ตอน บรรลุพระอรหัตถผล
<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> เมื่อพระอาจารย์มั่น บรรลุธรรมอนาคามีแล้ว ท่านก็เร่งความเพียรตามวิถีแห่งภูมิธรรมต่อไปอย่างเต็มกำลัง จนสมบูรณ์เต็มที่ เมื่อท่านได้จาริกไปพำนัก ณ จังหวัดเชียงใหม่ ท่านก็มีโอกาสได้บำเพ็ญเพียรจิตเต็มที่ ด้วยสมบูรณ์พร้อมทั้งภูมิธรรม สุขภาพกายและสถานที่ธรรมชาติอันสงบวิเวก </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> และแล้วสุดท้ายปลายทางแห่งความปรารถนาก็มาถึง เมื่อท่านเกิดปัญญาสามารถละทิ้งกิเลสละเอียดเป็นลำดับ นับแต่ละทิ้งรูปธรรม แล้วพิจารณาลงในความว่างเปล่า คือ อนัตตา จากนั้นละทิ้งสิ่งเป็นนามธรรม กำจัดมานะในจิตคิดว่าเป็นนั่นเป็นนี่เสียได้ แล้วระงับความคิดอันพลุ่งพล่านเพลิดเพลินขณะบำเพ็ญสมาธิ <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> </p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> ชั่วขณะนั้นจิตท่านมุ่งมั่นกำจัดอวิชชา คือ ความหลงอันเป็นเหตุให้ไม่รู้จริง นับแต่ สองทุ่ม จนกระทั่งตีสามของวันใหม่ อวิชชาก็แตกพ่าย ดับสิ้นแต่ชั่วขณะนั้น</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> ฉับพลัน อัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น โลกธาตุก็หวั่นไหวกึกก้อง เทพเจ้าทั้งหลายก็แซ่ซ้องสาธุการ สะท้านสะเทือนไปทั่วพิภพ แลเปล่งเสียงสรรเสริญโดยพร้อมกันว่า </p><p></p><p> “บัดนี้ ศิษย์พระตถาคตปรากฏขึ้นในโลกอีกองค์หนึ่งแล้ว เราทั้งหลายขออนุโมทนายินดีแก่ท่าน ด้วยท่านได้ค้นพบแล้วซึ่งธรรมอันประเสริฐ สำเร็จอริยสงฆ์อันเลิศในแผ่นดินมนุษย์ในครังนี้” </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> ครั้นเหตุอัศจรรย์สงบแล้ว จิตใจของพระอาจารย์มั่นก็ดำรงอยู่ในสภาวธรรมชาติบริสุทธิ์ ท่านแลเห็นธรรมอันชัดแจ้งว่า เป็นธรรมอันละเอียดเกินวิสัยมนุษย์ผู้อยู่ในสภาวกิเลสจะรู้ตามได้ แต่เมื่อท่านน้อมใจรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณแห่งพระศาสดา ที่ทรงมีแก่สรรพสัตว์ พระอาจารย์มั่นจึงน้อมจิตไปในแนวทางนั้นตามปฏิปทาแห่งมหาศาสดา จึงมุ่งมั่นสงเคราะห์โลกเผยแผ่ อบรมสั่งสอนเวไนยสัตว์สืบต่อไป</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> ตอน พระธรรมเทศนาสำคัญในวันวิสาขบูชา </p><p></p><p></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> พุทธศักราช ๒๔๘๒ ขณะนั้นพระอาจารย์มั่นมีอายุได้ ๖๙ ปี ท่านพำนักอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านแสวงหาความสงบในแนวไพรถ้ำผาตามอัธยาศัยเป็นเวลานาน ทำให้ศิษยานุศิษย์ทางภาคอีสานมีใจระลึกถึงท่านเป็นที่สุดแล้ว ดังนั้น ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ตัวแทนแห่งศิษย์ทั้งหลายจึงเดินทางไปกราบอาราธนาท่านให้มาพำนักเป็นหลักแหงธรรม ณ ถิ่นอีสาน พระอาจารย์มั่นขัดคำมิได้ จึงตกลงใจเดินทางกลับ โดยมาพำนัก ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร ในตัวเมืองเชียงใหม่ก่อน ขณะนั้นตรงกับวันเพ็ญวิสาขมาส ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา บรรดาศิษย์และประชาชนทั้งหลายต่างพากันฟังเทศน์ธรรมสำคัญของท่านในยามราตรีนี้</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> ราตรีนั้น แสงจันทร์ส่องสว่างกระจ่างท้องฟ้าและอาราม พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต นั่งสง่าเหนือธรรมมาสน์ท่ามกลางเหล่าพุทธศาสนิกชนและศิษยานุศิษย์ ด้วยอาการสงบสำรวม</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> ท่านเริ่มแสดงธรรมด้วยโวหารอันไพเราะ ละเอียดลึกซึ้งเป็นลำดับว่า วันวิสาขบูชา นี้ มีความสำคัญเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง ด้วยเกิดเหตุการณ์สำคัญในพุทธประวัติปรากฏตรงกันในวันเดียว ๓ วาระ คือ วันประสูติ วันตรัสรู้ และวันปรินิพพาน พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมศาสดาแห่งเราทั้งหลาย ได้ละสังขาร ประทานพระธรรมคำสอนอันประเสริฐไว้เป็นตัวแทนแห่งองค์ศาสดาแล้วว่า </p><p> </p><p> “ผู้ใดได้แลเห็นธรรม ผู้นั้นย่อมได้แลเห็นพระตถาคต” </p><p></p><p> ดังนั้นเราทั้งหลายซึ่งเกิดมาเป็นมนุษย์สุดประเสริฐยิ่งแล้ว ก็ควรเร่งกระทำความดี ประพฤติธรรมด้วยความไม่ประมาทเถิด เพราะการกระทำความดี ย่อมได้ผลดีตอบสนองในกาลข้างหน้า และจะไม่ไปเกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่าในภพปัจจุบัน เราทั้งหลายพึงระลึกถึงความจริงดังที่พระบรมศาสดาตรัสไว้เถิดว่า </p><p></p><p> “กลฺยาณการี กลฺยาณํ ปาปการี จ ปาปกํ” </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> ทำความดีย่อมได้ผลดี ทำความชั่วย่อมได้ผลชั่ว </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> “กมํมุนา วตฺตตี โลโก” สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p><p> โดยนัยแห่งความจริงเช่นนี้ มนุษย์ผู้มีปัญญา ย่อมเร่งรีบสร้างแต่กรรมดีไว้ให้มาก โดยไม่ประมาทในสังขารของตน ที่ไม่จีรังยั่งยืน ย่อมดับลงได้อยู่ทุกขณะ พระธรรมเทศนาของพระอาจารย์มั่น ดังกล่าวมานี้ เป็นภาษิตจับใจพุทธศาสนิกชนทั้งหลายในราตรีนั้น ยิ่งนัก </p><p> </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p>(ติดตามตอนต่อไป)