Meawtechno
นางสาว ภัทราภรณ์ เหมียว โรจนโรวรรณ

Meawtechno


ผู้ช่วยผู้จัดการ(ธุรกิจส่วนตัวที่บ้าน)
Username
mmeawtechno
สมาชิกเลขที่
61718
เป็นสมาชิกเมื่อ
เข้าระบบเมื่อ
-
(ไม่มีตั้งแต่ พ.ศ. 2564)
ประวัติย่อ

          สวัสดีสวีดัดค่ะ..ชื่อของหนูคือภัทราภรณ์ซึ่งแปลว่า เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงาม ชื่อนี้เป็นชื่อที่พระท่านตั้งให้และพ่อแม่หนูก็ชอบเพราะมีความหมายที่พ่อแม่ก็เลยให้ชื่อตามนี้ค่ะ หนูมีชื่อเล่นว่าเหมียวค่ะซึ่งมาจากชื่อในภาษาจีนว่าเหมี่ยวหุ๋ยที่แปลว่า เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวยงาม

           ชื่อหนูทั้งจีนและไทยนั้นมีความหมายเหมือนกันเลยค่ะ แต่พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนๆๆของหนูมักจะเรียกว่าเหมียวสั้นๆๆมากกว่าชื่อเต็มๆค่ะ หนูเกิดมาปุ๊บก็ได้รับฉายาว่า ตั๊วปุ๊ยปั๊บเลยค่ะ เพราะว่าตอนเด็กๆนั้นหนูจะอ้วนมากๆๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าที่อ้วนกลม แก้มยุ้ยแขนและขาที่อ้วนเห็นกล้ามเนื้อเป็นชั้นๆๆเลยค่ะใครๆก็ว่าหนูน่าร๊าก.. น่าหยิกด้วยความหมั่นเขี้ยวมากๆๆ

         ในอีกความหมายหนึ่งของคำว่าตั๊วนั้นแปลว่า ลูกคนแรกค่ะซึ่งหนูเป็นลูกคนโตก็เลยได้รับฉายานี้ไป หนูมีน้องอีก 4 คน น้องชาย 2 คนและน้องสาว 2 คน พ่อแม่หนูนั้นมีความรักที่ไม่ค๊าด..คิดมาก่อนว่าจะเป็นไปด๊ายคือพ่อหนูเป็นคนบางบัวทอง แม่หนูเป็นเด็กดอนเมืองกรุงเทพฯ มาจ๊ะเอ๋กันที่ร้านขายของชำแถวๆบ้านแม่และทั้งสองคนก็ดื่มไบเล่กันมองตาและพูดคุยกันไปจนเกิดไฟสป๊าคกันและแต่งงานกันในที่สุด

          หนูเกิดหลังจากที่พ่อแม่แต่งงานและย้ายมาอยู่ที่บ้านเช่าหลังเล็กๆ 2 ชั้นซึ่งเปิดเป็นร้านขายของที่หน้าศาลจังหวังในอ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ได้ประมาณ 2-3 ปี หนูเกิดและโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากพ่อแม่เป็นส่วนใหญ่เพราะท่านจะเลี้ยงเองไม่ส่งหรือฝากให้ญาติผู้ใหญ่เลี้ยง

          หนูจะติดทั้งพ่อแม่ค่ะแต่คนที่ลำบากมากในการเลี้ยงหนู(ในตอนที่หนูยังแบเบาะอยู่นั้น)คือพ่อค่ะ เวลาที่พ่อทำงานมือหนึ่งอุ้มหนูอีกมือหนึ่งทำงาน(อ๋อ!ลืมบอกไปว่าพ่อแม่มีอาชีพค้าขายค่ะ) แต่หนูรักทั้งพ่อแม่มากค่ะ ตอนด็กนั้นหนูจะดุม๊ากมากเล๊ยค๊า..(ดุกว่าหมาเสียอีกอิอิๆๆ)คนที่หนูไม่รู้จักหรือคนที่หนูไม่ชอบหน้าเดินผ่านหน้าบ้านหนูก็จะกัดเขาค่ะไม่เว้นเพื่อนบ้านติดกันจนหนูได้รับฉายาว่า หมาหวงบ้าน

          บางครั้งเขาต้องดูหนูก่อนว่าอยู่หรือเปล่า ถ้าอยู่ก็จะเลี่ยงไปทางอื่นแต่ส่วนใหญ่คนที่ถูกหนูกัดแล้วก็ยังม๊าย..เข็ดยังคงแวะเวียนมาให้หนูกัดเรื่อยๆ นอกจากฉายาที่กล่าวมาแล้วน๊าน..ยังมีอีกฉายาหนึ่งว่าไก่จังหรือไก่หน้าสัย...หัวไปไกลๆๆ ซึ่งในการที่ได้รับฉายาน๊านก็เพราะว่าตอนที่หนูเรียนอยู่ชั้นป.1 ที่โรงเรียนผดุงวิทย์

          ในตอนนั้นหนูเป็นคนที่ชอบแกล้งเพื่อนม๊ากมากๆประกอบกับการที่หนูถูกครูคัดเลือกไปแสดงชุดระบำไก่เลยได้รับฉายานี้ไป หนูได้ยินครั้งแรกจะโกรธมากๆๆเล๊ยค๊าแต่หลังๆชักเริ่มชินกับมันแล้วค่ะ ยอมรับและไม่โกรธเพื่อน(อำค๊าอิอิๆๆ) เพราะเป็นเพื่อนกันทั้งน๊าน...

          ในสมัยเด็กหนูเคยวาดฝันว่าอยากเป็นพยาบาลค่ะจะได้รักษาคนไข้แต่ก็เลิกคิดไปแล้วค่ะเพราะว่าหนูเป็นคนกลัวเข็มฉีดยาม๊ากมากเลยต้องมาเปลี่ยนเส้นทางชีวิตใหม่โดยคิดอยากเป็นครูเพราะว่าครูที่สอนหนูคนแรกคือครูอรุณที่สอนอยู่โรงเรียนผดุงวิทย์ซึ่งในตอนนั้นครูอรุณเป็นครูประจำชั้นเป็นครูที่สวย จัยดี สอนดีและพูดเพราะมากๆๆเลยค่ะ ในสมัยนั้นหนูคิดว่าครูทุกคนนั้นต้องเป็นแบบครูอรุณค่ะเลยคิดอยากเป็นครูเมื่อหนูโตขึ้นนอกจากวีรกรรมของหนูที่กล่าวมาแล้วยังมีต่ออีกค่ะยังไม่จบง่ายๆๆหลอกค่ะ (ล้อเล่น)  

          หลังจากที่จบป.3ที่โรงเรียนผดุงวิทย์ซึ่งโรงเรียนนี้สมัยก่อนมีแค่ปอ3 หนูก็ต่อประถมปลายที่โรงเรียนศรีมงคลจนจบป.6ที่โรงเรียนเดิมนั้นแหละ(มีชั้นป.4-ป.6  พอเรียนจบประถมปลายก็ต่อชั้นม.1-ม.6ที่โรงเรียนหล่มสักวิทยาคม หนูเรียนสายศิลป์คำนวณค่ะเลยเรียนทั้งชีววิทยา คณิต ไทยซึ่งอาจารย์คนเดียวกันกับสอนสายวิทย์เลยค่ะ

         หนูเคยเรียนพิเศษฟิสิกส์ด้วยค่ะซึ่งตอนนั้นหนูทางโรงเรียนได้เปิดสอนพิเศษให้นักเรียนเรียนในวันเสาร์-อาทิตย์ค่ะ ด้วยความอยากรู้ว่าฟิสิกส์ยากแค่ไหนหนูเลยลองไปเรียนพื้นฐานดูค่ะ ซึ่งนักเรียนที่ไปเรียนนั้นมีหนูคนเดียวที่เรียนสายศิลป์คำนวณนอกนั้นสายวิทย์หมดค่ะ

          หนูรู้สึกภูมิใจค่ะว่าอย่างน้อยหนูเรียนแล้วสามารถตอบคำถามที่อาจารย์ถามได้ค่ะ(หนูตอบได้คนเดียว..)จนอาจารย์ที่สอน และเด็กนักเรียนที่เรียนด้วยกันถึงกับอึ้ง...ไปเลยค่ะที่ไม่คิดว่าเด็กศิลป์คำนวณสามารถตอบได้(หนูไม่เคยเรียนฟิสิกส์ค่ะที่เรียนไปน่ะครั้งแรก) กว่าจะจบมอปลายได้เลือดตาแทบกระเด็นและรู้สึกโล่งอกมากๆๆค่ะ

           พอเรียนจบมอ..ปลายแล้วก็ต้องเตรียมสอบเอ็นสะท้านค่ะในการสอบเอ็นสะท้านน๊าน...รู้สึกหนาวสะท้านม๊ากมากไม่ว่าต้องสอบวิชาพื้นฐานหรือสอบวิชาเอกซึ่งตอนสอบน๊าน ก่อนสอบเอ็นสะท้านสู้อุตส่าห์ไปเรียนภาษาฝรั่งเศสเพื่อไปสอบแทนวิชาคณิต ในการสอบเอ็นสะท้าน..น๊านคิดว่าฉิวๆๆมากซึ่งหนูทำข้อสอบได้แล้วนะ ในวันประกาศผลสอบนั้นลุ้นน่าดูแต่ไปดูที่เขาติดประกาศรายชื่อไว้แล้วไม่มีชื่อเราปวดเฮดมากๆๆและพอทำจัยได้ก็ต้องสู้ต่อไป..อนาคตยังอีกไกล

          หลังจากนั้นหนูลองไปสอบมหาวิทยาลัยเอกชนดู(ลองสอบดูเล่นๆๆ)ดั๊นติดจริงซะนี่ทำให้ต้องเรียนปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์จนจบ หนูจบคณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ พอเรียนจบป.ตรีแล้วด้วยความฝันที่อยากเป็นครูม๊ากมากก็เลยเอาวุฒิป.ตรี(ศศบ.เอกอังกฤษ)ที่จบมาใหม่ๆสดๆร้อนๆจากกรุงเทพฯไปสมัครสอบที่โรงเรียนหนองแม่นา ที่เขาค้อนั้นปรากฎว่าเขารับเฉพาะคนที่จบวุฒิครูเท่านั้นหนูรู้สึกปวดจัย..มากๆค่ะที่หนูเคยไปสมัครงานไม่ได้เพราะเขารับเฉพาะคนที่จบวุฒิครูเท่านั้นซึ่งเป็นประสบการณ์ที่หนูจำจนตายและไม่ลืมด้วยค่ะ

          หลังจบป.ตรีและสมัครโรงเรียนหนองแม่นา ที่เขาค้อไม่ได้นั้นไม่ได้เผอิญหนูมีคนที่รู้จักกันก็แนะนำให้ไปสอนที่โรงเรียนอุดมวิทยาที่ต.สมอทอด อบึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งหนูโชคดีมากค่ะที่เขาย้งไม่รับวุฒิครูแต่รับวุฒิป.ตรี(ศศบ.)ที่หนูจบเท่านั้น

          ช่วงปี 2543 หนูก็เลยได้ทำงานที่โรงเรียนอุดมวิทยาซึ่งอาจารย์ใหญ่โรงเรียนนี้เป็นคนจัยดีมากๆๆค่ะ ท่านบอกให้หนูและครูทุกคนว่าครูคนไหนที่ย้งไม่มีวุฒิวิชาชีพครูก็ให้ไปเรียนได้เลย หนูตัดสินใจไปเรียนวิชาชีพครูเพิ่มเติมอีก 1ปีเสียเลยค่ะ หนูจะเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดา (วันจันทร์-ศุกร์) หนูก็ไปทำงานในหลักสูตรเดิม 24 หน่วยกิตนั้นหนูจะต้องเรียน 28 หน่วยกิตกันเหนียวไว้เลยเวลาจบจะได้ไม่มีปัญหา

          ในช่วงปี 2545 หนูเรียนวิชาชีพครูจบ พอเรียนจนจบได้ใบประกาศนียบัตรวิชาชีพครูมาซึ่งหนูก็ทำงานในโรงเรียนเดิมอยู่แล้วแต่ในบางครั้งพอถึงเวลาที่เขาประกาศสมัครสอบบรรจุครู หนูก็ลองไปสมัครสอบกับเขาด้วย หนูทำงานมาเรื่อยๆจนถึงในช่วงปี 2549 แม่หนูไม่สบายและไม่มีใครว่างที่จะช่วยดูแลแม่ค่ะ(น้องชายและน้องสาวไปเรียนหนังสืออยู่ที่กรุงเทพฯ)หนูต้องลาออกจากโรงเรียนอุดมวิทยาซึ่งหนูทำงานในโรงเรียนนี้ได้ประมาณ 6 ปีค่ะ

          ตอนที่อยู่ที่บ้านหนูก็ฟังข่าวและเคยไปสมัครสอบบรรจุครูตามที่เขาประกาศสอบทั่วประเทศไม่ว่าจะเป็นครูสพฐ ครูผู้ช่วย อบต.    อบจ.ฯลฯ หนูสอบไม่ได้หนูก็เลยไปช่วยแม่ทำงานไปก่อน หนูเล็งเห็นว่าคนจบป.ตรีน๊านเกลื่อนกลาดม๊าก..มาย ส่วนคนจบโทนั้นมีน้อย ดังนั้นหนูเลยตัดสินใจที่จะเรียนต่อโทต่อค่ะ ปัจจุบัน(ปี2551) หนูมาสอบเรียนต่อโทได้ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร คณะศึกษาศาสตร์ สาขาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษาชั้นปี1รุ่น10 ซึ่งเกี่ยวกับอาชีพครูโดยตรง

         นอกจากนี้หนูคิดว่าชีวิตที่เปลี่ยนทำให้เรามีความคิดรอบคอบ นำประสบการณ์มาสอนเด็กๆ สอนลูก สอนหลานให้เป็นคนดีมีความอดทน เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกศิษย์ ให้ลูกหลาน ถึงแม้ว่าเราจะมีอายุมากขึ้น แต่สิ่งเป็นไปในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ถ้าหยุดอยู่นิ่งคงไม่ดีแน่ ความรู้ของคนเราไม่วันจบสิ้น เราสามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา ความรู้นั้นได้จากตัวครูผู้สอนและจากตัวเราเอง นอกจากนี้อาจจะเป็นความรู้รอบโต๊ะ ความพากเพียรและความอดทนต่างหากที่ทำให้เราก้าวหน้า

          หนูคิดว่าเราควรจะเรียนเมื่อเรามีความพร้อม และคิดว่าจะตั้งใจศึกษาหาความรู้ที่ได้ไปสอนศิษย์ให้เป็นคนดี คนเก่ง อยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขและเป็นอนาคตของชาติจนกว่าชีวิตของความเป็นครูจะหมดไป ตราบใดไม่สิ้นความหวังเราก็เราต้องหวังต่อไป เมื่อมีลมหายใจ....เราก็ต้องสู้ต่อไปเรื่อยๆๆๆ และหนูยึดคติที่ว่าทำแล้วดีกว่าไม่ทำ,ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นและและทำวันนี้ให้ดีที่สุดสู้ๆๆตาย...ค๊า

    

         

                  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท