เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ที่หมู่บ้านผม(บ้านป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก)จะมีการจัดงานวันที่ 14 เมษายนของทุกปี จะมีการทำบุญตอนเช้าและสรงน้ำพระตอนสายจนถึงบ่ายเย็น ตอนเช้าผมพาครอบครัวไปทำบุญใส่บาตรตามประเพณีของหมู่บ้าน มีการทอดผ้าป่านำเงินซื้อที่ดินให้กับโรงเรียนบ้านป่ากุมเกาะด้วย โดยมีอาจารย์ยุพมาศ รองผู้อำนวยการสถานศึกษามารับมอบและอาจารย์ได้เชิญผมไปพูดทักทายแนะนำตัวกับชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญในศาลาที่วัดด้วย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พูดต่อหน้าสาธารณชนที่เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันที่อยุ่มาตั้งแต่เกิด ก็ตื่นเต้นและพูดไม่ค่อยออกเหมือนกัน
ทางโรงเรียนได้บอกว่าขอยืมแนวคิดของท่านพระครูฯเจ้าอาวาสไปใช้โดยจะขอบริจาคเหมือนกับที่ทางพระครูฯขอบริจาคสรางวิหารที่มีคนจับจองหมดในเวลาอันรวดเร็ว ทางพระครูฯท่านก็บอกว่าถ้าอย่างนั้น ทางโรงเรียนต้องไปคำนวณออกมาว่าจะจัดสีออกเป็นกี่ล็อค ๆละเท่าไหร่ แล้วก็ค่อยมาแจ้งให้กับชาวบ้ารทราบเพื่อหาผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาค
ผมก็เลยนึกไปถึงเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ผมได้จัดสรางรั้วด้านหลังโรงพยาบาลจำนวน 250 เมตร เป็นเงิน 4 แสนกว่าบาท โดยแบ่งออกเป็นล็อคๆละ 2.5 เมตร คิดเป็นเงิน 3,500 บาท จำนวน 100 ล็อค และก็ได้รับเงินบริจาคจนครบและสามารถสร้างรั้วด้านหลังโรงพยาบาลได้สำเร็จและที่รั้วจะมีชื่อผู้บริจาคติดอยู่ทุกล็อค ซึ่งความคิดอันนี้ผมเองก็ได้แนวคืดมาจากวัดต่างๆนั่นเอง
ผมได้นั่งวิเคราะห์และทบทวนดูว่า การที่ประชาชนมาทำบุญบริจาคเงินให้สัดนั้น เกิดจากสิ่งสำคัญประการเดียว นั่นก็คือ ความศรัทธา ในการทำบุญเพื่อหวังผลในภพหน้าและความสุขใจที่ได้ทำบุญซึ่งเป็นผลดีในภพนี้เลย โดยศรัทะนั้น จะเกิดได้จาก 4 สิ่งสำคัญคือ
1. ศรัทธาในตัวเจ้าอาวาส
2. ศรัทธาในตัววัด ในกิจกรรมต่างๆของวัด
3. ศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุของวัด
4. ศรัทธาในบุญกุศลที่ทำที่จะส่งผลดีต่อตัวเองในภพหน้า
หากได้อ่านเรื่องการสรางภาพลักษณ์ของโรงพยาบาลบ้านตาก ที่ผมได้เคยเขียนบันทึกไว้ อาจะจะมองเห็นว่าได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากการบริหารจัดการวัดของพระนั่นเอง
การบริการของวัดเป็นบริการเพื่อภพหน้า แต่การบริการของโรงพยาบาลเป็นการบริการในภพนี้ เป็นหลัก