และอย่าได้คิดหาญกล้าจะพยายามแสดง “โวหาร” ที่ปรุงแต่งเกินจริง ... จนทำให้งานนั้น ปราศจาก “วิญญาณอิสระ” ของตัวผู้เขียน ....
“ ถ้อยคำสวยหรูนั้น...
จะมีความหมายอะไร หากว่าคำพูดสามัญสามารถสื่อความคิดให้เป็นที่เข้าใจกันได้? ”
จากหนังสือ วิถีแห่งดุลยภาพ
ตาร์ธาง ตุลกู
คนไม่มีรากถูกย้ำสอนจากครูบาอาจารย์เสมอ เมื่อฝึกเขียนงานใหม่ ๆ ทั้งงานวิชาการที่ทำ งานวิจัยที่เรียนว่า... ให้เขียน...ราวกับว่าได้... กิน เคี้ยว กลืน และย่อยข้อมูลแล้ว จึงกลั่นออกมาจนเป็น “หยาดเหงื่อ” นั่นเชียว จึงจะเป็น... สุดยอดแห่งการเขียนงาน...
ต้องเขียนให้สั้น กะทัดรัด ไม่เยิ่นเย้อ ได้ใจความ...
ไม่เขียนแบบชวนให้เข้าใจผิด ตีความผิด ไม่ชัดเจน...
ไม่เขียนเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก...
ไม่เขียนเรื่องยากให้ยากมากขึ้นไปอีก..
ไม่ใช้คำฟุ่มเฟือย คำไม่สุภาพ หยาบคาย ......
ไม่ใช้การเขียน (งานวิชาการ) เป็นการระบายอารมณ์ส่วนตัว ทำร้าย โจมตีใคร ...
และอย่าได้คิดหาญกล้าจะพยายามแสดง “โวหาร” ที่ปรุงแต่งเกินจริง ... จนทำให้งานนั้น ปราศจาก “วิญญาณอิสระ” ของตัวผู้เขียน
แน่ล่ะ ... เพราะจะทำให้งานเขียนกลายเป็น...... “ขยะทางความคิด” ที่ไม่ได้กลั่นกรองและเต็มไปด้วยการลอกเลียน เสริมแต่ง แต่งแต้มจนแทบจะหา “สาระอันแท้จริง” ไม่พบ เพียงใช้งานเขียนเป็นเครื่องมือ สู่จุดมุ่งหมายบางประการ...เท่านั้นหรือ?
ถือเป็นการดูถูกและไม่ให้เกียรติ ทั้ง “ตัวเอง” และ “ผู้อ่าน” งานของเรา...
กาลผ่าน เวลาจึงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้ตระหนักชัดว่า...คำสอนสั่งของท่านผู้รู้นั้น จริงแท้และเป็นอมตะ...
คิดแล้ว... ก็ให้รู้สึกว่า การจะเป็น ผู้เขียนงานที่มี "วิญญาณอิสระและสร้างสรรค์" งานที่มีคุณค่านี่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย .... ว่าไหมคะ !!!!