บันทึกของวันนี้ ฉันอยากบอกเรื่องการสนทนา 4 ระดับที่ได้ตามไปอ่านที่บันทึกของคุณหมอวิธาน ฐานะวุฒิมาค่ะ
คุณหมอได้เล่าถึง การสนทนา 4 ระดับ ที่ออตโต ชาร์มเมอร์ เจ้าของทฤษฎีตัวยู ได้เอ่ยไว้ เริ่มตั้งแต่ การสนทนาระดับผิวๆ ไปจนถึงการสนทนาระดับลึกมากๆ โดยบอกว่าความแตกต่างของการสนทนาแบบผิวๆกับการสนทนาแต่ละระดับที่ลึกกว่า อยู่ที่ปฏิกิริยาต่อการพูดคุย ผลลัพธ์จากการฟัง การทำงานของใจ และความคิดขณะที่ฟังของคู่สนทนา
ลักษณะของการสนทนาที่จัดเป็นการสนทนาระดับผิวๆ ได้แก่ การสนทนาแบบรักษามารยาท การสนทนาแบบนี้สิ่งที่พูดคุยกันกับสิ่งที่คู่คุยคิดนั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
ปฏิกิริยาต่อกันของคู่สนทนาจะมีความรวดเร็ว เป็นการพูดคุยที่เมื่อผู้ถามถามขึ้น ผู้ฟังจะตอบไปทันควัน เป็นคำทักทายกันทั่วๆไปที่ใช้กันในสังคม เป็นการคุยกันแบบไปไหนมาสามวาสองศอก การสนทนาแบบนี้มักจะเป็นอะไรที่ผิวเผิน เป็นอะไรที่เบาๆสบาย ณ เวลาขณะคุย
( ดอกหญ้าและดอกไม้ ถ่ายจากหลังบ้านและสวนป่า นำมาให้ ฝึกการฟังตัวเองค่ะ)
การสนทนาที่ลึกขึ้นมาอีกระดับ ได้แก่ การสนทนาที่คู่สนทนาใช้ความคิดกับเรื่องที่พูดกันไปด้วย ด้วยคาดหวังอยู่ว่าจะมีอะไรที่ได้กลับจากการสนทนากัน จะเริ่มมีความตึงเครียดผนวกเข้ามาในปฏิกิริยาระหว่างคู่สนทนา การสนทนาในระดับนี้ลงเอยด้วยข้อสรุปเรื่องถูก-ผิด ใช่-ไม่ใช่ หรือมีการขัดกันแย้งกันในระหว่างการสนทนา เป็นการสนทนาที่ไม่ใคร่เบาสบาย ไม่ผ่อนคลายเท่าไร
การสนทนาที่ลึกขึ้นมาอีกระดับ ได้แก่ การสนทนาที่คู่คุย เปิดหัวใจต่อกัน เปิดพื้นที่การฟังให้กับการพูดของคนตรงหน้า เป็นการสนทนาที่คนฟัง ฟังอย่างตั้งใจว่า เหตุการณ์ที่ได้ฟังอยู่นั้นไม่มีใครผิดและถูก ฟังแบบละไว้ซึ่งการหาประเด็นถูก-ผิด ฟังแบบไม่วิเคราะห์เพื่อตัดสิน ฟังจบแล้วสะท้อนสิ่งที่เห็นและรู้สึกต่อสิ่งที่ ได้ยินนั้นให้ตัวเองฟังในใจ บรรยากาศการสนทนาเยี่ยงนี้จะให้ความผ่อนคลาย คู่สนทนานั้นเล่าก็ได้พบเรื่องใหม่ ได้ความคิดใหม่ๆเกิดขึ้นมากับตัวเองค่ะ
( ภาพเด็กและดอกไม้ รวบรวมมาจากหลาย web ให้ใช้ฝึกฟังตัวเองเช่นกันค่ะ)
การสนทนาระดับลึกที่สุด ได้แก่ การสนทนาที่เกิดขึ้นภายหลัง คู่สนทนาได้สะท้อนสิ่งที่เห็นและรู้สึกต่อสิ่งที่ได้ยินกับตัวเอง ความรู้ที่เรียนรู้จากการสะท้อนและรู้สึกต่อสิ่งที่ได้ยินนั้นหลอมรวมกับความรู้ในตนเกิดเป็นนวตกรรมใหม่ความคิดใหม่ๆ แล้วสนทนาสดๆ ออกมา ณ เวลานั้นๆ การสนทนาระดับนี้ คู่สนทนาจะช่วยส่งให้เกิดความคิดซึ่งได้หลอมและรวมความคิดของกันและกัน สร้างสรรค์ออกมาเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยเกิดมา บรรยากาศการสนทนาจึงมีความสุขและความผ่อนคลาย ไม่มีความขัดแย้ง สิ่งที่คุยกันนั้นมีเนื้อหาสาระแต่ไม่ทำให้เครียด
ใครที่ตามมาอ่าน ลองทบทวนนะค่ะว่า เหตุการณ์ตรงหน้าที่ท่านกำลังอยู่กับมัน เป็นการคุยระดับไหน คุณหมอบอกไว้ว่า ส่วนใหญ่คนเรานั้นจะสนทนากันอยู่ใน 2 ระดับแรกมากกว่า ใครที่มักจะเครียดกับการคุยกับตัวเอง หรือ คุยกับคนอื่น ลองวิเคราะห์ตัวเองดูสักหน่อยนะค่ะ
ความรู้ที่ได้นี้ ฉันเคยนำไปลองจัดหลักสูตรให้กับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับเรื่องการฝึกฟัง เขาทั้งหลายบอกว่า เขามีความสุขขึ้น เมื่อฟังออกได้ว่า ความเป็นไปของคนเกิดจากความแตกต่างที่มันเป็นของมันอยู่แล้วเช่นนั้นเอง หามีใครสามารถที่จะเปลี่ยนมันไม่ การที่เกิดความเครียดในตัวเขาเองนั้นไซร้ เกิดมาจากตัวเขา คาดหวังคนอื่นให้เปลี่ยนแปลง
ที่สุดของความคิดที่อุบัติขึ้นมาใหม่จากคนที่ได้เข้าอบรม เขาบอกออกมาว่า “เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าการให้คนอื่นเปลี่ยน” “การฝึกตัวเองให้ฟังเป็นทำให้ได้พบเรื่องดีๆในตัวเอง” น่าดีใจและเป็นปลื้มกับเขาจริงๆค่ะ
11 กรกฎาคม 2551
อ่านบันทึกหมอเจ๊...แล้วได้ประโยชน์..มากมาย...ผมขอไม่แลกเปลี่ยน..แต่ผมขอเรียนรู้....ให้อิ่มเลยนะครับ
สวัสดีวันหยุดค่ะคุณหมอเจ๊
เป็นบันทึกที่ได้ข้อคิดมาก ๆ ค่ะ บันทึกก็สวยงาม มีภาพ บรรยากาศดีค่ะ
เห็นด้วยและขอนำไปใช้เตือนตัวเองค่ะ
“เปลี่ยนตัวเองง่ายกว่าการให้คนอื่นเปลี่ยน”
(^__^)
สวัสดีค่ะท่านพีหมอเจ๊คนสวย
สบายดีไหมคะ ตามมาทักทายเพราะความคิดถึงคะ อิอิ
แหมเป็นทุกระดับประทับใจได้ไหมคะ เพราะการคุยต้องอยู่ที่คุ่สนทนาด้วยว่าคือใคร และเหตุการณ์ด้วยคะ หลัง ๆ ต้องคิดก่อนพูดเยอะๆ คะ ทำให้เราได้อะไรเยอะในการคิด รวมถึงรู้จักแบ่งความเข้าใจในตัวผู้ที่เราพูดด้วย
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ คิดถึงไม่แพ้ คิดถึงไม่ชนะ(คิดถึงเสมอค่ะ)
สวัสดีครับ การปรับเปลี่ยนตนเองตามหลักของศาสนา คือผู้ครองธรรม ที่สุพรรณเป็นเช้าที่สดใส นำความสดชื่นมา พร้อมความสุขสดใสมามอบให้ครับ
กลับมาอีกครั้ง...นำภาพมาฝากค่ะ
ถูกต้องครับพี่หมอเจ๊****ยศและลาภหาบไปไม่ได้แน่ เว้นเพียงแต่ต้นทุนบุญกุศล ทิ้งสมบัติทั้งหลายให้ปวงชน ร่างของตยเขายังเอาไปเผาไฟ......
จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดครับ***จงเตือนตนด้วยตนเอง***
สวัสดีค่ะ อ.หมอเจ๊
สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊
สวัสดีครับพี่หมอเจ๊
สบายดีไหมครับ แต่เห็นกิจกรรมแล้วสุขใจไปกับกิจกรรมครับ เลยขอสนับสนุนสั้นๆ ว่า
ทำใจตนเองง่ายกว่าทำใจคนอื่น เกิดมาเพื่อทำใจครับ ทำใจตัวเอง ทำใจให้สบาย ทำใจกันต่อไปครับ
ขอบคุณมากๆ นะครับ
สวัสดีครัีบพี่หมอเจ๊
ขอบคุณมากครับ การที่เราเข้าไม่ถึงการฟังในระดับสามหรือสี่ นั้น จินตนาการที่เราคิดจินตนาการตามแล้วเอาความคิดเราไปคลุกอยู่ด้วยหรือเปล่าครับ เพราะฐานคิดและฐานอารมณ์ของตัวเรามันจ้องจะเล่นงานอยู่หรือเปล่าครับ...
จากแผนภาพนี้ หากมีเป็นแบบนี้จริง เราควรจะตัดขาทั้งสองข้างออกไปก่อนไหมครัีบ ในขณะที่ฟัง....
ในภาพรวม แนวทางนี้น่าสนใจดีครับ เป็นการปิดสวิทช์บางตัวทิ้งในขณะกำลังฟัง ฟังใ้ห้รับให้หมดก่อน แล้วค่อยเอาฐานคิดตัวเองไปคลุก เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆร่วมกัน
ดูแล้วเป็นการฝึกธรรมอย่างหนึ่งเลยนะครัีบ
ขอบคุณมากๆ นะครับ หากผมเข้าใจอะไรผิดไปรบกวนชี้แนะด้วยครับผม
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับคุณหมอเจ้ คนสวย
สวัสดีครัีบพี่หมอ
ขอบคุณมากๆ ครัีบ สำหรัีบประสบการณ์ที่ดีครับ ในภาพพอดีผมมองแขนคือการรับรู้จากภายนอกแขนใดแขนหนึ่ง อาจจะเป็นการฟังหรือการรับรู้ปัญหา หรือการรับรู้จากภายนอก โดยเราตัดส่วนฐานภายในตัวเราคือปิดสวิทช์ขาทั้งสองส่วนคือฐานสมองและฐานใจไปก่อน แล้วรับฟังสิ่งนั้นให้เต็มที่ เมื่อรับจนก็ให้เปิดสวิทช์ขา เพื่อเข้าสู่การประมวลผลครับ
สำหรับแฟ้มภาพใน PowerPoint พี่ดาวโหลดไปแก้ไขได้เลยนะครับ ที่นี่นะครัีบ
http://www.schuai.net/gotoknow/thinking-base.ppt
มีอยู่สองหน้านะครัีบ พี่คัดลอกหน้าที่สองไปวางในหน้าใหม่หน้าที่สามแล้วแก้ไขได้เลยครับ แล้วรบกวนพี่ส่งมาให้ผมด้วยนะครับ จะได้ต่อยอดกันไปเรื่อยๆ ครัีบ
การถกในเรื่องฐานคิดคน เขียนไว้ที่นี่ครัีบ ฐานคิดคน...สมดุลคน
ขอบคุณพี่มากๆ นะครัีบ ชื่นชมทีมงานนะครัีบ
ตามมาเรียนกับพี่หมอเจ๊มั่ง เข้าใจเรื่องการสนทนามากขึ้นครับ มีประโยชน์มาก ยังนึกเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วมฝึกการฟังด้วย แต่ก็จะได้เรียนในหลักสูตรที่ผมกำลังเรียนด้วยครับ เรียนแล้วจะได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันนะครับ
อ้อ..พี่หมอครับ เรื่องที่เมล์กันได้ข้อมูลเพิ่มเติมเป็นข้อเท็จจริงบางอย่างที่เป็นประโยชน์ แต่ปัญหาอยู่ที่ถ้าระดับสูงลงไปเล่นด้วยแล้วใครจะเป็นกรรมการละครับ กำลังหาทางแก้ไข กำลังจะเขียนบันทึกเพื่อเตือนสติทุกฝ่ายกันครับ แต่ไม่ใช่เข้าข้างใคร เพราะหากจะเข้าไปไกล่เกลี่ยเราต้องวางตัวเป็นกลางครับ
สวัสดีค่ะพี่หมอเจ๊
หนิงตั้งใจมาบอกว่า หนิงก็จะไปอบรมฯที่กทม. ช่วง ต้นเดือนสค.ค่ะ 4- 16 จะได้ไปซื้อหวย 814 เอ๊ย..ขอกอดคนแซ่เฮ โดยเฉพาะพี่หมอเจ๊ไงคะ อิอิ
สวัสดีค่ะ อาจารย์ ได้ประโยชน์จากบันทึกนี้มากมาย ค่ะ ขอบคุณมากค่