ระยะ 1 - 2 เดือนที่ผ่านมา ประชากรชาวเภสัชฯ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีสุขภาพกายที่ทำให้ผู้เขียน รู้สึกเป็นห่วง ตัวอย่างเช่น หัวหน้างานบริหารและธุรการ มีอาการปวดต้นคอ ต้องไปหาหมอและกินยาควบคู่ไปด้วย หัวหน้าหน่วยอาคารฯ มีอาการปวดต้นคอ ต้องไปกายภาพเหมือนกับผู้เขียน แต่ต้องดึงคอไปด้วย (เป็นมามากกว่าเดือนแล้วยังไม่หาย ประจวบเหมาะกับผู้เขียนก็เกิดอาการทางกายด้านสุขภาพเช่นกัน (แสดงว่าคณะฯ อาจจะใช้งานมาก...หัวหน้าทั้งหลายเลยเดี้ยง)
และมีน้องที่คลอดลูกแล้วเลือดไหลไม่หยุด ก็ต้องผ่ามดลูกทิ้ง อาจารย์น้อง ก็ท้อง 5 เดือน แต่สุดท้ายลูกไม่ดิ้น ไม่หายใจ ก็ต้องเอาออก น้องแข่งกีฬาฟุตบอลปะทะกัน เอ็นไหล่ขาด ต้องผ่าตัดต่อเอ็น (เหตุเกิดวันที่ 6 พย. ได้คิวเข้านอน รพ. 16 พย. ได้คิวผ่าตัด 20 พย.50...เรื่องจริงอีกเรื่องค่ะ..อิอิ) น้องเจ้าหน้าที่สายวิชาฯ เพิ่งไปผ่าตัดเนื้องอกที่หน้าอก ทั้งสองข้าง และวันนี้มีน้องเกิดอาการหายใจไม่ออก (เค้าบอกเหมือนคนจะตาย) คุณพยาบาลประจำคณะฯ ก็ต้องรีบนำส่ง รพ. สุดท้ายหมอวินิจฉัยว่าเป็น หอบ หืด (และให้ระบุว่า...เป็นโรคประจำตัว)
ผู้เขียนมักจะถูกตามตัวเสมอเวลาใครต้องเข้า รพ. หรือว่าใครมีอาการเป็นอย่างไร (คิดในใจว่า...เค้าคงคิดว่าเราเป็นหมอ เป็นเจ้าของ รพ. เป็นพยาบาล หรือ.....แต่หลายคนฟันธงว่า อ๋อ....พี่เป็นเจ้าหน้าที่บริหารไปทั่วต่างหาก....ก๊ากส์) และจำได้อีกเหตุการณ์หนึ่ง หัวหน้าภาคฯ อุบัติเหตุขาหัก ที่ธนาคารฯ ฝั่งตรงข้ามคณะฯ ท่านบอกว่าให้ตามอึ่ง....อืม....ในที่สุดหมออึ่งก็ต้องไปหาที่ รพ. และจัดการเรื่องราวในโรงพยาบาล พาไป X-ray พาไปห้องตรวจคลื่นหัวใจ พาไปห้องตรวจ พาไปนอน รอการตรวจ ห้องพิเศษไม่มี เจ้าหน้าที่ ward จัดห้องให้ ฯลฯ แม้กระทั่งการแทรกคิวผ่าตัด (ฮา....) ไม่ใช่ด้วยตัวเองหรอก จากการประสานงานไปทางผู้ใหญ่ต่างหาก อิอิ) (เรื่องราวที่มักถูกตามตัวเนื่องจากอาจเป็นคนที่คุ้ยเคยกับ รพ. เพราะต้องไปส่ง ดูแลพ่อแม่ และพี่สาวที่ทำงานใน รพ.แห่งนี้ด้วย)
นอกจากนี้ยังมีความเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกหลายเรื่อง จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้เขียนรู้สึกไม่สบายใจ เป็นห่วงในเรื่องสุขภาพของหลาย ๆ ท่านเหล่านี้ และนอกจากนี้ยังมีบุคลากร (มากกว่าครึ่ง) มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน ไขมันในเส้นเลือดสูง จึงทำให้ต้องกลับมาคิดทบทวนชีวิตตนเอง จึงทำให้นึกถึงบันทึกที่เคยเขียนไว้บันทึกหนึ่ง บันทึกนี้ นาฬิกาชีวิต ซึ่งอาจทำให้ต้องกลับมาปฏิบัติตัวใหม่ เพื่อสุขภาพของตัวเอง
สรุป
1.00 – 3.00 น. นอนซะ
3.00 – 5.00 น. ตื่นมาสูดอากาศ
5.00 -7.00 น. ขับถ่าย
7.00 -9.00 น. กินข้าวเช้า
9.00 – 11.00 น. อย่าพูดมาก กินน้อยๆ อย่านอน
11.00 – 13.00 น. หลีกเลี่ยงความเครียด
13.00 – 15.00 น. ห้ามกิน
15.00 – 17.00 น. ออกกำลังกายหรืออบตัวให้เหงื่อออก
17.00 – 19.00 น. ทำให้สดชื่น อย่าง่วง
19.00 – 21.00 น. ทำสมาธิ
21.00 – 23.00 น. ทำตัวให้อุ่นไว้
23.00 – 1.00 น. กินน้ำก่อนนอน
โอ้ยพระเจ้าช่วยกล้วยไข่ทอด (น้องแป๊ดชอบ) ทำอย่างไรก็ทำไม่ได้ตามนี้ จึงต้องจัดสรรตัวเองซะใหม่ตามเวลาที่มีอยู่ดีกว่า (หาทางเลี่ยงอีกแล้ว....คนเราชอบมีข้ออ้างเพื่อตัวเองเสมอ แต่วันใดอ้างไม่ได้ "ก็ตัวใครตัวท่าน" เถอะนะคะ แต่จิตใจที่ผ่องใสจะช่วยให้กายสบายตามนะคะ
ขอให้มีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่เข็มแข็ง และแข็งแรงตลอดไปค่ะ
พักผ่อนเยอะๆค่ะ
สวัสดีคะ
มาดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพใจด้วยคนคะ
แต่..ทำอย่างไรก็ไม่ได้ตามนี้เหมือนกันคะ
---^.^---
สวัสดีจ้ะ น้องอึ่งอ๊อบ
ตอนนี้สารภาพว่าเหนื่อยมาเลยนะครับ... กำลังร่อนหนังสือลาออกจากงานบริหารกลับมาเป็นคนธรรมดาสามัญ ...
จะได้มีเวลาไปโน่นไปนี่เหมือนชาวบ้านเขาบ้าง ...
.....
กลับไปเป็นคนธรรมดาสามัญ
เงียบงัน แต่ไม่เปลี่ยวเศร้า
สองบ่า เคยหนักจักเป็นเบา...
หันกลับมาเฝ้าใจตัวเอง
อ่านแล้วเค้าเขียนดีจริง ๆ น่ารวมเล่มเก็บไว้บนชั้น อิอิ
อยากมีวินัยอย่างครูอ้อยจัง เมื่อไร "ความอยาก" จะจากไปอย่างถาวรหนอ
บ่อได้ บ่อได้ ป้าแดง รับเงินหลวง อย่านิ่งดูดาย ปั้นวัว ปั้นควาย ให้เป็นคนด้วย อิอิ (ควายตัวแรกคือตัวหนูเอง)
น้องพิมพ์ดีด ไว้เจอกันที่เชียงใหม่บ้างเน้อ วันนี้ไปช่วย ดร.ขจิต ม่วนก่อเจ้า ขอให้มีความสุขหลาย ๆ สุขภาพภายดีดีเน้อเจ้า
โอ้ยดีใจหนูแต้วเปลี๋ยนไป๋ มาแล้วก็มาจริง ๆ นะจ๊ะ อยากหลอกล่อให้พี่ ๆ คิดถึงแล้วหายไปอีกเน้อ รอน้องอ้อ อีกคน เมื่อไรเจ้าตัวเล็กจะโต อุอุอุ
สุขภาพกายช่างประไร สุขภาพใจม่วนซื่น ก็ไปโลดเด้อค่ะ
น้องชาย ตราบชีวิตไม่สิ้น ต้องดิ้นต่อไป ขอเพียงแต่หัวใจ เข้มแข็งเป็นพอ แต่เมื่อไรยามท้อ อยากให้รู้ หลายดวงใจ เฝ้าห่วงหา และมอบให้ ด้วยความห่วงใย ตลอดไป ตลอดไป (บ่อจุหรอกน้อง ฮื้อหม่นหมองหมาง) ยิ้ม ยิ้ม
อ่านแล้ว เป็นห่วงค่ะ
รักษาสุขภาพให้แข็งแรงไวๆๆค่ะ
อ่ะ อ่ะ พี่บุญ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะ
เดี๋ยวทำงานเผื่อเองค่ะ
คุณพี่ศศินันท์คะ
ขอบคุณสำหรับดอกไม้ ทำให้สดชื่นแจ่มใสค่ะ
3 คืนมาแล้วที่ทำงานจนถึงเกือบเที่ยงคืนทุกวัน กว่าจะได้กลับบ้าน วันนี้ก็เร่งงานค่ะ ไม่ได้ไปหาหมอมา 3 วันแล้ว ตอนนี้ก็ทน ๆ เอาหน่อย พรุ่งนี้จะไปหาหมอและฟังผล MRI ค่ะ
ปลายเดือนนี้อาจมีโอกาสพบกันนะคะ จะไปงาน KM แห่งชาติค่ะ
แวะมากอดคนช่างดูแลคนอื่นค่ะ หันมาดูแลตนเองด้วยอย่างนี้ ดีด้วยค่ะ ทำให้คนไกลๆไม่ต้องเป็นห่วง...(รู้ว่ามีเย้อะ...เยอะ....ทั่วไทยเลยค่ะ)
เย้....เราจะได้กอดตัวเป็นๆกันที่งาน KM แห่งชาติด้วย จอง 1 กอดแน่นๆนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้น้องอึ่งอ๊อบสำหรับพรุ่งนี้ด้วยนะคะ อย่าลืมส่งข่าวคราวผ่านบล็อกนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่อ๊อฟ คอยดูแลคนอื่นมาตลอด อยากให้ทุกคนทำงานแต่อย่าให้งานทำเราจนร่างกายรับไม่ไหวเลยค่ะ ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจดีดีที่ส่งมาให้ทุกคนนะคะ