แค่ปรับมุมคิด ชีวิตก็เปลี่ยน


            อันเนื่องมาจากข้อเขียนที่ตัดเก็บไว้ วันนี้ได้มีโอกาสค้นหาหนังสือไปพบเข้า จึงนำมาแลกเปลี่ยนกันเบา ๆ ในวันหยุด

            เรื่องมีอยู่ว่า  มีมหาเศรษฐีคนหนึ่ง สุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชายวัย 10 ขวบ ที่กำลังจะได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้นจึงจะมีโอกาสให้ลูกหลานเข้าไปเรียนได้  ด้วยเหตุผลส่วนตัวก็อยากจะสอนให้ลูกชายได้รู้จักชีวิตจริงในโลกควบคู่กันไปกับชีวิตทฤษฎีในโรงเรียน  ในวันหยุดเขาจึงพาลูกชายคนเดียวไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ แล้วเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง ความยากจน  เพราะเขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันได้รู้จักอย่างแน่นอน  เขาจึงพาลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง และให้พักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน              

             เมื่อลูกชายกลับถึงคฤหาสน์มหาเศรษฐีจึงได้ทดสอบว่าลูกชายได้อะไรจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจนบ้าง  ลูกชายตอบขอบคุณพ่อเป็นอย่างมากที่ให้เขามีโอกาสไปพบกับชาวนา และพักที่นั่น ทำให้เขาได้พบว่า.....ชาวนานั้น มีที่ทำงานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่ ในขณะที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง  แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา และอาหารที่ชาวนากินนั้น สามารถหาได้ตลอดเวลา รอบ ๆ บ้าน ไม่ต้องซื้อหา ในขณะที่บ้านของเรามีเพียงตู้เย็นเท่านั้นที่เป็นที่เก็บอาหาร   เวลากินอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ และลูก ในขณะที่ตัวเองต้องนั่งกินอาหารอย่างโดดเดี่ยวบนโต๊ะที่ยาวเกือบ 10 เมตรและมีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน  

             ลูกของชาวนาที่ซ้อนท้ายรถจักรยานของพ่อเขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่น ๆ เพื่อจะได้ไม่ตก แต่ตัวเขาเองต้องนั่งในรถยนต์ที่ใหญ่โตอยู่ข้างหลังเพียงลำพัง โดยมีคนขับรถาพาไปทุกที่   ชาวนามีแสงดาว แสงจันทร์เป็นโคมไฟส่องสว่างอยู่ตลอดเวลาในตอนกลางคืน  โดยไม่ขาดแคลน แต่เขามีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อมาด้วยเงิน ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำ ภูเขา ที่กว้างสุดลูกหูลูกตา แต่เขาเองกลับมีเพียงกำแพงอิฐบล็อกที่คลุมพื้นที่ไม่กี่ไร่    ชาวนามีเพื่อนเล่นมากมายเป็นจิ้งหรีด หิ่งห้อยนับร้อยพันตัว แต่เขากลับไม่มีใครเป็นเพื่อนเลย  เขาขอขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า...จริง ๆ แล้ว เรายากจนกว่าชาวนามาก.....               

             ความรู้สึกนึกคิดเป็นสิ่งที่เรากำหนด แล้วจัดวางขึ้นมาเองจากใจและสมองของเรา ที่จะเลือกมองและรู้สึกด้วยมุมใด  เราเลือกได้มิใช่หรือ  you are what you think

หมายเลขบันทึก: 147478เขียนเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2007 20:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม 2012 16:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)
  • ขอบคุณครับ
  • สำหรับแง่คิดดีๆ
  • แต่หวังว่า ลูกชายเศรษฐี
  • คงไม่หนีออกจากบ้านไปอยู่กับชาวนาน๊ะครับ
  • งิงิ

เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ พอดีเพิ่งเข้าไปตามไล่อ่านบล็อกของคุณพลเดช วรฉัตร กับการได้เห็นภาพชีวิตชาวอินเดียในเมืองต่างๆ และอ่านเรื่องของอาจารย์ "คนไร้กรอบ" เรื่องอัศวินเกราะทอง อิ อิ จะสร้างลิงค์ให้ก็ทำไม่เป็น อยากให้ได้อ่าน เป็นข้อคิดสำหรับคนที่สนใจในแนวอย่างเรื่องนี้ค่ะ

อ่านแล้วดีจังคะ  มุมมองที่ไม่ได้นึกถึง

สุข - ทุกข์

หากจัดการได้  โดยกำหนดให้เดินทางอยู่เหนือวัตถุเงินตรา

ผมเชื่อว่า .... ชีวิตจะค้นพบความมหัศจรรย์ของชีวิต

ผมเองก็ปรารถนาเช่นนั้น, ...แต่รู้ดีว่า ...ยากและแสนยากอยู่มากโข

          เรื่องนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่บอกถึงการมองโลก มองชีวิตในแง่คิดของตนเอง สุดแต่ว่าเขาคนนั้นยืนอยู่ตรงใหน และมุมมองเขาเป็นอย่างไร

ขออนุญาตสมัครเป็นแฟนบล๊อคอาจารย์อีกคนนะคะ

 ตามอ่านหลายชิ้นแล้วค่ะ ... ชอบมาก กินใจ

ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆ ที่นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันค่ะ

ชอบ "แค่ปรับมุมคิด ชีวิตก็เปลี่ยน" เพราะสอดคล้องกับวิชา "นพลักษณ์" ที่ดิฉันมีบทบาทในการเผยแพร่อยู่เลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี