เมื่อระหว่างวันที่ ๑๒ - ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ สำนักงานอัยการเขต ๓ ร่วม กับ สำนักงานวิชาการ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "โครงการนำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและมาตรการทางกฏหมายมาใช้ " ผู้เข้าสัมมนาประกอบด้วย อธิบดีอัยการเขต อธิบดีอัยการฝ่าย รองอธิบดี อัยการพิเศษฝ่าย อัยการจังหวัด อัยการจังหวัด สคช. และพนักงานอัยการ จำนวน ๒๐๓ คน ณ ห้องสุรนารี เอ โรงแรมดุสิตปริ้สเซส โคราช
ในการจัดสัมมนาดังกล่าว คณะผู้จัดการสัมมนาได้จัดกิจกรรมกลุ่มย่อยออกเป็น ๔ กลุ่ม เพื่อให้ผู้เข้าสัมมนาได้แลกเปลี่ยน เรียน รู้ ประสบการณ์ และเสนอปัญหา เพื่อนำผลสรุปดังกล่าวไปพัฒนาปรับปรุงการอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ตามภารกิจขององค์กรต่อไป
กลุ่มที่ ๑ สมาชิกภายในกลุ่มได้เลือก นายอิทธิพร แสงประดับ รองอธิบดีอัยการเขต ๓ เป็นประธาน และผลการสัมมนากลุ่มย่อยของกลุ่มที่ ๑ โดยสรุปได้ ดังนี้
ประชุมกลุ่ม 1 ได้พิจารณาและอภิปรายในการแบ่งกลุ่มปฏิบัติการในภาคปฏิบัติเพื่อนำสู่การออกระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความในโครงการนำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและมาตรการทางกฎหมายมาใช้
1. หัวข้อ “ ประเภทคดีความผิดอันยอมความได้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับการไกล่เกลี่ย”
ความอาญา
- คดีอาญาอันยอมความได้ สามารถไกล่เกลี่ยได้ทุกคดี
- คดีอาญาแผ่นดิน ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงในแต่ละคดี ทั้งนี้ คำนึงถึง การได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ในแต่ละคดี หรืออาจจะกำหนดประเภทคดีไว้ในระเบียบ เช่นคดีประมาท สามารถตกลงระงับข้อผิดพลาดในทางแพ่ง โดยมีการทำบันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายในทางแพ่งโดยมีการมอบค่าสินไหมทดแทนให้แก่ฝ่ายที่เสียหายจนพอใจ ให้เสร็จสิ้นไปในชั้นอัยการ หรือลหุโทษ โดยที่พนักงานอัยการมีดุลพินิจในการสั่งคดีอยู่แล้วแต่ต้องจัดระเบียบในการใช้ดุลพินิจประเภทนี้ให้ดี หรืออาจส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการเปรียบเทียบปรับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ความแพ่ง
- ความแพ่งได้ทุกคดี โดยเฉพาะคดีที่มีการโต้แย้งสิทธิ ระหว่างคู่กรณี ที่เป็นเอกชนกับเอกชนด้วยกัน ส่วนคดีระหว่างรัฐกับเอกชน ให้ดูจำนวนทุนทรัพย์ที่จะข้อความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง
มติ เป็นไปตามความเห็นดังกล่าวข้างต้น
ความปกครอง
- กรณีได้ทุกคดีเว้นแต่มีข้อกำจัดตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
- กรณีค่าเสียหาย สามารถไกล่เกลี่ยได้แต่ต้องแล้วแต่กรณี
มติ เป็นไปตามความเห็นดังกล่าวข้างต้น
2. ควรให้ใครเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอาญา
- ควรให้พนักงานอัยการ สคช.เป็นผู้ไกล่เกลี่ยเนื่องจาก สคช. เป็นหน่วยงานที่มีภารกิจตรงนี้อยู่แล้ว หากให้เจ้าของสำนวนไกล่เกลี่ยอาจจะไม่มีเวลาเพียงพอ แต่ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิคนภายนอกที่จะเข้าร่วมไกล่เกลี่ยด้วย
มติ เป็นไปตามความเห็นดังกล่าวข้างต้น
3 ควรให้ใครเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางแพ่ง
มติ ที่ประชุมเห็นว่าควรให้พนักงานอัยการ สคช.และควรเพิ่มอัตรากำลัง สคช. หรือให้พนักงานอัยการอาวุโสซึ่งรับผิดชอบงาน สคช. เป็นผู้ไกล่เกลี่ย
4 ควรให้ใครเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางปกครอง
มติ ถ้ายังไม่เป็นคดีปกครองให้ส่ง สคช. ไกล่เกลี่ยประนอมข้อพิพาท ส่วนฟ้องคดีแล้วให้อัยการคดีเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
5. ความอาญาที่พนักงานอัยการควรดำเนินการไกล่เกลี่ย
- คดีอาญาอันยอมความได้ สามารถไกล่เกลี่ยได้ทุกคดี รวมทั้งคดีความผิดอาญาต่อแผ่นดิน
มติ ที่ประชุมเห็นว่าควรจะมีการไกล่เกลี่ยได้ทุกประเภท
6. คดีอาญาที่อยู่ระหว่างการฝากขังผู้ต้องหา
มติ ที่ประชุมเห็นว่าควรดำเนินการไกล่เกลี่ย โดยมีความเห็นว่าในคดีครบขัง หรือครบผัดฟ้องให้สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยต่อไปได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงการผัดฟ้องหรือฝากขัง
7. คดีอาญาที่จะดำเนินการไกล่เกลี่ยต้องปรากฏข้อเท็จจริงว่าการกระทำหรือพฤติการณ์ของผู้ต้องหาไม่เป็นการประกอบอาชญากรรมเป็นอาชีพหรือเป็นผู้กระทำความผิดติดนิสัย
- เห็นด้วย แต่นิยามคำว่าผู้กระทำผิดติดนิสัยมีกรอบหรือคำนิยามอย่างไรให้ชัดเจน
มติ เห็นด้วย แต่ควรกำหนดคำจำกัดความให้ชัดเจนถึงคำนิยามว่า “ผู้กระทำผิดติดนิสัยมีกรอบหรือคำนิยามอย่างไรให้ชัดเจน
8. เมื่อพนักงานอัยการดำเนินการไกล่เกลี่ยเสร็จแล้วควรส่งข้อพิพาทนั้นไปให้คณะบุคคลผู้ทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยฯ ตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2550 มาตรา 61/2 ทำการไกล่เกลี่ยอีกหรือไม่
- ควรส่ง เพราะเมื่อคู่กรณีได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันตามที่คณะบุคคลดังกล่าวทำการไกล่เกลี่ยแล้ว หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความที่ตกลงกัน อีกฝ่ายสามารถร้องขอให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้ออกคำบังคำตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวได้โดยที่คู่กรณีฝ่ายนั้นไม่ต้องยื่นฟ้องคดีต่อศาลด้วยตนเอง
9. การจัดทำเอกสารหลักฐานการไกล่เกลี่ยควรประกอบด้วยเอกสารใดบ้าง
- ตามระเบียบมีเอกสารควรมีแบบแจ้งสิทธิเพิ่มเติม
10.การจัดทำเอกสารหลักฐานการไกล่เกลี่ยมีความเหมาะสมเพียงใด
- ตามระเบียบมีเอกสารควรมีแบบแจ้งสิทธิเพิ่มเติม
11. การไกล่เกลี่ยความแพ่งควรมีกำหนดระยะเวลาอย่างไร
ที่ประชุมเห็นว่า หากเป็นคดีทั่วไปควรดำเนินการเข้ากระบวนการไกล่เกลี่ยครั้งแรกภายใน 30 วันนับแต่วันรับสำนวน หากดำเนินการไม่เสร็จให้ขยายได้อีกไม่เกิน 3 ครั้ง รวมกันแล้วไม่เกิน 120 วัน แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงอายุความ หากคดีใกล้ขาดอายุความระยะเวลาไม่ถึง 30 วัน ให้ใช้ดุลยพินิจ ฟ้องคดีไป
12. การไกล่เกลี่ยความปกครองควรมีกำหนดระยะเวลาอย่างไร
- ควรกำหนดเช่นเดียวกับข้อ 11
13.การไกล่เกลี่ยความอาญาควรมีกำหนดระยะเวลาอย่างไร
- ที่ประชุมเห็นว่ากำหนดระยะเวลาทางคดีความผิดอาญาอันยอมความได้และคดีความผิดอาญาต่อแผ่นดิน ควรดำเนินการไกล่เกลี่ยโดยเร็ว แต่อยู่ภายในกำหนดระยะเวลา ผัดฟ้องฝากขังและประกันตัว
14. ข้อเสนอแนะอื่นๆ
- สถานที่หากต้องไกล่เกลี่ยของอัยการไม่มีความพร้อมขอให้ใช้ห้องไกล่เกลี่ยของหน่วยงานอื่นก่อน
- ในคดีที่จะสั่งไม่ฟ้องหรือสั่งยุติคดีอยู่แล้วควรให้อยู่ในดุลยพินิจ
กลุ่มย่อยที่ ๑ เรื่อง : ความผิดอันยอมความได้ที่เข้าหลักเกณฑ์ไกล่เกลี่ย
เรื่องหลายเรื่องสมควรไกล่เกลี่ยจริงๆๆด้วยครับ มาให้กำลังใจในการทำงานครับผม