มายา
สายลมพัดผ่านใจ
สายโยงใยแผ่วผิววน
น้อมใจระลึกหน
หวนโหยหาเฝ้าติดตาม
โลภะโมหจิต
โทสาพิษคิดทุกยาม
เลือนร้างระคางความ
ผ่านสนามฝึกภาวนา
ก้าวข้ามทะลุล่วง
พ้นห้วงทุกข์ด้วยวาสนา
ถือศีลครองธรรมา
บุญนำพาฝ่าผองภัย
เรียนรู้สิ่งกระทบ
เวียนบรรจบมรรคาลัย
สวรรค์เอื้อมนรกผลักไส
แท้ทุกสิ่งคือมายา
สายลมพัดผ่านใจ
สายโยงใยหลอมอัตตา
หลงโง่งมตัณหา
หลงคิดว่ามีตัวตน
ขาดช่วงเขียนกลอนไปนาน นำเสนอบทนี้เป็นการบ้านในทุ่งสักฯค่ะ ใครแต่งเพิ่มจักขอบคุณค่ะ
ก้าวข้ามทะลุล่วง ก้าวพ้นทุกข์ด้วยวาสนา
มิบังอาจ แต่งเพิ่ม มีข้อความของคุณหมอ โดน ใจ ณ เวลา นี้ รอการก้าวข้าม แบบทะลุ พุ่งไปสุด ๆ แล้ว เรื่องก้าวพ้นทุกข์ ด้วย วาสนา นี่ นะคะ โดนใจจริง ๆ กำลัง มุ่งมั่น รีบเร่ง ทำงาน ให้ทันส่ง นะคะ
ด้วยความระลึกถึง เจ้า
สวัสดีค่ะ พี่ภูสุภา
Venus&Jupiter ได้อ่านกลอนของพี่แล้ว นึกถึง เพลงน้ำเซาะทราย จึงขออนุญาต นำมาฝากไว้นะคะ
เพลง น้ำเซาะทราย Artist: จำรัส
http://www.ijigg.com/songs/V2E04DAPD
Moon smiles on Venus&Jupiter
http://www.imeem.com/people/lLRVfwt/music/bSld9xgM/charas_butterfly/
สวัสดีตอนค่ำค่ะ
เหมือนกันเปี๊ยบเลยค่ะ ก้าวข้ามทะลุล่วง ก้าวพ้นทุกข์ด้วยวาสนา
ดีใจว่าอย่างน้อย ๆ เราพอจะลด,คลายความยึดติด,กังวลปนคิดถึง..ไปได้บ้าง บางเรื่อง
แต่เรื่องงาน สิคะ แหะ ๆ ยังอีกเยอะแยะเชียวค่ะ
โอ้ มีน้ำเซาะทราย แสนหวานอีกแล้ว
ขอรีเควสต์ เพลง ปราสาททราย-บัตเตอร์ฟลาย มาตัดอารมณ์กันหน่อยน่า อิ อิ
ขอบคุณหลาย ๆ เลยค่ะ
มาเพิ่มภาพประกอบ บทกลอน ค่ะ
เพิ่งจะกล่าวถึงเรื่องการทำบุญอยู่หยกๆ เข้าเรื่องพอดีเลยค่ะ ที่นี่ค่ะ
เคยอ่านเรื่อง หัวใจพระพุทธศาสนา หรือคาถาของพระอัสสชิมา
เมื่อพระอัสสชิได้มาพบกับพระสารีบุตรก่อนได้บวช มีอยู่อย่างไรโดยย่อที่สุด พระอัสสขิได้ตอบว่า "สิ่งเหล่าใดเกิดมาเพราะมีเหตุทำให้เกิด พระตถาคตเจ้าแสดงเหตุของสิ่งเหล่านั้น พร้อมทั้งแสดงความดับสิ้นเชิงของสิ่งเหล่านั้น เพราะหมดเหต :ุ
พระมหาสมณ เจ้าตรัสอย่างนี้" นี้คือการบอกว่า
สิ่งทั้งปวงมีเหตุปรุงแต่งขึ้นมา มันดับไม่ได้จนกว่าจะดับเหตุเสียก่อน นี้เป็นการชี้ให้รู้ว่า อย่าไปเห็นอะไรเป็นตัวตนที่ถาวร เพราะมีแต่สิ่งที่เกิดจากเหตุ และงอกงามต่อไปตามอำนาจของเหตุ และจะดับไปเพราะสิ้นเหตุ เพราะฉะนั้น ปรากฎการณ์ทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นผลิตผลของสิ่งที่เป็นเหตุ เป็นความเลื่อนไหลไปไม่มีหยุด เพราะอำนาจของธรรมชาติ ที่มีลักษณะไม่หยุดปรุง สิ่งต่างๆ จึงปรุงแต่งกันไม่หยุด และเปลี่ยนแปลงไม่หยุด
ค่ะ พี่คะ
กำลังเพียรพยายามค่ะ เรียนรู้ เพื่อ"รู้"
ยาก มาก ค่ะ
ขอบคุณคุณพี่ศศิ ค่ะ
มาต่ออีกนิดค่ะ วกเข้าเรื่องของตัวเอง...
พี่เป็นคนเฉยๆ ไม่ค่อย ยึดติดอะไรมาตั้งแต่เกิดมั๊ง คือ เป็นธรรมชาติ ไม่ค่อยอาลัย อาวรณ์สิ่งใดมากไป เสียใจเป็นธรรมดา เมื่อต้องพลัดพรากหรือของที่ปรารถนา ของรักหลุดมือไป แต่ก็ทำใจ และตัดใจได้ ในเวลาต่อมา จะใช้เวลาเท่าใด ก็แล้วแต่ รักมาก รักน้อย
สิ่งใดที่เรารักษาอยู่ เมื่อมีชีวิตอยู่ ก็เป็นของเรา แต่พอแตกกายทำลายขันธ์ สมบัติเหล่านั้น ก็ไม่ใช่ของเราแล้ว กลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว ในโลกมนุษย์ เราก็แค่ผ่านไป ผ่านมา อย่าไปยึดติดอะไรมาก เป็นแค่ทำเล ที่สร้างบารมี มาบำเพ็ญทาน ศีล เนกขัมมื ปัญญา วิริยะ อธิษฐาน ขันติ สัจจะ เมตตา อุเบกขา ของเราเท่านั้น
คิดได้อย่างนี้ เราก็จะสบายใจ ปลอดโปร่งใจขึ้นมากเลยค่ะ
ก้าวข้ามทะลุล่วง ก้าวพ้นทุกข์ด้วยวาสนา
*** *** ***
มาแก้สัมผัสหน่อยนะคะ เป็น
ก้าวข้ามทะลุล่วง พ้นห้วงทุกข์ด้วยวาสนา
หิวกาแฟๆๆ อยากกินๆๆๆ
หลัง 20 กพ เชิญค่ะ
เอสเปรสโซ ดับเบื้ลช็อต นะคะ ;P
สวัสดี ครับ คุณภูสุภา
เคยฝากตัวเป็นศิษย์...ครูกานท์ อยู่พักหนึ่งครับ เพราะชอบทางกลอน แต่งได้บ้างไม่ได้บ้าง...ช่วงหลัง ๆ ห่างครูกานท์ไปมาก....คงต้องแวะไปหลังบันทึกนี้
อ่าน commentที่ 7 กับ 6 อยู่ สองครั้ง
จิตใจสงบขึ้นมาก เลย ครับ
ขอบพระคุณ ครับ
คุณภูสุภา สบายดี นะครับ
ด้วยความระลึกถึง
สายลมพัดผ่านใจ
สายโยงใยหลอมอัตตา
หลงโง่งมตัณหา
หลงคิดว่ามีตัวตน