ทุ่งไหหิน(The pain of Jars)[1]
ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในนามสนามรบอินโดจีน เป็นเนินเขาที่ไม่สูงมานัก จึงได้ขนานนามว่า “ภูเพียงเชียงขวาง” ตั้งอยู่ที่ภาคเหนือของประเทศลาว เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,000 เมตร เพราะฉะนั้นจึงทำให้มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 4-5 องศาเซลเซียส เป็นแหล่งศึกษาประวัติศาตร์โบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก เชื่อกันว่าไหหินเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุศพ กระจัดกระจายตามเนินเขาลูกต่าง ๆ มากกว่า 60 แห่ง ซึ่งคาดว่าไหหินทั้งหมดมีไม่ต่ำกว่า 1,000 ใบ แต่ทางการลาวได้ขึ้นทะเบียนไว้เพียง 3 จุดคือ
จุดที่ 1 บ้านไหหิน สมัยก่อนเรียกว่า “บ้านอ่าง” ส่วนชื่อบ้านไหหิน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ห่างจากเมืองโพนสะหวัน(เมืองแปลก) ประมาณ 8 กิโลเมตร เส้นทางเมืองโพนสะหวัน – เมืองคูณ ถ้าท่านไปถึงจะสังเกตเห็นว่า ใบที่ตั้งอยู่บนเนินสูง จะสวยงาม และใหญ่กว่าใบที่อยู่ข้างล่าง และที่แห่งนี้มีใหใบที่สุด มีความสูงถึง 2.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 8.76 เมตร ห่างไปออกไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 300 เมตร ท่านจะเห็นภูเขาลูกเล็ก 1 ลูกภายในมีถ้ำและปล่องไฟ 3 ปล่อง เชื่อกันว่าเป็นที่เผาศฟสมัยโบราณ
จุดที่ 2 บ้านนาโค้ ห่างจากหมู่บ้านไปทางทิศใต้ประมาณ 2 กิโลเมตร ท่านสามารถเข้าไปชมได้โดยใช้เส้นทางดินแดง ณ ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีไห ทั้งหมด 93 ใบ และมีใบหนึ่งพิเศษสุดคือ มีความยาวถึง 3.24 เมตร
จุดที่ 3 บ้านเซียงดี ห่างจากเมืองโพนสะหวันไปทางทิศใต้ประมาณ 32 กิโลเมตร บนเส้นทาง โพนสะหวัน – เมืองคูณ มีทั้งหมด 292 ใบ แบ่งเป็น 7 กลุ่ม
1.กลุ่นโนนทาด 16 ใบ
2.กลุ่มห้วยมืด 32 ใบ
3.กลุ่มบ้านฝาย 36 ใบ
4.กลุ่มเดิ่นนกแอ่น 5 ใบ
5.กลุ่มคังนาคา 8 ใบ
ส่วนมากจะมีขนาดกลาง เล็ก และส่วนใหญ่จะแตกหักพัง เนื่องจากถูกระเบิดทำลายในช่วงสงคราม
ใครเป็นคนสร้างไหหิน เหล่านี้ ?
ชาวบ้านมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า ไหหินเหล่านี้คือ ไหเหล้าของท้าวเจือง หรือขุนเจือง บรรพบุรุษของเชียงขวาง เมื่อครั้งทำสงครามกับพวกแกว หลังจากรบชนะและตีเอาเมืองเชียงขวางจากพวกแกวได้แล้วจึงจัดการเลี้ยงฉลองชัยชนะอยู่ที่หุ่งเชียงขวางนี้เป็นเวลา7 เดือน ทั้งนี้ขุนเจืองได้สั่งให้ทำไหเหล้าเลี้ยงไพร่พลจำนวนมาก ฉะนั้นไหเหล่านี้ก็คือไหเหล้าของขุนเจืองนั้นเอง
ในระยะที่ผ่านมา ได้มีการสำรวจหลายครั้ง จากนักสำรวจของประเทศฝรั่งเศส ต่อมา องค์การยูเนสโก ร่วมกับรัฐบาลลาว ได้ทำการอนุรักษ์ และให้บริษัท Archaeology Assessment Ltd. เป็นผู้สำรวจ จึงได้ข้อสันนิษฐานว่า “เป็นที่เก็บศพ” ก่อนที่จะนำมาทำฌาปนกิจในภายหลัง ทั้งนี้เนื่องจากพบซากกระดูกมนุษย์อยู่รอบ ๆ บริเวณ ไหหิน
มรดกลาว – มรดกโลก
องค์การยูเนสโก (Unesco)ไ ด้ให้ความช่วยเหลือแก่รัฐบาล สปป.ลาว เพื่ออนุรักษ์ทุ่งไหหินนี้ไว้ โดยโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ ปี ค.ศ.1998 เป็นต้นมา ซึ่งคาดว่าจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในเวลาอันใกล้นี้
ไม่มีความเห็น