"รถยนต์" เครื่องวัดหน้าตาและฐานะทางสังคมของครูมหาวิทยาลัย


พาหนะประจำตัวผมในสมัยเรียนหนังสือระดับปริญญาตรี หรือ โท คือ "รถจักรยาน" เพียงแต่ต่างกันตรงนี้ ตอนเรียนปริญญาตรีที่พิด'โลก เป็นจักรยานแบบผู้หญิงขี่ มือสอง ซื้อต่อจากรุ่นพี่ตอนปี ๑ และหายไปตอนก่อนจบไม่กี่วัน ... พอมาเรียนปริญญาโท ที่เชียงใหม่ ผมก็มีพัฒนาการมากขึ้น คือ เป็น "รถจักรยานเสือภูเขา" มือ ๑ ที่ใช้เงินจากทุนรอนของครอบครัวซื้อให้ไว้เป็นพาหนะในการเรียนระดับมหาบัณฑิต

บางคนที่ไม่รู้จักผม อาจจะนึกว่า ผมอายุสัก ๔๐ หรือ ๕๐ ปี หรือไม่ก็คิดว่า สมัยที่ผมเรียน รถประเภทอื่น ๆ คงยังไม่แพร่หลาย ... แต่ผมยังอายุไม่ถึงขนาดนั้น ผมแค่เลือกใช้พาหนะเท่าที่เงินของครอบครัวจะพอมีเท่านั้น จะให้ผมเลือกซื้อรถเครื่อง ฐานะผมคงไม่สามารถซื้อได้ขนาดนั้น

หลายคนคิดว่า ผมคงจะเหนื่อยน่าดู แต่ทราบไหมว่า ผมกลับไม่เคยเดือดร้อนใจเรื่องนี้ ผมขอแค่ไม่ไหนมาไหนโดยไม่ต้องเดิน หรือ ให้ใครเดือดร้อน หรือ ต้องอาศัยติดรถคนอื่นไปโน้นไปนี่ แค่นี้ผมก็พอใจที่สุดแล้ว

จนกระทั่ง ผมได้มีงานทำ ณ ที่แห่งแรก ผมก็ยังเลือกที่จะขี่จักรยานเสือภูเขามาทำงานเช่นเดิม ... แต่ว่าเหงื่อที่ออกมามันกลิ่นใช้ได้ทีเดียว แถมหากต้องการจะอาบน้ำก่อนเข้าไปนั่งในที่ทำงาน ก็ไม่มีห้องอาบน้ำให้อีก

เอาล่ะสิ ทำไงดี ผมคิด ... สงสัยถึงเวลาที่ต้องมีรถเครื่องที่ทำให้ตัวเองเหงื่อไม่ไหล ไคลไม่ย้อย มาในที่ทำงานได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนเรื่องกลิ่นให้ใคร :)

เกิดมาอยู่ในฐานะที่ไม่มีเงิน มีทอง มีมรดก มากองตรงหน้า วิธีการเดียวที่จะได้มา คือ ดาวน์แล้วผ่อนไปเรื่อย ๆ จำได้ว่า ใช้เงินเก็บของแม่มาดาวน์ แล้วผมผ่อนประมาณ ๑ ปี เรียกว่า ไม่อยากเสียดอกเบี้ยเยอะ แต่ยอมเอาเงินเดือนมาผ่อนรถ เหลือเท่าไหร่ก็กินเท่านั้น

จนถึงปัจจุบัน รถคันแรกก็ปลดระวางไปตามอายุขัย อสงไขยเวลาไป ... รถคันใหม่ที่ซื้อผ่อน ก็เป็นมือสองชั้นดีหน่อย แล้วผ่อนตามเคย ก็มาเป็นช่วงเวลาของการเป็นครูมหาวิทยาลัยนี่แหละ

ตอนนี้รถคันนี้ก็สี่หมื่นกว่ากิโลแล้วครับ ... เหอ เหอ มันอายุเริ่มมากขึ้น

 

สิ่งที่ผมจะต้องทำทุกเดือน คือ

 

 

เช็ครถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องประจำเดือน

การดูแลและบำรุงรักษาเจ้าเพื่อนเกลออย่างดีที่สุดครับ ... เช็ครถประจำเดือน ... เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ... อะไรเสียต้องเปลี่ยนทันที เพื่อความปลอดภัยครับ เพราะผมขี่รถระหว่างบ้านถึงที่ทำงาน ไป-กลับ ๔๐ กิโลเมตร ข้ามอำเภอทุกวัน ครับ

อะไรอีกที่เป็นสิ่งที่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ จากการขี่รถเครื่องค้นเก่า

 

 

หมวกนิรภัย (หมวกกันน็อค)

หากหน้ากากมันเริ่มเป็นรอยมากขึ้น มัวขึ้น ก็ถึงเวลาเปลี่ยน อันหนึ่งมีอายุสัก 6 เดือน ราคาต่อหน่วยก็ไม่เกินร้อยบาท

หรือหากตัวหมวกเอง ตัวล็อกสายรัดคาง เริ่มติดได้บ้าง หรือไม่ติดบ้าง ... กลิ่นภายในหมวกเริ่มแรงขึ้น มีแบคทีเรียรบกวนมากขึ้น (คือ เหม็นอับ) ... ก็คงต้องซื้อหมวกนิรภัยใหม่ไปเลยครับ ก็ราว ๆ สองร้อย ถึง สามร้อยบาท ... ผมจะซื้อแบบเต็มหัว เพื่อ Safty ตัวเองให้มากที่สุด

 

 

เสื้อกันฝน

ข้อจำกัดของการขี่รถเครื่อง คือ หน้าฝน นี่แหละครับ ... รถเครื่อง ไม่มีหลังคากันฝนเหมือนรถยนต์ เมื่อฝนตก หากไม่จอดรถข้างทาง ก็เปียกอยู่ดี จึงต้องมีเสื้อกันฝนติดประจำรถอยู่เสมอ ไม่นำไปเก็บไว้ใต้เบาะ ก็ที่ตะกร้าหน้ารถ

เสื้อกันฝน ผมจะเปลี่ยนปีละครั้ง หมายถึงว่า มันหมดอายุ ครับ ... ขาดบ้าง กรอบบ้าง มีรูรั่วบ้าง

ใส่ชุดทำงานนี่ครับ ต้องพยายามเลือกเสื้อกันฝนให้กันฝนได้มากที่สุด

การแต่งกายประจำหน้าฝน ก็คือ

1. ใส่รองเท้าแตะแบบสวม แทน คัทชู

2. พับขากางเกงขายาวขึ้นข้างบน

3. สวมเสื้อแขนยาว (แจ็คเก็ตกันฝน) ป้องกันเสื้อทำงาน

4. ใช้เป้ใส่ของ แล้วตะพายไว้ด้านหลัง

มีหลายคนคิดว่า คงจะลำบากน่าดู แต่ ... หากเรามีความพร้อมรับสถานการณ์ฝนตก ของในเป้ ในกระเป๋าไม่เปียก ผมก็ถือว่าโอเคแล้วครับ ... ผมมีความสุขดี

 

 

แนวคิดของกัลยาณมิตร ... ทำให้นึกได้เพิ่มขึ้น ครับ

 

ไอ้โม่ง หรือ หมวกไหมพรมคลุมหน้า

ไอ้โม่งที่เป็นหมวกไหมพรมสำหรับกันแดดและความร้อนที่โดนผิวหน้า ครับ ... หลายท่านอาจจะหาว่า ผมเป็นไฮโซที่โดนแดดเลียผิวไม่ได้ แต่ไม่ใช่หรอกนะครับ เมื่อหลายปีก่อนผมก็ไม่ได้ใส่ไอ้โม่งนี่หรอกครับ แต่ผมโดนแดดมากเกินไปจนสีผิวซีดขาวบริเวณที่โดนมาก ๆ หมอบอกว่า อาจเป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนังครับ จึงจำเป็นต้องดูแลตัวเองมากหน่อย

ไอ้โม่งก็จะใช้จนกว่าจะพัง ไหมพรมขาดครับ ใบหนึ่งก็สี่สิบบาทจนถึงเจ็ดสิบครับ ซื้อตามกาดนัด (ตลาดนัด) ขายของราคาถูก

 

 

ถุงมือกันหนาว (กันแดด)

ถุงมือกันหนาวสำหรับผมใช้กันแดดและทำให้การขี่รถมันกระชับขึ้น มีตัวช่วยยึดแฮนด์รถครับ ... ผมเป็นคนชอบขี่รถทางไกลบ่อย ทำให้ถุงมือกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญไป แต่สถานการณ์เดียวที่ใช้ไม่ได้ คือ เวลาที่ฝนกำลังจะตกครับ ไม่งั้นเปียก ซักยาก ไม่คืนทรง

ผมจะเปลี่ยนทุกปี มีร้านประจำอยู่ที่งานสัปดาห์หนังสือฯ ของสำนักหอสมุดมอชอ ที่มีเพียงปีละครั้ง ตอนปลายปี เจ้าของร้านจำหน้าผมได้แน่นอน ราคาก็ประมาณสองร้อยถึงสามร้อยบาท ครับ

 

 

เพื่อนอาจารย์ที่ทำงาน ตะโกนบอกผมว่า ทำไมไม่ซื้อรถยนต์สักที สนใจรถกะบะพี่ไหม ? ...

เพื่อนอาจารย์คนอื่น ก็คิดว่า เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยต้องใช้รถยนต์เท่านั้น หลายคนนำเรื่องนี้ไปนินทาว่าร้ายว่า กระจอกเหลือเกิน จนแต่หยิ่ง

นักศึกษาถามว่า อาจารย์ยังขี่รถเครื่องอยู่อีกหรือ ?

 

 

คำตอบง่าย ๆ ที่ผมอยากตอบไป คือ ...

ผมก็แค่ขับรถยนต์ไม่เป็น ... ผมไม่มีเงินผ่อนอะไรอีกแล้ว นอกจากบ้านของพ่อกับแม่ที่ต้องการให้ผมมีสักที หลังจากการเช่าหอพักมายาวนาน ... ผมไม่มีมรดกที่พ่อแม่ได้สร้างให้ไว้ ... ผมต้องพยายามเลี้ยงดูพ่อแม่ของผมให้ดีที่สุด ...

ผมคิดว่า ผมยังมีภาระที่เหนือกว่าการมีรถยนต์เพื่อมีหน้ามีตาในสังคม ให้สมกับเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ผมเชื่อว่า สักวัน หากผมมีความพร้อมแล้ว เรื่องใด ๆ ที่ผมสามารถทำได้ ผมคงไม่ต้องรอให้สังคมมาบอกว่า ผมควรจะทำอย่างไร

 

ปัจจุบัน ผมจึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการมีรถยนต์มากไปกว่าพ่อแม่ผมสบายกว่านี้ อีกทั้งหน้าตาในสังคมของผมอยู่ที่ "ปัญญาและหัวสมอง" ที่จะสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมีคุณค่า

ผมพอใจในสิ่งที่ผมมี และเลือกมีความสุขในทุก ๆ วัน

 

ขอบคุณมากครับ ;)

 

เชียงใหม่

๓ มิ.ย.๕๒

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 265341เขียนเมื่อ 3 มิถุนายน 2009 00:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 00:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (39)

สวัสดีค่ะ

ขอชื่นชมอาจารย์เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง

มั่นใจว่าป็นคนมีอะไรดีๆ...ทุกวันนี้ก็จะเป็นอย่างนี้หละคะ...

คนจะมองกันที่ข้างนอก...

 

อ่านเรื่องของอาจารย์แล้วนึกถึงม.ช.เคยไปเรียนป.โทที่นั่นเมื่อปี '23 พักอยู่หอหน้ามอบ้าง หลังมอบ้าง นั่งรถสองแถวแล้วเดินไปตึกเรียน บางทีก็ซ้อนมอเตอร์ไซด์เพื่อนไปไหนมาไหน ตอนปิดซัมเมอร์เพื่อนกลับบ้านที่อุบลราชธานีทิ้งมอเตอร์ไซด์ไว้ให้ใช้ ขี่เที่ยวกันสนุกมาก เรียนอยู่สองปีจบแล้วกลับมาสอนที่ร.ร.ประจำจังหวัดตามเดิม ตอนบรรจุใหม่ ๆ พักอยู่กับพี่สาวและพี่เขยนั่งรถสองแถวไปทำงาน ต่อมาย้ายมาเช่าบ้านอยู่ในเมืองซื้อจักรยานขี่ไปทำงาน สมัยนั้นที่ ร.ร.เปิดสอนนักศึกษาผู้ใหญ่ก็ไปสอนตอนหัวค่ำ เก็บเงินได้ก็ซื้อมอเตอร์ไซด์คันแรก"ซูซูกิ เลิฟ"สีเหลือง จากมอเตอร์ไซด์ก็เปลี่ยนเป็นรถกระบะ จากรถกระบะเปลี่ยนเป็นรถเก๋ง แล้วก็early retireเมื่อปี '44 รถที่ซื้อเงินสดมีจักรยานและมอเตอร์ไซด์ รถยนต์ทุกคันที่ซื้อผ่อนทั้งนั้น ก่อนตัดสินใจซื้อรถต้องคำนวนรายรับรายจ่ายให้ดีจะได้ไม่ต้องปวดหัว

  • สวัสดีค่ะ
  • จะเป็นความแปลกรึไม่
  • หรือจะเป็นเรื่องน่าอาย
  • หรือมองเป็นความสงสาร
  • กับการที่นักศึกษาปริญญาเอก
  • ไปเรียนโดยไม่มีรถยนต์ส่วนตัว
  • ไม่มีแม้มอร์เตอร์ไซต์ขับขี่
  • มาเรียนโดยรถสองแถว
  • ไม่ก็รถตุ๊กๆ ต่างจากผู้เรียนคนอื่น
  • เป็นคำถามเล่นๆจากผู้ที่..
  • เรียนป.เอกคนหนึ่งค่ะ
  • ฝากคิดกันเล่นๆ
  • ขอบคุณค่ะ

 

 

สวัสดีค่ะอาจารย์

       "ผมต้องพยายามเลี้ยงดูพ่อแม่ของผมให้ดีที่สุด" ชอบจังค่ะ ^_^ ในฐานะลูก  (ลูกคนเดียว) "การดูแลพ่อแม่ของเราให้ดีที่สุด ให้ลำบากน้อยลงที่สุด" ในบั้นปลายชีวิต หลังจากที่ท่านทั้งสองได้ลำบากเพื่อเรามามากเหลือเกิน ลำพังตามวิถีชีวิตชาวบ้านธรรมดาในชนบทมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เพื่อให้ลูกได้เรียน จึงต้องดิ้นรน ภาพที่จำได้คือ ความขยันแล้วไม่อยู่นิ่งขอท่านทั้งสอง...ตอนนี้พ่อสบายแล้วค่ะ กิน นอน อยู่บ้าน (ท่านคงไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะ) แต่ก็ดีใจที่เราสามารถดูแลได้ระดับหนึ่ง บ้านก็คงเป็นความฝันต้นๆในการทำให้พ่อแม่อยู่แบบสบายขึ้น คิดว่าทำเท่าที่ทำได้ทีละนิด ตามกำลัง ตอนนี้ก็ดูดีขึ้น ดอกไม้ที่บ้านเริ่มบาน แม่ก็ยังคงทำหน้าที่ดูแลพ่อต่อไป...

      เห็นคำถามครูแป๋ม ที่ให้คิดเล่นๆ  อิอิ  เทียนน้อยก็เป็นคนหนึ่ง ที่ไปเรียนโดยโดยสารรถประจำทางแต่เช้ากว่าจะถึงมหาลัย  นั่งรถสองแถว หรือ รถเครื่องยืมของเพื่อนที่ยังอาศัยในมหาลัย ไปเรียนบางครั้ง  เป็นคนหนึ่งในสาขาที่ไม่มีรถยนต์ขับโก้หรูไปเรียน แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหรอกค่ะ  มิตรภาพของเราก็ยังดำเนินไปได้ด้วยดี แหะๆแต่เราก็เป็นคนแปลกๆ ไม่รู้ว่าจะเท่า อ.พี่เสือ หรือเปล่านะคะ  อิอิอิ 

     จะว่าไปแล้วค่านิยมการมีรถยนต์  เห็นจากเพื่อนๆที่พึ่งเรียนจบก็อยากได้รถยนต์ขับกันแล้ว  ถ้าต้นทุนทางครอบครัวสูงก็ไม่เป็นไร คงไม่ได้เดือดร้อนเท่าที่ควร บางคนต้นทุนไม่มี แต่อยากได้อยากมีจนพ่อแม่พี่น้องเดือดร้อน ทั้งบ้าน รถ  ต้องขายที่ดิน หาเงินทอง มาเพื่อให้ลูกได้ดี ได้เป็นอย่างที่คนอื่นควรจะมีควรจะเป็น รักสบายจนเคย...บ่อยครั้งที่เพื่อนๆเวียนถามว่า

    "เมื่อไหร่จะออกรถ มือสองก็มี...เป็นถึงครูบาอาจารย์  เรียนก็สูง"

     ก็ไม่มีเงินนะ  แล้วที่สำคัญยังมีสิ่งอื่นที่เราต้องทำและสำคัญมากกว่านั้น  ตัวเองสบายแต่พ่อแม่ลำบากจะทนได้หรือ?

    จะว่าไปแล้วนะคะ อ.พี่เสือ วิถีการดำเนินชีวิต เวลาอ่านจากงาน อ.เหมือนได้สะท้อนเงาตัวเองยังไงไม่รู้  และนี่คงเป็นอีกเหตุผลที่ชอบเข้ามาอ่านงานเขียนของ อาจารย์นะคะ 

   โหหหหหหหหหหหหหหหหหย้อนกลับขึ้นไปดูข้างบนยาวมากเลยอะคะ  555 เพลินเลย 

   ขอบคุณนะคะ ^_^ 

 

อยู่ มช.ผมใช้มอเตอร์ไซต์ครับ สำหรับ นศ.แล้ว สะดวกดีไปไหนก็รวดเร็วทันใจ เสียอย่างเดียวสวมหมวกกันน็อคแล้วทรงผมเสีย...  :(

ตอนนี้ผมก็ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวนะครับ รถที่มีให้น้องสาวใช้ขับอยู่ ตจว.ใกล้ๆ กทม. ผมเองใช้บริการขนส่งมวลชน สบายใจดีครับ ไม่ต้องหาที่จอดรถ ไม่สะดวกในบางครั้งแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

ตอนนี้คิดจะหาจักรยานมาปั่น ปั่น และ ปั่น ครับ เพื่อสุขภาพและลดโลกร้อน ผมเห็นบรรยากาศในมหาวิทยาลัยน่าปั่นเชียวครับ...

กำลังหาจักรยานเหมาะๆสักคัน ผมเล็งไว้แล้วครับ...  :)

ปั๋นไปด้วย แบกกล้องตัวโปรดไปด้วย  อืม...สวรรค์เลยครับ

โอ้โห จักรยานพี่เอก 555 เอ้า รอชมอยู่นะครับ พี่เอกครับ เดย์อ่านคำไม่นิยมแล้วนะพี่ อิอิ เดี๋ยวเข้าไปเขียนแซวอีกที ;)

เยี่ยมมากเลยครับพี่Was ;)

ก็คนมันพอใจอย่างนี้นี่เนาะ จะมาขู่เข็น ดูแคลนกันทำไม...เฮ้อ

แนวคิดที่รู้ตัวเองและซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ไม่โอนอ่อนเอนตามคำคน มั่นคงไว้ดีมากๆเลยครับ หลายๆคนล้มไม่เป็นท่ามาแล้วที่ไปฟังคนอื่น และเอาอย่างโดยที่ตัวก็ต่างจากเค้าทั้งฐานะและจิตใจ ^_^

ผมก็ขับรถเครื่องเช่นกันครับตอนรีบ จักรยานก็ด้วยในวันที่อยากปั่นไปถ่ายรูป :)

ทั้งรถจักรยานที่ใช้พลังงาน.. ปั่น ปั่น ปั่น

รถมอเตอร์ไซด์ ได้จากการผ่อนจากเงินเดือนข้าราชการครั้งแรก

สิ่งที่ต้องทำประจำ คือ  เช็ครถ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง

หน้าฝน ก็มี เสื้อกันฝน  ขับรถกลางสายฝน  ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง

อุปกรณ์เสริม  ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่สำหรับปิดจมูกและปาก  ถุงมือ

สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ หมวกนิรภัย

ผ่านชีวิตช่วงนี้มาแล้วค่ะ อิอิ..

ตอนนี้ใช้รถรถยนต์ เพราะไม่ใช่เครื่องวัดหน้าตา  แต่ทว่า  ขาข้างขวา ไหปลาร้าข้างซ้าย มีรอยต่อเพราะมอเตอร์ไซด์แบบไม่ตั้งใจค่ะ

เก็บชีวิตไว้สัก 100 ปี  ...55555

ขอบคุณมากครับ พี่ แดง (ขออนุญาตเรียกพี่ครับ) ...

เป็นปกติของมนุษย์ที่มักจะไม่รู้จักพอ ... มีอยากได้ อยากมี อยากเป็น จนเป็นเรื่องธรรมดา ... เหลือเพียงแต่ว่า มาก หรือ น้อย ... ตนเอง หรือ คนรอบข้าง เดือดร้อนหรือไม่ เท่านั้นเองครับ

;)

ขอบคุณครับ คุณแก้ว สำหรับเรื่องราวที่นำมาเล่าเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันครับ ;)

ไม่แปลกใด ๆ สำหรับผมครับ คุณ ครูแป๋ม ;)...

แต่คนที่มองคนที่ภายนอก หรือ วัตถุมาก่อนปัญญา คงน่าจะแปลก

ขอบคุณครับ

ขออภัยครับ น้องคุณครู เทียนน้อย ที่บันทึกยาวเกินไป อิ อิ ;)

ชอบคำว่า "ต้นทุน" ครับ ... ใครมีต้นทุนสูง ก็เป็นเรื่องปกติ ใครมีต้นทุนต่ำ ก็ต้องบริหารจัดการให้ดี

พี่มีต้นทุนต่ำ ก็ย่อมต้องทำความรู้จักตนเองให้ดี ไม่ไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่ต้นทุนสูงกว่า เพียงแต่พี่เคยเห็นคนที่ต้นทุนต่ำ แต่ทำเป็นมีต้นทุนสูง ปรากฎว่า เป็นหนี้ท่วมท้น ... เพียรหาค่าตอบแทนการสอนภาคพิเศษ โดยการแย่งชิงจากคนอื่นอย่างไม่ยุติธรรมครับ

เออ ตกลงพี่ไปเป็นเงาน้องคุณครู เทียนน้อย เมื่อไหร่เนี่ย 555

;)

สวัสดีครับ คุณเอก จตุพร วิศิษฏ์โชติอังกูร ;)

เปิดเทอมใหม่แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ ... สบาย ๆ นะครับ

ผมคิดว่า อยู่ที่เราสามารถรู้เท่าทันตนเองหรือเปล่าน่ะครับ .. รู้ว่า ตนสามารถมีสิ่งนี้ได้ โดยที่อนาคตตนเองไม่เดือดร้อน

แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เขาเรียกว่า "พอประมาณ"

หากผมอยู่เมืองหลวง ... รถเมล์เป็นเป้าหมายหลักแน่นอนครับ

ดูแลสุขภาพครับ ... อย่าห่วงทรงผมเลยครับ เพราะยังไม่มีงานวิจัยใดบอกว่า หากทรงผมเสียแล้ว มันสมองและปัญญาจะเสียตาม ;) 555

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ น้อง adayday ;)

น้องขี่รถ หรือ ขับรถอะไรก็ได้ครับ ... เพียงแต่ว่าไม่ได้ทำให้คนอื่นหรือตัวเราต้องเดือดร้อนกับการมี

เพราะ "ความสุข" ของเราย่อมไม่อยู่บนความทุกข์ของใคร ๆ

สู้ สู้ ครับ ;)

สวัสดีครับ คุณครูจุฑารัตน์ NU 11 ;)

ประสบการณ์และเรื่องเล่า ทำให้ผมต้องเพิ่มเติมเนื้อหาบันทึกอย่างเร่งด่วน ครับ ...

ขอบคุณมากครับ :)

  • ธุ  อาจารย์วสวัตดีมารค่ะ..

ขี่มอเตอร์ไซค์..ใกล้ชิดค่ะ อาจารย์  อิอิ  ^^  ต้อมเคยได้รับ fw.mail ที่เป็นการ์ตูนของคนสองคน   แรกรักก็ขี่จักรยาน..ฝ่ายชายปั่น ฝ่ายหญิงเกาะเอว    ต่อมาก็เปลี่ยนมอเตอร์ไซค์..ก็ยังใกล้ชิดกันอยู่     แล้วเปลี่ยนไปเป็นรถเก๋งญี่ปุ่นสภาพก็ยังโอเคอยู่..เริ่มนั่งห่างกันบ้าง แต่รถคันเล็กก็ยังนับว่าไม่ไกลกันนัก    พอร่ำรวยซื้อรถยุโรปคันโต..ระยะห่างระหว่างฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายก็ไกลกันเหลือเกิน  เหอๆๆ 

ต้อมอ่านบันทึกนี้ของอาจารย์แล้วยิ้มค่ะ  ^^  ในความคิดของต้อมอาจารย์วสวัตดีมารเจ๋งดี    ขอบคุณที่บอกว่า..ผมพอใจในสิ่งที่ผมมี และเลือกมีความสุขในทุก ๆ วัน

นับถือค่ะ..  เออ เมื่อวันจันทร์ต้อมไปร้านก๋วยเตี๋ยวลีลามาแล้วนะคะ  อร่อยดีค่ะ   ^^

ธุจ้า หนูต้อม เนปาลี ;)

เรื่องราวน่ารักครับ ... ยิ่งฐานะดี ก็ยิ่งห่างไกลกันในความรู้สึกและความรัก :)

ผมยังคงพอใจในทุก ๆ ก้าวที่ตนเองเลือกอย่างพอเพียง ที่คำว่า "พอเพียง" ไม่ใช่นำคำฮิตมาใช้ แต่ใช้โดยพฤติกรรมประจำวัน ทุก ๆ วัน แบบนี้ครับ

เสียงนก เสียงกา ฤาจะสู้หัวใจตัวเอง

เออ ก๋วยเตี๋ยวลีลาสาขาใหม่ กว้างขวางกว่าเดิมนะครับ ;)

ขอบคุณครับ :)

  • อาจารย์วสวัตดีมาร..

หลายๆ ครั้งต้อมหงุดหงิดกับเครื่องชี้วัดหน้าตาและฐานะทางสังคม  แต่พออารมณ์ดีๆ ก็นึกได้ว่าเออนะ ก็เรื่องของเขา  ไม่เกี่ยวกับเรา   ใครอยากได้หรืออยากมีก็ช่างเขา    แต่รำคาญตรงสายตาที่เหมือนจะเป็นคำถามส่งตรงมายังเรา   ...ไม่รู้หรือยังไงกัน ว่าฉันมีความสุขดีกับการประมาณตน (ว๊อย)

ต้อมไม่ชอบคำว่า "พอเพียง" ที่ใครๆ ก็สักแต่พูดกัน  หากไม่เคยนำไปปฏิบัติจริงจัง   ทำเพราะเป็นข้อความสวยหรู  ดูดี  ตามกระแส    ที่ต้อมเห็นก็คือทุกคนก็ใช้ชีวิตรุ่มรวยกันอยู่อย่างสบายใจดี   

เสียงนก เสียงกา ฤาจะสู้หัวใจตัวเอง   <<  เสียงนกเสียงกา น่ารำคาญ  อิอิ 

 

อ้าว..เหรอคะ  ที่ต้อมไปนั่นเป็นสาขาใหม่เหรอ   ต้อมไม่รู้นะเนี่ย    ที่สนใจร้านนี้เพราะเห็นอาจารย์คุยกับพี่จ๊ะ ดาวลูกไก่ เมื่อช่วงก่อนโน้นนั่นล่ะค่ะ  

ขอบคุณนะคะ  ^^

แป่วๆๆๆๆๆๆ  555 

เออ ตกลงพี่ไปเป็นเงาน้องคุณครู เทียนน้อย เมื่อไหร่เนี่ย 555

นั่นจิค่ะ  อิอิอิ  ใช้คำพูดผิดไปเหรอค่ะ งั้นเปลี่ยนใหม่ 

"คงแค่เหมือนกัน"  มั้งค่ะ  ^_^

สวัสดีค่ะ

  • มาอ่านตั้งหลายเที่ยวแล้วนะคะ
  • ชื่นชมค่ะ..
  • ขอเป็นกำลังใจ...สังคมของผมอยู่ที่ "ปัญญาและหัวสมอง" ที่จะสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดี และทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างมีคุณค่า

แหม น้องต้อม เนปาลี comment มันน่าดูเลย 555 ... ชอบ ๆ

ก๋วยเตี๋ยวลีลาสาขาเดิมอยู่ติดถนนตรงข้ามกาดธานินทร์ครับ

สาขาใหม่เพิ่งย้ายเข้ามาในซอยได้สักประมาณ 2 เดือน ครับ

ขอบคุณครับ ;)

555 .. น้องคุณครู เทียนน้อย ... แหม ... อุตส่าห์มาตอบอีกที 555...

ว้าว คุณ ครูคิม ... มาหลายรอบเลยหรือครับ

ขอบคุณมากครับ ;)

สวัสดีค่ะอาจารย์

รออยู่ละสิ

ติดประชุมค่า เพิ่งคุยเรียบร้อยเมื่อกี้นี้เอง งานเข้านะงานเข้า

ในชีวิตวิธีที่ดีสำหรับตัวเอง คือ เดินค่ะ เป็นวิธีออกกำลังกายง่ายๆ เพราะเป็นคนขี้เกียจ ถ้าไปไกลก็รถประจำทางค่ะ สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องหาที่จอด ไม่กลัวหาย ไม่ต้องกลัวลืมกุญแจอีกต่างหาก เพราะปัจจุบันเท่าที่มีนี่ก็สะดุ้งทุกครั้งที่หากุญแจไม่เจอแล้วค่ะ

สี่ว่าจะดำเนินชีวิตอย่างไร สุขมากน้อยเพียงไหนเรานะแหละเลือกเองค่ะ อย่าทุกข์เพราะมือของใคร หรือคำพูดของใครเป็นเหตุเลยค่ะ

ไม่อย่างนั้นชีวิตเราต้องถูกผูกติดอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา เหนื่อยแย่ค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ลืมค่ะ เรื่องหาบันทึกใหม่ๆ ของใครๆ นี่ง่ายค่ะ

ไม่ว่าจะซ่อนอยู่ไหนใน GotoKnow ก็หาจนเจอค่ะ ;)

วันนี้เพิ่งพูดกับเพื่อนเรื่องรถกับฐานะ

ผมขี่จักรยานยนต์ไปทำงาน บางคนว่า.. โหระดับนี้แล้วทำไมขี่รถจักรยาน..

.. อธิการบดีเห็นผมก็ทักว่า ประหยัดดี ไม่คิดปั่นจักรยานเหรอ..

.. ผมก็ตอบไปว่า ครับก็คิดเหมือนกัน ..

..ทุกวันนี้คงได้แต่คิด .. เพราะรถชนผมกำลังขี่เสือภูเขาออกกำลังกาย ..

(รูปเก่าๆก่อนเดี้ยงมาดู)

ขอบคุณนะครับ น้อง สี่ซี่ ;) ... ตัวไม่ผูก แต่ใจผูก v-v

ขอบพระคุณสำหรับประสบการณ์ของอาจารย์ Ibm ครูปอเนาะ ڬوروفوندق ... ด้วยความเคารพครับ

          

  • แวะมาอีกครั้งยามดึกๆค่ะอาจารย์
  • มาดื่มด่ำในอรรถรสที่ทุกท่านถ่ายทอด
  • เรื่องราวแบบสามัญโดยไม่ต้องคิดยาก
  • สรรหาคำหรูๆมาทำให้ค่าในตัวตนสูงขึ้น
  • รู้สึกชื่นชมอาจารย์เพิ่มอีกทวีคูณ
  • ปราชญ์ที่เราสัมผัสได้แห่งตัวตนของท่าน
  • ขอบคุณเรื่องราวที่แสนจะประทับใจค่ะ.

มาอ่านรอบที่สอง แต่ยังไม่ได้แทะค่ะ 5 5

ชอบและเห็นด้วยกับความเห็นน้องนางเอกต้อมค่ะ

... เสียงนก เสียงกา ฤาจะสู้หัวใจตัวเอง  ...

น้องต้อมเขียนซะไพเราะเชียว ถูกใจ ถูกใจค่ะ :)

พวกความคิดผิดๆ ที่ฝังหัว สังคมไทยเรามานาน จนตกทอดถึงลูก หลาน ... ต้องเปลี่ยนกันซะทีดีไหม ... วัดคุณค่าของคน ไม่ใช่ว่า เป็น คนของใคร หรือฐานะ ตำแหน่ง เปลือกนอก เหล่านั้น.. ไร้สาระ น่าดู เฮอๆ

... เป็นกำลังใจให้อ.เสือ นักบิด ปิดทองหลังพระ สู้ๆ ค่ะ ...

ขอบคุณครับ คุณ poo ;)

... เสียงนก เสียงกา ฤาจะสู้หัวใจตัวเอง  ...

ผมเขียนก่อนนะ อะ อะ ... ;)

"นักบิด ปิดทองหลังพระ" ... ชอบครับ :)

ถูกใจจังค่ะ ...เราต้องเป็นตัวของตัวเอง...

เวลาเราซื้อรถมาแล้ว คนอื่นไม่ได้ช่วยผ่อน..

ก็ไม่รู้จะต้องไปทำตามความปรารถนาของคนอื่นทำไมกัน..^_^

ขอบคุณที่แวะเข้าไปเยี่ยมในบล๊อกเจนด้วยนะคะ

ยินดีและขอบคุณมากครับ คุณ Jen ;)

เดินตามความคิดของตัวเอง ต้องอาศัยใจที่มั่นคง ครับ

ยินดีที่ได้รู้จักครับผม ;)

  • ขออภัยอย่างยิ่งค่ะ หากว่าอ่านเรื่องนี้แล้วไม่เศร้า จะผิดวัตถุประสงค์ของผู้ประพันธ์หรือเปล่า อิอิ
  • ศิลาอ่านแล้วขำนิด ๆ และซึ้ง ๆ ถูกใจมากค่ะ...
  • เป็นการเสพบริโภคด้วยปัญญาที่ยอดเยี่ยมค่ะ (เพิ่งลงบันทึกไปหยก ๆ "การพัฒนาที่ยั่งยืน" ไม่น่าเชื่อว่าจะมีตัวอย่างตัวจริงที่เราสามารถสัมผัสเรื่องราวได้เลยทันที...  มหัศจรรย์แห่งการเรียนรู้ด้วยปัญญาปฏิบัติ..
  • โดยส่วนตัวแล้ว ไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนักเกี่ยวกับเรื่องรถรา...คือว่าสมัยสาวแรกรุ่นเคยถูกมอเตอร์ไซด์ทำหล่น (จริง ๆ นะ) ก็เลยมีบาดแผลในใจ คิดว่าทำยังไงก็ได้ที่จะให้ตนเองปลอดภัย
  • การมีรถยนต์สำหรับศิลาคือสัญลักษณ์ของความปลอดภัยในเมืองกรุง...
  • ขออนุญาตทำลิงค์บันทึกนี้ของท่านอาจารย์ Wasawat Deemarn ที่บันทึกตัวเอง (การพัฒนาที่ยั่งยิ่ง) เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีของการเสพบริโภคด้วยปัญญาค่ะ

ป.ล. เขียนซะอย่างนี้ ใคร ๆ ก็ต้องคิดว่าเลย 30 ขออภัยอีกครั้งค่ะ 555

ยินดีและขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์ Sila Phu-Chaya ;) 555

ผมไม่สามารถเขียนให้ดูเด็กได้สักที พับผ่าสิครับ ...

การเลือกใช้วัตถุใด ๆ สำหรับตัวเองแล้ว ขึ้นอยู่กับ ความพร้อมและวัตถุประสงค์ของแต่ละคนครับ หากแต่หากใครคิดเพียงมีวัตถุเพื่อให้เหนือผู้อื่น ผมไม่แน่ใจว่า เขามีความสุขจริง ๆ หรือเปล่า แล้วถ้าหากคนเหนือมีเหนือกว่าเราอีกล่ะ ไม่ต้องหาซื้อของที่ดีกว่านี้หรือครับ

;)

อาจารย์

ผมอ่านแล้ว ไม่ทันได้สังเกตว่า "รถเครื่อง" นึกว่า อาจารย์ ซื้อรถยนต์

เกิดความสงสัยว่า ทำไม่ขับรถยนต์ ต้องมีหมวกกันน๊อค ฯลฯ พาลคิดว่า อาจารย์เป็นนักแข่งรถ ไปนู่น

อ่านอีกที ก็ อ้อ รถ (จักรยาน)ยนต์

ผมก็ ใช้ รถเครื่อง สำหรับการเดินทางใน มหาวิทยาลัย เหมือนกัน ขับไปสังเกตไปว่า นักศึกษาขับ มาซด้า 3 (ราคาเหยียบล้าน) มาเรียน

ต่างกันแท้ ระหว่างครู กับ ลูกศิษย์

Some day นะ อาจารย์ (เพื่อหน้าตาหรือเปล่า ???) ฮา..............

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์ AnthroCat ;)

แหม เอาซะผมต๊กใจหมดเลย ... รถเครื่องครับ รถเครื่อง ... ขี่ไป ขี่กลับ บ้าน - มหาวิทยาลัยทุกวันครับ ... 40 กิโลเมตร ... สบายดี

ทุกอย่างของนักศึกษาคงขึ้นอยู่ "จิตสำนึก" และ "วิธีคิด" ครับ

คิดได้อย่างไร พฤติกรรมก็ออกมาเช่นนั้น

ขอบคุณมากครับอาจารย์ :)

อ่านแล้วรู้สึกดีมากค่ะ ชอบมากค่ะ

ขอบคุณมากครับ คุณ ไม่แสดงตน ออกมา ;)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท