ถ้าแม้ฉันได้เป็น...ตัวเด่นในละคร


ถ้าเลือกได้จะเป็นพระเอกหรือนางเอกแบบไหน

   พอดูละครทีไร...ก็อดนึกถึงสมัยก่อนไม่ได้ (คนที่คิดแต่เรื่องอดีต เขาว่าชรา...แล้ววว) นึกดูสิคะ...โดยเฉพาะ บทบาทของนางเอก แต่ก่อนนางเอกคือคนที่ประพฤติ ปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม รักนวลสงวนตัว พูดจาไพเราะ กิริยามารยาทเรียบร้อย แต่งตัวมิดชิด แต่งหน้าไม่จัด โต้เถียงไม่เป็น  นั่นคือสเน่ห์ของคุณงามความดี ที่แม้จะทำยาก แต่สุดท้ายผลลัพธ์ก็สวยงาม (ได้พระเอกและคฤหาสน์หลังใหญ่มาครอง สบายแฮ....) 

  ครูป่านว่า ต้องเป็นเพราะยุคสมัยที่เปลี่ยนไป สังคมที่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอน แต่ก่อนผู้หญิงคือช้างเท้าหลัง ต้องเป็นกุลสตรีทุกกระเบียดนิ้วนางเอกซึ่งก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ดี การมีปากเสียงคือการเถียงคนอื่น ต้องเก็บงำอารมณ์ รักก็ไม่แสดงออก โกรธก็ได้แต่นั่งร้องไห้ ไม่ได้ดั่งใจก็ขออยู่คนเดียว  พระเอกบอกว่ารัก ก็ยังปากแข็ง กว่าจะเฉลยว่า "ฉันก็รักคุณค่ะ" ก็คือตอนอวสาน....

   แต่ปัจจุบันโลกคือการแข่งขัน แก่งแย่งชิงดี...ใครฉลาดก่อนก็ได้ผลประโยชน์ก่อน ใครฉลาดน้อย(โง่) ก็ตกเป็นเหยื่อคนฉลาด เดี๋ยวนี้ผู้หญิงกลายเป็นเท้าช้างที่ต้องเดินเคียงข้างกับผู้ชาย (บางคนก็เป็นควานช้าง) การมีสิทธิเสรีภาพของการแสดงออกมากขึ้น ทำให้ผู้หญิงกล้าที่จะเปิดเผยมากขึ้น 

   ดังนั้นนางเอกสมัยใหม่จะสะท้อนความเป็นผู้หญิงยุค 2000  ที่ต้องฉลาด รู้เท่าทันคนอื่น (ยกเว้นนางร้าย) กล้าเสี่ยง กล้าพูด กล้าเถียง กล้าบอกรัก กล้าปล้ำพระเอก (เมื่อยามจำเป็น) และกล้าโชว์เรียกน้ำลาย  เหล่านี้เป็นปรากฎการณ์สะท้อนให้เราเห็นว่าทุกวันนี้สังคมเปลี่ยนไปแค่ไหน โดยเฉพาะ เพศหญิงมีความเปลี่ยนไปอย่างมาก

   ส่วนที่ไม่ได้พูดถึงก็คือไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงนัก เช่น พระเอก ก็ยังคงความ ไม่ค่อยฉลาด หูเบา โลเล ดุดัน ตบจูบ  คล้ายเดิม แต่อาจจะมีดีกรีความโหดมากขึ้น เช่นล่ามโซ่ ปล้ำในน้ำ ตบจูบกลางที่สาธารณะ  ฝ่ายนางร้ายล่ะ...ครูป่านว่า บางทีนางร้ายสมัยนี้เหมือน นางร่าน เสียมากกว่า เพราะเธอจะเปรี้ยวปรี๊ด กรี๊ดแตก....Milk กระจาย และมีหลายสามี   แถมยังโหดร้าย ฆ่าคนไม่เลือกหน้า แต่ที่น่าอิจฉาคือ พวกเธอจะฉลาดกว่าทุกคนในเรื่อง...

    นี่ยังไม่รวม เพื่อนพระเอก ผู้ชอบหลงรักนางเอก หรือไม่ก็ถวายหัวช่วยพระเอก ทั้งๆที่ไอ้เจ้าพระเอกชอบหาเรื่องวุ่นวายมาให้  เพื่อนนางเอกที่คอยเตือนสติและให้ข้อคิดนางเอกเสมอ (คล้ายๆศิราณี) แล้วก็ยังมี พระรอง นางรอง ซึ่งรับหน้าที่เป็น คนดีที่เธอไม่เอาอีก....และที่ขาดไม่ได้ก็คือ คนใช้ ซึ่งก็เป็นสีสันของเรื่อง ชอบสอดรู้ มีคำบ่น คำด่าที่เข้าถึงผู้ชมได้ดี หากละครคืออาหาร คนใช้ก็เป็นน้ำจิ้มที่ทำให้ละครแซ่บขึ้น อย่างประโยคที่ฮิตกันทั่วเมืองตอนนี้ก็มาจากบ่าวใช่ไหมคะ (แต่ก็มิได้นำพา...)

    มีคำพูดที่บอกกันว่า ละครสะท้อนชีวิต  ปัจจุบันนี้ท่านเองก็กำลังแสดงบทบาทของท่านอยู่ เป็นละครชีวิตที่ไม่มีใครรู้ตอนต่อไป ไม่มีใครรู้ตอนจบต้องเป็นอย่างไร และที่สำคัญตัวละครทุกบทบาทต่างก็ได้รับผลกรรมตามที่ทำไว้....ท่านคิดว่าตอนนี้ท่านกำลังสวมบทบาทเป็นตัวละครตัวไหน ท่านเลือกเอง

   

หมายเลขบันทึก: 184423เขียนเมื่อ 25 พฤษภาคม 2008 11:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 00:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ละคร ยิ่งเน่ายิ่งดังครับ

ผมเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยจะดูหนังหรือละครเท่าไหร่ ล่าสุดที่ี่เข้าโรงหนังก็เกือบๆยี่สิบปีมาแล้ว...ผมอายที่ผมมักจะร้องไห้ เวลาที่ถึงบทซึ้งๆ หรือเวลาที่ได้ยินคำพูดที่ประทับใจ...

นั่นเป็นหนังเป็นละครเมื่อยี่สิบปีก่อน แต่ตอนนี้..เปิดทีวีปุ๊บ ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดมาก่อน...ครั้งสองครั้งไม่เป็นไรครับแต่ได้ยินกรี๊ดทั้งเรื่อง นี่มันรับไม่ได้ครับ ....

   ถ้าให้เลือก ผมขอเป็นพระเอกแบบน้าแอ้ด สมบัติ เมทนี ครับ(แหะๆ ดาราในดวงใจ)

                    รพี กวี(ขี้แย)

สวัสดีครับ

ชีวิตคือละคร

ตัวเราล้วนแต่เป็นนักแสดงกันทั้งนั้น  ไม่ว่าบทอะไร  หน้าที่อะไร  ก็แสดงไปตามบทบาท

แต่ละครชีวิต คือชีวิตจริง สติปัญญาคือบทบาทและหน้าที่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท