ศิลาเพิ่งผ่านวิกฤตบนทางด่วนมาค่ะ…รถยางแตก….พ่อบ้านขับรถอยู่ดี ๆ ท่ามกลางบรรยากาศยามเช้าตรู่ของวันทำงานที่สดใส เบิกบานใจ
เสียงเวลารถยางแตกชนิดแบนแต๋ …จะเหมือนเหล็กกระทบกับพื้นถนน …เพราะไม่มีล้อยางห่อหุ้มแล้วนั่นเอง
วันนั้น มีผู้โดยสารข้างหลังอีก 5 คน เด็ก 3 ผู้ใหญ่ 2 เพราะเป็นวันรวมญาติ พ่อบ้านกะส่งศิลาที่ทำงานแล้วจะเลยไปส่งญาติ ๆ ที่มาค้างคืนที่บ้านศิลา กลับสู่บ้านของญาติ ๆ ทั้งหลาย
ไม่มีใครเคยสัมผัสประสบการณ์รถยางแตกบนทางด่วน
ช่วงเวลานั้น พ่อบ้านตัดสินใจชะลอ เปิดไฟกระพริบและหยุดบนทางด่วนใกล้ ๆ กับที่โทรศัพท์บนทางด่วนเพื่อแจ้งเหตุฉุกเฉิน
ศิลาลงไปชะโงกดูยางรถแบบเสียว ๆ ศรีษะค่ะ…เพราะต้องยื่นออกไป ขณะที่รถกำลังขับตามกันมาและต้องหลบเส้นทางที่รถเราจอดขวางอยู่….
จากนั้นศิลาก็เดินมากดปุ่มตรงตู้โทรศัพท์ริมถนนทางด่วนและตะโกน (เพราะเสียงรถดังค่ะ) แจ้งเหตุรถยางแตกผ่านช่องไมโครโฟนให้เจ้าหน้าที่ทางด่วนที่รับเรื่องทราบค่ะ….เขาก็จะถามว่ารถยี่ห้ออะไร…มียางอะไหล่ไหม
ทีนี้หากว่าท่านใด ไม่สบโอกาส ...ณ ตรงจุดเกิดเหตุไม่มีโทรศัพท์บริเวณริมทางด่วน ก็ให้ใช้เบอร์นี้ค่ะ “1543” เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ทางด่วนได้เลยค่ะ
รถที่ขับตามหลังมา เริ่มระส่ำระสาย ติดกันเป็นกระบวน… ศิลาขอร้องให้พ่อบ้านเลื่อนรถกระดื๊บ ๆๆ (เห็นภาพไหมคะ อิอิอิ) ไปให้พ้นระยะที่รถกำลังแล่นขับตาม ๆ กันมา เพื่อไปจอดตรงจุดทางที่จะมาประกบกันก็ยังดี จะได้มีช่องว่างบ้างให้รถเราซุกหลบไว้ ไม่กีดขวางทางจราจรในชั่วโมงกำลังจะรีบด่วน
พ่อบ้านบอกว่ากะทะล้ออาจจะพังได้…ศิลาก็ถามว่าต้องเสียกี่พัน…พอเขาประมาณตัวเลขคร่าว ๆ เราก็เลยตัดสินใจเอารถหลบไปหน่อย ยอมให้กะทะรถพัง หากว่ามันอยากจะพัง เกรงใจผู้ใช้เส้นทางเดียวกัน
พอดีตำรวจบนถนนทางด่วนและเจ้าหน้าที่บนทางด่วนมาพอดี โบกรถให้เราไปหลบในช่องทางที่รถวิ่งมาเชื่อมต่อกันบนเส้นทางน้อยคันหน่อย
เห็นมีทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่มาให้บริการเปลี่ยนล้อยาง (ไม่เสียค่าบริการนะคะ)
ศิลาก็อุ่นใจ ถ่ายภาพที่ไม่มีโอกาสบ่อยนักที่จะได้ถ่ายมาให้ดูกันค่ะ ... เนื่องจากไม่ได้ยืนบนทางด่วนได้ง่าย ๆ ….ไม่ใช่ทิวทัศน์ที่สวยงามอะไร แต่ก็ให้บรรยากาศของสังคมเมืองค่ะ
(พ่อบ้านก็แซวเหมือนกันว่าอารมณ์ดีจริงนะ คงเพราะไม่ได้ขับมาคนเดียว เลยไม่ค่อยตกใจเท่าไหร่ 55555)
ชีวิตที่เร่งรีบ ชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย…ชีวิตที่มีแต่รถรา…และดูเหมือนจะเสี่ยงภัย หรือยุ่งยากรำคาญใจ …หากผิดที่ผิดเวลา และไปไหนมาไหนคนเดียว…จะเป็นอย่างไร....ข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์เยอะนะ...โดยเฉพาะบริเวณชุมชนแออัด...
ศิลาเคยถามพ่อบ้านว่าจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดกันดีไหม เพราะศิลาชอบที่ที่สงบมาก….และจริง ๆ ตอนเด็ก ๆ ก็เคยใช้ชีวิตในต่างจังหวัด สงบมาก … เดินไปก็เห็นทุ่งนา กับสวน….บ่อน้ำ และลำคลอง คันนา...
พ่อบ้านเขาก็บอกว่าไม่ใช่จะไม่ไปนะ…แต่ ณ ตอนนี้ที่ยังทำอะไรไม่ได้มาก ขอให้สงบภายในไปก่อน…ภายในเราสงบ อยู่ที่ไหนก็ได้….จริงไหม....
สรุปค่ะสรุป…ทางด่วนเป็นทางที่ต้องเก็บเงิน…ศิลาต้องเสียเงินวันละ 170 บาทระหว่างที่ทำงานกับที่บ้านค่ะ แต่สะดวกรวดเร็วมากเลย เพราะออกจากหมู่บ้านทิ่ศิลาอยู่ไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตรก็ขึ้นทางด่วน…สองทอด ถึงที่ทำงานเลย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ไปถึงก็อารมณ์ดีอย่างนี้ค่ะ.....เหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา...ว่าไปนั่น...ไม่มีอะไรมากอยากให้อมยิ้มกันน่ะค่ะ
ขอสอดแทรกอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกนิดหนึ่งค่ะ...ยามที่ต้องอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ...ดึงใจที่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ภายนอกให้กลับมาอยู่ภายในด้วยการมองดูจิตตัวเองที่กำลังตื่นตระหนกนะคะ...จะช่วยบรรเทาความตึงเครียดได้ค่ะ...
ขณะเกิดเหตุกำลังฟังธรรมอยู่ด้วย ก็เลยทดสอบกับสถานการณ์จริงดู...ตอนแรกสังเกตว่าตัวเองตกใจ...และยิ่งจะต้องเป็นคนออกไปโทรศัพท์ด้วยแล้วก็กลัวรถที่วิ่งเร็ว ๆ ตามหลังมา...หลังจากดูว่าความตกใจหายไป จึงได้ก้าวลงจากรถค่ะ...ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดแช่อยู่กับเราได้นานนักหรอกนะคะ...เดี๋ยวมันก็หายไปค่ะ...เหลือไว้แต่ความสงบ...สงบเองโดยไม่ต้องทำให้มันสงบ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ชยพร แอคะรัจน์
เก่งกันจังค่ะ ที่ยังยิ้มออก
ดีใจไปด้วยที่ม่เป็นอะไรมากกว่านี้
เห็นชื่อบันทึกแล้วกังวลใจไปด้วยค่ะ
สวัสดีค่ะคุณศิลา
เหตุการณ์นี้หาชมได้ยากมากค่ะ แถมเล่าได้เห็นภาพมากเลย อ่านไปก็ยิ้มไป
ขอบคุณสำหรับ ความสงบภายในค่ะ^_^
แวะมาแชร์ประสบการณ์ด้วยคนคะ..
เคยมีประสบการณ์เช่นกัน..พูดแล้วเสียวมากมากค่ะ
รถวิ่งเร็วมาก..จู่จู่..มีเสียงดังแฟ้บบบบบ..ทำนองนั้นนะคะ..
รู้แต่ว่า..คนใกล้ตัวใกล้ใจของaddเขาค่อยๆตีไฟเลี้ยวและหลบข้างถนน
รถเยอะมากมากล้วนมาอย่างรวดเร็ว...
แต่สุดท้าย.เราก็ประสานร่วมมือกันโดยคุณเธอเปลี่ยนยางอะไหล่เอง
addยืนหลังรถใช้ผ้าเช็ดตัวโบกไว้กลัวรถคันอื่นๆไม่ทันระวัง
แต่ก็สำเร็จด้วยดี..ใจประสานใจทำอะไรก็สำเร็จนะคะ..
ขอบคุณคุณศิลาค่ะ..
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับอาจารย์ เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก ที่นำมาแบ่งปันกันเพื่อเตรียมตัวเตรียมใจเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้แก่ตัวเอง ขอบพระคุณครับ
แวะมาขอบคุณ และทักทายนะคะ
ขอบคุณที่แวะไปทักทายบ่อยๆ
ช่วงนี้ยุ่งๆนิดหน่อยค่ะ งานเข้า สมองล้าๆ
วันนี้พอมีเวลานิดหน่อย ก็เลยแวะมาทักทายนะคะ
มีความสุข มีสิ่งดีๆนะคะ
Take care
อิอิ เหตุหนึ่งที่ครูปูหายไปก็กำลังจะผันตัวเองกลายเป็นช่างเครื่องยนต์อยู่นี่หล่ะค่ะ
เพราะเป็นคนช่างซัก ช่างถาม ถามไปถามมา ก็เลยได้ความรู้มาอีกกระบุงโกย
ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องแก๊ส
และกำลังเรียนรู้เรื่องหน้ายาง ประเภทของยาง
เอาไว้ชำนาญเมื่อไหร่แล้วจึงจะกล้าไปรับคุณศิลาไปดินเนอร์นะคะ
อิอิ
^_^
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่อาจทราบล่วงหน้า
ดังนั้น สิ่งที่ควนเตรียมพร้อมเสมอๆ ไม่ว่าจะไปที่ใดๆ
นั่นคือ ต้องพกพา "สติ" ไปด้วยทุกๆครั้งค่ะ
คิดถึง พี่ศิลา นะคะ
วันนี้เข้าบ้านบล็อกคุณศิลาทางแพลนเน็ตรวมค่ะ เลยได้อ่านบันทึกที่ติดตามไม่ทัน บันทึกนี้ดีจังค่ะ ทำให้อุ่นใจ ถ้ามีเหตุการณ์อะไรก็ตาม ค่อยๆ คิด รวมสติให้มาก่อน และชอบกับประโยคที่คุณพ่อบ้านพูดค่ะ สงบภายใน อยู่ที่ไหนก็จะไม่คิดให้วุ่นวายหวั่นไหว
แต่ว่า อดเห็นภาพนี่สิคะ ไม่ยอมๆ (ไม่เห็นภาพในอัลบั้มด้วย แน๊ะ...ยังแอบตามไปดูอีก ^^)
มาชม
บุญรักษาทุกคนะครับผม
สวัสดีค่ะ
* จริงอย่างพ่อบ้านว่านะคะ อารมณืดีจริง...ก็หายตกใจแล้วนี่คะ๕๕๕
* ครูพรรณา กลัวทางด่วนค่ะ เห็นมันอยู่บนหลังคาชาวบ้านเกิดรถแหกโค้ง ตกถนน หล่นใส่ผู้คน???
* สุขกายสุขใจนะคะ
มาแวะทักทายคะ
เป็นบทเรียนที่ดีนะคะ
สงบและมีสติ
ขอชื่นชมนะคะ
โชคดีคะที่ขอนแก่นไม่มีทางด่วนคะ