การอบรมในช่วงปลายปีงบประมาณ เกิดขึ้นแบบหนาแน่นเป็นพิเศษมาอย่างนี้ชั่วนาตาปี เป็นช่วงที่คนไทยจำเป็นต้องเร่งรัดเรียนรู้เพราะไฟล์บังคับโดยระบบราชการที่ยังแก้ไขเรื่องแค่นี้ก็ยังไม่ได้ แล้วก็มานั่งบ่นเรื่องคุณภาพเรื่องมาตรฐานทรัพยากรบุคคลและองค์กร ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ต้องทำการบ้านกันอย่างหนัก
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่6 ขอนแก่น ชวนเจ้าหน้าที่มาศึกษาดูงาน และเพิ่งอำลากันไปเมื่อเช้านี้ ผมลองเอาผู้เข้ารับการอบรมเป็นตัวตั้งอย่างเต็มที่ โดยบอกกล่าวล่วงหน้าว่างานนี้ เราจะเล่นบทเอาความรู้ในตัวคนเป็นประเด็นสำคัญ เพราะเราเชื่อว่าบุคลากรที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาระดับนี้ ย่อมมีประสบการณ์เต็มพุง จึงให้การบ้านในกรอบกว้างๆ ให้ช่วยกันคิดและค้นหาความรู้ ทบทวนสิ่งที่รู้ภายในกลุ่มเป็นส่วนใหญ่
เริ่มโดยครูพี่เลี้ยงพาทุกคนเดินชมสภาพแวดล้อมทั่วบริเวณ ให้เห็นต้นทุนหยาบๆว่าที่นี่คิดและทำอะไร มีความจำเป็นแค่ไหนในการเลือกทำกิจกรรมต่างๆ ไปดูว่าอะไรบ้างที่เป็นตัวแทนของเศรษฐกิจครัวเรือน การพึ่งตัวเองเรื่องอาหาร น่าจะเป็นโจทย์ใกล้ตัวใกล้ใจที่เหมาะกับช่วงเวลา จึงตกลงทำเรื่องการจัดการสุขภาวะด้านอาหาร โดยให้แต่ละกลุ่มไปเก็บพืชผลต่างๆมาประกอบอาหารเลี้ยงกันเอง สุภาพสตรีส่วนมากล้วนมีเสน่ห์ปลายจวัก การทำอาหารถึงเป็นเรื่องธรรมดาๆแต่ทำให้เป็นเรื่องพิเศษ แกงหน่อไม้บงหวานหม้อใหญ่จึงหมดเกลี้ยงพร้อมๆน้ำพริกกะปิ ต้มยำไก่ ตำถั่ว
ดูทุกคนมีความสุขที่ได้มาอบรมแบบสบายๆ คุยกันกระหนุงกระนิงตั้งแต่ไปหักหน่อไม้แล้ว ชวนเก็บเห็ด เก็บผักมาปรุงอาหาร ส่วนการนำเสนอบทเรียนที่เรากำหนดให้ทำ2-3ครั้งเป็นไปโดยธรรมชาติ ความสนิทสนมเป็นสายใยช่วยให้ทุกอย่างดูระรื่นไปหมด หัวหน้ากลุ่มและอาจารย์ผู้คุมกระบวน ช่วยรับลูกกันได้อย่างเหมาะเจาะ การสะท้อนคิดและกิจกรรมช่วงสันทนาการ ทุกคนขานรับกันดี เอ่ยเชื่อใครจะไม่อิดออด ทุกคนโผอออกมาหน้าเวทีเหมือนกับเตรียมใจรอ นับเป็นคณะที่มีศักยภาพมากกลุ่มหนึ่งเท่าที่เราเห็นมา
ผมคิดว่าอะไรที่ดำเนินไปด้วยใจ จากใจที่เท่ากันถึงใจที่เท่ากัน เราจะไม่ได้มาเสียเวลาหยุมหยิมกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง มองข้ามไปจนดูคล้ายกับว่าไม่มีจุดบกพร่องอะไร ทั้งๆที่ในความจริงแล้วมันมีอยู่แล้วในเรื่องขาดๆเกินๆ แต่กลุ่มสามารถผ่านตรงจุดนี้มาได้ จึงเห็นว่าการอบรมในภาคสนามจะมีจุดเด่นในเรื่องการนำชีวิตเข้าไปเรียนรู้กับโจทย์ชีวิตจริง ทุกคนได้ลงมือปฏิบัติ ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นตั้งแต่ได้ลงมือทำอะไรๆนั่นเอง สรุปว่าทำอะไร รู้อันนั้น ง่ายตรงๆอย่างนี้แหละ ก่อนจากกันมีอาลัยอาวรณ์ด้วยอ้อมกอดเล็กๆ เหมือนจะฝากความประทับใจไว้มิรู้ลืม
คุณค่าของการศึกษา อยู่ที่การเปลี่ยนความรู้ไปเป็นการกระทำที่ดี+มีประโยชน์ทั้งต่อตนเองและต่อผู้อื่นได้ครับ หากรู้แล้วไม่ได้ทำ การมีที่ผู้รู้ผู้นี้อยู่หรือไม่ ก็ไม่ต่างกันเลยครับ
หลักสูตรการศึกษามาตรฐาน มุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้พื้นฐานเพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้ได้ แต่ในทางปฏิบัติกลับกลายเป็นการตอบคำถาม what (เพื่อสอบ เพื่อให้ผ่านหลักสูตร) ไม่ค่อยมีใครก้าวไปที่ how (how ทดลอง = what + action) ยิ่งกว่านั้น การข้ามไปสู่ why ยิ่งน้อยลงไปใหญ่ why เป็นเรื่องของการวิจัย เป็นการสร้างความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และสร้างองค์ความรู้ใหม่
เป็นเรื่องพิลึกเช่นกันที่จะบอกให้ "เด็ก" ที่ยังไม่มีเป้าหมายในชีวิตมาทำวิจัย แต่ว่า inquisitive minds ควรบ่มมาตั้งแต่เด็ก
เราควรจะเลิกเรียนเหมือนฟังนิทานเสียทีครับ นอกจากความรู้คู่คุณธรรมแล้ว ความรู้ควรจะคู่กับการกระทำด้วย คุณธรรมกำกับการกระทำ แต่ถ้าคุณธรรมที่ไม่มีการกระทำ ก็จะไม่ช่วยให้ความรู้เป็นสิ่งที่มีค่าสมกับที่ได้ลงทุนร่ำเรียนมา ต่อให้เรียนฟรีก็ต้องลงทุนในเวลาครับ
กราบสวัสดีครับท่านครู
ครูบาที่เคารพคะ
ขอโทษค่ะ ไม่เข้าใจว่าทำไมลิงค์ไปไม่ได้ เอามาให้ใหม่ค่ะ http://gotoknow.org/blog/dd290850
ขอบคุณค่ะ
เห็นด้วย วันหลังมาช่วยอบรมหน่อย
ที่มUKM.ม.มหาสารคาม จะมานอนคุยกันช่วงปลายเดือนตุลาคม สนใจไหม ติดต่อ อ.หนิงได้
แกะรอยตามไปอ่าน ด้วยความชื่นชมแล้วครับ
เสียดายที่ เขียนช้าไป
กราบสวัสดีครับพ่อครูบา และชาว Blog ทุกท่านครับ
นึถึงตอนที่อยู่โรงเรียนแรกเมื่อ 15-20 ปีที่แล้ว บ่อยครั้งมากที่ผมจำต้องทิ้งเด็กไว้กับห้องเรียนอันแสนจะโกโรโกโส โยกเยกเมื่อลมฝนพัดแรงๆ เพราะพวกปลวกใส่สูตรแทะเสาปูนตั้งแต่ตอนที่กำลังก่อสร้างโน่น) แล้วหอบสังขารดั้นด้นขับมอเตอร์ไซค์(เก่าๆ)ฝ่าสายฝน (เพราะช่วงกรกฎา-สิงหา-กันยา ซึ่งจะสิ้นปีงบประมาณจะเป็นช่วงฝนชุกพอดี) ลุยโคลน ม่น(มุด)ทราย บืนตายไปบนเส้นทางที่น่าจะถูกใจชาว OFF ROAD ซะมากกว่า บางทีไป-กลับเป็น 100 กม. เพื่ออบลม ๆ ๆ ๆ ๆ และอบลม ที่ตัวจังหวัด ซึ่งบางที่เขาก็ให้อบลมแค่ครึ่งวัน แต่เขียนรายงานการเดินทางเต็มวัน (แบบเติมคำในช่องว่างและเขียนตามคำบอก) มีพิธีเปิดสายๆ เพราะต้องรอครูที่อยู่ไกลๆ เปิดเสร็จฟังบรรยายพิเศษของเจ้านาย 1 ชั่วโมง(ซึ่งมักเป็นเรื่องเดิมๆน่ะแหละ) ต่อจากนั้นก็พักเบรคทานกาแฟ กลับเข้ามาฟังเนื้อหา(เดิมๆอีกตามเคย) อีกประมาณ 1 ช.ม. ต่อจากนั้นก็เขียนรายงานฯตามคำบอก เสร็จแล้วทานข้าวกลางวัน เรียบร้อยแล้วก็รับเบี้ยเลี้ยงที่เขาบอกให้เขียนในหมายเหตุว่า ขอเบิกเพียง 60 บาท แล้วกลับบ้าน เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดครับ
นี่ไงครับ อบลมแบบครูๆ การศึกษาของไทย จึงจำเริญ ๆ ๆ ๆ ลงอยู่อย่างทุกวันนี้
แต่หลังๆมานี่ ดีหน่อย กู้ออมทรัพย์ฯไปดาวน์ปิ๊กอัพได้ ก็เลยไม่ค่อยเลอะเทอะ มอมแมม กะเซอะกะเซิง ถอดร้องเท้ามัดใส่กันแล้วเอาคล้องคอ เดินจูงมอเตอร์ไซค์ที่ขับไปไม่ไหว เพราะโคลนเหนียวเข้าไปอัดแน่นอยู่ที่บังโคลน ต้องจอดเอาไม้จิ้มออกก่อน จึงจะจูงต่อไปได้
แถมนิดหนึ่งครับ ลองอ่าน MSN ที่ผมเพิ่งคุยกับเพื่อนครูคนหนึ่งในจังหวะนี้พอดี
Witcenter says:สวัสดีครับ ครูน้อยหมาน้อย says:สวัสดีค่ะWitcenter says:ไม่เจอกันหลายวันนะครับ ภารกิจเยอะใช่ไหมครับหมาน้อย says:ค่ะ ยุ่งทุกวันหมาน้อย says:สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ได้หยุดเลยหมาน้อย says:ทำงานจันทร์-ศุกร์หมาน้อย says:เสาร์อาทิตย์ไปอบรมหมาน้อย says:เสาร์นี้ก็อบรมอีก
นี่แหละครับ งานครู ช่วงนี้
อาจารย์เป็นนักเขียนเรื่องเล่าที่เยี่ยมมาก มองเห็นภาพเลยนะ ต้อนที่เอารองเท้าคล้องคอแล้วจูงรถเครื่องฝ่าโคลนตม เพื่อไปอบลม
ที่บ้านผมสมัยหนึ่งอบรมจนไม่มีหัวข้อจะอบรม เลยนัดกันเอาเงินไปซื้อวัวมาฆ่าแจกกันกิน หมดวัวไปหนึ่งตัวก็ได้ จบงบงวดสุดท้ายในปีนั้นพอดี
เราไม่ค่อยจะดูผลกัน มีแต่ส่งให้จัดอบรม ทั้งๆที่ไม่ทราบว่าจะเกิดผลแค่ไหนอย่างไร หลับหูหลับตาสั่ง อีกพวกก็หลับหูหลับตามทำ การสึกษามันเลยสึกกร่อนยังไงละ ตรงกันข้ามกับกลุ่มที่เขาทำงานจริงจัง ไม่มีงบประมาณให้เขาทำ เพราะทุกอย่างล็อกตายตัวมาเป็นสิบๆปี ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง แล้วจะไปหวังให้เกิดความเจริญของระบบพัฒนาทรัพยากรบุคคลได้อย่างไร น่าจะมาจัดแบบเฮฮาศาสตร์ดูบ้าง หน่วยงานไหนสร้างเครือข่ายBlogได้จำนวนเทท่าไหร่ก็อุดหนุนไปเท่านั้น พวกไม่คิดไม่ทำก็ให้นั่งตบยุงไป
พูดอย่างนี้เดือดร้อน รมต.เสียก็ไม่รู้ เขายิ่งกลัวครูดีๆเกงๆเออรี่รีไทน์กันหมด เหลือแต่ของโหลๆให้แก้ปัญหาละยุ่งเลย
ชอบ สำนวน> เพราะพวกปลวกใส่สูตรแทะเสาปูน
อยากให้อาจารย์เขียนถอยหลังไปในอดีต แล้วไล่ขึ้นมาตามลำดับ จับเอาเกล็ดเด็ดๆมาเขียน
เดือนตุลาคม เอาช่วงไหนดีครับ ใช้เวลา น่าจะพอ อยากจะคุยเรื่องความร่วมมือกันทำงานด้วย อยากจะให้ภาควิชาไหนพร้อม และสนใจ ทดลองก้าวออกไปจับเข่าคุยกับชุมชน ผมคิดว่าจะค่อยๆได้และเห็นเรื่องดีๆเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นเราก็จะจมอยู่กับเรื่องของตนเอง สาละวันอยู่กับปัญหาและเงื่อนไขเก่าๆ
เอาวันที่ 14-15 ตุลา ได้ไหมครับ
ยังไม่ทราบรายละเอียดจะมากี่ท่าน ผมจะชวนทวีสินมาด้วย อาจจะมีหนุ่มๆเฮฮาศาสตร์ตามมาก็ได้ครับ
พ่อครูขา
คิดถึงค่ะ อยากกอดพ่อครูบาจัง
ชอบ สำนวน> เพราะพวกปลวกใส่สูตรแทะเสาปูน
อยากให้อาจารย์เขียนถอยหลังไปในอดีต แล้วไล่ขึ้นมาตามลำดับ จับเอาเกล็ดเด็ดๆมาเขียน
กราบสวัสดีอีกรอบของคืนนี้ครับพ่อครูบา
วันจันทร์หน้าจะมีประชุม อนุกรรมการ KM มมส. จะขอนำหารือครับ พร้อมแจ้งคิวว่าง 14-15 ตุลา ที่พ่อเสนอเพื่อทราบคำตอบ
แล้วจะรีบแจ้งให้ทราบครับ
จำนวนอนุกรรมการฯประมาณ 20 ท่าน
ส่วนท่านอื่น ๆ รอหารือที่ประชุมอีกทีครับ