ผมกับเครือข่ายวิจัยและพัฒนาสุขภาพชุมชน จัดพบปะกลุ่ม ทบทวนบทเรียนการทำงานชุมชนในบางด้าน ที่เป็นด้าน สุขภาพองค์รวม ในแนวทางของเครือข่ายชุมชนสุขภาพที่เรียกว่า ชมรมชีวเกษม เพื่อเตรียมจัดเวทีวิชาการและเวทีเรียนรู้ เนื่องในวาระครบรอบ 10 ปีของเครือข่ายชมรมชีวเกษม ในต้นปีหน้า
กิจกรรมสุขภาพ โดยการรวมกลุ่มเป็นชมรมชีวเกษมนี้ เป็นที่รู้จักในหมู่คนที่สนใจแนวนี้พอสมควร ทั้งผ่านเวทีสมัชชาสุขภาพ ผ่านสื่อมวลชน การประชุมวิชาการทางสุขภาพ การศึกษาดูงานของนักวิจัยและคนที่สนใจแนวทางคล้ายกัน แนวคิดหลักก็คือ การพัฒนาออกจากจิตใจ สติ และปัญญา สะท้อนสู่การสร้างเสริมสุขภาวะในภาคปฏิบัติทั้งของปัจเจก ชุมชน กลุ่มก้อน และสาธารณะ ทั้งระดับท้องถิ่นและนานาชาติ ในทุกเรื่องตามเงื่อนไขชีวิตตน
ชีวเกษม เป็นชื่อที่น้อมเอาหลักซึ่งเจ้าประคุณพระพรหมคุณาภรณ์ ได้แสดงปาฐกถาธรรมให้กับชมรมชีวเกษมในปีหนึ่ง เป็นข้อสูงสุดในมงคล 38 ประการ กล่าวโดยสรุปได้ว่า เป็นภาวะสืบเนื่องจากการปฏิบัติและเรียนรู้ที่ยกระดับการพัฒนาตนเองอยู่เสมอสู่ความเบิกบานแจ่มใส รู้เท่าทันทุกข์ ไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก เท่าทันโลก และมีชีวิตอันเกษม อิ่มเต็มในทุกมิติ สมาชิกของชมรม ได้น้อมนำมาเป็นทั้งชื่อชมรมและถือเป็นฐานคิดสะท้อนสู่การพัฒนาวิถีปฏิบัติต่างๆ
เหมือนกับเป็นเป้าหมายเชิงอุดมคติไกลๆ และการได้มีเจตจำนงค์ร่วมกัน สำหรับทำให้ชีวิตเป็นมรรควิถี สร้างสมเหตุปัจจัยตามรายทางของการดำเนินชีวิต ให้บรรลุสู่จุดหมายสูงสุดตามอัตภาพแห่งตน
ตัวตั้งตัวตีเลยก็คือร้านหนังสือเบิกม่าน หน้ามหาวิทยาลัยมหิดล โดยมีเครือข่ายช่วยกันทำหลายลักษณะ ทั้งเครือข่ายชุมชน กลุ่มคนมหาวิทยาลัยมหิดล ที่สำคัญคือเครือข่ายและคณะศิษยานุศิษย์ของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ รวมทั้งกลุ่มนักวิชาการแนวประชาคม และชาวบ้านในพื้นที่
กลวิธีที่เน้นก็คือ การเจริญสติภาวนา การศึกษา และการตื่นรู้ ในทุกมิติชีวิตและในทุกอริยาบท โดยมีกิจกรรมและวิธีปฏิบัติต่างๆมารองรับ หลายระดับ คือ
ในส่วนที่เป็นกิจกรรมออกกำลังกายฟื้นกำลังใจนั้น จะมีกิจกรรมอย่างผสมผสาน ทว่า ทุกกิจกรรมจะเน้นการเจริญสติภาวนาและการทำการศึกษา เพื่อกลับออกไปทำการงานและดำเนินชีวิตให้มีความสุขที่เบิกบานแจ่มใสจากข้างใน เช่น การเดินเจริญสติยามเช้า การรำกระบองแบบป้าบุญมี การเรียนรู้เพื่อปฏิบัติและพึ่งตนเองทางสุขภาพตามความจำเป็นต่างๆ บางครั้งมีเวทีดนตรีและการละเล่น บางครั้งมีกิจกรรมวาดรูปและทำงานศิลปะ
ก่อนจะอำลากัน ก็จะเป็นการล้อมวงกินข้าวจับเข่าคุยกัน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีบทบาทอย่างบูรณาการ มีการเตรียมและหิ้วข้าวของและอาหารที่เอื้อต่อสุขภาพดีมารวมกัน แล้วก็นั่งกับพื้นกินข้าวและคุยกันในบรรยากาศแบบศาลาวัด บ้างก็ปรึกษาปัญหาสุขภาพกัน บ้างก็นำข่าวคราวของชุมชนมาบอกกล่าว บ้างก็นำความรู้ใหม่ๆมาฝาก ผู้นำชุมชนและนายอำเภอ บางครั้งก็มาผ่อนคลายชีวิตและพบปะกับชาวบ้านไปด้วย
ในแง่ที่เป็นพื้นที่สร้างสรรค์สังคมร่วมกัน และเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนเรียนรู้พัฒนาสุขภาพและพัฒนาชีวิตของปัจเจกแล้ว จัดว่ามีบทบาทมากพอสมควรในการถักทอผู้นำการเปลี่ยนแปลงในสาขาต่างๆ ให้มาเป็นพลังหล่อหลอมซึ่งกันและกัน พร้อมกับสร้างความเชื่อมโยงส่งเสริมเกื้อหนุนบทบาทของกันและกัน และผุดประเด็นสร้างสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ร่วมกัน
หลายอย่างทั้งในอำเภอพุทธมณฑล และกระจายไปยังเครือข่ายอื่นๆ ทั้งในเวทีท้องถิ่นและเวทีระดับประเทศ เกิดขึ้นจากการเป็นแรงบันดาลใจให้กันจากกลุ่มที่นั่งคุยกันเล็กๆดังกล่าวนี้คือ การล้อมวงกินข้าวด้วยกันแล้วก็พูดคุยปรึกษาหารือกันไปอย่างเป็นธรรมชาติ
บางเรื่อง สถาบันวิชาการ ก็เข้าไปเสริม ถอดบทเรียนและจัดกระบวนการให้ตกผลึกแนวคิด ทำเป็นหลักสูตรและโปรแกรมพัฒนาปัจเจกและครอบครัว โปรแกรมอบรม สร้างคนให้กับหน่วยงานและกลุ่มคนที่เขาสนใจ หลายเรื่องผมก็เอาไปสอนและยกตัวอย่าง เล่าให้นักศึกษานานาชาติฟัง
รวมทั้งเคลื่อนไหวเครือข่ายสังคม ให้รู้และทำได้ในการสร้างเสริมความสุขอันสมบูรณ์ ด้วยการพัฒนาออกจากจิตใจ สติและปัญญา ในวิถีแห่งการพึ่งตนเองและร่วมสร้างสุขภาวะสาธารณะด้วยกัน
กระบวนการแบบนี้ ขับเคลื่อนพลังของปัจเจกและสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมได้อย่างดี เมื่อมองกลับไปยังสังคม ก็จะพบบทบาทสำคัญของวิถีการกินข้าวด้วยกันแบบสำรับข้าว ขันโตก และการล้อมวงกินข้าวกันตามโอกาสต่างๆ เช่น ในการทำนาทำไร่ หรือบนศาลาวัด และการทำกิจกรรมต่างๆทางสังคม
อาหารและการกินในรูปแบบดังกล่าวนี้ เป็นเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัวและอยู่ในวิถีชีวิตทั่วไป แต่สามารถทำให้แยบคาย เจริญสติ เรียนรู้เรื่องสุขภาพและเรียนรู้ทางสังคมมากมาย รวมไปจนถึงพัฒนาคนและจัดการชีวิตส่วนรวมไปอย่างกลมกลืนกับเรื่องราวของชีวิตอีกหลายมิติ คนทั่วไปได้วิธีนำเรื่องสุขภาพและบูรณาการมิติการศึกษาเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเองเข้าสู่ชีวิตได้ตลอดเวลา
ปัจเจกจะกินและอยู่กันตนเองแบบเอกเทศไม่ได้ ต้องคำนึงถึงผู้อื่นแทบจะทุกคำข้าว หรือบางทีก็อาจจะเกิดกระบวนการทางสังคม ขัดเกลาหล่อหลอมกันให้เจริญเติบโต นับว่าเป็นวิถีวัฒนธรรมสุขภาพแบบองค์รวมด้วย ที่บูรณาการทั้งกระบวนการสร้างพลเมืองให้มีสำนึกและจิตสาธารณะ สร้างสุขภาวะในระดับกลุ่มก้อน และเป็นกลไกที่ไม่เป็นทางการ ในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อจัดการชีวิตส่วนรวมด้วยกันของชุมชนระดับต่างๆ.
อ่านบันทึกนี้แล้วทำให้เข้าใจและเห็นภาพรวมของชมรมชีวเกษมมากขึ้น เป็นข้อมูลที่ใบไม้น่าจะนำไปใช้ในการเขียนงานได้ค่ะ ..^__^..
เยี่ยมเลย ได้ทำงานเผยแพร่เรื่องราวดีๆไปด้วย แล้วก็ทำงานเชื่อมโยงกันได้ด้วย จะพยายามย่อยหลายๆเรื่องมาเก็บไว้ในนี้นะครับ คุณใบไม้เลือกอ่านและเลือกใช้เป็นวัตถุดิบทำงานได้ตามอัธยาศัย จะได้ไม่ถูกบดบังความคิดและความเป็นตัวของตัวเองในงาน
อ่านบันทึกของอาจารย์ แล้วนึกบรรยากาศ ของการพูดคุยในวันนี้เลยคะ กับการล้อมวงจับเข่าคุยกัน และการทานข้าวห่อใบบัว ครั้งแรก ในบรรยากาศศาลาวัด ... ^^
บรรยากาศดีนะคะ ^^
มาแล้วคะ ข้าวห่อใบบัว ^^
ยินดีมากๆ คะ ^^
ข้อมูลของอาจารย์ ทุก blog ทุก page นั่น สามารถ inspired ผู้อื่นได้อย่างสม่ำเสมอนะคะ ^^
ยินดีมากๆ คะ ^^
ข้อมูลของอาจารย์ ทุก blog ทุก page นั่น สามารถ inspired ผู้อื่นได้อย่างสม่ำเสมอนะคะ ^^
กิจกรรม น่าสนใจทั้งนั้นเลย
หากสนใจอยากเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
ต้องทำอย่างไรบ้างคะ
ต้องเป็นสมาชิคก่อนหรือไม่
และจะทราบข่าวกิจกรรมได้ทางไหนบ้าง
รบกวนด้วยนะคะ สนใจมากๆ
สวัสดีคะ คุณ Jutamas
ท่านที่สนใจเข้าร่วมเชิญเลยนะครับ ด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เป็นการทำสิ่งดีเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับตนเองด้วย ลองมาเรียนรู้วิธีอยู่กับตนเองและความเปล่าว่างด้วยวิถีแห่งสติ เสร็จแล้วก็ได้แนวการภาวนาซึ่งเป็นคำเดียวกันกับที่เรียกกันว่าพัฒนา บ่มเพาะประสบการณ์ทางจิตวิญญาณที่ทำให้กับตนเองเล็กๆนี้ ให้มันงอกงามเติบโตขึ้นไปกับภาวะตัวตนของเรา เพื่อนำไปใช้ดำเนินชีวิตและเป็นพลังทำการงาน
ให้ได้ทั้งความสำเร็จจริง ได้ความดี และซาบซึ้งอิ่มเอิบกับความงามจากภายใน มีความสามารถที่จะมีความสุขและอาจพ้นไปจากติดดีติดสุข ที่ดีและมั่นคงยั่งยืนในตนเองกว่าอย่างอื่น จากความว่าง
ขอบคุณคุณ nattapach ที่กรุณานำมาเผยแพร่นะครับ งานนี้เบื้องหลังการถ่ายทำมีคนทุ่มเทด้วยจิตสาธารณะหลายคน ทั้งคนมหิดล ชุมชน และเครือข่ายศิษยานุศิษย์หลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ รวมทั้งหน่วยงานสุขภาพ องค์กรท้องถิ่น และหน่วยงานราชการในพื้นที อำเภอพุทธมณฑล มีคนสนใจมาร่วม ก็คงจะได้กำลังใจที่ความเหน็ดเหนื่อยและตั้งใจ ได้แบ่งปันและเผยแผ่ไปสู่ผู้คนให้ได้ประโยชน์สุขร่วมกัน
ปัจเจกจะกินและอยู่กันตนเองแบบเอกเทศไม่ได้ ต้องคำนึงถึงผู้อื่นแทบจะทุกคำข้าว หรือบางทีก็อาจจะเกิดกระบวนการทางสังคม ขัดเกลาหล่อหลอมกันให้เจริญเติบโต นับว่าเป็นวิถีวัฒนธรรมสุขภาพแบบองค์รวมด้วย ที่บูรณาการทั้งกระบวนการสร้างพลเมืองให้มีสำนึกและจิตสาธารณะ สร้างสุขภาวะในระดับกลุ่มก้อน และเป็นกลไกที่ไม่เป็นทางการ ในการสื่อสารและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อจัดการชีวิตส่วนรวมด้วยกันของชุมชนระดับต่างๆ.
มาเยี่ยมอาจารย์ครับ
อยากเข้าไปเป็นสมาชิกด้วยครับ
สวัสดีครับอาจารย์ณัฐพัชร์ : เป็นรอบ ๑ ปีพอดีเลยนะครับ เป็นวิธีเก็บบันทึกข้อมูลเป็นรอบปีและเปรียบเทียบให้เห็นพัฒนาการได้ดีมากเลยครับ
สวัสดีครับหนานเกียรติ : ดีเหมือนกันนะครับ ก่อนกลับไปอยู่ต่างจังหวัดก็น่าจะได้มีโอกาสทำบทเรียนเรื่องดีๆด้วยกันไว้เป็นประสบการณ์และเป็นเครือข่ายวิชาการในแนวนี้ด้วยกันกับคนพุทธมณฑลในอนาคตได้นะครับ
คิดถึงพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และกัลยาณมิตรทุกคน คิดถึงข้าวห่อใบบัว คิดถึงความทรงจำดีๆร่วมกัน คิดถึงชีวเกษม......