ผมเป็นเจ้าหน้าที่เกษตรตำบลวัดประดู่ ในตำบลที่ผมรับผิดชอบอยู่นั้นมีกลุ่มกิจกรรมอยู่หลายกลุ่ม แตมีกลุ่มหนึ่งที่ผมมีความภูมิใจจะเสนอบอกกล่าวให้ทราบ คือ กลุ่มผู้เลี้ยงโค ต.วัดประดู่ ซึ่งได้จัดตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ในช่วงนั้นมีสมาชิก 21 คน การเลี้ยงโคของสมาชิกเลี้ยงกันเอง การประชุมเพื่อรับความรู้จากหน่วยราชการมีบ้างในบางครั้ง ซึ่งทางกลุ่มไม่ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการหรือองค์การบริหารส่วนตำบล ในทางด้านการตลาด การจำหน่ายเนื้อโคส่วนใหญ่มีพ่อค้ามารับซื้อในท้องที่ตำบล โดยพ่อค้าเป็นผู้ตั้งราคาเองทั้งสิ้น จึงทำให้สมาชิกจำหน่ายโคเนื้อไม่ได้ราคาเท่าที่ควร จนเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2549 กลุ่มผู้เลี้ยงโค ได้ขอจดทะเบียนตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนขึ้น ที่สำนักงานเกษตรอำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี หลังจากนั้นไม่นานทางกลุ่มได้มีหน่วยงานราชการเข้าไปช่วยเหลือหลายหน่วยงาน ได้มีการปรับปรุงในหลายด้าน คือ
1) จัดประชุมคัดเลือกคณะกรรมการดำเนินงาน
2) สร้างความเข้าใจและความสามัคคี
3) จัดทำระเบียบข้อบังคับให้ชัดเจน
4) สมาชิกมีความพร้อมในการเรียนรู้
5) จัดวิทยากรไปถ่ายทอดความรู้ตามความต้องการของสมาชิกแต่ละเดือน
6) จัดให้มีการประชุมสมาชิกประจำเดือน
7) ประสานงานกับเทศบาลตำบลวัดประดู่ ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ
8) จัดให้มีการออมทรัพย์ของสมาชิกเป็นประจำทุกเดือน
สิ่งที่กลุ่มผู้เลี้ยงโค ต.วัดประดู่ ยังขาด คือ
1. ตลาดการจำหน่ายโคยังแคบ
2. มีทุนจัดการน้อย
3. เวชภัณฑ์ในการดำเนินงานมีน้อย
4. ขาดอาหารเลี้ยงโคในช่วงหน้าแล้ง
หลังจากนั้นคณะกรรมการพร้อมด้วยสมาชิกได้ประชุมปรึกษาร่วมแสดงความคิดเห็น และได้มีมติตกลงใจร่วมกันในการดำเนินงานกลุ่มฯ นี้ ได้จัดทำเวทีประชาคมกันหลายครั้ง ซึ่งได้นำไปสู่แนวคิดและการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลดีกับทางกลุ่มนี้โดยสรุป คือ
- มีระเบียบการบริหารภายในกลุ่มที่ชัดเจน
- ต้องมีการพัฒนาตัวสินค้า คือ โค ให้มีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดให้ได้
- ต้องมีปฎิสัมพันธ์กับองค์กรกลุ่มเครือข่ายอื่นๆ เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ระหว่างกลุ่มฯ ด้วยกัน
- ต้องมีการจัดระบบบัญชีของกลุ่มอย่างเป็นระบบ
- ต้องมีการพัฒนาความรู้หลายด้านให้กับสมาชิกอยู่เสมอ
- ต้องมีการนำเสนอผลงานและความต้องการปรับปรุงกับองค์กรสถาบันการเงินทั้งภายในและภายนอก เพื่อขยายกิจการของกลุ่มอย่างต่อเนื่องและต้องมีการบริหารจัดการการเงินภายในกลุ่มด้วยความซื่อสัตย์
ทั้งหมดที่กล่าวมา ผมว่ากิจการงานใดก็ตาม หากเกษตรกรให้ความสนใจและตั้งใจกับมันทุกงานก็จะสำเร็จได้ ถึงแม้อาจจะช้าไปบ้าง หรือทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรแนะนำกันได้ครับ
หวัดดีครับ