๗.เล่นอย่างไร...กับวินัยเชิงบวก


การลงโทษทางกายเจ็บง่ายนัก แต่ที่หนักทางใจเจ็บยิ่งกว่า ต่อแต่นี้ไปครูจะพัฒนา เพื่อเชิดชูคุณค่าให้หนูเป็นเด็กดี

การสร้างวินัยเชิงบวก เป็นการดูแลช่วยเหลือเด็กที่มีความแตกต่างกันทางด้านปัจจัยพันธุกรรม สภาพแวดล้อมในชีวิต ความต้องการด้านจิตใจเฉพาะตัว  โดยการอดทนต่อความกดดัน ไม่รวบรัดในการแก้ปัญหาหรือการลงโทษอย่างรุนแรง เพื่อพยายามหยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ของเด็ก  ประกอบกับการจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ที่ดี ให้นักเรียนมีส่วนร่วมและยอมรับฟังความคิดเห็นหรือข้อต่อรองของเด็กอย่างมีเหตุผล

       "ในเวลาที่เรามุ่งสอนแต่วิชาความรู้ เรากลับสูญเสียการสอนอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาความต้องการของมนุษย์  นั่นก็คือการสอนให้มีวินัยในตนเอง  มีความมุ่งมั่น อดทน และความไวต่อการรับรู้ความต้องการของผู้อื่น  ซึ่งการสอนเช่นนี้ เพียงมีผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและมีความรักความเมตตาคอยอยู่ใกล้ชิดเท่านั้นก็ทำได้แล้ว.." (อิลิค ฟรอมม์ จากหนังสือ The Art Of Loving หรือศิลปะแห่งการรัก)

น้องแป๋มกับความเปลี่ยนแปลง

          เช้าวันหนึ่งของสัปดาห์แรกเดือนมิถุนายน 2551  ครูที่ปรึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มาหารือว่ามีผู้ปกครองมาขอพบผู้อำนวยการเพื่อจะขออนุญาตลานักเรียนออกเพื่อไปแต่งงาน  ในฐานะครูแนะแนวต้องรับทราบและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา  ยังไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี  บังเอิญเป็นชั่วโมงว่าง  และน้องแป๋มเดินผ่านหน้าชั้นเรียนพอดี หยุดไหว้และทักทายด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม

         ตั้งแต่เปิดเรียนปีการศึกษานี้ น้องแป๋มได้เปลี่ยนแปลงจากเด็กที่ค่อนข้างไม่ใส่ใจตัวเองมากนัก  กลับมาใส่ใจตังเองมากขึ้น ในเรื่องของการแต่งตัว  เสื้อผ้าจะมีรอยรีดเรียบ  กระโปรงมีกลีบเป็นสันตรง  มีกิ๊บติดผมสวยงาม  แอบผัดหน้า หวีผมบ่อย ๆ แถมด้วยทาปากบาง ๆ  รักสวยรักงามมากขึ้นกว่าเดิมที่ค่อนข้าจะเรียบง่ายธรรมดา  ถ้าจะพิจารณารวมไปถึงรูปร่าง หน้าตาแล้วน้องแป๋มไม่น่าจะมีปัญหาด้านความสนใจเพื่อนต่างเพศ

        เมื่อได้คุยกับน้องแป๋ม  ทำให้ทราบว่าการที่น้องแป๋มจะแต่งงานนั้น เป็นความประสงค์ของพ่อแม่มากกว่า ที่ฝ่ายชายมาสู่ขอด้วยสินสอดจำนวนตัวเองเพียง 4 หลัก ส่วนตัวน้องแป๋มไม่เต็มใจเพราะเมื่อสู่ขอแล้วต้องไปทำหน้าที่ภรรยา  โดยฝ่ายชายให้ออกจากโรงเรียนทันที  ต้องไปอยู่กับครอบครัวฝ่ายชาย ซึ่งพ่อ แม่ก็มีความยินดียกน้องแป๋มให้  อีกอย่างหนึ่งน้องแป๋มอายเพื่อน ๆ และอยากจะเรียนต่อให้จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3  ผู้ชายที่จะมาสู่ขอน้องแป๋มอายุ 33 ปี มากกว่าน้องแป๋มถึง 18  ปีน้องแป๋มยังไม่ทราบรายละเอียดกับฝ่ายชายว่าทำงานอะไร มีอาชีพทำอะไรเป็นที่แน่นอน  เรียนจบชั้นไหนนั้นก็ยังไม่ทราบ  ทราบเพียงแต่มีพื้นเพอยู่คนละอำเภอ  และได้รู้จักกันมาเพียงเดือนกว่า ๆ

         สภาพแวดล้อมของครอบครัวที่น้องแป๋มอยู่ จะมีบ้านเรือนไม่กี่ครอบครัว ปลูกอยู่กันในไร่เป็นกลุ่มเล้ก ๆ  เด็ก ๆ ส่วนใหญ่เรียนไม่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น  และนิยมมีครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่มีตัวอย่างที่ดีให้เห็น ส่วนพ่อแม่ยากจนมีอาชีพไม่เป็นหลักแหล่ง หาเช้ากินค่ำ ใช้แรงงาน  ดื่มสุรา เล่นการพนัน  เมื่อลูกพร้อมที่จะมีครอบครัว เห็นว่าหมดภาระหน้าที่ในการเลี้ยงดู

        ขั้นแรกให้น้องแป๋มเล่าเรื่องของตัวเองไปเรื่อย ๆ และพยายามสอบถามถึงคนที่อยู่รอบข้างน้องแป๋มเช่นน้องดา น้องอิง น้องได  น้องอ้วน น้องผอม น้องจอย  ที่แต่งงานเมื่ออายุยังน้อยว่าพวกเขาเป็นอย่างไร มีความสุขสบายดีกันไหม โดยไม่ให้น้องแป๋มรู้ตัวว่าเรานึกตำหนิเด็กที่กล่าวถึง  น้องแป๋มได้แสดงความคิดเห็นว่าทุกคนยังไม่สมควรที่จะมีครอบครัวกันนัก เพราะต้องทำงานลำบาก ถูกสามีทอดทิ้งไปมีแฟนใหม่บ้าง  หึงหวงบ้าง ต้องทำงานหนักบ้าง และแต่ละคนต้องการที่จะกลับมาเรียนหนังสือ  บางรายอยากจะไปเรียนต่อการศึกษานอกโรงเรียนก็ไปไม่ได้  สามีหรือทางครอบครัวของสามีไม่เห็นด้วย เพราะต้องช่วยเป็นแรงงาน

        ขั้นที่สองให้น้องแป๋มวิเคราะห์คนที่อยู่ร่วมกันมักจะขัดแย้ง ทะเลาะเบาะแว้งกันเรื่องใดบ้าง  น้องแป๋มคิดว่าอาจเป็นเพราะนิสัยต่างกัน  คิดเห็นไม่ตรงกัน  ไม่ศึกษานิสัยใจคอของกันและกันและในที่สุดน้องแป๋มก็เห็นด้วยกับการที่คนมีวัยแตกต่างกันมักจะคิดเห็นต่างกัน

       ขั้นที่สามเกี่ยวกับทรงผมที่ซอยและย้อมสี  ได้กล่าวชื่นชมว่าผมน้องของน้องแป๋มสวยเป็นเงา  น่าจะจัดทรงที่ต้องตัดให้ตรงจะดูดีกว่าเยอะเลย  และผิวพรรณของน้องแป๋มเหมาะสมกับผมสีธรรมชาติที่สุดเลย  ไม่ว่าจะเป็นริมขอบปาก  ผิวหน้าเป็นธรรมชาติอ่อนวัยมาก ๆ  ถ้าบังเอิญใช้เครื่องสำอางที่มีสารอื่น ๆ ผสมอาจทำให้หน้าเสียและอาจแก่เกินวัยได้  ตอนท้ายไม่ลืมกล่าวคำว่า "ไม่เป็นไรเพียงแค่ชี้แนะ  อยากเห็นน้องแป๋มสวยถูกใจ  น้องแป๋มชอบแบบไหนก็ย่อมทำได้ตามอิสระ คนเราชอบไม่เหมือนกัน" โรงเรียนได้คัดเลือกนักเรียนไปฝึกความสามารถทางวิชาการและศิลปหัตกรรม  อยากจะให้น้องแป๋มไปฝึกเย็บกระทงหรืองานดอกไม้ใบตอง เพราะสังเกตเห็นว่าเป็นคนมีฝีมือ เรียบร้อย แต่ติดตรงที่ทรงผมของน้องแป๋มไม่เหมือนนักเรียนทั่วไป  

         วันเวลาผ่านไปเพียง 1 สัปดาห์มีคุณครูหลายท่านบอกว่าน้องแป๋มตัดผมทรงนักเรียนแล้ว สวยน่ารักมาก หน้าตาเป็นปกติไร้แป้งและเครื่องสำอางอื่น ๆ เมื่อพบกับน้องแป๋มจึงกล่าวชื่นชมด้วยความจริงใจ และขอความคิดเห็นจากเพื่อน ๆ ว่าน้องแป๋มน่าจะทำทรงผมเช่นนี้มานานแล้ว  และได้นำน้องแป๋มไปฝึกซ้อมการประดิษฐ์งานใบตอง  ไปแข่งขันที่ศูนย์ ฯ ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของศูนย์ไปประกวดที่เขตพื้นที่ต่อไป 

        เมื่อมีเวลาว่างน้องแป๋มจะพยายามหารูปภาพและศึกษาเกี่ยวกับงานใบตองหลากหลายรูปแบบ  และหันมาสนใจกับงานประดิษฐ์จากใบตองมากขึ้น

คำสำคัญ (Tags): #วินัยเชิงบวก
หมายเลขบันทึก: 210202เขียนเมื่อ 20 กันยายน 2008 12:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 มิถุนายน 2012 19:02 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (19)

สวัสดีค่ะ ครูคิม

  • ครูอ้อย  มาอ่าน และเก็บความรู้ไปแล้วนะคะ
  • น่าสนใจมากเลยค่ะ  การเสริมวินัยให้กับนักเรียน
  • แล้วครูอ้อยจะแวะมาอ่านอีกนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณครูอ้อย

มาก่อนได้คุยก่อน...ตามหาข้อมูลจิตสาธารณะในห้องอาหารของครูอ้อยไม่พบค่ะ  ติดใจมาก ๆ เพราะได้นำไปเป็นนวัตกรรมด้วยนะคะ

  • สวัสดีค่ะ คุณครูคิม
  • ในความจริงแล้ว เราอยากได้นักเรียนที่มีความเป็นคนด้วยนะคะ ไม่ได้มุ่งที่จะให้มีความรู้เพื่อสอบได้อย่างเดียว
  • ขอบคุณค่ะ

ขอขอบคุณค่ะ pa daeng

ตรงใจจริง ๆ ค่ะ ครูคิมสอนเด็กที่โรงเรียนบ้านนอก

สอนไปทุกเรื่องยกเว้น "สอนหนังสือ"

อย่างน้อยต้องช่วยกันสร้างความตระหนักไปเรื่อย ๆ ว่า

"ครูไม่ต้องการคำตอบแต่ครูต้องการให้หนูปฏิบัติให้ได้และเป็นนิสัย"

 

สวัสดีค่ะ เป็นการวิเคราะห์ผู้เรียนอย่างเป็นระบบด้วยค่ะเพื่อเสริมสร้างวินัยให้กับผู้เรียนอย่างเรียนรู้ด้วยตนเองค่ะ

มาเยี่ยมเยียนครับผม ดีใจที่ได้รับรู้เรื่องราวดีๆเพื่อเสริมสร้างวินัยให้กับนักเรียนครับ

แต่อีกเรื่องที่โดนใจ คือ การติดตามผลของนักเรียนที่มีปัญหาอย่างน้องแป๋มว่า จะต้อง

แต่งงานตามความต้องการของผู้ปกครองหรือเปล่า เพราะสงสารที่เด็กอยากเรียนต่อ และ

มีความสนใจรวมถึงความสามารถทางด้านประดิษฐ์ อยากให้กำลังใจน้องแป๋มผ่านทาง

ครูคิม ว่า ขอให้น้องมีชีวิตที่ดีที่น้องต้องการด้วยนะครับ

อยากติดตามความเคลื่อนไหวของน้องแป๋มต่อไปนะครับ ครูคิมช่วยนำมาบันทึกให้ทราบเป็นระยะด้วยนะครับ

ขอบคุณครูคิมมากๆครับ

ครูต่อ

ขอขอบคุณอาจารย์สุนันทาค่ะ

ถ้าครูปล่อยเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้เป็นหน้าที่ของผู้ปกครองแล้ว

ผลที่เด็กได้รับมันไม่สมควรที่จะได้รับ

ขอขอบคุณค่ะคุณสุรชัย ฯ

ตอนนี้พฤติกรรมของน้องแป๋มเปลี่ยนไปในทางบวกมากขึ้น

เดิมจากเด็ก..ข้ามรุ่นขึ้นมาเป็นรุ่นสาว 

เมื่อได้รับการอบรม  ให้ข้อคิด...กลับรุ่นลงไปเป็นวัยรุ่นบ้างลดกิริยาลง

ปัจจุบันลดลงเป็นวัยเด็ก (เรียน)  ทรงผมเป็นนักเรียน ไม่ซอย ไม่ทำสี ไม่ทาปาก ทาเล็บ

แต่การเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นจาก ม.3 นั้นคงไม่ได้เรียน  เพราะเป็นเด็กเรียนช้า  ครอบครัวยากจน  แต่อย่างน้อยก็อยากให้น้องแป๋มรู้คิดก่อนการตัดสินใจ

สวัสดีครับ มาเยี่ยมมาเยือนหลังจากหายหน้าหายตาไปหลายต่อหลายวัน มาอ่านเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงนักเรียนของตัวเองที่ทุกวันนี้ไปเรียนที่อื่นแล้ว ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมเช่นกันนะครับในเรื่องนี้ ถ้าสิ่งแวดล้อมดีเด็กก็จะดีด้วย ถ้าไม่ดีก็มีแต่เสียครับ

                 ขอคารวะด้วยความจริงใจสำหรับวินัยเชิงบวกครับ

"คนพลัดถิ่น"

ขอขอบคุณที่มาให้กำลังใจ

ขอให้มีความสุขในวันหยุดนะคะ

มีเยอะค่ะ..มากมายหลายเรื่อง จะทยอยส่งค่ะ

ขอขอบคุณท่านรอง small man ค่ะ

การแก้ปัญหาทางการเรียนนั้น  ทำกันมาจนสุดฤทธิ์ สุดเดข  จะเห็นจากผลงานทางวิชาการ มากมายก่ายกอง แต่เด็กก็เท่านั้นนะคะ

สู้มาเล่นวินัยเชิงบวก  และหาวิธีการให้นักเรียนรู้จักตัวเองดีกว่า ผลงานทางวิชาการอาจจะไม่เกิด..แต่...ก็พอใจที่ผลดีเกิดกับเด็กค่ะ

หนูเคยอ่านรายงานวิจัยทางบวกของครูคิมมากมาย

จากหน้าเว็ปไซท์  น่าจะนำมาเสนอนะคะ

เพราะเป็นเรื่องที่พัฒนาได้เห็นเป็นประจักษ์ด้านรูปธรรม

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ  พักผ่อนบ้างค่ะ  เป็นห่วงนะคะ

นี่แหล่ะคุณครูที่แท้จริง

ขอขอบคุณ..คนโรงงานเป็นอย่างสูง

ที่ได้ติดตามกิจกรรมของครูคิม

เป็นกำลังอย่างยิ่งค่ะ  จะพยายามทำงานเพื่อประโยชน์ของเด็กอย่างที่สุด

มีข้อเสนออะไรก็บอกได้นะคะ  ยินดีรับฟังค่ะ

 

***ได้แนวคิด...ขอบคุณค่ะ..ที่เขียนเรื่องดีๆให้อ่าน

สวัสดีค่ะคุณกิติยา ฯ

ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ  ขอขอบคุณที่กรุณามาเยี่ยม เป็นกำลังใจอย่างดียิ่ง

และยินดีรับฟังความคิดเห็นค่ะ

สวัสดีค่ะ  พี่ครูคิม ที่สุดแสนจะใจดีจ้า

เอ่อ...แวะเวียนมา  ด้วยว่า..... 
ตัวเอกของเรื่องมีชื่อเหมือนกัน
ก็ "น้องแป๋ม" ไงคะ ......
อยากทราบข่าวว่า "น้องแป๋ม" เป็นอย่างไรบ้างเอ่ย

พี่"น้องแป๋ม" อยากรู้ข่าวน้องน่ะจ๊ะ 

สวัสดีครับครู คิม

ครุได้ติดตาม ความเป็นอยู่ของน้องแป๋มอย่หรือเปล่า ถ้าเป็นกรุงเทพไม่น่าห่วง แต่ถ้าเด็กต่างจังหวัด ชายกับหญิงอายุห่างกันมาก แล้วยิ่งไม่รู้พื้นเพเลย ยิ่งลำบาก

หรือผมอาจคิดมากไปเอง

ครูช่วยติดตามแล้วมาเล่าต่อด้วยนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท