หนุ่มวัย ๔๐ ส่งเสีย นศ. วัย ๒๐ เพื่อหวังอะไร ???


...ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ...

วันนี้ (๑๐ มิ.ย.๕๑) มีน้องผู้หญิงเข้ามาปรึกษาเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นกับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง โดยสรุปย่อ ของเรื่องราวเป็นดังนี้ ครับ

เมื่อประมาณ ๔ ปีก่อน มีผู้ชายวัยใกล้ๆ ๔๐ รู้จักกับเพื่อนสาวคนดังกล่าว ซึ่งมาจากครอบครัวที่ยากจน ต้องทำงานด้วยและส่งตัวเองเรียนในระดับปริญญาตรี ด้วยความรัก ประกอบกับสงสาร ชายคนดังกล่าวจึงส่งเสียให้เรียน โดยการโอนเงินเข้าบัญชีให้เป็นระยะๆ ตลอดระยะเวลา ๔ ปี จนเรียนจบ และยังส่งเสียน้องอีกคนของน้องผู้หญิงคนดังกล่าวส่วนหนึ่งด้วย

ช่วง ๔ ปี ที่ส่งเสีย หนุ่มใหญ่ ดังกล่าวก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไร แต่ก็ไม่ได้ไปทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ของฝ่ายหญิงเลย และก็ไม่เคยพาผู้หญิงไปทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ฝ่ายตนเช่นกัน ทั้ง ๒ ก็ไม่ค่อยได้พบกัน เพราะฝ่ายชายทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆ ครั้งจะได้เจอกัน จึงทำให้ฝ่ายหญิงเองก็รู้จักตัวตนจริงๆ ของผู้ชายน้อยมาก แต่ก็รัก และเคารพในฐานะผู้มีบุญคุณ แม้จะดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ตามนิสัยชายไทยทั่วไป

แต่แล้วช่วงเรียนจบใหม่ๆ ฝ่ายหญิงก็มาเจอฝ่ายชายที่คอนโด และฝ่ายชายก็พยายามทำร้ายจิตใจ ด้วยความอยากเป็นเจ้าของ แต่ฝ่ายสาวปฏิเสธ และรอดมามาได้อย่างหวุดหวิด เพราะมีโทรศัพท์เข้า และฝ่ายชายเองก็ขอโทษ และไปส่งกลับห้องพัก

คำถาม พร้อมกับความคิดมากของฝ่ายหญิง จึงเกิดขึ้น ว่าผู้ชายรักเราจริงหรือเปล่า มีครอบครัวหรือยัง ฯลฯ จึงเก็บปัญหาดังกล่าวมาปรึกษาผมว่าจะทำยังไงต่อไป

ก็นั่งคุยกันนานพอสมควร แต่ท่านๆ ที่แวะเข้ามา คิดยังไงบ้างกับเหตุการณ์เหล่านี้ จะขอบคุณมากครับกับทุกความคิดเห็น

ด้วยความเคารพรัก 

คำสำคัญ (Tags): #ความรัก
หมายเลขบันทึก: 187316เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2008 14:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 พฤษภาคม 2012 10:43 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

เป็นเรื่องยาก มากครับที่จะทำใจได้ สำหรับฝ่ายหญิง แต่ไม่แน่ใจว่า ฝ่ายชายได้สื่อสารอย่างหนึ่งอย่างใดที่เป็นสัญญาณว่าเขาคิดในเชิงชู้สาว มาก่อนหรือเปล่า  และที่สำคัญหากฝ่ายหญิงรู้สึกไม่มีความสุขหรือไม่ได้คิดเชิงชู้สาว กับเขาก็น่าจะหาทางเลี่ยงหรือไม่ไปพบเขาในที่พักตามลำพังก่อน อย่างอื่นก็ค่อยคุยกัน

สวัสดีครับ คุณ เอกราช แก้วเขียว

  • เท่าที่ทราบข้อมูล ผู้ชายเอง ก็แสดงเจตนาชัดในเชิงชู้สาวตั้งแต่ต้นครับ เพียงแต่ข้อมูลส่วนตัวไม่ได้เปิดเผย
  • น้องเขาเอง ก็ขอให้เรียนจบก่อน แต่พอจบ ก็ไม่ได้เป็นไปตามกรอบประเพณี

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ 

  • เรื่องแบบนี้คนที่รู้ดีที่สุดคือฝ่ายชายค่ะ...
  • กรณีผู้ใหญ่ส่งเสียเด็ก ได้ยินมามาก...แต่เท่าที่ทราบผู้ชายมักจะได้ข้อแลกเปลี่ยนในระหว่างที่เด็กเรียนอยู่แล้ว
  • แต่ในกรณีนี้ผู้ชายไม่เคยล่วงเกิน... ก็อาจจะเป็นได้หลายสาเหตุ  แรกๆเขาอาจจะทำด้วยความสงสาร  แต่ต่อมาอาจจะมีความผูกพันมากขึ้น หรืออาจจะเริ่มมองว่า...ตนเองเสียเงินไปมากก็เริ่มมีความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของขึ้นมา...
  • ส่วนฝ่ายหญิงเมื่อเห็นฝ่ายชายปฏิบัติตัวดีมาตลอดก็เลยเริ่มไว้วางใจมากขึ้น กล้าไปพบฝ่ายชายในที่ลับ  แต่เมื่อเจอฝ่ายชายล่วงเกินก็อาจจะทั้งตกใจและผิดหวังขึ้นมา
  • ผู้ชายวัยประมาณ 40  โดยเฉลี่ยมักจะมีครอบครัวแล้วนะคะ  เพราะฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ล่วงเกินในช่วงที่ผ่านมาก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องการมีครอบครัวก็ได้
  • แต่...ที่สำคัญต้องถามใจฝ่ายหญิงด้วยว่าเขารู้สึกอย่างไรกับผู้ชายคนนี้  ถ้าชอบแบบแฟนก็ต้องสืบดูให้แน่ชัดก่อนว่าเขามีครอบครัวแล้วหรือยัง  พาไปพบพ่อแม่ตนเองด้วย
  • แต่...ถ้าตนเองเคารพนับถือแบบผู้มีพระคุณเฉยๆ   ก็ควรทิ้งระยะห่าง  อย่าไปพบกันสองต่อสอง   ถ้ารู้สึกผิดก็รีบทำงานแล้วทะยอยส่งเงินใช้คืนเขาก็ได้... ว่าแต่เรื่องแบบนี้ทำไมถึงไม่ยอมบอกพ่อแม่ให้ทราบเลยนะ
  • ว่าแต่...ผู้ชายวัย 40 เนี่ย ไม่ใช่เจ้าของบันทึกนะคะ  อิอิ....

สวัสดีครับ อ.ลูกหว้า...

  • ไม่ได้แวะเข้าไปทักทายนาน สบายดีนะครับ
  • เรื่องนี้น้องเขาก็กลุ้มๆ อยู่ เพราะก็ทั้งคาดหวัง เพื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงรู้สึกผิดหวัง ก็คุยผ่านไปประมาณอย่างที่ อ.ลูกหว้า ว่ามานั้นไปบ้างแล้ว
  • ซึ่งคงต้องคอยดูอยู่ห่างๆ น้องเขาเองตอนนี้ก็เรียนจบ เริ่มโตแล้ว คงได้คิดอะไรอีกเยอะ....
  • ขอบคุณครับ สำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำ
  • และย้ำว่า....ชายวัยสี่สิบเนี่ย....บ่ใช่เจ้าของบันทึกแน่นอนคร๊าบผ้ม....เพราะยังไม่ถึงเลขสามเลย

ด้วยความเคารพรัก

สวัสดีครับ

  • เห็นด้วยกับอาจารย์ลูกหว้าครับ
  • บางครั้งสถานการณ์อาจเปลี่ยน เช่น ตอนแรกที่ทำไปเพราะสงสาร แต่ต่อมาพอเจอนักศึกษาหญิง อาจจะพึงพอใจ เลยกลายเป็นคิดไปเชิงชู้สาวแทน
  • ความคิดของคนเรามักไม่อยู่กับที่ เพราะฉะนั้นจะทำอะไรสติต้องมั่นคง  บางครั้งพลาดไปนิดเดียว ก็ส่งผลต่อเราได้ทั้งชีวิตนะครับ
  • ขอบคุณครับ ที่ได้อ่านเรื่องข้อคิดดี ๆ

ขอบคุณครับครูสุ ที่เข้ามา ลปรร

ด้วยความเคารพรัก

สวัสดีครับ

การที่เราได้รับทราบข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ได้รับทราบข้อมูลจากอีกฝ่ายหนึ่งผมว่ามันก็สรุปยากนะ การที่คนเราทำดีการคนที่ไม่ใช่พี่น้อง หรือญาติ ๆ ของตนเอง ก็ต้องมีเงื่อนไขหรือข้อแลกเปลี่ยนอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนให้และคนรับย่อมรู้ดีกว่าคนอื่น การที่ผู้ชายคนนี้ปฏิบัติต่อฝ่ายหญิง ตลอดระยะเวลา 4 ปี เช่นนี้ผมก็คิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดีพอสมควร การที่เราจะมาสืบสาวหาความจริงว่าเขามีครอบครัวหรือยัง เขาคิดยังไงกับเรา มาคิดตอนนี้ผมว่ามันก็ไม่ถูกและไม่ยุติธรรมต่อฝ่ายชาย ถ้าเขาคิดสักนิดตอนที่จะรับความช่วยเหลือ หาข้อมูล และเงื่อนไขที่ชัดเจนมันก็คงจะดีกว่านี้ แต่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุดตอนนี้ ผมก็คิดว่าน่าจะคุยกัน และถามความต้องการของกันและกัน มองให้กว้าง ๆ ทั้งเขาและเรา อย่ามองแต่ตัวเอง (การปลูกพืชย่อมหวังดอก ผล และกำไรทั้งเสร็จ) เราทำงานก็ต้องการเงิน ถ้าให้เดาความคิดของผู้ชายคนนั้นนะผมก็คิดว่าเขาคงกลัวผู้หญิงคนนี้จะรับเขาไม่ได้ถ้ารู้ว่ามีครอบครัวแล้ว หรือกลัวที่จะเสียเธอไป ความคิดเห็นจากผู้ชายที่ไร้ประสบการณ์ด้านความรักแบบหนุ่มสาว แต่ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนะครับ

ขอบคุณครับ คุณสังคม

  • กับข้อคิดเห็นดีดี
  • เห็นด้วยครับ กับการที่ต้องคุยกันด้วยความเข้าใจ เพราะเชื่อว่าถ้ามีเจตนาดีต่อกันล้ว ทางออกที่ดีน่าจะมีเสมอ อีกอย่างทั้ง ๒ คนเอง ก็มีวุฒิภาวะ พอสมควรแล้วด้วย

ด้วยความเคารพรัก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท