รถยนต์วิ่งด้วยน้ำมัน ทำให้เกิดฝนกรด เกิด Carbon Monoxide
ในขณะที่รถจักรยานไม่ใช้เชื้อเพลิงจาก Fossil หรือนำเข้าน้ำมัน
ใช้คาร์โบไฮเดรตในร่างกายคนขี่จักรยาน ไม่ทำให้การจราจรติดขัด
และไม่ต้องการที่จอดรถขนาดใหญ่ แต่รถจักรยานก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการเดินทางระยะไกล ๆ
ดังนั้น จะเดินทางโดยพาหนะใดก็ไตร่ตรองให้เหมาะสม
จะเดินทางโดยรถยนต์ก็ใช้ระบบ Car Pool
ขับด้วยความเร็วไม่เกิน 90 km/h ร่วมโครงการไปรถต่อเรือช่วยชาติ
ถือว่าเป็นการบริหารพาหนะในการเดินทางที่ถูกต้องเหมาะสม
อยู่เชียงใหม่ค่ะ และเคยใช้จักรยานอย่างสม่ำเสมอ แต่หยุดใช้มาหลายปีแล้ว (ตั้งแต่น้ำมันยังไม่แพงขนาดนี้) ที่หยุดใช้เพราะ "ไม่มีทางสำหรับจักรยานในเมืองเชียงใหม่" ใครก็ตามที่อาจหาญใช้จักรยาน จะต้องประสบกับ "ภาวะเสี่ยง" อย่างยิ่งทีเดียวเชียวแหละ
อย่างไรก็ตาม ปัญหา "พลังงาน" เป็นวาระแห่งชาติค่ะ ไม่เพียงแต่เสนอทางเลือกเรื่องพาหนะเท่านั้น จำเป็นต้องเสนอแนะทางแก้อื่นๆ ไปพร้อมๆ กันด้วย เช่น การเพิ่มทางเดินเท้า หรือทางจักรยานให้มากขึ้น เพื่อให้เดินหรือใช้จักรยานไปไหนมาไหนได้อย่างปลอดภัย และสุขภาพแข็งแรง เป็นต้น
สิ่งที่สำคัญกว่าอะไรทั้งหมด ก็คือการประหยัดพลังอย่างละเล็กอย่างละน้อยเท่าที่เป็นไปได้ค่ะ ปิดไฟที่ไม่จำเป็นหรือยัง เสียบปลั๊กไฟทิ้งไว้หรือเปล่า ลดการใช้เครื่องปรับอากาศด้วยการแต่งตัวให้เหมาะสมกับสภาพอากาศไหม ฯลฯ
คนละไม้คนละมือค่ะ จะได้ไม่ต้อง "ง้อน้ำมัน"
สวัสดีค่ะ อ.ขจิต ถ้าใช้แบบนี้ เวลาไปเติมพลังงานต้องบอกฟางแห้ง...เต็มถัง
แบบในโฆษนา อ้าย...ยยย.. วี 555
ของหลานชายผม ใช้พลังงานจากตา....เหนื่อย ได้ออกกำลัง
ติดตามอ่านเรื่องเล่าของคุณครูมาตลอดตั้งแต่ใส่รูปไม่เป็น
จนใส่แบบเชี่ยวชาญ
ขอบคุณที่นำข้อมูลที่ดีๆและเป็นประโยชน์มาเผยแพร่
สวัสดีค่ะป้าตุ๊ย ขอบคุณมากสำหรับกำลังใจ ตอนนี้กำลังเป็นมือใหม่หัดขับอยู่ค่ะ
อิอิ ตอนนี้หนูมะขามก็ช่วยโลกอยู่เหมือนกัน แบบว่าปั่นจักรยานจนขาหย่ายยยยแล้วอะ