อะไรคือดี? อะไรคือเลว? และ อะไรคือสมดุล?ระหว่างดีกับเลว


สุญญตา

         อะไรคือดี? อะไรคือเลว? และ อะไรคือสมดุล?ระหว่างดีกับเลว จากการติดตามอ่านบันทึกของท่าน สิทธิรักษ์ ที่ผ่านมาหลายๆบันทึกกระผมขอแสดงความคิดเห็นดังนี้ครับ

         อะไรคือดี? ขอตอบว่า ตัวเราซึ่งประกอบด้วย กาย+จิต(อัตตา)นี่แหละดี พิจารณาดูดีๆแล้วเรามีดีอยู่หลายอย่าง ผิวพรรณภายนอกผ่องใส จิตใจอิ่มเอิบ ไม่คิดคดทรยศผู้ใด ใครเห็นก็ชื่นชมและรักใคร่ ฯลฯ

         อะไรคือเลว? ขอตอบว่าตัวเรา(อัตตา)อีกเช่นกันที่เลว โดยพิจารณาดูกาย+จิตของเรานั้นประกอบกันขึ้นด้วยมหาภูติ มีดิน น้ำ ไฟ ลม อากาส และวิญญาณ มีน้ำหนอง น้ำเหลือง อาหารเก่า อาหารใหม่ มีจิตใจที่แส่ส่ายคอยคิดไปว่าคนนั้นไม่ดีนะ คนนี้เลวนะ คนนั้นโกง คนนี้กิน หรือเผลอๆแล้วเป็นตัวเรานี่แหละที่เป็นเสียเอง ปล้น ฆ่า โกง คอรัปชั่น ฯลฯ

         อะไรคือสมดุล?ระหว่างดีกับเลว กระผมขอตอบว่าว่า "สุญญตา" สุญญตาเป็นจุดที่สมดุลที่สุดระหว่าง ดี กับ เลว

         สุญญตา หมายถึง สภาวะที่ว่างจากความเป็นตัวตนหรืออัตตา ไม่มีสาระที่พึงยึดถือว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล, สภาวะที่ว่างหรือปราศจากกิเลสเครื่องร้อยรัดทั้งปวง คือ ราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ได้แก่พระนิพาน, สภาวะที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรที่จิตกำหนดหมายไว้ในใจ ในการเจริญอากิญจัญญายตนฌาน คือการทำใจให้ว่าง ไม่เกาะเกี่ยวอารมณ์อื่น จิตไม่ปรุงแต่งความรู้สึกว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ใช่หมายความว่าจิตหยุด หรือดับ หรือนิ่งอยู่กับที่ หรือไม่มีพฤติกรรมอะไร แต่หมายถึงไม่เข้าไปยึดมั่นถือมั่นสิ่งต่างๆ จิตไม่ถูกกิเลสครอบงำ และอยู่ด้วยปกติเดิมของมันพร้อมกับสมบูรณ์ด้วยสติปัญญา เป็นความว่างจากตัวตน จิตเป็นอิสระหลุดพ้นจากอำนาจบีบคั้นครอบงำ และบงการของกิเลสทั้งหลาย

         อยากเป็นคนดีก็เป็นกิเลสชนิดหนึ่งที่จิตพาไป อยากเป็นคนเลวก็เป็นกิเลสอีกชนิดหนึ่งที่จิตพาไปเช่นกัน แต่สุญญตาเป็นจุดที่ไม่อยู่ในบงการของกิเลสทั้งหลาย แต่การที่เวไนยสัตว์จะก้าวล่วงถึงความสมดุลได้ต้องผ่านกระบวนการและมีขั้นตอนหลายอย่างตามทางของอริยมรรค คือมรรคมีองค์ ๘ แต่ในเบื้องต้นอันเป็นบาทวิถีของผู้ที่ยังท่องไปในวัฏสงสารควรพึงปฏิบัติเป็นกิจวัตรตั้งแต่เมื่อตื่นจนกระทั่งเข้านอนหลับใหลในราตรีกาลให้อยู่เป็นนิจคือการกระทำอันเป็นกุศล ๑๐ อย่างเรียกว่ากุศลกรรมบถ ๑๐ ประกอบด้วย การประพฤติชอบทางกาย วาจา ใจ ดังนี้

          1.เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ล่วงไป

          2.เว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของเขาไม่ได้ให้

          3.เว้นจากการประพฤติผิดลูก-เมืย-สามี คนอื่น

          4.เว้นจากการพูดเท็จ

          5.เว้นจากการพูดส่อเสียด

          6.เว้นจากการพูดคำหยาบ

          7.เว้นจากการพูดเพ้อเจ้อ

          8.ไม่โลภอยากได้ของของเขา

          9.ไม่พยาบาทปองร้ายเขา

          10.ประพฤติตามครรลองคลองธรรมคือเห็นว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วหรือเรียกว่ามีความเห็นชอบคือสัมมาทิฏฐิ

         แต่การประพฤติที่เป็นฝ่ายตรงข้ามทั้งหมดทุกข้อเรียกว่า อกุศลกรรมบถ ๑๐ และที่โลกเรากำลังเดือดร้อน ประเทศกำลังวุ่นวายก็เพราะหลายๆคนหลายๆท่านไม่ทราบหนทางเดิน หรือบางคนบางท่านทราบแต่ก็ไปเดินในทางตรงกันข้าม อันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าหากทุกฝ่ายไม่ว่าฝ่ายรัฐ ฝ่ายตรวจสอบรัฐ พรรคพวกของฝ่ายรัฐ และพรรคพวกของฝ่ายตรวจสอบรัฐ หรือผู้ที่ไม่เป็นพรรคพวกฝ่ายใด หรือตัวข้าพเจ้าเอง หรือตัวท่าน หรือผู้คนที่อยู่รอบข้างล้วนประพฤติปฏิบัติตามมรรคาแห่งกุศลกรรมบท ๑๐ แล้ว สังคมในความคาดหวัง สังคมในฝันตามมโนนึกและจินตนาการของพวกเราจะเป็นเช่นไร?

หมายเลขบันทึก: 181584เขียนเมื่อ 10 พฤษภาคม 2008 15:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

ขอบคุณมากครับ

ยินดีมากครับ  ที่มีผู้รู้มาบรรยาย  และให้ความสำคัญครับ  แต่ประเด็นคงยังต้อง แลกเปลี่ยนกันต่อไป 

ความสมดุล เป็นไปอย่างธรรมชาติ  ความสมดุลมันจะดำเนินของมันอย่างต่อเนื่อง   ความเคลื่อนไหวมันจะนำพากันไป สองสิ่งพึ่งพาอาศัยกัน และขัดแย้งกัน

ประเด็นนี้มีโอกาสคงได้แลกเปลี่ยนกัน

ตราบใด นั่งวิปัสนากลางถนนไม่ได้  ตราบนั้นคนกลุ่มหนึ่งจะไม่สามารถเข้าถึงคำว่า "คนดี"

P

ขอบคุณท่าน สิทธิรักษ์มากครับ

         ตัวกระผมนั้นยังนับว่าเป็นผู้รู้ไม่ได้เลยครับ ส่วนใหญ่แล้วจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับครูบาอาจารย์ กับผู้เกิดก่อน ผู้แก่ประสบการณ์ เพื่อเพาะบ่มอบรมจิตให้เป็นคนที่สังคมส่วนใหญ่ต้องการเสียมากกว่า...ครับ และท่านสิทธิรักษ์ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่กระผมได้ตามเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากท่าน ซึ่งก็นำบันทึกของท่านเข้าแพลนเนต "บันทึกเครือข่ายร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง" ของกระผมเรียบร้อยแล้วครับ...ขออนุญาต ณ ตรงนี้เลยนะครับ

เพื่อเพาะบ่มอบรมจิตให้เป็นคนที่ สังคมส่วนใหญ่ ต้องการเสียมากกว่า...

บางครั้งการมอง การเข้าใจ ก็มีข้อกำหนด และอุปสรรค  พวกเราคงต้องแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น

คำว่า "สังคมส่วนใหญ่"   นั้นสำคัญต่อสาระมากครับ ระหว่าง "คนดี" และ "คนเลว"  ผมจึงนำมาเน้นให้พวกเราพุ่งตรงและเข้าใจกับมัน

ความสมดุลก็เคลื่อนไหวโดยการนั้น  ความขัดแย้งของมันก็ขึ้นตรงต่อเงื่อนไขนี้

เราคงได้แลกเปลี่ยนกันต่อไป .........ขอบคุณมากครับ

 

         เหตุผลที่กระผมใช้คำ "เพื่อเพาะบ่มอบรมจิตให้เป็นคนที่ สังคมส่วนใหญ่ ต้องการเสียมากกว่า..." นั้นเพราะเป็นการใช้คำให้ดูแล้วไม่ให้ผู้อ่านนึกถึงการโอ้อวด อวดตน ยกตนเหนือผู้อื่น หากใช้คำว่า "เพื่อเพาะบ่มอบรมจิตให้เป็นคนดี" ก็เกรงคนอื่นจะว่าผมคิดว่าคนอื่นเลว หรือถ้าใช้คำ "เพื่อเพาะบ่มอบรมจิตให้เข้าถึงสภาวะแห่งสุญญตา" กระผมยิ่งมิกล้าอาจเอื้อมถึงขนาดนั้น

         และที่ผมใช้คำว่า "สังคมส่วนใหญ่ต้องการเสียมากกว่า" นั้น ความจริงก็ไม่ถูกต้องมากนัก เพราะสรุปไม่ได้ว่า สังคมคนส่วนใหญ่นั้นต้องการอะไรมากกว่า เป็นเพียงแต่อนุมานเท่านั้น สาเหตุหลักก็เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการโอ้อวด อวดตน ยกตนเหนือผู้อื่นเท่านั้นเองครับ

  • เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน
  • รู้แล้วและสามารถบอกกล่าวให้ผู้อื่นรู้ตาม ก็เป็นมหากุศลนะครับ
  • จะติดตามเก็บเกี่ยวและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ต่อไปครับ
  • สาธุครับ

P

อรุณสวัสดิ์ครับ ท่านทนัน ภิวงศ์งาม ขอบคุณมากครับที่ให้เกียรติมาร่วมสนทนา กระผมใคร่ขอเพิ่มเติมข้อคิดเห็นในการแลกปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมครับ

เมื่อรู้แล้วควรปฏิบัติ ระยะแรกจะยากสักหน่อยเพราะไม่เคยชินกับการทำดี

แต่พอทำบ่อยๆปฏิบัติบ่อยๆจนเป็นนิสัยนานเข้าก็จะคุ้นเคยกับการทำความดีอันเป็นกุศล

บางทีบางครั้งก็ล่วงละเมิดข้อให้ละเว้น แต่ขอให้มีสติระลึกเสมอว่าละเมิดข้อใด แล้วตั้งจิตอธิษฐานว่า คราวต่อไปเราจะไม่ล่วงละเมิดอีก

  • สวัสดีครับ ท่านร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง
  • มิอาจหาญกล้าสรุปความ แต่ลองแต่งเสริมดู
    สมมติดีอยู่นั้น          ฝั่งขวา
    ฟากหนึ่งเลวฐานา     ฝั่งซ้าย
    ฐานแห่งสมดุลหา     จุดหนึ่ง
    คือกึ่งกลางขวาซ้าย  ใช่แล้ว สุญฺญตา
  • ผิดพลาดประการใด ขอได้รับคำแนะนำ

P

ท่าน ทนัน ภิวงศ์งาม ครับ

         ความรู้ที่กระผมนำมาเขียนบันทึกได้จากการฟังมา ได้จากการอ่านมา แต่ไม่ได้จากการลงมือทำมาหรือปฏิบัติมา อีกอย่างประสบการณ์ในการณ์ปฏิบัติของกระผมยังน้อยมากเทียบเท่าเขาม้าและหางอึ่ง จึงมิหาญกล้าสรุปความเช่นเดียวกับท่านครับ ครั้นเมื่อวันเพ็ญเดือนหกศกนี้มาถึงกระผมจะนำปุจฉาไปถามพ่อแม่ครูบาอาจารย์พร้อมทั้งพิจารณาอีกครั้งหนึ่งเพื่อความกระจ่างแจ้งและแก้ข้อสงสัยครับ

  • ขอบพระคุณครับคุณร่มไม้ใหญ่ใกล้ทาง
  • กระผมเองก็มิใช่ผู้ปฏิบัติเพื่อให้ลุถึงฝั่งฝัน
  • แต่เป็นเพียงขั้นรับรู้และเรียนรู้ เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ก็เท่านั้นเอง
  • จะให้ถึงขั้นรอบรู้หรือรู้แจ้งนั้น ไกลเกินจะคิดกระมังครับ สำหรับผู้ครองเรือนเช่นกระผม
  • ขอบพระคุณที่ให้ความสำคัญในข้อความข้างต้นครับ
  • ขอให้โชคดีตลอดไปครับ

ขอบคุณนะคะ ที่เข้าไปอ่านบันทึกและแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนไว้ด้วย

มีอะไรดีๆแนะนำด้วยนะคะ

ธรรมที่พี่เขียนก็ดีนะคะ อ่านง่าย เข้าใจง่าย ทันสมัยดีค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักกัลยาณมิตรค่ะ

บุญรักษา ธรรมคุ้มครองค่ะ

P

สวัสดีครับ กระผมก็เช่นกันกับท่าน ทนัน ภิวงศ์งาม คือยังไกลอยู่ครับ แต่ถึงแม้จะไกลก็พยายามย่นระยะให้ใกล้เข้าไปอีกครับ

 

P

สวัสดีครับคุณ แพรภัทร ยินดีครับที่ได้รู้จักกับกัลยาณมิตรเช่นคุณ หวังว่าคงจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบันทึกดีๆอีกนะครับ

สาธุ สาธุ สาธุ

โยมมหาบัณฑิตวิสัชนาได้ดีแล้ว กระจ่างแล้ว ประเสริฐแล้ว

การวิสัชนาและตรึกตรองถึง "ที่ไป ที่มา" เป็นการสร้าง "ปัญญาบารมี" ที่สูงยิ่ง

ขอเจริญพร

การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง...

นมัสการท่านพระอาจารย์สุญฺญตา

นับว่าเป็นบุญของกระผมเป็นอย่างยิ่งนะครับที่ที่ได้รับข้อชี้แนะ,แนะนำจากท่านพระอาจารย์ ขอกราบนมัสการครับ

        เมื่อวันเพ็ญเดือนหกที่ผ่านมากระผมได้มีโอกาสไปกราบครูบาอาจารย์และขอโอกาสศึกษาธรรมะกับท่านเกี่ยวกับการอบรมจิต และกระผมกำลังปฏิบัติ เมื่อมีโอกาสกระผมก็จะเขียนบันทึกเพื่อแลกเปลี่ยนกับผู้รู้หลายๆท่านในเวบโกทูโนว์แห่งนี้...ครับ

สวัสดีค่ะคุณร่มไม้ใกล้ทาง

  • ตามมาเพื่อขออภัย ที่ไม่ได้เข้าไปตอบเรื่องการขอให้ภาพของคนไม่มีรากค่ะ ..ภาพ ฟ้าและทะเลทราย
  • รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีให้นำไปใช้ได้ค่ะ
  • ภาพนี้ถ่ายในทะเลทราย ในอุทยานแห่งชาตินัมบุง (Numbung National Park) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเมือง Perth , Australia ประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ ใช้กล้องดิจิตอลธรรมดาค่ะ
  • ตัวเองถ่ายภาพนี้เพราะมีกัลยาณมิตรที่ชอบภาพพระอาทิตย์กำลังจะลับ หรือ กำลังจะขึ้นจากขอบฟ้า เหลี่ยมเขา ก็เลยตั้งใจนำภาพนี้มาฝากเพื่อนค่ะ
  • ธรรมชาติให้ข้อคิดหลายประการนะคะ ถ้าเราเปิดใจรับอย่างมีสติบริบูรณ์
  • และธรรมชาติที่ไหน แห่งใดในโลกก็สวยงาม ให้ความอิ่มอารมณ์ไม่ต่างกันเลยค่ะ

 
20080517_1277

ขอบคุณคนไม่มีราก มากครับ

ที่อนุญาตให้นำภาพไปใช้

ภาพสวย และ...มีความหมาย

สวัสดีค่ะ

  • สบายดีนะค่ะ
  • แวะมาเยี่ยมค่ะ
  • ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ ค่ะ

สวัสดีค่ะ

ขออนุโมทนาบุญกับการให้ธรรมซึ่งเป้นหนึ่งในบุญกริยาวัตถุ 10 ด้วยค่ะ

บุญรักษาค่ะ

P

สวัสดีครับคุณอ้อยควั้น

ขอบคุณนะครับที่แวะมาเยี่ยม

กลางกึ่งคนึงนิจ  กิรคิดสถานไหน
ฝั่งดีสถิตใด       ทุรร้าย ณ ฝั่งความ

ดีชั่วมโนนึก       มนฝึกนิยามสาม
ทำดีละชั่วตาม    มนผ่องมโนมัย

P

โอ...ท่าน ทนัน ภิวงศ์งาม ที่นับถือ

ช่างประพันธ์ได้ไพเราะยิ่งนัก

ข้าผู้น้อยกำลังคิดถึงท่านอยู่

ภาระงานรัดตัว.....

นานๆเข้ามาเก็บเกี่ยวในรอยประสบการณ์

ลองขีดลิขิตเขียน   มนเพียรจะศึกษา
จดฉันทลักษณ์มา   นยว่านิมิตดี
จึงลองขยับดู         มุตรู้เกษมศรี
สืบสานกวีดี           ดนุนั้นพยายาม

  • สวัสดีค่ะ ตามคำว่า "โชคดีที่เกิดมาเป็นมนุษย์ และได้พบพระพุทธศาสนา" มาจากบ้านคุณลุง riceman ค่ะ
  • ประทับใจคำนี้ เพราะระลึกอยู่ทุกวัน
  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาทักทายค่ะ
  • ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมชมนานเลย สบายดีนะคะ
  • หลักธรรมที่ใช้อยู่คือ "ทำดีตามที่พ่อสอน" ค่ะ

P

สวัสดีครับ กล้าเกื้อฝัน 

ขอบคุณมากครับที่ได้แวะมาเยี่ยมบันทึก ณ แห่งนี้

 

P

สวัสดีครับ lovefull

ขอบคุณมากครับที่ได้แวะมาเยี่ยม ทักทาย

ทุกวันนี้ก็สบายกาย สบายใจ พอสมควรตามฐานะสารูป

นับได้ว่าท่านมีวิถีทาง มีหลักยึด หลักปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิตให้มีความสุขตามหลัก "ทำดีตามที่พ่อสอน" ซึ่งเป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่ง

สวัสดีครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท