ย้อนรอยไปยังบรรยากาศภายในรั้วสีม่วง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อันเป็นทั้งที่เรียนและที่ทำงานครั้งแรกอีกด้วย การได้เรียนกับอาจารย์และได้ทำงานร่วมกับอาจารย์ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่า.....ความดีงามที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ ยังยึดถือเป็นเป็นอุดมการณ์เสมอมา ชีวิตออกแบบได้.......ว่าอยากจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จหรืออยากจะเป็นคนที่มีคุณค่า จริงๆแล้วอยากเป็นทั้ง 2 อย่าง แต่ทุกวันนี้เป็นได้แค่อย่างเดียวที่เป็นได้แค่ดีพอใช้ แต่อีกอย่างไม่แน่ใจ จะอย่างไรก็ตามชีวิตที่ผ่านมามีช่วงชีวิตที่งดงาม สะอาด และมีฝัน ที่ได้ใกล้ชิดกับบุคคลที่เปี่ยมคุณค่า ในฐานะ ครู - ศิษย์ แม้จะเป้นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้ศึกษากับอาจารย์ แต่ไม่เคยลืมเลือน ถือเป็นความภาคิภูมิใจในชีวิตที่เคยเรียนศิลปะ กับอาจารย์สงัด ปุยอ๊อก และอาจารย์เทพศิริ สุขโสภา ทั้งสองท่านได้พาลูกศิษย์ท่องเที่ยวไปกับจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด ชีวิตจิตใจที่อาจารย์ใส่ไปในรูปภาพช่วยแต่งแต้มสีสันชีวิตให้กับลูกศิษย์อีกด้วย สีสันแห่งชีวิตที่ได้พบเจอล้วนแล้วแต่เป็นสีสันที่อาจารย์เคยพูดถึงทั้งสิ้น มีภาพอยู่ภาพหนึ่งที่ตั้งใจเขียนอย่างยิ่งแต่จนถึงวันนี้ก็ยังเขียนไม่เสร็จทั้งๆที่ตั้งชื่อภาพไว้เป็นวลีว่า..."ดำแสดเทาเศร้าหม่นก็ทนไป ขอเพียงแค่อยู่ได้ไปวันๆ" อีกท่านหนึ่งสอนศิลปะแห่งภาษาล้านนาที่งดงาม เมื่อครั้งที่ได้อ่าน "เจ้าจันทร์ผมหอม" ภาพการเรียนการสอนที่สะท้อนแนวคิดที่ลุ่มลึกก็ผุดขึ้นในความทรงจำ ชีวิตช่วงนั้นผ่านไปเหมือนความฝันและช่างเป็นความฝันที่สั้นเหลือเกิน แต่ความฝันเหล่านั้นยังมีสิ่งที่คอยย้ำเตือนให้ความฝันนั้นยังแจ่มชัดอยู่ก็คือ บ้านศิลปะ ของอาจารย์สงัด ปุยอ๊อก บึงหญ้าป่าใหญ่ ของอาจารย์เทพศิริ สุขโสภา เจ้าจันทร์ผมหอม ไอ้ค่อม หมู่บ้านอาบจันทร์ของอาจารย์มาลา คำจันทร์ แค่คุณสืบค้นข้อมูลดู คุณจะสัมผัสได้ว่ามีความสุขให้ไขว่คว้าได้ไม่ไกลนัก
ศิลปะและบทกวี คือของขวัญล้ำค่าของชีวิต ที่สุดแท้แต่ใครจะหามาให้ตัวเอง อย่าปล่อยให้ เวลาผ่านมา....เวลาผ่านไป...เวลาเหลือไว้ เพียงลมหายใจที่ร้าวรานนะคะ โลกนี้ยังสวยงามด้วยศิลปะ และมนต์เสน่ห์แห่งบทกวี ขับขานด้วยคนตรีที่ไพเราะค่ะ
สวัสดีครับ
ขอบคุณค่ะ .....ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ...เป็นลุกช้างมช.รหัส 2204002 (เริ่มย่างก้าวสู่วัยช้างชรา)
ภาคเหนืออุดมไปด้วยวัฒนธรรมที่งดงาม... ผมมีนักเขียนในดวงใจที่เป็นชาวเหนือหลายท่าน เช่น มาลา คำจันทร์ , พิบูลศักดิ์ ละครพล... ฯลฯ
งานเขียนของแต่ละท่าน มีตัวตนในทางวัฒนธรรมที่เด่ดชัดมาก
และนั่นคือพันธกิจอันสำคัญที่นักเขียนได้รับใช้สังคม
ขอบคุณครับ
ดิฉันเคยพบ คุณพิบูลศักดิ์ ละครพล ปี 2523 ที่วัดอุโมงค์ ต.สุเทพ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ด้านหลังของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ บรรยากาศในวัดร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ที่พูดได้ เพราะคำสอนอันพุทธภาษิตมีประดับอยู่ทุกต้น ดิฉันและสมาชิกชมรมถ่ายภาพใช้ชีวิตช่วงวันหยุดเก็บภาพธรรมชาติทั้งแมกไม้และสวนสัตว์เปิดภายในวัด ดิฉันพบกิจกรรมเพื่อเด็กภายในวัดนั้นบ่อยครั้ง จึงเข้าไปเล่นหุ่นมือให้เด็กได้ดูกัน จึงมีโอกาสพบคุณพิบูลศักดิ์ที่นั่นท่านยังหนุ่มและดูดีมากในรูปแบบของศิลปิน นักเขียน และปัญญาชนผู้มีอุดมการณ์เปี่ยมล้น คุณพิบูลศักดิ์ไม่ใช่คนช่างพูดนัก เงียบขรึม แต่อารมณ์ดี มีมุมมองว่าทุกชีวิตมีความสวยงาม ถ้อยคำที่ดีของคุณพิบูลศักดิ์ทำให้สาวขี้เหร่อย่างดิฉันมีกำลังใจ....เสียดายที่ภาระกิจท่านมากก็เลยไม่ค่อยได้มีโอกาสพบกันบ่อยนักแต่ดิฉันก็ยังคงจดจำท่านและชื่นชมผลงานของท่านเหมือนคุณค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่แสดงความคิดเห็นเข้ามา
สวัสดีครับ
ลูกช้าง 2808096 มาร่วมย้อยรำลึกครับ(ระหัสลวงครับเพราะผมไปถ่ายรูปเพื่อนรับปริญญาแล้วเห็นครุยสวยดีจึงค่อยมาเอ็นทรานซ์เรียน)
ผมประทับใจงานของ อ้ายมาลา คำจันทร์หลายเรื่องครับ
เจ้าจันทร์ผมหอม ชอบและสงสารเจ้าทางเหนือที่กำลังลำบาก
ดาบอุปฮาด
ดงคนดิบ
ไพรอำพราง
สร้อยสุคนธา และ .... ล้วนชอบทั้งหมดครับ