ในห้องเรียนนี้ ขอขึ้นต้นคำประพันธ์ด้วยวรรคแรกของกาพย์ยานีให้เป็นโจทย์บังคับ แล้วให้สมาชิกแต่งต่ออีกสามวรรคให้จบบท หรือจะแต่งมากกว่า ๑ บทก็ได้ ซึ่งถ้าแต่งมากกว่า ๑ บทก็จะต้องแต่งให้มีสัมผัสระหว่างบทต่อเนื่องกันไปด้วยนะครับ
ห้องเรียนกวี 4
ต่อให้จบ
การฝึกกาพย์กลอนให้ผู้ที่ยังขาดจุดกระทบบันดาลใจ ไม่รู้จะเขียนอะไร อ่อนแรงอ่อนพลัง นอกจากบางวิธีที่นำมาให้สมาชิกฝึกกันในห้องเรียนกวี 1-2-3 แล้ว ก็อาจใช้วิธีการเล่นต่อคำประพันธ์ให้จบบทหรือจบความที่แต่ละคนจะพึงทำได้ตามใจปรารถนา ซึ่งการ "ต่อให้จบ" จากคำประพันธ์ที่ขึ้นต้นไว้เพียง ๑ หรือ ๒ วรรคนั้นจะมีโจทย์บังคับให้ทุกคนต้องขึ้นต้นด้วยวรรคที่กำหนดเดียวกัน
ในห้องเรียนนี้ ขอขึ้นต้นคำประพันธ์ด้วยวรรคแรกของกาพย์ยานีให้เป็นโจทย์บังคับ แล้วให้สมาชิกแต่งต่ออีกสามวรรคให้จบบท หรือจะแต่งมากกว่า ๑ บทก็ได้ ซึ่งถ้าแต่งมากกว่า ๑ บทก็จะต้องแต่งให้มีสัมผัสระหว่างบทต่อเนื่องกันไปด้วยนะครับ
โจทย์ที่กำหนดวรรคแรก คือ...
สายลมพัดผ่านใจ ........................
....................... ..........................
หมายเหตุ
เพื่อให้สมาชิกมีแนวเทียบเคียงในการแต่งกาพย์ยานี ขอยกตัวอย่างมาให้อ่านและสังเกตประกอบการแต่งดังต่อไปนี้ด้วย...
.
ประจักษ์ประจานใจ
(กาพย์ยานี)
พิศตีนก็ตีนแตก บนรอยแยกระแหงย่ำ
หนังตีนถูกทิ่มตำ จนหนาเตอะดั่งเนื้อตาย
พิศมือก็มืองาน คือมือกร้านใช่กรีดกราย
จอบเสียมสากระคาย ลบลายเส้นวาสนา
พิศบ่าก็บ่าลู่ ให้รู้เห็นความเป็นบ่า
แบกรับตลอดมา ในมรรคาที่ขื่นขม
พิศผิวก็ผิวเผือด ไร้เลือดฝาดจะพึงชม
ผ่านฝนทนแดดลม มาหลายชั่วฤดูชิน
พิศตาก็ตาช้ำ น้ำตากล้ำไว้กลืนกิน
ซ่อนหน้าน้ำตาริน กี่ร้อนหนาวพราวน้ำตา
พิศปากก็ปากแห้ง เพียงแล้งห้อมทุกหย่อมหญ้า
โหยหิวเพรียกโหยหา ก็เหว่ว้าก็วังเวง
พิศร่างก็ร่างเรียว ทั้งซูบเซียวไม่ปลั่งเปล่ง
ซมแซ่วและแกร่วเกรง ความอยู่รอดอันเลือนราง
พิศชีพก็ชีพชั้น กรรมาชีพขาดยุ้งฉาง
ด้อยเปลี้ยเสียทุกทาง ท้อรันทดไม่สดใส
พิศโครงก็โครงผูก กระดูกโครงทุกคราวไป
ประจักษ์ประจานใจ คือภาพใดในแผ่นดิน
(ศิวกานท์ ปทุมสูติ, บันทึกแห่งดวงหทัย, ๒๕๓๕)