คุณโชค บูลกุน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกลุ่มฟาร์มโชคชัย ในหัวข้อ "การเกษตรไทยในยุคโลกาภิวัตน์ : มุมมองการตลาดอย่างอัจฉริยะ"
จากการบอกเล่าและแลกเปลี่ยนโดยมี รศ.ดร.สมชาย ชคตระการ ผู้อำนวยการสถาบันตะวันออกศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิตเป็นผู้ดำเนินรายการ พอสรุปแนวคิด-แนวปฏิบัติ ในการทำงานของคุณโชค บูลกุนได้ดังนี้
เช่นกรณีของโคนม ที่คุณโชคได้มองเห็นโอกาสเกี่ยวกับพันธุ์โค ที่ส่วนมากพอนึกถึงโคนม ก็จะนึกถึงโคนมที่นำเข้าจากต่างประเทศ แต่แท้จริงแล้วโคนมที่ฟาร์มโชคชัย น่าจะมีโอกาสเพราะว่าได้อยู่และปรับตัวในเขตร้อนมานาน จึงมีการพัฒนาคุณภาพและสายพันธุ์ที่เหมาะสมและให้ผลผลิตสูง จึงทำให้ปัจจุบันมีต่างประเทศในแถบเขตร้อนสั่งจองพันธุ์โคนมของฟาร์มโชคชัยจนผลิตไม่ทัน ต้องจองล่วงหน้า 2 ปีจึงจะได้โค และปีหนึ่งๆ ฟาร์มสามารถผลิตลูกโคนมได้เพียง 300 ตัว พร้อมกับกล่าวว่า "อยากได้ของดีต้องรอ"
ปัจจุบันทางฟาร์มจะมีการวิจัยพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานต่างๆ อย่างมาก เป็นการร่วมมือเพื่องานวิชาการของหน่วยงาน และงานพัฒนาของฟาร์มอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างได้สมผลประโยชน์
หลายท่านที่ไปเยี่ยมชมฟาร์มโชคชัย ต่างก็คงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและอาหารที่แปลกๆ ใหม่ อันเป็นเหตุเนื่องมาจากการมองเห็นโอกาส และสร้างโอกาสด้วยการดำเนินธุรกิจที่สืบเนื่องกัน ปัจจุบันฟาร์มโชคชัย มีธุรกิจหลายอย่าง และเชื่อมโยงกัน ปัจจุบันมี 6 บริษัท คือ
- เริ่มจากธุรกิจพันธุ์โคนม ขายพันธุ์และนม
- ต่อจากนั้นก็มีธุรกิจการท่องเที่ยว เพราะคนมาเที่ยวก็อยากจะดูการรีดนม ได้ลองรีดนม รวมไปถึงคนที่จะมาซื้อพันธุ์โค จะได้เห็นกระบวนการของฟาร์มเพื่อสร้างความเชื่อมมั่นไปในตัว
- ธุรกิจที่พัก เนื่องจากคนปัจจุบันต้องการธรรมชาติ/พักผ่อน จึงเปิดธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่พัก มีทั้งเต็นท์ที่ติดแอร์ สำหรับคนที่อยากมาสัมผัสธรรมชาติ และขณะเดียวกันก็อยากมีความสะดวกสบาย
- ธุรกิจที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นม เมื่อคนมาเที่ยว(ปีละประมาณ 300,000 คน) เลยตั้งบริษัทที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมไว้เพื่อตอบสนองคนที่มาเที่ยว บางกิจกรรมจะมีการเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ลงมือผลิตเอง ลองทำไอศกรีมเองตามใจชอบ ลูกค้าได้ความถูกใจ ทางบริษัทก็จะได้สูตรเด็ดของลูกค้าแต่ละคน เป็นการหาข้อมูลการตลาดไปในตัว
- ธุรกิจร้านอาหาร เมื่อมีคนมาเที่ยวก็ต้องมีความต้องการอาหาร บริการร้านอาหารจึงเกิดขึ้นอีกบริษัทหนึ่ง และเพื่อสร้างภาพลักษณ์(ที่เกี่ยวกับโค) จึงมีการนำเนื้อสะเต๊ะมาให้บริการ ซึ่งวัวก็จะใช้วัวขุนฟาร์มเกษตรกรใกล้เคียงมาทดแทน กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สร้างชื่อ
- ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ เนื่องจากทางฟาร์มมีพื้นที่มากถึง 20,000 ไร่ จึงเปิดธุรกิจนี้ขึ้นมาอีกธุรกิจหนึ่ง
คิดต่าง และบางครั้งความแตกต่างที่ไม่ต้องใช้เงิน เช่นห้องประชุม ที่ใช้จุดขายของความเป็นธรรมชาติที่มีอยู่แล้วของฟาร์ม เป็นต้น
ปัจจุบันคนเราเริ่มหันมาสนใจในวิถีชีวิตกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างประเทศ อนาคตคนเราเริ่มค้นหาความสงบ และทำอะไรที่ช้าลง เพราะชีวิตต้องการการพักผ่อน ดังนั้นมุมมองธุรกิจจึงจัดให้สอดคล้องกับสิ่งเหล่านี้
เราต้องรู้จักใช้โอกาส อดีตฟาร์มประสบกับการขาดทุนมากถึง 500 ล้านบาท แต่ก็ต่อสู้มาจนถึงทุกวันนี้ "รักษาอาชีพพระราชทานนี้ไว้ได้" "ต้องรู้จักการให้กำลังใจตัวเอง" "อยู่ที่ไหนก็ต้องหาความท้าทายของชีวิต" เมื่อพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส จะเห็นวิธีคิดและสะท้อนออกมาในธุรกิจของโชคชัย
หากอะไรได้มาง่ายๆ ทุกคนในโลกใบนี้ก็คงรวยกันไปหมดแล้ว และในการมองกรณีศึกษาต้องมองวิธีคิด มองในมุมที่มองไม่เห็น มองผ่านมิติต่างๆ อย่ามองแต่ความสำเร็จเพียงด้านเดียว จงภูมิใจในอาชีพการเกษตร เพราะเรามองไปถึงอนาคตข้างหน้าว่ามีความสำคัญ
จะเกิดขึ้นได้จะทำอะไรต้องไม่ประมาท ให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ควรทำและต้องช่างถาม(ตัวเอง) ว่าทำไม ? ? ต้องคุยกับตัวเราเองก่อน ก่อนที่จะทำอะไร ต้องเริ่มคิดจากสิ่งที่แย่ที่สุดก่อน ถามแล้วตอบไปทีละคำถาม...มำไม ? และฝึกมองในมุมที่ท้าทาย
หากจะทำอะไร จะต้องทำให้ดี และอย่างเพิ่งประมาทไปว่าเราจะรวยจากตรงนี้ ให้จินตนาการไปก่อนแล้วลงมือทำอย่างมืออาชีพ มีการสร้างอัตลักษณ์
การเรียนรู้เราอาจเรียนรู้ได้ทีละข้อ แต่ในชวิตจริง การทำงานเราอาจเจอปัญหาทีเดียว 10 ข้อพร้อมกัน
นำมาบันทึกเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ
สิงห์ป่าสัก 29 ก.ย. 52
เรียน ท่านสิงห์ป่าสัก เพื่อนรักนักพัฒนา
สวัสดีค่ะ
เป็นบันทึกที่อ่านแล้วได้สาระประโยชน์มากมายเลยค่ะ
ได้ฟังคุณโชค บุลกุล ในรายการวิทยุบ่อย ๆ ค่ะ โดยเฉพาะในคลื่น 96.5 FM.
และชื่นชมกับแนวคิดของนักธุรกิจรุ่นใหม่อย่างแท้จริงค่ะ...
ความสงบและความช้า...คือความสวยงามของโลกอนาคต
ขอบคุณมากค่ะ
(^___^)
นำภาพบนยอดเขาคิชฌกูฐ จันทบุรี มาฝากค่ะ
ผมเคยติดตาม-ศึกษาวิถีชีวิตของท่านนี้ผ่านหนังสือและสื่อทีวี..
ต้องยอมรับครับว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่กล้าและละเอียดกับโลกและชีวิตมาก..
การพลิกฟื้นธุรกิจสู่วันนี้ คือสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่า..
เก่งจริง...
ขอบคุณเรื่องดีๆ นี้นะครับ
สวัสดีค่ะ
***ตามมาชมเรื่องราวดีๆค่ะ
*** ขอขอบคุณที่ทำให้ได้เรียนรู้
...ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆค่ะ..ยายธี
ยังไม่เคยไปเลย..ป้าจะไปขี่ม้าชมฟาร์ม...อิอิ
แวะมาเยี่ยมพี่ครับ
ไม่รู้ผ่านตาบันทึกนี้ไปได้อย่างไร
อ่านข้อมูลแล้ว ดีมากครับ
อยากให้มีข้อมูลแบบนี้ใน
เครือข่ายเยอะๆ
ขอบคุณครับ