สามเหลี่ยมเขยื้อนชุมชน
จัดการความรู้และความร่วมมือ
พอจับหลักได้ว่าการศึกษาเรียนรู้เป็นหัวใจหลักที่ต้องเริ่มต้น
ดังนั้น ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง จึงทำ 2 เรื่องหลัก คือ
1)ให้ทุกคนได้รู้ในสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ และ 2)
ให้เขาได้รู้ในสิ่งที่เขาควรจะรู้
ใครคิดจะทำอะไรก็ให้มาผ่านกระบวนการเรียนรู้ตรงนี้
เพราะหลักสูตรเราก็สร้างพัฒนากันขึ้นมาเองโดยใช้ความร่วมมือกับ กศน.
ซึ่งมีศูนย์เรียนรู้อยู่ทุกหมู่บ้านแต่ไม่ค่อยมีการใช้
เราก็ไปประสานให้มาขึ้นป้ายเป็นศูนย์การเรียนรู้ของกศน.ได้แต่กศน.จะต้องร่วมกันจัดหลักสูตรและจัดการเรียนการสอนในแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของชาวบ้านซึ่ง
กศน.ก็ช่วยด้านวิชาการได้เป็นอย่างดีรวมทั้งการช่วยเหลือในการนำความรู้ประสบการณ์ที่ชาวบ้านสามารถเทียบโอนเป็นวุฒิการศึกษาได้
ส่วนเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในกระบวนการเรียนนรู้หรือในการฝึกอาชีพที่จะทำให้ชาวบ้านเกิดทักษะอาชีพ
เราจึงไปดึงเอาศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรที่มีอยู่เกือบทุกตำบลมาร่วมมือทำการพัฒนาความรู้และอาชีพของคนไม้เรียง
จึงเกิดเป็นการทำงานร่วมกันของ 3 ฝ่าย คือ
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง กับ กศน.ที่ทำเรื่องการศึกษา และ
ศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยี ของ กระทรวงเกษตรฯ เกิดเป็น
สามเหลี่ยมเขยื้อนชุมชนไม้เรียงขึ้น
พอเกิดความร่วมมือตรงนี้ก็มาวิเคราะห์ว่าเราต้องทำอย่างไร
กระบวนการเรียนรู้ตรงนี้ต้องเตรียมการอย่างไร
หลักสูตรที่ทำออกมาจะแบ่งทฤษฎีกับปฎิบัติอย่างละครึ่ง เช่น
หลักสูตรพัฒนาคุณภาพมังคุด
ที่จุดประกายกันขึ้นมาตอนมังคุดมีปัญหาราคาตกจนชาวสวนมังคุดไม่รู้จะทำอย่างไรต้องปล่อยทิ้งหรือกวาดเอาไปทำปุ๋ยหมัก
ประยงค์ เล่าว่า
ตนคลิ๊กเรื่องนี้ขึ้นมาว่าถ้าสามารถเพิ่มมูลค่ามังคุดได้ชาวสวนก็จะมีทางเลือกมากขึ้นไม่ต้องขายมังคุดลูกเพียงอย่างเดียว
จึงลองไปหามังคุดมาแล้วจ้างเด็กให้มาแข่งกันกินมังคุดโดยแยกเม็ดกับเปลือกไว้
ทำให้เป็นเกมส์ที่สนุกสนานชาวบ้านมาดู
เสร็จแล้วก็บอกว่าเม็ดมังคุดที่เรากินแล้วทิ้งนั้นถ้าเอาไปขายให้ร้านเพาะกล้าไม้ได้กิโลกรัมละเป็นพันบาท
ส่วนเปลือกที่เราทิ้งอีกเช่นกันถ้าทำให้แห้งโรงพยาบาลอภัยภูเบศถ์รับซื้อกิโลกรัมละ
15 บาท ชาวสวนก็ตาโต
เราก็จุดประกายให้กลับไปคิดว่าถ้าชาวสวนสามารถพัฒนาคุณภาพมังคุดหรือเพิ่มมูลค่าได้
ในปีต่อ ๆ ไปหากมีปัญหาอีกก็จะสามารถแก้ปัญหาได้
จึงร่วมกันสร้างหลักสูตรพัฒนาคุณภาพมังคุดขึ้น โดย
กศน.สนับสนุนด้านวิชาการและวิทยากร
ส่วนศูนย์เทคโนโลยีเกษตรก็สนับสนุนเครื่องมืออุปกรณ์
การเรียนการสอนกำหนดหลักสูตร 100 ชั่วโมง
และแบ่งทฤษฎีกับปฎิบัติอย่างละครึ่ง เรียนกันตามฤดูกาลผลิต
ตั้งแต่เริ่มตัดแต่งกิ่ง ให้น้ำ ให้ปุ๋ย เรียนตามหลักวิชาการจริง ๆ
เสร็จแล้วก็ลงสวนปฎิบัติจริง
แต่ไม่ได้ทำเฉพาะสวนตัวเองแต่จะเวียนไปตามสวนเพื่อน ๆ ด้วย
ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แบบเพื่อนช่วยเพื่อน
การทำเช่นนี้ทำให้ผลิตผลมังคุดที่ได้ในรุ่นนั้นของนักเรียนรุ่นแรกทั้ง
32 คน (ที่กล้าลองจากจำนวนชาวสวนมังคุดในตำบลไม้เรียงที่ไม่น้อยกว่า
200 คน) ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีลูกใหญ่รสชาติอร่อย
ทำให้สามารถขายได้ราคาดีถึงกิโลกรัมละ 60 บาท
และสามารถส่งไปขายสหรัฐหรือญี่ปุ่นได้ด้วย
ทำให้ชาวสวนที่ไม่กล้าตั้งแต่แรกตาโตอยากมาขายด้วย
กลุ่มแรกก็ตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องมาผ่านการเรียนรู้หลักสูตร 100
ชั่วโมงนี้ก่อนและต้องได้ใบประกาศจาก
กศน.ด้วยจึงจะสามารถมาเข้ากลุ่มด้วยกันได้
ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเงื่อนไขที่อยากให้เขาได้เกิดการเรียนรู้จากการปฎิบัติจริง
ๆ นั่นเอง
นอกจากการเรียนรู้โรงเรียนมังคุด ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง
ได้จัดหลักสูตรอาชีพแก่ชาวบ้านอย่างหลากหลายตามความต้องการ
และเกิดกลุ่มอาชีพกระจายอยู่ในทุกหมู่บ้านและเป็นการดำเนินการลักษณะพึ่งพิงกันไม่ใช่แข่งขัน
ได้แก่ หลักสูตรการปลูกพืชผักปลอดสารพิษ
กลุ่มเกษตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม หมู่ที่ 2
,หลักสูตรการเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด กลุ่มเลี้ยงปลา หมู่ที่ 4
,หลักสูตรการเพาะเลี้ยงไก่พื้นเมือง กลุ่มเลี้ยงไก่พื้นเมือง หมู่ที่
1 ,หลักสูตรการเพาะเลี้ยงเห็ดด้วยขี้เลื่อยไม้ยางพารา กลุ่มเพาะเห็ด
หมู่ที่ 5 ,หลักสูตรการเลี้ยงสุกร กลุ่มเลี้ยงสุกร หมู่ที่ 2 ,
หลักสูตรการผลิตอาหารสัตว์ กลุ่มสหกรณ์อาหารสัตว์ หมู่ที่ 9
,หลักสูตรการแปรรูปข้าว กลุ่มทำนาข้าว หมู่ที่ 6
,หลักสูตรหมอพื้นบ้าน กลุ่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพ หมู่ที่ 8
ซึ่งกิจกรรมทั้ง 8
หลักสูตรอาชีพรวมเรียกว่า
“วิสาหกิจชุมชน”และในแต่ละศูนย์จะมีผู้รับผิดชอบหรือผู้นำ
หรือบางทีก็อาจจะมีการขอความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ
ให้มาถ่ายทอดความรู้และเทคนิคต่าง ๆ ให้กับสมาชิกที่มาเรียนรู้
จากนั้นสมาชิกแต่ละคนก็จะแยกย้ายกลับไปทำที่บ้าน
เมื่อได้รายได้มาก็จะนำมาฝากกับกลุ่มออมทรัพย์ของหมู่บ้าน
ที่มีผู้จัดการดูแลเป็นคนในหมู่บ้านทั้งหมด
นอกจากนี้การเรียนรู้ของชุมชนไม้เรียงก็ไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของการดำเนินชีวิตเท่านั้น
แต่ยังมีเรื่องการศึกษาในระบบอีกด้วย
โดยทางชุมชนได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กศน.
หรือมหาวิทยาลัยรามคำแหง
เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่ต้องการได้วุฒิการศึกษาเพิ่มเติมสามารถเข้ามาสอบเทียบหรือศึกษาต่อได้
และปัจจุบันยังมีกลุ่มการเรียนรู้เยาวชน กลุ่มผุ้สูงอายุ
กลุ่มเกษตรกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม
และโรงงานน้ำดื่มเข้ามาเป็นเครือข่ายการเรียนรู้ของศูนย์ฯด้วย
“วิสาหกิจชุมชน เป็นฐานฝึกภาคปฎิบัติ เราไม่มีกลุ่มนะ
เพราะเราไม่คิดจะตั้งกลุ่ม
เราบอกว่ากลุ่มไม่จำเป็นต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันรับประโยชน์
ร่วมกันรับผิดชอบเสมอไป
กลุ่มเนี่ยที่เราเลี่ยงในการร่วมกันทำ เพราะเราบอกว่า ร่วมกันคิด
แล้วไปร่วมกันเรียนรู้ แล้วไปแยกกันทำ
แล้วค่อยมารวมกันขายถ้าผลผลิตมันออกมาเกินพอกิน” ประยงค์กล่าว
และว่าตอนที่ไปแยกกันทำ ต่างคนต่างมาเรียนรู้ร่วมกัน
พัฒนาคนขึ้นมามีคุณภาพใกล้เคียงกัน แล้วไปแยกกัน
คนที่มีความสามารถมากก็ได้ใช้ความสามารถตัวเองเต็มที่
โดยไม่ต้องไปลดลงมาให้เท่ากับคนที่ขี้เกียจในกลุ่ม
แล้วคนที่อ่อนแอถึงไหน ๆ
เขาก็อ่อนแอเวลาไปทำส่วนตัวเขาก็ยังอ่อนแออีกนั่นแหละ
แต่ผลที่เกิดขึ้นตอนที่เขาเอาผลผลิตมารวมกันขายมันจะเห็นความแตกต่างทันทีว่าคนที่ขยันจะทำได้ดีปริมาณก็เยอะ
แต่คนที่ขี้เกียจ คนที่อ่อนแอ ผลผลิตก็ได้น้อยกว่าคุณภาพก็ด้อยกว่า
พอเอามาวางมันก็เกิดการเปรียบเทียบ
พอเห็นข้อเปรียบเทียบคนที่อ่อนแอก็รู้สึกละอายคนอื่น
ในครั้งต่อไปเขาก็จะพัฒนาตนเองขึ้นมา
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังสู้คนเก่งไม่ได้
และคนเก่งพอเห็นความตั้งใจก็สงสารและเกิดความรู้สึกอยากช่วยเหลือทำให้เกิดการพัฒนาขึ้น
หลักการจัดการความรู้ของชุมชนไม้เรียง
แนวคิดที่ชุมชนไม้เรียงยึดปฎิบัติคือ อะไรบ้างที่ต้องร่วมกันคิด
ร่วมกันเรียนรู้ และต้องไปแยกกันทำ อะไรบ้างที่ต้องร่วมกันคิด
ร่วมกันเรียนรู้ ร่วมกันลงทุน และต้องร่วมกันใช้บริการ
อะไรบ้างที่ต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันรับประโยชน์ ร่วมกันคิด
ร่วมกันเรียนรู้และร่วมกันทำก็ยังต้องมีเหมือนกัน
ยกตัวอย่างกลุ่มยางเมื่อก่อนเราร่วมกันคิดร่วมกันเรียนรู้แล้วไปแยกกันทำ
แต่พอไปแยกกันทำถึงจะเรียนรู้เรื่องการผลิตยางแผ่นคุณภาพดี
อบรมกันแล้วอบรมกันอีก แต่พอไปทำ 20 คน ออกมาเกือบ 20 แบบ
ไม่เหมือนกันเลย ฉะนั้นกลุ่มยางซึ่งมีสมาชิก 176
ครอบครัว ร่วมกันคิด
ร่วมกันเรียนรู่แล้วร่วมกันลงทุนเพื่อสร้างเครื่องมือ
สร้างโรงงานขึ้นมาแล้วร่วมกันใช้บริการ
นั่นคือเอาน้ำยางของแต่ละคนแทนที่ว่ากรีดยางแล้วได้น้ำยางแล้วจะต้องไปทำยางแผ่นเองซึ่งมันยุ่งยากเสียเวลา
เอาน้ำยางมาส่งให้กับโรงงานแล้วจ้างเขาทำ ก็กลายเป็นร่วมกันคิด
ร่วมกันเรียนรู้ ร่วมกันลงทุน แล้วจ้างเขาทำ แล้วก็ใช้บริการ
การจ้างเขาทำเราหาคนที่มีความรู้ความสามารถมาทำตรงน้น น้ำยางมาจาก 100
กว่าคนสามารถทำให้เป็นคุณภาพเดียวกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นในชุมชนไม้เรียงคือจะต้องวิเคราะห์กันเป็นเรื่อง ๆ
ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหนแล้วไปสร้างแนวทางไปป้องกันปัญหาที่สาเหตุ
และต้องมีการทบทวนกันอยู่ตลอด
การจัดการจัดการความรู้ของชุมชนไม้เรียงจึงเป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์และการทำจริง
ที่มีกระบวนการเรียนรู้อยู่ในทุกเรื่องที่ทำ.
ไม่มีความเห็น