วิญญาณหลุดออกจากร่าง


วิญญาณหลุดออกจากร่าง

            สุดสัปดาห์นี้ต้องบอกว่าเป็นอีกครั้งหนึ่งที่รู้สึกสนุกครบรสชาติของชีวิตแพทย์อีกช่วงหนึ่งเลยก็ว่าได้

            วันพฤหัสบดี ขอตั้งชื่อว่า ศึกวันแดงเดือดเพราะผมกับเจ๊จินมีคนไข้คนหนึ่งที่เราวางแผนจะผ่าตัดกันในวันนี้ เธอเป็นคนท้องที่อายุครรภ์ครบกำหนดและมีรกเกาะต่ำ แถมการเกาะของรกนั้นมาบังพื้นที่ที่เราจะต้องลงมีดผ่าตัดไปหมดทั้งแผง ก่อนหน้านี้เราได้ปรึกษาอาจารย์วิรัช สุดยอดหมอผ่าตัดในภาควิชาของผมเอาไว้ก่อนแล้ว ว่าให้มาช่วยกัน ลำพังเพียงแค่เรื่องรกเกาะต่ำนั้นยังไม่ค่อยน่ากลัวนัก แต่รกที่เกาะต่ำนั้น เรากลัวว่ามันจะกินทะลุมดลูกออกมาด้วย ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆแล้วละก็ คงจะหนาว ดีที่เจ๊จินได้ตรวจด้วยอุลตราซาวนด์ไว้ก่อน แล้วคาดว่ามันไม่น่าจะทะลุออกมา จึงวางใจได้ส่วนหนึ่ง นอกจากนั้น เธอยังมีภาวะน้ำคร่ำมากกว่าปกติ เด็กก็ดูตัวโตกว่าปกติติเล็กน้อย ดูเหมือนคนท้องที่เป็นเบาหวาน ทั้งๆที่รายนี้เราก็ตรวจกันตั้ง 2 ครั้งแล้ว ก็พบว่าเขาไม่ได้เป็นเบาหวาน

            กับคนไข้คนนี้เราได้คุยกับเขามานานแล้ว ถึงเรื่องความเสี่ยงในการผ่าตัด เราบอกเธอไปว่า หลังคลอดเด็กออกมาได้ จะตัดมดลูกออกไปด้วยเลย เพราะการที่ไปแกะรกออก อาจจะทำให้เสียเลือดมากเกินไปได้ ซึ่งเธอก็รับทราบด้วยใจกังวล

            ก่อนที่จะดมยาสลบ ผมก็มาคุยกับคนไข้อีกครั้งเพื่อช่วยลดความกังวลให้เธอ และอวยพรให้อีกว่า หวังว่าทุกอย่างคงผ่านไปได้ด้วยดี

            การผ่าตัดคลอดคนนี้ เราเลือกที่จะผ่าเอาเด็กออกจากทางยอดมดลูกเลย เพราะด้านล่างติดรกทั้งแผ่น ทารกเป็นเด็กผู้ชายตัวบะเร่ง น้ำหนัก 3900 กรัมพอดิบพอดี จากนั้นเราก็รีบเย็บผนังมดลูกแบบเร่งด่วนเพื่อลดการเสียเลือด และเริ่มการตัดมดลูกออกทันที ซึ่งตอนนี้อาจารย์วิรัชของเราก็เข้ามาถึงพอดี ก็เป็นอย่างที่คิดครับ เลือดออกมากมาย เพราะเส้นเลือดแต่ละเส้นที่มาเลี้ยงมดลูกนั้นใหญ่พอๆกับนิ้วโป้งทีเดียว แถมบริเวณที่รกเกาะอยู่นั้นเปื่อยยุ่ย แตะนิดแตะหน่อยก็ชุ่มโชกแล้ว อาจารย์วิรัชเป็นโค้ชไม่นานก็ต้องรีบเข้ามาช่วยอีกมือ

            เราใช้เวลาไป 1 ชั่วโมงครึ่งก็เสร็จเรียบร้อย คนไข้ปลอดภัย เสียเลือดไปราวๆ 3500 ซีซี

            วันนั้นผมอยู่เวรห้องคลอดด้วยครับ รับเวรตั้งแต่ 8.30 น. ก็เริ่มมีคนไข้ให้ปวดหัวเล่น เพราะว่าคนไข้ของเราคนหนึ่งซึ่งเป็นโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียชนิดรุนแรงตั้งครรภ์มา เธอมีโลหิตจางประเภทที่ว่า ถ้าเป็นเราๆก็คงหัวใจวายตายไปนานแล้ว ความเข้มเลือดเหลือเพียง 8% เท่านั้น (คนปกติเราๆจะมีความเข้มเลือดประมาณ 30-40%) หาเลือดให้ก็ไม่ได้ เด็กในท้องก็ไม่โต เรียกว่าแกร็นเลยก็ว่าได้ แค่นี้ก็ปวดหัวเต็มทน เพราะเราอยากจะผ่าตัดเอาเด็กออก แม้ว่าเขาจะยังครรภ์ไม่ครบกำหนดคลอด กลัวเด็กจะตายเสียก่อน แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อยังหาเลือดมาให้แม่ไม่ได้เลย ก็ปรึกษาอาจารย์อีก 3-4 ท่านว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี เราเห็นตรงกันว่า รออีกนิด หาเลือดให้ได้ก่อน อย่าเอาแม่มาเสี่ยงตอนนี้เลยนะ

            ตลอดเวลาก็คุยกับคนไข้ตลอดเลยว่าเราเจอปัญหาอะไรบ้าง ความเสี่ยงต่างๆที่เขาและลูกแบกอยู่ตอนนี้เป็นอย่างไร หมอเด็กก็มาช่วยดู หมออายุรกรรมโรคเลือดก็เข้ามาช่วยประเมิน เรียกว่าต้องเรียกคนให้มาช่วยกันหลายคนเชียว

            อีกไม่นานก่อนเที่ยง ทางโรงพยาบาลอีกจังหวัดหนึ่งก็โทรฯเข้ามาบอกว่า จะส่งคนไข้มาให้อีกคน เป็นคนไข้ตั้งครรภ์แฝด อายุครรภ์ราวๆ 32 สัปดาห์ และมีน้ำเดินแล้ว เขาประสบปัญหาเรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่คลอดก่อนกำหนด จึงขอส่งตัวมารับการรักษาที่นี่ คนไข้มาถึงเราก็ราว 2 โมงกว่าเล็กน้อย ผมจึงรีบเข้าไปคุยด้วย ตรวจร่างกายพบว่าทารกในท้องนอนอยู่ในท่าเอาหัวลงคนหนึ่ง และเอาตูดลงคนหนึ่ง ซึ่งคิดกับเบ็ดเสร็จแล้ว เราจึงตกลงที่จะผ่าตัดคลอดทันที ก็บอกเขาไปเลยว่ามีความเสี่ยงอะไรบ้าง โดยเฉพาะเรื่องการตกเลือด (อีกแล้ว) การที่อาจจะถูกตัดมดลูก เนื่องจากครรภ์แฝดมักจะทำให้เกิดปัญหาตกเลือดได้ง่ายอยู่แล้ว แต่การผ่าตัดก็ผ่านไปได้ด้วยดี เลือดไม่โชกเท่าไหร่

            เสร็จงานก็เกือบ 5 โมง ผมต้องอยู่เวรต่ออีกในคืนนี้ ดีที่ลูกศิษย์ที่อยู่เวรด้วยนั้นเก่งและคล่อง อีกทั้งยังมีหมอมานพ ที่กำลังเรียนต่อยอดด้านมะเร็งอยู่เวรอยู่ด้วย คืนนั้นทั้งคืนผมจึงหลับสบาย ฮ่า ฮ่า อันที่จริงก็ไม่มีอะไรมากครับ เพราะว่าเวรมันว่างน่ะครับ ไม่ถูกตามอีกเลย

            มาวันศุกร์ผมก็ไปทำงานได้ตั้งแต่ตอนเช้า เพราะไม่ต้องส่งลูกไปโรงเรียน เลยออกตรวจคนไข้ได้ตั้งแต่ 8.30 น. (ก่อนเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง) เดี๋ยวนี้อยากรีบออกตรวจ เพราะว่าคนไข้มากขึ้นเยอะ ตรวจไม่ทัน วันนี้กว่าจะเก็บได้หมดก็ปาเข้าไปเกือบบ่าย 2 โมง (ไม่อยากจะบอกว่า บรรดาเหล่าคุณหมอใช้ทุนลูกศิษย์นั้น ยังต้องตรวจต่ออีกครับ บางวันก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ถึง 5 โมงก็มี) ช่วงนี้บางครั้งผมก็เลิกบ่ายแก่ก็หลายหน เดือนก่อนจำได้ว่าเสร็จ 3 โมง เพื่อรีบขึ้นไปสอนหนังสือ แล้วลงมาตรวจต่อตอน 4 โมงครึ่ง เล่นเอาคางห้อย

            ในทุกวันศุกร์ผมต้องตรวจคนไข้ที่คลินิกนอกเวลาจนถึง 2 ทุ่ม ซึ่งวันนี้ก็มีเรื่องประทับใจขึ้นมาอีกจนได้

            มีคนไข้คนหนึ่งมาตรวจภายใน ถามประวัติไปเธอก็บอกว่า ถูกตัดมดลูกออกไปแล้ว ผมก็ถามว่า เพราะเหตุใด เธอเล่าว่า เป็นการตกเลือดขณะคลอด รกเกาะต่ำ และรกกินออกมานอกมดลูกด้วย ว่าแล้วผมก็หยุดกึ๊ก เอ๊ะ ชักคุ้นๆแฮะ เธอเล่าว่า ได้ฝากครรภ์ที่คลินิกกับอาจารย์ท่านหนึ่ง ทราบมาแต่แรกแล้วว่ามีรกเกาะต่ำ แต่ไม่ทราบหรอกว่ามันมีการกินออกมานอกมดลูกด้วย และวันหนึ่ง อาจารย์ท่านนั้นติดราชการที่กรุงเทพฯ อาจารย์จิตเกษมซึ่งรับฝากเวรไว้จึงมาผ่าตัดแทนเพราะเธกเริ่มมีอาการตกเลือด เขาเล่ามาเพียงเท่านี้ผมก็จำได้ทันที เลยถามไปว่า คุณเป็นคนที่วิญญาณออกจากร่างตอนที่หมอผ่าตัดกันใช่ไหมครับ ค่ะ คือคำตอบที่ทำให้ผมขนลุก ไม่ใช่ว่ากลัว แต่ตื่นเต้นและตื้นตันต่างหาก เราจำผู้ป่วยรายนี้ได้ติดหัวเชียวครับ

            ตอนนั้นผมเป็นแพทย์ใช้ทุนปีที่ 3 แล้ว วันนั้นผมจำได้ว่า เขาเล่ากันตอนกลางวันว่า เจ๊จินเจอปัญหาหนัก เพราะคนไข้ที่รกเกาะต่ำนั้น มันมีรกส่วนหนึ่งกินทะลุมดลูกออกมาจนถึงเส้นเลือดใหญ่ข้างๆด้วย มันเลยเกิดปัญหาขึ้นมาละสิ เพราะว่าอย่างรายแรก เราตัดมดลูกได้ แต่รายนี้แค่คิดก็บ้าแล้ว เพราะรกมันมากินเส้นเลือด ทันทีที่เราหนีบตัด รับรองได้เลย ชนิดที่หลับตาก็ขนหัวลุกแล้ว ในวันนั้นเจ๊จินต้องตามอาจารย์ศัลยแพทย์มาช่วยกันอย่างมาก อาจารย์สูติฯของเราเองก็ช่วยกันหัวขวิด เสียเลือดไปเป็นหมื่นซีซี หมอดมยาต้องเทน้ำเทเลือดกันอย่างเร่งด่วน ผ่าตัดกันครึ่งวัน คนไข้รอดตาย

            ผมจำได้ว่า เย็นวันนั้นเราไปกินเลี้ยงกันที่ร้านอาหารเจ๊เล็ก เพื่อเลี้ยงรุ่นพี่ที่สอบบอร์ดผ่านหมด เจ๊จินเข้ามาด้วยอาการระโหดสุดแรงเกิด

            คนไข้รอดตาย เมื่อเธอรู้สึกตัวเต็มที่ก็บอกพวกเราว่า ตอนที่เรากำลังผ่าตัดกันอยู่นั้น เธอออกมายืนดูอยู่ด้วย เล่ามาเพียงเท่านี้ก็ทำให้พวกเราขนหัวลุก เป็นไปได้อย่างไร ไม่มีใครเชื่อหรอก เธอจึงบอกว่า มีช่วงหนึ่งที่หมอร้องว๊ายออกมา ว่าแล้วเจ๊จินก็บอกว่า จริง! เพราะทำเครื่องมือหล่นในจังหวะสำคัญ มันหล่นพื้นดังกริ๊ง!! และในช่วงนั้นก็เป็นช่วงเดียวกับที่หมอดมยากำลังป่วน เพราะว่าวัดความดันคนไข้ไม่ได้ เขากำลังจะตายอยู่รอมร่อแล้ว

            มันทำให้เราต้องเชื่ออย่างเลี่ยงไม่ได้เลย อาจารย์วิรัชบอกว่า นี่คือ near death experience (NDE) ลองไปอ่านใน internet ดู รับรองว่า เราคงไม่ใช่รายเดียวที่เจอเรื่องแบบนี้

            และทุกวันนี้เราก็ยังพูดถึงเรื่องนี้กันอยู่เรื่อยๆ เรียกว่า เธอเป็นตำนานของภาควิชาเราก็ว่าได้ แล้วนี่ตอนนี้ผมเจอเธอ ตัวจริงเสียงจริง ขอจับเนื้อจับตัวหน่อยครับ คนไข้เธอเล่าว่า ตั้งแต่รอดชีวิตมานั้น เธอก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เธอบอกว่าสงสัยเลือดของเธอนั้นเป็นเลือดทหาร เพราะว่าเข้มแข็งขึ้น แกร่งขึ้น เปลี่ยนไปเลย เมื่อก่อนอ่อนไหวและอ่อนแอ (ว่าไปนั่น) และเธอก็บอกว่า ลูกที่ออกมานั้นตอนนี้ทั้งเก่งและฉลาด อายุ 9 ปี แต่มีความคิดเหมือนเด็กอายุ 15 ปี สวรรค์ให้ลูกคนนี้มาจริงๆ ผมก็หยอดไปตามประสาผมว่า สวรรค์ให้ลูกมา และก็เกือบเอาแม่ไปแล้วด้วย

            ผมเสร็จการตรวจที่คลินิกนอกเวลาด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าจริงๆครับ

หมายเลขบันทึก: 177696เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2008 23:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 08:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (41)

มาเรียนรู้ด้วยครับคุณหมอ น่าตื่นเต้นไปด้วย สุดท้ายก็ช่วยชีวิตไว้ได้ น่าศึกษานะครับเรื่องวิญญาณ คุณหมอคงจะได้ประสบการณ์ในการสร้างบุญช่วยเหลือคนอีกมากมาย ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ

เป็นเรื่องจากอีกวิถีชีวิตหนึ่งที่อ่านแล้วน่าตื่นเต้นมากครับ

จากประสบการณ์ของตัวเอง ก็เคยวิญญานออกจากร่างเหมือนกัน แต่เป็นการถูกไฟดูดเมื่อตอนเด็กๆ

เป็นหมอนี่ดูแล้วเหนื่อยน่าดูนะครับ

ตื่นเต้นจังค่ะ ดีใจเขาปลอดภัย

ขอบคุณ คุณหมอ และพี่ๆพยาบาลทุกคนค่ะ

เป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นมาก ตั้งคุณหมอ และคนรับการรักษา นะคะ ลุ้นกันอย่างเต็ม

ความสามารถ

ขอบคุณค่ะที่คุณหมอมาเล่าให้ฟัง เป็นแม่คนหนึ่งที่ตกเลือด ทั้ง 2 ท้อง ลูกสาวคนโต เล็กน้อย อัลเตอร์ซาวด์  แล้วโอเค โตได้ไม่มีปัญหา สามารถ ผ่าคลอดได้ ก่อนวันที่กำหนด 1 วัน น้ำหนัก 3300 กรัม  คนที่2 ตั้งท้องห่างจากคนโต 1ปี 3 เดือน เราไม่คุม เพราะตั้งใจให้ลูกโตเป็นเพื่อนกัน คนนี้ ตกเลือด อายุครรภ์ 7 เดือนเต็ม พบว่ารกเกาะต่ำ  โฮ ...นอนรพ. ยาวนานเลย งานการ ลืมหมดโดนยาฉีดทุก 4 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้มดลูก บีบตัว ท้องจะแข็งตลอด ทุกวันไปนอนฟังหัวใจลูก  เช็คลูก ดิ้น สรุปแล้ว อยู่ได้ ขาด ไป 3 สัปดาห์ กว่า ๆๆ ลูกสาว คนนี้ ได้ 3400 กรัม ตกเลือดในช่องท้องมาก มากๆๆๆ หมอประจำท่านบอก ต้องรับเลือด 4 ถุง มั้งจ้ะ แต่หมอทำหมันเลย  ไม่บอกล่วงหน้า  สามียังโกรธคุณหมอ  อย่างแข็งแรง  ผ่าออกมา ทานนม 2 ออน เลย อย่างเคส คุณหมอ  เฮ้อ ดีไม่โดนต้องตัดมดลูก  โชคดี กว่าใช่มั้ยคะ คุณหมอ  ผ่าน มา 10 ปีสายตาลูกเริ่ม สั้น  ทั้งตระกูล พ่อ-แม่  ไม่สั้น ไม่ทราบว่า เกิดผลกระทบ จากช่วงประคับประคอง  หรือป่าว ค่ะ    สนุกๆ ตื่นเต้นๆๆ ไม่น่าคิด มันผ่านมาได้ไง ค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ

งานหนักมากเลยนะคะ

ยังเล่าเรื่องได้สนุกเหมือนเดิมค่ะ

เรื่อง การรับเลือดคนอื่น

ก็น่าคิดนะว่าจะได้สารที่อยู่ในเลือด ทำให้คนที่ได้รับเลือดของคนที่บริจาคให้จะเปลี่ยนเหมือนคนให้เลือดไหม

พี่เคยได้ยินหัวหน้าฯของพี่พูดว่า ตอนได้รับเลือดของลูกชาย เลือด gr เดียวกัน แต่ขณะเลือดวิ่งเข้าไปในร่างกาย รู้สึกแปลกๆมาก กว่าเลือดจะวิ่งไปรวมกับเลือดตัวเองได้

น่าคิดนะเรื่อง ความรู้สึกในการรับเลือดหรือผลกระทบของคนที่ไดรับเลือดคนอื่น

เข้ามาเรียนรู้ความยากลำบากในการทำหน้าที่ของคุณหมอ วาดเสียวจริงๆ ชื่นชมครับ

สวัสดีครับ ดร. ดิศกุล เกษมสวัสดิ์ , ครูเอ, พี่หน่อย ดอกแก้ว , paula wara, bangsai

เรื่องแบบนี้ เวลาเอามานั่งทบทวนและเขียนนั้น สามารถสร้างความรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจได้เสมอครับ แต่ในขณะที่กำลังทำงานนั้น บางครั้งใจเต้นแรงกว่าเขียนมากเลยครับ กลัวเขาตาย กลัวเขาสูญเสียอวัยวะ

ผ่านมาได้ก็หายใจได้โล่งครับ

สถานการณ์ในปัจจุบัน หมอที่ทำงานในโรงพยาบาลใหญ่ๆประสบปัญหามากมาย และต่างจากโรงพยาบาลเล็กๆ

คนที่ทำงานในโรงพยาบาลเล็ก มีความไม่พร้อม ขาดไปเสียทุกอย่าง หมอก็ไม่พอ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาก็ต้องรีบส่งต่อ ยิ่งเมื่อปีก่อน มีหมอถูกศาลสั่งจำคุกด้วยเรื่องช่วยคนไข้ จนคนไข้ตาย ตั้งแต่นั้นมา โรงพยาบาลเล็กๆก็ไม่กล้ารักษาคนไข้เหมือนแต่ก่อนเลยครับ

ส่วนในโรงพยาบาลใหญ่ๆก็รับผู้ป่วยมากขึ้นจริงๆ มองไปก็คิดว่าดี เพราะคนไข้จะได้พบหมอเฉพาะทาง แต่นั่นแหละ เมื่อคนไข้มากขึ้น การบริการก็ขาดตกบกพร่องไปด้วย บางโรค คนไข้ต้องมารอคิวตรวจ คิวผ่าตัดนานหลายเดือนเลย อันนี้ก็น่าเห็นใจทั้งคนไข้ทั้งหมอครับ ยกตัวอย่างเรื่องการขูดมดลูกแบบธรรมดา เมื่อก่อน หมอที่ไหนก็ทำได้ แต่ปัจจุบัน ส่งเข้าโรงพยาบาาลจังหวัดหมด คนไข้ที่เป็นมะเร็งโพรงมดลูกนั้น กว่าจะได้รับการวินิจฉัยก็ล่าช้าไปอย่างน่าเสียดาย เหตุเพราะว่า โรงพยาบาลเล็กๆไม่มีหมอดมยา เขาไม่กล้าฉีดยาให้คนไข้ครับ ลองหลับตานึกดูนะครับว่า ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเรานี้ มีหมอดมยากี่คนกัน

กะแล้วว่าคุณหมอชำนาญทางเด็กและผู้หญิง(สำนวนคุณหมอประเวศ อิอิ) บ้านเราพบคนข้ธารัสซีเมียมากเลยนะครับ

สวัสดีครับคุณ พลเดช วรฉัตร

NDE เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากครับ เคยอ่านหนังสือที่คนเขาเคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาเล่าให้ฟัง เขาสรุปเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายได้อย่างน่าสนใจอย่างนี้ครับ "ที่ผ่านมานั้นได้ใช้ต้นทุนชีวิตหมดแล้ว ที่เหลือต่อจากนี้ไปก็คือกำไร ดังนั้นจึงขอใช้ชีวิตที่เหลือ หรือเกิดใหม่นี้ เพื่อทำความดีและทำเพื่อผู้อื่นครับ"

พี่นิด คนสวย แซ่เฮ (เอ๊ะ ทำไมคนใช้นามสกุลนี้เยอะจังเลย)

เรื่องตกเลือดขณะตั้งท้องมีปลีกย่อยอีกมากเลยครับ ทั้งที่ไม่น่าตื่นเต้น ยันแดงเดือด โชคดีที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีปัญหาครับ เรื่องสายตาสั้นนั้นผมไม่คิดว่าจะเป็นผลจากการตกเลือดของแม่นะครับ (อันนี้ถามภรรยา เพราะเขาเป็นหมอตา) ส่วนเรื่องพันธุกรรมนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไปครับ

พี่อุบลครับ

ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าการรับเลือดจะเกิดผลกระทบแบบนี้หรือไม่ เพราะคนไข้ส่วนมากของเราๆ มักจะได้รับเลือดเพียงถุงสองถุง นานๆจะได้รับเป็นลิตรๆ และที่สำคัญ เขาเหล่านั้นก็ไม่เคยมานั่งเล่าให้เราฟังด้วยนะพี่

ผมอธิบายคนไข้คนนั้นไปว่า เลือดคนอื่นอยู่ในตัวเราได้ไม่นานหรอกครับ เม็ดเลือดแดงมันมีอายุของมัน ตอนนี้ไขกระดูกเขาสร้างเองได้ดีและมาทดแทนที่ได้รับมาหมดแล้ว

ผมวิเคราะห์ไปว่า ที่เขาแกร่งขึ้นนั้น น่าจะมาจากการผ่านช่วงวิกฤตของชีวิตมาได้มากกว่ากระมัง

แต่นั่นเป็นเพียงความคิดตื้นๆของผมเท่านั้นครับ เรื่องทางจิตวิญญาณนั้นมีหลายอย่างที่ผมก็ไม่เคยเข้าใจ

พยาบาลที่ดูแลคนไข้มะเร็งอย่างพี่ น่าจะเก่งและชำนาญกว่าผมมากครับ

อาจารย์ขจิตรูปงามครับ

ผมถนัดเฉพาะเรื่องผู้หญิงครับ เด็กไม่เอา

ธาลัสซีเมีย เป็นโรคเลือดจางทางพันธุกรรม เป็นโรคที่ติดต่อกันทางสายเลือด และอยู่คู่บ้านเราครับ

มันเป็นยีนส์ด้อย แต่ที่มันยังอยู่ยั้งยืนยงอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะว่า คนที่เป็นพาหะหรือเป็นโรคนี้ จะไม่เป็นโรคมาลาเรียครับ ตัวพยาธิมาลาเรียไม่สามารถเจาะเม็ดเลือดที่ผิดปกติของคนกลุ่มนี้ได้

บางจังหวัด เราอาจจะพบคนที่เป็นพาหะของยีนส์นี้ได้ร้อยละ 50 เชียวนะครับ

อ.หมอแป๊ะคะ ขอบคุณที่นำมาเขียนเล่านะคะ อ่านทุกตัวอักษรมาจนจบ แล้วมีอะไรบอกในหัวว่า ถ้าอาจารย์เขียนเล่าเรื่องทางคลินิก (หมายถึง clinical cases) แบบนี้และเขียนได้อารมณ์ ความรู้สึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ รับรองต้องมีสำนักพิมพ์มาติดต่อขอรวมเล่มและต้องเป็นหนังสือขายดีติดอันดับแน่ๆค่ะ (พี่โอ๋ทำนายเอาไว้ตรงนี้เลยนะคะ ....ฟันธง....) 

ฟันธงป้าโอ๋

ไม่มี ไม่มี

แป้งเริ่มอ่านหนังสือที่ให้มาแล้ว บ่นอุบ ว่าตัวหนังสือเล็ก (แบบว่า เมื่อคืนอ่านตอนง่วง)

แต่เวลาพ่อมันอ่านให้น้องฟัง ก็แอบขยับมาอยู่ใกล้ๆ แล้วตั้งใจฟัง

แบบนี้ เรียกว่าขี้เกียจอ่านใช่หรือไม่ ฮ่า ฮ่า

ลุ้นกับหมอแป๊ะจนตัวโก่งเลย น่าระทึกขวนให้ติดตาม อิอิ

ครับท่านอัยการชาวเกาะ

ต้องลุ้นไปด้วยเลยหรือครับ ลุ้นว่าคนไข้จะรอด หรือลุ้นว่า ผมจะโทรมาหาท่านหรือเปล่า

อันนี้น่าตื่นเต้นกว่ามากครับ ฮ่า ฮ่า

สวัสดีค่ะอ.แป๊ะ เป็นศิษย์เก่ามอ.ร่น 29 ค่ะ ยังเป็น GP อยู่ แต่อยู่ที่รพ.แม่และเด็ก ตรวจและรักษาแต่เคสสูติและเด็ก สนุกดีค่ะ แต่ก็น่าหวาดเสียวเช่นกัน

เห็นด้วยกับอาจารย์ว่าคนไข้เรียกร้องกันสูงขึ้น ต้องการพบแพทย์เฉพาะทางจนไม่ไว้วางใจแพทย์ทั่วไป คนไข้ที่รพ.จังหวัดจึงเยอะมากๆๆๆๆ ตรวจกันไม่หวาดไม่ไหว

ตอนนี้ที่รพ.ก็ให้ผ่า C/S เกือบทุกชนิด(ทุกท่าพิสดาร) ผ่ากันเดือนละเกือบ 20 เคส ดีที่ยังไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรือข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น แต่ก็คงจะระวังเป็นพิเศษค่ะ

สวัสดีครับคุณหมอชนิกานต์

ถ้าเลือกใหม่ได้ ผมอยากเรียน fam med ครับ เพราะได้ทำงานด้านการป้องกัน

สมัยนี้เป็นหมอที่ดูแลเรื่องการป้องกัน ก้าวหน้ามากเลยครับ

ดีกว่าไปผ่าตัด ดีกว่าไปนั่งเอาตัวเองเข้าไปหาความเสี่ยง

ตอนนี้คนก็มาเรียนสูติน้อยลงมาก ที่กรุงเทพฯสมัครกัน 2 รอบแล้ว ก็ยังไม่เต็ม

อนาคตจะเป็นอย่างไร

โห...คุณหมอคะ

น่าตื่นเต้นมากจริงๆ แต่ความจริงจอยไม่เชื่อเรื่องผีนะคะ แต่อ่านเรื่องนี้แล้วชักจะคิดตามว่าผีคงมีจริง

แต่ส่วนตัวก็เชื่อนะคะว่าวิญญาณของเราเป็นพลังงานรูปหนึ่ง เมื่อไม่มีร่างแล้วแต่จิตคนยังอยู่ใช่มั้ยคะ

สวัสดีครับ ปฐมธิดา ชิโนณะวณิก

ผมก็ไม่เชื่อหรอกครับ เรื่องผีสางน่ะ แต่กลัวชมัดเลยครับ กลั๊วกลัวววววว

เรื่องเล่าในโรงพยาบาลมีใากครับ แต่เขาบอกว่า หมอไม่ค่อยจะเจอ เพราะเรามีคนคุ้มครองอยู่ครับ แบบว่าเสื้อขาวมาแร๊ว....คนคุ้มกันเพียบครับ

555 อิอิ คุณหมอนี่เป็นคนมีอารมณ์ขันจริงๆ

คุณจอย

ไว้วันหลังจะเล่าเรื่องเด็ดให้ฟังครับ อันนี้ผมของขึ้นเอง โกรธผีครับ

อ้าว...ไหนบอกไม่ค่อยจะเจอ(อืม...ไม่ค่อยแต่เคยใช่มะ)

แล้วคุณหมออายุเท่าไหร่แล้วคะ

จอย 28

แฟน 31

อ้าว...คุณหมอยังหนุ่มอยู่หรอคะ อิอิ

พิมพ์มาคุยเล่นๆรบกวนคุณหมอมั้ยคะ......?

เอ่อ....ตอนนี้เจ้าลูกชายชอบและสนใจเรื่องงูค่ะ โธมัสเลยว้าเหว่หน่อยตอนนี้

สาเหตุเพราะงูเข้าบ้านเมื่อเดือนก่อน งูเห่าน้อยค่ะ (ไม่รู้ใช่ป่าว)แต่มันตัวดำปี๋ บนหัวมีลายขาวๆเป็นเส้น หัวมันเท่านิ้วหัวแม่มือ ตัวยาวประมาณ 1 เมตร ขี้เซามาก สะลำสะลือเหมือนเมายา บอกแฟนว่าอย่าฆ่ามัน สงสารค่ะ ให้เค้าจับไปปล่อย ปรากฎว่าสำเร็จค่ะ แต่กว่าจะสำเร็จก็ลุ้นอยู่เกือบช.ม คือว่างูมันไม่เท่าไหร่เพราะมันง่วง แต่มันวัดใจคนจับอ่ะค่ะ..แห่ะๆๆ ไม่ได้ใช้มือจับนะคะเอาฝากะละมังพลาสติกไปครอบมัน ตอนนี้หาข้อมูลหนังสืองูให้น้องจิอ่านอยู่แต่หายากสุดสุดค่ะคุณหมอ ร้านหนังสือใหญ่4ร้านที่ฟิวเจอร์ไม่มี

มีร้านasia book รูปเล่มสวยงามมากเล่นเล็กๆเหมือนหนังสือท่องเที่ยว เนื้อหาน่าสนใจสุดๆแต่มันเป็นภาษาอังกฤษแม่มันแปลไม่ออกค่ะ เลยไม่ได้ซื้อให้ฟูจิ กำลังตามหาในเนตก็หมด หมด หมด แต่จะไปดูที่สถานเสาวภาไม่รู้เค้าขายหนังสือรึเปล่า ตอนนี้ให้ดูซีดีไปก่อนมันมากค่ะ ดูทุกวัน ดูซ้ำๆ มันเข้ามาแทนที่โธมัสไปแล้วค่ะช่วงนี้ ......... ไปทำงานต่อก่อนนะคะ

เอาเลยครับ งูก็งู เด็กกำลังสนใจก็เติมเชื้อไฟให้มันโลดไปเลยครับ

หนังสือไทยๆไม่ค่อยมีครับ เอาภาษาอังกฤษไปนั่นแหละครับ ไม่ต้องแปล เพราะเด็กดูรูปมากกว่าอ่าน แพงหน่อยก็แค่นั้น แต่จะลงทุนอะไรไปคุ้มค่ากว่าลงทุนเรื่องหนังสืออีกคงไม่มีแล้วครับ ผมเองก็มีห้องสมุดส่วนตัวแล้วครับ เพราะลูกซื้อมากจริงๆ เดี๋ยวนี้คุณตัวโตเริ่มอ่านหนังสือภาอังกฤษแบบง่ายๆแล้ว แบบนี้พ่อมันคงทุ่มสุดตัวเลยเชียว

โอเคเลยค่ะคุณหมอ....(ว้าว...หนังสือเล่มนั้นขนาดเห็นแล้วขนลุกแต่ยอมรับว่าสวยจริงๆ แล้วจะถ่ายรูปให้ดูนะคะ)

อ่านข้อความเสร็จ จอยยิ้มเลยค่ะ เพราะอยากซื้ออยู่แล้วแต่แปลไม่ออกกลัวไม่คุ้ม แต่คุณหมอสนับสนุนแบบนี้....ใช่เลยค่ะ

พ่อมันตกใจแน่ที่จะซื้อให้ลูก (เค้าประหยัด) แต่จอยทุ่มไม่อั้นเหมือนกัน ว่าจะทำให้สมุดเหมือนกันเพราะยังไงยังไงหนังสือมันก็ต้อง

เยอะอยู่ดีเพราะแม่มันชอบอ่านหนังสือค่ะ(ตอนนี้ซื้อวันเว้นวันเลย...หนังสือเลี้ยงลูกและชีวประวัติและความรู้รอบตัว)เคยทะเลาะเรื่องซื้อหนังสือด้วย แต่ยังไงแม่มันก็ชนะอยู่ดี 555 (เหมือนที่คุณหมอพูดไว้เปี๊ยบเลยค่ะ)

คุณจอย

เมื่อวาน ศุกร์ที่ 27 พย 52 รายการ "กบนอกกะลา" พาไปดูเรื่อง การผลิตเซรุ่ม เขานำเสนอเรื่องงูและม้าล้วนๆ ได้ดูรึเปล่าครับ สนุกมากๆ คิดถึงคุณฟูจิเลยครับ

อดเลยค่ะคุณหมอ..คือจอยเหมือนกบในกะลาอ่ะค่ะ(คือไม่ได้ประชดนะคะ)หมายความว่าจอยไม่ค่อยได้ดูทีวีน่ะค่ะ พาลูกนอน

หรือทำอย่างอื่นหรือสรุปคือไม่ค่อยได้ดูทีวีค่ะ(เสียดายสุดๆ) แต่วันเสาร์ไปหาหมอกระดูกมาแล้วค่อยเล่าให้ฟังนะคะวันนี้รีบไปรับลูกค่ะ ขอทำงานก่อนค่ะ

วันเสาร์ไปหาคุณหมอกระดูกเด็กที่ร.พวิภาวดีมาค่ะ ไม่ได้มีใครแนะนำและไม่เคยใช้บริการร.พนี้นะคะลองดูค่ะ ได้พบคุณหมออำนวย ไม่ทราบนามสกุลท่าน ท่านมีอัธยาสัยดีเหมือนผู้ใหญ่ใจดีค่ะ ท่านก็ถามเราว่าอาการเป็นไง แล้วให้น้องจิเดินหน้าถอยหลังให้ดูแล้วก็บอกว่าขาไม่โก่งแต่ข้อต่อและกระดูกหน้าแข้งบิดเข้าใน ทำให้น้องชอบนั่งท่า W ท่านี้จะยิ่งทำให้ขาโก่งมากขึ้นค่ะ ส่วนวิธีแก้ไม่แนะนำให้ใส่รองเท้าดัดเท้า ท่านว่าผลวิจัยออกมาว่าไม่ได้ช่วยทำให้เท้าเด็กดีขึ้นแต่หมอบางคนสั่งตัดรองเท้าเหมือนเป้นจิตวิทยาให้พ่อแม่สบายใจ แต่บังเอิญกระดูกเด็กค่อยๆพัฒนาขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้วจอยก็ถามท่านซ้ำว่า "ผลวิจัยบ่งบอกว่าไม่ช่วยอะไรเลยเหรอคะ" คุณหมอยังยืนยันเหมือนเดิม ตอนนี้วิธีช่วยคือพยายามให้นั่งขัดสมาธิ ซึ่งถือเป็นท่ายากทีเดียวสำหรับน้องจิเพราะพอแกนั่งเล่นแล้วนั่งที่ W (คุณหมอคิดภาพตามท่า Wออกมั้ยคะ)พอเตือนว่านั่งท่าอื่นครับท่านี้ขางอ แกจะเปลี่ยนเป็นขัดสมาธิ แต่เปลี่ยนแล้วนั่งจะเหมือนล้มง่ายเหมือนติดพุง แกจะนั่งยืดขา สักพักคงรำคาญเลยเปลี่ยนไปนั่งยองๆเล่นเลโก้ซะเลย(เฮ้อ) ท่านบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรแต่โตขึ้นอาจหายได้เองแต่ถ้าไม่หายคงมีผลกับบุคลิกนิดหน่อย แต่ไม่มีวิธีแก้นอกจากนั่งขัดสมาธิ คงเป็นกรรมพันธ์ของจอยเองค่ะ ภูมิใจ(ดีมั้ยเนี่ย)จัง ตอนเด็กมีญาติมาทักบ่อยว่าทำไมเราเดินเข้า เราก็ว่าเราเดินตรงแล้วนะ พอโดนทักเลยพยายามเดินปลายเท้าชี้ออก โตมาก็ไม่มีปัญหาอะไรเพียงแต่เวลาลืมๆก็เดินเข้าอีกละ สังเกตุซื้อรองเท้ามีกระดุมติดที่เท้าเราจะเดินเตะกระดุมหลุดตลอดค่ะคุณหมอ...555

ไม่รู้จริงหรือเปล่าที่รองเท้าดัดไม่ช่วยอะไร แต่คุณหมอ 3 ท่าน ไม่แนะนำให้ใส่ แต่ญาติๆและคุณครูดูจะเดือดร้อน(ด้วยความเป็นห่วง)กันหลายคนทีเดียว

ขอเมลล์คุณหมอหน่อยนะคะ ไม่รู้ว่าต้องดูจากตรงไหนอ่ะค่ะ

วันพ่อนี้จะไปหัวหินกะญาติๆค่ะ คุณหมอไหนรึเปล่าคะ

คุณจอย

ผมไม่รู้หรอกครับ ว่ารองเท้าอย่างที่ว่านั้นช่วยได้ไหม พรุ่งนี้เจอเซียนครับ หากไม่ยุ่งจนลืมสนิทก็จะถามดู แต่ผมว่าอาจารย์ท่านที่แนะนำมานั้น เชื่อถือได้เลยครับ (รู้ได้ยังไงนะเนี่ย)

วันพ่อไม่ไปไหนหรอกครับ เฝ้าโรงพยาบาล

หัวหินนั้น ครอบครัวผมเที่ยวกันจนแทบจะหลับตาเดินถูกแล้ว (เว่อร์ไปหน่อยครับ) บ้านผมชอบเที่ยวทะเลแถวๆลันตาครับ ไม่ก็ภูเก็ต หากไปฟากตะวันออกก็คงเป็นสมุย (บ้านเกิดมารดรเจ้าของอู่ที่อยู่ผมก่อนกำเนิด : แปลว่าแม่) อีกอย่าง ปีใหม่นี้มีที่ต้องไปเที่ยวอีก มีนาคมก็เที่ยวอีก เรียกว่าเที่ยวได้เที่ยวดี เที่ยวจนลูกฉลาดครับ

e-mail ของผม [email protected] ครับ

ปฐมธิดา ชิโนณะวณิก

นั่นสิคะ...คุณหมอรู้ได้ไงเนี่ย ว่าคุณหมอท่านนั้นเชื่อถือได้ แต่แกก็ดูเชื่อถือได้จริงๆนะคะ

แล้ววันนี้ได้ถามเซียนแล้วหรือยังคะ...คุ้นหมอ แต่ถ้าลืมก็ไม่ว่ากันจอยเลิกคิดเรื่องนั้นแล้วค่ะ สบายใจแล้วช่างมัน...ลูกก็ใช้ชีวิตมีความสุขจะตาย...อยากให้คุณหมอได้เห็นรอยยิ้มของน้องจิ พ่อกะแม่มันหลงสุดๆเลยค้า

ลืมครับ ยุ่งเรื่องสอบเด็กจนลืมไปสนิทเลยครับ

ประทานโทษครับ

ปฐมธิดา ชิโนณะวณิก

นั่นไง...นึกแล้วเชียว

อิอิ ไม่เปงไรค่ะ

ตอนนี้ดิฉันมีภาวะเครียดมาก ตั้งครรภ์30สัปดาห์ รกเกาะต่ำ มีมูกสีน้ำตาลออกมา 13 วัน วันนี้มีเลือดสดออกเล็กน้อย กลัวคลอดก่อนกกำหนดคะ ฝากท้องไว้ที่รพ.เอกชน กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและสุขภาพลูกมาก ไม่รู้โอกาสคลอดก่อนมากน้อยเพียงใด ขอความกรุณาคุณหมอช่วยตอบที ขอบพระคุณคะ

คุณแม่มิ้นครับ

อายุครรภ์ ๓๐ สัปดาห์ ฟังแล้วก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ สามารถดูแลลูกที่คลอดก่อนกำหนดขนาดนี้ได้แน่ๆครับ

ประเด็นสำคัญก็คือ เมื่อมีเลือดหรือน้ำมูกแดงๆออกมา ต้องรีบไปหาหมอโดยเร็วครับ เพราะหากออกมากจะเป็นอันตรายได้ครับ

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่าย หากกังวลมากก็คงต้องขอส่งตัวไป รพ.รัฐสิครับ เลือกโรงพยาบาลใหญ่ ที่มีหมอหลายคน มีระบบคลังเลือดที่ดี

อันที่จริง เป็นโรคแบบนี้ก็ควรฝากท้องที่ รพ.รัฐนะครับ

ขอบพระคุณ คุณหมอมากคะ รู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาก^o^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท