หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าการให้คนอื่นเปลี่ยน


การสนทนาระดับลึกที่สุด ได้แก่ การสนทนาที่เกิดขึ้นภายหลัง คู่สนทนาได้สะท้อนสิ่งที่เห็นและรู้สึกต่อสิ่งที่ได้ยินกับตัวเอง ความรู้ที่เรียนรู้จากการสะท้อนและรู้สึกต่อสิ่งที่ได้ยินนั้นหลอมรวมกับความรู้ในตนเกิดเป็นนวตกรรมใหม่ความคิดใหม่ๆ แล้วสนทนาสดๆ ออกมา ณ เวลานั้นๆ

บันทึกของวันนี้ ฉันอยากบอกเรื่องการสนทนา 4 ระดับที่ได้ตามไปอ่านที่บันทึกของคุณหมอวิธาน ฐานะวุฒิมาค่ะ

 คุณหมอได้เล่าถึง การสนทนา 4 ระดับ ที่ออตโต ชาร์มเมอร์ เจ้าของทฤษฎีตัวยู ได้เอ่ยไว้ เริ่มตั้งแต่ การสนทนาระดับผิวๆ ไปจนถึงการสนทนาระดับลึกมากๆ  โดยบอกว่าความแตกต่างของการสนทนาแบบผิวๆกับการสนทนาแต่ละระดับที่ลึกกว่า อยู่ที่ปฏิกิริยาต่อการพูดคุย ผลลัพธ์จากการฟัง การทำงานของใจ และความคิดขณะที่ฟังของคู่สนทนา

 ลักษณะของการสนทนาที่จัดเป็นการสนทนาระดับผิวๆ   ได้แก่  การสนทนาแบบรักษามารยาท  การสนทนาแบบนี้สิ่งที่พูดคุยกันกับสิ่งที่คู่คุยคิดนั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน 

ปฏิกิริยาต่อกันของคู่สนทนาจะมีความรวดเร็ว เป็นการพูดคุยที่เมื่อผู้ถามถามขึ้น ผู้ฟังจะตอบไปทันควัน เป็นคำทักทายกันทั่วๆไปที่ใช้กันในสังคม เป็นการคุยกันแบบไปไหนมาสามวาสองศอก  การสนทนาแบบนี้มักจะเป็นอะไรที่ผิวเผิน เป็นอะไรที่เบาๆสบาย ณ เวลาขณะคุย 

 

 ( ดอกหญ้าและดอกไม้ ถ่ายจากหลังบ้านและสวนป่า นำมาให้ ฝึกการฟังตัวเองค่ะ)

การสนทนาที่ลึกขึ้นมาอีกระดับ ได้แก่  การสนทนาที่คู่สนทนาใช้ความคิดกับเรื่องที่พูดกันไปด้วย ด้วยคาดหวังอยู่ว่าจะมีอะไรที่ได้กลับจากการสนทนากัน จะเริ่มมีความตึงเครียดผนวกเข้ามาในปฏิกิริยาระหว่างคู่สนทนา การสนทนาในระดับนี้ลงเอยด้วยข้อสรุปเรื่องถูก-ผิด ใช่-ไม่ใช่  หรือมีการขัดกันแย้งกันในระหว่างการสนทนา เป็นการสนทนาที่ไม่ใคร่เบาสบาย ไม่ผ่อนคลายเท่าไร

 การสนทนาที่ลึกขึ้นมาอีกระดับ  ได้แก่  การสนทนาที่คู่คุย เปิดหัวใจต่อกัน เปิดพื้นที่การฟังให้กับการพูดของคนตรงหน้า  เป็นการสนทนาที่คนฟัง ฟังอย่างตั้งใจว่า เหตุการณ์ที่ได้ฟังอยู่นั้นไม่มีใครผิดและถูก ฟังแบบละไว้ซึ่งการหาประเด็นถูก-ผิด  ฟังแบบไม่วิเคราะห์เพื่อตัดสิน   ฟังจบแล้วสะท้อนสิ่งที่เห็นและรู้สึกต่อสิ่งที่ ได้ยินนั้นให้ตัวเองฟังในใจ  บรรยากาศการสนทนาเยี่ยงนี้จะให้ความผ่อนคลาย คู่สนทนานั้นเล่าก็ได้พบเรื่องใหม่ ได้ความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นมากับตัวเองค่ะ

 

 ( ภาพเด็กและดอกไม้ รวบรวมมาจากหลาย web ให้ใช้ฝึกฟังตัวเองเช่นกันค่ะ) 

 

การสนทนาระดับลึกที่สุด  ได้แก่ การสนทนาที่เกิดขึ้นภายหลัง คู่สนทนาได้สะท้อนสิ่งที่เห็นและรู้สึกต่อสิ่งที่ได้ยินกับตัวเอง ความรู้ที่เรียนรู้จากการสะท้อนและรู้สึกต่อสิ่งที่ได้ยินนั้นหลอมรวมกับความรู้ในตนเกิดเป็นนวตกรรมใหม่ความคิดใหม่ๆ แล้วสนทนาสดๆ ออกมา ณ เวลานั้นๆ   การสนทนาระดับนี้ คู่สนทนาจะช่วยส่งให้เกิดความคิดซึ่งได้หลอมและรวมความคิดของกันและกัน สร้างสรรค์ออกมาเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดมา  บรรยากาศการสนทนาจึงมีความสุขและความผ่อนคลาย ไม่มีความขัดแย้ง สิ่งที่คุยกันนั้นมีเนื้อหาสาระแต่ไม่ทำให้เครียด

 ใครที่ตามมาอ่าน ลองทบทวนนะค่ะว่า เหตุการณ์ตรงหน้าที่ท่านกำลังอยู่กับมัน เป็นการคุยระดับไหน  คุณหมอบอกไว้ว่า ส่วนใหญ่คนเรานั้นจะสนทนากันอยู่ใน 2 ระดับแรกมากกว่า    ใครที่มักจะเครียดกับการคุยกับตัวเอง หรือ คุยกับคนอื่น ลองวิเคราะห์ตัวเองดูสักหน่อยนะค่ะ 

 

ความรู้ที่ได้นี้ ฉันเคยนำไปลองจัดหลักสูตรให้กับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องการฝึกฟัง เขาทั้งหลายบอกว่า เขามีความสุขขึ้น เมื่อฟังออกได้ว่า ความเป็นไปของคนเกิดจากความแตกต่างที่มันเป็นของมันอยู่แล้วเช่นนั้นเอง หามีใครสามารถที่จะเปลี่ยนมันไม่  การที่เกิดความเครียดในตัวเขาเองนั้นไซร้ เกิดมาจากตัวเขา คาดหวังคนอื่นให้เปลี่ยนแปลง

 

ที่สุดของความคิดที่อุบัติขึ้นมาใหม่จากคนที่ได้เข้าอบรม เขาบอกออกมาว่า เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าการให้คนอื่นเปลี่ยน  การฝึกตัวเองให้ฟังเป็นทำให้ได้พบเรื่องดีๆในตัวเอง   น่าดีใจและเป็นปลื้มกับเขาจริงๆค่ะ

 

11 กรกฎาคม 2551

 

 

หมายเลขบันทึก: 193883เขียนเมื่อ 13 กรกฎาคม 2008 05:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:17 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)

อ่านบันทึกหมอเจ๊...แล้วได้ประโยชน์..มากมาย...ผมขอไม่แลกเปลี่ยน..แต่ผมขอเรียนรู้....ให้อิ่มเลยนะครับ

  • ดีใจจังที่พี่หมอเอาไปจัดหลักสูตรได้
  • เกิดประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่มากๆๆ
  • การฟังแบบที่สี่นี้คนไม่ค่อยได้ใช้เท่าไร
  • พยายามเอาวิธีการ reflective thinking
  • ไปใช้กับนิสิตอยู่เหมือนกัน
  • มาขอบคุณเรื่องคุณป้า
  • วัดน้ำตาลได้ตั้ง 200
  • ทำไมมากจังเลย งง งง

สวัสดีวันหยุดค่ะคุณหมอเจ๊

เป็นบันทึกที่ได้ข้อคิดมาก ๆ ค่ะ บันทึกก็สวยงาม มีภาพ บรรยากาศดีค่ะ

เห็นด้วยและขอนำไปใช้เตือนตัวเองค่ะ

เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าการให้คนอื่นเปลี่ยน

                            (^__^) 

สวัสดีค่ะท่านพีหมอเจ๊คนสวย

สบายดีไหมคะ  ตามมาทักทายเพราะความคิดถึงคะ อิอิ

แหมเป็นทุกระดับประทับใจได้ไหมคะ เพราะการคุยต้องอยู่ที่คุ่สนทนาด้วยว่าคือใคร และเหตุการณ์ด้วยคะ  หลัง ๆ ต้องคิดก่อนพูดเยอะๆ คะ ทำให้เราได้อะไรเยอะในการคิด รวมถึงรู้จักแบ่งความเข้าใจในตัวผู้ที่เราพูดด้วย

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ คิดถึงไม่แพ้ คิดถึงไม่ชนะ(คิดถึงเสมอค่ะ)

สวัสดีครับ  การปรับเปลี่ยนตนเองตามหลักของศาสนา คือผู้ครองธรรม  ที่สุพรรณเป็นเช้าที่สดใส นำความสดชื่นมา พร้อมความสุขสดใสมามอบให้ครับ

  • ครู พิสูจน์ ค่ะ
  • ไม่แลกเปลียนก็ไม่เป็นไรค่ะ อ่านมาแล้วก็อยากให้คนอื่นได้รู้ด้วยค่ะ  มาอ่านกันเยอะๆนี่ดีนะค่ะ
  • การฟังระดับสุดท้าย ไม่มีความเครียด ด้วยว่า สิ่งที่คนอื่นพูดนั้น ได้ผสมความเป็นตัวตนของคนฟังอยู่ด้วยค่ะ

กลับมาอีกครั้ง...นำภาพมาฝากค่ะ

 

ถูกต้องครับพี่หมอเจ๊****ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่  เว้นเพียงแต่ต้นทุนบุญกุศล  ทิ้งสมบัติทั้งหลายให้ปวงชน  ร่างของตยเขายังเอาไปเผาไฟ......

จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดครับ***จงเตือนตนด้วยตนเอง***

สวัสดีค่ะ  อ.หมอเจ๊

  • เดี๋ยวนี้ใครๆก็มีแนวคิดมาพัฒนาและเปลี่ยนแปลงตัวเองกันนะคะ
  • ตัวเองเปลี่ยนเดี๋ยวคนรอบข้างก็เปลี่ยนตามเป็นความเชื่อที่มีคนพิสูจน์มาแล้ว
  • ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันเรื่องราวดีๆค่ะ
  • คิดถึงจังค่ะ
  •  
    • น้อง ขจิต ฝอยทอง จ๋า
    • พี่เคยจัดมาแล้ว 2 หลักสูตร พบว่า คนของพี่มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นค่ะ
    • .......
    • พี่ได้ประสบการณ์ว่า หากนำคนที่คุ้นชินกับการสอนคน มาฝึกการฟัง แค่คาดหวังให้ฟังให้ลึกถึงระดับที่ 3 ก็ยากสำหรับกระบวนกรแล้วค่ะ 
    • ........
    • การฝึกการฟังให้ลึกได้ถึงระดับ 3 จึงนับว่าเป็นประสบการณ์หนึ่งของการเดินออกจากไข่แดงของคนที่ชอบสอนคนอย่างหนึ่งค่ะ
  • คนไม่มีราก ค่ะ
  • ในเมื่อชมมาแล้ว ก็ขอรับไว้ค่ะ
  • ................
  • อันที่จริงนั้นภาพที่นำมาประกอบ มีความหมายซ่อนอยู่ค่ะ
  • คนส่วนใหญ่คุ้นกับการฟังถึงระดับ 2  จะคุยไปได้ถึงระดับ 4 ต่อเมื่อได้อยู่กับธรรมชาติ 
  • ธรรมชาติมันเป็นปัจจุบันขณะ เป็นอย่างที่มันเป็น
  • เวลาคุยกับธรรมชาติแล้วมีเรื่องราวบอกสิ่งที่ได้ยิน ก็เพราะว่าแท้จริง คู่คุยคือตัวเอง ที่ธรรมชาติแอบจับให้นะเองค่ะ
  • การฝึกคุยกับตัวเองผ่านบรรยากาศธรรมชาติ ในแบบที่ตั้งใจทำ  ต้องจริงใจกับตัวเองมากค่ะ จึงจะฟังตัวเองผ่านลึกถึงระดับ 4 ได้ เอาแค่ผ่านระดับ 3 บางคนก็ตกม้าตายก่อนแล้วค่ะ 
  • ..................
  • การฝึกฟังตัวเอง จึงเป็นเรื่องฝืนความคุ้นชิน ในการออกจากพื้นที่ไข่แดงอีกรูปแบบหนึ่ง
  • .................
  • หมอเจ๊พบบางคนแปลก แปลกที่มีความกลัว กลัวการคุยกับตัวเอง  คนส่วนใหญ่จึงไม่ใคร่คุยกับตัวเองให้ลึกถึงระดับ 4สักเท่าไร นอกจากคนๆนั้นตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง
  • ................
  • การที่คนกลัวการคุยกับตัวเอง แล้วคุยลึกแค่ระดับ 2 เท่านั้น จะไม่มีวันที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เกิดเป็นคนใหม่ได้เลย
  • ................
  • ขอบคุณที่นำภาพมาร่วมให้บันทึกนี้มีสีสัน
  • ไหนๆก็นำมาแล้ว ลองสะท้อนกับตัวเองดูซิค่ะว่า เมื่อเราเห็นภาพนี้  ตัวเราคุยกับตัวเองอย่างไร
  • ................
  • สำหรับตัวหมอเจ๊  ตัวเองคุยบอกกลับมาว่า แวบแรกที่มองภาพนี้  ตัวเองอยู่ในภาวะผ่อนคลายค่ะ  พร้อมรับรู้มาว่า อ้อ! ไม่ใช่เมืองไทย  และไม่มีคำว่า "สวย-ไม่สวย"
  • แล้วต่อมาก็มีคำคุยเพิ่ม "เออ! การสังเกตเราไม่ดี แค่แวบแรกที่มอง รู้แต่มีทะเลและตึก มีฝีมือเก็บรายละเอียดอยู่แค่ข้างบนเอง เวลามองแค่แวบมอง" 
  • ตอนที่ได้ยินเรื่องหลัง ภาพไม่ได้อยู่ตรงหน้าแล้วค่ะ
  • ...............
  • ลองพิจารณาดูนะค่ะ การฟังตัวเองที่หมอเจ๊เล่า เป็นการฟังลึกระดับไหน
  • .................
  • สำหรับหมอเจ๊นั้น หมอเจ๊ว่าการฟังที่เล่ามา ยังเป็นแค่ลึกระดับ 3 ไม่ใช่ 4
  • น้อง Ranee คนงาม
  • ก่อนอื่นขอขอบคุณ ภาพงามที่ส่งมาให้ได้ชมอยู่เรื่อยๆนะค่ะ
  • หมอเจ๊อ่อนเรื่องการใช้เทคโนโลยี จึงไม่ใคร่ได้ตอบกลับค่ะ
  • เอาไว้ได้เจอกันอีก จะจับให้นั่งสอนพี่เพื่อเพิ่มพูนความรู้พี่นะค่ะ
  • ..........
  • การคุยทุกระดับที่เอามาเล่านี้  เขาหวังให้ตัวเราใช้คุยกับตัวเราเองให้ได้ลึกถึงระดับ 4 ค่ะ ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์อะไรในสังคมที่เราอยู่
  • ผู้ที่นำมาแนะ มีประสบการณ์พบว่า ถ้าเราวิเคราะห์ตัวเราในฐานะคู่คุย  ฝึกจนเราฟังได้ลึก ลึกจนถึงระดับ 4 ตัวเราจะเปลี่ยนแปลงเสมือนเกิดเป็นคนใหม่เลยค่ะ
  • ...........
  • ลองฝึกดูนะค่ะ
  • สนุกนะค่ะ เชียร์ค่ะ
  • ขอมอบกอดดดดดดดดดดดดดด ตอบกลับความคิดถึงที่มีต่อกันค่ะ
  • ท่าน ครูนายประจักษ์ เจ้าขา
  • หมอเจ๊ขอบคุณค่ะ
  • เห็นดอกกุหลาบอาจารย์ ทั้งๆที่กำลังปวดหัว เพราะเมื่อคืนนอนน้อยไปหน่อย หมอเจ๊สัมผัสกับความสดใสในขณะนี้ของใจตัวเองได้ค่ะ
  • คุณน้อง วัชรินทร์ เขจรวงศ์ เจ้าขา
  • เรียกหมอเจ๊ว่าพี่ จึงขอรับเอาไว้เป็นน้องชายอีกคนบนโลกเสมือนแห่งนี้ ด้วยความยินดียิ่งค่ะ
  • ...............
  • หมอเจ๊ฝึกตัวเองกับการสนทนา 4 ระดับมาแล้วระยะหนึ่งค่ะ
  • แล้วก็ได้ข้อเตือนตนอย่างที่น้องว่า "จเตือนตนด้วยตนเอง" เป็นข้อจริงในโลก ที่คนเราพึงกระทำอย่างยิ่ง
  • การฝึกสนทนาให้ได้ลึกถึงระดับ 3-4 ทำให้พี่ได้พบว่า สิ่งดีๆในชีวิต มันเดินมาสู่มือพี่เอง โดยไม่ต้องใช้ความพยายามจะคว้ามัน
  • pa_daeng [มณีแดง คนสวย แซ่เฮ] ค่ะ
  • คิดถึงป้าแดง มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
  • หมอเจ๊เพิ่งได้รับคำสั่ง ให้เข้ากทม.มาร่วมประชุม เตรียมรับการรับรองรอบ 4 ของ HA กลางเดือนสค.นี้
  • ป้าแดงเข้าไปด้วยมั๊ยเอ่ย ถ้าเข้าไปจะชวนไปบุกบ้านป้าจุ๋ม และเรือนนอนของนักเรียนโข่งวิทยากันค่ะ
  • ................
  • ขอแลกเปลี่ยนกับข้อนี้ "ตัวเองเปลี่ยนเดี๋ยวคนรอบข้างก็เปลี่ยนตามเป็นความเชื่อที่มีคนพิสูจน์มาแล้ว"
  • .................
  • ในความจริงก็คือ ไม่มีใครเปลี่ยนตาม มีแต่เราที่เปลี่ยน แต่การเปลี่ยนของเรา ทำให้เราเปิดใจรับคนอื่นได้มากขึ้น เข้าใจคนอื่นมากขึ้น เมื่อเกิดความเข้าใจ คนอื่นที่เราเห็นก็เป็นคนใหม่เช่นกัน
  • .................
  • มุมนี้ต่างหากค่ะ ที่ไปทำให้เกิดเป้นข้อสรุปข้างบน
  • .................
  • หมอเจ๊ขอยืนยันว่า "ไม่มีใครเปลี่ยนคนอื่นได้ นอกจากตัวคนอื่นคนนั้นเขาเปลี่ยนตัวเองค่ะ"

สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

  • อ่านเรื่องการฟังนี้แล้วคิดถึงสถานการณ์ในที่ทำงานค่ะ ในวงการประชุมหลายๆ กลุ่ม และหลายระดับ ที่มีโอกาสเข้าไปร่วมด้วย พบว่า แทบไม่มีเลย คนฟังในระดับสาม สี่
  • อยากได้หลักสูตรแบบนี้บ้าง อยากให้คนรอบข้างหลุดออกจากพื้นที่ไข่แดง แต่เรารู้ดีว่า เราไม่ใช่คนที่จะชี้ บอกทางเขาได้ค่ะ และอีกเหตุผลคือ คนในพื้นที่ทำงาน วิเคราะห์ดูแล้ว ชอบให้คนนอกเป็นคนบอกทาง ไม่ว่าคนในจะมีคุณสมบัติยอมรับได้แค่ไหน
  • เห็นด้วยค่ะว่า เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าการให้คนอื่นเปลี่ยน
  • เปลี่ยนแต่ตัวเองไปก่อน คนอื่นจะเปลี่ยนเมื่อไรอยู่ที่ตัวเขาแล้วนะคะ ดาวลูกไก่ยอมรับและทำใจเลยค่ะ
  • ทุกวันนี้เวลาเข้าร่วมกิจกรรมประชุม (refresh) กลุ่มงานต่างๆ ฝึกตัวเองในการฟังแบบห้อยแขวนไว้ (ใช่ไหมคะ) ไม่ตัดสินอะไร ไม่ให้เกิดอาการเอียง แล้วแปลกที่สามารถเสนอความเห็นเป็นกลางๆ ให้เพื่อนร่วมงานได้ค่ะ แปลกใจตัวเอง (แต่บอกเพิ่มว่า อย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อ ลองทดลองและถ้ามันไม่ใช่ก็ปรับๆ ตามที่เห็นว่าน่าจะ...ฯลฯ ค่ะ กลัวกลายเป็นผู้มีอิทธิพล อิอิ 55)
  • ^^ ขอบคุณค่ะ

สวัสดีครับพี่หมอเจ๊

    สบายดีไหมครับ แต่เห็นกิจกรรมแล้วสุขใจไปกับกิจกรรมครับ เลยขอสนับสนุนสั้นๆ ว่า

    ทำใจตนเองง่ายกว่าทำใจคนอื่น  เกิดมาเพื่อทำใจครับ ทำใจตัวเอง ทำใจให้สบาย ทำใจกันต่อไปครับ

ขอบคุณมากๆ นะครับ

  • น้อง ดาวลูกไก่ ชื่นชมยินดี เจ้าขา
  • พี่ว่าน้องไม่ต้องจัดหลักสูตรอะไรพิเศษหรอกค่ะ
  • ที่เล่ามาถึงประสบการณ์ตัวเองเวลาประชุมนั่นแหละค่ะน้อง ฝึกต่อไปเถอะค่ะ เดี๋ยวคนหลายคนก็เป็นวิทยากรให้กันเองเองได้
  • ฟังที่เล่ามามีการฝึกสนทนาให้ได้ลึกระดับ 3 กันอยู่แล้วนี่ค่ะ
  • เพียงเติมเวทีให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จากรูปแบบการฟังส่วนตนที่เปลี่ยนไป เดี๋ยวน้องก็จะนำพาไปได้ถึงระดับ 4 กันเองค่ะ
  • น้อง เม้ง สมพร ช่วยอารีย์ จ๋า
  • ทำใจจริงๆนั้น ไม่สามารถทำโดยสั่ง ไม่ลงมือฝึกฝนให้ได้สนทนากับตัวเองได้ลึกถึงระดับ 3 ละก็จะไม่มีทางทำใจได้จริงๆเลยจ๊า
  • การฝึกสนทนาที่พี่ว่าไว้ข้างบน เอาไว้เพียงแค่ฝึกให้ได้ถึงระดับ 3  อย่างเราๆที่ร่ำเรียนมาด้วยการหนักใช้สมองซีกซ้ายมาตลอด ทำยากมากนะค๊า คุณน้องเจ้าขา
  • ลองฝึกดูนะค่ะ  สนทนาอย่างไรที่จะทำให้เราวางตัวตนในฐานะผู้ฟังได้อย่างไม่มีการผนวกการตัดสินผิด-ถูกของตัวเรา หรือกฎเกณฑ์ใดๆ ฟังแบบไม่ผนวกความคิดของเราลงไปในระหว่างการฟังเพื่อให้เรื่องที่ผู้พูดพูดไม่มีความใดๆลงไปปนเปื้อนโดยผู้ฟังแอบใส่ลงไป  ฟังแบบไม่ตัดสินในใจกับเรื่องที่กำลังสนทนาก่อนเริ่มฟัง ฟังแบบไม่ตั้งธงในใจตัดสินคนพูดก่อนเริ่มฟัง ฟังแบบยกเอาคำตัดสินต่อเรื่องราวที่กำลังสนทนาไปวางไว้ที่อื่นก่อนเริ่มสนทนา สนทนาจบแน่แล้ว จึงหยิบมันมาผสมเจือปนลงไปเพื่อให้ได้ความคิดใหม่ๆจากการสนทนา
  • ไม่ง่ายๆๆๆๆๆๆ เลยค่ะ ขอบอก
  • แต่ถ้าทำได้ ยอดคนจริงๆค่ะ

สวัสดีครัีบพี่หมอเจ๊

    ขอบคุณมากครับ  การที่เราเข้าไม่ถึงการฟังในระดับสามหรือสี่ นั้น จินตนาการที่เราคิดจินตนาการตามแล้วเอาความคิดเราไปคลุกอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ เพราะฐานคิดและฐานอารมณ์ของตัวเรามันจ้องจะเล่นงานอยู่หรือเปล่าครับ...

    จากแผนภาพนี้ หากมีเป็นแบบนี้จริง เราควรจะตัดขาทั้งสองข้างออกไปก่อนไหมครัีบ ในขณะที่ฟัง....

http://gotoknow.org/file/mrschuai/thinking-base5.jpg

    ในภาพรวม แนวทางนี้น่าสนใจดีครับ เป็นการปิดสวิทช์บางตัวทิ้งในขณะกำลังฟัง ฟังใ้ห้รับให้หมดก่อน แล้วค่อยเอาฐานคิดตัวเองไปคลุก เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆร่วมกัน

    ดูแล้วเป็นการฝึกธรรมอย่างหนึ่งเลยนะครัีบ

ขอบคุณมากๆ นะครับ หากผมเข้าใจอะไรผิดไปรบกวนชี้แนะด้วยครับผม

สวัสดีค่ะ

  • ขอแนะนำ บล๊อกเกอร์ใหม่ http://gotoknow.org/blog/pcu05075/193914
    • ตามประสบการณ์ส่วนตัวของพี่
    • การสนทนาให้ได้ลึกถึงระดับ 3 นั้น ต้องปิดสวิทช์ของทั้งแขนและขาในภาพเลยค่ะ เสมือนว่าฐานคิดนั้นว่างเปล่า ไม่เคยบันทึกอะไรไว้
    • สนทนาจบแล้ว จึงเริ่มเปิดสวิทช์ทั้งภาพค่ะ เอาฐานคิดที่รับมาใหม่ ลงไปผสมผสานกับฐานคิดเดิม
    • แล้วตอนนี้แหละที่สมองของเราจะได้ประสบการณ์ว่า เรียนรู้เรื่องใหม่อะไร
    • ...........
    • คล้ายๆสมองเด็กที่ค่อยๆต่อเติมฐานคิดลงไปทีละเล็กทีละน้อยจากประสบการณ์ในชีวิตที่ตัวเองก็อธิบายวิธีบันทึกในตอนนั้นไม่ได้ แต่ธรรมชาติมันวางกลไว้ให้บันทึกเองด้วยผัสสะทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ
    • ...........
    • ดังนั้นถ้าให้พี่ต่อภาพของเม้งให้สมบูรณ์ พี่ว่าส่วนที่ยังขาดคือ ก่อนถึง 2 ขาค่ะ
    • เป็นภาพความสัมพันธ์อยู่ 2 ขั้นตอน คือ
    • ขั้นตอนแรก ผัสสะ 4 กับฐานใจ ขั้นตอนต่อมา จึงเกิดฐานคิดค่ะ
    • อยากจะแก้ภาพให้เอง แต่จนใจด้อยทักษะด้านคอมฯค่ะ
    • จึงขอใช้คำอธิบายแทนนะค่ะ
    • ดีจังค่ะ ที่ได้แลกเปลี่ยน และเม้งช่วยถอดออกมาให้เข้าใจง่ายขึ้น
    • ขอบคุณค่ะ

    สวัสดีครับคุณหมอเจ้ คนสวย

    • แวะมาเยี่ยมหมอเจ้ครับ
    • มาอ่านบันทึกครับผม
    • เห็นด้วยครับ
    • เราเปลี่ยนตัวเอง
    • ง่ายกว่า
    • เปลียนคนอื่นจริง ๆ ครับ
    • ขอบคุณหมอเจ้ นะครับ
    • ยังไงก็รักษาสุขภาพนะครับ
    • ครูโย่ง ค่ะ
    • หมอเจ๊หมายมาดว่า จะมีโอกาสไปเยี่ยมเมืองสุพรรณให้ได้สักวันนะค่ะนี่

    สวัสดีครัีบพี่หมอ

        ขอบคุณมากๆ ครัีบ สำหรัีบประสบการณ์ที่ดีครับ ในภาพพอดีผมมองแขนคือการรับรู้จากภายนอกแขนใดแขนหนึ่ง อาจจะเป็นการฟังหรือการรับรู้ปัญหา หรือการรับรู้จากภายนอก โดยเราตัดส่วนฐานภายในตัวเราคือปิดสวิทช์ขาทั้งสองส่วนคือฐานสมองและฐานใจไปก่อน แล้วรับฟังสิ่งนั้นให้เต็มที่ เมื่อรับจนก็ให้เปิดสวิทช์ขา เพื่อเข้าสู่การประมวลผลครับ

    สำหรับแฟ้มภาพใน PowerPoint พี่ดาวโหลดไปแก้ไขได้เลยนะครับ ที่นี่นะครัีบ

    http://www.schuai.net/gotoknow/thinking-base.ppt

    มีอยู่สองหน้านะครัีบ พี่คัดลอกหน้าที่สองไปวางในหน้าใหม่หน้าที่สามแล้วแก้ไขได้เลยครับ แล้วรบกวนพี่ส่งมาให้ผมด้วยนะครับ จะได้ต่อยอดกันไปเรื่อยๆ ครัีบ

    การถกในเรื่องฐานคิดคน เขียนไว้ที่นี่ครัีบ  ฐานคิดคน...สมดุลคน

    ขอบคุณพี่มากๆ นะครัีบ ชื่นชมทีมงานนะครัีบ

    • ดีจังที่ได้แลกเปลี่ยน ทำให้พี่ได้ขยายอะไรที่อยู่ในหัวขมองออกมา 
    • การได้ลองเขียนดูสักตั้ง ทำให้พี่เข้าใจตัวเองชัดขึ้น
    • การที่ได้ใคร่ครวญประสบการณ์ที่ตัวเองเรียนรู้เพื่อจะบอกออกมาอย่างไร เหมือนได้ทบทวนว่าเรารู้อะไรอย่างไรด้วย
    • ขอบคุณมากนะเม้ง

    ตามมาเรียนกับพี่หมอเจ๊มั่ง เข้าใจเรื่องการสนทนามากขึ้นครับ มีประโยชน์มาก ยังนึกเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมฝึกการฟังด้วย แต่ก็จะได้เรียนในหลักสูตรที่ผมกำลังเรียนด้วยครับ เรียนแล้วจะได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ

    อ้อ..พี่หมอครับ เรื่องที่เมล์กันได้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นข้อเท็จจริงบางอย่างที่เป็นประโยชน์ แต่ปัญหาอยู่ที่ถ้าระดับสูงลงไปเล่นด้วยแล้วใครจะเป็นกรรมการละครับ กำลังหาทางแก้ไข กำลังจะเขียนบันทึกเพื่อเตือนสติทุกฝ่ายกันครับ แต่ไม่ใช่เข้าข้างใคร เพราะหากจะเข้าไปไกล่เกลี่ยเราต้องวางตัวเป็นกลางครับ

    • อัยการชาวเกาะ ค่ะ
    • พี่ก็หวังอยู่ว่า บันทึกที่เขียนเตือนสติทั้งหลาย จะช่วยไกล่เกลี่ยให้เกิดความเข้าใจกันได้ค่ะ
    • .........
    • ดีจังที่หลักสูตรของโรงเรียนโข่งวิทยา มีบทเรียนการสนทนาด้วย
    • วันนี้ เอก(จตุพร) มากระบี่ เพิ่งพาไปลิ้มรสอาหารทะเลกันมา น้องเขามาถึงที่นี่ 2 ทุ่มครึ่งเห็นจะได้ เพิ่งแยกจากกันมา
    • ก็ยังได้คุยกันถึงหลักสูตรโข่งวิทยา และเรื่องราวมากหลาย รวมทั้งสไตล์การสนทนาระดับต่างๆค่ะ
    • เราได้แลกเปลี่ยนกัน เกี่ยวกับความเข้าใจของการจัดและดำเนินการเกี่ยวกับการสนทนาไปบ้าง แต่ไม่ได้ลงลึกไปเท่าไรค่ะ
    • พี่เลยได้ข้อมูลว่า น้องชายคนดี เป็นขวัญใจของรุ่นทีเดียวเชียวนะ
    • อิอิ.....ที่อื่นเขาเลือกขวัญใจรุ่นเป็นผู้หญิงกันนะ....โข่งวิทยานี่แปลก.....เลือกผู้ชายเป็นขวัญใจรุ่น
    • คารมเป็นต่อ แถมรูปหล่ออีกต่างหาก เลยชนะใจพ่อยกแม่ยกอย่างสบาย ยห. อย่าห่วงเลยนี่นา....ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
    • คิดถึงค่ะ..จึงตามมา
    • ได้อ่านเรื่องราวดีๆอีกด้วย
    • รักษาสุขภาพด้วยนะคะ..เห็นทำงานเยอะจัง
    • ป้าตี๋..ไปสบายและค่ะอาจารย์
    • พี่กำลังทบทวนตัวเองเรื่องการทำงานอยู่เหมือนกันจ๊าหนูรัตน์จ๋า
    • ไปต่อเรื่องป้าตี๋ไว้แล้ว ดูหน่อยนะค่ะ น่าสนใจที่จะให้ป้าตี๋เป็นครูเรานะน้องนะ

    สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊

    หนิงตั้งใจมาบอกว่า  หนิงก็จะไปอบรมฯที่กทม. ช่วง ต้นเดือนสค.ค่ะ 4- 16 จะได้ไปซื้อหวย 814 เอ๊ย..ขอกอดคนแซ่เฮ  โดยเฉพาะพี่หมอเจ๊ไงคะ  อิอิ

    • น้องหนิงเจ้าข้าเอ๊ย
    • พี่เข้ากรุง 30 กค. นะค่ะ และจะกลับ 3 สค. เย็นค่ะ
    • ผ่างๆๆๆๆ บอกกล่าวมาเพื่อทราบทั่วกันค่ะ

    สวัสดีค่ะ อาจารย์ ได้ประโยชน์จากบันทึกนี้มากมาย ค่ะ ขอบคุณมากค่

    • น้อง paula ที่ปรึกษา~natadee ค่ะ
    • ถ้าเราเอามันมาใช้ให้เป็น เราจะช่วยเพื่อน ช่วยคนได้อีกมากมุม ที่สำคัญคือ ทำให้เรียนรู้ความรู้สึกในใจเราด้วย ฟังตัวเราได้ยินด้วยค่ะน้องขา
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท