ถือว่าเป็นควันหลงเฮฮาศาสตร์
4
ภูเก็ตก็แล้วกันนะครับ
ช่วงที่ท่านอัยการและศิลปินถ่ายภาพพาพวกเราเดินถ่ายภาพกลุ่มอาคารเก่าในเมืองภูเก็ตนั้น
ท่านพาเราฝ่าแดดไปจนถึงอาคารสวยที่เป็นศิลปะแบบ
“ชิโน-โปรตุกิส”
หลังแรกของจังหวัดภูเก็ต
ชื่อบ้าน
“ชินประชา”
และเป็นที่ตั้งมูลนิธิท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทรของจังหวัดภูเก็ตด้วย
บ้านหลังนี้มีอายุ 105
ปีแล้ว
บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี
พ.ศ. 2446 ปลายรัชกาลที่ 5
โดยพระพิทักษ์ชินประชา(ตันม่าเสียง) บิดาท่านคือ
หลวงบำรุงจีนประเทศ(ตันเนียวยี่)
ซึ่งเกิดในมณฑลฮกเกี้ยนรับราชการทหารในตำแหน่ง
“บู๊เต็กจงกุน”
ท่านเดินทางมายังประเทศไทยเมื่อปีพ.ศ.
2397
ปลายรัชกาลที่ 4 และมาทำเหมืองแร่ดีบุกที่เกาะภูเก็ตแห่งนี้
นอกจากนี้ยังทำธุรกิจค้าขายที่ปีนังยี่ห้อ
“เหลียนบี้”
พระพิทักษ์ชินประชา
เกิดที่เกาะภูเก็ตเมื่อ พ.ศ. 2426 เมื่ออายุได้ 20
ปี ได้สร้างบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นศิลปะแบบ
“ชิโน-โปรตุกิส”
เป็นหลังแรกในจังหวัดภูเก็ต ชนชาวจีนเรียกว่า
“อังม่อเหลา”
แต่เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษเมืองจีน
วัสดุส่วนอื่นๆนำเข้ามาจากต่างประเทศ
เนื่องจากการค้าขายทางเรือผ่านเกาะปีนังมายังภูเก็ต
ในสมัยนั้นเฟื่องฟู เช่น รั้วจากฮอลแลนด์ กระเบื้องปูพื้นจากอิตาลี่
ฯลฯ ปัจจุบันบ้านหลังนี้มีผู้เป็นเจ้าของรุ่นที่ 6
แล้ว
ผมมีโอกาสได้พบท่านเจ้าของบ้านที่ยินดีต้อนรับกลุ่มพวกเราโดยการนำของท่านอัยการ
วิเศษแท้
ที่ได้มีบุญมาเหยียบบ้านสวยเลอค่าหลังนี้
ผมและเพื่อนๆวนเวียนชมของเก่าในบ้านหลังนี้อย่างเป็นบุญตา
มีรูปเก่าๆ ของใช้เก่าๆที่เป็นของกลุ่มผู้มีอันจะกินของคนจีนโบราณ
หลายอย่างแปลกตาที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
เช่นปิ่นโตโบราณ
ที่ผมทึ่งมากๆคือ
เตียงสวยสองหลังนี้ครับ ด้านซ้ายมือนั้นเราอาจจะได้เห็นทั่วไป
และหลายท่านอาจจะมีเป็นสมบัติด้วย ส่วนเตียงสวยขวามือนี่ซิ
สวยงามมาก มีลาย มีช่องใส่สิ่งของ แปลกคือขนาดไม่ใหญ่โต
ผมเลยเดาว่าอาจจะเป็นเตียงเด็กก็ได้
เพราะผมลองเทียบตัวเองหากจะลงไปนอนแล้ว
เท้ากับหัวจะติดขอบเตียงแน่นอน
ผมก้มลงไปดูพื้นเตียงสวย ปัตติโถ.. โถ.. โถ..ท่านครับ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
“พื้นเตียงสวยนี้เป็นไม้ฟาก
หรือไม้ไผ่สับฟาก” ครับ ผมลองเอามือกดๆดู แน่นตึกเลย
สวยงาม เรียบสนิทดั่งไม้กระดานแผ่น...โห โห
สวยงามเหลือเกิน
ที่ห้องโถงใหญ่
ปรากฏพระบรมสาทิสลักษณ์ ของรัชกาลที่ 5
ที่ทรงพระราชทานให้ตระกูลนี้พร้อมหนังสือที่ท่านเจ้าของบ้านทำสำเนามาแสดงครับ
เดินออกมาตรงทางออกประตู พบการแสดงภาพฝรั่งสวยท่านหนึ่ง ผมตรงเข้าไปอ่านพบว่าเป็น
คุณ Oliver Stone
คราวที่มาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่คฤหาสน์หลังนี้ครับ
ในรูปขวามือล่างนั้นคือปิ่นโตโบราณครับที่ทำมาจากไม้ไผ่สานอาบเครื่องเขิน
สวยงามจริงๆ..
เดินออกมานอกคฤหาสน์
ผมพบต้นละมุด
อายุ 200 ปี
ที่ท่านครูบาและเพื่อนๆกล่าวถึงมาหลายบล็อกแล้วนะครับ
มีป้ายชื่อติดที่ต้นว่า “บาซิกู๊”
ตรงทางออกประตูนั้นผมพบต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่งมีผลติดต้นเต็มไปหมด
แปลก เพราะผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ผมเปรยออกมาว่า นี่ต้นอะไรนี..
น้องหมอเจ๊ ยืนอยู่ใกล้ๆบอกผมว่า นี่เขาเรียกต้น
“ตะลิงปลิง” ผลมันมีรสเปรี้ยว แต่อร่อย
เข้าเครื่องอาหารปักษ์ใต้หลายอย่าง ผมหายโง่ไปเลย
ที่ชายรั้วนั่นมีพุ่มไม้สวย ผมเห็นดอกประหลาดมีชื่อติดว่า
“ว่านค้างคาว”
(รูปล่างซ้ายมือ)
(แก้ข้อมูลครับ :
รูปคฤหาสน์นี้เป็นคฤหาสน์ในกลุ่มบ้านชินประชาครับ
บ้านชินประชาจริงอยู่ทางซ้ายมือของรูปคฤหาสน์หลังนี้
ซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกันครับ)
เรื่องราวของคฤหาสน์หลังนี้คงมีมากมายนัก
เรื่องราวของจังหวัดภูเก็ตคงเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้มากมายนัก
พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ
วัฒนธรรมของภูเก็ต
คงเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์หลังนี้มากมายนัก
หากไม่มาเฮฮาศาสตร์
4
ผมจะมีโอกาสดีอย่างนี้หรือ..
ขอบพระคุณท่านผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์
ขอบพระคุณท่านอัยการ
และทุกท่านที่ให้ความกรุณา
ผมยังอิ่มเอมอยู่เลยครับ....
(แหล่งข้อมูลจากเอกสารแผ่นปลิวจากบ้านชินประชา)