สวัสดีครับ ช่วงนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นลง มาเพิ่มความอุ่นกันด้วยเรื่องเล่าเมื่อ "หน้าร้อน" ที่แล้วกันครับ...
...ช่วงที่ผมไปก็เป็นช่วงเวลาแห่ง Vacances ครับชาวฝรั่งเศสหยุดงานพักผ่อน ออกเที่ยวกันไปในที่ต่างๆ ผมก็เช่นกันต้องปฎิบัติตนตามสถานการณ์ ไม่งั้นเดี๋ยวเค้าหาว่าไม่เข้าพวก
ช่วงนั้นอากาศยังร้อนอยู่สมกับเป็นหน้าร้อนนะครับ ที่ชอบๆที่ควรไปก็หนีไม่พ้น แหล่งน้ำซึ่งจะช่วยผ่อนคลายความร้อนทั้งกายและใจให้เราได้ วันนี้จึงออกเดินทางจากบ้าน แน่นอนที่สุด Aix-en-Provence เดินทางมุ่งหน้า Le département de Vaucluse ซึ่งเป็น département หมายเลย 84 ของฝรั่งเศส (ฝรั่งเศสมีเขตการปกครองที่เรียกว่า département โดยกำหนดให้มีเลขกำกับไว้ด้วย...เช่น Bouches-du-Rhône ซึ่งมี Aix-en-Provence อยู่ในนั้นด้วย เป็นหมายเลขนำโชค 13 , ส่วน Paris หมายเลข 75 เป็นต้น)
สำหรับเมืองเป้าหมายของผมในวันนี้ได้แก่ "Fontaine de Vaucluse" อ่านว่า ฟง-แตน-เดอ-โว-คลูส ห่างจาก Aix 85 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. 5 นาที
...เมื่อเข้าถึงตัวเมืองสิ่งทีเราพบเป็นอย่างแรกคือ la colonne de Pétrarque สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1804 เพื่อเป็นเกียรติและฉลองแก่การครบรอบ ปีที่ 500 วันคล้ายวันเกิดของ Pétrarque (Francesco Petrarca ou Pétrarque) เป็นนักมนุษยวิทยา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งเคยอยู่อาศัยที่ Fontaine de Vaucluse เมื่อ ค.ศ.1337-1353
ห่างเพียงไม่กี่เมตรจาก la colonne de Pétrarque ก็เป็นธารน้ำใสไหลเย็น (อันนี้ภายหลังได้ลองสัมผัสก็เย็นจริงๆครับ) ...สังเกตดีๆมีความแตกต่างภายในภาพระหว่างภาพบนกับภาพล่างนี้นะครับ (เอาไว้เฉลยท้ายเรื่องครับผม)
เนื่องจากที่นี่เป็นธารน้ำ ที่น้ำเยอะใช้ได้และไหลดี...จึงกลายเป็นที่หนึ่งที่ใช้ในการเล่นเรือด้วยครับผม...เห็นน้ำอย่างนี้นึกถึงหากได้ลงเล่นบ้างคงจะสนุกไม่เบา..
ด้านล่าง..ไอ้ที่เห็นเป็นไม้สีขาวสลับเขียว หรือขาวสลับแดงนั่น เค้าไว้บังคับให้เรือพายผ่านน่ะครับ...แต่ตอนไปไม่เห็นใครเล่นอยู่เลยน่ะ..สงสัยไม่ใช่เวลาของเค้าครับ
เดินมาไม่ไกลนักจาก la colonne ก็จะพบกับโรงผลิตกระดาษจากพลังน้ำ Vallis Clausa "Moulin à Papier" ( Moulin à Papier คำนี้น่าจะหมายความได้ว่า "กังหันที่ผลิตกระดาษ")
... เก่าแก่มากครับทำกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ได้พลังจากน้ำมาหมุนกังหันให้ขับเคลื่อนเครื่องจักรในการผลิตกระดาษ
การผลิตกระดาษก็ได้กระทำเรื่อยมา จนศตวรรษที่ 19 ก็เริ่มทำน้อยลงเนื่องจากการพัฒนาของเครื่องจักรผลิตกระดาษสมัยใหม่ที่เข้ามาแทนที่...ลดลงๆ จนกระทั่งปิดตัวลงไปเมื่อ ค.ศ.1968
หลังจากออกจากโรงผลิตกระดาษก็อยากรู้ขึ้นมาว่าน้ำไหลมาจากไหน..ก็เลยว่าเดินขึ้นไปดู ซึ่งก็ได้ทราบมาว่าเมื่อเดินไปเรื่อยๆตามทางจะไปพบกัน "la Source" หรือ "ตาน้ำ" (ตาน้ำ คือ บริเวณที่น้ำผุดขึ้นมา) ก่อนออกไปก็แวะร้านน้ำซะหน่อยเลือกสีตามชอบใจ
ใกล้ๆกันมีร้านอาหาร ที่บรรยากาศเป็นอย่างที่เห็นครับ...อยู่ริมธารน้ำ...นั่งจิบกาแฟ..เสียงน้ำที่ไหล ใส เย็นชื่นใจอย่างนี้...เห็นอย่างนี้ได้นั่งก็คง..ไม่ยอมลุกล่ะครับ...
แต่ยังนั่งไม่ได้ตอนนี้ จะต้องไปหา "ตา" ก่อน ...ภาพที่เห็นต่อไปนี้ เป็นระหว่างทางที่ผมเดินเพื่อมุ่งหน้าไปหา "ตาน้ำ"
ธารน้ำที่นี่ ถือเป็นแหล่งที่น้ำแรงที่สุดแห่งหนึ่งของฝรั่งเศส โดยปีหนึ่งกำเนิดน้ำถึง 630ล้าน ลูกบาศก์เมตร ...ที่นี่แหล่ะครับเป็นต้นทางของแม่น้ำ la Sorgue (ลา-ซอคก์) ที่ไหลผ่านหลายๆเมืองในโพรวองซ์แถบนี้ และน้ำในธารน้ำสีเขียวมรกตที่เห็นนี้ มีอุณหภูมิคงที่ ที่ 12-13 °C ครับ เย็นสบายนะครับ
เดินมาเรื่อยจนมาชนกับตีนเขามองขึ้นไปก็เห็นเป็นหน้าผาอย่างนี้...แล้วไหนล่ะ.."ตาน้ำ"
เมื่อมองลงไป พบแล้วครับ "la Source" หรือ "ตาน้ำ" บอกตามตรงผมก็เพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกันครับ
ถ้าไม่มีใครบอกก็คงไม่รู้ว่านี่หรือคือ..ตาน้ำ...ลองกะประมาณขนาดดูนะครับก็ไม่ใหญ่มาก มองไปไม่เห็นด้านล่างเลยครับ มืดเชียว..และก็ไม่รู้ว่าน้ำมากมายที่เห็นมาจากไหนกัน..ธรรมชาตินี่ช่างแปลกดีนะครับ
...สงสัยใช่ไหมครับว่า ไอ้เจ้าตาน้ำนี่ มันมีความลึกเท่าไหร่ ?
คำตอบคือ...ไม่ทราบครับ เนื่องจากว่ามีนักประดาน้ำมาพยายามวัดความลึกของตาน้ำนี้หลายต่อหลายครั้ง ในครั้งแรกทำเมื่อปี 1879 และต่อมาหลังนักประดาน้ำที่สามารถวัดได้ลึกที่สุดในปี 1983 ได้ทำสถิติเอาไว้ที่ 205 เมตร
...จากนั้น สถิติสุดท้ายทำโดย หุ่นยนต์ประดาน้ำ สามารถวัดความลึกได้ที่ 318 เมตร แต่ก็ยังไปไม่ถึง ก้นของตาน้ำ...อยู่ดีครับ
จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถวัด และยืนยันได้ว่า "ตาน้ำ" ที่เราเห็นนี้มีความลึกเท่าไหร่กันแน่ ???
เดินย้อนกลับมา เพื่อกลับขึ้นรถเห็นมีร้านค้า ขายของสไตล์โพรวองซ์ก็เลยแวะดูซะหน่อย มีหลายอย่างสวยดีครับ พอมีอะไรให้ติดไปเป็นที่ระลึกซักหน่อยครับ...
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับ...อ้าว!...ลืมกินกาแฟเลย!...
เฉลยคำถามประจำ Blog : ความแตกต่างมีด้วยกัน 2 จุด คือ 1. รูปล่างไม่มี"ต้นไม้ห้อย" ตรงระเบียงสีเขียวๆ 2. รูปบนไม่มี"น้ำไหล" ตรงขอบหินเหมือนรูปล่าง.. ทั้งนี้เนื่องจากภาพล่างถ่ายไว้เมื่อครั้งก่อนๆครับ ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นดังรูปบน..ขอบคุณที่ร่วมสนุกนะครับ
ปล. วันนี้มีเพลงมาฝากเหมือนเคย อย่าลืมเปิดลำโพงนะครับ เพลงนี้ผมชอบ!!!
เคยไป ปารีสนานมาแล้วชอบมากค่ะ
บรรยากาศดี หนาวแต่สดชื่น ถ้ามีโอกาสคงได้ไปเยือนอีกสักครั้ง
แวะมาเที่ยวค่ะ
แวะมาแล้วครั้งนึง รูปไม่ขึ้น
ตอนนี้ Ok ค่ะสวยมาก
มีความสุขเสมอๆนะคะ
Take care
สวัสดีค่ะน้องชาย
สวัสดียามเช้าค่ะ บรรยากาศดีมากค่ะ นั่งดื่มกาแฟและคุยกับเพื่อนที่ถูกคอค่ะ
นั่งดื่มกาแฟค่ะ
สวัสดีครับ คุณแก้ว..อุบล จ๋วงพานิช
คนพลัดถิ่น~ต้นตอ-natachoei(หน้าตาเฉย)
มาทักทายก่อนคะ แล้วจะอ่านทีหลัง
มาชมภาพและลงชื่อไว้ครับ แม่น้ำ la Sorgue (ลา-ซอคก์) คำว่า source (โซซ) ในภาษาอังกฤษก็แปลว่า ต้นแม่น้ำ นะครับ สงสัยจะมีรากศัพท์มาจากภาษาฝรั่งเศส?
ว่าจะนอน เฮ้อ เห็นภาพนี้แล้ว
"Cappuccino"
"กาลาโต้..อยู่"
อิ อิ
หนังเรื่องนี้ ที่มีเพลงนี้ประกอบเป็นเรื่องโปรดของสามีค่ะ เกรงใจหลับแล้ว เดี๋ยวมาเปิดลำโพงวันหน้า
สวัสดีครับ คุณทหารอากาศขนาดยักษ์
สวัสดีครับคุณ tuk-a-toon
สวัสดีค่ะ คุณ Pompier
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ
ปกติชอบอ่านหนังสือท่องเที่ยว แต่ไม่ค่อยเจอบรรยากาศชิลๆแบบนี้เท่าไหร่
ได้ไปนั่งจิบกาแฟท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้คงเพลินตาเพลินใจไม่น้อยค่ะ :-)
Provence มีอะไรน่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะเนีย
สวัสดีค่ะ แวะมาเที่ยวโพรวองซ์ ดูภาพสวย ๆ ขอบคุณค่ะ
ขอให้มีความสุขตลอดปี 2009 นะค่ะ
สวัสดีครับคุณแม่นีโอ
สวัสดีครับคุณ MSU-KM :panatung~natadee