วันนี้... (วันพระ) ได้นำศีลข้อแรกมาเป็นหัวข้อธรรมเทศนา โดยเริ่มจากแปลคำสมาทานศีลว่า..
ตามคำแปล จะเห็นได้ว่า ไม่ได้บ่งชี้ว่า่ ห้ามฆ่าสัตว์ แต่ให้ศึกษาคือพิจารณาว่า ถ้าจงใจงดเว้นจากการทำสัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง กล่าวคือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์แล้ว จะเป็นอย่างไร ? นั่นคือ ให้ผู้สมาทานพิจารณาด้วยตนเอง...
ต่อจากนั้น ก็นำเรื่ององค์ประกอบเป็นเหตุให้ผิดศีลข้อนี้ ซึ่งมีอยู่ ๕ ประการด้วยกัน กล่าวคือ
ประการแรก สัตว์มีชีวิต ยกตัวอย่างว่า เราซื้อปลาช่อนมาเพื่อจะแกง คิดว่าปลายังไม่ตาย จึงเอามีดทุบหัวปลา ดังนี้ ไม่ถือว่าผิดศีล เพราะปลามิได้มีชีวิต...
ประการที่สอง สำคัญว่าสัตว์มีชีวิต ยกตัวอย่างว่า เราซื้อปลาช่อนมาเพื่อจะแกง คิดว่าปลาตายแล้ว จึงใช้มีดสับที่หัวปลา ปลาเกิดดิ้นขึ้นมาแล้วก็ตายไป เพราะปลาตัวนี้ยังไม่ตาย ดังนี้ ไมีถือว่าผิดศีล เพราะมิได้สำคัญว่าปลามีชีวิต...
ประการที่สาม มีจิตคิดจะฆ่า ยกตัวอย่างว่า สุนัขจรจัดกำลังยกขาเพื่อปัสสาวะที่หน้าประตูบ้าน เราเหลือบไปเห็น จึงใช้ขวดซึ่งวางอยู่ใกล้มือขว้างไปเพื่อไล่สุนัข แต่บังเอิญขวดไปโดนหัวสุนัขอย่างจังแล้วเกิดตายขึ้นมา ดังนี้ ไม่ถือว่าผิดศีล เพราะเรามีได้มีจิตคิดจะฆ่าสุนัข เพียงแต่มีจิตคิดจะไล่สุนัขเท่านั้น จึงขว้างขวดออกไป...
ประการที่สี่ ความพยายามจากจิดคิดจะฆ่านั้นเกิดขึ้น ยกตัวอย่างว่า เราเกลียดใครบางคน จึงคิดว่าขอให้ใครก็ได้ไปยิงมันให้ตาย แต่ก็มิได้สั่งหรือใช้ใครให้กระทำเรื่องนี้ เพียงแต่คิดเท่านั้น ดังนี้ ไม่ถือว่าผิดศีล เพราะไม่มีความพยายามที่เกิดจากความคิดเพื่อจะให้เขาโดนยิงตาย...
และประการสุดท้าย สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น ยกตัวอย่างว่า เราเกลียดใครบางคน จึงเอาปืนยิงหรือเอามีดแทง โดยมุ่งหวังให้เขาตาย แต่บังเอิญเขาไม่ได้ตายเพราะถูกยิงหรือถูกแทงในครั้งนั้น และต่อมาอีก๒-๓ เดือน แผลที่ถูกแทงหรือถูกยิงเกิดอักเสบและบาดยักขึ้นมา เป็นเหตุให้เขาตายลง ดังนี้ ไม่ถือว่าผิดศีล เพราะคนนั้นมิได้ตายเพราะโดนยิงหรือโดนแทง แต่ตายเพราะบาดยัก...
... สรุปว่า
ต้องประกอบพร้อมด้วยองค์ ๕ จึงจะผิดศีล ถ้าบกพร่องข้อหนึ่งข้อใด
ก็ไม่ถือว่าผิดศีล อย่างไรก็ตาม
ความเป็นกรรมในเพราะเรื่องนี้ยังมีอยู่ ดังพระพุทธเจ้าตรัสว่า
เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ
วทามิ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม
ประการสุดท้าย ได้อธิบายซึ่งโทษหรือบาปหนักเบาของการฆ่าสัตว์ โดยยกประเด็นสำคัญมา ๔ ประการ กล่าวคือ
ประการแรก คุณ นั่นคือ ถ้าฆ่าสัตว์ที่มีคุณมากก็จะมีโทษหรือบาปมาก แต่ถ้าฆ่าสัตว์มีคุณน้อยก็จะมีโทษหรือบาปน้อย เช่น ฆ่าคนทั่วไปย่อมมีโทษหรือเป็นบาปน้อยกว่าฆ่าคนมีคุณเช่นพ่อแม่ครูบาอาจารย์... อีกนัยหนึ่ง ฆ่าคนดีมีคุณธรรม มีโทษหรือเป็นบาปยิ่งกว่าฆ่าคนชั่วไร้คุณธรรม...
ประการที่สอง ขนาด นั่นคือ ถ้าฆ่าสัตว์ใหญ่มีโทษหรือบาปมาก ถ้าฆ่าสัตว์เล็กก็มีโทษหรือบาปน้อย เช่น ฆ่าวัวย่อมมีโทษหรือเป็นบาปมากกว่าการฆ่ามด...
ประการที่สาม ความพยายาม นั่นคือ ถ้าใช้ความพยายามสูงก็มีโทษหรือบาปมาก แต่ถ้าใช้ความพยายามน้อยก็มีโทษหรือบาปน้อย เช่น ฆ่าวัวด้วยการยิงนัดเดียวแล้วตาย ย่อมมีโทษหรือเป็นบาปน้อยกว่าการที่ต้องเที่ยวตามวัวอยู่ ๒-๓ วัน ไล่ยิงหลายครั้งหลายคราวกว่าวัวตัวนั้นจะตาย...
และประการสุดท้าย เจตนา นั่นคือ ถ้าเจตนาในการฆ่าแรงกล้าก็จะมีโทษหรือเป็นบาปมาก แต่ถ้าเจตนาในการฆ่าอ่อนก็จะมีโทษหรือเป็นบาปน้อย...
...โดยประการสุดท้ายคือเจตนานี้แหละสำคัญที่สุด กล่าวคือ แม้ว่า คุณ ขนาด และความพยายามเท่ากัน ก็ต้องดูเจตนาในการฆ่าว่าแรงกล้าอย่างไร ยิ่งเจตนาแรงกล้ามาก การฆ่านั้นก็จะมีโทษหรือเป็นบาปมาก...
ถามว่า ใครเป็นผู้ตัดสินว่า กรรมคือการฆ่านั้นมีโทษหรือเป็นบาปมากน้อยอย่างไร ?
แก้ว่า ธรรมจะเป็นผู้ตัดสิน เรียกกันว่า ธรรมนิยาม ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า แม้พระองค์จะทรงอุบัติขึ้นหรือไม่ก็ตาม แต่ธรรมนี้ก็ย่อมมีอยู่...
ศีลปาณา อย่าได้ ฆ่าสัตว์
บาปบ่มัด ตามจิต ติดข้อง
เจตนาฆ่า จนตาย บาปใหญ่ ใจตรึง
หนาลึกตื้น บาปนั้น อยู่ล้วน ใจตน
กราบ 3 หน
นมัสการพระคุณเจ้า
*เจตนารมณ์ของศีลข้อ 1 เพื่อให้คนเรามีจิตเมตตาต่อกัน
*องค์ประกอบทีพระคุณเจ้าวิสัชชนามาเป็นเพียงรูปธรรมเท่านั้น แต่ในสภาพของจิตใจการคิดจะฆ่า คิดจะกินก็ผิดแล้ว เพราะที่จิตคิดเช่นนั้นเป็นการขาดเมตตาธรรมทำให้จิตมีสภาพเศร้าหมอง
*มนุษย์เราเมือ่มีเมตตาต่อกัน แม้แต่จะคิดร้ายต่อกันยังไม่มี
*นมัสการด้วยความเคารพ
นมัสการ ท่านอาจารย์
ท่านเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาก็ตรงกับงานศพของ พระพ่อหลวงรูปหนึ่ง(พระเมื่อบวชตอนแก่ ภาคใต้เรียกว่า พ่อหลวง) ที่วัดทุ่งหวังใน สงขลา ชื่อ พ่อหลวงสิงห์ จนฺทวํโส อายุ 91 ปี พรรษา 20 ซึ่งน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี กล่าวคือท่านได้สั่งไว้แก่ทุกคนว่าหากท่านมรณภาพลง ท่านขอให้งดฆ่าสัตว์ทุกชนิดในงานศพของท่าน แม้แต่ไปสั่งซื้อเนื้อซื้อปลาโดยการสั่งไว้ก่อนก็ไม่ได้ แต่ให้ไปซื้อที่เขาขายในตลาดตามปกติ ท่านพระครู เจ้าอาวาสวัดได้กล่าวว่าแสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาจิตของท่าน จึงสมควรที่จะยกเป็นตัวอย่างได้ในเรื่องการจัดงานศพที่ไม่ผิดศีลข้อท่ 1 ปาณาฯ นะครับ เป็นกุศลอย่างสูงครับ
กราบนมัสการครับ
ตอนงานทวดเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน ปัจจุบันก็ยังพบอยู่บ้าง โดยมากจะเป็นงานของผู้สูงอายุมากๆ ซึ่งมีลูกหลานเหลนเยอะ...
แต่ถ้าเป็นงานทั่วไปก็คงจะลำบากหน่อย...
เจริญพร
ศีลาสิกขา สัมมาว่าฮ้อ รับเอาหัวข้อ จดจ่อศึกษา
ตั้งใจ๋ละเว้น ก๋ารเป๋นโทษา เอาเจ๋ตนา มาเป๋นที่จั้ง
คฤหัสถา ศีลห้ามาตั้ง ป๋าณาติป๋าตัง เป๋นเก๊า
.
สองอทินนา สามกาเมเค้า สี่มุสาเข้า รวมนัย
ห้าข้อปั๋ญจะ มัชชะเมาไก๋ สุราเมรัย เว้นไกล๋บ่เข้า
ยอมือไหว้สา พระมหาเจ้า ข้าขอลำเนา ค่าวเน้น
.
ป๋าณาติป๋า ศึกษาเพื่อเว้น ก๋ารเข่นฆ่าล้าง ม้างชีว์
สัตว์มีชีวิต จิตคิดเบียดสี เพียรทุกวิธี บั่นชีวาสั้น
สัตว์นั้นต๋ายไป ดั่งใจ๋ว่าอั้น ครบองค์โดยพลัน ขาดนับ
.
มีต่อในข้อ 2 ขอรับ
ขออภัยที่บางคำเป็นคำถิ่น อันที่ปรับเป็นภาษาไทยกลางได้ ก็จะพยายามขอรับ