มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเพื่อลงนามเจตจำนง และประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับวางแผนการดำเนินงานโครงการเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลเพื่อคุณภาพชีวิตเด็ก เยาวชนและครอบครัว เมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๒ ณ ห้องประชุม D-๔๑๑ วิทยาลัยการเมืองการปกครอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความสามารถในการยกระดับความเข้าใจขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้นำชุมชน องค์กรชุมชน ตลอดจนภาคประชาชนในทุกระดับ และมีการจัดกระบวนการเสริมสร้างสุขภาพจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งด้านสิ่งแวดล้อม และพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม และสนับสนุนให้ชุมชนเกิดศักยภาพในการจัดทำแผนการสร้างเสริมสุขภาพในปีต่อๆไปได้
โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นายนิพันธ์ ชลวิทย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม เป็นประธานเปิดการประชุม พร้อมด้วย ผศ. ดร. ศุภชัย สมัปปิโต ผู้รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม รศ. สุรชา อมรพันธุ์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาระบบกายภาพ รศ. นิโลบล นิ่มกิ่งรัตน์ ผู้ประเมินสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับตำบลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ๕๐ แห่ง ใน ๕ จังหวัดคือ มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ ร่วมเป็นเกียติในพิธีลงนามเจตจำนงร่วมกันระหว่าง มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ร่วมโครงการ และร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ พร้อมเสนอปัญหาที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และประสบการณ์การแก้ไขปัญหา
รศ. นิโลบล นิ่มกิ่งรัตน์ ผู้ประเมินสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวถึงสาเหตุที่สสส. เลือกมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นผู้ติดตามและเป็นผู้ให้บริการชุมชนเนื่องจาก “มหาวิทยาลัยมหาสารคามมีศักยภาพ จากการที่ติดตามการดำเนินงานมา ๑ ปี เราดูมหาวิทยาลัยมหาสารคามทำงานได้ผล จึงอยากให้มหาวิทยาลัยมหาสารคามทำงานให้ เพราะมหาวิทยาลัยมีบทบาทอยู่ ๔ อย่างคือ ผลิตบัณฑิต ส่งเสริมงานวิจัย บริการชุมชน และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม เพราะฉะนั้นถ้าเอาแนวคิดที่เคยทำในมหาวิทยาลัยนี้ที่ได้ผล ไปให้บริการแก่ชุมชนคือให้บริการแก่ อบต. ทั้ง ๕๐ แห่งนี้ และขยายผลต่อไป ในครั้งนี้เราทดลองทำอยู่ ๓ มหาวิทยาลัย ที่แรกคือ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และมหาวิทยาลัยทักษิณ โดยมีขั้นตอนตั้งแต่การลงนาม การเซ็นสัญญา หลังจากนั้นทางมหาวิทยาลัยมหาสารคามก็จะติดตามผลตลอดทั้งปี ส่วน สสส. ก็จะทำหน้าที่ติดตาม ประเมินอีกทีว่าเป็นไปตามทฤษฎีที่เราตั้งไว้นั้นได้ผลหรือไม่ ถ้าได้ผลเราก็จะขยายต่อไปเรื่อยๆเพราะ อบต. เป็นฐานที่สำคัญที่เราเชื่อว่า คนที่อยู่ อบต. ต่อไปก็จะเป็นนักการเมือง หรือมีหน้าที่สำคัญต่อไปเรื่อยๆถ้าเราปรับฐานพื้นล่าง ให้มีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องนี้ปรับเปลี่ยนแนวคิด ก็จะเป็นพลังของประเทศชาติต่อไป”
ตามมาชื่นชมครับ
มาดูโครงการดีดีครับ
สวัสดีค่ะน้องผึ้ง
สบายดีนะคะ
มีความสุขในวันหยุดนะคะ
พี่..นงค์
สวัสดีค่ะพี่ผึ้ง สู้ สู้ นะคะ