การท่องเที่ยวในเทศกาลปีใหม่ 2551 ต่อจากตอนที่แล้ว
จุดสำคัญของการเดินทาง
เราแวะพักรถกันที่ปั้มน้ำมัน ปตท.ที่ปากทางแยกเข้าทองผาภูมิ เข้าห้องน้ำ ตรวจสอบรถ ชิมกาแฟสด กินข้าวหลามกันที่นั่นราวๆครึ่งชั่วโมง สมาชิกที่เคยเดินทางมาก่อน มาแจ้งให้ทราบว่า ระยะทางจากจากทองผาภูมิถึงสังขละราวๆ 50 กม.จะขึ้นเขาลาดชันมากพอสมควร การเดินทางจะช้ากว่าพื้นราบมาก ผู้เขียนจึงเปลี่ยนจากผู้นั่งไปเป็นพลขับแทนลูกสาวที่ขับมาตั้งแต่กรุงเทพ ผู้เขียนเองก็ไม่เคยขับเส้นทางนี้มาก่อนจึงไม่ทราบสภาพที่เล่าถึงว่าเป็นเช่นใด จากสถานการณ์จึงคิดว่าควรขับเองดีกว่า หลังพักหายเหนื่อยเราก็เริ่มออกเดินทางจากทองผาภูมิเมื่อราวๆ 11 โมงครึ่ง จากปั้มน้ำมัน ปตท.ที่แวะพัก เราแยกขวาขึ้นเส้นทางทองผาภูมิ-สังขละ เป้หมายคือด่านเจีย์สามองค์เวลา 12.00น.
ขับรถไต่รอบเขื่อนวชิราลงกรณ์
เขื่อนวชิราลงกรณ์อยู่ในอำเเภอทองผาภูมิ เพื่อกักกั้นน้ำของแม่น้ำแควน้อยที่ใหลมาจากต้นน้ำจากน้ำตกทีลอซูจังหวัดตาก และแม่น้ำเกริงกาเวีย สังขละบุรี เกิดเป็นอ่างน้ำขนาดใหญ่เหนือเขื่อน กินพื้นที่จากทองผาภูมิขึ้นไปถึงอำเภอสังขละบุรี วัดหลวงพ่ออุตตมะเป็นวัดของชาวมอญตั้งอยู่หน้าเขื่อน เมื่อเริ่มเก็บกักน้ำทำให้พื้นที่วัดจมอยู่ใต้น้ำ วัดจึงต้องย้ายจากที่เดิมไปอยู่บนที่สูงบนยอดเขา เหนือจากตำแหน่งเดิมราวๆ 10 กม. การเดินทางจากทองผาภูมิไปสังขละบุรี จึงเป็นการขับรถไต่เขาด้านข้างของเขื่อน เลาะขอบเขื่อนไปเรื่อยๆตลอด ระยะทาง 50 กม. ระหว่างทางรถที่ขับไปจะลัดเลาะไปตามใหล่เขา ด้านซ้ายจะเป็นอ่างน้ำของเขื่อน ทางด้านขวาจะเป็นภูเขาสูงที่ใช้กักน้ำ รถจึงต้องไต่ขึ้นเขาที่ลาดชันมาก และลงทางลาดที่ชันมาก บางครั้งก็ขึ้นกัลงหักศอก ผู้ข้บขี่จึงต้องระมัดระวังมากทีเดียว เป็นอย่างนี้ขึ้นลงสลับกันไปตลอดระยะทาง ขณะที่ขับรถมีหลายจุดที่ทำเอาหวาดเสียวพอสมควร เพราะรถหนักด้วยคน4คน บวกของกินบวกเครื่องนอนกันหนาวด้วย แต่โดยทั่วไปแล้วไม่ถือว่าหวาดเสียวสำหรับคนขับรถทั่วไปแต่อย่างใด
อุทยานแห่งชาติเขาแหลม
ระหว่างทางจะผ่านจุดสำคัญหลายๆจุด จุดหนึ่งที่มีคนจากกรุงเทพชอบมาก คือการกางเต็นพักแรมที่ในเขตอุทยานแห่งชาติ ขณะที่เราขับรถผ่านไปเราเห็นเต็นส์ กางเรียงไว้เต็มสนามหญ้าภายในเขตอุทยาน เรายังพูดกันว่า เย็นนี้น่าจะมานอนเต็นส์กันที่นี่ เสียดายที่วันที่เดินทางมา อากาศไม่เป็นใจ อากาศไม่เย็นอย่างที่คิด เราได้เคยฟังรายงานอากาศว่า ที่นี่อากาศกลางวันร้อนและกลางคืนจะเย็นมาก และขณะที่เราเดินทางอากาศไม่ได้เย็นอย่างที่คิดไว้เลย ระหว่างเดินทางด้านซ้ายมือจะมีจุดชมวิวเป็นระยะ ส่วนด้านขวาจะมีบ้านคน ส่วนใหญ่จะมีอาชีพทำประมง คือจับปลาในอ่างเขื่อนมาขาย ข้างทางจึงมีร้ายขายปลาแห้ง ปลาสด ลูกชิ้นปลาตั้งเรียงรายไปตามทางที่ขับรถ ขากลับเรายังแวะซื้อลูกชื้นปลากรายและปลาแดดเดียวกลับมาบ้านที่กรุงเทพเลย จุดหนึ่งที่ผ่านมาด้วย คือ สำนักสงฆ์ของหลวงตามหาบัว จังหวัดกาญจนบุรีอยู่ลึกเข้าไปในภูเขา และสำนักสงฆ์สุญญตาราม ขององค์ท่านยันตระอยู่ออกไปเป็นเกาะอยู่กลางเขื่อน
ถึงแล้วถึงแล้วด่านเจดีย์สามองค์
ผ่านจากการขึ้นเขาลงเขามา 50 กม. รถก็ขับมาถึงสามแยก ถ้าตรงไปจะเข้าอำเภอสังขละบุรี คาราวานของเราเลี้ยวซ้ายเข้าปั้มน้ำมัน ปตท.เพื่อรอรถตู้ที่หายไประหว่างทาง ในปั้มน้ำมันที่นี่ตรวจสอบราคาดูจะแพงกว่าในเมืองลิตรละ 2 บาท เพราะการขนส่งน้ำมันขึ้นมาที่นี่ค่าโสหุ้ยมากเอาการอยู่ เราลองโทรติดต่อหารถตู้ ปรากฏว่าโทรศัพท์ไม่มีสัญญาน เราจึงเข้าสุขาและกินแกแฟสดรอรถตู้อยู่ที่นี่ ขณะรอก็ยังพยายามโทรติดต่อเป็นระยะ สุดท้ายความพยายามก็สำเร็จ ติดต่อได้ความว่ารถตู้ไปทานข้างกลางวันรออยู่ที่ด่านเจดีย์สามองค์แล้ว กลุ่มรถเก๋งจึงออกจากปั้มน้ำมันมุ่งหน้าสู่ด่านทันที เส้นทางช่วงนี้ราวๆ15 กม. เป็นทางเรียบ ระหว่างทางผ่านด่านตรวจของทหารจากค่ายสุรสีห์ แต่ก็ไม่ตรวจเข็มมากนัก
อาการกลางวันที่ด่านเจดีย์สามองค์
สังขละบุรีเป็นอำเภอติดชายแดนพม่า เราคาดการณ์ว่า พื้นที่ป่ามากมายเช่นนี้ น่าจะมีอาหารป่าแปลกๆให้เราชิมรสได้บ้าง คาราวานรถเก๋งมาถึงร้านอาหารเอาเมื่อเวลาบ่ายโมง เราจึงแวะเข้าร้านอาหารชื่อพรสวรรค์ พบว่า คนขายเป็นชาวพม่า ผิวขาว ทาแป้งสวย แต่พูดไทยชัดเจนมาก มองทั่วไปเป็นร้านอาหารไทย เราสั่งฉู่ฉี่ปลาเค้า(เพราะที่นี่ปลาเค้าขึ้นชื่อมาก) ผัดเนื้อเก้ง ต้มยำไก่บ้าน ปลาคลังลวก อาหารกลางวันเมื้อนี้อร่อยมากทีเดียว(เพราะกินตอนบ่ายโมงแนะ) ขณะเราทานอาหารอยู่ โทรหารถตู้ ทราบว่ากำลังชอบปิ้งกันอยู่ที่ด่านนานแล้ว เราออกจากร้านอาหารบ่ายโมงครึ่ง มุ่งไปด้านที่อยู่ไกลออกไปอีก 500 เมตร ถนนจากเมืองสงัขละมาที่ด่านเป็นทางลาดยาง ดีทีเดียว
ติดตามเรื่อง พระเจดียสามองค์ แม่ค้าชาวพม่า และขาช๊อบตัวจริงตอนต่อไป
โอโห อาจารย์ บ้านผมเอง ฮ่าๆๆๆๆๆ