วังวนคนวัยรุ่น


ประถมรักประถม มัธยมรักมัธยม ปริญญารักปริญญาจบออกมาได้แต่งกับคนที่ทำงานในที่เดียวกัน

       

           หลังการแต่งงานมีหลายเรื่องราวเข้ามาในชีวิตให้ได้คิดตลอดเวลา เริ่มรู้แล้วละว่า  คำที่คนส่วนใหญ่มักพูดว่า  ชีวิตคู่เป็นเรื่อง  ที่คนในอยากออก  คนนอกอยากเข้า  เริ่มเข้าใจมากขึ้น  เพราะชีวิตคู่ มีหลากหลายสิ่งเข้ามาในชีวิต แต่ละวันจะไม่เหมือนกัน  บางวันก็สุขสุดๆ  บางวันก็เครียดสุดๆ  ดีใจกับคนที่ยังไม่ได้แต่งงานที่ไม่ต้องมาคิดอะไรเรื่องพวกนี้ (หญิงคนหนึ่งเล่าให้ฟังหลังเธอแต่งงานได้ไม่ถึงปี)

             

              วังวนชีวิตบางครั้งก็เหมือนเข็มนาฬิกาหมุนไปแล้วก็กลับมาสู่ที่เดิม พอเราเจริญเติบโตเข้าเรียน ชะตาชีวิตหรือสัญชาตญาณก็ทำให้เรามีแฟนคิดรักคนนั้นคนนี้ตั้งแต่เข้าเรียนอนุบาลก็รักเพศตรงข้ามในดรงเรียนอนุบาล จบอนุบาลเข้าประถมศึกษาก็เริ่มเห็นคนอื่นที่สวยกว่าหรือไม่สวยแต่เริ่มเซ็งคนเดิมก็เปลี่ยนแฟนใหม่ แต่รักช่วงนี้ยังเป็นรักแบบโมเดรินด๊อกไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เข้ามาพัวพัน

   

           อนึ่ง ชีวิตรักจะเริ่มมีปัญหาก็ตอนที่เข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยขบเผาะคือวัยที่พ้นความเป็นเด็กชายเด็กหญิงมาใช้นามนำหน้าว่านายและนางสาวตามเพศ วัยนี้ความรักจะผสมปนเปไปกับความใคร่ ทำให้คนบางคนอาจทำตามใจเพราะทั้งความรักด้วยทั้งอยากทดลองด้วยกามมารมด้วย บางคนจึงยอมเสียตัวต่อมาจึงเกิดความเสียใจเสียอนาคต หมุนไปกับวังวนของความรักวันแล้ววันเล่าคนแล้วคนเล่าดุจเข็มนาฬิกาหมุนย้อนกลับที่เดิม บางคนทั้งๆที่อยู่ในวัยเรียนยังขอเงินพ่อแม่มาเป็นเช่าห้องพักหรือได้มากก็แบ่งให้คนที่เรารักใช้ด้วยเพราะถือว่าความรักคือการให้  วัยรุ่นร้อยละสิบสังเวยเซ่นสวงความรักด้วยการยอมทุกอย่างเพื่อให้ได้ทุกอย่างของคนที่เรารัก แต่สุดท้ายคนเหล่านี้ก็เสียทุกอย่างไปกับคนที่เรารักเช่นกัน เมื่อผิดหวังจากคนนี้หลายคนก็ไปหาคนรักใหม่อีกคนวังวนเดิมก็กลับมา ตอนแรกคนรักใหม่ก็ดีพอได้พรหมจารีต่อไปก็ไม่ใส่ใจนี้คือวังคนวัยรุ่นที่วุ่นในสังคมบ้านเรา

          บางคนอายุย่างเข้าสู่วัยมัธยมต้นต่างตั้งใจเรียนจนพอแม่ยิ้มหวังว่าจะได้พึ่งพายามลูกเติบใหญ่แต่พอเริ่มขึ้นชั้นมัธยมปลายปิดเทอมโรงเรียนมีโครงส่งนักเรียนออกไปหาราได้ด้วยการทำงานหาเงินในช่วงปิดเทอม ชีวิตวัยรุ่นบางคนก็เข้าสู่บริษัทห้างร้านที่สมัครไป สัปดาห์แรกแรกก็ตั้งใจทำงานดีแต่พอเริ่มสัปดาห์ที่สองก็เริ่มรู้จักคนมากขึ้น เริ่มรู้จักคนนั้นคนนี้ในที่สุดก็เริ่มใช้เงินที่ได้มาจากการฝึกงานไปกับความสนุกกับแสงสีที่ล่อลวงในสังคมเมือง...

          สองปีที่ผู้เขียนได้รับผิดชอบโครงการส่งนักเรียนไปทำงานตอนปิดเทอมและติดตามประเมินผล สิ่งที่พบคือผลประโยชน์ที่ได้นั้นมีน้อยกว่าผลที่เสีย เยาวชนยังไม่รู้พิษภัยของคนในสังคม เพราะความเชื่อใจภัยจึงตามมา ผู้เขียนอยากเล่าชีวิตเด็กฝึกงานช่วงปิดเทอมว่าคนที่ส่งมาก็หนักใจ คนรับไว้ก็อยากส่งคืน เป็นเพราะเหตุอะไรเยาวชนที่เราคิดว่าเราสอนเขาให้เป็นคนดีแล้วมั่นใจว่าขยันอดทนประหยัดซื่อสัตย์และอยากพัฒนาฝีมือตัวเองที่ดรงเรียนครูเห็นอย่างนั้นจึงคัดเลือกส่งมา แต่พอมาทำงานได้เที่ยวติดแสงสีหลายคนก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เสียอะไรที่มกากว่าที่จะกล่าวไว้ก่อนเปิดเทอม ถึงเวลาหรือยังพี่ผู้ปกครองจะได้ร่วมกันสอนลูกตนเองอีกทางเพื่อช่วยครูที่โรงเรียนเพราะความดีความรู้จักดีชั่วนั้นต้องเริ่ม ที่พ่อ ก่อที่แม่ แก้ที่ครูอาจารย์ ยกระดับวิญญาณด้วยสามสถาบันคือสถาบันครอบครัว สถาบันการศึกษาและสถาบันศาสนา

             อนึ่ง เขียนมาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงบทความที่เคยเล่าไว้เมื่อเริ่มเขียนบล๊อคครั้งแรก ที่เขียนถึงธรรมชาติวังวนของคนเยาวัยไว้ว่า....

               คนเราทุกคนพออายุย่างเข้าวัยรุ่น เราก็เริ่มคิดอยากมีแฟนตามสัญชาติญาณ... เห็นใครสวย (beautiful or lovely and slender)เราก็แอบนึกรักแอบใคร่... เห็นผู้หญิงแต่งตัวเสื้อผ้าประหยัดก็หัดจินตนาการลึกทะลุเสื้อผ้าเข้าไป(ตามประสาความรู้สึกของผู้ชาย) ถ้าเป็นผู้หญิงเห็นใครหล่อรูปร่างสมาร์ท (smart)เราก็นึกรักนึกชอบขึ้นมาในใจ....

           ความรักของคนวัยรุ่นอายุราว ๑๓-๑๙ ปีมักเป็นความรักที่เข้าทางตาและทางหู มากกว่าที่จะเข้าทางความรู้รับผิดชอบ เราจึงได้ยินได้เห็นประโยคที่วัยรุ่นวัยกระเตาะใช้สื่อความหมายว่าฉันรักเธอนะในรูปแบบต่างๆเช่น ทานข้าวหรือยัง... คิดถึงจังเลย... ดูแลสุขภาพนะ... นอนหลับฝันดีจ๊ะ... วัยรุ่นระยะนี้เป็นระยะ IQ ต่ำ แต่ I love you สูง ...ใครมีโทรศัพท์ก็มักจะโทรหาหรือส่ง SMS ข้อความหาแฟนหากิ๊กเช้าเที่ยงเย็น (เช้าส่ง I think you, เที่ยงส่ง I love you(รักคุณ) บ่ายมาหน่อยส่ง I miss you (ฉันคิดถึง) ค่ำส่ง I want you ฉันต้องการคุณ(ไม่รู้ว่าต้องการอะไร))

        ในยามมีรักช่วงวัยรุ่นตอนต้นไม่มีใครสามารถที่จะบอกได้ว่าความรักคืออะไร และต่างคนก็นิยามความรักไปต่าง ๆ นานา สำหรับผู้ยังไม่มีรักจึงจำต้องแสวงหาต่อไป ...

            คนเราพอโตหรือพอเริ่มมีความรู้สึกทางเพศหรือว่าทางกามารมณ์ เราก็อยากหาคู่ อยากมีแฟนกะเขาสักที แต่จะมีสักคนที่เตรียมตัวรับสิ่งที่เกิดจากความรัก...?

              ความรักที่แท้จริงจำเป็นต้องมีความจริงใจ ให้เกียรติ ไม่เหยียดหยาม ต่อคนที่เรารัก มีความเห็นอกเห็นใจกัน ไม่ชิงสุกก่อนห่ามอย่างที่โบราณสอนไว้ ผมก็ยังเห็นว่าคำว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวาน อย่าชิงสุกก่อนห่าม จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตในสภาพการณ์ปัจจุบันและอนาคต แม้นมีหลายคนจะถือว่ายุคนี้เป็นยุคฟรีไสตล์ แต่เพราะปัญหาฟรีสไตล์มิใช่ฤา จึงทำให้มีคลีนิครีดน้องหลายแห่ง....เขาร่ำรวยเพราะได้เงินจากเยาวชนที่ท้องแล้วไม่พร้อม...

             ในสถานศึกษาผู้เป็นครูรู้สึกลำบากใจในปัญหานี้เท่าๆกับปัญหาที่ผู้มีอำนาจสั่งห้ามเด็กเรียนซ้ำชั้น(โง่ก็ต้องสอบผ่าน อ่านไม่ออกก็ต้องเรียนต่อชั้นต่อไป) เพราะบางทีเขาไม่พร้อมจริงๆแต่ต้องเลื่อนชั้นตามปีที่เรียนเราจึงเห็นสังคมบ่นว่าเด็กไทยอ่านไม่ออกมีถึงร้อยละ 10 และอีกปัญหาที่พบคือการถ่ายคลิปวีดีโอ..การมีเพศสัมพันธ์แล้วถ่ายไว้โชว์เพื่อนๆ หรือถ่ายเพื่ออะไรก็ไม่อาจพรรณนา...แต่เยาวชนหลายคนก็ตกอยู่ในวังวนของคลิปประเภทนี้...จำเป็นหรือถึงเวลาหรือยังที่เราจะเห็นคุณค่าของการรักนวลสงวนตัว หรือนำเยาวชนอบรมศีลธรรมในวัดที่มีพระดีๆสอนอยู่

               ถึงเวลาแล้วหรือยังครับ ที่เราจะมาทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ตั้งใจศึกษาให้สำเร็จสมดังเจตนารมที่บุพพการีตั้งใจ โดยยึดความรู้คู่ศีลธรรม... ถ้าเธอคือเยาวชนคนหนึ่งที่เคยพลาดแล้วหยุดทำผิด...ครูและพ่อแม่คงดีใจกว่าการที่ไม่ยอมเลิกทำ ....จริงอยู่ กิน+หลับนอน+สืบพันธ์+คนกับสัตว์ก็มีเหมือนกัน แต่การรู้จักกาลทีเหมาะสม ความพร้อมทั้งร่างกายจิตใจ ความพร้อมด้านหน้าที่การงาน..แล้วค่อยคิดหาคู่ คงดีกว่าการรีบมีแฟนในขณะที่ขอเงินแม่พ่อใช้อยู่

                   งาน+เงิน+ที่อยู่+คู่ครอง ควรแสวงหาตามลำดับ (เงิน งาน บ้าน เมีย ควรหาตามลำดับ) แต่หลายคนบอกว่าถ้าจะให้หาครบทุกอย่างคงไม่ได้...ค่อยหาช่วยกัน..เพื่อช่วยอ้างเหตุผลของตนเอง....แต่การเริ่มต้นที่ดีเท่ากับสำเร็จไปแล้วครึ่ง ผมจึงอยากชวนเรามาแสวงหาสิ่งเหล่านี้ไปตามลำดับแล้ว เราอาจจะได้เห็นว่า อดเปรี้ยวไว้กินหวานยังใช้ได้อยู่เสมอ และก็มีความสุขนานกว่า

                 เรามาช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้คนเป็นคนดีกันเถอะ ช่วยกันแนะนำเป้นตัวอย่างที่ดีให้แก่เขาเหล่านั้น  อย่าปล่อยให้วัยรุ่นเหล่านั้นหลงตกอยู่ในวังวนความรักที่มืดมนแบบนักเรียนประถมรักประถม มัธยมรักมัธยม ปริญญารักปริญญาจบออกมาได้แต่งกับคนที่ทำงานในที่เดียวกัน เพราะกว่าจะจบปริญญาบางคนก็มีปัญหาที่เกิดขึ้นนับเป็นคนละหลายรอบวังวน รัก เสียตัว ทิ้งกันไป หาแฟนใหม่ รัก เสียตัว ทิ้งกันไป....

หมายเลขบันทึก: 173833เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2008 16:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2012 15:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (16)

ว้าว...ได้ใจมากๆ ค่ะ สำหรับบันทึกนี้ (เอาไปเลยค่ะอาจารย์ คะแนนเต็มร้อย) ขอครูแอนพิมพ์ไปให้เจ้าโจ๋ตัวน้อยๆ ของครูแอนอ่านในภาคเรียนหน้านะคะ ขอบคุณค่ะ

อาจารย์ค่ะ มาช่วยยืนยันความคิดเห็นของคุณLioness_ann ว่าได้ใจจริงๆ คะ

บันทึกนี้สะท้อนมุมมองสังคมได้มากทีเดียวคะ ดิฉันได้ตามอ่านบล็อก ความรู้คือพลัง นี้อยู่คะ อ่านไปแล้วอยากให้เยาวชนมาอ่านคะ จะได้แง่คิดในการดำรงชีวิตอีกเยอะเลยคะ

ขอบคุณอาจารย์มากคะ ที่สะท้อนภาพสังคมออกมาด้วยตัวหนังสือให้ได้อ่านกันคะ :)

ขอบคุณครับ Lioness_ann

วันนี้ได้ทราบข่าวนักเรียนที่ฝึกงานโดดงานออกไปเที่ยวเพราะวันหยุดไปเล่เนตเลยพบกับเพื่อนต่างเพศแล้วก็เกิดอุบัติเหตุรัก ทิ้งเพื่อนที่มาด้วยกันเชื่อคนที่เพิ่งรู้จักกันแล้วทิ้งเพื่อนไป อะไรหนอจะเกิดถ้ามิใช่รัก เสียตัว ทิ้งกันไป หารักใหม่ เสียตัว ทิ้งกันไปอันเป็นวังวนคนที่เป็นวัยรุ่นที่เราหวังให้เป็นอนาคตของชาติ

ขอบคุณครับคุณมะปรางเปรี้ยว

ขอบคุณเช่นกันครับที่แนะนำบล๊อคที่เตือนใจ ตามไปอ่านแล้วรู้สึกดีครับ ดีใจที่ได้รับข้อคิดและคำชม แม้นหากบทความที่เขียนจะเป้นเพียงตัวหนังสือแต่ก็อยากสื่อให้คนเราในสังคมรู้ว่าเยาวชนเรากำลังอยู่ในท่ามกลางวังวนอันตราย

มาคิดหาทางแก้ช่วยกันหน่อยซิครับ ขอบคุณครับ

เห็นด้วยกับอาจารย์ทุกประการเลยครับ

แต่ว่า...เด็กจะได้อ่านบันทึกนี้บ้างไหม...รู้ไหมว่าคนเป็นครูบาอาจารย์เขาเป็นห่วงลูกศิษย์ขนาดไหน ทำอย่างไรให้เด็กได้สำนึกในสิ่งที่ถูกบ้าง เพราะเด็กปัจจุบันมีความคิดว่าจะถูกจะผิดไม่สน ขอให้ตัวเราได้ประโยน์เท่านั้น แต่ก็ต้องหันไปมองคนในสังคมรอบข้างด้วยว่าสังคมปัจจุบันมีคนคิดแบบเด็กคิดมากน้อยเพียงใด...

ผมก็เหนื่อยกับเด็กและเยาวชนเหมือนกันครับ

สวัสดีค่ะ

* เห็นด้วยกับครูแอนค่ะ...ช่วยกันเผยแพร่บันทึกนี้ให้เด็ก ๆ ได้อ่าน

* มีอาการเช่นเดียวกับท่าน อัยการชาวเกาะ เลยค่ะ...แต่ต้องทำ

ขอบคุณท่านอัยการชาวเกาะ

- ไม่รู้เหมือนครับว่าเด้กจะได้อ่านไหม แต่นี้คือความรู้สึกของผมที่เพลียใจกับการรับผิดชอบดูแล อยากให้ผู้เกี่ยวข้องส่องกระจกลงมาดูบ้าง

- สังคมไทยเราทำพลาดหลายอย่างในทางการศึกษาเช่น ห้ามเด้กสอบตก ห้ามเรียนซ้ำชั้นนั้นคือการบังคับให้เด้กขยับไปเรียนจบจบแต่สมองบางคนยังไม่พร้อม เราน่าจะยอมรับระบบหนึ่งก็คือถ้าใครสอบไม่ผ่านก้ให้เรียนชั้นเดิมเรียนไปจนครบกำหนด 12 ปีถึงชั้นไหนก้ออกจบชั้นนั้นให้เหมือนสมัยก่อนก็จะดี ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างปิดความขี้เหร่ ต่างแสดงแต่มุมเด่น แต่บังมุมนี้ ทำให้ผู้บริหารไม่รู้ แล้ว 10 ปีกว่าๆ ผลที่ผู้ใหย่บังคับห้ามเด้กตกหรือเรียนซื้กชั้นก้กำลังประจานมันสมองของเจ้านายที่บังคับลูกน้องทำ เอาหน้าแต่อายทีหลัง

- ขอบคุณครับพุดไปเดี๋ยวโดนสอบจากผู้บริหาร ไว้ให้หัดทำอาหารให้อร่อยก่อนจะเปิดร้านอาหารหรือทำอาชีพอื่นก่อนครับ

ขอบคุณครับคุณพรรณา

- ขอบคุณสำหรับคำชม แม้นไม่ชมเราก็แอบชื่นชมผู้อ่านทุกท่านในใจ

- ขอบคุณสำหรับคำแนะนำที่เห็นด้วยกับท่านอัยการ หวังว่าเราคงได้มีโอกาสปกป้องคนดี ผลิตคนดีให้ออกไปสู่สังคมร่วมกัน เราจะไม่คืนคนดีสู่สังคมเพราะเราไม่ใช่กรมควบคุมความประพฤติ แต่เราจะปล่อยคนที่มีความรู้คู่ศีลธรรมออกไปอยู่กับสังคม

- ขอบคุณครับ

สวัสดีค่ะ...พี่ชาย

  • เห็นด้วยค่ะ...
  •  เรามาช่วยกันสร้างสรรค์สังคมให้คนเป็นคนดีกันเถอะ ช่วยกันแนะนำเป้นตัวอย่างที่ดีให้แก่เขาเหล่านั้น  อย่าปล่อยให้วัยรุ่นเหล่านั้นหลงตกอยู่ในวังวนความรักที่มืดมนแบบนักเรียนประถมรักประถม มัธยมรักมัธยม ปริญญารักปริญญาจบออกมาได้แต่งกับคนที่ทำงานในที่เดียวกัน เพราะกว่าจะจบปริญญาบางคนก็มีปัญหาที่เกิดขึ้นนับเป็นคนละหลายรอบวังวน รัก เสียตัว ทิ้งกันไป หาแฟนใหม่ รัก เสียตัว ทิ้งกันไป....
  • น่าเป็นห่วง น่าเป็นห่วง  เยาวชนไทยจริง ๆ จิตใต้สำนึกกับสิ่งที่ดี ๆ จะมีหลงเหลือกันหรือไม่นะ

เป็นกำลังใจให้คุณครูทุกท่าน..นะคะ..

เราคงต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือแล้วล่ะค่ะ..สังคมจะได้เจริญนะคะ..

ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆ...และความทุ่มเทให้กับลูกศิษย์ค่ะ..

ดิฉันแวะมาเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมคะ เห็นอาจารย์ฝากประเด็นไว้ว่ามาคิดหาทางแก้กันหน่อย ..... คำถามอยู่ในระดับยากเลยนะคะ เพราะก่อนไปหาทางแก้ ต้องหาสาเหตุที่แท้จริงกันก่อนคะ

ดิฉันมาลองนั่งมานั่งคิด ในความคิดของตัวเองนะคะ เน้นเด็กๆ ตั้งแต่ระดับมัธยมลงไปคะ เลยเกิดคำถามที่น่าจะนำไปสู่สาเหตุ ดังนี้

  • ทำไมเด็กประถม มัธยม ถึงคิดว่าการมีความรักในเชิงชายหญิง หรือเรียกว่าแฟน เป็นสิ่งที่ดี สวยงาม โก้ เท่ห์ เป็นต้น เป็นเพราะสังคม ค่านิยม หรืออื่นๆ ?
  • เด็กเริ่มมีความสนใจในเพศตรงข้ามเมื่อไหร่
  • เด็ก รู้ไหมว่า ความรักในโลกนี้มีกี่แบบ รักพ่อแม่ รักพี่น้อง รักเพื่อน หรือรักคนรัก เป็นต้น
  • ช่วงวัยที่ควรรักในแต่ละแบบ วัยไหนสมควรจะเรียนรู้รักแบบใด
  • อะไรทำให้เด็กๆ สนใจความรักในรูปแบบรักแบบมีคนรัก ในวันเรียน

จริงๆ แล้วอาจจะมีเยอะมากกว่านี้คะ แต่ดิฉันลองคิดได้คำถามเบื้องต้นได้ 5 ข้อ และคิดว่าน่าจะช่วยเป็นคำถามที่พอจะหาสาเหตุได้ หลายๆท่านอาจจะคิดเหมือนดิฉันก็ได้คะ

  • ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์นะคะ
  • โดยเฉพาะรักในวัยเรียน
  • ครู พ่อแม่ สังคม ต้องระดมความร่วมมือกันนะคะ

สวัสดีเจ้าค่ะ คุณครูโกศล

น้องจิแวะมาเยี่ยม ได้อ่านบันทึกนี้แล้ว มีประโยชน์ได้ข้อคิดมากๆ คิคิ แล้วจะชวนเพื่อนๆมาอ่านเยอะๆนะเจ้าค่ะ รักษาสุขภาพด้วยเจ้าค่ะ

เป็นกำลังใจให้เจ้าค่ะ ----> น้องจิ ^_^

สวัสดีครับ

-ไม่รู้เหมือนกันว่ารักจะทำให้ทุกข์หรือให้สุข

-เอาเป็นว่าขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมทักทาย

-ปิดเทอมแล้วน้องสาวไปไหนครับ เที่ยวให้สนุกครับผม

สวัสดีน้องจิ

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยม ครูตอนนี้ก็สอนหนังสือภาคพิเศษไม่ค่อยได้อยู่เท่าไหร่ เอาเป้นว่าพักเมื่อไหร่จะเข้ามาแอบส่งมองเมียง ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจ

สวัสดีค่ะ...พี่โอ๋

  • สงกรานต์ปีนี้...ขอให้พี่มีความสุข สดชื่น สมหวัง และมีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะพี่
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท