http://gotoknow.org/blog/practicallykm/128237
เลยรู้สึกคันไม้คันมืออยากจะเขียนถึงบ้าง
ในปีแรกที่เข้าเรียนต้องปรับตัวพอสมควร เพราะไม่เคยออกมาห่างบ้านขนาดนี้ พอการเรียนเริ่มจะอยู่ตัว ก็เริ่มทำกิจกรรมบ้าง โดยอยู่ชมรมพุทธศิลป์ ชมรมนาฏศิลป์และดนตรีไทย ชมรมล้านนา
แต่ชมรมที่ชื่นชอบที่สุดคือพุทธศิลป์ ทุกวันพุธเราจะนิมนต์พระสงฆ์มาที่สนามวอลเล่ย์บอลเพื่อให้นักศึกษาตักบาตรและฟังเทศน์ บางวันตื่นสายกัน หว้าต้องไปปลุกเพื่อนๆที่ชมรม รีบยกเสื่อวิ่งนำหน้าพระเพื่อไปปูที่สนามวอลเล่ย์บอล เป็นที่ขำขันแต่ก็สนุกกันมากและก็อิ่มใจ
นอกจากนี้เรามีการรวมกลุ่มกันระหว่างเพื่อนๆต่างคณะในชื่อกลุ่ม ”สายใย” โดยในแต่ละเดือนเราจะรวมเงินกันและคุยกันว่าจะนำเงินไปทำอะไรกันดี โดยดูว่าที่ไหนต้องการความช่วยเหลือทางด้านการเงินบ้าง จะชวนกันไปทำกิจกรรมเพื่อสังคมตามสมควร จนเริ่มมีเสียงถามกันในมหาวิทยาลัยว่ากลุ่มนี้สงสัยจะลงเลือกตั้งแน่นอน...
ส่วนยามค่ำคืน เราก็มีความสุขในการรับคำท้าเรื่อง ” ผีดุ ” โดยที่ไหนที่เพื่อนๆท้า เราต้องไปรับคำท้าเสมอ เวลาที่เหมาะสมคือตีสอง เราประกาศบอกทุกคนว่า “เราไม่กลัวผีหรอก” มาวันหนึ่งขณะที่กำลังนอนอยู่บนเตียงชั้นสอง รู้สึกเหมือนถูกผีอำ อึดอัดไปหมด กระโดดลงมาจากเตียงชั้นสองนั่งร้องไห้ไม่หยุด หายซ่าไปได้ แต่ก็ทำเอาเพื่อนๆไม่ได้นอนเลย
มีอยู่ครั้งหนึ่งไปงานเลี้ยงรุ่นพี่บัณฑิต ต้องแต่งชุดราตรีสั้นไปงาน แล้วหอปิดแล้ว ต้องปีนรั้วหอพักเข้ามาหนึ่งชั้นก่อน จากนั้นต้องปีนกำแพงตึก โดยใส่รองเท้าส้นสูงในถุงแล้วคล้องแขนไว้ ทีนี้ต้องมีเพื่อนๆคอยรับอีกสองคนตรงระเบียง เรียกว่าฝากความหวังไว้กับเพื่อนสองคนต้องดึงเราขึ้นไป แต่ก็รอดมาได้
ยามใดที่เขียนถึงความซนในวัยเรียน ก็ทำให้เรารู้สึกมีความสุขได้เสมอนะคะ
รำลึกถึงวันวาน....ตำนานที่สร้างไว้....ยังตราตรึงในจิตใจ....เวลาผ่านไป.....ยังจดจำ
เป็นช่วงที่สนุกครับ...ในรั้วสีม่วง
สวัสดีครับ อาจารย์ลูกหว้า
สวัสดีค่ะอ.ลูกหว้า
ได้อ่านบันทึกแล้วนึกถึงช่วงเวลาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขจริงๆ
ถ้าคนที่เป็นนักกิจกรรมได้อ่านแล้ว ต้องอมยิ้มแน่นอนค่ะ
อ.ลูกหว้า เมื่อวานไม่เข้ามาทักทายคะเนื่องnetมันหลุดคะแล้วอย่างงัยคงได้คุยกันนะคะคิดถึงอ.ลูกหว้าเหมือนกันคะ
สวัสดีค่ะ อ.ลูกหว้า
พี่เพิ่งสังเกตุเห็นว่า บันทึกนี้ มีองค์รักษ์รูปหล่อ คอยอารักขาอยู่ด้วย
อึ๋ยส์ ใครให้ความเห็นไม่เข้าหูกรรมการหละก็ ระวังตัวไว้ด้วยนะ
เห็นบันทึกนี้ แล้ว ทำให้พี่พลอยรำลึกถึงเรื่องราวสมัยวัยเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนกันค่ะ
ไว้จะเขียนเล่าให้ฟังนะคะ รับรองว่า บู๋ บุ้น ไม่แพ้ใครค่ะ
น้องลูกหว้า
สวัสดีครับน้อง อ.ลูกหว้า
สมัยเรียนเหรอครับ...
อืม.........................................................................
เอ่อ!............อาจารย์ครับ
พรุ่งนี้ค่อยมาบอกได้มั้ยครับ
^_^
สมัยเรียน...จะว่าไปแล้วผมก็เป็นพวกบ้ากิจกรรมเหมือนกัน
ตอนนั้นสถาบันที่ผมเข้าเรียนยังเป็น วิทยาลัยครูอยู่เลยครับ
พอเรียนได้ถึงเทอม 2 จึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น สถาบันราชภัฎ
ซึ่งปัจจุบัน ก็กลายเป็นมหาวิทยาลัยไปแล้วอย่างที่ทุกคนได้รู้เห็นเป็นใจกันอยู่
สำหรับประวัติ ความบ้ากิจกรรมของผม ก็เริ่มจากนี้ละครับ
ปี 1 สมัครเข้าทำงานองค์การนักศึุกษา ตำแหน่งที่น่าภาคภูมิใจ ที่ได้รับก็คือ สวัสดิการ
หรือที่ทุกคนในที่นั้น เรียกว่า "เบ้..."
ประเภทที่ว่า ทำงานทุกอย่าง ทำงานทั่วไป ยกโต๊ะ ซื้อของ จัดเวที ...อื่นๆ อีกจิปาถะ
ปี 2 เข้่าร่วมแข่งขันกีฬาระหว่างสถาบันราชภัฎด้วยกัน
ในตำแหน่งนักกีฬา ทุ่มน้ำหนัก นักกีฬาทั้งหมดมี 4 คน
ถอนตัวจากการแข่งเนื่องจากบาดเจ็บขณะฝึกซ้อม 1 คน ดังนั้นจึงเหลือ 3 คน
และก็เป็นไปตามที่เพื่อนๆ คาด ผมได้ที่ 3 มาอย่างน่าภาคภูมิใจ (โชคดีจริง...จริ๊ง)
ปี 3 ก็ยังคงทำงานกับองค์การนักศึกษา และได้รับตำแหน่งเดิม (เบ้...) T_T
นอกจากนี้ตลอด 4 ปี ผมเป็นตัวแทนถือพานวันไหว้ครูตลอดเลยครับ
เนื่องจากทั้งห้องมีผู้ชายแค่ 4 คน ไม่มีใครอยากได้ตำแหน่งนี้เลยสักคน -_-'
ส่วนปี 4 เรื่องกิจกรรมก็เบาบางลงตามระเบียบ
ตลอดเวลาเป็นอะไรที่สนุกสนานจริงๆ จนลืมไปว่ามาเรียน (ซะงั้น)
เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี้ละมั้งครับ จะอะไรไม่ค่อยได้ สงสัยจะแก่แล้ว -_-
^_^
ปล.ต้องรีบมาเขียนครับ กลัวโดนฉุด ฮุๆ
ตอนสมัยเรียนจำได้อย่างเดียว ครับ รับประทานแห้วกระป๋องประจำ