ลูกสาวเป็นเชียร์ลีดเดอร์


เธอบอกว่าลูกสาวน่ารักมาก สามารถนำกองเชียร์ได้อย่างดี เล่นเอาพ่อมันน้ำตาคลอ ทั้งดีใจที่ลูกทำได้และเสียดดายที่ไม่ได้ไปดู

วันที่ 10 สิงหาคม 2550

วันนี้เป็นวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ 14 หลังวันชาติสิงคโปร์ 1 วัน จากนี้ไปก็เหลืออีก 96 วันแล้วครับ

                นอนแบบไม่อยากตื่น แต่ต้องตื่นเช้าเพราะว่าครูลีมักจะเริ่มผ่าตัดเวลา 8 โมงเช้าเสมอ ผมมีข่าวดีอย่างมากเพราะว่าป้าที่สำไส้ไม่ทำงาน เมื่อวานเธอถ่ายอุจจาระออกมาฉลองวันชาติเลย ผมถึงกับดีใจจนออกนอกหน้า เป็นข่าวดีจริงๆ

                ผมถูกครูหาญเรียกเข้าช่วยผ่าตัดตั้งแต่ 8.30 น. ทั้งๆที่อีกครึ่งชั่วโมงก็ต้องรีบไปที่คลินิก (ก็เป็นของท่านอีกนั่นแหละ) แต่ไม่เป็นไร เวลาของการผ่าตัดที่นี่เร็วปานสายฟ้าแลบอยู่แล้ว เช้านี้เราผ่าตัดใส่ Prolift ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงผมก็ได้มาตรวจคนไข้ที่คลินิกสมใจ ระหว่างที่ผ่าตัดอยู่นั้นก็มีโทรศัพท์เข้ามาหา พยาบาลบอกว่าไม่รู้ใครพูดกันไม่รู้เรื่อง เขาบอกว่าสงสัยลูกสาวผมโทรมา จะเป็นไปได้อย่างไรเนี่ย เครื่องนี้ก็มีแต่จิ๋มเท่านั้นแหละ เล่นเอาผมถึงกับร้อนใจ เมื่อเสร็จผ่าตัดก็เลยรีบโทรไปหา จิ๋มบอกว่าหากล้องถ่ายรูปดิจิตอลตัวเล็กไม่เจอ วันนี้พี่แป้งแข่งกีฬาโรงเรียน จะเอาไปถ่ายรูปลูก เออใช่ ลูกสาวแข่งกีฬา ปีนี้เธอเป็นเชียร์ลีดเดอร์ครับ

                เราสองคนไปร่วมงานกีฬาโรงเรียนลูกทุกปีครับเขาจัดทุกวันศุกร์ ผมต้องลางานทุกครั้งเพราะตรวจ OPD จิ๋มก็ลาด้วยเหมือนกัน ปีนี้ไม่มีผมครับ น่าเสียดายอย่างสุดซึ้ง อีกพักใหญ่ผมก็โทรไปหาอีก เธอบอกว่าลูกสาวน่ารักมาก สามารถนำกองเชียร์ได้อย่างดี เล่นเอาพ่อมันน้ำตาคลอ ทั้งดีใจที่ลูกทำได้และเสียดดายที่ไม่ได้ไปดู

                วันนี้คนไข้เราน้อยครับ ผมทราบมาว่าวันนี้ทางราชการให้โรงเรียนหยุดเพิ่มอีก 1 วัน ดังนั้นพ่อแม่เลยหยุดตาม คนสิงคโปร์นี่เวลาเขาจะไปเที่ยวกัน เขาไปต่างประเทศครับ นั่นสินะ ก็ประเทศเขาแค่นี้เท่านั้น ไม่นานครูหาญก็ต้องไปเข้าห้องผ่าตัดอีก ผมถามท่านว่าจะเอาใครไปช่วย ผมหรืออานิต้า ท่านบอกว่าใครก็ได้ ฉับพลันเจ๊ลินดาก็บอกว่า ให้ผมอยู่ที่คลินิก อย่าไปผ่าตัด (เพราะเธอไม่ชอบอาร์ลีน) จากนั้นเธอก็บอกครูอีกว่าอย่าให้ผมกลับเมืองไทย ให้อยู่ต่อจนครบ 1 ปี ผมก็บอกว่าเดี๋ยวพี่พิชัยก็มาอยู่ต่อ คนนี้ดีกว่าผมเสียอีก หล่อก็หล่อกว่า แต่ผมไม่รู้หรอกว่าแต่งงานหรือยัง เล่นเอาฮากันทั้งห้อง ครูหาญบอกว่าสาวๆติดใจผมซะแล้ว

                ได้เวลาเที่ยง ไม่มีคนไข้ ก็เลยรีบเข้าห้องผ่าตัด เพราะครูหาญมีคนไข้อีก 1 คนให้ผมช่วย แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร มีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ท้ายที่สุดผมก็ต้องช่วยครูลี และวันนี้ได้ผ่าตัดเองทั้ง case แทง TVT-O เอง ครูนั่งดูอย่างเดียว ครูลีบอกผมว่า ท่านไว้ใจผมแล้ว สามารถจัดการผ่าตัดเองได้โดยที่ไม่ต้องคุม (ยกเว้น TVT-O เถอะ ผมขอไว้)

                เสร็จงานผ่าตัดคนสุดท้ายเวลา 3 โมงครึ่งกำลังจะกลับออกไป ก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยง กาแฟก็กินแค่ครึ่งแก้วเมื่อตอนเช้า รู้ตัวทันใดใจก็อ่อน (ฮา) ขาเริ่มสั่นเลยครับ เข้าไปในห้องอาหารของห้องผ่าตัด ส่วนของผมยังเหลืออยู่ แม้จะเย็นเฉียบ (ผมบอกดันดีว่า เหมือนกินไอติม) ก็กินจนหมด แล้วลี้ภัยไปดื่มกาแฟที่สำนักงานภาควิชา แล้วก็ลงไปเก็บข้อมูลวิจัยต่ออีก 1 ชั่วโมงครึ่งจึงกลับบ้าน

                ดันดีเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานเขาไปร่วมงานฉลองวันชาติมา ปรากฏว่าผิดหวังเพราะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากคน คน คนเท่านั้น ที่เขาแสดงบนเวทีก็ไม่เห็นเพราะอยู่ไกลมาก (ผมตอบทันที่ว่า I saw) เขาไม่ปิดถนน ดังนั้นรถก็วิ่งพลุกพล่าน คนก็เดินกันจนล้นถนน ผมก็เกทับไปว่า I นอนดูทีวีในห้องแอร์เย็นเฉียบ เห็นการแสดงทุกอย่าง ฮ่า ฮ่า

                ดันดี เพื่อนผมคนนี้คบง่ายครับ ถึงแม้เขาเป็นมุสลิม แต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง ไม่ได้กินหมูนะครับ อย่าเพิ่งคิดไปไกล ขอให้ไม่มีหมูก็กินด้วยกันได้แล้ว ละหมาดในห้องประชุมภาควิชาตอนเย็น เขาให้ผมนั่งดูด้วย เขาสามารถช่วยงานเวลาเราขาดคนโดยไม่ต้องร้องขอ บอกเอาไว้ว่า ปีหน้าจะไปเที่ยวอินโดนีเซียครับ
หมายเลขบันทึก: 118757เขียนเมื่อ 10 สิงหาคม 2007 21:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน 2012 10:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
คุณหมอทำงานหนักจัง แถมอยู่ไกลบ้านอีก เรื่องกิจกรรมก็ถ่ายวิดีโอแล้วส่งเป็นคลิปออนไลน์ไปให้ดูน่าจะพอทำให้หายคิดถึงลูกสาวได้บ้าง สู้ๆ นะคะ

สวัสดีค่ะ

P

ยังไม่ทันจะเขียนอะไร มือไปกดเสียแล้ว

ภูมิใจในน้องแป้งนะคะ เป็นเด็กล้าแสดงออก อดไปชื่นชมเลย แต่ รอดูรูปได้ค่ะ

เด็กผู้หญิงน่ารักค่ะ วันหลังเอารูปมาลงให้ดูหน่อยซีคะ ดิฉันมีหลานชายขวบเศษ เคยเขียนบันทึกเกี่ยวกับเขาแล้วค่ะ

ต้องให้เด็กรู้จักการเข้าสังคมหน่อย ไม่งั้น จะขี้อาย ไป ตอนนี้ พาไปจิมโบรี เข้ากลุ่ม play group ไม่ได้ทำให้เด็กฉลาดขึ้น แต่ให้เรียนรู้การ เข้ากลุ่มกับเพื่อนวัยเดียวกันได้ 1-1.5 ขวบ

 ไม่ค่อยเล่นอะไรกันค่ะ เล่นกันไม่เป็น ได้แต่มองกัน เอามือไปแตะกัน ให้ของเล่นกัน  แต่พวกเด็กๆสดชื่นดีค่ะ

สวัสดีครับคุณ P :)

ทำงานหนักนั้นชินซะแล้วครับ กลับบ้านจะหนักกว่านี้อีกมาก นั่นหมายความว่าเรายังมีคุณค่าใช่ไหมครับ

เคยคิดจะซื้อเครื่องถ่ายวิดีโอหลายรอบแล้ว (ตั้งแต่ลูกสาวคนโตยังเล็กมากๆ จนตอนนี้ 6 ขวบกว่า) แต่ก็ไม่ได้ซื้อซักที เพราะว่าราคามันแพงเหลือเกิน อยู่แบบขาดๆบ้างก็น่าจะดี นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในการสอนลูกของผมครับ ขาดหน่อยๆน่าจะดีกว่าเกินนิดๆ

ขอบคุณครับ

สวสัดีครับคุณP 

เรื่องหลานชายผมเคยเข้าไปอ่านแล้วครับ ผมติดตามร่องรอยที่คุณ P วางไว้เสมอๆครับ ชอบบบบ

เรื่องการเข้าสังคมนี่ ผมพยายามพาเขาไปด้วยเสมอ เรียกว่างานไหนระบุว่า ไม่ให้พาครอบครัวไป ผมก็บ๊ายบายก่อนใครครับ ลูกสาวทั้ง ๒ คนค่อนข้างขี้อาย (ต่างจากพ่อมันมาก) พอภรรยารายงานว่าเธอสามารถเป็นผู้นำเชียร์ได้ ผมนี่เดินไปน้ำตาคลอไปเลย (ตอนนั้นกำลังเดินกลับออกจากโรงพยาบาล)

อยู่ที่บ้านเธอก็ไม่ค่อยแสดงเรื่องอย่างนี้ให้เห็นหรอกครับ แต่บางทีแอบสังเกตเธอสอนน้องเต้นครับ ก็ปล่อยให้เป็นกลไกการปรับและแสดงตัวตนของเธอต่อไป ผมเชื่อว่า เรื่องนี้สอนและฝึกได้ครับ ยิ่งถ้าเธอเห็นพ่อขึ้นเวทีบ่อยๆ น่าจะเป็นผลดี ยิ่งหลังๆนี้ผมพาเธอไปเป็นผู้ช่วยวิทยากรบ่อยๆ

วันนึงถึงกับหัวเราะกันลั่น ที่เธอถามว่า คุณย่าวัยทองแล้วใช่ไหมพ่อจ๋า ผมก็ถามว่าทำไมรู้ล่ะ เธอบอกว่า ก็ แก่แล้ว แล้วรู้จักวัยทองได้ยังไง ก็วันที่พ่อไปบรรยายไงล่ะ พ่อจำไม่ได้แล้วเหรอ

เรื่องเด็กๆเล่นกันนี่น่าอัศจรรย์ครับ เล่นกันได้โดยไม่ต้องพูดกัน เด็กไทยกับเด็กฝรั่งก็เล่นกันได้ทั้งๆที่พูดกันคนละภาษา เขาคงมีภาษาของเขากันเองนะครับ

ตามอ่านซีรีส์ชีวิตหมอจนเพลิดเพลิน นี่ วันไหนเห็นโพสก็ต้องตามอ่าน

มีแง่มุมน่ารักและประทับใจแทรกๆอยู่ ด้วยความเป็นคนมองโลกในแง่ดีของหมอนั่นเอง

ลูก ก็ยึด ต้นแบบ ที่เค้าเห็น คุณหมอเป็นต้นแบบที่ดี สอนแบบไม่สอน เด็ฏจึงซึมซับสิ่งเหล่านั้นไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ

น้องทั้งสองคนคงน่ารักมากนะครับ

ให้กำลังใจหมอครับผม!!!

สวัสดีครับคุณ P

ขอบคุณที่รู้สึกเพลิดเพลินครับ

ลูกสาวทั้งสองคนของผมน่ารักมากครับ

แม่ผมบอกผมว่า พ่อผมเอง นั่งมองดูลูกๆของท่านแล้วรำพึงว่า ทำไมลูกเราน่ารักจัง ตอนนี้ผมก็เป็นอย่างท่านเลยครับ

เสียดายจริงๆที่ไม่ได้อยู่เมืองไทยตอนนี้ มิฉะนั้นจะพาหล่อนๆไปเที่ยวเชียงใหม่ ดูฝนดาวตก (คนเธอเธอเริ่มดูกลุ่มดาวเป็นบ้างแล้ว)

คงจะตื่นเต้นกับงานที่กำลังจะเริ่มแล้วใช่ไหมครับ งานนี้คุณจตุพรได้ 10 คะแนนจากผมครับ ฝากไปให้กับทีมงานคนอื่นๆด้วยนะครับ

รู้สึกจะอ่านบันทึกนี้ก่อนจะแต่เขียนอะไรไม่ได้ (มีปัญหาบ่อยๆค่ะ สัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่เห็นใครบ่นเลย ชักสงสัยว่าเป็นที่บ้านเราเอง) ก็เลยได้ดูบันทึกที่มีรูปตอนไปเที่ยว เห็นหน้าตาท่าทางพี่แป้งแล้วเชื่อว่าเธอกำลังซึมซับลีลาคุณพ่อมาแน่ๆค่ะ และขอทำนายไว้ได้เลยว่าเธอต้องเป็นวิทยากรที่เก่งต่อไปในอนาคตค่ะ (ป้าโอ๋ดูโหงวเฮ้งเก่งนะคะ...อิ..อิ...เชื่อมั้ย)

ขอมาแจมเรื่องวิดีโอว่า ถ้าอาจารย์จะซื้อเลือกเอาเทคโนโลยีแบบที่จะสามารถเก็บได้และมีเครื่องมือเอามาเปิดได้ในอีกหลายๆสิบปีข้างหน้านะคะ ของพี่โอ๋ถ่ายไว้ด้วย cassette วิดีโอเล็กๆ ตอนนี้หาเครื่องจะเอามาเปิดยากมากค่ะ จะ transfer format ก็ยุ่งยากเหลือเกิน กลายเป็นรูปนี่แหละดีแล้ว ยังเอามา scan เก็บไว้ได้บ้าง กล้องดิจิตอลก็ดีตรงที่ถ่ายได้ทั้งรูปและคลิป และถ่ายเยอะๆได้ รูปเด็กๆต้องกดฉับไวและทีเผลอๆจะดูได้นาน ทำให้เราจำเรื่องราวได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นค่ะ เผลอแพล้บเดียวก็โตๆกันหมดแล้ว ได้เอามาเล่ากันสนุก เจ้าตัวก็สนุกไปด้วยค่ะ  

สวัสดีครับพี่โอ๋

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีปัญหาหลายคนครับ ผมก็เจอ มีคนบ่นด้วย พี่ไม่เห็นมากกว่า (ฮา)

เรื่องกล้องนี่เห็นด้วยครับ แต่ผมเพิ่งซื้อกล้องดิจิตอลใหม่ แต่เป็นแบบ single len reflex (SLR) ไม่สามารถถ่าย clip ได้ครับ

รูปถ่ายอมตะเสมอครับ

ตอนนี้วิทยาการเปลี่ยนไปเร็วมาก ตามไม่ทันเลยครับ

เรื่องแป้ง ผมก็หวังว่าเธอจะเป็นนักพูดนะครับ แต่ขี้อายเหลือเกิน โดยเฉพาะเมื่อมีพ่อแม่อยู่ คุณครูบอกว่าเธอทำได้ดี

ส่วนจ้าน่าจะเก่งกว่า เธอทะเล้นจัดครับ คนนี้แหละ ถอดจากผมมาเต็มๆ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท