การพัฒนาคน ก็มาจาก “ ทึ่ง “ นี่แหละ เก็บตกจากงานผ้าป่าหนังสือ 27-28 มิย. 51


จากงานนี้ ก็ทึ่ง และ ปลื้มคะ พบเจ้าของบทกวี

      

        ใกล้ๆท้ายงานผ้าป่าหนังสือ  เราได้จัดเสวนาเล็กๆกับอาจารย์วิทยากร เชียงกูล 

 เจ้าของวรรคทอง   บทกวี ที่เป็นตำนานการขับเคลื่อนประวัติศาสตร์ของนักศึกษา ช่วง

14 ตุลา 2516

ที่ว่า

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

                             

     จัดเสวนาที่เด็กรักป่า  โดยมี อาจารย์วิทยากร  เชียงกูล

พร้อมด้วย สมาชิกชมรมศึกษาผลงานวิทยากร เชียงกูล  ได้แก่ หนูนิด

แผ่นดิน และสายลม บอกเล่าเรื่องราว บทกวีวรรคทอง มีผลต่อการเปลี่ยน

แปลงต่อยุคสมัย อย่างไร และเราเรียนรู้อะไร

 

โดยที่บทเต็ม มี 7 บท ดังนี้

       เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน


ดอกหาง นกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่เต็มฟากสวรรค์
คนเดินผ่าน ไปมากัน
เขาด้นดั้น หาสิ่งใด

ปัญญา มีขาย ที่นี่หรือ
จะแย่งซื้อ ได้ที่ไหน
อย่างที่โก้ หรูหรา ราคาเท่าใด
จะให้พ่อ ขายนา มาแลกเอา

ฉันมา ฉันเห็น ฉันแพ้
ยินแต่ เสียงด่า ว่าโง่เง่า
เพลงที่นี่ ไม่หวาน เหมือนบ้านเรา
ใครไม่เข้า ถึงพอ เขาเยาะเย้ย

นี่จะให้ อะไร กันบ้างไหม
มหาวิทยาลัย ใหญ่โตเหวย
แม้นท่าน มิอาจให้ อะไรเลย
วานนิ่งเฉย อย่าบ่นอย่าโวยวาย

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว

มืดจริงหนอ สถาบัน อันกว้างขวาง
ปล่อยฉัน อ้างว้าง ขับเคี่ยว
เดินหา ซื้อปัญญา จนหน้าเซียว
เทียวมา เทียวไป ไม่รู้วัน

ดอกหางนกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่เต็ม ฟากสวรรค์
เกินพอ ให้เจ้าแบ่งปัน
จงเก็บกัน อย่าเดิน ผ่านเลยไป



บทกลอนนี้เขียนขึ้นเมื่อ 31 ปีที่แล้ว โดยนักศึกษาธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ยูงทอง 27 มิถุนายน พ.ศ. 2511 พิมพ์ครั้งต่อมาในหนังสือรวมเรื่องสั้น และบทกวีชื่อ ฉันจึงมาหาความหมาย พ.ศ. 2514 ซึ่งเป็นหนังสือที่มีการพิมพ์ซ้ำอีก 12 ครั้ง ในช่วงปีพ.ศ. 2515-2542     

คัดลอกจาก http://www.osknetwork.com/modules.php?name=News&file=article&sid=187

 

             จากการฟังเสวนา ทำให้เข้าใจ คนแต่ละรุ่น ที่เข้าใจ   การตีความของ วรรค

ทองนี้ ในแง่มุมที่หลากหลาย และได้ฟังจากเจ้าของบทกวี ก็ดูจะให้เข้าใจ และตระหนัก

ในธรรมชาติ ภาวะนั้นๆ มากขึ้น

 

            คนหนุ่มสาว เมื่อ อ่านบทกวี ก็จะใช้เป็นแรงขับ หรือฉุกคิด หรือ สะท้อนภายใน

ใจ  นับว่าบทกวี มีอิทธิพลกับการเปลี่ยนแปลงภายใน มากจริงๆ

 

            คงเหมือนกับบทกวี ที่ไปทำเพลง ในยุคนี้ ที่จะมี วรรคทอง ในท่อน สองท่อน

และคนฟังจำ    ติดหู    ติดตา    ติดใจ แต่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่ทราบได้

 

            อาวุธ แบบนี้ ถูกเลือก นำไปใช้ในแง่ไหน ก็ได้ หรือเลือกว่า เราจะไปรับใช้

อะไร  เช่น รับใช้ตัวเรา     รับใช้ในสิ่งที่ต้องการสื่อสาร     รับใช้ให้เกิดพลังฮึก

เหิม      พลังทางสังคม    หรือพลังทางเศรษฐกิจ 

    

          ประเด็นที่น่าสนใจ ที่ อาจารย์วิทยากร  เชียงกูล  พูดถึง  ว่า ความหมาย ของ

 

 "  ฉันเขลา "  ไม่ใช่แปลว่า โง่  แต่ หมายถึง  ความไม่รู้  (  ที่สามารถทำให้รู้ได้ )   

 

"    ฉันทึ่ง  "  หมายถึงว่า คนเรา ต้องมีการตั้งคำถาม  เรียนรู้ด้วยคำถาม สงสัย คิด

........................................................................

 

          โดยส่วนตัวคิดว่า   การตั้งคำถาม และหาคำตอบ ก็เป็นเรื่องที่น่าท้าทาย และไปให้ถึง แต่

ระหว่างทางไปให้ถึง  เราคงต้องไม่รบกับตัวเอง และคนรอบข้างจนเกินไปนัก ค่อยๆไป ด้วย

ความเข้าใจ ความอบอุ่น น่าจะรื่นรมย์กว่า

 

        อีกทั้งเป็นประเด็นทางการศึกษา ว่า การพัฒนาคน ก็มาจาก   ทึ่ง นี่แหละ

ฟังจากงานนี้ ก็ทึ่ง  และ ปลื้มคะ  พบเจ้าของบทกวี

 



หมายเลขบันทึก: 191649เขียนเมื่อ 1 กรกฎาคม 2008 20:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

ชอบบทนี้เหมือนกันครับ

ทุกครั้งที่มีการชุมนุม คุณพ่อจะโทรศัพท์มาหาบอกผมว่า อย่าไปร่วมชุมนุมกับเขานะลูก เลยไม่ได้ไปร่วมเสียที และหลายครั้งก็เกิดเหตุ ไม่รู้เหมือนกันว่าดีหรือไม่ดี

ได้แต่ติดตามอ่านเรื่องราวของคนกล้าทั้งหลาย เวลาทำบุญตักบาตร กลุ่มคนที่มักอุทิศให้คือคนเหล่านี้ที่ทำเพื่อชาติ ล่าสุดคือพี่มด แกนนำชาวบ้านประท้วงการทำโรงไฟฟ้า อ่านชีวิตเธอแล้วอึ้ง เราไม่ได้แค่เสี้ยวธุลีของความดีเธอเลย คงต้องทำกันต่อไป

ขอคารวะดวงวิญญานทุกดวงที่เสียสละ

ขอคารวะหัวใจทุกดวงที่ยังมีฝัน รวมทั้งหัวใจของฉันด้วย

แค่รู้สึกแบบนี้มีอ่านกวีสี่ท่อนนี้ครับ

กระดาษแผ่นเดียวนี้ไม่พอ ยังมีหลายอย่างให้เรียนรู้ครับ

ปล.แอบมาบอกว่าวันนี้วันเกิดผมครับพี่หน่อย

ร่วมอวยพรกันที่ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=amp-atom&month=06-2008&group=2&date=29&gblog=77

ฮือ....สุขสันต์วันเกิดจ้า

วันก่อน พี่เข้า เว็บ budpage.com  เห็นที่เขา รวบรวม คนที่เขียน บันทึก ธรรมะดีๆ ด้วย  เจอมีบันทึก ของคนขับช้า ด้วย  ดีใจ

เจอคนรู้จัก ...

มหาวิทยาลัย ใหญ่โตเหวย

ยินไหมเอ่ยคำถามตามมานั่น

พวกสูเจ้าอย่าเมินเฉยละเลยกัน

มัวจัดสรรแล้วแจกกระดาษแค่แผ่นเดียว

............................

รู้สึกมีอะไรมาจุกที่คอ...ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่าและกวีวรรคทองค่ะ...

  • สวัสดีครับพี่
  • อิอิ อย่าเดินมากนะครับ อิอิ
  • และพักผ่อนให้เพียงพอ อิอิ
  • เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง
  • คร้าบบบบบ

สวัสดีตอนเช้าค่ะพี่หน่อย

สวัสดีครับ

กำลัง "ตั้งท่า" จะเขียนถึงอาจารย์วิทยากร เชียงกูล เรื่องนี้เช่นกัน...

โชว์ภาพคนสวยคนหล่อก่อนละกัน...(คลิ๊กที่ภาพเพื่อโหลดภาพต้นฉบับ)

:)

สวัสดีครับพี่ดอกแก้ว

ขอบคุณมากครับที่เติมเต็มให้ผมได้ทราบบทกวีที่สมบูรณ์

สวัสดีครับ พี่หน่อย...

ผมเองถือเป็นเกียรติมากเลยที่ได้เดินทางไปจัดกิจกรรม ณ พื้นที่อันมีชีวิตของเด็กรักป่า

และโชคดีที่ได้พูดคุยกับ อ.วิทยากร ฯ  ...

นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น...
ยังคงมีอะไรให้ทำอีกเยอะเลยครับ...
และคงได้กลับไปที่นั่นในเร็ววันนี้

คะ อ่านบทกวีนี้ ของ อ.วิทยากร ฉบับเต็ม มาในยุคนี้ ก็ยัง ทันสมัย

อยู่นะคะ....เป็นข้อคิด ข้อเตือน ของการให้คุณค่าที่แท้จริง

ขอบคุณคะ

P

3. CK

ใช่ ต้องเดินพอประมาณ จริงๆ

ขอบใจ น้องสายลม จ้า

P

ไปชมมาแล้ว    หลานแดนไท เป็นสมาชิกค่ายยอดเยี่ยมเลยนะคะ

( นายแบบ )

ขอบคุณคะ

P

ขอบคุณคะ  ส่งรูปมาให้ชมกัน

โทรศัพท์ ครูกั๊ต โทร.ไม่ติดเลยนะคะ

P

พี่หน่อยก็เพิ่งได้อ่านเต็มๆ ตอนนี้แหละคะ

เพราะ อ่านแต่วรรคทอง อย่างเดียว

P

พี่ชอบนะ บรรยากาศเสวนา ดีมากเลยแหละ

และฟัง พวกเราคุย ก็ได้แง่มุม รับรู้ รู้จักมากขึ้น

ฟังพนัส เล่าเรื่อง สมัยเรียนตอนเด็กๆ ต้องขนาดนั้นเลยนะ

..ต้องหลบรถประจำ เวลาวิ่งผ่าน กลัวเขาจะรับขึ้น..

พี่หน่อยก็มาถามพี่จืด พี่จืด บอกว่า เขาเข้าใจได้ เคยเหมือนกัน

P

พี่หน่อยครับ..

สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้และสัมผัสได้ด้วยตัวเองก็คือ  ถ้าเราเรียนรู้อย่างมีเหตุผลกับบาดแผลของตนเอง  เราก็จะมีต้นทุนที่ดีในการมีชีวิตอยู่

เพราะชีวิตที่ขาดเขินในอดีต  เมื่อมีโอกาส  ผมจึงทุ่มเทให้กับเรื่องเหล่านี้  มันเหมือนกับการกลับไปเติมเต็มความฝันของตนเองเหมือนกัน 

ผมไม่เคยมีสมุดใหม่ ๆ หนังสือใหม่ ๆ ไปโรงเรียน  ขึ้น ม. 4 โน่นแหละครับ ถึงได้มีโอกาส  แต่เชื่อเสมอมาเช่นกันว่า   ส่วนหนึ่งของชีวิต ผมเติบโตมาจาก "หนังสือ" ดังนั้นจึงคิดอยู่ตลอดเวลาว่า หนังสือที่มีอยู่ในบ้าน  สักวันหนึ่งจะทำห้องสมุดไว้บริการเด็ก ๆ ในหมู่บ้านของตนเอง

....

แข็งแรง ๆ ...นะครับ

พี่ว่า การที่เรามีประสบการณ์ตรง  ทำให้เราเข้าใจสังคมชนบท ได้ดี

มากทีเดียวนะคะ

พี่จืดก็ประทับใจ ทีม มมส. มากด้วยคะ 

ถ้าออกค่ายด้วยกันหลายวัน  ให้พี่จืดสเก็ตรูปให้ชาวค่ายนะ

กิจกรรมนี้สนุกมาก  พี่หน่อยก็ฝึกสเก็ตรูปคนด้วยเหมือนกัน

P

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท