จารุวัจน์ شافعى
ผศ.ดร. จารุวัจน์ ชาฟีอีย์ สองเมือง

เลือดนองไปด้วยรัก


เสียดายครับที่บันทึกนี้ เอาภาพถ่ายมาขึ้นไม่ทัน ผมตั้งใจจะเขียนบันทึกนี้พร้อมภาพบรรยาย แต่ไม่เป็นไรครับ ได้ภาพเมื่อไรผมจะเอามาเพิ่มเติมภายหลังครับ

 วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ผมไม่ได้ทำตามแผนที่วางไว้เลยครับ แต่คิดว่าได้ผลคุ้มค่าทางจิตใจครับ วันนี้แผนแรกคือไปประชุมทำแผนปฏิบัติการของคณะ ตอนสี่โมงครึ่ง แต่ผมเจตนาไปเช้าหน่อยเพื่อตรวจงานนักศึกษา แต่พอไปถึงคำทักทายแรกจากทีมงานของคณะคือ อาจารย์เลือดกรุ๊ปอะไรครับ ผมก็ตอบไปอย่างรวดเร็วว่า A ครับ แค่นั้นแหละครับ หน้าตาแสดงความดีใจของน้องๆ ก็ชัดเจนครับ แล้วก็บอกผมว่า วันนี้เราระดมพลกันไปบริจาคเลือดกรุ๊ป A ซึ่งเป็นกรุ๊ปเดียวกับอ.อิบราเฮ็ม (ibm ครูปอเนาะ) ครับ เหตุที่ต้องระดมเดือดก็เพราะจะมีการผ่าตัดอาจารย์อิบราเฮ็มครับ (จากอุบัติเหตุที่เล่าไปแล้ว)

ผมก็เลยร่วมไปกับขบวนครับ คราวนี้เริ่มต้นหรู่หน่อย (ทีแรกคิดว่าคงไปกับรถโดยสารมหาวิทยาลัย) แต่แล้วก็กลายเป็นรถตู้คันใหม่ของมหาวิทยาลัยครับ แต่ยังไม่ทันออกจากเขตมหาวิทยาลัย คนโดยสารก็เกินกว่าที่นั่งครับ ผมและอีกสี่ท่านก็เลยเปลี่ยนไปนั่งรถของแบร์อัดลีย์ ฝ่ายประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัย

การระดมคนเลือดกรุ๊ป a คราวนี้ทำให้ผมรู้ความจริงอย่างหนึ่งว่า ทำไมสมาชิกคณะศิลปศาสตร์จึงเป็นสมาชิกที่มีความวุ่นวายกว่าคณะอื่นๆ แฮะแฮะ โดยส่วนตัวเคยคุยกับผู้บริหารต่างคณะหลายท่านว่า ศิลปศาสตร์ฯ ไม่เหมือนคณะอื่น เรามีธรรมชาติที่ให้อิสระอาจารย์อย่างเต็มที่ในเกือบทุกเรื่อง ซึ่งผู้บริหารหลายท่านก็เห็นด้วย เพราะเคยมีอาจารย์จากคณะศิลปศาสตร์ฯ ย้ายไปที่คณะอื่น แล้วต้องใช้เวลานานกว่าจะปรับตัวได้ ฮาฮาฮา

ความจริงที่ผมรู้คือ สาเหตุมันมาจากการที่คณะศิลปศาสตร์ฯ มีคนเลือดกรุ๊ปเอมากกว่าคณะอื่นๆ ฮาฮา ก็เลยคุยเล่นๆ กับคนที่ไปบริจาคเลือดว่า คนเลือดกรุ๊ปเอ ส่วนใหญ่ "ด๊อน" (ภาษาใต้ครับ ขออนุญาตไม่อธิบายเพิ่ม) ปรากฏศิษย์เก่าผมเอง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียน ก็พูดขึ้นมาว่า แล้วเป็นประเภทที่ไม่ใช่ ด๊อนเฉพาะในคณะตัวเองนะ ด๊อนไปทั่วมหาวิทยาลัยเลย ฮาฮาฮา (ไอ้นี้มันว่าอาจารย์มัน)

ผมเคยรู้มาว่า อุปนิสัยของคนแต่ละกรู๊ปเลือดต่างกัน แล้วผมจำได้ว่า ไอ้ที่เขาทำนายนิสัยนั้นตรงกับผมแป๊ะเลย แต่จำไม่ได้ว่านิสัยไหนแต่เดาว่า ไอ้ด๊อนนี้แหละ นิสัยหลักของผม และน่าจะเป็นของคนกรุ๊ปเอด้วย ฮาฮาฮา (ว่าไปนั้น)

เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเราก็ไปสู่ห้องบริจาคเลือดเลยครับ คนแรกที่ขึ้นเขียง เอ้ย เตียงคือ แบร์ปา ครับ คนนี้มั่นใจสูง เพราะบริจาคมาสองสามครั้งแล้ว ส่วนคนอื่นหน้าซีด เป็นส่วนใหญ่ :)  (แฮะแฮะ รวมถึงผมด้วย)

ถึงตอนนี้ผมเริ่มเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย เลยด๊อนถามหาใครที่มีโทรศัพท์ถ่ายรูปไว้ได้บ้าง ก็มีอาจารย์มะยูตีครับที่มี เลยขอโทรศัพท์อาจารย์มาถ่ายภาพเก็บบรรยากาศดีๆ นี้ไว้ครับ

คนที่สองคือ อ.อาลัมครับ แล้วก็ตามมาเรื่อยๆ ครับ เนื่องจากหมอจะเช็คประวัติก่อน แล้วก็วัดความดัน จากนั้นก็ตรวจเลือดขั้นต้น แล้วก็เอาตระกร้าเล็กๆ ไปขึ้นเขี่ยง ฮาฮาฮา

ปรากฏรอบนี้มีคนไม่ผ่านการคัดกรองสองคนครับ คือ ผมและแบร์อัดลีย์ ฮาฮา ไม่ได้เป็นโรคอันตรายอะไรนะครับ ผมนะไม่ผ่านตั้งแต่ต้นแล้วครับ หมอบอกว่า คุณไม่ต้องคิดที่จะมาบริจาคเลย ฮือฮือ ส่วนแบร์ลีย์ความดันต่ำครับ รอบแรกน้องพยาบาลฝึกหัดวัดได้ค่าเป็นศูนย์ ผมเลยแซวไปว่า ผมต้องไปขุดหลุมฝั่งศพแล้วมั๊งเนี๊ยะ มีใครความดันขนาดนี้แล้วยังหายใจบ้าง (ต้องเข้าใจครับ อยู่ระหว่างการฝึกหัด)

คนหนึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาทีครับ พักนิดหนึ่งก็เป็นปกติแล้วครับ ชุดแรกที่ให้เลือดแล้วรวมผมด้วยก็ไปแวะเยี่ยมอาจารย์อิบราเฮ็มครับ ปรากฏว่า ท่านถูกย้ายเข้าห้อง icu อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งผมก็ได้พบกับท่านอธิการบดีที่แวะมาเยี่ยมอยู่ก่อนแล้วครับ ทักทายท่านเสร็จท่านก็ให้นั่งข้างๆ แต่ผมขอตัวไปนั่งด้านหลังครับ แบบว่า นั่งใกล้าผู้หลักผู้ใหญ่ทีไรแล้ว คันก้นประจำ (ฮิฮิ พูดเล่น)

สุดท้ายผมและคณะก็ไม่ได้เข้าไปเยี่ยมครับ เพราะไม่ใช่เวลาเยี่ยม แต่ผมตั้งใจว่าค่อยมาใหม่อีกครั้งแล้วกัน เวลาให้เยี่ยมมันลำบากจะมาครับ เพราะหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม มันเสียวเวลากลับบ้านครับ

สมัยเรียนมัธยม มีการถามหาหลักการศาสนาว่าด้วยการบริจาคเลือดครับ ซึ่งผมจำได้ว่า โต๊ะครูของผมบอกว่า มีหะดีษระบุว่า การถ่ายเลือดเหมือนกับการถุยน้ำลายนั่นแหละครับ และสิ่งหนึ่งที่ท่านรอซูล (ซ.ล) ทำบ่อยๆ คือ การเจาะเอาเลือดดำออก วิธีการที่ผมพอจำได้คือ การใช้ขวดหรือแก้วลนไฟจนร้อนแล้วมาอั่งไว้ที่ท้ายทอย จากนั้นจะเกิดเป็นก้อนลมขึ้น แล้วก็เอาเข็มเจาะ เลือดสีดำก็จะไหลออกมา อันนี้ทำเพื่อสุขภาพครับ

หากมีโอกาสผมจะเอาภาพถ่ายมานำเสนออีกครั้งหนึ่งนะครับ

ช่วงบ่ายผมตั้งใจว่าจะไปปัตตานีครับ โดยเป้าหมายหลักคือ เอาของไปส่งและทำใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดและแปลคู่มือรถเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมสำหรับการไปเก็บข้อมูลที่มาเลเซียในวันที่ 2 พ.ค. ซึ่งผมจะเป็นคนขับรถให้กับทีมวิจัยในรอบนี้ และข้อตกลงเบื้องต้นคือ เอารถของผมเป็นรถสำหรับการลงสนามเก็บข้อมูลวิจัย (แหม่ประหยัดได้หลายเรื่องจริงๆ)

เมื่อเวลามันล่วงเลยไปเยอะ ผมเลยตัดรายการต่างๆ ออก โดยเปลี่ยนจากไปปัตตานีก็ไปทำที่ยะลาแทน ปรากฏไปถึงขนส่งตอนบ่ายโมงครึ่ง ยื่นหลักฐานปั๊บก็รู้ว่าหลักฐานไม่ครบ เพราะผมไม่ได้ถ่ายเอกสารอะไรมาเลย ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องใช้ เลยออกมาถ่ายข้างหน้าขนส่ง ปรากฏได้ข้อมูลเพิ่มว่า ถ้าผมแปลคู่มือรถผมตอนนี้ผมจะขาดทุน เพราะต้องมาทำอีกรอบในเดือนหน้า เนื่องจากรถผมกำลังจะครบกำหนดชำระภาษี ผมก็เลยได้รับการเสนอจากคนถ่ายเอกสารว่า ให้ต่อประกันและต่อทะเบียนเลย โดยทางร้านรับเดินเรื่องทั้งหมดให้ ผมเลยนั่งรอแป๊บเดียวจริงๆ ครับ เสร็จเรียบร้อย และเริ่มรู้อนาคตอีกเรื่องหนึ่งว่า หลักฐานผมขาดไปอีกอย่างหนึ่ง คือ บัตรประจำตัวประชาชน (มันหายไปหลายวันแล้วครับ) แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ ลองไปยื่นดู ซึ่งปรากฏว่า คู่มือรถทำได้ครับ โดยผมขอใช้ใบขับขี่แทนบัตรประชาชน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยอมครับ แต่พอไปทำใบขับขี่ ยังงัยๆ ก็ไม่ยอมครับ ผมเลยต้องไปที่อำเภอ เพื่อทำบัตรใหม่ ออ. จริงๆไปที่โรงพักมาก่อนแล้วครับ เขาบอกว่าไม่ต้องมาแจ้งความแล้ว ไปทำใหม่ได้เลย จากโรงพักมาที่อำเภอ ผมใช้วิธีการเดินครับ หอบน่าดู

ถึงหน้างานทะเบียนราษฏร์ ปรากฏมีป้ายที่ทำผมใจเสียเลยครับ คือ เขียนว่า งดทำทะเบียน เนื่องจากระบบเครือข่ายขัดข้อง แต่ดีที่ถามก่อน เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าทำได้ เลยถามอีกประเด็นหนึ่งว่า ทำต่างอำเภอได้มัย เพราะผมอยู่อำเภอยะรังปัตตานี ไม่ใช่อำเภอเมืองยะลา เขาว่าได้ ก็ยิ่งดีใจใหญ่

แต่พอจะทำจริงๆ เจ้าหน้าที่บอกว่า ของผมทำนอกพื้นที่ต้องให้หัวหน้าอนุญาตก่อน ผมเลยต้องทำหน้าตาให้น่าสงสาร (จริงๆ ก็น่า... จะตายอยู่แล้วครับ) ก็ปรากฏว่าเสร็จเร็วมากครับ ขับรถกลับไปที่ขนส่ง ยื่นหลักฐาน ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่บอกว่า กำลังจะปิดเครื่องพอดี แต่ก็เอาล่ะทำให้ก็ได้ แล้วก็ไม่ถึง 5 นาทีครับ เสร็จครบทุกเรื่อง เสร็จทุกเรื่องในเวลา 15.30 น.ครับ

การติดต่อราชการวันนี้ของผม ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้างกับงานราชการครับ เพราะตั้งแต่อดีตมา ผมมีภาพลบจริงๆ กับการทำงานของข้าราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาดไทย เมื่อไม่นานมานี้ก็ที่อ.ยะรัง เรื่องการย้ายชื่อผมและครอบครัวเข้าบ้านก็มีปัญหาจนตอนนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อยเลยครับ ข้อสรุปที่ผมได้คือ การบริการในเมืองใหญ่ๆ ดีกว่าการให้บริการในอำเภอหรือเมืองเล็กๆ ครับ เวลาไปติดต่อหน่วยงานนอกเมืองแล้วรู้สึกว่า ทุกอย่างเราเป็นคนไปขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ในเมือง เรากลับเป็นลูกค้าที่เขาต้องดูแลเรา ผมเหลือบไปเห็นป้ายเล็กๆ ข้างฝาห้องของอำเภอเมืองคือ การทำงานต้องใช้จิตวิทยาและความสร้างสรรค์..... (อะไรทำนองนี้แหละครับ) อือ ผมเห็นด้วย อย่าคิดว่า ประชาชนเป็นคนมาขอทานท่าน ผมก็โอเคแล้วครับ

หมายเลขบันทึก: 179311เขียนเมื่อ 28 เมษายน 2008 22:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 23:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)
  • บันทึกนี้...ยาวจังเลยค่ะ...
  • แต่อ่านจน จบค่ะ...
  • กรุ๊ปเลือดหนู...ใจดีค่ะ...มีน้ำใจคะ...ใจดีให้เพื่อนเข้ากับเพื่อนๆได้หมด....อิอิอิ...ไม่"ด๊อน"...ด้วยค่ะ..
  • อาจารย์เขียนเล่าได้อ่านสนุก...ไม่เบื่อค่ะ...ก็เลยอ่านได้จนจบเลยค่ะ..
  • อ่านบล้ออาจารย์แล้วได้ความร้หลายอย่างเลยค่ะ...

ขอบคุณครับ1. *~Wardah~* ที่แวะมาเยี่ยมเยียน

แฮะแฮะ วันนี้เรื่องมันยาวมากครับ นี้ยังไม่ถึงครึ่งที่อยากเขียนเลยครับ แต่เกรงใจคนอ่าน เลยเอาแค่นี้ก่อน

เคยบริจาคเลือดด้วยหลายครั้งคะ...

การที่เราได้ทำอะไรเพื่อช่วยคนอื่นมันทำให้เรารู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกจริงๆคะ

..เหมือนเราได้ร่วมแบ่งปันและได้ทำประโยชน์..ตัวลอยเลยคะ

MooNoi

ขอบคุณครับ Know All Days

ผมเองก็อยากบริจาคครับ คิดทำบริจาคหลายครั้งแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่า แบบผมหมอจะยอมให้บริจาคหรือเปล่า เพราะเคยอ่านเจอในเอกสารบางเล่มบอกว่า ประเภทผมไม่ควรบริจาค วันนี้เลยชัดว่า ผมไม่ควรบริจาคครับ

การบริจาคเลือดเป็นการแบ่งปันที่มีคุณค่าจริงๆ ครับ แล้วเราก็เกือบจะไม่ต้องลงทุนอะไรเลย

มาเยี่ยม...

ทำใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ด..นี่ในสามจังหวัด

ก้าวหน้าไปมากนะครับผม ช่วงที่ผมอยู่ ปัตตานีได้ทำแต่ บัตรประจำตัวประชาชน

ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีครับ อะไรๆ ก็ดูดี

อ่านแล้วรูสึกอยากมีส่วนร่วมมากครับ แต่ผมกรุ๊ปเลือด บี เพราะอาจารย์อิบรอเฮ็ม เป็นผู้ใหญ่ที่ผมให้การนับถือคนนึง และที่สำคัญสำหรับการเดินทางไปสอนที่ยะหาทุกครั้ง ผมอบอุ่นทุกครั้งกับการต้อนรับของคน บาโงยซิแน ขอให้อัลลอฮฺให้อาจารย์หายป่วยเร็วๆครับ ...เขียนบล๊อกยาวแต่ไม่เบื่อ สุดยอดมากครับ เป็นกำลังใจเสมอสำหรับผลงานวิจัยในครั้งนี้

ขอบคุณครับอาจารย์เสียงเล็กๆ เรื่องที่อาจารย์ฝากผมไว้ ผมกำลังตรวจสอบอยู่ครับ

ยาซากุมุลลอฮฺครับอาจารย์ ความจริงผมไม่อยากรบกวน แต่ผมก็ไม่รู้จะทำไงให้ได้คำตอบ เพราะลองมาหลายทางแล้วครับ ขออัลลอฮฺทรงตอบแทนครับ

อาจารย์ยังเป็นคนที่มีความฮาๆๆ ไม่เคยขาด งั้นมามาฮาๆๆผสมความเศร้า

แต่พออ่านเรื่องราวของอาจารย์ บอกคำเดี่ยว หายเศร้าเลย

คนไข้คงจะยิ้มและภูมิใจ ที่เค้ามีพี่น้องอย่างอาจารย์(พี่น้องร่วมศรัทธา)

เพราะ เราคือพี่น้องกัน

ใครคนหนึ่งเจ็บ อีกคนก็รู้สึกเจ็บไปเหมือนกัน...

ก็ขอดุอาร์ ให้ท่านหายไวไว

..............................

ขอบคุณครับ น้องสาวคนเล็ก (أُخْتٌ صَغِيْرَةٌ )

ผมว่าตอนนี้เรามีหัวใจร่วมกันที่เฝ้าคอยขอดุอาจากอัลลอฮ์เพื่อให้อาจารย์อิบราเฮ็มหายไวไวครับ

หนูก็กรุ๊ปเอเหมือนกันค่ะ ชักเริ่มสงสัยแล้วสิ กรุ๊ปเอเป็นอย่างนี้หมดทุกคนไหมฮิฮิ มนุษย์จะรู้ว่าอัลลอฮรักก็ต่อเมื่อได้ให้สิ่งดีดีกับคนที่เรารัก แต่จะรู้ว่าคนที่รักเรามีค่าเพียงใดเมื่อต้องสูญเสียเขาไป ถึงตัวหนูอยู่ไกล แต่ดุอาและความคิดถึงบ้านหลังที่สองและทุกคนในครอบครัวไม่เคยจางหายเลยสักวัน

ขอบคุณครับ kulaibah

ยินดีต้อนรับเข้าสู่สมาชิกคนด๊อน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท