พักนี้มีโอกาสได้ออกไปทำงานนอกสำนักงานอยู่บ่อยครั้ง เฉกเช่นเมื่อวานนี้ ผมก็ถือโอกาสเดินทางไปร่วมโครงการ “ความรู้นี้พี่ให้น้อง ครั้งที่ 6” ของชมรมรุ่นสัมพันธ์
ก่อนหน้านี้, น้องนิสิตได้เอ่ยปากชวนไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว และผมก็ถือเป็นเกียรติที่ได้รับเชิญจากพวกเขา และยิ่งกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้เวลาว่างอันน้อยนิดไปสร้างประโยชน์ต่อสังคมนั้น ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ผมกำลังให้ความสำคัญ และค้นหาต้นแบบกิจกรรมในทำนองนี้
ทีสำคัญอีกประการก็คือ สถานที่ในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เดิมเมื่อล่วงเกือบ 10 ปีที่แล้ว น้องนิสิตพรรคชาวดินก็เคยไปออกค่ายสาธารณสุขสู่ชนบทมาแล้ว นั่นก็คือ โรงเรียนหนองบัวปิยนิมิตร อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม
ครั้งนั้น, ผู้บริหารโรงเรียนตรงดิ่งมาที่มหาวิทยาลัย พร้อมร้องขอให้ผมเป็นธุระชวนนิสิตไปช่วยออกค่ายสร้างอาคารเรียนให้สักหนึ่งหลัง โดยท่านยืนยันว่าอุปกรณ์ หรือวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ นั้นทางโรงเรียนจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ขอเพียงนิสิตไปเป็นแรงงานให้เป็นพอ …
ช่วงนั้นผมไม่มีเวลาได้ลงพื้นที่ดูข้อมูลอื่นใดประกอบการตัดสินใจ แต่ยกให้นิสิตเป็นผู้วินิจฉัย และนิสิตต่างก็รู้ตัวดีว่าองค์กรของตนเองในขณะนั้นก็ไม่มีเงินทุนเลยแม้แต่สตางค์เดียว แต่เพราะเห็นถึงความตั้งใจของผู้บริหารโรงเรียน และมองเห็นความเดือดร้อนของชุมชน น้องนิสิตจากพรรคชาวดินจึงตัดสินใจที่จะไปเผชิญชะตากรรมในค่ายครั้งนั้น
โรงเรียนหนองบัวปิยนิมิตรในขณะนั้น เป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีนักเรียนค่อนข้างน้อย จึงสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยุบเลิก ชาวบ้านเองก็ไม่ค่อยเข้ามาปฏิสัมพันธ์กับโรงเรียน เพราะลูกหลานส่วนใหญ่ก็มุ่งหน้าเข้าไปเรียนที่ตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งอยู่ใกล้กันแค่ไม่ถึงสิบกิโลเมตร ฯ
แต่อาคารที่จะเกิดขึ้นในยุคนั้น คือความหวังอันสำคัญของโรงเรียนที่จะยืนยันและให้ความเชื่อมั่นต่อเด็กแต่ผู้ปกครองว่า ที่นี่จะยังเป็นสถานศึกษาอีกแห่งหนึ่งที่ยังยืนหยัดอยู่กับชาวบ้านที่ฐานะยากจน
(อาคารหลังเก่าที่เคยมีส่วนร่วมในค่ายครั้งหนึ่งของชีวิต)
การทำค่ายในครั้งนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคนานาประการ นิสิตชาวค่ายต้องดิ้นรนหาอาหารตามมีตามเกิด โดยพึ่งพิงปลาในสระของโรงเรียนเป็นหลัก กว่าจะได้ลงมือสร้างอาคารก็ใช้เวลารอคอยหลายวัน เพราะห้างร้านต่าง ๆ ไม่ยอมให้ใช้เครดิต ….
นั่นคือการทำค่ายที่ปราศจากงบประมาณทั้งด้านการกินและการปลูกสร้าง แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ ครั้นเปิดเรียนทางคณะครูก็จัดทำผ้าป่าระดมทุนมาเป็นค่าวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ อย่างยกใหญ่ และนั่นคือภาพชีวิตของคนค่ายอีกเรื่องที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมสืบมาจนบัดนี้
การไปเยือนที่นี่อีกครั้ง จึงเป็นเหมือนการกลับไปทบทวนความทรงจำอันดีงามของชีวิต รวมถึงกลับไปดูวันเวลาแห่งการวิวัฒน์ที่ไม่ปราศจากความสิ้นหวังของเรื่องราวบางอย่าง …
ค่ายครั้งนี้ มุ่งเน้นการบริจาคหนังสือและสื่อการเรียนรู้เป็นหลัก นอกจากนั้นก็มีอุปกรณ์อื่น ๆ ด้วยเหมือนกัน เช่น พัดลมติดในห้องเรียน รวมถึงการจัดกิจกรรมแนะนำกลวิธีการใช้ห้องสมุด, เทคนิคการอ่านหนังสือ การสร้างเสริมทัศนคติที่ดีในการพัฒนาตนเองผ่านกระบวนการทางการศึกษา ตลอดจนกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์อันสนุกสนานและหลากหลาย ซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ทั้งที่เป็นนิสิตและนักเรียนมีใบหน้าอันเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลา
ก่อนหน้านั้น ผมเองก็เฝ้าถามไถ่น้อง ๆ เสมอว่า หนังสือหนังหาที่ขอรับบริจาคนั้นเพียงพอหรือไม่ .. และต้องการกลุ่มสาระ หรือเนื้อหาอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ซึ่งนั่นหมายถึงว่า หากมีอะไรช่วยได้ผมก็พร้อมยินดีเสมอ กิจกรรมในทำนองนี้ เป็นกิจกรรมที่ไม่ซับซ้อนอะไรนัก การมอบหนังสือก็เป็นเสมือนการมอบต้นทุนความรู้ให้กับผู้รับ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของผู้รับที่จะบริหารจัดการ, สังเคราะห์และบ่มเพาะตัวเองจากต้นทุนเหล่านั้น
เป็นอีกวันที่ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า …
กลับเข้ามาในมหาวิทยาลัย ภาคค่ำก็ไปชมละครเวทีให้กำลังใจแก่น้องนิสิตชมรมศิลปะการแสดง ล่วงดึกก็มาฉลองวันเกิดในวัย 6 ขวบให้กับน้องแผ่นดิน
ขอบคุณที่ชีวิตยังได้มีโอกาสผ่านพบกับเรื่องดี ๆ ….
สวัสดีเจ้าค่ะ ครูแผ่นดิน ถิ่นสยามที่น่ารัก
รักษาสุขภาพด้วยนะเจ้าค่ะ เห็นกิจกรรมแล้ว เยอะแยะมากมาย คิคิ แวะมาเยี่ยมเยียนเจ้าค่ะ สบายดีไหมค่ะ จะคอยเป็นกำลังใจให้คุณครูนะเจ้าค่ะ
มอบกำลังใจให้เสมอเจ้าค่ะ --------> น้องจิ ^_^
สวัสดีค่ะ
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
สวัสดีครับ น้องสายลม
สวัสดีครับ...หนูจิ
ช่วงนี้คุณครูแผ่นดินเดินสายแทบทุกวันเลยครับ อากาศหนาวเย็นมาก ไม่รู้ว่าทางโน้นเป็นยังไงบ้าง
วันนี้ก็เพิ่งกลับจาก จ.อุดร ... ไปเยี่ยมค่ายพี่ ๆ นิสิต - ที่นั่นยากจนและเดือดร้อนมาก แต่ก้ประทับใจในมิตรภาพที่เกิดขึ้นในหมู่นิสิตและชาวบ้าน รวมถึงรอยยิ้มของเด็ก ๆ นั้น ต้องยอมรับว่าสดใส... ไร้เดียงสามากจริง ๆ
สวัสดีครับ...
ผมชื่นชมกิจกรรมทำนองนี้เสมอ ซึ่งประกอบด้วย กิจกรรมในทางการศึกษา เป็นการลงทุนอย่างไม่สูญเปล่า และการนำเวลาว่างในช่วงสั้น ๆ มาประยุกต์ใช้กับการสร้างประโยชน์กับชุมชนได้อย่างไม่ซับซ้อนนัก ภายใต้เวลาอันจำกัดนี้ผมถือว่าน่ายกย่อง
และด้วยเงื่อนไขทางการศึกษาในมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าที่ควร การเลือกพื้นที่ทำกิจกรรมที่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนัก ก็ช่วยให้มีเวลามากมายพอที่จะทำอะไรได้มากกว่าการเดินทางไปไกล ๆ ด้วยเหมือนกัน
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับคุณแผ่นดิน
ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนนานเลย ผมอ่านบันทึกนี้ด้วยความเพลิดเพลินครับ เข้าใจว่าเป็นการเดินทางย้อนเวลาที่น่ารื่นรมณ์อยู่พอสมควร ชวนให้นึกถึงบทท้ายๆ ของรวมเรื่องสั้น "เหมืองแร่" ที่คุณอาจิน ปัญจพรรค์ ได้มีโอกาสกลับไปเยือนเหมืองแร่ ซึ่งเหลือแต่ความทรงจำแล้ว ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณสี่สิบปีหลังจากที่เหมืองแร่ได้ปิดทำการ
ผมตื่นเต้นกับเรื่องราวการเดินทางในชีวิตเสมอครับ และหัวใจพองโตทุกครั้งเมื่อได้รู้ว่าน้องๆ ในมหาวิทยาลัยเดินทางค้นหาความหมายให้กับตัวเอง (ทั้งภายในและภายนอก) การที่น้องๆ ได้มีโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนกับเด็กๆ และ ได้จัดกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น "กลวิธีการใช้ห้องสมุด, เทคนิคการอ่านหนังสือ การสร้างเสริมทัศนคติที่ดีในการพัฒนาตนเองผ่านกระบวนการทางการศึกษา" นั้น ผมเชื่อว่าผลประโยชน์นั้นเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่ร่วมงานนะครับ
ขอบคุณครับ
ปล. รูปถ่ายได้บรรยากาศดีจังเลยครับ
สวัสดีครับ.... คุณแว้บ
ทุกครั้งที่เขียนเรื่องค่าย.. หรือกิจกรรมในทำนองนี้ ผมมักจะนึกถึงคุณแว้บเสมอ เพราะหลายครั้ง หรือทุกครั้ง (ก็ว่าได้) ผมมักได้รับมุมมองอันสร้างสรรค์และละเอียดอ่อนของคุณแว้บอย่างไม่รู้เบื่อ ซึ่งนั่นเป็นเสมือนการสะท้อนให้รู้ว่า ตัวตนของคุณแว้บนั้น เข้าใจในวิถีของคนหนุ่มสาวที่กำลังค้นหาความหมายของชีวิตในสถานะของการเป็นนิสิตนักศึกษาเป็นอย่างดี
ผมเคยได้วิพากษ์ในเวทีสาธารณะของนิสิตมาบ้างในเรื่องพรรค์นี้ ผมพยายามชี้ให้เขาสร้างกิจกรรมที่ไม่ซับซ้อนนัก .. ไม่ต้องใช้ทุนรอนก้อนโตจนวิ่งหากันแทบขาดใจ รวมถึงการรู้จักบูรณาการเรื่องเวลาอันจำกัดให้สอดรับกับกิจกรรมอย่างเต็มที่ เพื่อให้กิจกรรมที่เกิดขึ้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลอย่างที่ตั้งใจ
กิจกรรมในครั้งนี้, เดินทางไปถูกที่และถูกทางมาก เพราะสภาพของโรงเรียนขาดแคลนหนังสืออยู่มาก และการไปจัดกิจกรรมในครั้งนี้ก็เป็นเสมือนการไปต่อยอดจากกิจกรรมที่เคยทำไว้เมื่อเนิ่นนานมาแล้ว.. อย่างน้อยก็ยืนยันได้ว่า เราไม่ได้มุ่งไปข้างหน้าจนลืมที่จะกลับไปสำรวจผลผลิตของตนเอง ..รวมถึงการกลับไปดูว่า ชุมชนมีความเข้มแข็ง ดูแลและสร้างสรรค์ตัวเองได้แค่ไหนด้วยเช่นกัน
ขอบคุณครับ -
สวัสดีครับ.... เกษตรยะลา
ผมประทับใจคำนี้มากครับ
เพราะยืนยันได้ชัดเจนว่า การให้เหล่านั้น เป็นการให้อย่างไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน และเป็นการให้ในลักษณะของการเติมเติมในส่วนที่ขาดหาย ส่วนจะสมบูรณ์หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่างน้อยเราก็ได้ทำ หรือได้ให้อย่างเต็มที่และเต็มกำลังของเราแล้ว
ขอบพระคุณครับ -
สวัสดีครับ... pepra
ก่อนอื่นผมต้องขอบพระคุณในความกรุณาในเรื่องนี้มาก ผมตั้งใจนานแล้วและเคยเปรยเป็นนโยบายว่า ให้นิสิตและเจ้าหน้าที่ร่วมกันรับบริจาคตลอดภาคเรียน เพื่อให้มีเวลาในการคัดเลือกหนังสือไว้เป็นหมวดหมู่ และคัดเลือกหนังสือที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้
หนังสือที่เราต้องการสำหรับโรงเรียนนี้ ส่วนใหญ่คือคู่มือในรายวิชาต่าง ๆ รวมถึงคู่มือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยฯ ...
ในอดีตผมเคยนั่งรถลงไปกรุงเทพขอรับบริจาคหนังสืออ่านนอกเวลา หรือแม้แต่หนังสือเรียนจากโรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งได้มาเยอะมาก สภาพดีทั้งนั้นเลย ... ส่วนหนึ่งเวลาไปราชการก็จะแวะไปเอากับน้อง ๆ ในกรุงเทพฯ บ้างเหมือนกัน
ยินดีและเกียรติครับสำหรับหนังสือต่าง ๆ ที่จะบริจาคมาให้กับผมเพื่อส่งต่อไปยังน้อง ๆ ที่ขาดแคลน ... ค่ายเดือนมีนาคมนี้ก็กะจะมอบหนังสือส่วนหนึ่งไปกับทุกค่ายเหมือนกันครับ
ขอบพระคุณอีกครั้งครับ -
ขอบคุณครับ.. ครูชา เปิงบ้าน
เรื่องดี ๆ เหล่านี้ เกิดจากความรู้สึกอันดีของนิสิตที่มีต่อน้องนักเรียน ผมเองไม่ได้มีส่วนผลักดันอะไรนัก นอกเสียจากการให้กำลังใจและติดตามมาให้กำลังใจในสิ่งที่ดี ๆ ที่เขาทำ...
และตอบแทนสิ่งอันดีงามนั้นด้วยการบอกเล่าผ่านบล็อกนั่นเอง..
ขอบคุณอีกครั้งครับ-
ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจน้องๆชมรมศิลปการแสดงคะ
อยากจะไปดูน้องๆเล่นใจจะขาดแต่ไปไม่ได้ (อยู่ใต้คะ)
ขอบคุณอีกครั้ง ที่เป็นอีก1พลังให้น้องๆยังอยากทำกิจกรรมอยู่