วันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๔๘ สคส. มีการประชุม Weekly โดยวาระหนึ่งของการประชุมครั้งนี้ คือ การ AAR ประชุมวิชาการการจัดการความรู้ ครั้งที่ ๑๗ เรื่อง การจัดการความรู้ในวงราชการไทย : ประสบการณ์แห่งความสำเร็จ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๘ ณ โรงแรมเอเชีย โดยทุกคนเห็นว่า เป็นการจัดประชุมวิชาการที่ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก (๑๐๐ คน) กรณีศึกษาที่เชิญมาแลกเปลี่ยนทั้ง ๖ กรณี ก็เป็นกรณีที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากเวลาค่อนข้างจำกัด ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมไม่มีโอกาสที่จะซักถามวิทยากรจากกรณีศึกษาทั้ง ๖ กรณีได้ แต่ในตอนท้ายได้มีการเปิดช่วง AAR เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้พูดแสดงความรู้สึก ความคิดเห็น ความคาดหวังต่อการประชุมครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ของการประชุมวิชาการด้านการจัดการความรู้ของ สคส. เช่นเดียวกัน
แต่สำหรับไฮไลต์ของบันทึกฉบับนี้ จะเน้นการบอกเล่าถึงบทเรียนการสกัดขุมความรู้ของทีมคุณลิขิตจาก สคส. มากกว่า ซึ่งทีมสกัดความรู้มี ๒ ทีมๆ ละ ๒ คน ผลัดกันทำหน้าที่ (เพราะจะได้มีเวลาปรับแต่ง, ถอด, ดึงขุมความรู้ของแต่ละกรณีศึกษาที่รับผิดชอบได้) โดยภารกิจหลักของทีมคุณลิขิต คือ การบันทึกเรื่องเล่า และถอดหรือดึงขุมความรู้จากเรื่องเล่าออกมา โดยมีการวางแผนว่าจะต้องดึงขุมความรู้จากเรื่องเล่าของแต่ละกรณีศึกษา ๒ ชั้น คือ ชั้นแรกเป็นขุมความรู้ที่ทำให้งานชิ้นนั้นๆ ประสบความสำเร็จ และชั้นที่สองเป็นขุมความรู้ที่ทำให้องค์กรประสบความสำเร็จ (โดยให้แต่ละคู่ไปวางแผนออกแบบการทำงานในรายะเอียดกันเอาเอง)
โดยทีมคุณลิขิตทั้ง ๒ ทีม เปิดใจว่า การปฏิบัติจริงๆ ตามแผนหรือโจทย์ที่วางไว้ค่อนข้างจะทำได้ยาก เนื่องจากวิทยากรจะเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ และขุมความรู้ทั้ง ๒ ส่วนก็ผสมปนเปคละเคล้ากันไปในเรื่องเล่านั้นๆ แต่ทีมสกัดขุมความรู้แต่ละคู่ก็จะมีวิธีแก้ปัญหาและสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามความถนัดและเหมาะสมกับแต่ละคู่ แต่ส่วนที่คล้ายๆ กัน คือ ใช้วิธีการแบ่งหน้าที่ในทีม คือ คนหนึ่งพิมพ์บันทึกเรื่องเล่าอย่างเดียว ยังไม่ต้องใส่ใจในประเด็นขุมความรู้ ส่วนอีกคนก็จะฟังและจับประเด็นต่างๆ ออกมาก่อน เมื่อจบการนำเสนอของแต่ละกรณีศึกษาที่รับผิดชอบ ก็จะมาพูดคุย,แลกเปลี่ยน, ถอดและเชื่อมโยงประเด็นขุมความรู้ร่วมกัน รวมทั้งแยกขุมความรู้เป็น ๒ ส่วนดังกล่าวในภายหลัง ซึ่ง อ.วิจารณ์ ได้ให้ข้อเสนอแนะว่า การทำงานเช่นนี้ เป็นการฝึกทักษะการทำงานในเวลาที่จำกัด และทักษะการจับประเด็น ซึ่งจุดใหญ่ของการจับประเด็น คือ ต้องจับประเด็นให้ได้แบบไม่ตกหล่น และต้องจับคู่เชื่อมโยงแต่ละประเด็นให้ดี
นอกจากนั้น ที่ประชุม ยังได้เสนอว่า การจะจัดประชุมแบบนี้ ในครั้งต่อๆ ไป ควรจะลดจำนวนกรณีศึกษาลง และจัดให้มีช่วงเวลาในการแลกเปลี่ยนเพิ่มมากขึ้น และหากนำเสนอจบแต่ละกรณีศึกษา ก็ควรจะมีการนำเสนอขุมความรู้และการซักถามในแต่ละกรณีศึกษาไปเลย ส่วนการ AAR ในการประชุมไม่จำเป็นต้อง AAR ทุกคน
(ส่วนความรู้สึกของคุณลิขิตและเบื้องหลังจากเตรียมงาน สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก Link ความรู้สึกคุณลิขิต และ Link เบื้องหลังจากเตรียมงาน )
ซึ่งสิ่งสำคัญที่พวกเรา สคส. ได้เรียนรู้จากการจัดกิจกรรมประชุมวิชาการด้านการจัดการความรู้ในครั้งนี้คือ การได้ที่เราได้เรียนรู้และฝึกทักษะการฟังและการจับประเด็นท่ามกลางสถานการณ์และเวลาที่บีบคั้น เหมือนกับได้ฝึกซ้อมออกศึกในสมรภูมิรบจริงอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียวค่ะ
เห็นไหมค่ะว่า สคส. ได้บทเรียนจากการจัดกิจกรรมการจัดการความรู้ทุกครั้งไป ซึ่งบทเรียนในแต่ละครั้งก็จะใช้ในการพัฒนาการจัดกิจกรรมหรือการดำเนินการจัดการความรู้ครั้งต่อๆ ไปได้เป็นอย่างดี
ใครมีประสบการณ์หรือบทเรียนดีๆ ในการจัดกิจกรรมด้านการจัดการความรู้ บันทึกหรือเล่าเรื่องเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนกันบ้างก็จะดีไม่น้อยค่ะ