดิบพอดี เหลือสมบัติไม่กี่ชิ้น

ยังไงสภาพจิตยังบริบูรณ์ เอาใจช่วยทุกท่านฝ่าฟัช่วงหนี้ให้ได้

ผู้ใหญ่

ไม่ได้เข้ามานาน อ้อยังมีความเคลื่อนไหว เป็นกำลังใจให้สมาชิกอีสานทุกท่าน ให้ผ่านพ้นไปได้ แล้วตั้งหลักสู้กับมันใหม่ ไม่ยาก

เกินไปถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าเป็นไปได้ น่าจะแปรวิกฤติเป็นโอกาส เปิดร้านรับซื้อยากเก่าสต๊อกไว้ เชื่อว่าอีกไม่นานมีเผาอีก สุด

ท้ายต้องมาง้อเรา 55555

สวัสดีครับ สมาชิก NIA-Talented 2009 ทุกคน

สัปดาห์ที่แล้ว ผมได้รับการเรียกร้องจากสมาชิกหลายๆคนว่าบ้านเมืองดีขึ้น เราเหนื่อยกันมามากแล้ว เจอกันซักหน่อยดีไหม เอาเป็นว่าขอแจ้งนัดหมายเลยละกัน ฤกษ์งามยามดีวันพุธที่ 2 มิ.ย.53 เวลา 11.00-14.00 น. ร้านอาหารตลิ่งชัน เหตุผลที่เสนอร้านนี้เพราะเมื่อวานเพิ่งลงแนะนำอาหารในหนังสืออะไรซักอย่าง เมนูเด็ดๆๆ เพียบ อาทิ ตะเพียนทองคะนองรัก ต้มยำปลาช่อนทอดกรอบ พุงปลาช่อนทอดน้ำปลา พอเป็นกระสัยนะพี่น้อง...ใครไปได้หรือไปไม่ได้ไม่ว่ากัน...รู้แล้วบอกต่อๆๆกันด้วย///ปธ.ติ่ง

สวัสดีครับเพื่อนพ้องน้องพี่ NIA-Talented 2009 ทุกคน

ขอแจ้งเปลี่ยนแปลงกำหนดการเล็กน้อย เนื่องจากวันที่ 2 มิ.ย.53 พวกเราหลายคนต้องไปร่วมสัมมนาของ ศป.ข. เลยขอเลื่อนวันนัดหมายออกไปเป็นวันศุกร์ที่ 4 มิ.ย. เวลาเดิม ตอนนี้น้อง M ส่ง SMS คงได้รับกันแล้วนะจ้ะ/ปธ.ติ่ง

ไปด้วยคนครับ ขอเสนอชื่อเลย ที่ครัวริมคลองใช่มั้ยครับ ที่เดิม จะไปรอแต่เช้า

คงไม่ได้ร่วมงานพบปะครับ...เก็บเศษเถ้าถ่าน ศป.ข.๓ บนศาลากลางจังหวัดขอนแก่น หลังจากวันวันแดงเดือด ยังไม่แล้วเสร็จครับ...

สวัสดีวันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2553

พาดโอกาสไปงานพบปะ อย่างไรก็ขอส่งใจไปร่วม และขอสนับสนุนในการช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ได้ไอเดียอะไรเล่าสู่กันฟังบ้าง ประชาธิปไตยเห็นแตกต่างกันได้ เป้าหมายสูงสุดของทุกคนคือ ความสงบสุข

Today, I am working at SOPOKO I alway feel happy to change work place because I am bored that both my colleages and boss have absolutely bad behavior. However, I still think positively and hold an idea that I should simplify the world.

Last, I am confident that many talent friends will go to the party together

pung..

Atpresently, I have been trained at our center. I enjoy with lesson and new friends because they are interesting

wait a minute...

pung..

ผมยังอยู่สบายดี กำลังปรับหลายๆอย่างให้เข้าที่ ทั้งที่อยู่ งานการ มีบ้างทีที่อ่อนเรี่ยวแรง มีบ้างทีที่ล้า อ่อนใจ มีคำพูดของหลานที่คุยผ่านfacebook กระตุ้นอยู่เลยต้องสู้ เด๋วอายเด็กมัน ดีใจที่ไปวันที่4 แต่คนน้อยจัง โชคไม่ดีที่หลายคนติดงาน หลายคนเสร็จภารกิจที่ยากที่สุดของประเทศชาติ เพราะผู้คนแตกแยกอีกครั้ง ที่พูดอีกครั้งเพราะว่ามันเหมือนวัฐจักรที่เวียนมาอีกครั้งของคนไทย ไม่ว่า 2475 กบฎวังหลวง กบฎแมนฮัตตัน 2516 2519 2535 2549 2551 และ 2553 ผมไม่พูดต่อว่าเพราะอะไร ประวัติศาสตร์มันลึกซึ้ง ละเอียดอ่อนเกินจะมาพูดเล่นๆ แต่เราก็ต้องฝ่ามันไป ผมก็เลยต้องฝ่าไปเช่นกัน ภารกิจของผมมีอีกแค่ระยะหนึ่งเท่านั้น ผมก็จะกลับไปสู่วิถีของตนและกระทำในสิ่งที่ผมวางแผนไว้ ไม่รู้ว่าเราจะเปลี่ยนมันได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสภาพแวดล้อมบ้านเราไม่เอื้ออำนวยเลย แต่อย่าละทิ้งอุดมการณ์นะครับ มิฉะนั้นเราจะอยู่กับที่ถูกกระแสโลกผลักเราลงเหวหายไปอย่างไม่มีวันกลับเลย

pattani darussalam

I am not surprise that why Thai people therefore separate as two sides because they think negatively all things.

For example, I observe that when a number of people stay together a long time they really will begin to express habit and there are likely to adjust lower themselves. Furthermore, I think that they may be distracted , interested in too other life and lack of confidence in their life. These may result from many causes such as lacking of goal in life Therefore, all people need to fucus on adventage and disadventage of themself for the best solution

pung..

ประตู่สู่อินโดจีนมุกดา กำลังปรับสภาพหลังโมหะพิโรธ ๑๙ พรึดสะพา

อยู่ระหว่างการก่อสร้าง รูปปั้นพญานาคพ่นน้ำเป็นสิริมงคลแก่ชาวพารา

เห็นว่าต้น สอ.คอ.จะพบกันแล้ว หวังว่าคงไม่มีไพรีมาแพ้วพาลอีก

โชคดีในการทำงานฟื้นฟูประเทศชาติทุกท่าน

ผู้ใหญ่

ถึง น้องต็อก ณ ปัตตานี ดารุสลาม

เข้าใจความรู้สึกและสถานการณ์ที่พานพบในปัจจุบัน สิ่งที่คาดหวัง น่าจะเป็น ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้เสมอ อุปสรรคไม่ได้มีมาแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ชีวิตคนๆหนึ่ง จะต้องเจออุปสรรคหลากหลายแตกต่าง ยากง่ายแล้วแต่กรรม ทำอย่างไรเราจะผ่านสิ่งที่ทำให้ย่อท้อ อ่อนล้าไปได้ อย่างน้อยที่เคยเจอมาหลายๆครั้ง คือ ความบริสุทธิ์ใจ ตั้งใจ และคิดดี ทำดีต่อคนอื่น และประเทศชาติ สักวันผลลัพท์ที่ดี สิ่งดีๆจะกลับมาไม่ช้าก้อเร็ว เป็นกำลังใจให้เสมอ และผ่านมันไปให้ได้โดยเร็ว

การบริหารคนเก่ง (Talent Management) : ยุทธศาสตร์ประเทศไทย

ในยุคอุตสาหกรรมนั้น ประเทศใดที่สามารถครอบครอง “เทคโนโลยี” ประเทศนั้นย่อมมั่งคั่งร่ำรวย โดยที่พนักงานทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับการคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยี ย่อมไร้คุณค่าความหมาย

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน ที่เป็นโลกแห่งข้อมูลข่าวสาร “เทคโนโลยี” กลับมีบทบาทน้อยลงทุกที เนื่องเพราะบริษัทคู่แข่งสามารถลอกเลียนแบบได้ในเวลาไม่นานนัก ที่สำคัญ เทคโนโลยีในอุตสาหกรรมทั่วไป เช่น โทรทัศน์ รถยนต์ ก็ได้เข้าสู่ยุคแห่งความอิ่มตัว ซึ่งการวิจัยเพื่อเพิ่มคุณภาพสินค้า อาจมีคุณค่าในสายตาผู้บริโภค น้อยกว่าการออกแบบให้มีความหรูหราสอดคล้องกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้บริโภค

ดังนั้น สินทรัพย์สำคัญของบริษัท จึงไม่ได้ตกอยู่กับนักวิจัยเพียงไม่กี่คนที่ทุ่มเทเพื่อการคิดค้น “เทคโนโลยี” แต่กลับขึ้นอยู่กับ “คนเก่ง (Talent)” ที่คอยขับเคลื่อนบริษัทให้พร้อมรับมือกับคู่แข่งในทุกแนวรบ ทั้งในเชิงการตลาด การวิจัยผู้บริโภค การบริหารต้นทุน และกลยุทธ์ ฯลฯ ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จนยากที่บริษัทใดจะสามารถผูกขาดความสำเร็จไว้ได้ หากไม่มีคนเก่งที่คอยสร้างสรรค์นวัตกรรมให้อย่างต่อเนื่อง

Talent Management จึงเป็นศาสตร์ใหม่ ที่ได้รับการคิดค้นขึ้นมาใช้สำหรับองค์กรธุรกิจ ในการเฟ้นหา รักษา และบริหารคนเก่ง ให้สามารถร่วมมือกันสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำพาบริษัทไปสู่ความสำเร็จ

สำหรับประเทศไทยนั้น ได้มีการนำแนวคิด TM มาประยุกต์ใช้ในองค์กร แต่ก็ยังมีความสำเร็จไม่มากนัก เนื่องจากยังติดกรอบคิดในแบบอุตสาหกรรมที่แข็งเกร็งและทุกอย่างต้องชี้วัดได้ จึงทำให้ยากที่จะนำมาใช้กับ Talent ซึ่งเป็นผลผลิตของยุคข้อมูลข่าวสาร ที่มีความยืดหยุ่นและพลวัตสูงกว่าได้

ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่า ก็คือ Talent Management ในระดับประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า คงมีบริษัทไทยไม่กี่แห่งที่สามารถดึงดูด Talent จากต่างประเทศ เหมือนที่บริษัท IT จากอเมริกา เข้าไปเฟ้นหา Talent ถึงในแผ่นดินจีน ดังนั้น บริษัทไทย จึงต้องยอมรับชะตากรรมที่จะต้องเฟ้นหา Talent จากเมืองไทยอย่างไม่มีทางเลือก แต่ที่น่าเศร้าคือ Talent ในเมืองไทยก็มีจำกัดมาก โดยเฉพาะเมื่อถูกระบบการศึกษาไทยที่แสนคับแคบบั่นทอนความสามารถไปมากมาย

หากประเมินในบริบทประเทศไทยนั้น Talent Management คงต้องเริ่มจากมหาวิทยาลัย เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ “ทรัพยากรมนุษย์” มีอิสรภาพสูงสุด เพราะในระดับมัธยมนั้น ผู้ปกครองย่อมคาดหวังที่จะให้ลูกหลานทุ่มเทเวลาให้กับการพิชิตชัยในสนามสอบเอนทรานซ์ ขณะเดียวกัน เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว บริษัทก็มุ่งหวังจะให้นักศึกษาเข้าทำงานในทันที หากใครเว้นว่างเพื่อไปทดลองใช้ชีวิตหรือทำธุรกิจส่วนตัว ก็อาจถูกประเมินในแง่ลบจากตลาดแรงงาน

ยิ่งกว่านั้น ในบริบทประเทศไทย ยังไม่นิยมลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อไปเริ่มต้นธุรกิจเหมือนในอเมริกา ยังไม่ต้องพูดถึงว่า พ่อแม่มีค่านิยมที่จะส่งเสียให้ลูกเรียนหนังสือเพียงอย่างเดียว ดังนั้น นักศึกษาจึงสามารถทดลองทำในสิ่งที่แตกต่าง เพื่อพัฒนาทักษะตนเองในการเป็น Talent ได้ดีที่สุด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองหรือเวลาว่าง

1. Inspiration

ปัญหาของ Talent ในเมืองไทย คือ การหมกมุ่นในสาขาที่ตนเชี่ยวชาญ โดยขาดความเฉลียวใจว่า ความสำเร็จในยุคข้อมูลข่าวสารนั้น มีความแตกต่างจากในโลกอุตสาหกรรม นั่นคือ ในโลกที่อัดแน่นไปด้วย “ตัวเลือก” ทั้งสินค้าและแรงงานนั้น ผู้ซื้อจะไม่ลงทุนค้นหาข้อมูลเพื่อเลือกเฟ้น “คนเก่งที่สุด” แต่จะเลือกคนเก่งระดับรองลงมาที่มีความสามารถในการสื่อสารเป็นเลิศ เนื่องจากบริษัทก็ต้องการคนเก่งที่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนเก่งในแผนกอื่น เพื่อร่วมมือกันคิดค้น “นวัตกรรม” ในการพิชิตคู่แข่งอย่างทันท่วงที

มหาวิทยาลัยจึงควรตระหนักถึงความสำคัญของ “ทักษะการสื่อสาร” โดยวางหลักสูตรให้นักศึกษามีหน่วยกิจที่เกี่ยวกับการเขียนเรียงความ (Essay) และการพูดที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ (Inspiration) เพื่อให้คนที่ไม่ได้อยู่ในสาขาวิชานั้น ตระหนักรับรู้ในความสำคัญและเนื้อหาสาระของวิชานั้นได้

วิธีนี้มีข้อดี คือ การช่วยลดต้นทุนในการเฟ้นหาคนเก่งของบริษัท ไม่ให้หลงกลไปจ้างคนเก่งพูดแต่อ่อนคุณสมบัติเข้ามาในบริษัท เพียงเพราะว่า Talent ขาดคุณประสบการณ์ในการสื่อสาร

Talent ที่ฝึกฝนทักษะการสื่อสารอย่างดีเยี่ยม ย่อมเป็นคนมีเสน่ห์และมีเพื่อนฝูงมากมาย ดังนั้น Talent จึงไม่หมกมุ่นแต่ในสาขาแคบๆของตน หากแต่สามารถบูรณาการความรู้จากสาขาอื่นมาเสริมให้ความสามารถเฉพาะทางของตนยอดเยี่ยมและตอบสนองต่อความต้องการในตลาดได้ดียิ่งขึ้นด้วย

2. Network

ในประเทศไทย ที่ขาดแคลนเงินทุนและธุรกิจที่แตกต่างหลากหลายนั้น ย่อมทำให้ความสามารถของ Talent ต้องถูกบีบแคบให้เหลือในไม่กี่สาขา ทั้งที่ธรรมชาติได้บันดาลความสามารถของคนให้แตกต่างกันเพื่อร่วมกันสร้างสรรค์โลกให้งดงาม จึงไม่น่าแปลกใจว่า Talent ในเมืองไทยจึงมีสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร เนื่องเพราะ Talent ในสาขาที่ไม่มีธุรกิจรองรับ จะต้องกลายเป็นผู้ด้อยพรสวรรค์เพราะถูกบังคับให้ไปทำงานในสาขาที่ทำเงินได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม หากสามารถรวมตัวระหว่าง Talent ในสาขาวิชาที่แตกต่างกันได้สำเร็จ โดยเฉพาะการถักทอความเชื่อใจในความซื่อสัตย์และฝีไม้ลายมือผ่านการสร้าง Network มาระดับหนึ่งแล้ว ก็ย่อมสามารถรวมตัวกันเพื่อมาร่วมกันสร้างสรรค์ธุรกิจใหม่ที่ยังไม่เคยมีในตลาดได้ โดยที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าการเปิดบริษัทเพียงลำพัง เนื่องจากเป็นการ

จ้างงานกันเองภายใน Network และยังมีการระดมทุนจากสมาชิกใน Network ได้อีกด้วย ในโลกยุคข้อมูลข่าวสารที่เต็มไปด้วยเครื่องมือสื่อสารทั้งเว็บไซด์ ทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก ย่อมเอื้ออำนวยให้ Talent สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้คนในหลากหลายสาขาวิชาชีพได้ โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูงในบริษัทต่างๆ ที่อาจนำไปสู่การได้รับคัดเลือกให้ทำงานในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยม

มหาวิทยาลัยจึงอาจช่วยเหลือนักศึกษาในการสร้าง Network ทั้งกับเพื่อนต่างสาขาและกับบุคคลภายนอก โดยการเชิญนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ผู้ประสบความสำเร็จในอาชีพที่หลากหลาย และบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียง เพื่อมาพบปะและพูดคุยกับนักศึกษาตลอดทั้งปี

3. Love

ในยุคข้อมูลข่าวสารนี้ การเป็นพนักงานธรรมดาในสาขาอาชีพยอดฮิตที่มีค่าเฉลี่ยรายได้สูงสุด อาจทำเงินได้น้อยกว่าการเป็น Talent ในสาขาอาชีพธรรมดาก็เป็นได้ ดังนั้น การทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงงานให้กับสาขาที่ตนเองรักและถนัด ย่อมมีค่ามากกว่าการฝืนทนในสิ่งที่ไม่ถนัดเพราะคิดว่าทำเงินได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม พ่อแม่ผู้ปกครองซึ่งเป็นคนที่เกิดในยุค อุตสาหกรรมที่เน้นเทคโนโลยีมากกว่า Talent ย่อมยังยึดติดกับกรอบคิดแบบเดิม โดยลืมไปว่า Trend ได้เปลี่ยนไปแล้ว จึงยังคงยัดเยียดให้ลูกหลานเข้าเรียนในคณะที่โด่งดังโดยไม่คำนึงถึงความถนัดของลูกหลาน

มหาวิทยาลัยย่อมมีส่วนช่วยเหลือในจุดนี้ โดยการเข้มงวดในมาตรฐานของแต่ละคณะ ไม่ปล่อยให้นักศึกษาสอบผ่านไปจนถึงปี 3-4 ได้ โดยกว่าที่นักศึกษาจะตระหนักว่าตนเองไม่ได้ถนัดหรือรักในสาขาที่เรียนเลยก็ต้องเสียแรงงานและเวลาไปมากมาย ที่สำคัญยังทำให้ “ผู้ปกครอง” ได้ตระหนักถึงศักยภาพของลูกหลาน และพร้อมจะเปิดทางให้เลือกในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ เพื่อจะสำเร็จการศึกษาออกมาพร้อมกับความเป็น Talent ที่ทำเงินมหาศาลในสาขาที่ตนรัก

มหาวิทยาลัยจะต้องสร้างค่านิยมให้นักศึกษาและผู้ปกครองเห็นว่า “ความล้มเหลว” ของชีวิตเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะการถูกรีไทร์จากมหาวิทยาลัยนั้น นับเป็นความขมขื่นที่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับชีวิตการแข่งขันในโลกธุรกิจที่โหดร้าย

ความกล้าที่จะล้มเหลวและความรักในสิ่งที่ทำ ย่อมเป็นคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่ในการก้าวไปสู่ความเป็น Talent ชั้นแนวหน้าของสังคมไทย

ที่มา: http://www.siamintelligence.com/talent-management/

ขอบคุณครับ หน.ศักดิ์ฯ หัวกระทิ ย่อมเป็นหัวกระทิ วันยังค่ำ อย่างไรก็ตามกระทิย่อมมีแหล่งกำเนิดจากผลมะพร้าว เพียวแต่ว่าผู้ครอบครองผลมะพร้าว จะรู้จักใช้ประโยชน์อย่างไร ใช้แต่เนื้อ คั้นเอาเฉพาะน้ำกระทิ ใช้เปลือก เส้นใย ใช้กะลา เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยลืมไปว่าผลมะพร้าวสามารถนำไปใช้ได้หลากหลาย หลากขั้นตอนวิธีการ ตามแต่เวลาสถานที่ หรือสถานการณ์ต่างๆ

แต่ผู้บริหารบางคน มองเป็นเพียงผลมะพร้าว แค่เกิดมาและรอวันร่วงหล่น ใช้ประโยชน์ไม่เป็น จึงไม่ได้เป็นทั้งหัวกระทิ หรือเพียงแค่กะลา ที่นำไปเป็นถ่านในเตาไฟ รอวันดับสูญ

555555555555 มั่วจริงๆ เพียงแค่อย่างจะบอกว่า อ่านข้อความของ หน.ศักดิ์ฯ แล้ว กระสากลิ่นว่า หัวหระทิ ย่อมเป็นหัวกระทิ วันยังค่ำ ไปๆมาๆ กลับมาลงที่กะลาได้อย่างไร สงสัยต้องตักน้ำใส่กระโหกชะโงกดูเงตัวเองซะแล้ว

ไม่ได้เข้ามานาน แต่พอเข้ามาอาจจะถี่ไปหน่อย ขออภัยพี่ๆน้องๆ ไว้ ณ ที่นี้ ครับ

ขอบคุณครับ..คุณรพินทร์ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้พบความรู้ที่น่าจะเป็นประโยชน์กับผองเพื่อสมาชิก...เพื่อใช้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันครับ...

เจงกีสข่าน : บทเรียนกลยุทธ์สำหรับการแข่งขันชิงชัยในศตวรรษที่ 21

June 8, 2010

เหตุใดชาวมองโกลก่อนหน้ายุคสมัย “เจงกีสข่าน” จึงเป็นเพียงชนเผ่าเล็กๆในท้องทะเลทรายที่แทบไม่มีบทบาทใดๆในประวัติศาสตร์โลก และภายหลังเจงกีสข่านไปเพียง 150 ปี ชาวมองโกลก็ต้องกลับไปยากจนหลบมุมในท้องทะเลทรายประดุจเดิม

“กลยุทธ์” คือ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจงกีสข่านเป็นผู้นำเผ่ามองโกลที่โดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่น เพราะหากไม่มีการวางแผนสงครามที่ชาญฉลาดแล้ว พละกำลังและความเหี้ยมโหดของชาวมองโลกก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไร้ค่า ดังที่ประวัติศาสตร์ยุคก่อนและหลังเจงกีสข่านได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว

1. จังหวะเวลาและการใช้ “จุดแข็ง” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

“เร็ว” เป็นจุดเด่นที่สุดของทหารม้ามองโกล แต่สิ่งที่ทำให้เจงกีสข่านแตกต่างจากจอมทัพมองโกลคนอื่นก็คือ การรู้จัก “ช้า” เพื่อรอคอยจังหวะที่เหมาะสมหากเจอศัตรูที่เข้มแข็งกว่าหรือสมรภูมิที่ทหารมองโกลไม่ถนัด เช่น กำแพงเมืองสูงชัน เจงกีสข่านก็มีวิธีหลบเลี่ยงจุดแข็งของศัตรู โดยไม่รีบร้อนที่จะปะทะแตกหักอย่างตรงไปตรงมา หลังจากนั้นจึงใช้กลยุทธ์หลอกล่อหรือสงครามจิตวิทยา เพื่อให้จุดอ่อนของศัตรูเปิดเผยออกมา แล้วจึงใช้ทัพม้าที่เป็นจุดแข็งของมองโกลโจมตีอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งศัตรูตั้งตัวไม่ติดและต้องพ่ายแพ้ในท้ายที่สุด

2. ลงทุนในการแสวงหาและวิเคราะห์ข่าวสารข้อมูล

สำหรับชนเผ่ามองโกลที่ด้อยอารยธรรม ย่อมเป็นเรื่องน่าทึ่งที่ผู้นำซึ่งไม่รู้หนังสืออย่างเจงกีสข่านนั้นจะเป็นนักรบที่แสวงหาข้อมูลข่าวสารของข้าศึกอย่างเป็นระบบและรวดเร็วที่สุดเริ่มจากการส่งคนปลอมตัวเป็นพ่อค้าไปสืบข่าวในเมืองของข้าศึกจนกระทั่งจัดสร้างศูนย์กลางข่าวสารข้อมูลตลอดอาณาจักรอันไพศาล เพื่อให้ข้อมูลจากระยะทางไกลนับพันกิโลเมตรสามารถมาถึงมือผู้บริหารได้ภายในเวลาไม่เกิน 10 วัน

ในยุคโลกาภิวัตน์ศตวรรษที่ 21 ซึ่งข้อมูลข่าวสารสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็วผ่านระบบอินเทอร์เน็ต วิธีการของเจงกีสข่านอาจเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้ว แต่กระนั้น การลงทุนด้านข้อมูลข่าวสารก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง แต่อาจต้องปรับรูปแบบไปสู่การแสวงหาข่าวสารเชิงลึกที่มีคุณภาพสูง ที่ทำให้องค์กรของเราสามารถนำข้อมูลที่เหนือกว่ามาใช้กำหนดกลยุทธ์อย่างพลิกแพลงเพื่อพิชิตคู่แข่งที่อาจมีพละกำลังและเงินทุนที่เหนือกว่าได้

3. จัดสรรทรัพยากรอย่างยุติธรรม เพื่อดึงดูด “คนเก่ง” จากทั่วสารทิศ

การแสวงหาคนเก่ง ได้กลายเป็นวลีฮิตที่ใช้กันอย่างฟุ่มเฟือยในยุคปัจจุบัน แต่สิ่งที่องค์กรส่วนใหญ่ลืมนึกถึงก็คือ จิตใจที่กล้าหาญในการมอบ “ผลประโยชน์” ที่ดีที่สุด ให้กับบุคลากรที่เก่งที่สุดการที่เจงกีสข่านมีแม่ทัพที่เก่งกล้าสามารถเข้ามาสวามิภักดิ์อย่างไม่ขาดสายนั้น ก็เนื่องจากชื่อเสียงในเรื่องการแบ่งสรรผลประโยชน์จากการทำศึกให้กับลูกน้องอย่างยุติธรรมตามผลงานที่แต่ละคนกระทำได้ การเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ของธุรกิจอเมริกา ไม่ได้มาจากจำนวนคนเก่งที่มากกว่าชนชาติอื่น แต่มาจากจิตใจที่ยิ่งใหญ่แบบเจงกีสข่านที่กล้าแบ่งปันผลประโยชน์กับลูกน้องอย่างยุติธรรม เพราะยังมีดินแดนและผลประโยชน์อีกมากมายที่รอคอยให้พวกเขาเข้าไปช่วงชิงมา

4. การทำลายอย่างสร้างสรรค์ (Creative Destruction)

ประเด็นที่นักประวัติศาสตร์โจมตีชนเผ่ามองโกลในสมัยเจงกีสข่านและลูกหลานอย่างถึงที่สุดก็คือ การทำลายล้างประชากรในดินแดนของศัตรูอย่างโหดเหี้ยมแต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังพฤติกรรมป่าเถื่อนของชนเผ่ามองโกล

หากวัดตามมาตรฐานของอารยธรรมเกษตรในยุคนั้นหรืออุตสาหกรรมในยุคนี้ ชนเผ่ามองโกลย่อมเป็นชนชาติที่กระหายเลือด แต่หากลองนึกถึงสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายซึ่งเต็มไปด้วยภัยธรรมชาติและสิงสาราสัตว์อันดุร้ายที่หล่อหลอมชนเผ่ามองโกลขึ้นมาแล้ว ก็อาจทำให้เรารู้สึกเข้าใจและลดคำตำหนิชาวมองโกลลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

อย่างไรก็ตาม การทำลายล้างผู้แพ้อย่างโหดเหี้ยมของเจงกีสข่านนั้น ยังมีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านิสัยที่ติดตัวมาจากสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของชาวมองโกล แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งย่อมเป็นตัวอย่างให้ศัตรูในเมืองอื่นเกิดความหวาดกลัวและยอมแพ้โดยไม่ต้องสู้รบเพื่อวอนขอความเมตตาจากมหาข่านผู้ยิ่งใหญ่ อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อไม่ให้ดินแดนที่พ่ายแพ้เหล่านั้นกลับมาล้างแค้นในภายหลังได้ หากทว่า เหตุผลสำคัญที่สุดก็คือ การลดภาระในการเลี้ยงดูเชลยสงครามให้น้อยที่สุด เพราะโดยตรรกะเหตุผลของสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายของชาวมองโกลนั้นได้สอนให้รู้ว่า “ความฟุ่มเฟือยเพียงน้อยนิดในช่วงอิ่มหมีพีมัน ก็อาจนำมาซึ่งความอดอยากหิวโหยในห้วงหฤโหดแห่งฤดูหนาวที่ยาวนาน”

แต่ที่น่าตั้งข้อสังเกตก็คือ เจงกีสข่านจะรักษาชีวิตของนักปราชญ์และช่างฝีมือในทุกเมืองที่พิชิตได้ เพื่อช่วยเติมเต็มช่องว่างทางความรู้ให้กับจักรวรรดิมองโกลที่เกรียงไกรด้วยคมดาบแต่ขาดไร้ตะเกียงปัญญาอันสว่างไสว

ในศตวรรษที่ 21 การทำลายชีวิตเพื่อความอยู่รอดแบบเจงกีสข่านย่อมเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจชิงชังยิ่งนัก อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่ยิ่งใหญ่ขององค์กรธุรกิจ องค์กรเพื่อสังคม และรัฐบาลในทุกประเทศก็คือ ความโลภที่จะทำและเป็นในทุกสิ่งที่ปรารถนา โดยลืมคำนึงถึงความเชี่ยวชาญเฉพาะขององค์กร (Comparative Advantage) ในที่สุดก็ทำให้ “องค์กร” ที่ปรารถนาจะเป็นทุกสิ่งต้องประสบความล้มเหลวและล้มหายตายจากไป

ลึกๆแล้วในใจของเจงกีสข่านก็อาจรู้สึกปวดร้าวที่ต้องล้างผลาญชีวิตคนที่บริสุทธิ์ แต่สำหรับองค์กรธุรกิจและรัฐบาลในศตวรรษที่ 21 แล้วนั้น การปลุกเร้าจิตใจให้กล้าหาญและลงมือ “ทำลาย” เพื่อสร้างสรรค์ ก็เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งหากปรารถนาจะอยู่รอดในยุคสมัยโลกาภิวัตน์ที่โหดร้ายนี้

ทว่าในความโหดร้ายของลมพายุโลกาภิวัตน์ ก็ได้แฝงความงดงามและเติบโตของชีวิตไว้อย่างล้นเหลือ หากรู้จักเพ่งมองด้วยแววตาแห่งการสร้างสรรค์

……………………..

คำขอบคุณ ขออุทิศบทความนี้ให้กับ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน (@witwit) ผู้จุดประกายให้ผมได้แลเห็น “คุณธรรมและความใจกว้าง” แห่งสังคมทุ่งหญ้าทะเลทราย ทั้งในราชวงศ์มองโกลและแมนจูอันยิ่งใหญ่

ช่วยด้วย ไม่มีความเคลื่อนไหวแล้ว ใกล้แล้ว ช่วยทำให้มีชีวิตชีวาหน่อย ใครก้อได้ช่วยที

สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน

ขอบคุณที่พวกเรายังคงเข้ามาทักทายกันเสมอมา ผมต้องขอโทษที่ไม่ค่อยได้แวะมาเยี่ยมเยียน หวังว่าพวกเราคงจะสบายกันดีนะครับ ต้นเดือนสิงหาคม เจอกันแน่ๆๆ ถ้าไม่มีปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ ตอนนี้ผมได้รวบรวมทีมงาน Talented อีก 2 สาว คือน้องหนู และน้องต่าย ไปให้ความรู้เรื่องกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ให้กับบรรดา จนท.ใหม่ที่เพิ่งบรรจุ และเดือนนี้มีคิวอีกเป็นลูกจ้างและพนักงานราชการ ไว้จะให้น้องหนูถ่ายคลิปสนุกๆๆ ไปฝากเพื่อนๆ/ปธ.ติ่ง

Now, I am feeling between 2 ways of life. That is, while I still want to censer myself from bad things that may come into my life. There are reasons that I will choose to support my action but I really know that if I do this thing how it will be or if I do that what it will happen. The more I write the more confused I am. many people may ever face obstruct that are difficult to solve the same. someone can handle them very well but others must to accept the fact of thier life. I intent to write to whoever which like read these. If they unwilling to read or are force to read. It may do not enjoy for them to translate these pessages completely. They may simply watch them abruply and then switch to go other page.

you may want to ask question about my expression..

..pung..

There are not things that I will write easily by telling only shortly some words.

Hello..my friends

Why It is too quite to express an opinion at all. I dissipate for a long time by expecting many people to make their opinion here a lot. However, my friends don't repond other matters more than I can do. It will has how to motivate

myself and other people to pay attention more easily and make all of us feel that these are natural without worrying about sensitive issues. The more you write in the form of english language the better you feel. It do not mean that whoever that can do are competent but it can help you develop foriegn language much better. To sume up, I will effort to think as well as possible in order to provide them understanding clearly but Repeated problems that usually occur have still not been solved by such skill development.

pung..

I am doubful much that I have previously sent my writing into this blog but what happen why is there nothing at all.

I myself also do not remember that writting anything already. However, I carefully begin to express these again to communicate with other freinds that like to read whatever them want. I also feel good to benefit from enlish language forever. A few days we will be trained one more time in order to improve themselves in many aspects

particularly, good ways of working help us to manage many things more easily. To sum up, we may have to apply each lesson with suitable ourselves instead.

ถึง สมาชิกทุกท่าน

ดีใจที่ได้มาเจอ และขอบคุณที่หลายคนยังแวะเวียนมาทักทายกัน ขอความร่วมมืออย่างหนึ่ง ประเด็นในการสื่อสารขอให้ยึดหลักการที่เราได้คุยกันไว้ในช่วงแรก ขอบคุณในความร่วมมือ/ปธ.ติ่ง

เราได้อะไรในวันนี้

เรื่อง ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กรสร้างสรรค์เพื่อความสำเร็จ

วันนี้ได้รับฟังการบรรยายของ ดร.ธีระ ที่พูดถึงเรื่องค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งในอดีตมีแต่เพียงค่านิยมและเป้าหมายของผู้นำแต่ขาดทิศทาง เพราะรูปแบบองค์ที่ผู้บริหาร มองเห็นคนเหมือนเพียงเครื่องจักร ที่เพียงสั่งการให้ทำ และต้องทำตามที่สั่งโดยไม่ต้องติดอะไร ต่อมาในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงเริ่มจากยุคที่มหาอำนาจต้องการให้ทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียว ทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การการแข่ง ต่อสู้เพื่อให้องค์กรยืนอยู่ได้เริ่มขึ้น มีการปรับเปลี่ยนค่านิยม มองเห็นความสำคัญของมนุษย์มากขึ้น มองมนุษย์เป็นทรัพยากรที่มีค่า มีการกำหนดเป้าหมายขององค์กร กำหนดวิสัยทัศน์ในอนาคต ทำให้องค์กรที่ปรับเปลี่ยนเหล่านั้นยืนหยัดอยู่ได้จนถึงยุคโลกาภิวัตน์ ยุคที่สังคมข่าวสารเดินทางผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต ดาวเทียม โลกทั้งโลกอยู่ใกล้กันแค่คืบ

แต่บางครั้งการเปลี่ยนแปลงก็ต้องมีความเจ็บปวด มีคนที่ยอมรับและไม่ยอมรับ ประสบปัญหามากมายมีทั้งที่สำเร็จด้วยความรวดเร็วและบางส่วนก็เปลี่ยนผ่านอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะทั้งหมดทั้งสิ้นยังมีตัวแปรอย่างอื่นเช่น ความเชื่อ และค่านิยม เป็นเรื่องของความเข้าใจเฉพาะตัว และถูกปลูกฝังไปยังคนรุ่นต่อไปที่กระทำมาอย่างยาวนาน รวมทั้งยังมีวัฒนธรรม สังคม ชุมชน สภาวะแวดล้อม ทำให้ความเชื่อ และค่านิยมฝังแน่นอยู่ในกลุ่มหรือองค์กร ค่านิยมมีทั้งที่เป็นสิ่งดีและไม่ดี การเปลี่ยนผ่านจากองค์ยุคเก่าสู่ยุคใหม่จำเป็นต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด นำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ การวิจัย พัฒนา จะเป็นส่วนหนึ่งที่กระตุ้นให้องค์กรปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อหลุดพ้นจากภาพลักษณ์เก่า ถ่ายทอดสู่คนรุ่นใหม่ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่ดีกว่า

เรื่องความปรองดอง

ประเทศไทยในห้วงเวลาที่ผ่านมาประสบความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็น และความต้องการอย่างรุน การแสดงความคิดเห็นถูกถ่ายทอดออกในรูปของการแสดงพลัง เรียกร้องสิ่งที่ตนคิดว่าถูกกระทำเหมือนเป็นประชากรชั้นสองของประเทศ การชุมชนประท้วงในสิ่งที่ต้องการแปรเปลี่ยนเป็นการยึดครองพื้นที่ต่างๆเพื่อต่อรองกับอำนาจรัฐ เป็นปรากฏการที่ซ้ำแล้วซ้ำอีกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน หลายฝ่ายได้ออกมาร้องขอให้บรรดาผู้ชุมนุมยึดแนวทางการเรียกร้องอย่างสันติ ไม่ใช้ความรุนแรงแต่ผลของการชุมชนกลายเป็นความแตกแยกของประชาชนที่มากมายมหาศาล

ความปรองดองถูกนำมาใช้เพื่อยุติความแตกแยก

เมื่อพูดถึงความปรองดองถูกมองจากสองมุม ในส่วนของรัฐบาลเรียกร้องให้ทุกคนที่มีความคิดต่างหันหน้ามาพูดคุยเพื่อยุติรอยร้าวในใจ แต่ไม่มีแนวคิดที่จะปรองดองกับบรรดาผู้ที่ออกมาชุมนุมจนเกิดความเสียหาย ในส่วนของผู้ชุมนุมต้องการที่จะเจรจากับรัฐบาลและพูดคุยเรื่องการปรองดองเพื่อยุติปัญหา การเดินสวนกันของแนวคิดปรองดองอาจไม่สำเร็จถ้าทุกคนยังตั้งแง่ที่จะพูดคุย ไม่มีการคุยกันกับคนทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง

ปัญหาของประเทศไทยสั่งสมมาอย่างยาวนาน ไม่มีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมเป็นการกลบปัญหาของภาคราชการที่ไม่ต้องการรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้น ฝ่ายการเมืองก็แก้ปัญหาเพียงเพื่อเป็นคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง เมื่อได้รับเลือกเข้ามาปัญหาดังกล่าวก็ถูกลืมเลือนไป ซึ่งไม่ต่างอะไรกับฝีที่มีขนาดเล็กที่ไม่ถูกรักษาอย่างถูกต้อง ถูกปล่อยให้เป็นแผลขนาดใหญ่จนแตกกลายเป็นแผลขนาดใหญ่จนต้องตัดอวัยวะนั้นทิ้ง ซึ่งเหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมา จึงจำเป็นที่ทุกส่วนจะต้องพูดความจริง จริงใจที่จะแก้ปัญหาทำเพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองและส่วนรวมลดฑิฐิมานะของตน อัตตาตัวเอง หันมาพูดจาเหมือนเป็นคนไทยเหมือนกัน คำว่าปรองดองคงไม่ห่างไกลเกินความจริงที่จะเกิดได้เช่นกัน

สวัสดีสมาชิก Talented รุ่น 1 ทุกคน

ดีใจที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้่งอย่างเป็นทางการ และหวังว่าคงจะได้เจอกันอีกทุกๆๆ 6 เดือน เพื่อนำทฤษฎี 3 ต. (ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง) มาปฏิบัติให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ทุกคนคงมีความสุขในการทำงานและมีพลังในการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานนะครับ ขอให้ Blog ของผองเราจงคงอยู่ตลอดไป/ปธ.ติ่ง

ปล.ไม่ใช่ได้ blog ใหม่แล้วลืมเก่าเด้อ

I don't know whether most of our friends have frequently came this blog or not. As for me, there are attemp to do so. Training has just finished it may have a tendency to create new idea for many talented friends because they begin to absorb new knowlege more easily and realize about world's changing that impact on them in many aspect .

If all of us feel bored in life. I think that we may benefit from our profressor's introduction so that it will make us more strong.

pung..

I consider I will be writing what how we are reading. It will be better if I am not person that write nearby my message too because that is there are a number of people they are interested in writing as well. While, student present seem to be dissipated several days from our blog by doing his own work or other business avaiable I also assump that he will return to inform something beneficial on us. I will be able to see what happen each day as long as they have still importent movement.

pung...

There are simply viewers. I will go to take a food before I do other things anymore.

pung...

คลื่นเกิดจากการส่งต่อพลังงานของอนุภาคตัวกลางจากอนุภาคหนึ่งไปยังอนุภาคที่อยู่ข้างเคียง ขณะที่เกิดคลื่นขึ้นทุกอนุภาคบน ตัวกลางก็จะสั่นกลับมารอบตำแหน่งสมดุลโดยไม่มีการเคลื่อนที่ตามคลื่นไป โดยพลังงานลม

ไม่มีการเคลื่อนไหวไม่มีพลังหนุนก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่จะร่วมกันสร้างวัฒนกรรมใหม่ๆ นะครับท่าน ปธ.ติ่ง

สวัสดี วันอังคารที่ ๓๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 30 Nov 2010

ไทยอันดับ 7 เสี่ยง ภัยก่อการร้ายสูง

"ไทย" ยังคงติดกลุ่มประเทศ "เสี่ยงภัยก่อการร้ายสูงสุด" ต่ออีกปี โดยอยู่ในอันดับ 7 เขยิบจากที่เคยอยู่อันดับ 9 เมื่อปีก่อน ขณะที่ประเทศเสี่ยงสูงสุดในการถูกก่อการร้าย ปีนี้กลับเป็น "โซมาเลีย" ที่โค่นแชมป์เก่า "อิรัก" จนหล่นไปอยู่อันดับ 3 ส่วน "ปากีสถาน" ก็เสี่ยงขึ้น เขยิบมาอยู่ อันดับ 2 ด้าน "สหรัฐอเมริกา" ก็ยังเสี่ยงถูกโจมตีมากกว่า "ฝรั่งเศส" และ "อังกฤษ" หลังถูกจัดอยู่ในอันดับ 33, 44 และ 46 ตามลำดับ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 พ.ย. ระบุผลการศึกษาดัชนีวัดความเสี่ยงภัยก่อการร้าย (Terrorism Risk Index หรือ TRI) ของบริษัทเมเปิ้ลครอฟต์ ที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงภัยก่อการร้ายทั่วโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน เมืองหลวงประเทศอังกฤษ ที่จัดอันดับ 196 ประเทศทั่วโลก โดยใช้ข้อมูลความถี่และความรุนแรงของเหตุการณ์ร้าย อาทิ ภัยจากการโจมตีประเภทต่างๆ บวกความสูญเสียที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. ปี 2552 ถึงเดือน มิ.ย.ปีนี้ มาวิเคราะห์ความเสี่ยง ซึ่งพบว่ากลุ่ม 16 ประเทศที่เข้าข่ายความเสี่ยงถูกก่อการร้ายมากที่สุด (extreme risk) ได้แก่ ประเทศโซมาเลีย คว้าอันดับ 1 โค่นแชมป์เก่าอิรัก และสูงกว่าประเทศอัฟกานิสถานกับประเทศปากีสถาน เพราะในช่วงที่ทำการศึกษา โซมาเลียถูกโจมตีถึง 556 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตถึง 1,437 คน บาดเจ็บ 3,408 ราย

ขณะที่ประเทศปากีสถานรั้งอันดับ 2 ซึ่งขยับขั้นความเสี่ยงขึ้นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว ส่วนอิรักร่วงจากอันดับ 1 ลงไปอยู่อันดับ 3 อัฟกานิสถานหล่นจากอันดับ 2 ไปอันดับ 4 ตามด้วยเขตปกครองปาเลสไตน์ อยู่อันดับ 5 โคลอมเบียอันดับ 6 ส่วนไทยอยู่ในอันดับ 7 ซึ่งถือว่าเสี่ยงสูงขึ้นจากปีก่อน ที่ถูกจัดไว้ในอันดับที่ 9 และมีความเสี่ยงสูงกว่าฟิลิปปินส์ ที่ปีนี้ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ซึ่งขึ้นจากปีก่อนที่อยู่อันดับ 10

อันดับ 9 ได้แก่ เยเมน ที่ขึ้นจากอันดับ 13 เมื่อปีที่แล้ว เช่นเดียวกับรัสเซียที่อยู่ในอันดับ 10 ในปีนี้ ซึ่งถือว่าเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากปีกลาย ที่อยู่ในอันดับ 15 จากเหตุการณ์ถูกโจมตีครั้งใหญ่มากขึ้น จากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนคอร์เคซัสเหนือ รวมเหตุระเบิดฆ่าตัวตาย 2 ครั้ง บนรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงมอสโกเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 40 ราย

ประเทศที่มีความเปลี่ยนแปลงค่าดัชนีหวือหวาที่สุดคือกรีซ ขยับขึ้นจากอันดับ 57 มาอยู่อันดับ 24 ถือเป็นประเทศในยุโรปที่มีค่าความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากปัญหาความรุนแรงจากกลุ่มฝ่ายซ้าย ส่วนสหรัฐอเมริกา อยู่อันดับ 33 มีความเสี่ยงถูกโจมตีจากภัยก่อการร้ายนำหน้าประเทศฝรั่งเศสที่อยู่ในอันดับ 44 ประเทศอังกฤษ อยู่ในอันดับ 46 ซึ่งทั้ง 3 ประเทศนี้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงปานกลาง (medium risk) ขณะที่ประเทศแคนาดาอันดับ 67 ประเทศเยอรมนี อันดับ 70 จัดว่าอยู่ในกลุ่มมีความเสี่ยงต่ำ (low risk)

ด้านประเทศแอลจีเรีย จากเคยอยู่อันดับ 7 เมื่อปีกลาย กลับมีความเสี่ยงลดลงในปีนี้ ทำให้ลงไปอยู่อันดับ 36 เช่นเดียวกับประเทศอินเดีย ที่ปีกลายอยู่ในอันดับ 6 ก็ลงไปอันดับ 15 ในปีนี้

ทั้งนี้ นายอลิสัน วาร์เฮิร์ต ประธานกรรมการบริหารเมเปิ้ลครอฟต์ กล่าวย้ำถึงการประเมินค่าความเสี่ยงภัยก่อการร้าย ถือว่าจำเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลก

พวกเราคิดอย่างไรกัน

สวัดดี วันพฤหัสบดีที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 2 Dec 2010

ตำรวจสเปนจับชาวปากีสถาน 6 คนกับชาวไนจีเรีย 1 คน ฐานต้องสงสัยเป็นมือทำหนังสือเดินทางปลอมให้กับกลุ่มก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ โดยเฉพาะพวกนักรบที่ก่อเหตุโจมตีที่เมืองมุมไบของอินเดียเมื่อปี 2551

กระทรวงมหาดไทยของสเปนแถลงเมื่อวันพุธว่า ในปฏิบัติการเดียวกันนี้ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยอีก 3 คนในประเทศไทยด้วย ประกอบด้วย ชาวปากีสถาน 2 คน กับชาวไทย 1 คน ในกรณีของสเปนนั้น เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ในการบุกตรวจค้นที่เมืองบาร์เซโลนาเมื่อคืนวันอังคาร

เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 พวกนักรบ 10 คนได้สังหารประชาชนอย่างน้อย 166 คนในเหตุรุนแรงซึ่งกินเวลา 3 วันที่เมืองมุมไบ สเปนระบุว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุมกลุ่มนี้ยังได้ส่งเงินให้กับกบฏแบ่งแยกดินแดนพยัคฆ์ทมิฬของศรีลังกา ซึ่งได้ถูกปราบปรามไปแล้วด้วย

"เจ้าหน้าที่ได้จับกุมชาย 7 คนที่เมืองบาร์เซโลนา ทั้งหมดเป็นสมาชิกของกลุ่มคนที่ทำเอกสารปลอมให้แก่กลุ่มก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ คนกลุ่มนี้มีพลเมืองของปากีสถานผู้หนึ่งเป็นแกนนำซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศไทย เขาได้ถูกควบคุมตัวไว้แล้ว ซึ่งเขาทำหน้าที่ควบคุมกลุ่มนักรบในยุโรป และจัดหาหนังสือเดินทางต่างๆ ซึ่งมีการทำปลอมในกรุงเทพฯ แล้วส่งไปให้กลุ่มก่อการร้ายต่างๆ

ในระหว่างการสืบสวนซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ 18 เดือนก่อน ตำรวจได้ตรวจพบหนังสือเดินทางที่ถูกขโมยจากสเปน เกือบทั้งหมดถูกขโมยจากนักท่องเที่ยวในเมืองบาร์เซโลนา แล้วส่งไปยังประเทศไทย เพื่อส่งต่อไปให้พวกผู้ก่อการร้ายที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ สเปนระบุว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ได้ส่งผลสะเทือนต่อเครือข่ายการทำพาสปอร์ตปลอมให้แก่อัลกออิดะห์

ตำรวจที่บุกเข้าตรวจค้นสามารถยึดได้หนังสือเดินทางที่ถูกขโมยจำนวนหนึ่ง เครื่องคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดไดรฟ์ และโทรศัพท์มือถือ ปฏิบัติการซึ่งมีขึ้นพร้อมกับตำรวจในประเทศไทยและหลายประเทศยุโรปนี้ยังดำเนินต่อไป

ขณะที่ประเทศไทย วันที่ 2 ธันวาคมนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผู้บัญชาการสำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ, พล.ต.ท.ตรีทศ รณฤทธิวิชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวการจับกุมแก๊งแขกขาวซึ่งเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และใช้ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตหนังสือเดินทางปลอม ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการก่อการร้ายข้ามชาติ การทุจริตบัตรเครดิต การค้ามนุษย์ และการค้าอาวุธ โดยมีของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น G อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ.

พวกเราคิดอย่างไร

มุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติ อย่างบ้าคลั่ง (อย่างมีสตินะจ๊ะ)

สวัสดี วันศุกร์ที่ ๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 3 Dec 2010

Habituate yourself to hard work. = จงฝึกฝนตัวเองให้เคยชินกับงานหนัก

พวกเราคิดอย่างไร

เว็บไซต์ วิกีลีกส์ ได้เปิดเผยเอกสารลับฉบับใหม่ ระบุว่า ทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย กล่าวเตือน นายอภภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ของไทยว่า มีความพยายามของผู้เกี่ยวกับ นายวิกเตอร์ บูท ผู้ต้องการค้าอาวุธสงคราม เจ้าของฉายาพ่อค้าแห่งความตาย ในการติดสินบน หรือใช้วิธีการอื่นๆเพื่อปกป้องไม่ให้มีการส่งตัวบูทในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐ

เอกสารลับฉบับนี้ ระบุถึง อีริก จอห์น เอกอัครราชทูตสหรัฐ ประจำประเทศไทย กล่าวระหว่างเข้านายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อปี 2552 โดยจอห์น แสดงความกังวลว่า กลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับ บูท อาจมีอิทธิพลต่อการให้การในระหว่างที่บูทขึ้นศาลไทย

"กลุ่มชาวรัสเซียที่หนุนหลังบูท ใช้เงินและอิทธิพลพยายามขัดขวางการส่งตัวไปสหรัฐ" เอกสารลับระบุอ้างคำกล่าวของจอห์นที่กล่าวกับนายกฯไทย

ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่เว็บไซต์ วิกิลีกส์ (Wikileaks) ปล่อยเอกสารสถานทูตสหรัฐในไทย ระบุว่านายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ต่อสายตรง ถึงนายอภิสิทธิ์ เพื่อแสดงท่าทีต่อการส่งตัว นายวิคเตอร์ บูท ผู้ต้องหาค้าอาวุธว่า เท่าที่ตนเห็นจากข่าว เข้าใจว่าเป็นเอกสารของเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้น ยอมรับว่าเอกอัคราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย มาพบตนจริง และมาแสดงถึงความห่วงใยในเรื่องคดี ซึ่งตนได้มีการตรวจสอบและสั่งการว่าจะต้องไม่มีในลักษณะของการแทรกแซงคดีทางหนึ่งทางใด ส่วนในข้อมูลมีการเปิดเผยว่า นายโอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โทรมาหาตนนั้น ไม่เป็นความจริง ไม่ถึงขั้นนั้น ซึ่งทางท่านทูต มาตนก็รับทราบเรื่อง และหลังจากนั้นที่ท่านทูตไปได้ข้อมูลว่า มีการไปแทรกแซงอะไรต่างๆ ตนก็ให้ไปพบกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

เมื่อถามว่า ที่ได้พูดคุยกับท่านทูตได้มีการกดดันอะไรบ้างหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีการกดดัน เขาบอกว่า เขาไม่ได้มีข้อสงสัยหรือจะมากดดันในแง่ของกระบวนการ แต่มีความเป็นห่วงว่ามีข่าวคราว ที่มีคนผู้มีอิทธิพลเข้ามาแทรกแซง ซึ่งตนบอกไปว่า ไม่มีและไม่ควรจะมี ถ้ามีข้อสงสัยตรงไหน อย่างไร รัฐบาลจะตรวจสอบให้

เมื่อถามว่า การเปิดเผยข้อมูล พบว่ามีการแทรกแซงทั้งสองทาง คือทั้งในส่วนของรัสเซีย จะมีการอ้างว่ากรณีของ วิคเตอร์ บูท มีการติดสินบน นายกฯ กล่าวว่า นั้นแหละ ซึ่งผสมกัน คือทางฝ่ายอเมริกาก็ได้ยินมา ก็มาร้อง ตนก็บอกว่าสงสัยอย่างไรก็จะตรวจสอบให้ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดหลังจากนั้นมา ได้ใช้เวลานานมาก แล้วศาลชั้นต้นได้พิพากษาอย่างหนึ่ง ส่วนศาลอุทธรณ์ ก็มากลับ และยังมีคดีที่ 2 อีก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีฝ่ายใดมาร้องเรียนกับตน

สำหรับวิธีการดำเนินการเอาผิดกับการเปิดเผยข้อมูลนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าเป็นเรื่องเอกสารของทางสหรัฐฯ เขา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา อย่างไรก็ตามผลกระทบที่ออกในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ และนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีกำลังติดตามอยู่

สวัสดี วันอังคารที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 7 Dec 2010

Don't shrink any task because of its arduousness. =อย่าละทิ้งงานใดๆ เพียงเห็นว่างานนั้นยาก

ชีวิตเราเราเป็นผู้ลิขิต.... ชะตากรรมเป็นเพียงเครื่องลองใจ ที่จะทำให้เราก้าวผ่านอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ถ้าเราเชื่อในชะตากรรม เราก็จะติดบ่วงแห แห่ง…. “ยถากรรม”......

สวัสดี วันพุธที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 15 Dec 2010

เงียบสนิทเลยพวกเรา เมื่อ ๘-๑๐ ธ.ค.๕๓ ไปเชียงใหม่มาจ้าว พบคุณป๊อก ศป.ข. สอบถามพวกเราสบายดีป่าว ได้พบ ปธ.Talent รุ่น ๒ เกิ่นๆ กันไว้แล้วว่าน่าจะมีโอกาสร่วมแรกเปลี่ยนทัศนะกัน

คิดถึงทุกท่านเลยหายเงียบไปหมด พ่อใหญ่ แห่งอีสานก็เงียบ Pung ก็หาย สายใต้ก็เงียบ

ช่วยๆกันหน่อยพวกเรา ไม่ใช่ว่างงานนะ แต่พอมีเวลาน่ะ

หวัดดีสมาชิกทุกคน

ต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้แวะเข้ามาทักทายเพื่อนๆ เลย เพิ่งกลับมาถึงเมืองไทยเมื่อเช้าวันที่ 5 ธันวาฯ ขอบคุณเจ๊คนสวยที่เข้ามาอ่านทั้งบล็อกเก่าและใหม่ ไปเจอในบล็อกใหม่ว่าให้เข้ามาโพสต์ในบล็อกเก่า ก็ทำตามแหมช่างน่ารักกะไรเนี่ย

ขอบคุณที่มีการรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปให้เป็นระยะๆๆ แต่ไม่ได้เปิดเมล์และเว็บเลยครับ เดือนเต็มๆ อีเมล์บางตัวต้องเปลี่ยนพาสเวิร์ดเลย

หวังว่าหลายคนมีโอกาสได้ไปร่วมงานสัมมนาของรุ่น 2 เพราะมีคนส่งรูปมาให้ดู ขอบคุณที่ช่วยกันดูแล ผมมีความสุขที่เห็นพวกเรายังคงเข้ามาใช้บล็อกในการติดต่อสือสารกันอยู่ต่อไป จะพยายามเข้ามาทักทายอย่างต่อเนื่องและมีสติ (ต้องเขียนแบบนี้เพราะเดี๋ยวเจ๊จะบอกว่าห้ามบ้าคลั่งจ้า...)

Merry X'mas & Happy New Year 2011

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 16 DEC 2110

กลับมาแล้วก็ช่วยเล่าประสบการณ์ ในต่างแดนด้วยนะท่าน ปธ. คือผมนิยมชมชอบ ปูติน และสาวๆรัสเชี่ยน เมื่อไรหน้าจะได้ไปบ้าง

ชอบวอชก้ามะนาว อ่ะ

สวัสดี วันศุกร์ที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 17 Dec 2010

อากาศยังแปรปรวน ความคิดก็ต้องท้าทายต่อการเปลี่ยแปลง พวกเราเป็นไงกันบ้าง?

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศา และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค

โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว

อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศา

และมีลมแรง สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศา

ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็น โดยจะมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว

อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว จันทบุรี และตราด โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง

อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว

อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศา

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่

ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสุราษฎร์ธานี

อุณหภูมิต่ำสุด 22 องศา สูงสุด 33 องศา

ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

อ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดกระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศา สูงสุด 32 องศา

ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่

โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา

ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ทำมายไม่แสดงตน pung อยากให้แสดงตนจะได้ จินตนาการหน้าตาfด้วยได้งัย ... แบบนี้เรียกว่าใจไม่ถึง พึ่งไม่ได้รึเปล่า?

แล้วคนที่ชอบแซวเรา อยู่แถวภาคใต้ตอนบนนะเข้ามาดู bog บ้างนะ (ตอนหลังเริ่มปล่อยมุกแบบไม่มีความจริงอยู่เลยย เอาฮาอย่างเดียว แต่งัยอยากเจอพี่อีกนะ...มันตลกดี)

หวัดดีเพื่อนๆทุกคน

ขอบคุณที่ให้ความสนใจเรื่องประสบการณ์ในต่างแดน ตอนนี้ได้หารือกับ หน.คณะรุ่นก่อนผมแล้วว่าเราอาจจะจัดเวที Share Knowledge สิ่งที่ได้รับและเกร็ดความรู้ที่เราจะต้องเตรียมตัวก่อนไป ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ที่โน้น และกลับมาแล้วต้องทำอะไร ในทางปฏิบัติทำอะไรไม่เสร็จสักอย่าง 55555 งานนี้อาจจะมี 2 ทางเลือก วงเล็กและวงใหญ่ คืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ทราบทั้งทางบล็อกและ sms ครับ

ยัย pung ว่าแต่คนอื่นตัวเองก็ไม่ยอมแสดงตัว ตอนนี้รองโยฯ ย้ำกับผมอยู่เสมอว่าอย่าลืมนัดระดมพลกันหน่อย ผมคิดว่าคงต้องดำเนินการภายในสัปดาห์นี้ เพราะสัปดาห์หน้าคิวเต็มเลย

แยกย้ายกันทำงานก่อนนะครับ/Merry X'mas & Happy new year 2011

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๒๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 20 Dec 2010 และก็สวัสดีปีใหม่๒๕๕๔ /Merry X'mas ซะเลย เดี่ยวจะไม่ทันท่าน ปธ.ติ่ง

ขออภัยดัวยนะจ๊ะที่ไม่ได้แสดงตน ทำให้ท่าน ปธ.ชับฉน! แต่ถ้าเก็บรายละเอียดแฟนพันธุ์แท้ในบล็อคนี้ก็จะทราบว่าใคร

ก็เห็นว่าบล๊อกเงียบซะจน...คิดว่า การที่ได้รับการกล่อมเกลามาจากท่านอ.จีระฯ ในระยะเวลาสั้นๆ จะไม่ได้อะไร..และก็เงียบหายไปในที่สุด ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเดิมๆ ของ...ที่เป็นกันอยู่ คุยกับ Mr.M แล้วว่าจะทำอย่างไรกันดี ก็ทราบนะว่างานหนักกันทุกคน ต้วเราเองก็หนักไม่แพ้กัน แต่โชคดีที่สามารถอยู่หน้าจอได้ ก็เลยเข้ามากระตุ้น ให้เกิดความต่อเนื่อง น่ะ อีกทั้งเสียดายงบประมาณ ความรู้สึกดีๆ ที่ใครๆก็คาดหวัง ไม่อยากให้มันเงียบหายไป ช่วยๆกันนะพวกเรา คิดนอกกรอบ ทำนอกระบบ แล้วเอามาเติมเต็มให้สังคมเรา ฮิฮิ

สวัสดี วันอังคารที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 21 Dec 2010

เงียบตามระเบียบรัตน์.......

หวัดดีทุกคน

กลับมาแล้วครับ ผมสัญญาว่าจะแวะมาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน ขืนสัญญาไว้เยอะเข้ามาน้อย ยัย pung จะอำเอาซะอีก ขอบคุณท่านฯรองคนสวย ที่แอบเข้ามาทักทายทุกวัน วันไหน she ว่างก็จะมีข้อมูลเพียบ วันวานถ้าจะยุ่งเข้ามาแป๊บเดียว

ท่านรองโยถามว่าจะพร้อมระดมพลกันเมื่อใด ช่วยกันโหวต วันเวลา สถานที่ด้วยนะครับ ปิดโหวต 7 ม.ค.54

โชคดีมีเงินใช้//บายๆๆ//ปธ.ติ่ง

สวัสดี วันพุธที่ ๒๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 22 Dec 2010

ท่านรอง Pung (แต่งตั้งกันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยะ)รีบเข้าบล็อกด่วน! ท่าน ปธ.ติ่ง งานเยอะ คงต้องช่วยๆกันแล้ว อยากเรียนภาษาอิงลิช ประโยคสั้นๆไปต้องยาวนัก

ได้เข้าไปดูบล็อกของสหกรณ์ เค้าต่อเนื่องดีจัง ขนาดท่านอ.จีระฯ ยังแวะเข้าไปทักทายเลย พวกเราต้องไม่น้อยหน้า เราว่าการได้แสดงความคิดในนี้ และให้ความรู้กัน เป็นประโยชน์มาก ถือเป็นช่องทางหนึ่งของการเรียนรู้ ถ้าบล็อกของพวกเรามีความน่าสนใจเชื่อว่าจะขยายเครือข่ายได้อีกทางนะ

หวัดดีจ้า

ขอโทษที่เว้นวรรคผิดไปทำให้ใครบางคนสงสัย ที่ผมเขียนไปนะหมายถึงคนสองคน คือรองฝ่ายหญิงที่แวะเวียนมาแว๊บๆๆ กับยัย pung สองคนนี้ไม่ต้องแสดงตนก็รู้ละจ้ะว่าเป็นใคร ผมเห็นด้วยกับข้อเสนอ แต่ต้องคำนึงถึงกฎกติกามารยาทขององค์กรด้วยนะจ้ะ ผมพร้อมที่จะ share ทุกเรื่องที่รู้และเพื่อนอยากรู้ แต่ตอนนี้ขอเอาตัวให้รอดก่อนนะ มีหลายอย่างต้องเร่งเคลียร์ ตอนนี้กำลังรอเอกสารที่จะตามมาเพื่อทำตำราอีก สู้ๆๆจ้า//บาย รักนะ จุ๊บๆๆ //ปธ.ติ่ง

ปล.ปีหน้า 5555 สัปดาห์แรกๆๆ อจ.จีระ จะแวะมาหวัดดีปีใหม่นาย ใครว่างเตรียมตัวไว้ให้ดีนะจ้ะ ไปหวัดดีปีใหม่อาจารย์พร้อมๆๆกัน

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 23 Dec 2010

Brave actiuons never want trumpet. = การกระทำอันกล้าหาญ ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้ใครรู้

สวัสดีสัปดาห์สุดท้ายของปี 2553

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับบิดาของน้อง pung และย้อนหลังให้น้องหนูด้วยละกัน เพราะช่วงนั้นพี่ไป ตปท. กำลังใจเท่านั้นที่จะทำให้เราเดินทางไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง

วันพฤหัสนี้ช่วงงานเลี้ยงวันสถาปนามาร่วมงานกันเยอะๆๆ หน่อยนะจ้ะ เพราะผมและน้องหนู เป็น MC ของงาน รู้แต่ว่าตอนนี้มีนักร้องเยอะมาก แต่ไม่รู้ว่าจะเสียบร้องสักเพลงได้อะป่าว

ส่วนเรื่องนัดหมายกินข้าวกลางวันกันนั้นผมคิดว่าเอาเป็นช่วงที่อาจมีเพื่อนเราเข้ามาอบรม ช่วง 17-20 ม.ค.54 ดีกว่าจะเลือกเวลาใด สถานที่ไหน เชิญร่วมกันแสดงความคิดเห็นกันเลย เดี๋ยวจะหาว่า ปธ.ติ่ง เผด็จศึก เอ๊ย เผด็จการอีกจ้า....ปิดโหวดสัปดาห์ที่ 2 วันศุกร์ที่ 14 มกราฯ นะจ้ะ ไม่แสดงความเห็น ผมจะให้รองโยเลือกร้านนะจะบอกให้

คิดถึง จึงมาหา ตั้งหน้าทำงานกันต่อไปนะพวก ความสำเร็จจะมาหาเราเอง แต่ถ้ารอเทวดาฟ้าลิขิต คงจะไม่เจออะไร นอกจากความว่างเปล่ากับความเหงา...ปธ.ติ่ง

ปล.ตอนนี้ผม add รายชื่อสมาชิกที่มีเมล์ใน Facebook เป็นอีกช่องทาง แต่ต้องระวังว่าเป็นสังคมออนไลน์ นำเสนอประเด็นใดต้องยั้งๆๆ ไว้บ้าง จะให้เต็มที่ต้องตัวต่อตัวหรือ four eyes

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๒๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 27 Dec 2010

เข้ามาอ่านแล้ว ยังไม่มีความเห็นจ้า

สวัสดี วันอังคารที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 28 Dec 2010

Good manners are part and parcel of a good education. = กิริยามารยาทที่สุภาพเรียบร้อย เป็นส่วนสำคัญจากการได้รับการศึกษาดี

สวัสดีทุกคน

โปรดฟังอีกครั้งวันพฤหัสที่ 30 ธันวา ตั้งแต่เกือบเที่ยง ยันบ่ายกว่าๆๆ อย่าลืมมาสนุกสนานกันนะจ้ะ มาเป็นกำลังใจให้กับพี่ติ่งกับน้องหนู ในการดำเนินรายการด้วย ปรบมือ โห่ก็ได้ แต่อย่าให้รู้ งานเลี้ยงมีเคลียร์ 55555 สุขสันต์วันปีใหม่จ้า//พี่ติ่ง

สวัสดี วันพุธที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 29 Dec 2010

ไม่ว่างครับ ขอส่งใจไปเชียร์

I lose contact with friends for along time. Actually, I still remind every persons.

pung..

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 30 Dec 2010

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๔ ขอให้ชาวบล๊อก Talented จงมีแต่ความสุขสมหวัง ดังใจปรารถนา ร่ำรวยเงินทองไหลมาเทมา เหลือกินเหลือใช้ ปลอดภัยตลอดปี โชคดีตลอดไป ไชโย............โห่ฮิ๊ว.......555.......

สวัสดี วันศุกร์ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๓ and Hello 31 Dec 2010

๑๐....๙.....๘....๗.....๖....๕.....๔...๓...๒...๑ ..... สวัสดีปี ๒๕๕๔ คร๊าบ......

ส่งความสุข ๒๕๕๔ แด่.... อ.จีระ,คณาจารย์,ทีมงานและTalented ๑ ขอให้มีความสุข และสุขภาพแข็งแรงตลอดปีกระต่ายทอง และตลอดไป...................สวัสดีปีใหม่

The English book that have me bought by you several months I suppose that you may hardly read it.

Infact, you will have more than advantage I certainly express them here. However, I understant you need to be stimulate by a friend rather than that.

pung..

สวัสดีปีใหม่ 2554 แด่ อจ.จีระฯ และทีมงาน รวมถึงเพื่อนสมาชิก Talented รุ่น 1 ทุกคน

ผมขอสวัสดีปีใหม่อย่างเป็นทางการแด่ทุกท่านอีกครั้ง ขอให้ทุกคนมีความสุข พลานามัยสมบูรณ์ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัย จงมีแต่ร่ำรวยเงินทองยศศักดิ์ ที่สำคัญของให้พวกเราจงเป็นคนไทยที่มีคุณภาพ เพื่อธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดไป

ขอขอบคุณท่านอาจารย์และทีมงานที่ดูแลให้ความรู้พวกเราอย่างต่อเนื่อง และดีใจที่ยังมีเพื่อนๆ หลายคนแวะเข้ามาทักทายกันอย่างต่อเนื่องๆๆ แม้ว่าจะไม่บ้าคลั่งก็ตาม แต่ผมหวังว่าพวกเรายังคงมีความสุขกันดี รวมทั้งยังมีความฝันที่จะร่วมกันพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น

หากเพื่อนท่านใดมีเวลาอย่าลืมเข้ามาทักทายกันนะครับ จะมีการนัดหมายกันแน่ๆๆ ในช่วงต้น ม.ค.54 เพราะเราเลื่อนการนัดพบปะกันมาหลายรอบแล้ว แต่ที่แน่ๆๆในช่วงเดียวกัน ท่าน อจ.จีระฯ จะแวะมาเยี่ยมเยือนพวกเรา ใครว่างช่วยมาต้อนรับท่านอาจารย์ด้วยนะจ้ะ//ปธ.ติ่ง

ปล.แม้ว่าผมจะไม่ว่างในบางเวลา แต่จะส่งใจมาให้พวกเราตลอดเวลา

สวัสดี วันอังคารที่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 4 Jan 2011

เป็นวันเร่ิ่มต้นการทำงานตามระบบเป็นวันแรก ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๔ ขอให้คำมั่นว่า จะมุ่งมั่นทำงานรับใช้ประเทศ ชาติและราชบัลลก์ ด้วยความพอเพียง ของข้าราชการในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เรียนท่านสมาชิก Talented รุ่น 1 ทุกท่าน

ผมได้รับการชวนจากสมาชิก Talented รุ่น 1 ที่เข้าไปร่วมแสดงความคิดเห็นใน blog ของ Talented รุ่น 2 ให้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นใน blog ของรุ่น 1 บ้าง จึงขอถือโอกาสเริ่มปีใหม่เข้ามาร่วมแสดงความเห็นด้วยครับ สำหรับความคิดเห็นครั้งแรกใน blog นี้ ผมขออนุญาตใช้ข้อความเดียวกับที่ลงใน blog รุ่นที่ 2

สวัสดีปีใหม่ครับ ท่านสมาชิก Talented รุ่น 1 และรุ่น 2 ทุกท่าน

ก่อนอื่นผมขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีโอกาสทำบุญหรือสร้างบุญสร้างกุศลในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา ขอแสดงความดีใจกับท่านที่พาครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดเทศกาลปีใหม่ สำหรับท่านที่ไม่ได้มีกิจกรรมทั้งสองอย่างที่กล่าวมา ท่านทำอะไรครับ ? เชื่อว่าท่านสมาชิก Talent รุ่น 1 และรุ่น 2 หลายท่านมีภารกิจทำงานรับใช้ประเทศชาติ เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีความสุขและปลอดภัย ภารกิจของท่านถือว่าเป็นการสร้างบุญเช่นกันครับ

ผมไม่มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เนื่องจากภรรยาผมติดงานราชการอยู่ต่างจังหวัด ผมได้รับเชิญจากผู้ใหญ่ให้ไปร่วมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ Resort ของท่าน ผมปฏิเสธความหวังดีของท่าน เพราะไม่อยากทิ้งครอบครัวไปหาความสุขคนเดียว ผมไม่ได้พาครอบครัวไปไหว้พระทำบุญเพราะสมาชิกในครอบครัวทุกคนไม่ชอบไปทำบุญในชั่วที่มีคนมากๆ อย่างไรก็ตามครอบครัวของผมได้ออกไปทานอาหารเย็นร่วมกันในคืนวันที่ 2 มกราคม 2554

ผมซื้อหนังสือเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตัวผมเอง 3 เล่ม ใช้เวลา ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการอ่านหนังสือ จบไป 2เล่มได้ความรู้ใหม่ๆหลายเรื่อง จึงขอนำข้อความสำคัญได้มาจากหนังสือมาแบ่งปันให้กับทุกท่าน โดยขอเริ่มด้วย เรื่องความฉลาด จากหนังสือของ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ หน้า 21 ดังนี้

จริงๆแล้วความฉลาดมีสองแบบ คือ

1.ความฉลาดทางโลก

2.ความฉลาดทางธรรม

ความฉลาดทั้งสองด้านนี้จะเกื้อกูลกัน พูดถึงความฉลาดทางโลกเรียนให้ตาย เรียนอีกร้อยปีพันปี มันก็ไม่มีวันจบสิ้น ยุคนี้บอกเรียนเรื่องนี้ว่าดี ยุคโน้นบอกว่าเรื่องนี้ไม่ดี ยุคนี้บอกว่าเข้าท่ายุคต่อไปบอกว่าไม่เข้าท่า เรื่องทางโลกมันไม่แน่ไม่นอนหรอก

แต่ความฉลาดทางธรรม มันมีวันจบ เพราะจะไปจบตรงที่ “ตัวรู้” เมื่อรู้แล้วก็จะมี “วิชชา” เกิดขึ้น เมื่อมีตัววิชชาเกิดขึ้นตัวอวิชชาก็ดับลง ก็แค่นี้เอง พวกเราอาจจะเรียนรู้อะไรมามากมาย จบปริญญาตรี โท เอก ได้รับใบประกาศหลายใบ

แต่ความรู้เหล่านี้ มันทำให้เราอยู่แค่ในกรอบ ไม่มีวันที่จะรู้หรือฉลาดได้มากไปกว่านี้ ยังทำให้หลงในอวิชชา สร้างเวร สร้างกรรม ให้ตนเองและผู้อื่นต่อไป

สำหรับหนังสือเล่มนี้ ผมจึงอยากให้ทุกคนกลับมาศึกษาความฉลาดที่เรายังไม่ได้ใช้ หันกลับมาศึกษาเรื่องภายในตัวเราทั้งหมด ซึ่งคุณจะพบว่า ขุมปัญญาอันยิ่งใหญ่ของมูลมนุษย์ไม่ได้อยู่ภายนอกเลยแต่กลับอยู่ในตัวเรานี่เอง

สวัสดี วันพุธที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 6 Jan 2011

พวกเราชาวTalented ต้องขอขอบพระคุณท่าน อ.ชาญโชติ เป็นอย่างสูงที่ให้เกียรติ เข้ามาเยี่ยมชมและให้ความรู้แก่พวกเรา

ผมก็มีเรื่องช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นะครับ เมื่อวันที่ ๑ ม.ค.๕๔ ก็ได้ไปทำบุญที่วัดป่าวชิรบรรพต อยู่ที่ชลบุรี ครับ เป็นวัดสายปฏิบัติ(เปิดดูในกูเกิ้ลได้) ซึ่งผมมักจะไปกับ "มาดาม"เป็นประจำในช่วงวันหยุด ส่วนวันที่ ๓๑ ธ.ค.๕๓ ก็ไปหาผู้มีพระคุณสูงสุดในชีวิต แลัวก็กลับมาเค้าท์ดาวในบล็อกของพวกเรา

หนังสือที่ ท่าน อ.ชาญโชติ แนะนำอยากอ่านครับ แต่ปัจจุบันสายตาเร่ิ่มเสื่อมสภาพ อ่านได้ไม่ค่อยนาน เลยต้องหาวิธีลัด อ่านแบบที่สรุปๆ มาแล้วครับ

ผมเคยอ่านหนังสือ คู่มือมนุษย์ ของท่านพุทธทาส ซึ่งเป็นอะไรที่ลึกซึ้งมาก

เรียนท่าน ปธ.ติ่งและชาวสมาชิกทุกท่าน

ปีใหม่ 2554/2011 นี้ขอให้มีความสุขความเจริญรุงเรืองทุกผู้ทุกนามคนไปน่ะขอรับ

และขอมติในวันและเวลารวมถึงสถานที่นัดร่วมรัปประทานอาหารกันในปีใหม่2554นี้ด้วยครับ

ขอแสดงความยินดีด้วยครับที่มีโอกาสไปหาผู้มีพระคุณสูงสุดในชีวิตในวันส่งท้ายปีเก่า (เข้าใจว่าจะเป็นผู้ให้กำเหนิด) ไปทำบุญร่วมกับ"มาดาม"ในวันขึ้นปีใหม่ ผมไม่มีโอกาสทั้งสองกิจกรรมดีๆทั้งสองอย่าง คุณพ่อคุณแม่ผมเสียนานแล้ว นึกถึงท่านบ่อยๆเห็นคนอื่นดูแลคุณพ่อคุณแม่ ผมดีใจกับท่านผู้นั้นอย่างมาก และเสียใจที่ผมไม่ได้ดูแลคุณพ่อคุณแม่ดีเท่าที่ควรในช่วงที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อแลกกับการได้ดูแลและให้ความสุขกับท่านทั้งสองให้มากที่สุด

สำหรับเรื่องหนังสือนั้นปกติผมเป็นผู้ที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ อ่านได้ไม่เท่าไหร่ก็จะง่วงนอน มีเพียงไม่กี่เล่มที่ผมตั้งใจอ่านจริงๆ หนังสือของท่านพุทธทาสเป็นหนังสือที่ดีมากครับ ผมเองก็เคยสะสมของท่านไว้หลายเล่ม เคยได้จากมือท่านเองหลายเล่มด้วยกัน แต่ไม่เคยอ่านหนังสือของท่านจบแม้นแต่เล่มเดียว อาจจะเป็นช่วงที่ผมทำงานประจำมากจึงไม่ค่อยมีเวลาอ่านมากนัก ช่วงนี้ไม่ได้ทำงานประจำ เป็นช่วงที่พอมีเวลาเลือกอ่านหนังสือดีๆได้

ยินดีที่จะสรุปข้อความสำคัญที่อ่านในหนังสือเพื่อแบ่งปันให้กับผู้ที่ไม่มีเวลาอ่านด้วยตัวเองครับ จะค่อยๆเรียบเรียงส่งมาให้เป็นระยะครับ

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 6 Jan 2011

ผมไม่เคยได้พบและรู้จักท่าน อ.ชาญโชติ มาก่อน แต่เมื่อได้เข้ามาสัมผัสข้อมูลความรู้ที่ทางท่านฯ ได้นำลงไว้ในบล็อก ทำให้มีความรู้สึกได้ว่าท่านฯ เป็นบุคคลากรที่มีคุณค่าเป็นอย่างย่ิง และมีความต่อเนื่อง อย่างจริงจัง อีกทั้งประสบการณ์อันหลากหลายที่สามารถถ่ายถอดได้อย่างไม่รู้จบ ถือว่าเป็นตำนานก็ว่าได้

ถ้าสามารถเปิดเผยได้นะครับ ผมกระหายที่จะได้รับการถ่ายถอดการดำรงตนของท่านในช่วงวัยต่างๆ ที่ผ่านมา ซึ่งที่ผมขอเปิดประเด็นนี้ไว้เพื่่อจะได้มีเรื่องพูดคุยแลกเปล่ียนประสบการณ์กันในบล๊อกนะครับ เพราะแรกเมื่อเห็นชื่อท่านในบล็อกก็เริ่มสนใจในตัวท่านแล้วครับ

สวัสดี วันศุกร์ที่ ๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 7 Jan 2011

วันนี้ตื่นเช้ากว่าปกติ อาจเป็นเพราะนอนเร็วกว่าปกติ รู้สึกดีมากๆ สดชื่นรดน้ำต้นไม้เสร็จก็เตรียมตัวตั้งใจทำงาน เลยขอส่งแรงจิตให้กับทุกท่านมีความสดชื่นสดใสกับการทำงานนะจ๊ะ

To..president

I think that it's high time we began to speak English language each other because you need to use of them more than 3 years in country you will live. Particulary, my director mr. kittipong can also handle with English because of his passion. Finally, I hop I am able to accomplish my goal from both president and my director as my request.

just creeding

pung..

อึม ยังคงต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง นึกว่าตรากตรำ ตรากตรำ และตรากตรำตามกระแสสังคม กระแสการเมือง และสภาพเศรษฐกิจที่หาความแน่นอนไม่ได้

คงไม่สายเกินไปที่จะสวัสดีปีใหม่เพื่อนๆ พี่ๆทุกๆคน ขอให้มีความสุขทั้งการงานและครอบครัวตลอดปีและตลอดไป ครับ ห่างหายไปนานสำหรับเวทีแห่งนี้ เข้าใจว่าอายุความจะสะดุดหยุดอยู่ ไม่คิดว่าจะมีสมาชิกและผู้มีเกียรติภายนอกเข้าร่วมมาต่อลมหายใจของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างสรรค์ความรู้ใหม่ๆร่วมกันอีกครั้ง

ถูกพาดพิงจากน้องสาว ถึงความตลกโปกฮาแบบไร้สาระหาความจริงไม่ได้ ก้อเพียงแค่ต้องการเพิ่มสีสันในการพบปะสนทนา ไม่ให้เกิดความเคอะเขินและเป็นกันเองเช่นที่ผ่านมา ในขณะสภาพปัจจุบันสิ่งแวดล้อมรอบข้างแทบหารอยยิ้มด้วยความจริงใจได้ยากขึ้น ความเป็นพี่เป็นน้องไม่ได้น้อยลงไปจากเดิม แต่ความไว้วางใจความมั่นใจก็ไม่ได้พัฒนาเพิ่มขึ้นเช่นกัน สงสัยเป็นอคติส่วนตัว

ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวท่านประธานที่จะไปโกอินเตอร์ ฝากเพื่อนที่สุวรรณภูมิช่วยดูแลไม่ให้ตกเครื่องด้วย แล้วหวังว่าโอกาสของสุวรรณภูมิจะมาถึงในเร็ววัน

สวัสดีครับ ท่านผู้แสดงความคิดเห็น # 2319965

ขอบคุณครับที่สนใจภูมิหลังของผมหลังจากได้อ่านข้อความที่ผมนำเสนอใน blog ตามที่ท่านแจ้งว่าอยากทราบการคำรงตนในวัยต่างๆที่ผ่านมาของผม ผมยินดีเปิดเผยและขอเริ่มต้นดังนี้ครับ

ช่วงสมัยเป็นเด็ก ผมเรียนไม่เก่ง ไม่ชอบวิชาท่องจำ แต่ชอบพวกวิชาคำนวณ สอบผ่านแบบคาบเส้นเป็นส่วนมาก ผมเล่นฟุตบอลตั้งแต่เด็ก เป็นนักกีฬาวิ่งเร็ว และนักฟุตบอลให้กับโรงเรียน การเรียนของผมขึ้นอยู่กับครูผู้สอน ถ้าผมชอบครูคนไหน ผมจะเรียนได้คะแนนดี แต่ถ้าครูคนไหนที่ผมไม่ชอบ ก็จะไม่สนใจเรียน ช่วงเด็กๆคุณแม่ปวดหัวกับผมมากเพราะผมจะเป็นเด็กที่ชกต่อยกับเพื่อนแถวบ้านเป็นประจำ และชอบแกล้งเด็กผู้หญิงข้างๆบ้าน ผมสอบตกชั้น มศ.4 และต้องเรียนซ้ำชั้น มศ.4 เป็นปีที่สอง ในปีที่สองนี้ผมทำข้อสอบได้และตรวจเช็คแล้วรู้ว่าสอบผ่านแน่นอน (เรียนวิทยาศาสตร์) แต่ถูกอาจารย์แกล้งให้ผมสอบตก จึงทำให้ผมต้องออกจากโรงเรียน และหันไปเรียนสายวิชาชีพ เลือกเรียนธุรกิจการบิน หลักสูตร 3 ปี เรียนตั้งแต่ 15.00-21.00 น วันจันทร์-ศุกร์ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด เนื่องจากผมอ่อนภาษาอังกฤษ จึงต้องเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมในวันเสาร์ และวันอาทิตย์ พร้อมกับทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษในช่วง 6.00-14.00 น ในวันจันทร์-ศุกร์ และวันเสาร์-อาทิตย์ บ่ายหลังจากเรียนภาษาอังกฤษในช่วงเช้า หลังจากผมจบหลักสูตร บริษัทที่ผมทำงานคู่ไปกับการเรียนได้เปิดแผนกขายตั๋วเครื่องบินทำให้ผมได้ย้ายตำแหน่งหน้าที่มาดูแลในงานที่ผมเรียนจบมาโดยตรง ผมได้เจ้านายดีและได้รับการสนับสนุนให้ผมได้เรียนรู้เพิ่มเติมในหลักสูตรสั้นๆอีกหลายหลักสูตร ผมทำงานด้วยใจ จึงทำให้สนุกกับงาน ทำทุกตำแหน่งงานตั้งแต่เสมียน หัวหน้างาน ผู้จัดการ กรรมการผู้จัดการ ผ่านงานมาหลายแห่ง ถ้าเขียนทั้งหมดต้องใช้เวลานานมาก ขอให้ดูประวัติผมได้ใน http://gotoknow.org/profile/chanchot ถ้าสนใจส่วนไหนเป็นพิเศษ ขอให้แจ้งมาผมยินดีที่จะเปิดเผยข้อมูลตามที่สนใจครับ แต่ขอให้ท่านเปิดเผยชื่อของท่านด้วยครับ ถ้าเป็นความลับจะใช้ nick name ก็ได้ครับ

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 10 Jan 2011

ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับท่านวิศรุต ที่ยังแรงเหมือนเดิมน่ารักทุกกระบวนความกระตุ้นนิดหน่อยก็ไม่ทำให้เพื่อนเสียน้ำใจ คิดบวกเข้าไว้เพื่อนเอ๋ย อะไรๆ ดีๆมันตามมานะ เราลองแล้วและคิดทำต่อไปก็แบบต่อเนื่อง..อย่างว่า คนเราต้องมีจุดยืน เมื่อยก็พักขาของเราตัวของเราพิจารณากันเอา แต่สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นอนัตตา อะไรดี อะไรไม่ดี มันรู้ได้เกิดจากการเรียนรู้ที่ตัวเราเองทั้งนั้นจริงป่าวเพื่อน

ขอขอบคุณท่าน อ.ชาญโชติ อย่างมากครับ ที่ได้ถ่ายทอดภูมิหลังให้ได้เรียนรู้ เมื่อได้อ่านแล้วมีความรู้สึกได้ในช่วงเด็กเช่นกันนะครับ เด็กเหมือนผ้าขาวจริงๆ จะแต่งแต้มให้เป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับจิตรกรผู้นั้นว่ามีความตั้งใจขนาดไหน ผมก็มีความประทับใจนะครับเมื่อครั้งเรียนจบ ม.ศ.๕ ได้เกรดเป็นอันดับสุดท้ายของโรงเรียนเลยครับ แล้วก็ไม่เอ็นทรานซ์นะครับรู้ตัวดี ถูกผู้หวังดีดูถูกเรื่องเรียนอย่างมากกับทำให้มีพลังต่อต้านเพื่อต่อสู้ จนประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง สมัยเรียนผมเป็นเด็กหลังห้องครับ ปัจจุบันก็ชอบอยู่ข้างหลัง ทำให้เห็นคนข้างหน้าเค้าทำอะไรกัน แต่ทำให้ติดครับไม่ค่อยกล้าอยู่ข้างหน้า ผมเข้าไปชมบล็อกของท่านฯแล้ว

ขอบคุณครับ

ก่อนอื่นอยากขอให้ตัด "อ".ออกจากคำนำหน้าผมด้วยครับ เรียกชื่อตรงๆว่า ชาญโชติ หรือถ้าให้เกียรติก็เป็น คุณชาญโชติ ก็ได้ครับ ผมไม่มีวุฒิใดที่จะให้ใช้คำนำหน้าชื่อผมว่าอาจารย์ ผมแตกต่างจากท่าน # 2324752 (ขอชื่อที่ผมสามารเรียกท่านใน blog นี้ด้วยครับ ชื่อเล่น ชื่อจริง ได้ทั้งนั้นครับ จะได้ทราบว่าสื่อถึงท่านผู้ใด เพราะ blog นี้ มีผู้เข้ามาอ่านหลายท่านด้วยกัน) ตรงที่ผมนั่งหน้าชั้นเรียน และไม่เคยนั่งหลังชั้น สาเหตุที่ครูให้คะแนนผมตกเพราะ ผมไม่พอใจในการสอนของคุณครูและได้มีปากเสียง จนคุณครูไล่ผมออกนอกห้องเรียน คุณครูอีกท่านที่ให้ผมตกเพราะน้องชายของคุณครูต่อยผมในห้องเรียน หลังจากนั้นน้องชายคุณครูต้องนำอาวุธติดตัวมาเรียนเพราะกลัวผมและเพื่อนของผมจะเล่นงานเขา แต่ผมไม่เคยคิดและไม่ได้ติดใจ ทำให้คุณครูต้องหาวิธีให้ผมออกจากโรงเรียนเพื่อเหตุผลของอาจารย์ที่ต้องการให้น้องชายอยู่เรียนต่อโดยไม่ต้องหวาดระแวง ส่วนคุณครูอีก 2 ท่าน ผมไม่ทราบสาเหตุ ก่อนประกาศผลสอบคุณพ่อผมถามว่าแน่ใจหรือว่าสอบผ่าน เพราะถ้าคิดว่าสอบไม่ผ่านคุณพ่อจะไปหาอาจารย์ใหญ่ซึ่งเป็นเพื่อนกับคุณพ่อ (คุณพ่อผมเป็นกรรมการศิษย์เก่าด้วย) เมื่อผลสอบออกมาปรากฎว่าผมได้คะแนนรวม 49.56% ไปตรวจคะแนนในแต่ละวิชา จึงรู้ว่าวิชาที่ผมถนัดและตรวจสอบแล้วว่าได้คะแนนสูง ใน 4 วิชา ที่คุณครู 4 ท่านให้ผมตก ผมจึงไปขอดูข้อสอบของผม แต่คุณครูทั้ง 4 ท่านไม่ให้ดู แถมพูดว่าถ้าเธอสอบได้จะให้ดู ความจริงตอนแรกผมกะจะเอาเรื่อง ให้คุณพ่อพาไปพบอาจารย์ใหญ่ แต่ตอนหลังผมไม่อยากวุ่นวาย จึงไม่เอกเรื่อง ความจริงโดยปกติถ้านักเรียนคนไหนสอบได้ 49.56% คุณครูจะต้องหาทางช่วยเพื่อให้ผ่าน ไม่ใช่ปล่อยให้เด็กเสียเวลาและอนาคตไปถึง 2 ปีโดยไม่ได้อะไร ผมเลือกเรียนวิชาชีพที่ในสมัยนั้นคนยังไม่ค่อยรู้จัก และเกรงว่าจะหางานทำยาก แต่ผมก็ยืนยันที่จะเลือกเรียนวิชานี้ ผมตั้งใจเรียนประกอบกับงานที่ผมทำควบคู่ไปกับการเรียน สนับสนุน กัน จึงทำให้ผมจบด้วยคะแนนเป็นที่ 1 ในชั้น 96% ได้เริ่มต้นทำงานตรงตามที่ได้เรียนมาและอยู่ในระดับแนวหน้า ผมทำงานตั้งแต่อายุ 17 ปี (ทำงานคู่ไปกับการเรียนวิชาชีพ) เมื่อผมสำเร็จการศึกษาด้านวิชาชีพเมื่ออายุ 20 ปี ผมโดดเด่นมาก ผมทำงานโดยไม่มีวันหยุด สนุกกับงาน เรียนรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับงานที่ผมทำ" พรุ่งนี้จะต้องดีกว่าวันนี้" สิ่งไหนไม่รู้ก็จะวิ่งหาความรู้ในสิ่งนั้นๆ ผมเป็นผู้ที่มีความตั้งใจเรียนรู้สูงมากแต่จะเลือกเรียนเฉพาะสิ่งที่นำมาใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพ และการดำรงชีวิตของผมเท่านั้น ไม่สนใจกับการเรียนตามกระแสนิยม ไม่สนใจที่จะเรียนเพื่อให้ได้ปริญญา และไม่เคยมีปมด้อยในด้านการศึกษา

ครับท่าน ชาญโชติ ผมขอใช้ชื่อที่"มาดาม"ตั้งให้ในบล็อกนี้เพราะถูกโฉลกดีครับ นายศุภโชค โภคทรัพย์ เดิมผมใช้นามสกุลศิลปชัย แสดงตนแล้วนะครับจะได้ทำให้ท่านฯ สบายใจในการสื่อสาร แต่ผมก็ยังเห็นว่าข้อมูลของท่านฯ น่าศึกษามากครับ ยิ่งอ่านยิ่งคล้ายๆกันในวัยเด็ก(มิบังอาจเทียบนะครับ) ผมชอบเรียนวิทยาศาสตร์ ชอบการทดลอง ชอบค้นหาความจริง แต่เป็นด้วยอะไรไม่ทราบได้เหมือนถูกกำหนดมาแล้ว ผมเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง ทำให้เป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเองสูงตามมา และก็พยายามค้นหาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนปัจจุบันเร่ิมปล่อยวางได้บ้างเป็นบางเวลา ช่วงประถมผมก็มักจะชกต่อยกับเพื่อน จนถึงมัธยมไม่่ค่อยยอมแพ้ใคร ทั้งที่ใจจริงไม่อยากใช้วิธีนี้เลย แต่ด้วยเพราะสันชาติญาณหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ถ้ามองย้อนกับไปนะครับเมื่อชกต่อยกันแล้วกับทำให้เพื่อนคนนั้นเกิดความสนิทสนมกัน รู้จักแพ้รู้จักชนะและก็ให้อภัยกันในที่สุด แต่ต้องมีการปะลองกำลังกันก่อน พอเข้าวัยมัธยม การต่อสู้ชักเริ่มใช้วิธีรุ่นแรงขึ้นถึงขั้นใช้อาวุธรุนแรง และผมก็มักจะอยู่ในก้วนเพื่อนที่เรียกว่า ซ่า..ที่สุดในโรงเรียน แต่ก็รอดมาได้ ผมมองว่าช่วงวัยรุ่นทำอะไรมักขาดความยั้งคิด และเมื่อย้อนกลับไปเมื่อวัยเริ่มเปล่ียน จะเห็นปัจจัยต่างที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเราเข้ามาอีกมากมาย การเรียนรู้ทางสังคมโลกจึงไม่สิ้นสุด อย่างที่ท่านว่าไว้ แต่เห็นด้วยกับการเรียนรู้ทางธรรม ทีมีที่ส้ินสุดเป็นอนิจัง ทุกขัง อนัตตา

สวัสดีครับคุณศุภโชค เรามีอะไรเหมือนกันหลายอย่างครับ ชีวิตผมไม่ค่อยเหมือนใครเท่าใดครับ สามารถนำมาแต่งเป็นนิยายและสร้างเป็นภาพยนต์ได้อย่างสบาย สมัยก่อนเราชกต่อยกันอย่างมีกติกา ตัวต่อตัว ผมมีเรื่องชกต่อยเฉพาะกับเพื่อนที่บ้าน หลังจากชกต่อยกันแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทกันอย่างที่คุณศุภโชติเขียนไว้ สำหรับการชกต่อยที่โรงเรียนผมไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ มีเพียงครั้งเดียวในระหว่างที่ผมกำลังเรียนหนังสืออยู่ดีๆน้องชายครูที่อยู่หลังห้องเดินมาชกผมข้างหลัง ผมต้องรีบลุกจากเก้าอี้และหลบหลีกก่อนที่จะตั้งตัวได้และเต๊ะกลับไปแต่ไปโดนครู น้องชายครูไม่ได้รับการทำโทษใดๆทั้งสิ้น แต่มาโรงเรียนอย่างหวาดระแวงตลอดเวลา เนื่องจากเขาเป็นนักเรียนใหม่ ส่วนผมเป็นนักเรียนเก่าตั้งแต่ มศ.1-มศ.4 แถมเป็นนักกีฬาของโรงเรียน มีเพื่อนมาก แต่ผมไม่เคยคิดที่จะแก้แค้น และไม่เคยติดใจบอกเพื่อนๆให้ปล่อยเขาไปไม่ต้องไปยุ่ง ผมอยู่ในกลุ่มของเด็กดี ไม่เคยยกพวกตีกับใคร บางครั้งเจอเหตุการณ์ที่เพื่อนๆไล่ตีนักเรียนจากโรงเรียนอื่นผมจะเป็นผู้เข้าไปห้าม ผมไม่เคยพกอาวุธใดๆทั้งสิ้นจนถึงปัจจุบัน และไม่เคยชกต่อยกับใครอีกเลยตั้งแต่อายุ 18 ปี

สิ่งที่ผมเสียใจที่สุดเป็นช่วงที่ผมอยู่ชั้น ม.ศ 3 มีความต้องการจะสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย ต้องการเป็นทหาร ผมได้ไปไหว้และบนท่านท้าวมหาพรหมที่สี่แยกราชประสงค์ แต่ผมเอ่ยชื่อท่านผิดไปเอ่ยถึงท้าวยมราช ปิดเทอมผมไปอยู่กับคุณพ่อซึ่งเป็นสหกรณ์จังหวัดสุพรรณบุรี คุณแม่มีธุระต้องเข้ามากรุงเทพและกลับสุพรรณบุรีในวันเดียวกัน จึงชวนผมนั่งรถมาด้วยโดยอ้างว่าจะได้ช่วยคนรถขับ ผมเพิ่งขับรถเป็นใหม่ๆจึงต้องการขับรถมาก ขาไปกรุงเทพ คุณแม่อ้างว่าไว้ขากลับเพราะต้องรีบไปเดี๋ยวไม่ทัน พอขากลับก็อ้างว่าเดี๋ยวค่ำ ผมโกรธมากที่คุณแม่ไม่รักษาคำพูด จึงบอกให้คนขับหยุดรถ ผมจะลงและไม่ขอร่วมทางกับคุณแม่ คุณแม่บอกถ้าต้องการลงก็โดดลงไปเอง ผมจึงกระโดดลงจากรถขณะที่รถวิ่ง 70-80 ก.ม/ ชั่วโมง ผมสลบไป 2 วันกับ 1 คืน ระหว่างที่สลปผมจำได้ว่าท่านยมทูตได้พาผมไปชมนรก พอผมตื่นจากสลบ ผมพบหน้าคุณพ่อคนแรกท่านทุกข์ร้อนมาก เศร้าหมองและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ท่านคงไม่ได้หลับไม่ได้นอน เสื้อผ้าผมขาดหลุดลุ่ย มีแผลที่กลางหลัง ต้องนอนรักษาตัวที่บ้านจนแผลหายร่วมเดือน นอกนั้นไม่เป็นอะไรเลย คนขับรถกลัวมากเพราะทุกคนคงคิดว่าผมตายแน่ ต้องนำตัวผมจากจุดที่ผมกระโดดรถมารักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นระยะทางมากกว่า 80 ก.ม. ช่วงที่ผมตื่นมาใหม่ๆจำเรื่องที่ลงไปชมนรกได้หมด ท่านยมทูตเป็นผู้พาชมด้วยตัวท่านเอง แต่ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว เหตุการณ์ครั้งนั้นผมสงสารคุณพ่อมาก ท่านไม่รู้เรื่องอะไรแต่ต้องมาทุกข์เพราะผม

เรียน สมาชิก Talented 1/2009 ทุกคน

พรุ่งนี้ 11 ม.ค.54 เวลา 10.30 น. อจ.จีระฯ จะมาสวัสดีปีใหม่นาย ใครว่างช่วยมาต้อนรับอาจารย์ด้วยก่อน 10.30 ใกล้องค์พระ ส่วนผมจะรอพบอาจารย์ใกล้ห้องรับรอง เพราะมีประชุมเวลานั้นพอดี กระจายข่าวต่อกันด้วยนะเฟ้ย//ปธ.ติ่ง

สวัสดี วันอังคารที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 11 Jan 2011

เรียน ป่ธ.ผมไม่สะดวกครับ เนื่องจากอยู่ไกลวัง และถ้าแวะเวียนมาแถวสุวรรณภูมิ ยินดีให้การต้อนรับเต็มที่ ฝากสวัสดีท่าน อ.จีระ ด้วยจิตคาราวะด้วยนะจ๊ะ

อีกเรื่องนะท่าน ปธ. ผมได้เรียนเชิญท่านชาญโชติ เข้ามาให้ความรู้แสดงความคิดเห็นกับพวกเรา ปธ.คงเห็นแล้ว ไม่ทราบ ปธ.รู้จักท่านหรือไม่ ช่วยๆกันเปิดประเด็นสนทนากับท่านได้ และก็ไม่ต้องถามนะจ๊ะว่าผมเป็นใคร พี่ชาย Mr.M ครับ

ขอเม้าท์กับท่านชาญโชติ ที่ได้เปิดประเด็นเรื่องภูมิหลังกันไว้ต่อ ได้อ่านข้อมูลสรุปๆของท่านเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเลยครับ ซึ่งผมก็มีความเชื่อในสิ่งที่ท่ านเล่า(ทัวร์นรก) เรื่องอย่างนี้ผมเคยพูดคุยกับคนที่เจอกับตัวเอง ซึ่งถือว่าบุคคลที่ได้สัมผัสกับตัวเองมีอะไรๆเป็นพิเศษ และวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็ได้มีการค้นคว้าอยู่ครับ บางคนอาจจะมองเป็นเรื่องเพื้อเจ้อไร้สาระ แต่ผมกับมองว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่วิเศษมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างมา ไม่ต้องดูอะไรมากอย่างหนั

ต่อ หนัง/การ์ตูน ก็ยังเป็นจริงในปัจจุบัน ยกตัวอย่างขำๆ ไอแพด ดูไงก็เหมือนกระดานชนวนที่ปุโลหิตใช้ไงงั้นเลย

อีกอย่างเรื่องพลังจิตไงครับ ซึ่งตอนเขียนนี้ผมยังเชื่อว่าจิตผมส่งถึงท่านเลย แต่คลื่นความถี่ยังไม่แรงเท่าไรครับด้วยปัจจัยสภาพแวดล้อมหลายๆอย่าง แค่นี้ก่อนนะครับ

ได้อ่านข้อความคิดเห็นของท่านชาญโชติ กับท่านศุภโชค โภคทรัพย์ แน่ะ นามสกุลอย่างกับจตุคาม รุ่น โภคทรัพย์ ก้ทำให้เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ถึงผู้เป็นพหูสูตร ทั้งสองท่านต้องเป็นผู้ที่ฟังมาก เรียนมาก เป็นผู้รอบรู้ในหลายๆด้าน สามารถหยิบเกร็ดความรู้ในรอยหยักมาใช้ได้อย่างอย่างไม่มีวันหมด

ถึงแม้จะติดตามการสนทนา ปุจฉา วิสัชนา มาน้อยนิด แต่เห็นได้ว่าท่านทั้งสอง ต้องเป็นบุคคลที่รู้ลึก รู้รอบ รู้กว้าง รู้ไกลไปถึงนรกสวรรค์ สามารถเติมเต็มต่อติด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องตั้งใจฟัง ตั้งใจจำ ตั้งใจท่องให้ได้อย่างท่าน ตั้งใจพิจารณาในสิ่งที่ท่านถ่ายทอด แล้วนำไปพิจารณาให้ลึกซึ้งว่าสื่อถึงอะไร จากนั้นก็จะเป็นทีของผมบ้างในการตั้งคำถามเพื่อสร้างความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งด้วยปัญญา เพื่อจะได้เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานอย่างท่านที่เคารพทั้งสองด้วยเช่นกัน โปรดจงรอคอยด้วยระทึก

สวัสดีครับคุณศุภโชคและคุณวิศรุต และ Talented รุ่น 1 ทุกท่าน

เดือน มิถุนายน 2544 ผมได้รับข่าวว่าคุณหมอหยอง รับทำนายดวงโดยให้ส่ง e-mail ถึงท่าน ผมจึงให้รายละเอียด วันเดือนปีเกิด เวลา และสถานที่เกิด ของผม รวมทั้งชื่อผม ส่ง e-mail ไปให้คุณหมอทำนาย ( คุณหมอหยองเป็นหมอดูดวงที่มีชื่อเสียงมากในขณะนั้น ท่านไม่รู้จักผม และไม่เคยพบกันมาก่อน) หลังจากผมส่งข้อมูลไปให้คุณหมอหยองประมาณ 20 วันก็ได้รับ e-mail จากคุณหมอหยองมีใจความดังนี้ครับ

ผลการทำนายดวงของคุณ

ตอบจดหมายดวงดาวคุณหนู ที่รักยิ่งนะครับ

อันที่จริงดวงชะตาของคุณหนูนั้นอาจารย์ได้รับมาร่วม 22 วันแล้วครับ แต่ว่าอาจารย์เกิดสับสนในดวงชะตามากกว่า ดวงคนนี้ต้องขอโทษนะครับ เป็นดวงคนตายแล้วเกิดใหม่ หมายถึงเป็นดวงคนที่ตอนเด็กจะมีชีวิตลำบาก มีเคราะห์กรรมเรื่องสุขภาพร่างกายมาก และชีวิตไม่น่าจะรอดได้ แต่มีปาฎิหารย์เกิดขึ้นในดวงชะตา นั่นเป็นประการแรกที่สงสัย ประการที่ 2 ก็คือชื่อจริงของคุณหนูนั้นเคยเปลี่ยนมาหรือไม่อย่างไร เพราะว่าเมื่ออาจารย์นั่งสมาธิไม่ปรากฎเห็นชื่อจริงในดวงชะตาของคุณหนูขึ้นมาเลย ก็เลยสงสัยว่าชื่อจริงนี้เปลี่ยนมา หรือเขียนเป็นภาษาไทยว่ากระไรกันแน่นะครับ แต่อย่างก็ตาม หลังจากอาจารย์หายป่วยเพราะว่ามีพระเคราะห์เรื่องสุขภาพเล็กน้อย อาจารย์ก็ได้นั่งสมาธิตอบคำถามดวงชะตาชีวิตให้กับคุณหนูเป็นรายแรกของเดือนนี้ทันทีเลยครับ

เรียนคุณหมอหยอง ที่นับถือ

ผมได้รับคำทำนายจากคุณหมอหยองเรียบร้อย ขอบคุณครับ ตามที่คุณหมอหยองสับสนในดวงชะตาของผมว่าเป็นดวงคนตายแล้วเกิดใหม่ และชื่อจริงผมเคยเปลี่ยนมาหรือเปล่า คุณหมอคาดการณ์ทุกอย่างถูกต้องครับ ผมเคยสลบไปหลายวันในชั่วงอายุระหว่าง 16-18 ปี เมื่อฟื้นขึ้นมาในขณะนั้นจำได้ว่าได้ไปในที่ต่างๆรวมถึงนรกด้วย ส่วนชื่อจริงของผมตั้งแต่เกิดคือ ม.ล.สุปรีดี ชมพูนุท เพิ่งมาเปลี่ยนชื่อเมื่อ 5-6 ปี ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกเปลี่ยนเป็น ภาณุพงศ์ ใช้อยู่ประมาณปี จึงมาเปลี่ยนเป็นชื่อปัจจุบัน ชาญโชติ

ผมนึกถึงคุณหมอหยองและอยากจะพบและปรึกษากับคุณหมอหยองมานานแล้ว ผมได้พบสิ่งแปลกๆซึ่งไม่แน่ใจว่าที่ผมเข้าใจถูกต้องไหมหรือเป็นแค่อุปทาน จึงอยากจะพบและปรึกษาขอรายละเอียดเกี่ยวกับตัวผมและสิ่งต่างๆที่ผมได้พบมามากกว่าที่ได้รับจากการทำนายของคุณหมอหยอง

เพื่อสนับสนุนสิ่งที่ได้กล่าวมาขอยกข้อความในหนังสือของ ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ หน้า 65 ดังนี้

จริงๆแล้วมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้ มีความฉลาดข้ามชาติกันมาทุกคน กว่าจะเป็นมนุษย์ได้นี่เราสะสมบารมีกันเป็นแสนๆชาติ เพียงแต่เราไม่เคยแฮ็ก (Hack) ระบบตัวเองเท่านั้น

ถ้าเราจิตสงบนะ มันเหมือนแฮ็ก (เจาะลึก) เข้าไปสู่ตัวเราเอง น้อมเข้าไปดูจิตดูกายของตัวเอง เจาะเข้าไปจนเจอความว่างข้างในเป็นความว่างของจิต เราจะโล่ง โปร่งสบาย แล้วก็เชื่อมโยงไปถึงความรู้ต่างๆมากมายที่สะสมกันไว้ข้ามภพชาติ เป็นความรู้ หรือปัญญาของจักรวาล เมื่อเรารู้แล้ว รู้รอบแล้ว ความไม่รู้ (อวิชชา) ก็หมด เราก็พ้นทุกข์ เพราะที่เราทุกข์ ก็เพราะเรามีอะไรที่ไม่รู้อีกเยาะแยะ

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับท่านอาจารย์ชาญโชติ เมื่อรู้แล้ว รู้รอบทำให้เราไม่อยากรู้อะไรอีก เราก็พ้นทุกข์ แต่โดยวิสัยของคนที่ยังไม่หลุดพ้น มักจะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ หรือขนขวายหาสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน สิ่งที่อาจารย์บอกว่าเพราะยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราอยากรู้ว่ามันมีอะไรอีกที่เราไม่เคยรู้ กิเลสในตัวเราเป็นสิ่งกำหนด หรือว่าจิตใจเรากำหนด ร่างกายกระตุ้นให้เกิดกิเลส และจะควบคุมความอยากหรือกิเลสนั้นอย่างไร ถ้าเราไม่พูดถึงการมีสติ หรือการสร้างปัญญาโดยใช้สมาธิ มีเครื่องมืออื่นอีกหรือไม่

คนในอดีต เค้ามองเห็นอนาคตได้อย่างไร การทำนายอนาคต ทำนายอดีตจะมีส่วนทำให้คนๆนั้นเปลี่ยนวิถีทางการดำรงชีวิตของตนเองไปหรือไม่ เมื่อทราบอดีตหรือความเป็นไปในอนาคตตัวเอง จะมีผลดีหรือเสียอย่างไรหากขนขวายหาที่มาที่ไปของอนาคตและอดีต หากแต่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ผมขออนุญาตเรียนถามความเห็นท่านอาจารย์ว่า เชื่อในการทำความดี หรือการเป็นคนมีคุณธรรม จะได้รับผลตอบแทนที่ดีจริงหรือไม่ หากไม่นำเรื่องกรรมที่เคยก่อในอดีตชาติ หรือภพที่แล้วมาคำนวณบวกลบคูณหาร ผมเห็นหลายคนและเป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมที่ผลทำแต่กรรมไม่ดี แต่ได้รับการยอมรับ เชิดหน้าชูตา กราบไหว้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทำให้ทัศนคติของเยาวชนเปลี่ยนแปลงไปโดยเห็นว่า ความดีนั้นต้องเกิดจากการยอมรับนับถือ เคารพนบนอบจากคนทั่วไป แมว่าเป็นการยอมรับจากการทำสิ่งไม่ถูกต้อง จนเกิดเป็นลัทธิเอาอย่าง แต่สังคมปัจจุบันไม่ได้บ่มเพาะเยาวชนให้ประพฤติปฏิบัติดีเท่าที่ควร มีสิ่งล่อใจโน้มน้าวออกนอกทางมากมาย หรือว่าเราเกิดแต่กรรม แก้ไขไม่ได้ ก็ต้องปล่อยวางไว้จนกว่าตราบจนสิ้นกรรมของเราเอง

สวัสดี วันพุธที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 12 Jan 2011

สวัสดีครับ ท่านชาญโชติ และท่านวิศรุต วันนี้ผมก็มีความสดใสอิ่มเอิบใจอีกวันหนึ่ง เพราะเมื่อมาถึงที่ทำงานเข้าบล็อกเจอข้อมูลของเพื่อนวิศรุต ก็มาย้อนมองตัวเองชอบตรงรอยหยักในสมอง เกิดจากการไขว้ฟ้าหาดาวหรือเปล่าหนอ (ล้อเล่นนะจ๊ะเดี๋ยวเป็นประเด็น) รอยหยักของผมคงไม่เพิ่มแล้วแต่รู้สึกว่ามันจะออกไปทางลึก ยินดีด้วยนะท่านวิศรุตที่เข้ามาช่วยกันแชร์ความรู้ ตามที่พวกเราได้ตกผลึกในชุดความคิด ที่ได้รับการกล่อมเกลา กันมาในระดับหนึ่ง แล้วแต่ผู้ใดจะเก็บเกี่ยวเอา กรรมก็คือการกระทำ จะรู้ได้อย่างไรว่าดีหรือเลว ก็อยู่ที่ตัวเราเอง ปลูกอะไรก็ต้องการผลิตอย่างนั้นอยู่ที่ว่าตั้งใจที่จะดูแลจิงจังขนาดไหน รู้จักปุ๋ยที่จะช่วยให้เจริญงอกงามจริงป่าว ไม่ใช่เอาแต่สารเคมี สุดท้ายก็ส่งผลกระทบตามมาไม่ยังยืน แต่ละสรรพสิ่งในโลกล้วนส่งเสริมซึ่งกัน เอาหลักวิทยาศาสตร์มาจับนะเช่น “เรื่องห่วงโซ่อาหาร” เรียนตอนเด็ก แต่เชื่อว่าสุดท้ายทุกคนก็มองแต่กรรมดี ฉะนั้นผมเห็นว่าไม่มีใครหรอกที่คิดเป็นคนไม่ดี ผมเชื่ออย่างนี้นะ

ท่านชาญโชติ ครับ เมื่อวานหลังจากเสร็จจากงานแล้วก็กลับบ้าน ได้ติดตามข่าวเรื่องกรณี พิพาทเขมรจับคนไทย ได้ดูรายการของastv ให้ข้อมูลซึ่งสามารถนำเสนอได้ดีมากฟังแล้วคล้อยตาม แต่ด้วยอาชีพขอพิจารณาข้อเท็จจริงก่อน จากนั้นก็ได้ดูหนังเกี่ยวกับความสามารถพิเศษของมนุษย์ที่ได้เคยพูดคุยกันไว้นะครับ เรื่อง”รหัสวินาศโลก Knowing” นำแสดงโดย นิโคลัส เคส เป็นการผูกเรื่องที่น่าสนใจมาก คล้ายๆเรื่องมหันตภัยโลก 2012 น่าดูครับเป็นความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง ซึ่งผมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะดูนะครับ เพียงแต่เปิดทีวีไปเจอ ก็เลยขอแนะนำท่าน หรือผู้ที่เข้ามาอ่านลองไปหาดูครับ จริงๆแล้วผมไม่ค่อยได้ดูหนัง ถ้าจะดูก็ต้องเลือกแล้วเลือกอีก หรือไม่ก็โดนบังคับให้ดู อย่างเช่นรถไฟฟ้ามาหานะเธอ ได้ยินชื่อเรื่องแล้วให้จ้างก็ไม่ดู แต่ที่ไปดูเพราะคนพาไปเป็นผู้แสดงเป็นตัวประกอบ(เอ็กซ์ต้า) ก็หนุกดี จึงคิดว่าบางสิ่งที่เราไม่ชอบเพราะว่าเรายังไม่ได้สัมผัสนะครับ

วันนี้อากาศชอบกล......ปรวนแปรแปรปรวนปั่นปวน มันเป็นธรรมชาติ คิดถึงเพลงของป้าเบิร์ดเลย แต่ชอบเสกโลโซ มากกว่า “ฝนตกที่หน้าต่าง” โอ๋เย่........

“ทำแต่ความดี มีแต่ความสบายใจ” ครับผม

สวัสดีครับ คุณวิศรุต และคุณศุภโชติ รวมทั้ง Talented รุ่น 1 ทุกท่าน

วันนี้เจอคำถามของคุณวิศรุต ถึง 3 ข้อ ก็ขอตอบเป็นข้อๆดังนี้ครับ

ถาม "เมื่อรู้แล้ว รู้รอบทำให้เราไม่อยากรู้อะไรอีก เราก็พ้นทุกข์ แต่โดยวิสัยของคนที่ยังไม่หลุดพ้น มักจะแสวงหาความรู้ใหม่ๆ หรือขนขวายหาสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน สิ่งที่อาจารย์บอกว่าเพราะยังมีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราอยากรู้ว่ามันมีอะไรอีกที่เราไม่เคยรู้ กิเลสในตัวเราเป็นสิ่งกำหนด หรือว่าจิตใจเรากำหนด ร่างกายกระตุ้นให้เกิดกิเลส และจะควบคุมความอยากหรือกิเลสนั้นอย่างไร ถ้าเราไม่พูดถึงการมีสติ หรือการสร้างปัญญาโดยใช้สมาธิ มีเครื่องมืออื่นอีกหรือไม่"

ตอบ ก่อนอื่น ต้องขอให้กลับไปอ่าน เรื่อง ความฉลาด มีสองแบบ คือฉลาดทางโลก และฉลาดทางธรรม ความฉลาดทั้งสองด้านนี้จะเกื้อกูลกัน ฉลาดทางโลกไม่มีสิ้นสุด และไม่แน่นอน แต่ฉลาดทางธรรมจบที่ตัวรู้ คนปกติยังมีกิเลสอยู่ทุกคน ผมคิดว่าเครื่องมือที่จะควบคุมความอยากหรือกิเลสนั้นอยู่ที่การรักษาศีล การรักษาศีลจะทำให้กิเลสน้อยลง

ถาม คนในอดีต เค้ามองเห็นอนาคตได้อย่างไร การทำนายอนาคต ทำนายอดีตจะมีส่วนทำให้คนๆนั้นเปลี่ยนวิถีทางการดำรงชีวิตของตนเองไปหรือไม่ เมื่อทราบอดีตหรือความเป็นไปในอนาคตตัวเอง จะมีผลดีหรือเสียอย่างไรหากขนขวายหาที่มาที่ไปของอนาคตและอดีต หากแต่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด

ตอบ ผมคงไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้เพราะผมเองยังไม่เคยทำนายอนาคตได้ จึงยังไม่มีประสบการณ์ และผมคิดว่าไม่ควรจะไปจริงจังกับเรื่องเหล่านี้ เห็นด้วยกับคุณวิศรุตว่าควรจะทำบัจจุบันให้ดีที่สุด ผมเคยศึกษาเรื่องเหล่านี้แต่ไม่เห็นได้ประโยชน์ จึงเลิกเสียเวลากับสิ่งเหล่านี้

ถาม ผมขออนุญาตเรียนถามความเห็นท่านอาจารย์ว่า เชื่อในการทำความดี หรือการเป็นคนมีคุณธรรม จะได้รับผลตอบแทนที่ดีจริงหรือไม่ หากไม่นำเรื่องกรรมที่เคยก่อในอดีตชาติ หรือภพที่แล้วมาคำนวณบวกลบคูณหาร ผมเห็นหลายคนและเป็นคนส่วนใหญ่ในสังคมที่ผลทำแต่กรรมไม่ดี แต่ได้รับการยอมรับ เชิดหน้าชูตา กราบไหว้ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ทำให้ทัศนคติของเยาวชนเปลี่ยนแปลงไปโดยเห็นว่า ความดีนั้นต้องเกิดจากการยอมรับนับถือ เคารพนบนอบจากคนทั่วไป แมว่าเป็นการยอมรับจากการทำสิ่งไม่ถูกต้อง จนเกิดเป็นลัทธิเอาอย่าง แต่สังคมปัจจุบันไม่ได้บ่มเพาะเยาวชนให้ประพฤติปฏิบัติดีเท่าที่ควร มีสิ่งล่อใจโน้มน้าวออกนอกทางมากมาย หรือว่าเราเกิดแต่กรรม แก้ไขไม่ได้ ก็ต้องปล่อยวางไว้จนกว่าตราบจนสิ้นกรรมของเราเอง

ตอบ ผมเชื่อในการทำความดี หรือการเป็นคนมีคุณธรรม จะได้รับผลตอบแทนที่ดีครับ ที่เห็นผลทันทีก็ได้แก่การที่ทำให้เรามีความสุขที่ได้ทำความดี มีความภูมิใจที่เป็นคนมีคุณธรรม คนที่ทำความดีและมีคุณธรรมด้วยความบริสุทธิใจส่วนมากเขาไม่ได้หวังผลตอบแทนครับ เขาทำด้วยใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน

เป็นเรื่องของสังคมและ ค่านิยมที่ผิดๆครับ เราจึงต้องช่วยกันให้ความรู้ที่ถูกต้อง แก่เยาวชน และร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมและประเทศชาติ ปัจจุบันก็มีคนดีๆมีคุณธรรมอยู่มากครับ ที่ทำงานให้กับสังคมและประเทศชาติด้วยความบริสุทธิ์ใจ อย่างมองคนที่ภายนอกและคิดไปเองครับว่าคนอื่นเขาเป็นอย่างโน้นอย่างดี เขาไม่ดีแต่มีคนยกย่อง นั่นเป็นเรื่องของเขาที่เราไม่รู้จริง เรามองแค่ด้านเดียว ใครทำอะไรก็ต้องได้รับกรรมในสิ่งที่เขาทำครับ หนี้ไม่พ้น เพียงแต่กรรมนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ เรามาพิจารณาตัวเราเองดีกว่าครับ ทำให้เรามีความฉลาดภายใน ทำให้เกิด "ตัวรู้" จะทำให้มี วิชชา เกิดขึ้น ตัวอวิชชาก็จะดับไป หลังจากนั้นเราจะสามารถช่วยผู้อื่นได้มากขึ้น

ดีใจด้วยครับที่วันนี้เป็นวันสดใสและอิ่มเอิบใจสำหรับคุณศุภโชค วันนี้ผมก็ได้มีโอกาสไปคุยกับ พ.อ.หลักแก้ว ที่ TV ช่อง 5 ท่านมีรายการ รู้รักษ์แผ่นดิน ออกอากาศทุกวันจันทร์ -ศุกร์ เวลา 5.25 น ผมได้คุยกับท่านตั้งแต่ 9.45 น จนถึง 13.15 น (ทานข้าวกลางวันด้วยกัน) และชมท่านอัดเทปรายการของท่านติดต่อกัน 5 ตอน ตั้งแต่ 13.15-15.00 น จึงลาท่านกลับ ได้ความรู้และหนังสือติดมือกลับบ้าน หลายเล่ม

ผมเรียนรู้หลายๆอย่างจากการชมภาพยนต์ สมัยเด็กๆก็ดูภาพยนต์เพื่อเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษ หนังเก่าๆดีๆผมซื้อ VDO เก็บไว้เป็นหลายร้อยเรื่อง ตอนหลังต้องนำออกขายชั่งกิโลละ 1บาทเสียดายมากๆ ตอนนี้ก็เริ่มซื้อ DVD มาเก็บแทนม้วน VDO ขอบคุณครับที่แนะนำภาพยนต์ให้ชม เข้าใจว่าผมยังไม่ได้ดู เมื่อวานไปร่วมงานประชุมที่ NECTEC กับ ท่าน ศ.ดร.จีระ ท่านก็กระซิบให้ผมไปดู ภาพยนต์เรื่อง Social Network ท่านแจ้งว่าท่านดูแล้วดีมากๆ สงสัยจะต้องไปหา DVD เพราะภาพยนต์เรื่องนี้ออกจากโรงภาพยนต์แล้ว

ที่บ้านผมไม่ได้รับช่อง ASTV ครับ รับแค่ UBC ไม่ได้ติดตั้งจานดาวเทียม จึงไม่ได้รับฟังข่าวสารที่ท่าน ศุภโชค กล่าวถึง อย่างไรก็ตามเรื่อง ข้อพิพาทกรณีเขมรจับคนไทย ผมไม่ได้ติดตามแต่รู้สึกเป็นห่วง เรื่องนี้ไม่ควรจะถูกนำมาทำให้เป็นเรื่องใหญ่โต เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องปล่อยให้ผู้มีหน้าที่ดำเนินการอย่างเงียบและแยบยล แต่ถ้ามีผู้มาพูดกันมากเท่าใดก็มีแต่เสียกับเสีย

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 13 Jan 2011

วันนี้ยังไม่คิดที่จะเปิดประเด็นใหม่ เพราะเท่าที่ได้อ่านในบล็อกการปุจฉา วิสัชนา ของท่านชาญโชติ กับท่านวิศรุต แล้ว ได้ความรู้มาพิจารณา ทำให้ต้องกำหนดรู้ที่ตัวเอง มีสมาธิ มีสติ เกิดปัญญา รู้เท่าทันความนึกคิดของตนเอง หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโท.... ส่งแรงจิตที่ ดี ถึงทุกท่านทุกคน......... ขอบคุณครับ

ทุนมนุษย์คืออะไร

มีข้อถกเถียงกันระหว่างนักวิชาการด้าน HR (ในฐานะที่เข้าไปเป็น Strategic Partner) กับผู้บริหาร ว่า ทุนมนุษย์นั้นคืออะไร หรืออะไรที่เรียกว่าทุนมนุษย์

ผู้บริหารหลายท่านให้ข้อคิดว่า การเอาคนไปเปรียบเป็นทรัพยากร (Resource) เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะคนไม่ใช่สิ่งของ มีชีวิตจิตใจและความรู้สึก ในขณะที่บางท่านคิดว่า ทุนมนุษย์ในความหมายของ HR คือตัวคนหรือพนักงานในองค์กร

แท้จริงแล้ว คำว่าทุนมนุษย์ (Human Capital) เป็นคำใหม่ที่นำมาใช้ในภายหลัง จากเดิมที่ใช้คำว่าทรัพยากรมนุษย์ (Human Resources) สำหรับผู้ที่ไม่เคยศึกษางานด้าน HR มักตีความกันว่าตัวบุคลกรหรือพนักงาน เป็นทรัพยากร และเมื่อเปลี่ยนมาใช้คำว่าทุนมนุษย์ ก็คิดว่าคนเป็นต้นทุน ความจริงแล้วท่านเหล่านั้นเข้าใจถูกต้อง เพียงแต่ยังไม่ครบถ้วน ทั้งนี้เนื่องจากคำว่าทุนมนุษย์นั้น ความหมายที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ตัวคนหรือบุคลากรที่เป็นทุน แต่หมายถึงคุณค่าของคนหรือบุคลากรขององค์กร ได้แก่ความรู้ความสามารถ รวมถึงความดีงามต่าง ๆ ที่สั่งสมอยู่ในตัวเขาเหล่านั้น ต่างหาก โดยความรู้ความสามารถความดีงามต่างเหล่านี้เป็นคุณค่าที่สามารถนำมาเพิ่มคุณค่าให้กับองค์กร โดยการสร้างหรือเพิ่มผลผลิตที่ดีให้กับองค์กร องค์กรใดที่มีทุนมนุษย์หรือคนดีที่มีความรู้ความสามารถสูง องค์กรนั้นก็จะได้เปรียบเพราะสามารถพัฒนาผลผลิตขององค์กรได้มากและแตกต่างจากองค์กรที่มีทุนมนุษย์น้อย ที่สำคัญทุนมนุษย์นั้นยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูนคุณค่า ที่ว่ายิ่งใช้ยิ่งเพิ่มพูน นั่นคือเพิ่มพูนทุนมนุษย์และผลผลิตขององค์กรอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด

สรุปได้ว่า องค์กรใดให้ความสำคัญของการอนุรักษ์ทุนมนุษย์โดยเฉพาะคนเก่งขององค์กร (Talent) องค์กรก็จะได้เปรียบในเชิงแข่งขัน อยู่รอดและฟันฝ่าวิกฤติต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

สวัสดี วันศุกร์ที่ ๑๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 14 Jan 2011

ผมศุภโชค เช้าวันนี้ตื่นมาด้วยความไม่สดใสอย่างวันก่อนๆ เนื่องจากนอนแต่เช้ามืด คือเมื่อคืนจิตทำร้ายกายครับ ผลก็เป็นอย่างที่คิด “แฮ้งค์” จึงเกิดการพิจารณารู้ว่ากายกับจิตมีความสัมพันธ์กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำดี/ไม่ดี เห็นผลทันตา นี่แหละเรียกว่า ”กรรม” แต่ก็ยังทำถ้าไม่ทำก็ไม่คิด ถ้าไม่คิดก็ไม่ทำ เรียนรู้หาประสบการณ์กันไป เพื่อค้นหาความเป็นปรมัตธรรม.......... ง.งู ๒ตัว

ผมคิดว่าท่านชาญโชติ เข้าใจสิ่งที่ผมสื่อ เคยเป็นอย่างผมบ้างไม๊ครับ ณ ปัจจุบัน?

ท่านวิศรุต ไม่ต้องถาม แต่ขอบอกนะครับว่าเมื่อคืน รู้สึกสะดุ้งบ้างป่าว คอนเน็คชั่นของผมช่วยกันรุมถล่มท่านเละ พวกเราย้อนอดีตกันที่เชิงเขาริมทะเลฝั่งอ่าวไทยชายหาดบางสิบหมื่น ระลึกถึงเมื่อ ๑๑ ปีที่เคยได้สร้างประวัติศาสตร์กันไว้บนเรือไททานิคสัตาหีบไงครับ จำได้ไม๊ “ไม่ต้องอมยิ้ม” และก็ไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นก็ได้นะครับ

สวัสดีครับคุณศุภโชค และคุณวศรุต

อ่านข้อความคุณศุภโชค แล้วผมไม่แน่ใจว่าผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ขออนุญาติ นำข้อความของ ดร.วรภัทร์ ในหนังสือหน้า 22-29 มาให้อ่านแล้วกันครับ คิดว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่คุณวศรุต และคุณศุภโชค กล่าวถึง

ปัญญาของมนุษย์ มีด้วยกัน 3 ฐาน

1.ปัญญาที่ฐานกาย เป็นการรู้ที่กายของเรา ความรู้สึกต่างๆที่กายรับรู้ ไม่ใช่คิดเอง เออเอง เป็นการรับรู้ทางร่างกาย

2.ปัญญาที่ฐานใจ เป็นเรื่องการรับรู้ทางอารมณ์

3.ปัญญาที่ฐานคิด เป็นการใช้สมองคิด วิเคราะห์ ใคร่ครวญ จำได้ ปรุงแต่ง ฟุ้มซ่าน

ปัญญาฐานกาย เป็นเรื่องของการมีสติ รับรู้เวทนา รับรู้ความหนาว ความร้อน ความเมื่อย ความสบายตัว ความเจ็บ ความปวด ฯลฯ เราไม่เคยฝึกปัญญาฐานนี้กันเลย เราจะใจร้อนข้ามไปฝึกปัญญาฐานคิดกันหมด

จิตเรามันซนเหมือนลิง เหมือนน้ำบนใบบัว เร็วกว่าแสง แป๊ปเดียวก็สามารถไปถึงขอบจักรวาลแล้ว เราจึงจำเป็นต้องสร้างที่อยู่ให้จิต ซึ่งที่อยู่ของจิตที่ดีที่สุดก็คือ กายเรา นี่เอง

ปถุชนคนธรรมดาที่ยังมีทุกข์กันอยู่ จะใช้ "ความคิดและจิต" ผสมไปพร้อมๆกัน แต่พระอริยเจ้า ท่านแยกจิตและความคิดออกจากกัน ไม่ให้จิตและความคิดส่งอิทธิพลเข้าใส่กันได้แล้ว ที่ท่านทำได้ก็เพราะท่านมาทรงไว้ที่ฐานกาย มา รู้ รู้ รู้ แล้วก็จะเห็นว่าจิตกับความคิดทำงานแยกกัน สุดท้ายท่านรู้เท่าทันความคิดและทำจิตให้ว่างได้

กายคือ วิหารธรรม เป็นที่อยู่ของจิต ถ้าเรามาอยู่ที่วิหารธรรม รู้ๆๆ ที่ฐานกายหรือสร้างกำลังสติที่ฐานกาย เมื่อใดที่จิตวอกแวก เราจะรู้ทันที ถ้าจิตเป็นอกุศล เราก็ทิ้งมันไป ถ้าจิตเป็นกุศล เราก็รู้เฉยๆ

พวกเรามักจะขี้เกียจฝึก รู้สึกว่าการรู้ๆๆๆ ที่ฐานกายมันยากเพราะจิตมันเจอกิเลส กิเลสที่มากับความคิด มันจะชวนขี้เกียจชวนเลิกฝึก

จิตผิดปกติ ฐานกายจะรับรู้ได้ ถ้าจิตของเราผิดปกติ กายมันจะฟ้อง คือลมหายใจผิดปกติ กล้ามเนื้อจะเครียด เกร็ง ไหล่ยก ทีนี้ความคิดที่เป็นอัตตา มันจะเกิดทันที ซึ่งตรงนี้แหละ เรามักจะคิดเอง เออเอง ไปตัดสินอันโน้นผิด อันนี้ถูก แล้วก็มาทะเลาะกัน โกรธกัน พอความคิดที่เป็นอัตตาเกิดขึ้น ทำให้ฝังเป็นปมในใจก็มี ฝังลงไปในสัญญา

วิธีฝึกกายอย่างง่าย คือฝึกดูลมหายใจ ดูอริยาบถ ดูเวทนา ดูแบบไม่ต้องตีความ ไม่ต้องคิด สังเกตลมหายใจเราจะเป็นปกติ ถ้ากายไม่ปกติให้รู้ว่าจิตมีปัญหาก็ให้เราหยุดคิด อย่าห่วงคิด เพราะถ้าเราคิดตอนนั้น เราต้องเฉโกแน่ๆ

ถ้ากายเราผ่อนคลาย ลมหายใจเราจะปกติ จิตมันจะโล่งๆ ตรงกลางอกมันจะโล่งๆ ไหล่เราจะตกลง ให้ที่อยู่แห่งจิตคือวิหารธรรมคืออยู่ในกายเราตลอด ที่นี้แหละถ้ามีความคิดอะไรดีๆผุดขึ้นมาตรงนี้แหละ คือปัญญา

สรุป ให้เราคิด ตอนที่จิตสงบ ปัญญาเกิดจาก สติมา จิตสงบ ปัญญาเกิด เมื่อจิตสงบ

ถ้าจิตไม่สงบ ปัญญาจะไม่ทำงานหรือทำงานแบบเฉโก ทำงานแบบสร้างปัญหา ทะเลาะกัน เครียด โกง เอาเปรียบผู้คน ฯลฯ

จิตสงบ มือเท้าก็ทำงานได้

จิตสงบ แต่ความคิดยังมีอยู่ และเป็นความคิดดีๆทั้งนั้น

ถ้าฝึกสติแล้ว ไม่ทำงาน ไม่ทำการ แสดงว่าฝึกมายังไม่สำเร็จ

ปัญญาฐานใจ เป็นเรื่องอารมณ์ ความรู้สึก คือการรับรู้เรื่องอารมณ์แล้วสามารถควบคุมอารมณ์ได้

ใจเป็นนามธรรม ถ้าเราอยากรู้ว่าใจเป็นปกติ หรือผิดปกติต้องดูที่ "กาย" การฝึกฐานกายต้องมาก่อนฐานใจ อย่าข้ามขั้นตอนมาฝึกฐานใจ จงฝึกสติ สร้างตัวรู้ๆๆๆ ให้มากๆ ที่ฐานกาย

ถ้าจะทำจิตให้สงบ ก็จงดับความคิด ตั้งแต่กายเริ่มรับรู้ดับความคิดแต่เนื่นๆ

เฉโกคือความคิดที่มีอัตตาตัวตน เป็นความคิดที่ไม่เป็นจริงถูกปรุงแต่งผิดเพี้ยนไป ถ้าอยากได้ปัญญาที่แท้จริง จิตเราต้องปกติเสียก่อน

ปัญญาฐานคิด ความคิดมี 2 แบบ

1.ความคิดที่ผลิตออกมาตอนที่จิตว่าง ไม่มีอคติ ไม่มีลำเอียง เป็นปัญญาที่เราต้องการ

2.ความคิดที่เจืออัตตา เป็นความคิดที่ผลิตออกมาตอนจิตไม่ว่าง เจืออคติ เจือลำเอียง เป็นความคิดแบบมีอัตตา เป็นความคิดที่เกิดจากการสังเกตที่ยังไม่สุด สังเกตไม่ครบ

หากเราฝึกฐานกายมาไม่ดีพอ เราจะไม่รู้เท่าทันจิตใจของเรา จะเผลอปล่อยความคิดเฉโกออกมามากมาย เป็นความคิดที่เข้าข้างตัวเอง เจอกิเลส เห็นแก่ตัว รู้เท่าไม่ถึงการณ์ สังเกตไปไม่สุด ไม่สมดุล ไม่รักษาธรรมชาติ ไม่มีจิตอาสา ไม่มีจิตสาธารณะ หลงในโลกธรรม 8 เป็นต้น

วิธีแก้ความคิดเฉโก คนส่วนใหญ่ มักขึ้นทางด่วน คือใช้ฐานความคิดแบบเฉโกอย่างเดียว ละเลยการสังเกตฐานใจว่าปกติไหม ละเลยการสังเกตฐานกายว่าผ่อนคลายไหม ซึ่งมันทำให้เกิดความคิด เฉโกแบบสุดๆ พอทำบ่อยๆ เราก็จะตกร่องความคิดเดิม กลายเป็นมีนิสัย อุปนิสัย แบบเฉโก คือเจออะไรก็ด่วนตีความ เจออะไรก็ด่วนตัดสิน

ถามว่าเราตัดสินใจจากอะไร ? เราตัดสินใจจากสัญญาเก่าๆ จากกะลาใบเดิมจากความจำเดิมๆ โดยเราไม่เคยไปนั่งรื้อว่า ที่เราเอามาตัดสินมันอาจจะผิดก็ได้ก็กลายเป็นการทะเลาะ และตัดสินอะไรผิดๆ ยิ่งทำบ่อยๆก็จะกลายเป็นความเคยชิน เป็นอุปนิสัยในที่สุด

1.อันดับแรกหยุดคิด

2.เราต้องยูเทิร์นจากฐานคิด ลงจากทางด่วนสายเดิมแล้วย้อนกลับมาที่ฐานกาย มาสร้างตัวรู้สึกที่ฐานกาย ทำกายให้ผ่อนคลาย จนกระทั่งจิตสงบๆๆๆ

3.จิตสงบ ปัญญาจะมาเอง

สวัสดี วันเสาร์ที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 15 Jan 2011

ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณท่านชาญโชติ ที่ได้นำข้อความของท่าน ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ ซึ่งท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์นาซ่า ได้นำหลักการบริหารแบบพุทธ คือสติควบคุมความคิด จะทำให้จิดพาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศ และเชื่อว่าหลักการบริหารเหมือนกับพระไตรปิฎก โดยพระพุทธเจ้าน่าจะเป็นบิดาแห่ง HR / Management เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบริหารองค์กรสำหรับผู้บริหารและลูกน้องคือต้องรู้จักสติ ซึ่งเป็นการฝึกฐาน ท่านเป็นนักขาย"สมอง" ครับ

เมื่อพิจารณาข้อมูลที่ท่านชาญโชติ นำมาลงไว้ ก็ทำให้คนเราเห็นแจ่มแจ้ง ก็คือการใช้หลักพุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการ แต่ต้องมีการเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติ โดยมีครูผู้สอนที่รู้จริง เข้าถึง ซึ่งผมเห็นว่าบางคนเมื่อศึกษาเรียนรู้ทางพุทธศาสตร์ แค่กระพี้ ก็มักจะอวดอุตริ การเรียนรู้ฝึกฝนทางศาสร์ จะต้องมีโค๊ชที่รู้จริง ไม่งั้นจะผิดทางเอา แต่ก็อย่างว่านะครับเปรียบเสมือน บัว ซึ่งมีหลายระดับ

และอีกอย่างนะครับที่อ่านแล้วชอบ คือ ตรงที่จิตผิดปกติ ฐานกายจะรับรู้ได้ ถ้าจิตของเราผิดปกติ กายมันจะฟ้อง คือลมหายใจผิดปกติ กล้ามเนื้อจะเครียด เกร็ง ไหล่ยก เมื่อจับตรงประเด็นนี้เห็นภาพเลย บางคนไหล่ยก วางกล้ามหุบแขนไม่ได้

I agree positive and constructiv opinions will reach our goal in the future.

pung..

เรียน สมาชิก Talented 1 ทุกท่าน และ อจ.ชาญโชติ

ขอบคุณเพื่อนสมาชิกที่ยังคงใช้บล็อกในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งด้านวิชาการและประสบการณ์ ความรู้เป็นสิ่งที่ดีงามกับไว้ก้บตัวเองไม่แตกดอกออกผลหรอก นำมาถ่ายทอดหรือแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

สำหรับคำถามว่าผมเคยรู้จักท่่าน อจ.ชาญโชติ หรือไม่ ตอบได้เลยครับ เจอกันแล้วครับวันเปิดอบรม รุ่นที่ 2 แต่วันนั้นผมค่อนข้่างที่จะยุ่งวิ่งเข้าวิ่งออกห้องอบรม เพราะมีประชุมอีกแห่งหนึ่ง แต่ได้ก็มีโอกาสรับฟังการแนะนำตัวและการนำเสนอในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่เป็นไร รู้จักกันผ่านตัวอักษรใน blog ของพวกเราแทนก็ได้ เพราะเท่าที่ติดตามมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ ถ้ามีเวลาผมอาจจะขอความรู้เพิ่มเติม

ประกาศฉบับที่ 1 ประจำปี 2554 ขอแจ้งให้ทุกคนทราบโดยทั่วกันว่าในวันพฤหัสบดีที่ 20 ม.ค.54 เวลาใกล้เที่ยง ขอเชิญพวกเราที่มีเวลาว่างหรืออยากเจอเพื่อนๆ ไปกินอาหารกลางวันร่วมกันที่ร้าน ส.โภชนา (ข้อเสนอของ Mr.M โดยความเห็นชอบของผม 55555) ใครสะดวกก็เชิญ ไม่สะดวกส่งใจมาแล้วกัน ห่างหายกันไปนานแล้ว ที่สำคัญช่วงนี้ "พ่อใหญ่เข้ากรุง" ถล่มกันหน่อย

เกือบลืมเรื่องสำคัญ วันที่ อจ.จีระ มาอวยพรนาย ท่านฝากสวัสดีปีใหม่สมาชิก Talented ทั้งสองรุ่น ขอให้สุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจในการทำงาน ที่สำคัีญอย่าลืมให้ความสนใจเรื่องการเรียนรู้

หากมีข้อเสนอหรือความคิดเห็นใด จะแวะมาใหม่/คิดถึงเพื่อน/ปธ.ติ่ง

เรียน ท่านชาญโชติ ท่านศุภโชค ครับ

ไม่ได้เข้ามาแลกเปลี่ยนเรียนรู้แค่สองวัน ตามไม่ทันอีกละ อุส่าห์พยายามทำความเข้าใจในประเด็นต่างๆ ก่อนหน้านั้น และยังไม่แจ่มแจ้งสักเท่าไหร่ ก็มีประเด็นใหม่มากมาย มาให้คิดอีกละ ขออนุญาตกระตุกท่านทั้งสองนะครับ ช้าลงหน่อยนะครับ เอาแบบเน้นๆ ฟันธง ตรงประเด็น แบบอ่านจบแล้วหัวสมองมันโล่ง มองทะลุปรุโปร่ง เติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปได้อย่างครบถ้วน สงสารลูกนกลูกกาที่ประสบการณ์/ความรู้อ่อนด้อยบ้างนะครับ

ช่วงนี้ผมอาจยุ่งๆมากกับชีวิตตัวเอง ต้องปรับเปลี่ยนการทำงาน เปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนสังคมเพื่อนร่วมงาน และกลุ่มลูกค้า จึงเกิดช่องว่างทั้งกายและใจ ทำไรไม่ค่อยถูก ไม่ได้ยึดติดแต่ผูกพัน ไม่ได้อาวรณ์โหยหาแต่อาลัย ทำให้เกิดสมุหทัย ธรรมที่ควรละเว้น และอยู่ระหว่างหาสาเหตุเพื่อที่จะแก้ให้ตรวงจุดว่าจะแก้ตรงไหนก่อน ผมกลัวว่าการที่จะหยุดคิด ทำใจให้ผ่อนคลาย แล้วทำจิตให้สงบ เพื่อสร้างปัญญา สำหรับผมเกรงว่าจะหยุดคิดไปตลอดชีวิต ผ่อนคลายทั้งกายหยาย ใจหยาบจนไม่มีตัวตนไปเลย แต่จะพยายามทำตามที่ท่านชาญโชต ให้แนวคิดไว้นะครับ

วันครูที่ผ่านมากราบขอบพระคุณครู ท่านจีระฯ ท่านชาญโชติฯ และคุณครูทั่วประเทศ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ตัวเอง ที่เป็นครูคนแรกของผม เพราะคุณแม่เป็นคุณครูที่เกษียณอายุราชการแล้ว แต่ความเป็นครูยังไม่หยุดนิ่ง ยังคงให้ความรู้สั่งสอนให้เป็นคนดีตลอดเวลา ขอส่งแรงใจไหว้ครูทั่วประเทศ โดยเฉพาะในสามจังหวัด และถิ่นทุรกันดาร ให้มีกำลังใจแรงใจต่อสู้กับความไม่รู้ของลูกศิษฐ์ และปัญหาอุปสรรคทั้งปวงด้วยครับ

ส่วนความหลังเมื่อ ๑๑ ปีที่แล้ว กับท่านศุภโชค ที่เรือจักรีนฤเบศก์ และสมาชิกเพื่อนรักคนอื่นๆทั้งที่มีชีวิตอยู่และรีบหนีหายตายจากไปก่อนโดยไม่ได้นัดหมาย และที่เชิงเขาริมทะเลฝั่งอ่าวไทยชายหาดบางสิบหมื่น ผมจำได้ไม่เคยลืมครับ เป็นความทรงจำที่ดี ที่เพื่อนได้แย่งชิงของชอบผมไปครอบครอง และหลงไหลได้ปลื้มใช้ประโยชน์กับมันพักใหญ่ แต่ไม่เคยเล่าสู่กันฟังว่าทำอะไรกับของชอบของผมตอนนั้นไปบ้าง ปัจจุบันผ่านไป ๑๑ ปี ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่เคยเปลี่ยน ท่านกับคอนเน็คชั่นของท่านยังคงดำรงตนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เสแสร้งแกล้งทำ ไม่เคยใส่หน้ากากให้กัน ยังคงช่วยกันรุมถล่มผมเช่นที่ผ่านมา น่าสงสารที่ผมไม่สามารถรับรู้ ต่อสู้ ตอบโต้ หรือชี้แจงสิ่งใดที่ถูกต้องแต่ไม่ครบถ้วน หรือผิดพลาดจากความเข้าใจผิด หรือการปรุงแต่งของพวกท่านได้ คงปล่อยไปตามกรรม แล้วก้ปลงไม่ยึดติด คิดเสียว่า "ทีใครทีมัน" 555555555

คนเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ แต่ละคนมีเจ้ากรรมนายเวรที่แตกต่างกัน การสวดขอขมาเพื่อลดและปลดหนี้กรรมให้น้อยลง

TalantNIAรุ่น1 นัดหมาย EnjoyEating เนื่องในโอกาสต้อนรับเทศกาล HappyNewYear2011 (ย้อนหลังเล็กน้อย) ในวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม 2554 เวลา 1130 น. สถานที่ "ร้าน ส.โภชนานานานานานา"

อย่าลืม! เครือข่าย TalantNIAรุ่น1 ทุกท่าน......นัดพบ-พบนัด ตามหมายกำหนดการนี้น่ะครับ

สวัสดี วันพุธที่ ๑๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 19 Jan 2011

สวัสดีครับท่านชาญโชติ ท่านวิศรุต เมื่อ ๑๗-๑๘ ม.ค.ผมเดินทางไปภารกิจที่เชียงใหม่ กลับมาอ่านบล็อกแล้วมีความรู้สึกดีๆ ทำให้มีพลังการทำงานในกรอบระบบสังคมวัฒนธรรมของพวกเราต่อไป โดยที่นวัตกรรมของพวกเราในช่องทางนี้ก็ได้ถูกจุดติดขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากที่พยายามเพียงเล็กน้อย

หากมีเวลาขอให้พวกเราแสวงหาความรู้กันอย่างต่อเนื่อง..ต่อไปนะครับ ตามที่ท่าน อ.จีระ ได้แนะนำไว้

ท่านวิศรุต ผมรอท่านได้เสมอและไม่เคยคิดจะล้ำหน้าเพราะกลัวถูกเป่าฟาว และเป็นสัจธรรมนะครับถึงที่เหมือนกันหมดเพียงแต่จะเร็วจะช้าส่วนจะไปที่ใดต่อก็ขึ้นอยู่กับ ”กรรม” และถึงแม้สังขาร เริ่มโรยราแต่ยังคิดเล่นต่อไป แต่ผมขอฝึกเป็นโค๊ช และต้องการทีมงานที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความเจ็บปวด มาช่วยกันสร้างทีมของพวกเราให้แข็งแกร่งสืบทอดเจตนารมภ์ร่วมกัน และพร้อมที่จะจูงมือกันผ่านพ้นอุปสรรคนานาประการ......

ขอแสดงความเห็นในข้อความที่ #2331179

คุณ Pung ครับ ผมพยายามเรียนรู้ภาษาอยู่ แต่การแปลความหมายอาจผิดเพี้ยนจากที่เขียนไว้

คือ ผมแปลว่า "ฉันมีความมั่นใจที่ยื่นถึงช่วยให้พัฒนาขึ้น เพื่อไปส่จุดหมายในอนาคต" ไม่รู้ว่าการสื่อของท่านประมาณนี้ป่าว

หากไม่รบกวนจนเกินไปกรุณาแปลความหมายที่ท่านสื่อด้วยนะครับ สงสารผู้อ่อนด้อยทางภาษาเถอะจร้า....ครั้งต่อๆไปด้วยนะจ๊ะ

แปลคำต่อคำเลย ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงครับ พวกเราจะได้ไปสู่อินเตอร์เนชั่นเนล ร่วมกัน

ศุภโชค.....

กร๊ากกกกกกก แปลไปได้ยังไง เอ้าน้องผึ่ง เอ๊ยน้องผึ้ง ช่วยบอกฟามหมายที่ต้องการสื่อด่วน

ดีนะที่ประโยคมีความหมาย ถ้าไม่มีความหมายแปลไม่ได้จิงๆ

แล้วก็ไม่แปลนะท่านวิศรุต ๕๕๕..... แบบไทยจร้า

เรียนท่านประธานติ่ง ท่านศุภโชค ท่าน วิศรุต และสมาชิก Talented 1 ทุกท่าน

ผมได้แสดงความเห็นใน blog วันที่ 17 มกราคม # 2333690 ต่อจากความเห็นของคุณวศรุต มีข้อความถึงท่านประธานติ่ง เรียนท่านว่าผมจำท่านได้ ศ.ดร.จีระแนะนำท่านแต่ผมยังไม่มีโอกาสได้สนทนากับท่าน ผมได้เขียนถึงเรื่องที่ต่อเนื่องจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่าง ท่านศุภโชค ท่านวศรุต และผม และได้นำบทสวดขอขมาเจ้ากรรมนายเวร จากหนังสือสวดมนต์ ที่ผมสวดเป็นประจำทุกวัน มาลงใน blog แต่ไม่ทราบว่าข้อความทั้งหมดหายไปได้อย่างไร เหลือแค่บรรทัดเดียว ผมใช้เวลาลอกจากหนังสือนานพอสมควร เข้าใจว่าก่อนจะเสร็จ รู้สึกง่วงนอน อาจจะไปทำอะไรผิดพลาด จึงเหลือแต่บรรทัดเดียว เมื่อคืนผมทำงานเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับหลักสูตรอบรมมัคคุเทศก์ ที่จะเริ่มในต้นอาทิตย์ที่จะมาถึง เสร็จเกือบตีหนึ่ง ปรากฎว่าไม่ได้เซฟไว้ งานที่ทำใช้เวลาไปร่วม 3 ชั่วโมงหายไปหมด เมื่อเช้าต้องรีบตื่นมาทำใหม่ การทำงานในช่วงที่ง่วงนอนไม่ดีเลย คงเหมือนกับง่วงนอนในขณะขับรถ ต่อไปจะไม่ฝืนอีกแล้ว และขณะนี้ก็เริ่มง่วงนอนแล้วจึงขอลาไปนอนก่อนครับ

สวัสดี วันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 21 Jan 2011

สวัสดีครับท่านชาญโชติ ท่านวิศรุต เพื่อนๆ Talent และขอสุขสันต์วันคล้ายวันเกิดท่าน ปธ.ติ่ง ย้อนหลังเมื่อวานนี้โดยขอให้มีความสุขสนุกกับการทำงาน สุขภาพแข็งแรง เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน คิดสิ่งใดขอให้สมดังใจปรารถนา ด้วยเทอญ

และอย่าลืมสร้างทีมงานของพวกเราให้มีความแข็ง นำพาประเทศชาติไปสู่ความเจริญยังยืน ผมไม่มีโอกาสไปร่วมแต่ส่งแรงใจไปแล้ว ขอบคุณคร๊าบ.....

ท่านชาญโชติ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ เมื่อวานผมก็เพิ่งกลับจากเก็ต มาถึงก็ต้องต้อนรับม๊อบที่สนามบินสุวรรณภูมิ กว่าจะได้นอนก็ตีสี่ เบลอๆ เหมือนกันครับ ใช้ร่างกายเกินกำลังไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ยังมีความสนุกสนุกกับการทำงานครับ และได้อยู่กับทีมงานที่ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่มีทั้งพลังและความคิดสร้างสรรค์ ทำให้พลังของเราเพิ่มขึ้นมาเองอย่างไม่รู้ตัว สู้ได้จนจบเกมส์ จนน้องๆปลื้ม เราก็ปลื้ม

ขอตัวไปสนุกกับม๊อบต่อนะครับ

คติพจน์ “ทำแต่ความดี มีแต่ความสบายใจ”

สวัสดี วันจันทร์ ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 24 Jan 2011

นอนซมไป๒วันครับ โดนไข้หวัดเล่นงาน ก็อย่างว่านะครับสังขาร อะไรๆ มันไม่จีรัง สุขภาพร่างกายเป็นสิ่งสำคัญ ขอให้พวกเราดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับ อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ สำหรับ ความคิดเห็นที่#233828 ไม่เคยกลัวเรื่อง burn จร้า เพราะมาแนวMy name BON มาดามเอ็มฯสั่งได้คนเดี่ยว ขอบอก........

สวัสดี วันพุธที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 26 Jan 2011

วันนี้ผมตื่นเช้ามากตีสี่ครับ มีเหตุผลแบบไร้สาระเพื่อมาอธิบายในบล็อกนี้ ก็ด้วยเป็นไข้หวัดกินยาทั้งแผนโบราณและปัจจุบัน ทำให้หลับไปโดยไม่รู้ตัวทีวีก็เปิดติดตามข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรที่มัฆวาน เมื่อตื่นมาแล้วก็หุ้งข้าวทำกับข้าวลดน้ำต้นไม้ไปตามเรื่อง จิตก็คิดไปสาระตะ จะว่าฟุ้งซ่านก็ไม่ปราณ แล้วก็ย้อนกลับมาตามรู้ที่จิต ว่าทำไม่ถึงคิด ถึงบางอ้อ... เมื่อวานสะสมข้อมูลที่เข้ามากระทบ ทำให้เห็นปัญหา

และก็หาทางป้องกันแล้ว เมื่อมามองดูที่กายก็อย่างที่อธิบายร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันหรือภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เชื้อไวรัสก็เข้าสู่ร่างกายได้โดยง่าย โดยเชื้อไวรัสนี้ไม่มียาตัวใดทำลายมันได้ครับ ต้องให้ระบบของร่างกายพักฟื้นต่อสู้กับเชื้อด้วยตัวมันเอง ยาต่างๆ ก็เพียงแค่ช่วยทำให้ร่างกายได้พักพื้นปรับสภาพ ครับผม.........

ท่านชาญโชติ หายไปเลยนะครับ.....คงมีภารกิจมากนะครับ ถ้าท่านว่างก็เรียนเชิญนะครับรอความรู้จากท่านอยู่ครับ

ท่านวิศรุตได้พบกันเมื่อวาน รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

“ทำแต่ความดี มีแต่ความสบายใจ”

ไทย-ลาวเซ็นตกลงเดินรถโดยสารเชียงใหม่-หลวงพระบาง

บริษัทขนส่งจำกัดจากไทยได้เซ็นความตกลงกับทางลาวในวันที่ 13 ม.ค. 54 เพื่อเปิดบริการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างเมืองมรดกโลกในภาคเหนือของลาวกับ จ.เชียงใหม่ กับอีกสายหนึ่งที่สั้นกว่าระหว่างแขวงคำม่วนในภาคกลาง กับ จ.นครพนม ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดกว้างการคมนาคมขนส่งระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่มีความใกล้ชิดมากที่สุด

นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทขนส่งจำกัด (บขส) นำคณะไปพบหารือกับฝ่ายลาวในหลวงพระบาง โดยมีคณะจากแขวงคำม่วนไปร่วมด้วย นายบัวคง นามมะวง รองเจ้าแขวง กับเจ้าหน้าที่อีกจำนวนมากเป็นสักขีพยานการเซ็นความตกลงครั้งนี้ หนังสือพิมพ์ "ประชาชน" รายงาน

การเซ็นสัญญามีขึ้นหลังจากลาวและไทย ได้ร่วมกันสำรวจเส้นทางกับความเป็นไปได้ต่างๆ มาหลายครั้ง หนังสือพิมพ์รายวันของพรรคประชาชนปฏิวัติลาวกล่าว

รถโดยสารประจำทางสายคำม่วน-นครพนมกับหลวงพระบาง-เชียงใหม่ เป็นเส้นทางที่ 7 และ 8 ตามลำดับ ที่เปิดให้บริการเชื่อมต่อการคมนาคมและขนส่งระหว่างสองประเทศยังไม่มีการเปิดในรายละเอียดว่า รถโดยสารสองเส้นทางใหม่จะเริ่มเปิดให้บริการได้เมื่อไร

หลายปีมานี้ไทยและลาวได้ร่วมกันเปิดบริการรถโดยสารประจำทางมาแล้ว 6 เส้นทางคือ นครเวียงจันทน์-หนองคาย นครเวียงจันทน์-อุดรธานี นครเวียงจันทน์-ขอนแก่น ปากเซ-อุบลราชธานี สะหวันนะเขต-มุกดาหาร และ ล่าสุดคือ นครเวียงจันทร์-นครราชสีมา เมื่อปีที่แล้ว

เจ้าหน้าที่ผู้ที่เกี่ยวข้องของไทยกล่าวก่อนหน้านี้ว่า การเดินรถเชียงใหม่-หลวงพระบาง อาจจะเริ่มได้ในเดือน มี.ค.2554 นี้ ซึ่งจะต้องลงทุนประมาณ 20 ล้านบาทเพื่อจัดซื้อรถใหม่ วิ่งเส้นทางสายยาวเชื่อมภาคเหนือของสองประเทศ โดยเก็บค่าโดยสารประมาณ 1,000 บาท

เมืองท่าแขกกับ จ.นครพนมของไทยกำลังรอสะพานมิตรภาพข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 3 ที่มีกำหนดเปิดใช้ในปลายปีนี้ ส่วนสะพานมิตรภาพแห่งที่ 4 ระหว่างเมืองห้วยทรายของลาวกับ อ.เชียงของ จ.เชียงรายของไทย เพิ่งเริ่มก่อสร้างปลายปีที่แล้ว

รถโดยสารจากเชียงใหม่จะนำผู้โดยสารไปยัง อ.เชียงของ และ ข้ามแพขนานยนต์ไปยังฝั่งห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว เพื่อใช้บริการรถโดยสารของฝ่ายลาว เดินทางผ่านแขวงอุดมไซ ไปยังหลวงพระบาง และในเที่ยวกลับก็ใช้วิธีการเดียวกัน

ฝ่ายไทยยังหวังว่า เมื่อสะพานแห่งที่ 4 ก่อสร้างแล้วเสร็จ จะสามารถให้บริการรวดเดียวตลอดเส้นทางตรงไปยังเมืองมรดกโลกได้เลย และ รถจากหลวงพระบางสามารถแล่นเข้าสู่เชียงใหม่ได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลา

ปัจจุบันไทยกำลังเจรจากับเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา เพื่อเปิดเดินรถระหว่างเชียงใหม่กับเมืองจิ่งหง หรือ "เชียงรุ้ง" ซึ่งจะเป็นรถโดยสารไทย-ลาว-จีน สายแรก

วันจันทร์ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศกลุ่มอาเซียน 10 ประเทศ ได้ร่วมกันเดินทางไปยัง จ.เชียงราย ก่อนจะข้ามแม่น้ำโขงไปยังฝั่งลาวและ เดินทางโดยรถยนต์ต่อไปยังเมืองเชียงรุ้ง เป็นการเดินทางเชื่อมต่อทางบกในอนุภูมิภาค ในโอกาสรำลึกครบรอบปีที่จีนเข้าร่วมเป็นประเทศคู่สนทนากับกลุ่มเมื่อหลายปีก่อน

รัฐมนตรีอาเซียนซึ่งประชุมนอกรอบในเมืองโบกอร์ บนเกาะชะวาของอินโดนีเซียสัปดาห์ที่แล้วได้พิจารณาพัฒนาการเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งทั่้วทั้งกลุ่ม รวมทั้งการเชื่อมต่อทางเรือด้วย

สรุป ไปMEETING ที่ลาวไหมครับ

สวัสดีครับพี่น้อง

ขอโทษด้วยทื่เงียบหายไปหลายเพลา ข้อเสนอของ Mr.M ก็ดีน่ะจ้ะแต่เราจะรวมกันไปแอ่ว ตปท.เลยเหรอจ้ะ ขอเป็นกำลังใจ ที่แน่ๆ เอาวันแห่งฟาร์มรักก่อนละกัน ใครว่างก็มากันเยอะๆๆหน่อย จะได้ทำลายสถิติครั้งที่ผ่านมา 20 คน หลายคนบอกว่าแบบนี้ต้องห้อง VIP สโมสร ทบ.ดีกว่า เพราะวันนั้นพวกเราทำให้คนที่กินอาหารร้าน สอ.วิ่งออกนอกห้องหลายกลุ่มเลย 55555 เม้าท์แตก ขอบอกเสียงดังมาก

ความรู้และการเรียนรู้เป็นสิ่งที่ควบคู่กัน ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน ผมดีใจที่พวกเรามีการนำประสบการณ์และองค์ความรู้มาแลกเปลี่ยนกัน หวังว่าเราคงจะไม่ละทิ้งการเรียนรู้นะครับ มันเป็นเสน่ห์มนตราที่หอมหวาน

เมื่อวานผมได้ไปพบปะกับทีม KM ของกรมอนามัย คุยกันออกรสชาดมากเลย 2 ชม.ผ่านไปไวเหมือนโกหก ได้ข้อยุติว่าตอนนี้เราต้องสร้าง Key Actor เพิ่มเติม ผมเห็นแววพวกเราในรุ่นหลายคน ปั้นและสร้างได้ หากว่าท่านได้รับโอกาสอย่าปฏิเสธละกัน แม้ว่าท่านปฏิเสธ ผมก็อาจจะยัดเยียดสิทธิ์นั้นให้ท่านแน่นอน 5555555 เพราะเรากำลังฟอร์มทีมเพื่อจัด workshop ให้องค์กรมีการจัดการความรู้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน ถึงผมจะอยู่ไกลก็จะพยายามเข้ามามีส่วนร่วมผ่านทางโลกออนไลน์

ก่อนไปผมมีแนวคิดที่จะขอความร่วมมือจากพวกเราให้ช่วยสานต่ออะไรหลายๆเรื่อง เพื่อการพัฒนาตัวเรา ทีมงาน และองค์กร เอาไว้เจอหน้ากันแล้วคุยนะก๊าบ

โชคดีมีชัยทุกๆๆท่าน/ปธ.ติ่ง

สวัสดี วันพฤหัสที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 27 Jan 2011

ครับผมรับทราบ ขอพักฟื้นร่างกายก่อนนะแล้วค่อยมาเจอกัน

สวัสดีครับ คุณศุภโชค และ Talented รุ่น 1 ทุกท่าน

ต้องขอประทานโทษด้วยครับ ที่หายไปเนื่องจาก ผมรับงานบริหารหลักสูตร 60 ชั่วโมง จำนวน 10 วันให้กับสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24 มกราคม - วันที่ 4 กุมภาพันธ์ (เว้นวันเสาร์และวันอาทิตย์) เวลา 13.00-20.00 น ก่อนถึงวันอบรมยุ่งอยู่กับการเตรียมการต่างๆรวมทั้งจัดทำเอกสารสำหรับใช้บรรยายในวิชาของผมเอง

ศ.ดร.จีระ ให้ความกรุณารับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายพิธีปฐมนิเทศ ในหัวข้อ "มัคุเทศก์กับการสื่อสารข้ามวัฒนธรรม ในวันที่ 24 มกราคม ช่วง 13.30-16.30 น และบรรยายหัวข้อ "ภูมิทัศน์ของมัคุเทศก์ทางวัฒนธรรมและการสร้างอัตตลักษณ์ของมัคคุเทศก์ ในเวลา 19.30-21.30 น ในวันเดียวกัน และวันที่ 28 มกราคม ท่านจะไปบรรยายในหัวข้อ "การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ เวลา 13.00-16.00 น และ 17.00-20.00น ส่วนผมเป็นวิทยากรบรรยายวันที่ 25,27 มกราคม และ วันที่ 1-4 กุมภาพันธ์

ง่วงแล้วครับเขียนต่อไม่ไหวแล้วครับ ขอลาไปนอนก่อนครับ

สวัสดี วันศุกร์ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 28 Jan 2011

สวัสดีครับ ท่านชาญโชติ และเพื่อนพร้องน้องพี่ งานรัดตัวขอทำภารกิจในกรอบก่อนนะครับ

ผมสนใจข้อมูลของ Mr.M เรื่อง ไทย-ลาวมากครับ แต่เนื่องจากยังติดภาระกิจเรื่องการอบรมอยู่จึงขอผลัดไปก่อน เมื่อมีโอกาสจะขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวด้วยครับ

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๕ and Hello 31 Jan 2011

เข้ามาแล้ว จร้า

สวัสดี วันอังคารที่ ๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and 1 Feb 2011

เข้าสู่เดือนแห่งความรัก และห้วงเทศกาลตรุษจีน วันนี้วันจ่ายสินค้าไหว้ฯ ราคาสูงขึ้นตามรายงานของกรมการค้า พณ.  ก็ดำเนินชีวิตกันไปตามปกติ สถานการณ์โลกของประเทศอียิปวุ่นวายกว่าเรามาก วันนี้ก็มีการนัดชุมนุมใหญ่ขับไล่ผู้นำก็ว่ากันไป ถือเป็นบทเรียนของเขาประเทศเราก็มีบทเรียนของเรา ศึกษาและนำมาพัฒนากันครับ

สวัสดี วันพุธที่ ๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 2 Feb 2011

ซินเจี่ยยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้  "สวัสดีปีใหม่ ขอให้เจริญรุ่งเรือง"

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 3 Feb 2011

อีกสองวันจาก ๔๕ ปีที่แล้ว จะเป็นวันที่ผมได้เป่งเสียงออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิต และได้มีการพัฒนาการสื่อสารมาเป็นลำดับ ตั้งแต่ ภาษากาย ภาษาเสียง ภาษาเขียน ที่มีอิทธิพลมาจากสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ และวัฒนธรรมจากการปรุงแต่งของสังคมรอบด้าน ในการกล่อมเกลาให้มีการดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมจนถึง ณ ปัจจุบัน ผ่านร้อน ผ่านหนาว มาก็ครึ่งของชีวิต ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของคนใกล้ชิดที่เข้ามาเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสังคมอันหลากหลายมาระดับหนึ่ง ซึ่งชีวิตยังคงดำเนินต่อไป พยายามค้นหาตัวเอง ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร..... โดยไม่ขอลืมพระคุณของผู้ให้กำเนิดอย่างไม่มีสิ่งใดที่จะทดแทนได้

"ทำแต่ความดี มีแต่ความสบายใจ"

สวัสดี วันศุกร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 4 Feb 2011

สงสัยข้าพเจ้าจะไร้สาระอยู่ผู้เดียว เสียแล้ว......

สวัสดีครับคุณศุภโชค

ขอให้มีความสุขในวันครบรอบวันเกิดในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ครับ (เดาจากข้อความที่ท่านลงใน blog ครับ ความจริงผมยังติดภาระกิจอยู่ แต่อดไม่ได้ที่จะแวะมาอ่าน blog กลัวว่าท่านจะเหงาเลยเข้ามาเป็นเพื่อนครับ

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 7 FEB 2011

ขอบคุณครับท่านชาญโชติ  ช่วงนี้ก็ติดตามสถานการณ์ไทย -ขแมร์ กันไปก่อนนะครับ  

ขอประทานโทษท่านศุภโชค และท่านชาญโชติ ที่ไม่ได้สื่อสารด้วยเป็นเวลาพอสมควร เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการขนย้ายสัมภาระจากที่ตั้งเก่าไปที่ตั้งแห่งใหม่ ต้องเสียเวลาเก็บของมาก จนปัจจุบันยังไม่แล้วเสร็จ  แต่ยังห่วงใยประเทศชาติเช่นเดิมครับ

สวัสดี วันพุธที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 9 Feb 2011

ไม่พบทุกข์ ก็ไม่รู้จักสุข

ไม่มีสงคราม ก็ไม่รู้จักสันติภาพ

เชื่อในกฎของแรงดึงดูด

เข้ามาสังเกตการณ์ เพื่อจากไปอีกเช่นเดิม แต่ยังคงต่อเนื่องทางความคิด แสวงหาปัญญาจากประสบการณ์จริง และบุคคลที่ทรงความรู้ ท่านชาญโชติ และท่านศุภโชค คงสบายดี ขอตั้งปุจฉา สักประเด็น ปัญหาในโลกปัจจุบันหนีไม่พ้นเรื่องอำนาจ ไม่ว่าประเทศไหนๆ ผู้นำกลัวจะเสียอำนาจ คนนอกอยากจะเสพอำนาจรู้รสว่าเป็นเช่นไร ประชาชนคนทั่วไปกลับตกเป็นเหยื่อ ถ้าโลกนี้ไม่มีนิยามคำว่า "อำนาจ" จะเป็นเช่นไร?

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 14 Feb 2011

แฮปปีี้วาเลนไทน์เดย์  ขอส่งความรักให้กับทุกท่านทุกคน

"บารมีกับอำนาจเป็นสิ่งคู่กัน" 

สงสัยพวกเราเข้าบล๊อกกันไม่ได้หรือก็ไม่เจอ  แล้วองค์ความรู้ จะ ต่อยอด แบบต่อเนื่องและ ต่อไป... ยังไงดีล่ะท่านวิศรุต  ก็จิตนาการในสิ่งดีๆกันต่อไป.....  แต่เราก็ยังคงเชื่อในกฎแห่งแรงดึงดูด

ไม่เป็นไรครับท่านศุภโชค ต่างคนต่างมีภารกิจ ในช่วงเวลาที่เรามีกำลังจะพูดคุยหรือดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องก้ควรทำให้เต็มกำลัง จงรอคอยอย่างใจจดใจจ่อถึงการมาของเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ให้รู้ว่ายังไงก็ยังมีบ้านนี้รอคอยอยู่ ถึงแม้จะเงียบเหงาไปบ้าง แต่ก้เปี่ยมไปด้วยพลัง ความหวัง และความจริงใจไงเพื่อน สู้เค้าหน้ากากเสือ

สวัสดี วันอังคารที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 15 Feb 2011

ซู่..ซู่..  จนขน...ลุก!สั่นและหวั่นไหวแต่มั่นคงอยู่แล้วจร้า...ความกลัวทำให้เสื่อม... คนเรามักกลัวในสิ่งที่ไม่รู้..เนอะ  มีสติรู้แจ้งเห็นจริงก็ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน   "ที่นิยามว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวก็จริงอยู่" แต่ถ้าเราพอใจในจุดที่เราอยู่ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายแม้แต่ตัวเราก็เป็นเพียงสิ่งสมมุติ

สวัสดีครับคุณศุภโชค คุณวิศรุต และท่าน Talented รุ่น 1 ทุกท่าน

ผมติดภาระกิจเลยไม่ได้แวะเข้ามาชม blog ตั้งแต่ต้นเดือน กุมภาพันธ์ ต้องขอโทษด้วยครับ สำหรับ ปุจฉา ของคุณ วิศรุต  "ปัญหาในโลกปัจจุบันหนีไม่พ้นเรื่องอำนาจ ไม่ว่าประเทศไหนๆ ผู้นำกลัวจะเสียอำนาจ คนนอกอยากจะเสพอำนาจรู้รสว่าเป็นเช่นไร ประชาชนคนทั่วไปกลับตกเป็นเหยื่อ ถ้าโลกนี้ไม่มีนิยามคำว่า "อำนาจ" จะเป็นเช่นไร?"

ขอตอบดังนี้ครับ อำนาจไม่ใช่สิ่งเลวร้ายไปทั้งหมด อำนาจที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆก็มี คนบางคนไม่ได้แสวงหาอำนาจให้ตัวเอง แต่มีอำนาจอยู่ในตัวเอง หรือมีผู้นำอำนาจมาให้ ข้อสำคัญอยู่ที่ใช้อำนาจอย่างไร และใช้เพื่ออะไร เพื่อใคร

ผมเปิด blog เพื่อแนะนำคนดี คนทำความดี คนคิดดี คิดสร้างสรรค์ คิดว่าท่านศุภโชค และท่าน วิศรุต ตลอดจนท่าน Talented รุ่น 1 สามารถแนะนำคนดี คิดดี เพื่อสังคมและประเทศชาติ จึงขอความกรุณาได้โปรดเข้าไปแนะนำใน blog http://gotoknow.org/blog/chanchot-social-capital/426266 ด้วยครับ

สวัสดี วันพุธที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 16 Feb 2011

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งของหลายๆคนไทยที่เฝ้ารอ ซึ่งขึ้นอยู่กับโชควาสนาของแต่ละคน หากแต่ไม่ยอมเปิดประตูดวงไว้บ้างเลย เวลามีโชคดีมาแล้วก็จะหาทางเข้าไม่ได้นะ

คิดว่า!ถ้าไม่ทำให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อนก็ทำเถิดครับ ความสุขเล็กๆ เป็นธรรมชาติของมนุษย์บางคน ที่ชอบเสี่ยงและถ้าทาย

ขออันเชิญพระราชดำรัชของในหลวง มาไว้ในบล็อกเพื่อเป็นสิริมงคลกับพวกเรา

...เศรษฐกิจพอเพียง เป็นเสมือนรากฐานของชีวิต
รากฐานความมั่นคงของแผ่นดิน เปรียบเสมือนเสาเข็ม
ที่ถูกตอกรองรับบ้านเรือนตัวอาคารไว้นั่นเอง
สิ่งก่อสร้างจะมั่นคงได้ก็อยู่ที่เสาเข็ม
แต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเสาเข็ม
และลืมเสาเข็มเสียด้วยซ้ำไป...

...อันนี้เคยบอกว่า ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่า
ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว
จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนี้มันเกินไป
แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ
จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร
บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ
ก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่
ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก...

...ในบ้านเมืองนั้นมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
ไม่มีใครจะทำให้คนทุกคนเป็นคนดีได้ทั้งหมด
การทำให้บ้านเมืองมีความปรกติสุขเรียบร้อย
จึงมิใช่การทำให้ทุกคนเป็นคนดี
หากแต่อยู่ที่การส่งเสริมคนดี
ให้คนดีได้ปกครองบ้านเมืองและควบคุมคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ
ไม่ให้ก่อความเดือดร้อนวุ่นวายได้ ...

ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ

สวัสดีสมาชิกทุกๆท่าน

ผมไม่ได้หายไปไหนหรอกครับพี่น้อง แต่ตอนนี้มีหลายเรื่องต้องดำเนินการ พยายามปลดที่ละเรื่อง ขอบคุณเพื่อนๆที่ยังเข้ามาทักทายกันอย่างต่อเนื่อง ผมคิดว่าวันที่ 1 และ 16 อาจจะไม่ความหมายหากว่าเรามุ่งหวังกับมันจนเกินไป เอาแค่ใช้สิทธิของพลเมืองไทยเป็นพอ จะได้ไม่เกิดทุกข์ตามมา

 

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาฯ ใครมีเวลาเชิญมาร่วมออกกำลังกายกันหน่อยนะครับ อยากเล่นกีฬาอะไรเชิญสมัครได้เลย เป้าหมายต้องการกระตุ้นการออกกำลังกาย สร้างกิจกรรมเพื่อก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรในองค์กร ไม่ต้องการให้เน้นที่ผลการแข่งขัน กีฬาคือมิตรภาพ แพ้หรือชนะ เราก็ยังเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกันตลอดไป เย็นๆๆ รอรับรางวัลใหญ่แล้วกัน อนุกรรมการกีฬาฯ จะจัดหาของขวัญให้โดนใจละกัน แต่ก็นานาจิตตังละครับ มีทั้งชอบและไม่ชอบ แต่ที่แน่ๆ ขอให้ได้ละกันเป็นพอ 555555

 

หากผมมีเวลาจะแวะมาเยี่ยมบ่อยๆๆ ครับ/ปธ.ติ่ง

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 21 Feb 2011

วันที่ ๑๖ ของข้าพเจ้าสมดังที่คิดถ้ารู้ว่าเป็นจริงดังคิดคงไม่ต้องทำมาหากินอะไรแล้ว.. ว้าเสียดายจัง.. ทำให้เรารู้ตัวเลยนะว่าความอยากมี..อยากได้..เป็นไง..(ถูกทดสอบความละโมบไม่รู้จักพอเพียง) เป็นเครื่องทดสอบจิตใจได้ระดับหนึ่ง

ส่วนเรื่องกีฬาเป็นการแข่งขัน ทำให้รู้จักแพ้ชนะ รู้จักอภัย แต่ถ้าสู้แล้วคิดว่าไม่มีใครอยากแพ้ ขอสนับสนุนเต็มที่  แต่ตอนนี้ก็ขอต่อสู้เอาชนะใจตัวเองก่อนล่ะจร้า ...ตัวใครตัวมัน

อย่ามัวแต่ลุ่มหลงมัวเมา ช่วยกันหาทางออกให้กับประเทศดีกว่า

ต้องเจอทางตันก่อนถึงจะกระเสือกกระสนหาทางออกจนได้แหละ

ความเห็นที่ 2372191 ไม่ยอมแจ้งผู้แสดงความคิดเห็นคงไม่เป็นไรนะจ๊ะ คราวหลังจะไม่ลืมจร้า......

 

เรียนท่าน Talented 1

ผมได้รับ e-mail จากเพื่อน เห็นว่าเป็นเรื่องดี จึงนำมาฝากครับ

พร 4 ข้อของท่าน ว.วชิรเมธี

   รักษา "หัวใจ" ของใครคนนั้น...คนที่เรารัก ประหนึ่งหัวใจ "ตน"
                     ให้สมกับที่เขา...ไว้ใจ และเชื่อใจ ที่ฝากหัวใจ...ไว้ที่เรา                      

ใครที่ไม่ได้ไปนั่งฟังการบรรยายธรรมะโดยท่าน  ว.วชิรเมธี   ท่านได้ให้พร 4 ข้อ ดังนี้   
1.   อย่าเป็นนักจับผิด
 
คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า   หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น   ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง
" กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก"  
คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง   ไม่มีโอกาส" จิตประภัสสร" ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี
" แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น   ก็เป็นสุข"


2.   อย่ามัวแต่คิดริษยา
 
"   แข่งกันดี ไม่ดีสักคน     ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน"  
คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4   คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว   มีชื่อว่า" เจ้ากรรมนายเวร"   ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์   ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอน
ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา   เป็น" ไฟสุมขอน" (   ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน
เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี" แผ่เมตตา" หรือ   ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อย ให้ลอยไป


3.   อย่าเสียเวลากับความหลัง  

90%   ของคนที่ทุกข์   เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ" ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น"
มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก   เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ   ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ" อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต   มากรีดปัจจุบัน"
" อยู่กับปัจจุบันให้เป็น"   ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี" สติ" กำกับตลอดเวลา

4.   อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ  

"   ตัณหา" ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี   เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วย น้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วย   เชื้อ ธรรมชาติของตัณหา   คือ" ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม"
ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่   คุณค่าเทียม   เช่น   คุณค่าที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา   ไม่ใช่มีไว้ ใส่เพื่อความโก้หรู  
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร   คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่   คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์
เราต้องถามตัวเองว่า" เกิดมาทำไม" " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน"   ตามหา" แก่น" ของชีวิตให้เจอ
คำว่า"พอดี"   คือถ้า"พอ" แล้วจะ"ดี"   รู้จั ก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข  



ท่านที่ได้รับโปรดส่งต่อไปให้แก่คนที่ท่านรักแลปรารถนาดี   เป็นบุญเป็นกุศลยิ่งนัก  

สัพพะทานัง ธัมมะธานัง ชินาติ  

'   การใ ห้ธรรมะเป็นทาน   ชนะการให้ทั้งปวง'

จงดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว   จงประสพแต่ความสุข ความเจริญ ด้วยอายุ วรรณะ สุขะ   พละ
และ   ปฏิภาณธนสารสมบัติทุกประการ  
 

 

สวัสดี วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 24 Feb 2011

สวัสดีครับท่านชาญโชติ ผมได้อ่านธรรมะดีของท่าน ว.วชิรเมธี แล้วก็ขออนุโมธนา สาธุ..สาธุ...สาธุ ด้วยครับซึ่งเป็นหลักธรรมพื้นฐานของปถุชนทั่วไปถ้านำไปใช้ปฏิบัติจะทำให้เกิดความสุขต่อตนเอง และผู้อื่น  สังคมก็จะมีแต่ความสุข จึงขอน้อมนำและส่งต่อด้วยจิตอันบริสุทธิ์ ถึงทุกผู้ทุกคนเทญอ.

สวัสดีครับคุณศุภโชค

อนุโมธนา สาธุ ครับ

สวัสดี  วันอังคารที่ ๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 1 Mar 2011

 วัดคืออะไร

 “วัด” โดยทั่วไปหมายถึง สถานที่ทาง ศาสนาสำหรับประกอบศาสนพิธีต่างๆ รวมทั้งเป็นที่พำนักของสงฆ์และนักบวช ส่วนคำว่า “วัดไทย” หมายถึง วัดทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท นอกจากนี้ ในปัจจุบันยังหมายความรวมถึงวัดที่ชุมชนชาวไทยไปสร้างไว้ในต่างประเทศ เพื่อเป็นที่พำนักของพระสงฆ์ไทยที่ไปเผยแผ่ พระพุทธศาสนา และเป็นสถานที่ประกอบศาสนพิธีของพุทธศาสนิกชนชาวไทยที่อาศัย อยู่ในประเทศนั้นๆ แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงวัดไทยเฉพาะที่อยู่ในประเทศไทยเท่านั้น

วัดไทย มีพัฒนาการมาตั้งแต่สมัยที่พระสงฆ์นำเอาพระพุทธศาสนาจากประเทศ อินเดียเข้ามาเผยแผ่ยังดินแดนที่เป็นสยามประเทศ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๙ - ๑๐ หรือตอนต้นสมัยทวารวดี พระสงฆ์ที่เดินทางเข้า มาเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น เมื่อไปถึงเมืองใดๆ และได้มีโอกาสเผยแผ่สั่งสอนผู้คน ให้รู้จักเห็นความสำคัญของพระพุทธศาสนา และศรัทธาเชื่อถือในพระธรรมคำสั่งสอนเป็น ที่มั่นคงแล้ว พระสงฆ์ก็จะจัดการให้มีวัดขึ้น เป็น “ศาสนสถาน” สำหรับเป็นที่พำนักและ ปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ รวมทั้งเป็นสถานที่ สำหรับแสดงธรรมแก่ผู้คนในเมืองนั้นๆให้พระพุทธศาสนามั่นคงถาวรต่อมาเป็นลำดับ

 

ขอเปิดประเด็น..........?

ทำไมคนไทยในปัจจุบันมักเขินอายกับการเข้าวัด หรือมักจะเห็นว่าวัดเป็นสถานที่ท้ายๆ ที่อยากสัมผัส  ทั้งๆที่เป็นแหล่งความรู้อันนิรันดร์กาล

คนใหญ่โตที่มีชื่อเสียงของไทยเรา ก็มีเยอะที่มาจากวัด   ถ้าเราลองมาพิจารณาถึงลักษณะของสถานที่ วัดกับวัง ก็ใกล้เคียงกัน ต่างกันก็ตรงผู้ที่อยู่ในสถานที่แห่งนั้น

สวัสดี วันอังคารที่ื ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 8 Mar 2011

คิดว่าข้าพเจ้าเข้าใจพอจะเข้าใจคำว่า อนิตจัง ทุกขัง อนัตตา  ตอนนี้อยู่ในขั้นอนิตจัง

สวัสดีท่านวิศรุต วันนี้ผมได้อ่านบทความเทคนิคการสังเกตจดจำ ภัยใกล้ตัวในยุคโลกาภิวัตน์ จากหนังสือของ พ.ต.อ. ณ พล โกศลลักษโณภาส ซึ่งมีอยู่ตอนหนึ่งกล่าวถึงเรื่อง"อำนาจ"จึงนึกถึงที่็ท่านเคยให้ความเห็นไว้ ผมพิจารณาแล้วเห็นว่ามีคุณค่าทางความรู้ เลยขอนำมาลงไว้ ซึ่งมีการเปรียบเปรยว่าถ้าอยากมีอำนาจก็ต้องมีความรู้แต่ความรู้กับอำนาจนั้นเมื่ออยู่ในตัวตนพร้อมกันก็จะเสื่อมลงพร้อมกันถ้าขาดซึ่งธรรมะโดยถือทุจริต

"อำนาจนั้นทำให้เสื่อมด้วยความทุจริต อำนาจเด็ดขาดก็ยิ่งทำให้เสื่อมอย่างเด็ดขาด"

"ธรรมเป็นอำนาจ ไม่ใช่อำนาจเป็นธรรมเมื่อทุจริต"  

คนใดใช้ธรรมะเป็นอำนาจ ก็จะรักษาครองอำนาจนั้นได้ยาวนาน แต่หากใช้อำนาจเป็นธรรมะเมื่อใดบุคคลนั้นก็จะรักษาอำนาจนั้นไว้ไม่ได้

สวัสดี วันอังคารที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๔ and Hello 15 Mar 2011

ธรรมชาติไม่ได้ทำลายมวลมนุษยชาติ  แต่มนุษย์ทำลายทำร้ายตัวเอง  หากแต่ธรรมชาติของมนุษย์ก็จะปรับตัวพัฒนาการดำรงความอยู่รอดได้เสมอ

ขอบคุณครับสำหรับสิ่งดีๆ ที่ท่านชาญโชติ ท่านศุภโชค นำมามอบให้เสมอ ทั้งด้านธรรมะ คติเตือนใจ แนวทางดำเนินชีวิต จนถึงความเป็นไปของโลก ที่มนุษย์ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง เข้าใจเช่นเดียวกันสุดท้ายธรรมชาติ และโลกจะเป็นผู้ตัดสินการกระทำของมนุษย์ ถ้าจะต้องมาสิ้นสุดในยุคของเราก็ยินดีน้อมรับ อีกอย่างผมกู้ไว้เยอะท่วมหัว ชาตินี้คงใช้ไม่หมด ก็หวังพึ่งธรรมชาตินี่แหละครับ ทุกอย่างจะได้เริ่มต้นกันใหม่ ชีวิตใหม่ สอนบทเรียนให้มนุษย์บ้าง อย่างหนักๆคงเป็นเรื่องดี ทุกวันยังหาสำนึกที่ดีไม่ได้ในสภาเลยครับ น่าอนาถใจ

สวัสดี วันจันทร์ที่ ๒๑ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๔ and Hello 21 Mar 2011

บล๊อกนี้จากการสังเกตดู ก็เห็นว่ายังมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมต่อเนื่องอยู่ แต่ไม่แสดงความเห็นใด เลย ทำให้เข้าใจไปเองว่านี่แหละวัฒนธรรม... ซึ่งเปลี่ยนยาก ต้องใช้เวลา  แต่ก็ยังมีความศรัทธาและความเชื่อมั่นในสิ่งที่ทำอยู่  หากแต่จะหันมาพิจารณาปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้ากับวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเรื่องง่ายกว่าเยอะ   และจะพยายามไปหาอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายมาเข้าในกรอบของวัฒนธรรม ต่อไป      

ทั่วโลกกำลังเผชิญกับ NATURAL LAW

เรียนท่านศุภโชค ขออภัยที่ไม่ได้เข้ามาต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง เพราะภารกิจที่รัดตัวมากในช่วงนี้ เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มคึกคะนองอีกครั้ง โดยไม่ดูสังขารตัวเอง วิ่งวุ่นกับการดูพื้นที่ ศึกษามนุษย์ สุดท้ายก็แพ้ภัยธรรมชาติ น้ำท่วมใหญ่ น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม สะพานถูกตัดขาด พลัดที่นาพาที่อยู่ พ่อแม่ลูกหลานบ้านแตกสาแหรกขาด เห็นมากับตา ได้ยินกับหู สูดดมความทุกข์ยากลำเค็ญได้อย่างขึ้นใจ

ไม่สามารถโทษใครได้เลย ต้องโทษความไม่พอเพียง ความโลภหลง อยากมีอยากได้ ไม่สนใจต่อการดำรงอยู่ความเป็นไปของธรรมชาติ เมื่อเริ่มทำลาย ก็ต้องถูกทำลายเช่นเดียวกัน เสียดายความตั้งใจของเหล่าสาวกของพุทธองค์ ที่คาดการณ์ล่วงหน้าว่าหากปล่อยให้กิเลสทำลายธรรมชาติป่าเขา แม่น้ำลำคลอง ทะเลที่สวยงามแล้วไซร้ สักวันจะมีการตอบแทนอย่างสาสม เหล่าพระป่า เลยไม่มีป่าให้อยู่ เพราะเป็นสวนปาล์ม สวนยางพาราไปเสียหมด การไม่รู้จักพึ่งพิงธรรมชาติ รู้แต่ล้างผลาญธรรมชาติ ก็สมควรแล้ว ผมในฐานะศิษญ์สายวัดป่า ของเชิญชวนท่านศุภโชค ร่วมทำบุญทำทานเพื่อช่วยเหลือพี่น้องที่ประสบภัย ช่วยเหลือธรรมชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืน โดยโอนเงินเข้าบัญชีผมได้เลยครับ ส่วนหมายเลขบัญชีจะบอกทีหลัง คาดหวังว่าท่านศุภโชคน่าจะละกิเลส ความอยากได้ใคร่มีออกไป ไม่ยึดติดต่อทรัพย์ศฤงคารต่างๆ แล้ว ฮิฮิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท