ครั้งหนึ่งมีรายการโทรทัศน์ชื่อ "เหตุเกิดที่ ส.น." เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับครูก็คือ.. เหตุเกิดที่ห้องเรียน....เป็นเรื่องปกติที่ครูทุกคนต้องพบ ไม่อยากให้เกิดก็ต้องเกิดจนได้ วันละอย่างน้อย 1 เรื่อง ไม่มีวันใดที่ไม่เกิดเหตุ เว้นแต่เหตุนั้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ไม่มีครูท่านใดที่จะมองข้ามให้ผ่านไป เพียงแต่อาจนึกท้อแท้บ้าง เป็นคราว ๆ ไป แต่ต้องทนฝืนลุกขึ้นมาสู้กันใหม่ จนแล้วจนรอด รุ่นแล้วรุ่นรอด
เด็กจ้อย ไม่ได้จ้อสมชื่อตัวโตสูงใหญ่ หน้าตาอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ เป็นลูกชายคนเล็กมีพี่สาว 2 คน เมื่อวัยเด็กจ้อยสุขภาพไม่แข็งแรง ประกอบกับพ่อแม่อยากได้ลูกชาย จึงเอาใจประคบประหงม อยากได้อะไรเป็นต้องได้ พ่อทำงานในโรงเรียนและแม่ของจ้อยก็ขายอาหารในโรงเรียนด้วย
วันนั้นจำได้ดีว่าเป็นวันพฤหัสบดี เพราะจ้อยแต่ลูกเสือ และเป็นชั่วโมงที่ 3 ของวัน จ้อยไม่ทำการบ้าน หนังสือเรียนไม่มี นั่งอยู่กับเพื่อ 3 คนหลังห้องแถวสุดท้าย นั่งเคาะโต๊ะทำท่าร้องเพลงเบา ๆ เมื่ออธิบายอะไรจ้อยก็ไม่อยากสนใจฟัง เพื่อน ๆ 2 คนทำท่าสะกิดจ้อยก็ดูเหมือนจงใจจะยั่วยวนกวนอารมณ์มากขึ้น ที่ผ่านมาในชั่วโมงอื่น ๆ จ้อยก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ครูคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถว่ากล่าวหรือแตะต้องจ้อยได้เลย พ่อแม่ก็เอือมระอาและสารภาพว่าเลี้ยงดูกันมาผิด ๆ
เมื่อถึงเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน ได้สั่งให้นักเรียนคนอื่น ๆ ไปพักได้แต่จ้อยกับเพื่อนอีก 2 คนรอก่อน ยังไม่อนุญาต ถ้าต้องการไปพักต้องอธิบายเหตุผลให้ทราบก่อนว่า ได้แสดงพฤติกรรมอย่างไรบ้าง เหมาะสมหรือไม่ ต้องการอะไร ทำเพื่ออะไรกัน ครูทำอะไรให้ผิดใจบ้างให้บอก แต่..นิ่งเงียบทั้ง 3 คน ส่วนโจ้กลับเพิ่มอาการก้าวร้าว แสดงสีหน้าท่าทางไม่พอใจมากขึ้น ทำท่าไม่กลัวคำสั่งห้ามจะลุกขึ้นยืน แต่เรารีบออกคำสั่งว่า ยังไม่อนุญาต จ้อยนั่งลงโครมครามทุบโต๊ะเสียงดัง สักครูเพื่อน 2 คนออกมาบอกว่า พวกเขาได้ทำการบ้านแต่ไม่เสร็จขอทำส่งในตอนเย็นวันนี้ได้ไหม และขอปฏิเสธว่าไม่ได้ทำอะไรเหมือนที่ครูเข้าใจ เพียงแต่เตือนจ้อยเท่านั้น จึงได้อนุญาตให้ 2 คนไปพักได้ คราวนี้จ้อยกลับนิ่งเงียบเพราะเพื่อน ๆ ออกไปแล้ว เราไม่สนใจปล่อยให้จ้อยนั่งอยู่คนเดียว
ประมาณ 10 นาทีจ้อยคงอีดอัด ลุกขึ้นผลักเก้าอี้ชนโต๊ะโครมคราม เมื่อเรามองไปจ้อยได้โยนกระเป๋าหนังสือและหมวกลูกเสือลงบนพื้น เรายิ่งไม่สนใจ บังเอิญมีบุหรี่กระเด็นออกจากกระเป๋า 3 มวน และอีกส่วนหนึ่งกระเด็นมาใกล้ ๆ เท้าเราด้วย 2 มวน จ้อยรู้ว่าเราเห็นทั้งหมด เที่ยวนี้จ้อยยิ่งคลั่งหนักขึ้น เดินมือล้วงกระเป๋ากางเกงวนไปมารอบ ๆ ห้องเรียน เก็บสิ่งของเข้ากระเป๋า แต่ไม่กล้ามาหยิบบุหรี่อีก 2 มวน เราก็ไม่มีวิธีการใด ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกับจ้อยดี จึงเดินออกจากห้องเรียนไป ปล่อยให้จ้อยอยู่คนเดียว
เหตุการณ์วันนั้นผ่านไป.......จ้อยจะพยายามหลีกเลี่ยงที่จะพบหน้าเรา เข้าห้องเรียนบ้าง ไม่เข้าห้องเรียนบ้าง และเราก็ไม่สนใจในพฤติกรรมของจ้อยออกนอกหน้า เพียงแต่แอบสังเกตดูเงียบ ๆ จ้อยทำท่าเอางานขึ้นมาทำ เงียบขรึม พูดน้อยลง ภายหลังทราบว่าพ่อ แม่ได้อบรมไม่ให้จ้อยทำเช่นนั้นอีก และแล้วเหตุก็เกิดจนได้
ณ เวลาเดียวกัน วันเดียวกัน แต่ต่างที่วันที่ เดือนเท่านั้น จนเป็นที่สังเกตของนักเรียนกลุ่มหนึ่งว่า "จ้อยอาจไม่ได้ทานข้าวเช้า พอถึงชั่วโมงที่ 3 ทำให้ไม่มีสมาธิและหงุดหงิดได้" แต่กับครูท่านอื่น ๆ จ้อยก็ไม่ได้มีอะไรประทับใจ มีพฤติกรรมก้าวร้าวจนเป็นนิสัย พ่อ แม่เพียงแต่ขอเวลาภาวนาให้จ้อยแค่จบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นก็พอใจแล้ว เหตุที่เกิดคราวนี้ก็คือ จ้อยบอกคะแนนแต่เราฟังไม่ถนัดได้ถามย้ำ จ้อยจึงโมโหและไม่พอใจมาก ๆ จ้อยตอบว่าได้คะแนน 24 เราถามย้ำว่า 14 หรือ 24 เพียงแค่นี้...จ้อยลุกจากโต๊ะ ปาหมวกลูกเสือลงกับพื้นแล้วทำท่าจะออกไปนอกห้องเรียน เราจึงเดินไปหาจ้อยแล้วตีผั๊วะไป 1 ที (เสียใจกับการกระทำของตัวเองมาก ที่มีความตั้งใจว่าจะไม่เฆี่ยนตีนักเรียน)แล้วตั้งใจอธิบายให้นักเรียนทั้งห้องฟังว่า "นี่เป็นการแสดงพฤติกรรมที่ไม่สมควรของครูเป็นครั้งแรก และตั้งแต่เป็นครูมาไม่เคยลงโทษ เฆี่ยนตีเด็กแม้แต่คนเดียว" แต่จ้อยก็วิ่งหุนหันออกไปทันที หนีกลับบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาตจากใคร
ในตอนบ่าย พ่อของจ้อยได้นำจ้อยมาขอโทษ และพ่อก็จำเป็นต้องขอโทษแทนจ้อยอีกแล้ว ทำเช่นเดียวกับคุณครูท่านอื่น ๆ แต่เราได้บอกจ้อยและพ่อว่า คนที่จะขอโทษน่าจะเป็นจ้อย ไม่ใช่พ่อของจ้อย เพราะพ่อไม่ได้ทำผิดอะไร" พร้อมกันก็ให้จ้อยแสดงความคิดเห็นอธิบายเหตุผลว่าทำไปเพราะอะไร ทำไมจึงทำเช่นนั้น จ้อยบอกว่าลืมตัวต่อไปจะไม่ทำอีกและจะตั้งใจเรียน
หลังจากนั้นเราพยายามสนทนาและเป็นกันเองกับจ้อยมากขึ้น โดยการใช้ให้ช่วยงาน ซื้อของบ้าง แต่พฤติกรรมกับครูท่านอื่น ๆ จ้อยยังหนักกว่าเดิม ถูกตีถูกลงโทษเป็นประจำ จนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จ้อยก็ไม่ได้แสดงอาการแบบเดิมให้เห็นและจ้อยได้มาปรึกษาเรื่องเรียนต่อ เพราะเราทำหน้าที่ครูแนะแนวด้วย เมื่อทุกคนเห็นชอบผู้ปกครองเห็นดีเราได้พานักเรียนชาย 5 คน นักเรียนหญิง 3 คน ไปเรียนที่วิทยาลัย...ด้านอาชีพและค่าใช้จ่ายน้อย บางโปรแกรมเรียนฟรี เวลาผ่านไปจาก 1 ปีเป็น 2 - 3 ปีจ้อยและเพื่อน ๆ กลับมาเยี่ยมที่โรงเรียน มาช่วยเมื่อโรงเรียนมีงาน จ้อยแต่งชุด ร.ด.มาอวดว่าเท่ห์ประทับใจครูบ้างไหม เราได้ติดตามข่าวจากพ่อแม่ของจ้อย ทีแรกก็ไม่มั่นใจว่าจ้อยจะเรียนไปได้ เมื่อจบชั้น ปวช. จ้อยทำให้ภูมิใจมาก จ้อยเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและหาเงินเองเรียนต่อชั้น ปวส.
เมื่อเดือนสิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา ได้สังเกตว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ของเด็กหนุ่มนั่งซ้อนท้ายกัน 2 คนขับวนเวียนผ่านไป ผ่านมา และจอดถามคนข้างบ้าน ทำให้เราจำเสียงจ้อยได้ รีบวิ่งออกไปดูเชิญจ้อยขึ้นบนบ้าน ภาพข้างหน้าจ้อยไม่ยอมนั่งโซฟา แต่นั่งพับเพียบด้านหน้าเรา บอกว่า "คุณครูครับวันนี้จ้อยมากราบเท้าคุณครูครับผม.."และเพื่อนอีกคนชื่อเจนก็ทำเช่นเดียวกัน ทราบว่าจ้อยอยากจะมาครูนานแล้ว แต่ไม่มีเวลา วันนี้ก็ได้นำข่าวดีมาบอกว่าจ้อยมีงานทำที่บริษัทรถยนต์...แห่งหนึ่ง และเรียนปริญญาตรีในวันเสาร์ อาทิตย์ด้วย คุยได้นานเกือบชั่วโมงก่อนกลับบ้านจ้อยกับเพื่อนลงไปเอาช่อกุหลาบสีขาวมาฝากคนละช่อ
ความประทับใจ ที่ทำให้จ้อยรู้สึกและเล่าให้ฟังว่า "ครูมีความดีที่ประทับใจจ้อย" ก็คือไม่ริบบุหรี่ของจ้อย และไม่นำเรื่องจ้อยสูบบุหรี ไปบอกครูฝ่ายปกครอง หรือไปเล่าให้พ่อแม่ของจ้อยฟัง เรื่องราวต่าง ๆ ที่จ้อยก่อเหตุขึ้นครูไม่เคยกล่าวย้ำ ไม่เคยนำไปฟ้องพ่อแม่" และเมื่อจ้อยไปทำงานมีใคร ๆ ก็ชมว่าจ้อยไหว้สวย เพราะครูเป็นคนแรกที่ฝึกให้จ้อยไหว้สวย และสิ่งที่ครูอบรมทำให้จ้อยเจอทุกอย่างทั้งดีและไม่ดี ทำให้จ้อยนึกถึงที่ครูอบรมไว้
สวัสดีค่ะ ครูเป็น "ผู้ให้โอกาสค่ะ" ลูกศิษย์เสมอ
ขอบคุณค่ะ
คนที่มีความสุขมากที่สุดนอกจากครูก็คือพ่อ แม่ของจ้อยค่ะ
คือ..ครั้งหนึ่งพ่อแม่ของจ้อยได้หมดความหวังกับจ้อยแล้วนะคะ
แวะมาทักและให้ครูคิมอะครับ
ขอขอบคุณท่าน ผอ.มากค่ะ
ดีใจที่ไม่ทอดทิ้งกัน อ้อ..แฟน ( บ ล็ อ ค) ค่ะ
ความจริงครูคิมก็อาจไม่ทราบว่าตัวเราเป็นครูแบบไหน ประเภทไหน เพียงแต่มีความตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ครูให้ดีที่สุด
วันก่อนตอนบ่ายได้บอกกับนักเรียนมอสองว่า..."วันนี้จะขอสวมวิญญานนางร้าย"
เด็ก ๆ บอกว่า.."อย่าสวมนานนะครับ มันจะติด เดี๋ยวไม่ออกจากร่างง่าย ๆ "
นมัสการพระคุณเจ้า
บล็อคดอกอัญชัน ดอกไม้ให้คุณของพระคุณเจ้าหายไปไหน เจ้าค่ะ
โพสเรียบร้อยแล้วแต่ไม่ทัน
เป็นพระกรุณาธิคุณอย่าสูงที่ได้มาให้กำลังใจอยู่เสมอ
จะต้งใจ "เป็นครูและทำงานเพื่อเด็ก" เจ้าค่ะ
น้อง จิตตรัย
ขอให้มีความสุขและเดินทางไป...ให้ถึงฝัน" นะคะ
จะเอาใจช่วย
ถ้าอยากประทับใจในความเป็นครูต้องไปเริ่มสัมผัสเด็กที่บ้านนอกก่อนค่ะ
แล้วจะวางไม่ลง เหมือนครูคิมนี่แหละค่ะ
ตามหาบันทึกที่ยังไม่ได้ จารึกอักษรค่ะ พี่ครูคิม
มีความสุขกับความสุขเด็กๆที่ปลูกฝังขัดเกลาให้เค้าเป็นคนดี...ของผืนแผ่นดิน
คุณความดีคุ้มครองพี่ครูคิม นะคะ
สวัสดีค่ะน้อง@..สายธาร..@
สวัสดีค่ะครูคิม เป็น storytelling ที่น่าประทับใจมากค่ะ
เคยสกัดความรู้เรื่องนี้บ้างรึเปล่าค่ะ ว่าครูคิมได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง
ขอบคุณค่ะ