นานาเรื่องราวการจัดการความรู้ (๖)
“ไม้เรียง”ชุมชนนักจัดการความรู้
(โปรย) กิจกรรมที่เกิดขึ้นอย่างหลากหลายของทั้งเรื่องอาชีพ
การศึกษาและการพัฒนาชุมชน ของคนในตำบลไม้เรียง
เป็นบรรยากาศคึกคักของการนำความรู้มาแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ โดยมี
“ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง”
เป็นเหมือนตลาดนัดความรู้ให้คนในชุมชนได้มาจับจ่าย
เรียนและรู้จากการทำจริง ไม่ว่าจะทำเดี่ยว ทำกลุ่ม หรือหลาย ๆ
กลุ่มทำร่วมกัน
จึงเป็นภาพเคลื่อนไหวของการเป็นนักจัดการกับความรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและความอยู่รอดทั้งของตนและชุมชน
จะมีสักกี่ชุมชนที่สามารถกำหนดแผนการพัฒนาชุมชนเป็นของตนเอง
มีแหล่งเรียนรู้และพัฒนาทักษะอาชีพให้กับคนในชุมชนที่อยากรู้เรื่องอะไรก็มาเรียนรู้กันได้
มีกลุ่มอาชีพและกิจกรรมเรียนรู้เกิดขึ้นหลากหลายกระจายอยู่ทั่วไปไม่ซ้ำกันแต่เอื้อประโยชน์และพึ่งพิงกัน
และที่สำคัญคนในชุมชนมีใจใฝ่เรียนรู้สม่ำเสมอ
มีสำนึกการพึ่งตนเองสูง
นั่นคือภาพของชุมชนตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังดนครศรีธรรมราช
ในปัจจุบันที่กิจกรรมเรียนรู้ยังดำเนินไปอย่างคึกคัก
ภายใต้แผนแม่บทชุมชนที่มีโครงสร้างการบริหารและจัดการที่ถูกกำหนดและปฎิบัติอย่างมีแผนงาน
โดยคนในชุมชนเพื่อชุมชน
ที่มีเป้าหมายร่วมกันคือความอยู่ดีมีสุขของคนไม้เรียง
มีศูนย์ศึกษาและพัฒนาอาชีพชุมชนไม้เรียงที่ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2535
เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้และก่อเกิดกิจกรรมต่าง ๆ
มากมายของคนตำบลไม้เรียง และยังพัฒนาเป็นศูนย์วิสาหกิจชุมชน ตลาดชุมชน
และศูนย์อะไรอีกหลากหลายที่หลายหน่วยงานเข้าไปมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ของชุมชนตำบลไม้เรียงอย่างต่อเนื่อง
และทุกเรื่องราวที่ชุมชนไม้เรียงทำล้วนมีเรื่องราวของการจัดการความรู้แทรกอยู่ทั้งสิ้น
รู้จักชุมชนไม้เรียง
ตำบลไม้เรียง
เป็นชุมชนเกษตรกรรมที่คนในชุมชนทำอาชีพหลักสามอย่างตามสภาพความเหมาะสมของพื้นที่นั่นคือ
ยางพารา สวนผลไม้ และทำนา ประกอบด้วย 9 หมู่บ้าน
1593 ครอบครัว เคยเป็นชุมชนที่เคยมีความอุดมสมบูรณ์
ก่อนจะที่ภัยธรรมชาติและผลของการพัฒนาจะทำให้ชุมชนต้องสูญเสียทรัพยากรที่เป็นแหล่งอาหารและอาชีพไปอย่างย่อยยับ
และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในชุมชนหลายประการ
โดยเฉพาะความยากลำบากของการสร้างตัวใหม่ พร้อมกับปัญหาต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นในชุมชนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ชุมชนไม้เรียงทำการจัดการความรู้อย่างไร
ดังนั้นหากจะดูเรื่องการจัดการความรู้จึงต้องดูจากสิ่งที่ชุมชนไม้เรียงได้ปฏิบัติมา
แต่เป็นการทำไปโดยอัติโนมัติที่มุ่งแก้ไขปัญหาใกล้ตัวเป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำมาหากิน
และปัญหาสังคมที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต ด้วยการค่อย ๆ
กระดมสมองคุยกันจากกลุ่มเล็ก ๆ จากปัญหาอาชีพและการทำกิน
จนได้ข้อสรุปและการแก้ไขปัญหาที่ประสบผล นั่นคือตัวอย่างความสำเร็จของ
กลุ่มเกษตรกรทำสวนยาง
ซึ่งเป็นวงจัดการความรู้วงแรกที่เกิดขึ้นในชุมชนไม้เรียง
โดยใช้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของกลุ่มคนที่มีปัญหาเหมือนกันหรืออยู่ในอาชีพเดียวกันมาร่วมกันระดมปัญหาจัดลำดับความสำคัญ
จากนั้นช่วยกันคิดถึงแนวทางแก้ไข
จนนำไปสู่การปฎิบัติอย่างเรียนถูกเรียนผิด
และให้ประสบการณ์จากการปฎิบัติจริงเป็นฐานของการแก้ไขพัฒนาจนสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่งที่น่าพอใจ
ไม่ว่าจะเป็นการร่วมกันตั้งโรงรมยางขึ้นเป็นของตนเองและจัดระบบบริหารจัดการจนสามารถผลิตน้ำยางคุณภาพดีมาตรฐานเดียวกันหมด
ทำให้พ่อค้าคนกลางไม่สามารถกดราคาได้
อีกทั้งยังสามารถเปิดตลาดขายตรงยางพาราได้อีกด้วย
การเรียนรู้จึงเป็นหัวใจของการพัฒนาของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางไม้เรียงมาจนถึงปัจจุบัน
ที่มีการพัฒนาเครื่องมือ เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยมากขึ้น
ขณะที่วงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ก็ขยายออกไปกว้างขวางมากขึ้นทั้งในระดับตำบล
อำเภอ และจังหวัด
จนเกิดเป็นเครือข่ายยางพารานครศรีธรรมราช
ที่มีการช่วยเหลือกันในด้านต่าง ๆ
จัดการปัญหาด้วยการเรียนรู้
จากความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาอาชีพของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนไม้ยาง
ได้จุดประกายแนวคิดเพื่อการแก้ปัญหาของคนกลุ่มอื่น ๆ ในชุมชนไม้เรียง
ที่มีแกนนำจากกลุ่มเกษตรกรชาวสวนไม้ยางเข้าไปค้นหาและกระตุ้นให้คนในตำบลไม้เรียงได้มีเวทีมาพบปะกัน
การได้มาพูดคุยกันหลาย ๆ
ครั้งทำให้ชาวไม้เรียงพบว่าปัญหาใหญ่อันดับแรกที่เป็นปัญหาร่วมกันก็คือเรื่อง
“หนี้สิน”
และเมื่อร่วมกันหาที่มาและแนวทางแก้ไขก็พบว่าเป็นเพราะคนไม้เรียงขาดความรู้และข้อมูล
จึงตั้งศูนย์ศึกษาและพัฒนาอาชีพไม้เรียงขึ้น
เพื่อจัดการเรียนรู้และให้ความรู้แก่ชาวตำบลไม้เรียง
ทั้งในด้านความรู้ที่เป็นวุฒิการศึกษาและความรู้ด้านทักษะอาชีพ
อีกทั้งเพื่อให้เกิดการจัดการที่สอดคล้องกับความต้องการของชาวบ้านจึงให้ศูนย์นี้บริหารจัดการโดยตัวแทนจากหมู่บ้านต่าง
ๆ ราว 40 คน ที่มาร่วมกันทำงานเป็น สภาผู้นำชุมชน
ที่มีหน้าที่เก็บข้อมูลทุกด้านของชุมชน นำมาวิเคราะห์สังเคราะห์
และหาทางออก โดยส่วนหนึ่งได้กำหนดออกมาเป็นแผนชุมชน
ซึ่งเป็นกรอบทิศทางของการพัฒนาชุมชน
และการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาและพัฒนาอาชีพไม้เรียงก็เป็นกิจกรรมหนึ่งภายใต้แผนชุมชน
ประยงค์ รณรงค์ ผู้นำชุมชนไม้เรียง
เล่าเรื่องการแก้ปัญหาหนี้สินว่า
เป็นปัญหาที่คณะทำงานพบว่าเป็นเรื่องของใครไม่รู้แต่เป็นปัญหาหลักของทั้งชุมชน
เราจึงเริ่มต้นแก้ไขที่ปัญหานี้ก่อน
โดยเริ่มจากลงไปหาข้อมูลว่าหนี้เหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ก็พบว่าเป็นหนี้ที่ไปกู้มาทำกินบ้าง
และที่สำคัญเป็นหนี้ที่เกิดจากการที่คนไม้เรียงไม่วางแผนการใช้เงิน
ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้และทำให้ยอดหนี้เพิ่มขึ้นทุกปี
และจากการที่ตัวแทนแต่ละหมู่บ้านก็กลับไปหารือกับสมาชิกในหมู่บ้านของตนว่าจะหาทางออกกันอย่างไร
แล้วมานำเสนอในสภาผู้นำ
มาถกเถียงกันในที่สุดก็ได้แนวทางว่าจะต้องลดรายจ่าย เพิ่มรายได้
ซึ่งไม่ใช่การหารายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยการลงทุนเพิ่ม
แต่เป็นการลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถหยุดหนี้ได้
จัดหมวดหมู่ รู้ปัญหา ข้อมูล
และทางออก
“เราเคยบอกใครต่อใครมาเยอะแล้วแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมาช่วยเมื่อไหร่อย่างไร
จึงคิดว่าเราน่าจะเริ่มกันเอง
ก็มาคิดมาทำร่วมกันว่าอะไรที่เราทำได้ก็เช่นลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
อะไรทำเองได้ก็ทำ อะไรช่วยกันได้ก็ช่วยกัน
และถ้ามีอะไรที่เกินความสามารถเราก็ไปแสวงหาความร่วมมือจากฝ่ายต่าง ๆ
ในที่สุดพอทำความเข้าใจตรงนี้แล้วก็เริ่มต้นในการที่จะคิดว่า
เอาปัญหาทั้งหมดมาวิเคราะห์กันดูซิ
ปัญหาไหนที่มันมีอยู่ทุกหมู่บ้านก็เป็นปัญหาหลัก
ปัญหาไหนที่มีบางทีหมู่บ้านก็เอาไว้ก่อน เราวิเคราะห์ที่ปัญหาหลักก่อน
บางทีวิเคราะห์แล้วก็ไม่สามารถสรุปได้ก็ต้องให้หมู่บ้านไปหาข้อมูลมาใหม่
เราเริ่มทำทีละเรื่อง พอทำหลาย ๆ เรื่องก็ได้ข้อสรุปหลาย ๆ
เรื่อง ในที่สุดก็พบว่า ปัญหาอยู่ที่คนขาดความรู้
เราจึงหันกลับมาเรื่องกระบวนการเรียนรู้
“ปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะที่ผ่านมาเราไม่ได้ทำอะไรด้วยความรู้
แต่ทำเพราะคนอื่นเขาบอกให้ทำ
หรือเขาอยากจะแก้ปัญหาแล้วไปดูตัวอย่างเห็นคนอื่นทำก็มาทำด้วย
แต่ตัวเองยังไม่รู้ พอเวลาทำแล้วไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
ซึ่งการไม่สำเร็จแต่ละครั้งหมายถึงการเป็นหนี้เพิ่มทุกปี
เพราะการทำต้องลงทุนทุกเรื่องที่จะทำ
แล้วก็ล้มเหลวบ่อยมาก”
เมื่อได้ข้อสรุปตรงนี้ “ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง”
จึงเกิดขึ้นโดยเอาคนทุกหมู่บ้านมาร่วมเป็นคนทำงานของศูนย์นี้
ซึ่งเดิมแต่ละหมู่บ้านมีตัวแทนตั้งแต่ 1-10 คน
พอเรามานั่งวิเคราะห์กันแล้วเราคิดว่ากลุ่มตรงนี้ขนาดเท่าไหนถึงจะพอดี
ในที่สุดก็ได้สรุปว่า ไม่เกิน 10 คนมันถึงจะพอดี
ดังนั้นที่เกินก็ให้คัดเลือกและสำรองไว้
ถ้าหมู่บ้านไหนยังขาดก็ให้ไปค้นหาเพิ่ม
จากนั้นคนกลุ่มนี้ก็มาประชุมหรือทำกิจกรรมร่วมกันในความเป็นชุมชนไม้เรียงที่ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง
โดยให้คัดเลือกกันมาอีกทีว่าแต่ละหมู่บ้านให้มีตัวจริงขึ้นมาหมู่บ้านละไม่น้อยกว่า
5 คน
ในการทำแต่ละเรื่องได้ข้อสรุปอย่างไรก็จะมีการบันทึกไว้
ข้อสรุปบางเรื่องอาจยืดไปได้
บางเรื่องมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องคิดวิเคราะห์หาทางเริ่มต้น
การทำในช่วงเริ่มต้นได้ข้อสรุปว่า
เรื่องไหนเป็นปัญหาหลักก็ศึกษาเรื่องนั้นก่อน
โดยนำหลักและวิธีการทำงานวิจัยชาวบ้านมาเป็นแนวทางในการศึกษา
ให้ได้ข้อเท็จจริงออกมา จากนั้นนำมาคิดวิเคราะห์ร่วมกันหลายคนหลายฝ่าย
บางเรื่องก็ต้องเชิญนักวิชาการ
ผู้มีประสบการณ์มาช่วยกันวิเคราะห์และสรุปจดบันทึกกันเป็นเรื่อง
ๆไปเมื่อได้ข้อสรุปหลาย ๆ เรื่อง
เราก็ได้กำหนดจัดเป็นหมวดหมู่ขึ้นมา
แล้วเอาไปเริ่มในการดำเนินการเป็นการทดลอง บางทีก็ผิด บางทีก็ถูก
ไม่ค่อยแน่นอนเหมือนกันแต่ส่วนหนึ่งเป็นความรู้ทั้งนั้น
อันไหนได้ผลก็เอาไปขยายผลทดลองกับหมู่บ้านอื่น ๆ
ไม่มีความเห็น