วันนี้ ไม่ต้องส่งเจ้าสองทโมนน้อย เพราะ เมื่อคืนลูกลอยวาวล์น้ำ แทงค์หลังบ้านหัก อ้อย เลยให้รับหน้าที่เปลี่ยนวาวล์ลูกลอยแทงค์น้ำ ส่วนอ้อยจะทำหน้าที่ส่งเด็กๆ เอง วันนี้ต้องแยกรถกันมาคนละคัน เพราะ อ้อยต้อง ไปประชุมที่อุตรดิตถ์ เลยต้องวางแผนกันใหม่ เพราะว่าอีกคันติดแก๊ส อีกคันดีเซล
ผมเข้านอนตั้งแต่ ห้าทุ่มด้วยความเพลีย แต่ความจริงเอาแรงกะว่าจะดูบอล ชิงแชมป์ยูโร แต่ก็ต้องมาตื่นตอนเที่ยงคีนครึ่ง เพื่อไปฟังเสียง น้ำที่ไหลล้นแทงค์ และต้องลงไปปิดวาวล์น้ำ
เช้ามา ตัดสินใจ สองจิตสองใจว่า จะเอารถยนต์ไปตลาดหรือขี่จักรยานไปดี เพราะ น้ำมันมันขึ้น เอ๊า ขึ้นเอา แต่ว่าอาบน้ำแล้ว ขี่จักรยานไปเหงื่อออก ต้องกลับมาอาบใหม่อีกรอบ
แต่สุดท้ายตัดสินใจ ปั่นจักรยาน แม่บ้านไปตลาดหาซื้อวาวล์น้ำ ดีเหมือนกันได้ออกกำลังกาย แต่เจ้าเข่าขวาที่ปวดนี่ซิ เริ่มส่อแวว ปวดแป๊บๆ
ผมมุ่งตรงไปตลาดวัดโบสถ์ ปรากฏว่าวาวล์น้ำขนาด หนึ่งนิ้ว ชาวบ้านเค้าไม่ค่อยใช้กัน เค้าใช้ขนาดสี่หุนกันมากกว่า บ้านนอกอย่างวัดโบสถ์ ถามหา สี่ห้าร้าน ไม่มีสักกะร้าน สุดท้ายไปได้ที่ร้าน "รวยนิรันด์" ใกล้บ้านนี่เอง (เข้าใจตั้งชื่อร้าน)
สาวขายของในร้านรวยนิรันด์ ที่ใช้บริการกันเป็นประจำ ยื่นวาวล์ลูกลอยให้พร้อมกับแจ้งราคา ราคา 365 บาท "แพงเหมือนกันนะ ลูกลอย" ผมลอง ถามกลับด้วยคำถามประจำเมื่อซื้อของ ว่า "ลดได้เท่าไหร่ ?" น้องคนเดิมตอบตัดสินใจได้โดยไม่ต้องย้อนกลับไปถามเจ้าของ "ว่า 360 แล้วกัน" ผมคิดแล้ว โอ้ได้ลดตั้ง 5 บาท ดีกว่าไม่ได้ลด ไม่เป็นไรใช้ให้เกินกว่าหนึ่งปีก็แล้วกัน อย่างน้อยวันละบาท ก็คุ้มแล้ว
ว่าแล้ว ปั่นจักรยานกลับไปบ้าน เสียงเพลงโฆษณาดอกบัวคู่ จากรายการ อสมท. จากเสียงตามสายของเทศบาลที่คุ้นหู ทำให้ผมพอเดาเวลาได้ว่า เจ็ดโมงครึ่งเกือบแปดโมงแล้ว กลับถึงบ้าน อ้อย ยังไม่ได้ออกจากบ้าน วันนี้เด็กๆ ต้องถึงโรงเรียนสายแน่นอน
ส่วนผม หลังจากเปลี่ยนวาวล์น้ำ แล้ว ก็ต้องควบ เจ้าดีเซล คันเก่ง ไปทำงาน แต่ก็ไม่เร่งความเร็วเกินร้อย เห็นเข็มน้ำมันลดวูบวาบแล้วหัวใจจะวาย
วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่จะได้ใช้ แก๊ส LPG ราคาถูกแล้วซินะ ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะขึ้นไปสักกี่บาท รู้แต่ว่า เมื่อวานผมไปสอนที่นครสวรรค์ แวะเติมที่พิจิตร ลิตรละ 12.45 บาท จะเปลี่ยนไปใช้ CNG พิษณุโลกมีปั้มเดียวใกล้มอ ออกต่างจังหวัดเมื่อไหร่ก็เสร็จกันหาที่เติมไม่ได้
แค่รถมอเตอร์ไซค์ ทุกวันนี้ก็จะอ้วก อยู่แล้วครับ คิดแค่เติม 50 บาทจากวังส้มซ่ามา มน. เดือนนึงก็ 1500 ปีหนึ่ง เกือบสองหมื่น อยากจะเอา สองหมื่นมาซื้อ จักรยานสะให้รู้แล้วรู้รอด...........
ปล.สบายดีนะครับ อ.หนึ่ง
ผมยังขี่รถเครื่องเป็นอยู่เหมือนเดิมครับ อาจารย์ :)
รถยนต์ขี่ไม่เป็น เลยพออยู่ได้
ถ้าไปตัวเปล่า จักรยานก็สะดวกดีครับ
แต่ถ้ามีของเยอะ อาจต้องพึ่ง โคยนต์ม้ากลของขงเบ้งนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์
รถซ่อมได้นะคะ คนซ่อมยาก
ปั่นจักรยานปวดเข่าค่าหมอแพงกว่าน้ำมันหรือเปล่าคะ
หนูส่งสารตัวเองเหมือนกันค่ะ ค่าเทอมที่เตรียมไว้สำหรับเรียนต้องดึงมาจ่ายค่าน้ำมัน ชีวิตมันเศร้าจริง เศรษฐกิจยุคนี้
สวัสดีค่ะอาจารย์หนึ่ง
ตอนแรกจะนำรถยนต์ไปติดแก๊สแต่รอคิวนานก็เลยเปลี่ยนใจ พอดีกับน้ำมันลดราคาตอนนี้เปลี่ยนใจแล้วค่ะ บวกกับค่าซ่อมแซมเพื่อนๆบอกว่าเสียค่าใช้จ่ายสูง หาที่เติมยากด้วย ตอนนี้มาเรียนจึงมา เจี Jinni ค่ะ
สวัสดีค่ะท่านอาจารย์
ลูกศิษย์ป.เอกรุ่น2 คิดถึงนะคะมาอ่านblog เก่าๆ อยู่เสมอ