โลกร้อนกับกระแสความรับผิดชอบที่ตื่นตัวขึ้นในแวดวงธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจที่ประกาศตัวเองว่า มีความรับผิดชอบต่อสังคม
เมื่อมองมายังภาคธุรกิจ ในปี 2550 นี้ เราจะเห็นว่า ประเด็นของสิ่งแวดล้อม ภายใต้กระแส ความห่วงใย กำลังได้รับการจัดลำดับความสำคัญ เป็นลำดับต้นๆ ของแผนการดำเนินกิจกรรมขององค์กร เพื่อเป็นการช่วยกันรณรงค์ และสร้างความตระหนักให้คนในสังคม ได้เห็นปัญหานี้ อย่างจริงจัง
ดิฉัน ได้ทราบข่าว จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ว่า ทางห้างดิเอ็มโพเรียม ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ จะเชิญนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานเปิดงาน “มหัศจรรย์พฤกษาสวรรค์ แห่งมหานครกรุงเทพฯ” หรือ Flora & Fauna Exotica ภายใต้แนวคิด Save The Global Tropical Paradise เพื่อเป็นการร่วมรณรงค์ลดภาวะโลกร้อนและปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับกรุงเทพมหานคร ในเวลา 18.30 น. ของ วันที่ 13 ก.ย. 2550 โดย บริเวณลานน้ำพุหน้าห้าง จะมีการ ตกแต่งบรรยากาศเป็นป่าเขตร้อน
และนี่คือการจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ในลักษณะของ CSR....Corporate Social Responsibilities ซึ่งการออกแบบและพัฒนากิจกรรมซีเอสอาร์ ที่ห้างดิเอ็มโพเรี่ยม ในครั้งนี้ ดูจะเหมาะสมสอดคล้องกับกระแสสังคมเป็นอย่างยิ่ง
ดิฉันจึงได้ไปเที่ยวชมงาน และได้ถ่ายรูปมาฝากทุกท่านด้วย โดยจะทยอยลงให้ชมกันค่ะ
กิจกรรม ตกแต่งพื้นที่ต่าง ๆ ในห้างเป็นสวนป่าขนาดย่อมๆ สวยงาม แบ่งเป็น 7 โซนแตกต่างกันดังนี้
1. The Oasis of Bangkok พฤกษาสวรรค์แห่งมหานครกรุงเทพฯ บริเวณลานน้ำพุด้านหน้า ตกแต่งเป็นป่าเขตร้อน ด้วยต้นปาล์มและสัตว์นานาชนิด
2. Rainforest Extravaganza อัศจรรย์พงพนาป่ามรกต จำลองป่าฝน บริเวณทางเข้า มีพันธุ์ไม้แฮริโคเรีย และนกคอกคาเทล
3. Bromeliads Magnifique อร่ามตาสับปะรดหลากสี จัดบริเวณโมชั่น ฮอลล์ แอนด์ เวอร์ติเคิล การ์เด้น
4.The Jewel of Nature เจิด จรัสอัญมณีแห่งธรรมชาติ บริเวณวอล์กเวย์ ชั้น G จัดแสดงหมู่แมลง และไม้ดอก ชมนิทรรศการภาวะโลกร้อน
5.The Oasis Odyssey ร้อยสีสันพันธุ์ไม้ดอกแห่งโอเอซิส ที่สตาร์ โดม ชั้น G รวบรวมสัตว์และต้นไม้ในทะเลทราย
6.Flora & Fauna Fantasia มหัศจรรย์ปักษามวลมาลี ชมนกแก้วมาร์คอ นกฟอร์พัส และนกซันคาร์นัวร์
7.A Beaute' de Papillion สรวงสวรรค์แห่งภมรภุมริน บริเวณแฟชั่น ฮอลล์ รวบรวมผีเสื้อหลากสีสันหลายสายพันธุ์
มีการ สร้างบรรยากาศเป็นแบบป่าฝน มีนกหลายชนิด เช่น นกคอกคาเทล นอกจากนี้ ยังจัดสวนสัตว์ขนาดเล็กมีทั้ง เสือเบงกอล ผีเสื้อ นก และสัตว์ทะเลทรายนานาพันธุ์ไว้ตามจุดต่างๆในห้าง พร้อมกันนั้นมีกิจกรรม อธิบาย ให้ผู้ที่เข้ามาชมงานได้ความรู้ พันธุ์ไม้ แต่ละชนิดค่อนข้างหายาก บางต้นใกล้สูญพันธุ์ นอกจากนี้ ยังมีสนใบแหลม เคราฤษี ต้นหนูตาย เป็นต้น
สำหรับสัตว์ที่นำมาแสดงนั้น ดิฉันเห็นมีนกแก้ว ทั้งตัวเล็ก ตัวใหญ่ มีหลายพันธุ์ น่าชมมาก
ทางห้างบอกว่า นกพันธุ์ที่แพงที่สุดคือนกแก้วมาคอร์ พันธุ์ไฮยาซิน ราคาตัวละ 1.8 ล้านบาท เป็นหนึ่งใน 16 พันธุ์ของนกปากขอและนกแก้วขนาดใหญ่ซึ่งใกล้สูญพันธุ์
สำหรับสัตว์ แปลกๆ จากทะเลทรายล้วนเป็นสัตว์หาดูได้ยาก อาทิ มังกรเครา ปลาทราย กิ้งก่าครุย จิ้งเหลนยักษ์ลิ้นสีน้ำเงิน หนูจิงโจ้เล็ก หน้าตาคล้ายจิงโจ้โตเพียง 10 เซนติเมตร
โดยเฉพาะฮิปโปแคระ ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร เป็นหนูที่เกิดจากการผ่าเหล่ามาจากหนูตะเภา ลำตัวสีชมพูมีแต้มสีดำ ไม่มีขน มองดูคล้ายฮิปโป
ห้างเอ็มโพเรียม ได้กล่าวว่า การที่ได้ร่วมกับกรุงเทพมหานคร ร่วมกันจัดงานขึ้นมา เพราะต้องการปลูกฝังให้ทุกคนมีความรักและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัด ในสภาวะที่โลกกำลังจะเผชิญกับภาวะ วิกฤติ ภายในเวลาอันไม่ช้านี้
ทุกคนควรร่วมมือกันเพื่อช่วยทำให้สภาพแวดล้อมโลกดีขึ้น
ด้านนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่ภาคเอกชนให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้มีกำลังใจจะรณรงค์สิ่งแวดล้อมในเมืองหลวงให้ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลถึงโลกให้มีสภาพแวดล้อมโดยรวมดีขึ้นตามไปด้วย
ในเรื่องนี้ ดิฉันเห็นว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ภาคธุรกิจ จะมีส่วนลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก แต่ ควรให้มีการดำเนินงานที่มีแผนงาน เป็นขั้น เป็นตอน และมีเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่ทำการรณรงค์ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เป็นครั้งคราว เพราะเป็นเรื่องระยะสั้นเกินไป ตัวเองจะต้องทำตัวเป็นตัวอย่างด้วย
โดยเริ่มตั้งแต่ ให้มองว่า องค์กร สามารถที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆได้บ้าง
สำหรับการให้ความสำคัญต่อปัญหาโลกร้อน ซึ่งอาจต้องมีการประกาศ Environment Statement ที่ชัดเจน
ชี้ให้สังคมเห็นว่า มีความมุ่งหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของตน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรบ้าง การเน้นการบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การควบคุมมลพิษจากการจัดการขยะและของเสียอันตรายบางอย่าง เป็นต้น
ส่วนในด้านของผู้บริโภคอย่างเรา ก็ ควรมีการรณรงค์กันเองที่จะไม่อุดหนุนสินค้า จากห้างร้านใดๆ ที่ไม่นำพาในด้านการช่วย ลดวิกฤติโลกร้อน หรือ ไม่มีการลงทุนในด้านการประหยัดพลังงานใดๆ เลย
ซึ่งจะเป็นกระแสกดดันให้ ทางภาคธุรกิจต้องแสดงความรับผิดชอบต่อการแก้ปัญหาโลกร้อนนี้อย่างเต็มที่ค่ะ
ที่มาบางส่วน :: จากหนังสือพิมพ์ ประชาชาติธุรกิจ ในเรื่องการสำรวจความคิดเห็นขององค์กรหลายแห่ง ในประเด็นสิ่งแวดล้อม
สวัสดียามดึกครับคุณศศินันท์
แต่สำหรับตัวผมนั้นกลับไม่ค่อยกล้าที่จะไปดูงานแบบนี้ครับ ไม่กล้าไปดูนกแก้วที่ถูกขัง ไม่กล้าดูเสือในกรง ลูกสาวขอหลายรอบให้พาไปสวนสัตว์ ก็พยายามเลี่ยงกรงนก
สิ่งที่ผมอยากให้กรุงเทพมีก็คือ ปลูกต้นไม้จริงๆครับ อย่างในสิงคโปร์นี่ ไม่เห็นร่องรอยการตัดต้นไม้เลย มันยืนต้นอยู่ข้างทาง อยู่ในเกาะกลางถนนจนตะใคร่จับ ร่มรื่นชื่นใจ บางต้นใหญ่เท่า 2 คนโอบ โอ ชื่นใจครับ