ผมมีโอกาสได้ประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับท่านอาจารย์ JJ ที่กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยประเด็นหลักเป็นเสมือนการมาเยี่ยมยามถามข่าวและเตรียมความพร้อมสู่กระบวนการขับเคลื่อนการประกันคุณภาพในระดับนิสิต หรือกิจกรรมนิสิต ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่า “เริ่มจากผู้นำนิสิต” เป็นอันดับแรก
ท่านอาจารย์ JJ ได้สะท้อนเรื่องการแต่งการของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามในช่วงหนึ่งในทำนองว่า “นิสิต มมส แต่งกายชุดนิสิตได้ค่อนข้างเรียบร้อย ไม่เหมือนกับอีกหลายสถาบันที่พานพบเจอมา” ...
คำชมดังกล่าวพลอยเอาผมแอบยิ้มหัวใจบานอยู่อย่างลึกเร้น แต่ก็อยากจะเรียนท่านเหลือเกินว่าเราเองก็คิดและกำลังเร่ง “สร้างวัฒนธรรมมหาวิทยาลัย” ในเรื่อง “การแต่งกาย” ให้เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน ซึ่งผมได้รับมอบหมายเป็นกรณีพิเศษให้ขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว
พักหลังยอมรับว่า “การแต่งกายของนิสิตนักศึกษา” การเป็นข้อพิพากษ์ในวงกว้างและสื่อต่าง ๆ ก็เพ่งมองให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด นิสิตนักศึกษา หรือคนหนุ่มคนสาวในรั้วมหาวิทยาลัยจึงดูเสมือนว่าตกเป็น “จำเลย” ของสังคมในเรื่องวัฒนธรรมอันดีงาม หรือเหมาะสมนี้อยู่มากโข สังคมวิพากษ์เรื่องนี้ถี่ครั้ง, จริงจังและหนักแน่น ทั้งในระบบสื่อและระบบนักวิชาการ หรือแม้แต่ปากคำของชาวบ้านก็กล่าวถึงเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ! ออกรส ออกชาติ เป็นที่สนุกปาก ! และบางทีอาจจะกลายเป็นสภากาแฟไปแล้วก็มี
ผมเองสงสัยไม่น้อยว่า, เราละเลยให้ละครทีวี หรือโฆษณาต่าง ๆ เกลื่อนจอทีวีโดยไม่คำนึงเรื่อง “การแต่งกาย” ในหน่วยงาน องค์กร ละเลยให้เจ้าหน้าที่แต่งชุดทำงานที่ฉูดฉาด หล่อแหลม เว้า ๆ แหว่ง ๆ .... แต่เหล่านั้นกลับไม่ตกเป็นจำเลยของสังคม
ผมไม่ได้โยนปัญหานี้ออกจากตัวนิสิตนักศึกษา, แต่กำลังชี้ว่าปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาระดับ “สังคม” เกี่ยวโยงและร้อยรัดกันหลายรูปลักษณ์ และปัญหานี้ก็ไม่ใช่แรกเริ่มผลิบานมาในยุคปัจจุบัน หากแต่เกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงมาเป็นระยะ ๆ และหลากหลายขึ้นในยุคปัจจุบันเท่านั้นเอง
ถ้าเรามองเช่นนั้นก็จะง่ายต่อการเคลื่อนเข้าสู่ตัวนิสิตนักศึกษา และเป็นส่วนหนึ่งในการนำเขากลับเข้ามาร่วมสร้างวัฒนธรรมที่ดีของ “ปัญญาชน” และแต่ละสถาบันผมเองก็เชื่อเหลือเกินว่า ไม่มีใครละเลยต่อพันธกิจเหล่านี้
ผมอยากให้กัลยาณมิตรได้อ่านบทกวีที่ชื่อ “แด่ นางแบบที่มหาวิทยาลัย” ที่อาจารย์ประสิทธิ์ รุ่งเรืองรัตนกุล เขียนขึ้นและเผยแพราครั้งแรกใน “อักษรศาสตรพิจารณ์” เมื่อปี 2517 และเมื่อเกือบสิบปีที่แล้วผมนำมาเผยแพร่ให้นิสิตได้อ่าน สร้างความฮือฮากันในวงกว้าง และนำไปสู่วาทกรรมแห่งการ “พิพากษา” ความไม่เหมาะสมทางการแต่งกายได้อย่างน่าพอใจ
ปัญหาการแต่งกายของนิสิต ไม่ใช่ปัญหาใหม่ หากแต่เกิดขึ้นและดำเนินมาอย่างยาวนาน แต่เราก็ยังต้องรณรงค์อย่างต่อเนื่อง และนี่คือบทกวีที่ผมกล่าวถึง –
สวัสดีนิสิตนักศึกษาสาว แต่งตัวราวนาง (สาว) อัปสร
รูปร่างก็อรชร เอวอรก็บางดี
ทาคิ้วเสียโค้งดังศรศิลป์ นัยน์ตาสีนิลดูสดสี
ลิ้ปสติคเต็มปากเหมือน “มาลี” สองแก้มก็มีสีชมพู
กระโปรงเปิดขาอ่อนชัด เข็มขัดเหมือนรองสะดืออยู่
เสื้อรัดอดตั้งสะพรั่งพรู พุ่งชูเครื่องหมายสถาบัน
ใส่รองเท้าส้นสูงหกนิ้ว สูงลิ่วเชียวสาวสวรรค์
แหวนกำไลประดับประดาสารพัน ช่างสรรหามาประดับตัว
พูดจาพาทีระรี้ระริก กระเซ้ากระซิกจุ๋มจิ๋มยิ้วหวัว
เยื้องย่างแต่ละคราน่ากลัว กระโปรงยั่วแกว่งแทบเห็นกางเกงใน
มาเรียนหนังสือหรือสาว ? ค่าแต่งตัวราวราวสักเท่าไหร่
เด็กเด็กชนบทยากไร้ แทบไม่มีอะไรใส่ไปโรงเรียน
....
ผมเองก็อยากขับเคลื่อนเรื่องนี้ให้เป็นรูปธรรมและสัมฤทธิ์ผล - กัลยาณมิตรท่านใดที่พอจะชี้แนะแนวทางการรณรงค์เรื่องการแต่งกายของนิสิตนักศึกษาได้บ้าง , ขอความกรุณาอนุเคราะห์ด้านแนวคิด มา ณ โอกาสนี้
สวัสดีครับพี่พนัส
เป็นประเด็นเดียวกันกับคุณน้องเลยครับ
น้อยมากที่นิสิตที่มาเรียน หรืออยู่ในเขตมหาวิทยาลัย "กางเกง หรือกระโปรง จะอยู่นอกเสื้อ"
แต่ก็มีประเด็นเพิ่มเติมที่พูดคุยกัน บางที่การแต่งตัวก็ขึ้นอยู่กับศาสตร์ด้วย เช่น ทำไม่เด็กปติมากรรม ศิลปกรรม จึงแต่งตัว ซำเหมา ข้อสรุปคือ เพราะการเข้าshop ต้องคลุกฝุ่น คลุกสี จึงต้องหาเสื้อผ้าเก่าๆใส่
ชื่นชมครับ
ข้อสังเกต
หลายคนมักจะพูดถึงการแต่งกายของนิสิตในประเด็นที่พูดถึงนี้บ่อยๆครั้ง
แต่ไม่ค่อยที่มีคนพูดถึงการแต่งกายของนิสิตที่ถูกระเบียบ เรียบร้อยมากนัก หรือพูดก็พูดกันแต่เป็นกระแสน้อยเหลือเกิน
พูดในเชิงที่ให้น้ำหนัก น้อยกว่า การแต่งกายที่ไม่เหมาะสม
สวัสดีครับ คุณพิชชา
เรื่องแต่งกายเป็นเรื่อง "กาลเทศะ" ที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณลักาณะเฉพาะตัวตนชองแต่ละคนได้เป็นอย่างดี ในส่วนของนิสิต บางครั้งการแต่งกายก็เป็นกระจกสะท้อนให้เห็นความเป็นเอกลักษณ์ของสาขาและวิชาชีพได้เหมือนกัน
แต่สำคัญก็คือ ทำอย่างไรนิสิตถึงจะแต่งกายได้ถูกต้องตามระเบียบและข้อบัคับที่มหาวิทยาลัยกำหนด หรืออย่างน้อยก็ขอให้ "ถูกต้องตามกาลเทศะ" ก็น่าจะดี
ที่ มมส ก็ถกคิดเรื่องนี้ และผมก็เพิ่งมารับงานตรงนี้ คิดว่าต้องคิดอีกมาก กำลังเปิดโต๊ะเลี้ยงกาแฟน้องนิสิตคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียที
...
อันที่จริงเด็ก มมส ที่แต่งกายยังไม่เหมาะสมก็มีเยอะเหมือนกันครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีครับ น้องแจ็ค
ประเด็น นี้ ...
น้อยมากที่นิสิตที่มาเรียน หรืออยู่ในเขตมหาวิทยาลัย "กางเกง หรือกระโปรง จะอยู่นอกเสื้อ"
เป็นประเด็นน่าสนใจ และอาจจะเป็นจริงดังนั้น แต่ก็หวนคิดไม่ได้ว่า "การไม่ลอยชาย" นั้น รัดติ้วเกินไปหรือเปล่าล่ะ...
ปีนี้พี่อยากเล่นเรื่องนี้อย่างจริงจัง เลยชวนน้อง ๆ ในที่ทำงานเริ่มลงมือไปบ้างแล้ว ...
ช่วยกันคนละนิดคนละหน่อยนะครับ อย่าปล่อยให้ภาระนี้ตกอยู่กับชาวกองกิจฯ ฝ่ายเดียว
สวัสดีครับ
แวะมาชื่นชมและรับรสบทกวีที่โดนใจครับ
เรื่องนี้ คล้าย ความฝัน ของผมจัง
สวัสดีค่ะ คุณแผ่นดิน
แวะเข้ามาชื่นชมกลอนกระตุกใจให้ฉุกคิดค่ะ เด็กๆอ่านเข้าคงชอบใจ เพราะตรงกับสภาพจริง(ถึงแม้จะแต่งไว้นานแล้ว แต่ใช้คำได้เฉียบจัง) เลยขออนุญาตนำไปสอนเด็กสักนิดเถิดนะคะ ท่าทางว่าจะ"ได้ผล"กว่าให้เด็กๆทนฟังดิฉันบ่นเป็นไหนๆ
ขออนุญาตและขอบพระคุณล่วงหน้าเลยนะคะ : )
เรื่องการแต่งกายนี้มีให้กล่าวขานกันมานานแสนนาน แต่ผมรู้สึกว่า การพูดจาแต่ละครั้ง หรือการวางกฎเกณฑ์แต่ละครั้ง ล้วนเป็นมาตรฐานของผู้ใหญ่เป็นที่ตั้ง
ผมเคยคิดเล่นๆหลายครั้งเลยครับว่า ทำไมไม่ให้เขาแต่งตัวกันตามสบายไปเลย ใส่ชุดสวยๆงามๆมาเรียน ขอให้เรียบร้อย อย่าโป๊ (อย่าเพิ่งถามนะครับว่า นิยามของคำว่าเรียบร้อย หรือโป๊ เป็นอย่างไร เพราะคนเราวางมาตรฐานต่างกัน)
ทำไมนักศึกษาบ้านเราไม่เคยมีโอกาสออกความคิดเห็น หรือประชุมหาข้อสรุปกันเองบ้างเลย หากเขาตกลงกันเองได้ แล้วเรายอมรับ ผมว่าน่าจะดีนะครับ
ขออนุญาตเล่าเรื่องสถาบันผมบ้างนะครับ
แต่ก่อนนักศึกษาแพทย์หญิงต้องนุ่งกระโปรง แต่มีปัญหาเรื่องนุ่งสั้น เวลาขึ้นปั๊มหัวใจคนไข้ ก็พูดกันว่ากลัวคนไข้จะหัวใจวายไปเลย เพราะโป๊ ตอนหลังเลยอนุญาตให้นุ่งกางเกงได้ ผมกำลังฝันว่า อยากให้นักศึกษาแพทย์ที่รักของผมแต่งกายเรียบร้อยด้วยชุดเหมือนคนทำงาน ใส่ฝังในให้เรียบร้อย แล้วสวมเฉพาะกาวน์นอกเวลาเข้าโรงพยาบาล แค่นี้ก็น่าจะพอ อีกไม่นานผมคงได้เริ่มกระบวนการปฏิวัติครับ
สวัสดีครับ นายบอน
อันที่จริงผมอยากเปิดโต๊ะฟังแนวคิดของนิสิตว่าด้วยเรื่องการแต่งกายด้วยชุดนิสิตมาเรียนอย่างมาก อยากรู้เหมือนกันว่าเขามีมุมมองในเรื่องการแต่งกายอย่างไรบ้าง
และระหว่างคำว่า ชุดนิสิต, ชุดสุภาพ ... พวกเขาคิดเรื่องนี้อย่างไร ..
จากนั้นจึงขับเคลื่อนกันอย่างจริงจัง โดยให้เขาร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ว่าด้วยการแต่งกายในสถานะของ "นิสิต" กันอย่างจริงจัง
บางทีอาจจะดีกว่าเราคิดเอง ทำเอง, ใช่หรือเปล่าครับ
สวัสดีครับ อ.ขจิต
สวัสดีครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ, ทั้งงานบริหารและงานสอนคงหนักหน่วงน่าดู กระนั้นก็เชื่อว่าอาจารย์มีความสุขเหลือล้นกับการงานแห่งชีวิตเหล่านั้น
บทกวีที่นำมาเสนอนั้น เป็นเรื่องที่สะท้อนภาพชีวิตนิสิตนักศึกษาเมื่อร่วม 30 ปีแต่กลับมีความเป็นปัจจุบันอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง และดูเหมือนอาจจะหลากหลายรูปลักษณ์มากกว่าอดีตเลยก็ว่าได้ -
อยากให้ชาวบล็อกได้อ่าน ซึ่งบางทีอาจได้อ่านมานานแล้วก้ถือว่าอ่านใหม่อีกรอบ เพื่อย้ำความเข้าใจในเชิงพัฒนาการ หรือปรากฏการณ์เรื่องกายแต่งกายของคนหนุ่มคนสาวในรั้วมหาวิทยาลัย ..
ขอบพระคุณครับ,
สวัสดีครับ คุณ tupa
ภาพกระโปรงสั้น , เสื้อรัดติ้ว.. เกลื่อนสังคมเกลื่อนและสถาบัน...
แต่ถ้ามองเป็นเรื่องปกติก็น่าเป็นห่วงไม่น้อย ยังไงก็คงต้องคุยกันให้มากขึ้น บนพื้นฐานของการรับฟังนิสิตนักศึกษาด้วยเช่นกัน
...
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ อ.แผ่นดิน
สวัสดีครับ
สวัสดีครับ
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ - ว่าด้วยการแต่งกายของนิสิตนักศึกษาเห็นทีต้อง "ปฏิวัติ" ... โดยเริ่มต้นจากการปฏิวัติทางความคิดของ "ผู้ใหญ่" เป็นอันดับแรก
เราอาจต้องสอนให้เขาคิดถึงกาละมากกว่าการสั่ง หรือบังคับให้เขาแต่งกายในกรอบของข้อบังคับ แต่โดยส่วนตัวผมคือเน้นการแต่งกายให้สุภาพ เหมาะสม .. ชุดพิธีการ อาจไม่จำเป็นต้องแต่งมาเรียนกันทุกวัน แต่เมื่อถึงวันที่เป็นพิธีการ นิสิตก็ต้องรู้กาละที่จะต้องแต่งกายเข้าสู่งานให้ถูกต้อง มิใช่แบกแฟชั่นเต็มตัวกรีดกรายเข้าสู่ตัวงาน
...
อย่างไรก็ตาม เราคงต้องฟังความคิดของนิสิตนักศึกษากันบ้าง ส่วนใหญ่ผู้ใหญ่ในสังคมออกมาพูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น แต่ไม่มีนิสิตนักศึกษาออกมาแสดงทัศนะในเรื่องดังกล่าว หรืออาจจะเป็นเพราะเขาจำนนต่อข้อกล่าวหาเช่นนั้นหรือไรก็ไม่รู้ !
ผมเป็นกำลังใจให้กับสิ่งที่อาจารย์ต้องการปฏิวัติว่าด้วยแบบฉบับการแต่งกายของนักศึกษาแพทย์นะครับ, และเชื่อเหลือเกินว่า ไม่เกินแรงกายและแรงใจที่อาจารย์จะขับเคลื่อนได้ ...
โชคดีครับ -
กองทะเบียนและประมวลผลเองก็ช่วยรณรงค์ให้นิสิตแต่งกายให้เรียบร้อยเช่นกันนะครับ เห็นนิสิตหญิงบางท่านใส่เสื้อรัดรูปจนบางทีเหมือน "แหนม" หรือ "ไส้กรอก" รู้สึกอึดอัดแทนเหมือนกัน กลัวก็แต่วันไหนร้อน ๆ หายใจยากแล้วจะเป็นลมนี่สิครับ ยังไงก็ฝากพี่พนัสที่อยู่กองกิจการนิสิตช่วยเดินหน้าเต็มกำลังเลยนะครับ ให้นิสิตเราสวยอย่างสง่าและถูกต้องตามระเบียบฯ ครับ
วิมานเทพ เอาใจช่วย
ครับ ป้าแดง
ขอบคุณนะครับ... วิมานเทพ ที่แวะมาทักทาย
กองทะเบียน ฯ เป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่นิสิตเข้าไปใช้บริการในแต่ละวันอย่างหนาแน่น ก็คงพบพานความหลากสไตล์ในการแต่งกายของนิสิต .. และนั่นก็มีทั้งสุภาพ, เรียบร้อย, รวมถึงมาในรูปแบบ "แหนม" หรือ "ไส้กรอก" .. ดังที่กล่าวอ้างนั่นแหละ
ยังไงก็คงต้องช่วยกันนะครับ, อย่าปล่อยให้เป็นภาระของใครคนใดคนหนึ่ง ... นิสิตเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยก็เป็นของเราทุกคน รวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งในสังคมของเราด้วยเช่นกัน
...
ขอบคุณครับ
สวัวดีครับ...นิสิต
เหตุที่นำกลอนนี้มาให้อ่าน ก็เพราะต้องการสะท้อนให้เห็นว่า เรื่องราวในทำนองนี้ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เกิดและดำรงเรื่อยมาอย่างยาวนาน เพียงแต่กำลังทิ้งคำถามไว้ว่า..อะไรล่ะคือมูลเหตุที่ทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นกระแส..กลายเป็นแฟชั่น..ที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างยกใหญ่
ตอนนี้ก็พยายามรณรงค์เรื่องนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้