หลายครั้งหลายหน เคยสงสัยซะเหลือเกินว่า เราสามารถจะอยู่อย่างที่คนโบราณเขาอยู่ๆ กันมาได้ไหม
อยู่อย่างไม่ต้องมีน้ำแข็งกิน ไม่มีตู้เย็น ไม่ใช้ไฟฟ้า และแน่นอน ไม่ใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะโทรศัพท์บ้านหรือโทรศัพท์มือถือที่กลายเป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตคนเราไปแล้ว
ไม่มีวิทยุ โทรทัศน์ ไม่มีอินเตอร์เน็ตด้วยนะ
รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือแม้นแต่รถจักรยานก็ไม่มี
แล้วชีวิตจะเป็นอย่างไรคิดออกกันไหมนี่?
ลองนึกภาพ ลืมตาตื่นมาในตอนเช้า สีฟันด้วยถ่านกับเกลือ ล้างหน้าด้วยน้ำซาวข้าวกับมะนาว 1 เสี้ยว อาบน้ำขัดตัวด้วยมะขามเปียก 1 ปั้น(พร้อมใยมะขาม) สระผมด้วยน้ำมะกรูดที่เผาจนหอม จากนั้นซักผ้าด้วยหมากซัก หรือมะคำดีควาย ผสมด้วยน้ำขี้เถ้าค้างคืน ประหน้าด้วยดินสอพองหรือแป้งหินผสมน้ำอบไทยหอมฟุ้ง
กินข้าวที่หุงด้วยหม้อดิน กับข้าวทำจากกะทะเหล็ก ตลิวทัพพีทำจากกะลามะพร้าว จานชามดินเผา ช้อนไม่ใช้ เพราะใช้มือเปิบมือเปล่าๆ นี่แหละ กวาดซะเกลี้ยงจานอร่อยสุดๆ
(แล้วถ้าอยากกินกาแฟจะทำไง) คำถามในใจน่าสนเพราะติดกาแฟนั่นเอง ชีวิตคนโบราณมีน้ำสมุนไพรดื่มในชีวิตประจำวันเช่น น้ำมะตูม น้ำขิง น้ำข้าวตังเหล่านี้เป็นต้น(ไม่รู้ทดแทนกันได้ไหมเพราะติดกาแฟไม่เหมือนกับติดอย่างอื่น เพราะถ้าไม่ได้ดื่มก็จะมีอาการเวียนหัว) น้ำตาลก็ใช้น้ำตาลอ้อย น้ำตาลปึก และไม่มีการฟอกขาว
ไปไหนต่อไหน ด้วยการนั่งเกวียนเทียมวัวหรือควาย บ้างก็ขี่ม้าขี่ลา (สมัยนี้ม้าแพงหูฉี่เจ็บป่วยได้ไข้ หรือตายไปก็ซ่อมไม่ได้ด้วย แต่ม้ามีลูกได้นะอิอิ) เมื่อไม่มีม้าไม่มีลา และไม่มีเกวียน หากจะไปไหนมาไหนก็ต้องเดินๆๆ (ได้ออกกำลังกายไปในตัว - คิดซะงั้น)
อาหารการกินก็ง่ายๆ เก็บผักตามรั้วไปต้มไปแกงตามเรื่อง ตำน้ำพริกสักครก ปลาปิ้งสักตัวสองตัว
ฉันว่าหากเราย้อนกลับไปมองวิถีชีวิตผู้คนสมัยก่อน ยุคที่ยังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอะไรมากมาย เป็นวิถีชีวิตที่ชิดธรรมชาติ เรียบง่าย ใจเย็น และปลอดภัยกว่าสมัยนี้มากมาย พืชผักผลไม้กินได้อย่างปลอดภัย เพราะคนยังไม่รู้จักยาฆ่าแมลง หรือสารเร่งการเติบโต ออกดอกออกผล
แต่คนโบราณไม่มีธนาคาร ใช้การฝังเงินไว้ในตุ่มฝังดิน ว้าว!! คงต้องใช้เงินเหรียญๆ ไม่งั้นปลวกกินหมดอดใช้กัน
บางครั้งนึกเบื่อๆ ความวุ่นวายเดือดร้อน ไม่ว่าจะระดับโลก (เช่นเรื่องโลกร้อน) (ปรากฏการณ์ธรรมชาติเริ่มรวนเลเหมือนคนเจ็บป่วยได้ไข้) หรือระดับประเทศเช่นการบ้านการเมืองเอาแน่อะไรไม่ค่อยได้ ข่าวประจำวันก็มีแต่เรื่องเลวร้าย เช่นข่าวความวุ่นวายภาคใต้ ข่าวนักเรียนตีหัวครู คนหนุ่มคนสาวใจร้อนหุนหันกันมากขึ้น หรือข่าวจี้รถรับส่งนักเรียน (จี้เงินเด็กนั่นเอง) อะไรงี้ เฮ้อ เสพข่าวสารแล้วเกิดอาการใจคอเหี่ยวแห้ง
ใดๆ เหล่านี้เลยทำให้คิดไม่อยากไปไหน อยากทำตัวเล็กๆ ลีบๆ อยู่แต่ในบ้าน ปิดวิทยุโทรทัศน์ ปิดมือถือ ถอดปลั๊กโทรศัพท์บ้าน แล้วนั่งกินนอนกินอยู่แต่ในบ้านให้สบายใจ
แต่เมื่อตะกี้ได้ยินเสียงตามสาย ประกาศข่าวของเทศบาลอำเภอดังปาวๆๆๆๆ แล้วตามด้วยเพลงยอดนิยม ส่งเสียงดังไปทั่วเพื่อให้ได้ยินกันทุกบ้านทุกช่องระแวกนี้ เฮ้อ .. หมดกัน ไหนๆ ก็ไม่สามารถจะอยู่ได้อย่างสงบจริงแล้ว ก็ลุกขึ้นมาเสียบปลั๊ก ต่อเน็ต เขียนบล็อกจะดีกว่า งุงิ .. :D
เป็นชีวิตที่ทุกคนใฝ่หา...ถวิลหา..มาตลอดครับ....แต่จะมีสักกี่คนที่ฝันนั้นจะเป็นจริง....หลายคน..อยู่ยืนยาว....แต่ไม่ถึงฝัน....หลายคน....จากไปเร็วกว่าที่ฝัน...แต่ก็ยังดีครับที่ทุกคนมีความฝัน.....
หวังว่าคนฝางจะเขียนเล่าความฝันดีๆๆๆมาอีกมาก.ๆๆๆนะครับ จะรออ่าน
ติดกาแฟ ก็ต้มเม็ดกาแฟอาราบิก้า คั่วเองบดเอง ในถุงผ้า เติมความหวานด้วยน้ำผึ้งสิคะ
กาแฟดำ ๆ ร้อน ๆ หวาน ๆ หอม ๆ ชื่นใจดี
สวัสดีค่ะ :) อดีตทำให้นึกถึงภาพเก่าๆบางอย่างที่ยังทันเหนแม้จะไม่เก่ามากนัก เหมือนดูภาพยนต์แบบสโลโมชั่นขนาดนั้นเลยทีเดียวค่ะ หรือนึกถึงภาพถ่ายขาว-ดำทิ้งไว้นานๆสีขาว-ดำจะกลายเปนสีน้ำตาลกลายๆ คลาสสิคค่ะ แม้ชีวิตในอดีตจะดูขาดแคลนเมื่อเทียบกับยุคที่การติดต่อรวดเร็วแค่ลัดนิ้ว แต่ส่วนใหญ่ดูมีความสุขดีกับชีวิต วิ่งตามก็มีเหนื่อยค่ะ.....
ม่อกกำปอเจ้า
หากโลกนี้ขาดกาแฟ ว้า..ไม่อยากคิดเลย...ไม่ได้ติดนะเนี่ยวันละสองแก้วเองค่า.
ความเป็นจิตนิยมกับความเป็นวัตถุนิยมเป็นกระแสที่สวนทางกัน ส่วนตัวคิดว่าใช้ชีวิตแนวจิตนิยมผสมกับวัตถุนิยมอย่างพอเหมาะน่าจะดีที่สุด
เคยอ่านหนังสือ อืมมม จำไม่ได้ เกี่ยวกับน้องต้นข้าวไหมคะ? เรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวเขาน่ะค่ะ อ่านแล้วก็ อืมมมเลยนะ
ปลูกข้าวเอง ทำไร่เอง .. ไม่รู้จะเล่ายังไง ถ้าหาหนังสือเจอจะส่งไปดีกว่าเน้อ
เคยอยากทำอย่างนั้น เคยอยากไปเป็นอย่างนั้น และตอนนี้ก็ยังคิดอยู่
สวัสดีค่ะทุกท่าน :D ยังจำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยกินก๋วยเตี๋ยวชามละ สองบาท คีบสามทีหมด มีลูกชิ้นเล็กๆ สามลูก แต่รู้สึกอร่อยที่สุดในโลกค่ะ เล่าความหลังแล้วมีความสุขดี เพราะความจริงในปัจจุบันนี้น้ำมันขึ้นราคา อะไรๆ ก็เขยิบขยับ ผู้คนถอนหายใจกันทั่วหน้า ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ช่างโหดร้ายจัง :(