หมอครับ..ผมอยากกลับบ้าน...


สวัสดีครับ...

วันนี้ท่ามกลางภาระกิจที่มากมาย...  แต่ก็ได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ทำให้..ได้คิด..

 

หมอครับ..ผมอยากกลับบ้าน  ..ผมขอกลับบ้านครับ....

  เป็นการเอ่ยขึ้นของผู้ป่วยหนุ่มวัย 21 ปี  ผู้ป่วยเรื้อรังมายาวนาน 7 ปี กับโรคตับอักเสบ

   วันนี้เขามาด้วยการเจ็บป่วยแทรกซ้อนที่รุนแรง...คือไอและอาเจียนเป็นเลือดสด

  และถูกส่งมาจากวัดจันทร์..

   

                  ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงเลือดออกจากทางเดินอาหารส่วนต้น(UGIH)  เมื่อดูที่ห้องฉุกเนก็ไม่มีเลือดออกเเล้ว...ตรวจเลือดความเข้มข้นก็ปกติ จึงคิดว่าน่าจะรับไว้ดูแลที่ปายได้   (ตอนแรกว่าถ้าเลือดไม่หยุดไหลจะให้ไปเชียงใหมต่อ..)

      แต่เมื่อตรวจเลือดเพิ่มเติม(CBC)  และตรวจX-ray ปอด  พบว่าปอดด้านขวานั้นขาวหมด คิอว่าอาจจะเป็นน้ำท่วมปอด  จึงดูดออกมาแต่ได้เลือด  จึงใส่สายระบายเลือดที่ปอด...(ได้ออกมาเล็กน้อย..ที่ขาวปอดน่าจะอักเสบ หรือมีน้ำเป็นช่อง..อื่น)

 

   คนไข้ดูไข้สูงและเริ่มเหนื่อยขึ้น..มีปัญหาตับที่ไม่ดีอยู่ก่อนแล้ว

   การดูแลตอนนี้จึงเน้นเรื่องปอดอักเสบรุนแรง  ให้ยา   ให้สารน้ำ  และ O2

  เมื่อประเมินแล้วคิดว่าผู้ป่วยน่าจะส่งต่อ...เพราะโอกาสที่จะต้องใช้เครื่องชาวยหายใจมีสูงมากจริงๆ....

 

 จึงพูดคุยกับญาติ..และผู้ป่วย...

   คุณพ่อ แม่ น้องสาว..:

                บอกการเจ็บป่วยที่เป็น ถามประวัติเพิ่ม  และบอกแนวทางการรักษา การพยาการณ์โรค...ที่สำคัญคือเรื่องส่งต่อ...

                คุณพ่อบอกว่าไม่อยากไปเชียงใหม่  ไป-มาๆ ทุกเดือน 7 ปีแล้ว อยากจะรักษาต่อที่นี่....ถามต่อว่าโอกาศในการใส่ท่อช่วยหายใจสูง  และถึงตอนนั้นก็ต้องไป...คุณพ่อก็บอกว่างั้นรอถึงตอนนั้นก่อน....ขอคิดอีกที..

 

  พูดคุยกับผู้ป่วย(รู้สึกตัวดี) :

    หมอผมอยากกลับบ้านตอนนี้  อยากกลับไปอยู่บ้านครับ 

   หมอ...ทำไมครับ...

   ..เพราะว่าผมเบื่อ  ผมป่วยมานานแล้ว  ไม่หายสักที  ผมไม่อยากอยู่แล้ว  ไม่อยากรักษาต่อ

 หมอ แต่ที่ป่วยนี้มันปอดอักเสบนะ  มันหายได้...หมอจะส่งไปเชียงใหม่

    ยังอยากกลับ.....ต้องการกลับ...

 หมอ..ถ้าอย่างนั้นไม่กลับก็ได้  ตอนนี้จะพยามรักษาต่อเต็มที่นะครับ...แต่ถ้าหายใจไม่ไหว  หมอขอใส่ท่อช่วยหายใจนะ..แล้วส่งไป

  หมอครับ  ผมไม่ใส่นะ  ผมใส่มาสองครั้งแล้ว  ไม่ต้องการใส่อีก..ไม่เด็ดขาด...

 

  หมอ..อึ้ง  นิ่งไปสักพัก....

   ..ผมครับ..ผมต้องอดทนนะ..ผมไม่อยากอยู่ต่อ  แต่พ่อแม่  น้องสาว  ทุกคนยังหวัง  ยังรัก  ห่วงใย  อยากให้เราอยู่ต่อ  สู้ต่อ  หมอขอให้เรามีกำลังใจที่ดีนะ...

    ถ้าผมไม่ไปเชียงใหม่ก็ไม่ไปก็ได้ตอนนี้...ถ้าไม่อยากใส่หมอก็จะยังไม่ใส่นะ

  ผมเคารพการตัดสินใจของน้องนะ...

   แต่ตอนนี้หมอขอว่ายังไม่อยากให้กลับบ้าน...รักษาให้เต็มที่ที่นี่ก่อน...

  แล้วถ้าถึงตอนนั้นที่เรา(ผป)อาจจะไม่ไหลแล้ว...เราค่อยตัดสินใจอีกครั้ง....

 

  ....เป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว  ซับซ้อนในการตัดสินใจมากครับ..ต้องชั้งน้ำหนักหลายอย่างมาก ไป-มา...

  แต่เมื่อผมมองตา  สังเกตุ  และดูความมุ่งมั่นของผู้ป่วย  ที่จะเลือกทางของเขาเอง

 แม้ว่าจะพยามให้ข้อมูลมากมายที่สำคัญ  เพื่อให้เขาได้ตัดสินใจ...

  แต่ก็ดูเหมือว่า...เขามุ่งมั่นที่จะเผชิญกับ...ความเปลี่ยนแปลงนี้...อย่างแน่วแน่

 

 ตอนนี้...ผมก็วุ่นวายภายในเล็กน้อยกับเรื่องการตัดสินใจ..

  แต่การกระทำตามที่ผู้ป่วยขอ...และการพบกันครึ่งทาง  กลับรู้สึกว่าสงบใจได้ที่สุด...

คำสำคัญ (Tags): #ความตาย
หมายเลขบันทึก: 165660เขียนเมื่อ 17 กุมภาพันธ์ 2008 00:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

สวัสดีค่ะน้องหมอ

พี่เห็นด้วยว่าผู้ป่วยท่านนี้ท่านเข้มแข็งที่จะเผชิญกับวาระสุดท้ายอย่างมั่นคงนัก..การเจ็บป่วยเรื้อรังที่ทรมานทั้งผู้ป่วยและครอบครัว เป็นความทรมานที่ยาวนาน..คนที่ต้องเผชิญตรงนั้นต้องฝ่าฟันทุกอย่างอย่างยากเย็น

ผู้ป่วยท่านนี้เค้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่า unfinish business พี่ถือว่าเป็นเรื่องดีนะจ๊ะ  เพราะทำให้เค้าเผชิญกับวาระที่จะต้องจากไปได้ดี  ไม่มีความห่วงใย กังวลใดๆ และพี่ชื่นชมที่น้องหมอชั่งน้ำหนักทุกด้านอย่างรอบคอบ อธิบายขั้นตอนต่างๆที่เค้าต้องเผชิญได้อย่างดี และการตัดสินใจโดยยืนอยู่บนความต้องการของคนไข้ร่วมกับการรักษาตามขั้นตอนเท่าที่เป็นไปได้ก็ทำให้เรารู้สึกสงบนิ่งในใจ..ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะทำให้เราเผชิญกับทุกอย่างที่ตามมาได้อย่างดี

ความเป็นปัจเจกชนของมนุษย์ทำให้ไม่มีทฤษฎีใดๆมาอธิบายได้หมดจด และเดินตามได้อย่างตรงเป๊ะตามขั้นตอนหรือตำราที่เราคุ้นชิน..สิ่งที่น้องหมอทำจึงเหมาะควรเพราะได้ไต่ถามความต้องการ ร่วมกับการพยากรณ์โรคได้อย่างดีแล้ว  เป็นการทำในสิ่งที่เรียกว่าการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์  เพราะเคารพการตัดสินใจที่กระทำร่วมกัน

สิ่งที่เราช่วยได้ต่อไปคือการโน้มนำจิตเค้าให้เดินถูกทางด้วยกำลังจิตที่เข้มแข็งจากการฝึก เพราะในวาระสุดท้ายก่อนการเดินทางไกล ทุกขเวทนาจากโรคจะแรงกล้านัก  ถ้าจิตไม่ได้ฝึกไว้อย่างดี จะเกิดภาวะที่เรียกว่าจิตตก ทำให้การบังเกิดในภพภูมิหลังการจากไปอาจไม่ดีงามตามหวังน่ะจ้ะ

และที่พี่เคยใช้ในเวลาที่ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากจากการทำงานที่ผู้ป่วยทุรนทุรายจากทุกข์ของโรค   คือการสวดมนต์และแผ่เมตตาในใจ สวดในขณะที่ต้องให้การดูแลจากความหวังว่าภาวะที่จิตนิ่งจนสามารถสวดนำทางได้นั้นจะมีส่วนช่วยให้เค้าบรรเทาทุกข์ได้ไม่มากก็น้อย  แต่จะได้ผลจริงหรือไม่พี่ไม่เห็นใครกลับมาบอกซักที อิ อิ อิ

ขอบคุณสำหรับบันทึกที่แสดงให้เห็นว่าความเื้อื้ออาทร การดูแลอย่างจริงใจนั้นก่อให้เกิดความสงบเย็นได้แม้ในช่วงที่ดูจะลำบากต่อการตัดสินใจก็ตาม..ขอบคุณมากๆค่ะ

 

ผมรับรู้ความว้าวุ่นใจผ่านการเขียนเล่า

เป็นความลำบากใจ ที่เราพยายามแชร์ทางเลือกที่ดีที่สุดให้กัน แม้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดที่เป็นทางเลือกในขณะนั้นเราอาจทำใจไม่ได้ก็ตาม

ผมขอให้กำลังใจนะครับ ทั้ง ผู้ป่วย และคุณหมอครับ

`คุณหมอมีทั้งศาสตร์และศิลป์อยู่ในตัวท่าน ถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างสมเกียรติแล้วครับ ให้กำลังใจ

        ฟังดูแล้วคล้ายกับน้กร้องชื่อดังยอดรัก สลักใจ เลยนะครับ ที่ให้สัมภาษณ์ ว่า เขาได้คุยคุณหมอที่รักษาเขาว่า เขารู้ว่าเป็นโรคอะไร ไม่อยากหมอปิดปัง อยากให้บอกความจริง ที่ให้เลือกยารักษาโรคของยอดรัก เข็มละแสน เขาบอกไม่เอา ถ้าจะตายก็ขอให้ตายด้วยสมุนไพรไทย เพราะก่อนหน้านี้ มีคนยื่นข้อเสนอในวิธีการรักษาหลายวิธีการ แต่ท้ายสุดนักร้องเลือกสมุนไพรไทย แสดงว่าจิตใจของเขาเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวมาก

คนไข้เรื้อรังหลายคนที่มีความรู้สึกคล้ายกับน้องคนนี้ที่เป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด และต้องไปมาหาหมอตลอด เข้าใจความรู้สึกน้องคนนี้ค่ะ และเข้าใจความรู้สึกของน้องหมอด้วย คิดว่าน้องหมอทำดีที่สุดแล้วค่ะ และชอบคำที่บอกว่า....เคารพการตัดสินใจของคนไข้...อันนี้สำคัญมาก เพราะคนไข้เป็นเจ้าของชีวิตตัวเอง และเค้าก็คงจะเศร้าใจกับการเจ็บป่วยเรื้อรังของตัวเอง จึงไม่มีกำลังใจต่อสู้กับชีวิตอีกหลายสิบปีข้างหน้า การที่เค้ากลับไปอยู่กับญาติที่บ้านคงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เค้าอยากทำในตอนนี้...

คุณหมอสุพัฒน์

             เราเคยรู้จักกัน..... อ่านบันทึกของหมอแล้ว..รู้สึกได้ถึงความเมตตาที่หมอมีให้คนไข้..ความเมตตา..ความเอื้ออารี..ความใส่ใจ..ขอให้หมอเก็บคุณงามความดีอันนี้ไว้กับใจ..กับภายในตัวของหมอตลอดไป..สังคมที่พบเจอมักมีแต่ผู้คนที่มองเห็นประโยชน์ส่วนตนมาก กว่าที่จะกระทำคุณงามความดีอย่างจริงใจเช่นนี้..หายากขึ้นทุกวัน..และอยากบอกว่าหมอไม่ต้องไปเหนื่อยกับการทำ HA บนหน้ากระดาษให้เสียเวลาไปเปล่าๆ..เนื่องเพราะว่าในการปฏิบัติงานด้วยการดูแลผู้ป่วยข้างต้นนั้นเป็นการดูแลแบบองค์รวม..กาย  จิต อารมณ์และสังคม..เอาใจเขามาใส่ใจเรา..และพร้อมดูแลด้วยใจ..อยู่แล้ว..นี่แหละคือHA..ที่แท้จริง..เพราะการทำคุณภาพคือการทำงานประจำให้ดีที่สุดมิใช่หรือ.

แวะมาให้กำลังใจคุณหมอค่ะ...คนไข้อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ...คุณหมอต้องเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจค่ะ(แต่ตอนนี้พยาบาลคนนี้...ใจอ่อนแอซะแล้ว...สงสารคนไข้)

สวัสดีครับพี่P เบิร์ด

ขอบพระคุณพี่มากๆครับ ^_^

ขอบคุณที่เป็นครู  คอยช่วยปันความคิด  ความเป็นตัวตนของผมนะครับ

มันเป็นการเรียนรู้ที่ทรงคุณค่ามากๆนะครับ

 

ความเป็นปัจเจกชนของมนุษย์ทำให้ไม่มีทฤษฎีใดๆมาอธิบายได้หมดจด และเดินตามได้อย่างตรงเป๊ะตามขั้นตอนหรือตำราที่เราคุ้นชิน..สิ่งที่น้องหมอทำจึงเหมาะควรเพราะได้ไต่ถามความต้องการ ร่วมกับการพยากรณ์โรคได้อย่างดีแล้ว  เป็นการทำในสิ่งที่เรียกว่าการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์  เพราะเคารพการตัดสินใจที่กระทำร่วมกัน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท