ผมโดนบริษัทไปรษณีย์ปล้น


บอกให้ส่งธรรมดาดันเก็บค่าลงทะเบียน บอกให้ลงทะเบียนดันส่งEMS

ตั้งชื่อให้จูงใจเท่านั้นเองแหละครับ ใจจริงแล้วอยากบอกเพื่อนๆทุกคนต้องระวังให้ดี

วันนี้ผมให้คนขับรถไปส่งสิ่งตีพิมพ์ที่ไปรษณีย์ยะลา เพื่อให้บริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัดช่วยส่งต่อไปต่างจังหวัดตามที่อยู่ที่ผมได้ตีพิมพ์บนหน้าซอง ที่ผมต้องใช้ให้เขาช่วยไปส่งนอกจากตัวเองเดินไม่สะดวกแล้ว ยังต้องไปบำบัดที่โรงพยาบาลตามปกติ

พอกลับมาบ้านคนขับรถบอกว่า บอกเขาแล้วว่าให้ส่งแบบธรรมดาแต่เขาคิดค่าลงทะเบียนด้วย .. งงครับ .. ผมก็ถามยืนยันอีกว่าบอกเขาชัดเจนไหมว่าให้ส่งธรรมดา..เขาก็ตอบยืนยันว่าชัดเจนและไม่รู้ด้วยว่าเขาจะลงทะเบียน รู้ก็ต้องเมื่อจ่ายเงิน.. และคงเป็นเพราะเขาในฐานะผู้รับใช้ให้ส่ง ไม่รู้ว่าผมคิดไงก็เลยปล่อยเลยตามเลย..

ไปรษณีย์ที่เขาใช้บริการก็มีเจ้าเดียวในประเทศไทย ก็บริษัทไปรษณีย์ไทยจำกัดนั้นแหละครับ และสาขาที่เขาไปใช้บริการคือที่ทำการหลักเมืองยะลา เจ้าหน้าที่ที่รับบริการเป็นผู้หญิง คนขับรถยังบอกเลยว่า..ทั้งๆที่บอกว่าส่งธรรมดา เจ้าหน้าที่ยังลงทะเบียน ถ้าจะให้ลงทะเบียนเขาก็คงบอกแล้ว.. (เออ..เนาะ ขนาดคนไม่ได้ร่ำเรียนสูงๆ ก็คิดของพื้นๆแบบนี้ได้) ถ้าเป็นผมแน่นอนผมขอคืนและเดินออกมาทันที ถ้าไปส่งด้วยตัวเองไม่ได้ก็จะหาที่ทำการอื่นหรือไม่ก็ในวันอื่น (เสียเวลา..ไปอีก..หรือจ่ายๆดีกว่าแทนค่าที่ต้องเสียเวลา...!!!)

จำได้เคยคุยกับคนขายกาแฟ เขาบอกว่า ถ้าลูกค้าบอกว่าต้องการกอปีหรือกาแฟก็ให้ชงกาแฟใส่นมทันที นอกจากถ้าลูกค้าบอกว่า ต้องการกอปีออ นั้นแหละถึงจะชงการแฟดำ เป็นเทคนิคที่ทำให้ได้เงินมาก

ผมย้อนนึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง นานมากแล้ว ก็ที่ไปรณีย์นี้แหละ แต่เป็นที่ยะหา ก็โดนคล้ายๆกัน ผมให้ลงทะเบียนธรรมดาดันเก้บค่า EMS ผมก็สอบถามและท้วงติง เพราะของที่ผมส่งไม่ได้รีบร้อนอะไร แต่เพื่อลดความยุ่งยาก(กับเรื่องมากของเจ้าหน้าที่)ก็ปล่อยตามเขาไป แต่ที่ติดใจผม ..ทำไมเขาทำแบบนี้.. หรือว่าเป็นนโยบายของบริษัทไปรณีย์.. พอดีผมเห็นเบอร์โทรศัพท์ก็อยากคุยกับเจ้านายเขาเลยโทรไปหา.. เจ้านายเขาไม่อยู่เจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นคนรับเอง.. ผมก็บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.. เขาดันมาว่าผมเข้าใจผิด.. วันนั้นผมก็แต่งกายแบบอยู่กับบ้าน นุ่งโสรง ใส่หมวกกะปีเยาะ ถ้าไม่รู้ประวัติจริงๆ ก็เหมือนกับชาวบ้านที่ไม่ค่อยได้รับการศึกษาเท่าไร .. เขาคงมองเป็นบ้านนอกแก่ๆที่ไม่รู้หนังสือเลยว่าผมไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิดทำนองนี้ (แต่ผมดันเข้าใจ-อาจจะผิดก็ได้-เป็นเทคนิคทำยอด ให้ได้เงินเยอะๆ)

วันนี้ก็เช่นกัน พอดีที่ใบเสร็จมีเบอร์โทร์ด้วยผมก็เลยโทร์ถามเขา  เขาบอกว่าเพื่อความปลอดภัยเลยทำแบบนั้น ผมยืนยันว่าให้ส่งธรรมดาเพราะของก็ไม่มีค่าอะไร (บางทีค่าลงทะเบียนอาจแพงกว่าเอกสารก็เป็นได้) และคนส่งก็ยืนยันแล้วว่าบอกว่าส่งธรรมดา .. คนรับสายโทรศัพท์บอกว่า..ให้ไปเอาเงินคืนได้.. โห..พูดเหมือนกับว่าที่ทำการไปรณีย์อยู่หน้าบ้านผม .. และของที่ยื่นส่งนั้นเหมือนกับเราให้เขาแช่ตรงนั้นนานๆ .. เพราะถ้าผมจะเอาคืนเงินค่าลงทะเบียนนั้น ต้องเสียเวลาอีกอย่างน้อยสองชั่วโมง และค่ำน้ำมันรถที่ไปเอาคืนนั้นมากกว่าค่าไปรษณีย์เสียอีกหลายเท่า..

ผมก็บอกว่าเขาไปว่า ที่โทรมานี้ไม่ใช่จะเอาเงินคืน.. แต่ไม่ชอบการทำงานที่ไม่โปรงใส ทำนองอยากได้เงินชาวบ้าน ด้วยกระบวนการแอบเอาเช่นนี้...

แบบนี้เข้าข่ายการปล้นไหม..???  

 

หมายเลขบันทึก: 230629เขียนเมื่อ 19 ธันวาคม 2008 12:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 16:42 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

แตงก็เคยเจอปัญหาวิธีการส่งของเหมือนกันค่ะอาจารย์ ภายในกทม.นะคะ

เคยถามเขาว่าถ้าส่งธรรมดาไม่ลงทะเบียนกี่วันจะถึง เขาก็บอกว่าประมาณ 1 อาทิตย์และไม่รับรองว่าของจะถึงมือผู้รับด้วย

ถ้าลงทะเบียนธรรมดาหล่ะ ก็ประมาณ 1 อาทิตย์ ของถึงมือผู้รับแต่ช้าหน่อยนะ

ถ้าลงทะเบียนแบบ EMS หล่ะ ส่งช่วงเช้าวันนี้ พรุ่งนี้ช่วงเช้าก็ได้รับแล้ว และรับรองว่าของถึงมือผู้รับด้วย และรับประกันของสูญหาย

แต่ราคาซิคะอาจารย์ ทั้ง 3 ระดับต่างกันลิบลับ สมมุตินะคะ วิธีที่ 1 ราคา 1 บาท , วิธีที่ 2 ราคาแพงขึ้นมานิดหน่อยอาจจะ 2 บาท , แต่วิธีที่ 3 แพงสุดค่ะอาจารย์ อาจจะเป็น 10 บาทเลยค่ะ 

แต่พอเจอคำแนะนำของ จนท. ผู้หวังดี อาจารย์คิดว่าแตงจะเลือกวิธีไหน ในเมื่อเป็นของสำคัญที่ต้องส่งให้กับผู้รับ 

คำตอบ แตงก็ต้องเลือกวิธีที่ 3 ค่ะ ถึงแม้ว่าจะแพง และมิหนำซ้ำยังต้องโทร.เช็คด้วยนะคะว่า ได้รับของหรือยัง หรือไม่ผู้รับก็จะโทร.มาบอกเอง และระยะเวลาก็เป็นตามที่เขาบอกนะคะ ยกเว้นจ่าหน้าซองผิด

แต่นั่นแหล่ะค่ะ ผลสุดท้ายราคาส่ง+ราคาตรวจสอบ บางทียังแพงกว่าราคาของอย่างที่อาจารย์พูดนั่นแหล่ะค่ะ แต่ก็ต้องยอมค่ะ ... นี่แหล่ะค่ะการบริหารการจัดการแบบไทยๆ ... ติ๊งหน่อง

 

ขอบคุณมากครับ คุณ แตงไทย

ผมเป็นคนบ้านนอกครับ ประสบการณ์กับการใช้บริการไปรษณีย์คิดว่ามีมากพอควร

โดยหลักการแล้ว ก็อย่างที่ คุณแตงไทยเลือกนั้นแหละครับ ดี ปลอดภัย และถึงเร็ว แต่โดยวิธีการไม่เป็นอย่างที่ว่าหรอกครับ

เมื่อสองเดือนที่แล้วผมโดนหมายศาลฯ ..อย่าเพิ่งคิดว่าผมชอบทำอะไรผิด.. คือผมโดนรถชน รถก็ให้ใบประกันเพื่อขอเบิกค่ารักษาพยาบาล แต่ไปๆมาๆ คนผิดคือผม. เพราะใบประกันมันเป็นของปลอม ผมเป็นคนอื่นผมซิผิด .. และหมายที่เขาส่งมานั้น เขาส่ง EMS เขียนชัดเจนตรงจ่าหน้าซองว่าจะถึงผมเมื่อไร เวลาเท่าไร.. แต่ทราบไหมครับ. ผมรับหลังจากวันเวลาที่เขียนหน้าซองเกือบสองอาทิตย์ .. เลยกำหนดแล้วครับ

ดีหน่อยที่ผมไปคุยกับโรงพยาบาล และโรงพยาบาลยะลาดีมากๆ อนุโลมขยายเวลาให้

*คงไม่ใช่หมายศาล.. หนังสือแจ้งว่าถ้าผมไม่ไปแจ้งตามกำหนดผมจะมีความผิด..

ต่อ..

เมื่อเดือนที่แล้ว ได้รับข่าวจากเจ้าหน้าที่คณะวิทย์ฯว่า จดหมายลงทะเบียน(น่าจะเป็นEMSด้วย)ส่งไม่ถึงคณะวิทย์ฯ ทางเจ้าหน้าที่ไปเช็คกับทางไปรษณีย์แล้วปรากฏว่าเขาส่งมาแล้วจริง และมีคนเซ็นรับแล้ว..

เรื่องลักษณะนี้จะถือว่าไปรษณีย์ผิดทันทีเลยไม่ได้ ผมถึงว่า บางครั้งการส่งธรรมดากับลงทะเบียน(หรือEMS)ไม่ค่อยแตกต่างกันเลย เพราะกระบวนการจะถึงมือผู้รับอีกหลายทอด

มิฉาชีพ มีหลายรูปแบบ..

บางครั้ง โรงพยาบาลก็ชอบปล้นคนไข้

สำหรับผู้ที่ศึกษาข้อมูลดี เราก็ทราบและทันเกมกลุ่มเหล่านี้

แต่สำหรับคนที่ไม่ทัน ก็จะถูกเป็นคนถูกปล้นตลอดไป..

ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครอง

อยากจะเล่าเรื่องผมหมือนกันครับ แต่เรื่องมันยาว เอาเป็นว่าหัวอกเดียวกัน ฮิฮิ

แวะมาส่งรอยยิ้มและสวัสดีปีใหม่นะคะ

สวัสดีปีใหม่ 2552 ค่ะ

มีความสุขในทุกๆวันนะคะ

โชคดี ตลอดปีและตลอดไป

J สุขภาพแข็งแรงค่ะ J

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท